Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กฎหมายกับธุรกิจการเกษตร

กฎหมายกับธุรกิจการเกษตร

Published by ปัญญา ภู่ขวัญ, 2021-11-22 09:12:35

Description: กฎหมายกับธุรกิจการเกษตร

Search

Read the Text Version

97 หมวด 5 เบ็ดเตล็ด มาตรา 25 ถา มสี ตั วท ไี่ มป รากฏเจา ของ ปว ย หรอื ตายในทด่ี นิ ของบคุ คลใด ใหเ จา ของทดี่ นิ นน้ั มหี นา ทป่ี ฏบิ ตั ิ การตามพระราชบัญญัติน้ี เชนเดียวกับเจาของสัตวนั้น และเม่ือปรากฏเจาของสัตวในภายหลัง เจาของท่ีดินมีสิทธิ เรียกรอ งคา ใชจายเทา ทจ่ี า ยจริงจากเจา ของสัตวไ ด มาตรา 26 ถามีสัตวที่ไมปรากฏเจาของ ปวยหรือตายโดยโรคระบาดในที่สาธารณหรือที่ดินที่ไมปรากฏ เจาของ ใหพ นักงานเจา หนาท่ี สารวัตร หรือสตั วแพทยม อี ํานาจกักสตั วห รอื ซากสตั วนนั้ ไว ณ ท่ที ่เี ห็นสมควรภายใน บริเวณท่ีนั้นได สําหรับซากสตั วนั้นเมื่อเห็นสมควรจะฝงเสียก็ไดในกรณีจําเปนเพ่ือปองกันมิใหโรคระบาดแพรหลาย สัตวแพทยจะทาํ ลายสตั วหรือซากสัตว หรอื ฝงซากสตั วนน้ั ภายในบรเิ วณท่นี ้นั ก็ได เมือ่ ปรากฏเจาของในภายหลงั ใหพนักงานเจา หนา ที่ สารวัตร หรอื สตั วแพทย มสี ทิ ธิเรียกรอ งคา ใชจ ายเทา ที่จายจรงิ จากเจา ของสตั วไ ด มาตรา 27 สาํ หรบั สตั วท เ่ี จา ของนาํ ไปมา หรอื ขนสง โดยยานพาหนะ หากปรากฏวา เปน โรคระบาดหรอื เปน พาหะของโรคระบาด หรือมเี หตอุ ันควรสงสัยวา เปน โรคระบาดหรือเปนพาหะของโรคระบาด ใหสตั วแพทยม ีอาํ นาจ สง่ั กักสตั วน ัน้ ไว ณ ที่ท่เี หน็ สมควรตามความจําเปนไดค า ใชจายในการนใี้ หเ จา ของสัตวเปน ผูออก มาตรา 28 หามมิใหบุคคลใดขุดซากสัตวท่ีฝงไวแลวตามบทแหงพระราชบญั ญัตินี้ เวนแตจะไดรับอนุญาต เปน หนงั สือจากสตั วแพทย มาตรา 29 เมื่อปรากฏวามีโรคระบาด หรือพาหะของโรคระบาด หรือมีเหตุอันควรสงสัยวามีโรคระบาด หรือพาหะของโรคระบาดในยานพาหนะ อาคาร หรือสถานที่อ่ืนใด ใหสัตวแพทยมีอํานาจเรียกตรวจยานพาหนะ หรอื เขา ไปในอาคาร หรอื สถานทนี่ นั้ และใหเ จา ของยานพาหนะ อาคาร หรอื สถานทนี่ น้ั ใหค วามสะดวกแกส ตั วแพทย ตามสมควร การเขา ไปในอาคาร หรอื สถานทตี่ ามวรรคกอ น ใหก ระทาํ ไดร ะหวา งเวลาพระอาทติ ยข น้ึ และพระอาทติ ยต ก มาตรา 30 ใหร ฐั มนตรีมอี ํานาจประกาศในราชกจิ จานุเบกษา (1) กาํ หนดทาเขาและทา ออก (2) หา มการนาํ เขา หรอื นาํ ผา นราชอาณาจกั รซง่ึ สตั ว หรอื ซากสตั วจ ากทอ งทภ่ี ายนอกราชอาณาจกั ร ในกรณปี รากฏวา ทอ งทีน่ ัน้ มี หรอื สงสยั วามโี รคระบาด และ (3) วางระเบียบการยึด ทําลาย หรือสงกลับซึง่ สัตว หรอื ซากสตั ว โดยไมมคี าชดใชใ นกรณี

98 ก. นาํ เขา หรือ นําผา นราชอาณาจักรโดยฝาฝน ตอ บทแหง พระราชบัญญตั นิ ี้หรอื ข. นําเขา หรือ นําผานราชอาณาจักรโดยถูกตองตามบทแหงพระราชบัญญัติน้ี เม่ือสัตวนั้นเปนโรค ระบาด หรือสัตว หรือซากสัตวนั้นเปนพาหะของโรคระบาดในขณะน้ัน หรือภายหลังนําเขา หรือนําผานราช อาณาจกั ร มาตรา 31 หา มมใิ หบคุ คลใดนาํ เขา นําออก หรอื นําผา นราชอาณาจกั ร ซง่ึ สตั วห รือซากสัตว เวนแตจ ะ ไดร บั ใบอนุญาตจากอธิบดี หรอื ผซู ึ่งอธิบดมี อบหมายอธิบดี หรือผูซงึ่ อธบิ ดีมอบหมาย จะกําหนดเง่ือนไขตามท่ี เห็นสมควรไวในใบอนุญาตกไ็ ด การนาํ เขา นาํ ออก หรือนําผานราชอาณาจกั ร ซ่ึงสัตวหรือซากสัตวตามมาตราน้ใี หน ําเขา นําออก หรอื นําผา น ทา เขา หรือทา ออก แลวแตก รณี เวนแตอ ธบิ ดี หรอื ผูซึ่งอธบิ ดมี อบหมาย จะสั่งเปน อยางอน่ื มาตรา 32 ผูใดนําเขา นําออก หรือนําผานราชอาณาจักรซ่ึงสัตวหรือซากสัตวตองปฏิบัติการตามท่ี กาํ หนดในกฎกระทรวง มาตรา 33 ใหอธิบดีมอี ํานาจประกาศในราชกิจจานเุ บกษา (1) แตง ต้งั สารวัตรเพือ่ ปฏบิ ัตกิ ารตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ (2) กําหนดดา นกกั สตั วและสถานีขนสง สตั ว (3) วางระเบยี บการทําลายสัตวท ีเ่ ปน โรคระบาด หรอื การทาํ ลายสัตวห รือซากสตั วท ี่เปนพาหะ ของโรคระบาด และ (4) วางระเบียบการตรวจโรคและทําลายเชื้อโรคจากสัตวหรือซากสัตวที่มีการนําเขา นําออก หรือนําผานราชอาณาจักร หรอื เคลอ่ื นยายภายในราชอาณาจกั ร มาตรา 34 ผใู ดนาํ ชา ง มา โค กระบือ แพะ แกะ สกุ ร หรอื นํ้าเชื้อสําหรบั ผสมพันธุหรือเอ็มบรโิ อของ สตั วเ หลา น้ี หรอื สัตวช นดิ อื่นตามทีก่ ําหนดในกฎกระทรวงหรือซากสตั วตามที่กาํ หนดในกฎกระทรวง ไปยังทอ ง ทต่ี างจังหวดั ตองไดร บั ใบอนญุ าตจากสตั วแพทยป ระจาํ ทองที่ ในการออกใบอนญุ าตตามวรรคหนง่ึ สตั วแพทยจ ะกาํ หนดเงอื่ นไขตามทจ่ี าํ เปน ไวใ นใบอนญุ าตเกย่ี วกบั การใชเ สน ทางและยานพาหนะในการนําสัตวไปและสถานีขนสงสัตวและการผานดานกักสัตวตามระเบียบที่อธิบดีกําหนด ก็ได เวนแตเ ปน การนาํ สัตวไปเลย้ี งหรอื ใชง านชั่วครั้งคราว มาตรา 35 ผูใ ดนําสัตวผ า นดานกักสัตว ตอ งปฏิบตั กิ ารตามที่กาํ หนดในกฎกระทรวง มาตรา 36 ผูใดสงสัตว หรือ ซากสัตวไปจําหนายตางประเทศ ตองปฏิบัติการตามท่ีกําหนดในกฎ กระทรวง มาตรา 37 คา ธรรมเนยี มทีเ่ รียกเก็บเฉพาะคาทพี่ ักสัตว หรือซากสตั วทสี่ ง ไปตางประเทศ ใหก นั ไวเ ปน ทุนเพ่ือใชจายในการควบคุมการสงสัตวหรือซากสัตวไปจําหนายตางประเทศ เปนจํานวนรอยละหาสิบของเงิน ทเี่ กบ็ ไดท ้งั ส้นิ เหลือเทา ใดใหน าํ สง เปน รายไดข องแผนดิน มาตรา 38 ใหส ารวตั รมีอาํ นาจจับกมุ ผูกระทําผดิ ตอบทแหงพระราชบัญญตั นิ ี้ และใหมอี าํ นาจยดึ สตั ว ซากสัตว หรอื สิ่งของใดๆ ทเ่ี ก่ียวกับการกระทําความผิดตามพระราชบัญญัตนิ ไ้ี วเ พ่ือสงพนักงานสอบสวนดําเนิน การตอ ไปตามกฎหมายวาดว ยวธิ ีพจิ ารณาความอาญา หรือเพ่อื ดําเนนิ การตามมาตรา 51

99 หมวด 6 บทกาํ หนดโทษ มาตรา 39 ผใู ดฝาฝน มาตรา 8 วรรคหน่งึ ตอ งระวางโทษปรบั ไมเกนิ สองพันบาท มาตรา 40 ผใู ดฝา ฝน มาตรา 8 วรรคสองหรอื ฝา ฝน คาํ สง่ั ของพนกั งานเจา หนา ท่ี หรอื สารวตั รตามมาตรา 9 หรือฝา ฝน มาตรา 19 หรอื เจา ของยานพาหนะ อาคารหรอื สถานท่ี ผใู ดขดั ขวางหรอื ไมอ าํ นวยความสะดวกให แกส ตั วแพทยต ามสมควร ตามมาตรา 29 วรรคหน่ึง ตอ งระวางโทษจําคกุ ไมเกนิ สองเดอื น หรือปรบั ไมเ กินสี่พนั บาท หรือท้งั จําทั้งปรบั มาตรา 41 ผูใ ดฝา ฝน คาํ ส่ังสตั วแพทยต ามมาตรา 10 หรือมาตรา 18 หรอื ฝาฝน มาตรา 23 ตอ งระวาง โทษจาํ คกุ ไมเ กินหกเดอื น หรอื ปรบั ไมเกินหน่ึงหมืน่ บาท หรือทัง้ จําท้งั ปรับ มาตรา 42 ผใู ดฝา ฝนมาตรา 12 มาตรา 17 มาตรา 21 มาตรา 21 ทวิ หรือมาตรา 28 ตอ งระวางโทษ จําคกุ ไมเ กนิ หน่งึ ป หรอื ปรบั ไมเกินสองหมนื่ บาท หรือทัง้ จําท้ังปรับ มาตรา 43 ผูใ ดฝา ฝน มาตรา 13 ในกรณีไมป ฏบิ ตั ิการตามมาตรา 8 วรรคหน่ึง ตองระวางโทษตามท่ีบญั ญตั ไิ วใ นมาตรา 39 ในกรณไี มป ฏบิ ตั กิ ารตามมาตรา 8 วรรคสอง หรอื ฝา ฝน คาํ สงั่ พนกั งานเจา หนา ท่ี หรอื สารวตั รตามมาตรา 9 ตอ งระวางโทษตามทบ่ี ัญญตั ไิ วใ นมาตรา 40 ในกรณีฝาฝนคําส่ังสัตวแพทยตามมาตรา 10 หรือมาตรา 18 ตองระวางโทษตามที่บัญญัติไวใน มาตรา 41 มาตรา 44 เจาของที่ดินผูใดไมปฏิบัติการตามหนาท่ีตามท่ีระบุไวในมาตรา 25 ตองระวางโทษปรับ ไมเกินสองพนั บาท มาตรา 45 (ยกเลิก) มาตรา 46 ผูใดฝาฝนประกาศของรัฐมนตรีตามมาตรา 30 (2) ตองระวางโทษจําคุกไมเกินสองป หรอื ปรบั ไมเ กนิ ส่ีหมน่ื บาท หรือท้ังจําทั้งปรบั มาตรา 47 ผใู ดฝาฝนมาตรา 31 วรรคหน่งึ หรอื วรรคสาม หรือฝาฝนเงอ่ื นไขทก่ี ําหนดไวใ นใบอนญุ าต ตามมาตรา 31 วรรคสอง ตอ งระวางโทษจําคกุ ไมเกนิ สองป หรอื ปรบั ไมเ กินส่หี มืน่ บาท หรอื ทงั้ จาํ ทง้ั ปรบั มาตรา 48 ผใู ดฝาฝน มาตรา 32 มาตรา 35 หรอื มาตรา 36 ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ สองเดือน หรอื ปรบั ไมเกินส่ีพนั บาท หรือท้ังจําท้ังปรบั มาตรา 49 ผใู ดฝา ฝนมาตรา 34 วรรคหน่งึ หรอื ฝาฝน เง่ือนไขท่ีกําหนดไวในใบอนญุ าตตามมาตรา 34 วรรคสอง ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเกินหกเดอื น หรอื ปรับไมเ กนิ หน่ึงหม่นื บาท หรือทง้ั จาํ ท้งั ปรับ

100 มาตรา 50 ผใู ดใชเ ครอ่ื งหมายปลอมหรอื แปลงประทบั ทต่ี วั สตั ว เปลยี่ นแปลงหรอื แกไ ขเครอื่ งหมายรอย ประทับที่ตัวสัตว เพ่ือใหเขาใจวาเปนเคร่ืองหมายของเจาพนักงาน หรือทําลาย หรือแกไขเคร่ืองหมายใดๆ ท่ีเจาพนักงานทําไวแกซากสัตว หรือภาชนะ หรือส่ิงหอหุมซากสัตว ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหกเดือน หรือปรับไมเ กนิ หนึง่ หม่ืนบาท หรอื ทั้งจาํ ทั้งปรบั มาตรา 51 บรรดาความผดิ ตามพระราชบัญญัตนิ ี้ทีม่ ีโทษปรับสถานเดยี ว ใหอ ธิบดีหรือผูซ ึ่งอธบิ ดีมอบ หมายมีอํานาจเปรียบเทียบได และเมื่อผูตองหาไดชําระคาปรับตามจํานวนท่ีเปรียบเทียบภายในระยะเวลา ทก่ี าํ หนดแลว ใหค ดีนนั้ เปน อนั เลกิ กัน มาตรา 52 ใหอธิบดีมีอํานาจส่ังจายเงินสินบนและรางวัลตามระเบียบท่ีอธิบดีกําหนดโดยความเห็น ชอบจากกระทรวงการคลัง

101 พระราชบญั ญตั กิ กั พชื พ.ศ. 2507 แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดย พระราชบญั ญตั กิ กั พชื (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2542 ------------------------------------------ ปจจุบันน้ีมีศัตรูพืชที่สําคัญหลายชนิดยังคงระบาด ทําความเสียหายแกพืชผลอยูในตางประเทศและ ที่สําคัญคือ ศัตรูพืชเหลานั้นยังไมมีในประเทศไทย เชนโรคใบไหมลาตินอเมริกันของยางพารา ซ่ึงกําลังระบาด ทาํ ความเสยี หายแกก ารปลกู ยางพาราในประเทศตา งๆ ในทวปี อเมรกิ าใต จนกระทงั่ แมใ นประเทศบราซลิ ซง่ึ เปน ถ่ินกําเนิดของยางพาราเอง ปจจุบันยังคงไดรับผลกระทบจนกระท่ังตองสั่งนําเขายางพาราจากตางประเทศ โรคใบดา งของมันสําปะหลงั ท่มี สี าเหตุจากไวรสั ซง่ึ กาํ ลังระบาดอยางรนุ แรงอยใู นหลายประเทศในทวีปแอฟริกา ไสเดือนฝอยศตั รูพชื ชนิดหนึง่ ท่ีมีชื่อวา Golden nematode ยังคงระบาดทําความเสียหายแกการปลูกมนั ฝรงั่ ในหลายประเทศในทวีปยุโรป แมลงวันทองเมดิเตอรเรเนียนซ่ึงกําลังทําความเสียหายแกผลไมในประเทศแถบ ทะเลเมดเิ ตอรเ รเนยี น เปน ตน หากศัตรพู ชื ทสี่ าํ คัญทางกักกันพชื เหลาน้ีชนดิ ใดชนดิ หน่งึ หรือหลายชนดิ สามารถ แพรร ะบาดเขา มาในประเทศไทย จะทาํ ความเสยี หายแกก ารเกษตรของประเทศไทยอยา งใหญห ลวง และจะมผี ล ตอ เศรษฐกจิ ของประเทศและเกษตรกรไทยอยา งแนน อน ประเทศไทยยงั เปน ประเทศทมี่ กี ารทาํ เกษตรกรรม และ มอี ตุ สาหกรรมทางการเกษตรตอ เนอื่ ง ประชาชนสว นใหญย งั คงมอี าชพี ทางการเกษตร หรอื ดาํ เนนิ ธรุ กจิ เกย่ี วกบั เกษตรกรรม มพี ชื เศรษฐกจิ ทส่ี าํ คญั ทที่ าํ รายไดส งู มากมายหลายชนดิ จงึ จาํ เปน อยา งยง่ิ ทต่ี อ งคมุ ครองปอ งกนั พชื เศรษฐกิจเหลาน้ใี หปราศจากศตั รูพืช การกกั กนั พชื คอื การควบคมุ และตรวจสอบพชื ศตั รพู ชื และการเคลอ่ื นยา ยพชื ใหเ ปน ไปตามกฎหมาย ระเบยี บขอ บงั คบั และถกู ตอ งตามหลกั วชิ าการ เพอื่ ปอ งกนั มใิ หศ ตั รพู ชื แพรร ะบาดจากแหลง หนง่ึ ไปยงั อกี แหลง หน่ึง ไมวาจะเปนระหวางประเทศ หรือภายในประเทศเอง ท้ังน้ีเน่ืองจากปจจุบันมีการพัฒนาการขนสงท่ีมี ประสทิ ธภิ าพมากขนึ้ ทง้ั ทางอากาศ ทางทะเลและทางบก ซง่ึ สามารถขนสง ทงั้ คนและสมั ภาระสนิ คา ตา งๆ มาตรการ กกั กนั พชื ทางกฎหมายสาํ หรบั ประเทศไทย ไดม กี ารประกาศใชก ฎหมายวา ดว ยการกกั กนั พชื ฉบบั ปจ จบุ นั เรยี กวา “พระราชบญั ญตั กิ กั พชื พ.ศ. 2507 แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั กิ กั พชื (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2542” เจตนารมยข องพระราชบญั ญตั กิ กั พชื การปอ งกันกําจดั ศัตรูพืชมีหลายวิธี การใชมาตรการทางกฎหมายเขามาเก่ียวขอ งในการตรวจสอบพชื ศตั รพู ชื ตลอดทง้ั การควบคมุ การเคลอ่ื นยา ยพชื และผลติ ผลพชื เพอื่ นาํ เขา และสง ออก เปน วธิ ปี อ งกนั กาํ จดั ศตั รพู ชื ทสี่ าํ คญั วธิ หี นง่ึ เพอื่ ปอ งกนั มใิ หศ ตั รพู ชื ทสี่ าํ คญั จากตา งประเทศแพรร ะบาดเขา มาในประเทศหรอื ปอ งกนั มใิ หศ ตั รู พชื แพรร ะบาดจากแหลง หนง่ึ ไปยงั อกี แหลง หนง่ึ ภายในประเทศเองพระราชบญั ญตั กิ กั พชื ฉบบั ทใ่ี ชอ ยปู จ จบุ นั นม้ี ี วตั ถปุ ระสงคเ พอื่

102 1. ปอ งกนั ศตั รพู ชื รา ยแรงจากตา งประเทศมใิ หแ พรร ะบาดเขา มาในประเทศ 2. ทาํ ใหป ระเทศไทยสามารถสง ออกพชื และผลติ ผลพ 3. เพื่อปองกันการระบาดของศัตรูพืชที่เกดิ ข้นึ ภายในประเทศ เนอื้ หาสาระของพระราชบญั ญตั กิ กั พชื 1. การปอ งกนั ศตั รพู ชื รา ยแรงจากตา งประเทศมใิ หแ พรร ะบาดเขา มาในประเทศ ตามกฎหมายในพระราชบญั ญตั กิ กั พชื มาตรา 27 ไดก าํ หนดใหร ฐั มนตรวี า การกระทรวงเกษตร และสหกรณร กั ษาการตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี และกรมวชิ าการเกษตรไดร บั มอบหมายใหเ ปน ผดู แู ลปฏบิ ตั ใิ หเ ปน ไป ตามตวั บทกฎหมาย ในการควบคมุ และปอ งกนั ไมใ หศ ตั รพู ชื แพรร ะบาดเขา มาในประเทศนนั้ ตามพระราชบญั ญตั ิ กักพืชฉบับนี้ไดแบงพืช ศัตรูพืชและพาหะของศัตรูพืชออกเปน 3 ประเภท คือ ส่ิงตองหามส่ิงกํากัดและ สง่ิ ไมต อ งหา ม สง่ิ ตอ งหา ม หมายถงึ พชื ศตั รพู ชื และพาหะทร่ี ฐั มนตรไี ดป ระกาศไวใ นราชกจิ จานเุ บกษา พชื ทไ่ี ดป ระกาศ เปน สง่ิ ตอ งหา มเปน พชื ทมี่ คี วามสาํ คญั ทางเศรษฐกจิ ของประเทศ และเปน ทท่ี ราบแนช ดั วา มศี ตั รพู ชื ทรี่ า ยแรงใน แหลง ทร่ี ะบไุ ว ไดแ ก พชื ในสกลุ (Genus)โอไรซา (Oryza spp.) เชน ขา วจา วขา วเหนยี ว ขา วละมาน ขา วปา ฯลฯ จากแหลง ทกี่ าํ หนด พชื ในสกลุ ฮเี วยี (Hevea spp.) เชน ยางพารา จากแหลง ทก่ี าํ หนด พชื ในสกลุ ซติ รสั (Citrus spp.) เชน มะนาว มะกรดู และสม ชนดิ ตา งๆ ฯลฯ จากแหลง ทก่ี าํ หนด พชื ในสกลุ ฟอจเู นลลา (Fortunella spp.) เชน สมจี๊ด จากแหลงที่กําหนด มะพราว จากแหลงท่ีกําหนด มันสํา ปะหลัง จากแหลงที่กําหนด พืชในสกุล กอสซเิ ปย ม (Gossypium spp.) เชน ฝา ย จากแหลง ทก่ี าํ หนด ดนิ จากทกุ แหลง ปยุ อนิ ทรยี จ ากทกุ แหลง และพชื ดดั แปลงพนั ธกุ รรม (Genetically modified) จากทกุ แหลง ศตั รพู ชื ทเ่ี ปน สงิ่ ตอ งหา มไดแ ก โรคพชื แมลงศตั รพู ชื ไสเ ดอื นฝอย หอย หอยทาก วชั พชื หรอื พชื ทอ่ี าจกอ ใหเ กดิ ความเสยี หายแกพ ชื สว นพวกพาหะไดแ ก นา้ํ ยางสด ยางกอ น ยางเนา และขยี้ าง สงิ่ กาํ กดั หมายถงึ พชื หรอื พาหะ ทร่ี ฐั มนตรกี าํ หนดไวใ นราชกจิ จานเุ บกษา พชื ทเี่ ปน สงิ่ กาํ กดั เปนพืชท่ีมีความสําคัญทางเศรษฐกิจ หรืออาจจะมีความสําคัญทางเศรษฐกิจในอนาคต กับทั้งเปนพาหะ หรอื เปน พชื อาศยั ของศตั รพู ชื ทรี่ า ยแรงของพชื เศรษฐกจิ ของประเทศ ปจ จบุ นั ไดแ กพ ชื ชนดิ เดยี วกนั กบั ทเ่ี ปน สง่ิ ตอ ง หา มทน่ี าํ เขา มานอกเหนอื จากแหลง ทไี่ ดก าํ หนด ไดแ ก พชื ในสกลุ โอไรซา เชน ขา วจา ว ขา วเหนยี ว ขา วละมาน ขา ว ปา พชื ในสกลุ ฮเี วยี เชน ยางพารา พชื ในสกลุ ซติ รสั เชน มะนาว มะกรดู และสม ชนดิ ตา งๆ พชื ในสกลุ ฟอจเู นลลา เชน สม จดี๊ มะพรา ว มนั สาํ ปะหลงั พชื ในสกลุ กอสซเิ ปย ม เชน ฝา ยพชื ชนดิ ทไ่ี มไ ดเ ปน สงิ่ ตอ งหา มจากทกุ แหลง ไดแ ก พชื ในสกลุ ซคั คารมั (Saccharum spp.) เชน ออ ย พง แขม เปน ตน พชื ในสกลุ คอฟเฟย (Coffea spp.) เชน กาแฟ มนั เทศ ยาสบู ขา วโพด โกโก พชื ในสกลุ มซู า(Musa spp.) เชน กลว ยตา งๆ มนั ฝรงั่ ถวั่ ลสิ ง สบั ปะรด พชื ใน สกลุ คาเมลเลยี (Camellia spp.) เชน ชาเมย่ี ง ปาลม นา้ํ มนั มะเขอื เทศ มะละกอ เผอื ก ขา วสาลี พชื ในสกลุ อะเลอ ไรตีส (Aleurites spp.) เชน มะเยาและรุมบัง ถั่วเหลือง ถั่วเขียว พืชในวงศกลวยไม (Orchidaceae)

103 เชน แวนดา แคทลยี า รองเทา นารเี ปน ตน สงิ่ กาํ กดั ทเ่ี ปน พาหะไดแ ก นา้ํ ยางสด ยางกอ น ยางเนา ขยี้ าง แปง นาํ้ และสง่ิ สกดั จากเมลด็ ขา วงอก สงิ่ ไมต อ งหา ม หมายถงึ พชื ทไี่ มเ ปน สงิ่ ตอ งหา มและสง่ิ กาํ กดั ซง่ึ ยงั ไมม คี วามสาํ คญั ทางเศรษฐกจิ ของประเทศ และไมม ศี ตั รพู ชื รา ยแรงในตา งประเทศ แตอ าจเปน พาหะหรอื เปน พชื อาศยั ของศตั รพู ชื การนาํ เขา มา หรอื นาํ ผา นราชอาณาจกั รการนาํ พชื หรอื ผลติ ผลพชื ทจี่ ดั เปน สง่ิ ตอ งหา มเขา มาในราชอาณาจกั ร ผนู าํ เขาจะตอ ง ปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ 1. ตอ งขออนญุ าตจากอธบิ ดกี รมวชิ าการเกษตรเสยี กอ น 2. เมอื่ ไดร บั ใบอนญุ าตนาํ เขา แลว จงึ จะนาํ เขา ไดโ ดยตอ งปฏบิ ตั ติ ามขอ กาํ หนดเงอ่ื นไขทอ่ี ธบิ ดี กรมวชิ าการเกษตรกาํ หนด เชน ตอ งกาํ จดั ศตั รพู ชื ตามวธิ ที ก่ี าํ หนด โดยผสู ง ออกจากตน ทางเปน ผรู บั ผดิ ชอบ 3. ตอ งมใี บรบั รองปลอดศตั รพู ชื ตากตน ทางกาํ กบั มาดว ย ในใบรบั รองปลอดศตั รพู ชื ตอ งระบกุ าร กาํ จดั ศตั รพู ชื ตามเงอ่ื นไขทไ่ี ดก าํ หนดไวใ หพ รอ มการออกใบอนญุ าตใหน าํ เขา 4. ตอ งบรรจใุ นหบี หอ ทปี่ ด มดิ ชดิ แขง็ แรง 5. ตอ งตดิ บตั รอนญุ าตนาํ เขา สงิ่ ตอ งหา มแสดงใหเ หน็ ชดั เจนทห่ี บี หอ บรรจกุ อ นสง ออกจากตน ทาง 6. ตอ งนาํ สงิ่ ตอ งหา มเขา ทางดา นตรวจพชื ทกี่ าํ หนดไวใ หใ นใบอนญุ าตนาํ เขา และแจง การนาํ เขา กบั พนกั งานเจา หนา ทท่ี ด่ี า นตรวจพชื 7. ในกรณที ไ่ี ดร บั อนญุ าตใหน าํ เขา สง่ิ ตอ งหา มเขา มาเพอื่ ทดลองหรอื วจิ ยั ตอ งกระทาํ ตามวธิ ปี ฏบิ ตั ิ ทางวชิ าการทอ่ี ธบิ ดกี รมวชิ าการเกษตรเหน็ สมควร สาํ หรบั กรณนี าํ สง่ิ ตอ งหา มผา นราชอาณาจกั ร จะตอ งไดร บั อนญุ าตโดยไดร บั ใบอนญุ าตนาํ ผา นสง่ิ ตอ งหา มจากอธบิ ดกี รมวชิ าการเกษตรกอ น และจะตอ งมใี บรบั รองปลอดศตั รพู ชื จากประเทศตน ทางกาํ กบั มาดว ย การนําเขาหรือนําผานพืชท่ีจัดเปนส่ิงกํากัดเขามาในราชอาณาจักร ผูนําเขาไมตองมีอนุญาตนําเขาหรือนําผาน แตจ ะตอ งปฏบิ ตั ติ ามขอ กาํ หนดเงอื่ นไขของกรมวชิ าการเกษตร และมใี บรบั รองปลอดศตั รพู ชื จากประเทศตน ทาง กํากับมาดวยเชนกันในการนํา เขาหรือนําผานซ่ึงพืชท่ีจัดเปนส่ิงไมตองหามผูนําเขาไมจําเปนตองขอใบรับรอง ปลอดศตั รพู ชื จากประเทศตน ทางกาํ กบั มาดว ย แตจ ะตอ งแจง ตอ พนกั งานเจา หนา ทท่ี ดี่ า นตรวจพชื หรอื แจง ตอ ศุลกากรในกรณี ณ ที่นั่นไมมีดานตรวจพืชหรือไมมีเจาหนาท่ีตรวจพืชการนําเขาหรือนําผานราชอาณาจักร ซง่ึ สงิ่ ตอ งหา ม สงิ่ กาํ กดั และสงิ่ ไมต อ งหา ม เจา ของหรอื ตวั แทนเจา ของผคู รอบครองสงิ่ ของ และผคู วบคมุ ยานพาหนะ จะตอ งปฏบิ ตั ติ ามขอ กาํ หนดทไี่ ดป ระกาศไวใ นกฎกระทรวงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ ประกาศกระทรวง เกษตรและสหกรณ และประกาศกรมวิชาการเกษตรท่ีเกี่ยวของโดยเครงครัด หากฝาฝนหรือขัดขวางขัดคําส่ัง พนกั งานเจา หนา ท่ี อาจถกู ลงโทษตามกฎหมาย 2. การสง ออกพชื และผลติ ผลพชื ไปยงั ตา งประเทศ ในการสงออกพืชหรือผลิตผลพืชไปตางประเทศ หากผูสงออกประสงคจะขอใบรับรองปลอด ศตั รพู ชื เพอื่ แสดงวา พชื ทจ่ี ะสง ออกนนั้ ปลอดศตั รพู ชื (มาตรา 15) กรมวชิ าการเกษตรมหี นว ยงานทท่ี าํ หนา ทบี่ รกิ าร

104 ตรวจพชื เพอ่ื รบั รองการปลอดศตั รพู ชื ใหไ ดต ามมาตรฐานทางดา นสขุ อนามยั พชื ทสี่ อดคลอ งกบั ความตกลงวา ดว ย การใชม าตรการสขุ อนามยั และสขุ อนามยั พชื ภายใตอ งคก ารการคา โลก และออกใบรบั รองปลอดศตั รพู ชื ใหก บั พชื หรอื ผลติ ผลพชื เพอ่ื สง ออกไปตา งประเทศ ตามขอ กาํ หนดและเงอื่ นไขนาํ เขา ของประเทศผนู าํ เขา โดยดาํ เนนิ การ ตรวจพชื ศตั รพู ชื และควบคมุ ใหม กี ารกาํ จดั ศตั รพู ชื ทางกกั กนั พชื ทถ่ี กู ตอ งตามหลกั วชิ าการ 3. การปอ งกนั การระบาดของศตั รพู ชื ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในประเทศ ในการควบคมุ การระบาดของศตั รพู ชื ทสี่ าํ คญั มใิ หร ะบาดจากทอ งทหี่ นงึ่ ไปยงั อกี ทอ งทหี่ นง่ึ ภายใน ประเทศ จาํ เปน ตอ งกาํ จดั ศตั รพู ชื ทเี่ กดิ ขนึ้ ในประเทศใหห มดสนิ้ ไป และตอ งปอ งกนั มใิ หศ ตั รพู ชื ทส่ี าํ คญั จากตา ง ประเทศแพรระบาดเขามาในประเทศดวย การปฏิบัติงานใหไดผล จะตองอาศัยบทบาทของการกักกันพืชดาน กฎหมายเปนปจจัยสําคัญประการหนึ่งดวย ในกรณีการกักกันพืชในประเทศนั้น เม่ือมีศัตรูพืชท่ีสําคัญชนิดใด ของพชื ชนดิ ใดเกดิ ขนึ้ ภายในประเทศ อธบิ ดมี อี าํ นาจประกาศทอ งทนี่ นั้ เปน เขตควบคมุ ศตั รพู ชื โดยอาจจะใชเ ขต เปน ระดบั หมบู า น ตาํ บล อาํ เภอ หรอื จงั หวดั กไ็ ด พรอ มทง้ั ประกาศโดยระบชุ อ่ื ชนดิ ของพชื ชนดิ ของศตั รพู ชื และ ชนดิ ของพาหะทจ่ี ะควบคมุ และประกาศกาํ หนดสถานทต่ี รวจพชื เฉพาะถน่ิ ขนึ้ การประกาศเขตทอ งทใี่ ดเปน เขต ควบคมุ ศตั รพู ชื มี 2 ลกั ษณะ คอื 3.1 เขตหรอื พนื้ ทที่ มี่ ศี ตั รพู ชื สาํ คญั และรา ยแรงเกดิ ขน้ึ สมมตวิ า มศี ตั รพู ชื สาํ คญั รา ยแรงชนดิ หนงึ่ เกดิ ระบาดขน้ึ กบั พชื เศรษฐกจิ ชนดิ หนงึ่ ในจงั หวดั หนงึ่ ใหป ระกาศพนื้ ทบ่ี างตาํ บลหรอื บางอาํ เภอของจงั หวดั นนั้ ที่ มกี ารแพรร ะบาดของศตั รพู ชื เปน เขตควบคมุ ศตั รพู ชื แลว ประกาศกาํ หนดสถานทต่ี รวจพชื เฉพาะถนิ่ เพอื่ หา มมใิ ห บคุ คลใดนาํ พชื ศตั รพู ชื หรอื พาหะออกไปนอก หรอื นาํ เขา มาในเขตควบคมุ ศตั รพู ชื (มาตรา 18) 3.2 เขตหรอื พน้ื ทป่ี ราศจากศตั รพู ชื สาํ คญั และรา ยแรง สมมตุ วิ า พน้ื ทขี่ องจงั หวดั หนงึ่ ปราศจาก ศตั รพู ชื สาํ คญั ของพชื เศรษฐกจิ ชนดิ หนงึ่ ในขณะทพี่ นื้ ทจี่ งั หวดั อนื่ ๆ มศี ตั รพู ชื ดงั กลา วระบาดอยู ใหป ระกาศพนื้ ท่ี บางตาํ บลหรอื บางอาํ เภอของจงั หวดั ทปี่ ราศจากศตั รพู ชื นนั้ เปน เขตควบคมุ ศตั รพู ชื แลว ประกาศกาํ หนดสถานท่ี ตรวจพชื เฉพาะถน่ิ เพอ่ื หา มมใิ หบ คุ คลใดนาํ พชื ศตั รพู ชื หรอื พาหะออกไปนอกหรอื นาํ เขา มาในเขตควบคมุ ศตั รพู ชื (มาตรา 18) ประโยชนข องกฎหมายทเี่ กษตรกรพงึ ไดร บั 1. คมุ ครองเกษตรกรโดยการปอ งกนั ศตั รพู ชื รา ยแรงจากตา งประเทศมใิ หเ ขา มาระบาดภายในประเทศ 2. สามารถสง ออกพชื หรอื ผลติ ผลพชื ออกไปตา งประเทศได โดยมกี ารรบั รองปลอดศตั รพู ชื ใหต ามความ ประสงคข องประเทศผนู าํ เขา ปลายทาง 3. ปอ งกนั ศตั รพู ชื รา ยแรงทรี่ ะบาดอยใู นแหลง หนงึ่ มใิ หแ พรร ะบาดไปยงั แหลง อน่ื ภายในประเทศไทย สถานทตี่ ดิ ตอ ปรกึ ษาปญ หา 1. สาํ นกั ควบคมุ พชื และวสั ดกุ ารเกษตร กรมวชิ าการเกษตร บรเิ วณเกษตรกลาง บางเขน 2. ดา นตรวจพชื ตา งๆ ซงึ่ ปจ จบุ นั มอี ยจู าํ นวน 35 ดา น กระจายอยทู วั่ ประเทศ

105 นิติกรรมและสัญญา 1. นิตกิ รรม คอื อะไร คอื การใดๆ อนั ทาํ ลงโดยชอบดว ยกฎหมายและดว ยใจสมคั ร มงุ โดยตรงตอ การผกู นติ สิ มั พนั ธข น้ึ ระหวา ง บุคคลเพื่อจะกอ เปลยี่ นแปลง โอน สงวนหรือระงบั ซ่ึงสิทธิ (ป.พ.พ.ม. 149) กลา วโดยยอ นิติกรรม คือ การกระทําของบคุ คลโดยชอบดว ยกฎหมายและมุงตอ ผลในกฎหมายท่ีจะ เกดิ ขนึ้ อนั ไดแ ก การเคลือ่ นไหวแหง สทิ ธิ มกี ารกอสทิ ธิ เปลยี่ นแปลงสทิ ธิ โอนสิทธิ สงวนสทิ ธิและระงบั ซงึ่ สิทธิ เชน สญั ญาซื้อขาย, สัญญากเู งนิ , สัญญาจา งแรงงาน สัญญาใหแ ละพินยั กรรมเปน ตน การแบงแยกประเภทของนติ กิ รรม 1.1 นติ กิ รรมฝา ยเดยี ว ไดแ ก นติ กิ รรมซงึ่ เกดิ ขนึ้ โดยการแสดงเจตนาของบคุ คลฝา ยหนงึ่ ฝา ยเดยี ว และมผี ลตามกฎหมาย ซงึ่ บางกรณกี ท็ าํ ใหผ ทู าํ นติ กิ รรมเสยี สทิ ธไิ ด เชน การกอ ตงั้ มลู นธิ ิ คาํ มน่ั โฆษณาจะใหร างวลั การรบั สภาพหน้ี การผอ นเวลาชาํ ระหนใ้ี หล กู หน้ี คาํ มน่ั จะซอื้ หรอื จะขาย การทาํ พนิ ยั กรรม การบอกกลา วบงั คบั จาํ นอง เปน ตน 1.2 นติ ิกรรมสองฝาย (นติ กิ รรมหลายฝา ย) ไดแก นิตกิ รรมซ่ึงเกดิ ขน้ึ โดยการแสดงเจตนาของ บคุ คลตงั้ แตส องฝา ยขน้ึ ไปและทกุ ฝา ยตอ งตกลงยนิ ยอมระหวา งกนั กลา วคอื ฝา ยหนง่ึ แสดงเจตนาทาํ เปน คาํ เสนอ แลวอกี ฝา ยหน่ึงแสดงเปนเจตนาเปน คําสนอง เมอ่ื คาํ เสนอและคําสนองถกู ตอ งตรงกนั จงึ เกิดมนี ติ กิ รรมสองฝาย ขน้ึ หรอื เรยี กกนั วา สญั ญา เชน สญั ญาซอ้ื ขาย สญั ญากยู มื สญั ญาแลกเปลยี่ น สญั ญาขายฝาก จาํ นอง จาํ นาํ เปน ตน 2. ความสามารถของบุคคลในการทํานิตกิ รรมสัญญา โดยหลกั ทว่ั ไป บคุ คลยอ มมคี วามสามารถในการทาํ นติ กิ รรมสญั ญา แตม ขี อ ยกเวน คอื บคุ คลบางประเภท กฎหมายถือวา หยอนความสามารถในการทํานติ กิ รรมสัญญา เชน ผูเยาว คนไรค วามสามารถ คนเสมือนไรความ สามารถ และบคุ คลลม ละลาย สําหรบั ผูเยาวจ ะทํานิตกิ รรมได ตองไดร ับความยนิ ยอมจากผแู ทนโดยชอบธรรม (ป.พ.พ.ม.21) เวน แตน ติ กิ รรมทไ่ี ดม าซ่งึ สิทธิโดยส้นิ เชิงหรือเพือ่ ใหหลดุ พนหนา ที่ หรือการที่ตอ งทําเองเฉพาะตัว หรือกิจกรรมที่สมแกฐานานุรูป และจําเปนในการเล้ียงชีพเหลาน้ีผูเยาวทําดวยตนเองได (ป.พ.พ.ม.22,23,24) สวนคนไรความสามารถตองอยูในความอนุบาลกิจการใดๆ ของคนไรความสามารถผูอนุบาล ซึ่งแตงตั้งโดยศาล ตองเปนผูทําเองทั้งสิ้น (ป.พ.พ.ม. 28 วรรคสอง) สําหรับคนเสมือนไรความสามารถทํากิจการเองไดทุกอยาง เวน แตกจิ กรรมบางอยางตาม ป.พ.พ.ม. 34 จะทาํ ไดตองไดรบั ความยนิ ยอมจากผูพ ิทักษเชน สญั ญา ซ้อื ขายทดี่ ิน เปนตน บุคคลลมละลายจะทํานิติกรรมใดไมได เจาพนักงานพิทักษทรัพยตามคําสั่งศาลเปนผูมีอํานาจ จัดการแทน

106 2.1 ผูมีสิทธิในการทํานิติกรรมสัญญาปกติแลว บุคคลทุกคนตางมีสิทธิในการทํานิติกรรมสัญญา แตย งั มบี คุ คลบางประเภทเปน ผหู ยอ นความสามารถ กฎหมายจงึ ตอ งเขา ดแู ลคมุ ครองบคุ คลเหลา นไี้ มใ หไ ดร บั ความ เสยี หายในการกาํ หนดเงอื่ นไขในการเขา ทาํ นติ กิ รรมของผนู น้ั 2.2 ผหู ยอ นความสามารถในการทาํ นติ กิ รรมสญั ญา (1) ผเู ยาว คอื บคุ คลทย่ี งั มอี ายไุ มค รบ 20 ปบ รบิ รู ณ การทาํ นติ กิ รรมสญั ญาใดๆของผเู ยาว กฎหมาย กําหนดใหตองไดรับความยินยอมจากผูแทนโดยชอบธรรม คือบิดามารดาหรือผูปกครองแลวแตกรณีเสียกอน การทาํ นติ กิ รรมสญั ญาใดทปี่ ราศจากความยนิ ยอมกฎหมายเรยี กวา เปน โมฆยี ะซงึ่ อาจถกู บอกลา งภายหลงั ไดต อ เมอ่ื อายุ 20 ปบ รบิ รู ณแ ลว จงึ พน จากภาวะเปน ผเู ยาวแ ละเปน ผบู รรลนุ ติ ภิ าวะเปน ผเู ยาวแ ละเปน ผบู รรลนุ ติ ภิ าวะจงึ มี ความสามารถใชส ทิ ธใิ นการทาํ นติ กิ รรมสญั ญาไดเ อง แมจ ะอายยุ งั ไมถ งึ 20 ปบ รบิ รู ณ แตไ ดบ รรลนุ ติ ภิ าวะดว ยการ สมรสแลว กย็ อ มทาํ นติ กิ รรมสญั ญาไดด งั เชน ผบู รรลนุ ติ ภิ าวะทกุ ประการ (การสมรสจะทาํ ไดต อ เมอื่ ชายและหญงิ มอี ายสุ บิ เจด็ ปบ รบิ รู ณแ ลว (มาตรา 1448)) (2) คนวกิ ลจรติ คอื บคุ คลทม่ี สี มองพกิ ารหรอื วา จติ ใจไมป กติ โดยมอี าการหนกั ถงึ ขนาดเสยี สตทิ กุ สงิ่ ทกุ อยา ง พดู กนั ไมเ ขา ใจและไมร วู า อะไรเปน อะไร (3) คนไรค วามสามารถ คอื คนวกิ ลจรติ ทศ่ี าลไดม คี าํ สง่ั ใหเ ปน คนไรค วามสามารถการทศี่ าลจะมี คาํ สงั่ ใหค นวกิ ลจรติ คนใดเปน คนไรค วามสามารถนน้ั จะตอ งมผี เู สนอเรอ่ื งตอ ศาลโดยกฎหมายไดร ะบใุ หบ คุ คลดงั ตอไปนี้เสนอเรื่อง โดยรองขอตอศาลได คือสามีหรือภริยาของคนวิกลจริต ผูสืบสันดานของคนวิกลจริต (ลกู ,หลาน,เหลน,ลอ้ื ) ผบู พุ การขี องคนวกิ ลจรติ (บดิ า,มารดา,ป,ู ยา ,ตา,ยาย,ทวด) หรอื ผปู กครองหรอื ผพู ทิ กั ษ ผซู ง่ึ ปกครองดแู ลคนวกิ ลจรติ หรอื พนกั งานอยั การ (ป.พ.พ. มาตรา 28) เมอื่ ศาลไตส วนไดค วามวา วกิ ลจรติ จรงิ กจ็ ะสงั่ ใหเ ปน คนไรค วามสามารถและใหอ ยใู นความอนบุ าล โดยศาลจะตงั้ ผอู นบุ าลให (4) คนเสมอื นไรค วามสามารถ คอื บคุ คลผใู ดไมส ามารถจะจดั ทาํ การงานของตนเองได หรอื จดั การ ไปในทางทอ่ี าจจะเสอื่ มเสยี แกท รพั ยส นิ ของตนเอง หรอื ครอบครวั เพราะ 1. กายพกิ ารหรอื จติ ฟน เฟอ นไมส มประกอบ 2. ประพฤตสิ รุ ยุ สรุ า ยเสเพลเปน อาจณิ 3. ตดิ สรุ ายาเมา 4. มเี หตอุ นื่ ใดทาํ นองเดยี วกนั นนั้ เมอ่ื บคุ คลผหู นงึ่ ผใู ดดงั ตอ ไปนี้ คอื สามหี รอื ภรยิ า ผบู พุ การี หรอื ผสู บื สนั ดาน หรอื ผพู ทิ กั ษห รอื ผปู กครอง หรอื ผซู ง่ึ ปกครองดแู ลคนเสมอื นไรค วามสามารถ หรอื พนกั งานอยั การรอ งขอตอ ศาล ศาลจะสงั่ ใหบ คุ คลดงั กลา ว เปน คนเสมอื นไรค วามสามารถและสง่ั ใหผ นู น้ั อยใู นความพทิ กั ษก ไ็ ด (ป.พ.พ. มาตรา 32) (5) ลกู หนท้ี ถ่ี กู ฟอ งเปน บคุ คลลม ละลายตามกฎหมายลม ละลาย เมอื่ ศาลไดม คี าํ สง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องลกู หนแ้ี ลว ลกู หนกี้ ต็ กเปน ผหู ยอ นความสามารถ กลา วคอื ลกู หนจี้ ะกระทาํ การใดๆ เกย่ี วกบั ทรพั ยส นิ หรอื กจิ การของ ตนไมได เวนแตจะกระทําไดตามคําสั่งหรือความเห็นชอบของศาล, เจาพนักงานพิทักษทรัพย, ผูจัดการทรัพย,

107 หรอื ทปี่ ระชมุ เจา หนแ้ี ละเมอื่ ศาลมคี าํ สง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องลกู หนแ้ี ลว เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยแ ตผ เู ดยี วทมี่ อี าํ นาจ ในการจดั การและจาํ หนา ยทรพั ยส นิ ของลกู หนี้ และการกระทาํ การอน่ื ๆเกย่ี วกบั ทรพั ยส นิ ของลกู หน้ี เชน การฟอ ง รอ ง การตอ สคู ดี การประนปี ระนอม เปน ตน (6) สามแี ละภริยาเปน ผูจดั การสินสมรสรวมกนั จงึ ตอ งใหค วามยินยอมซึ่งกนั และกัน ในการทาํ สญั ญาผกู พนั สนิ สมรส กฎหมายไดว างหลกั ในเรอ่ื งนไ้ี วด งั น้ี 1. มาตรา 1476 สามแี ละภรยิ าตอ งจดั การสนิ สมรสรว มกนั หรอื ไดร บั ความยนิ ยอมจากอกี ฝา ยหนง่ึ ใน กรณดี งั ตอ ไปน้ี (1) ขาย แลกเปลยี่ น ขายฝาก ใหเ ชา ซอื้ จาํ นอง ปลดจาํ นอง หรอื โอนสทิ ธจิ าํ นองซง่ึ อสงั หารมิ ทรพั ย หรอื สงั หารมิ ทรพั ยท อี่ าจจาํ นองได (2) กอ ตง้ั หรอื กระทาํ ใหส น้ิ สดุ ทงั้ หมดหรอื บางสว นซง่ึ ภาระจาํ ยอม สทิ ธอิ าศยั สทิ ธเิ หนอื พนื้ ดนิ สทิ ธเิ กบ็ กนิ หรอื ภาระตดิ พนั ในอสงั หารมิ ทรพั ย (3) ใหเ ชา อสงั หารมิ ทรพั ยเ กนิ สามป (4) ใหก ยู มื เงนิ (5) ใหโ ดยเสนห า เวน แตก ารใหท พ่ี อควรแกฐ านานรุ ปู ของครอบครวั เพอ่ื การกศุ ล เพอ่ื การสงั คม หรอื ตามหนา ทธ่ี รรมจรรยา (6) ประนปี ระนอมยอมความ (7) มอบขอ พพิ าทใหอ นญุ าโตตลุ าการวนิ จิ ฉยั (8) นําทรัพยสินไปเปนประกันหรือหลักประกันตอเจาพนักงานหรือศาล การจัดการสินสมรส นอกจากกรณที บี่ ญั ญตั ไิ วว รรคหนง่ึ สามหี รอื ภรยิ าจดั การไดโ ดยมติ อ งไดร บั ความยนิ ยอมจากอกี ฝา ยหนงึ่ 2. สามแี ละภรยิ าจะจดั การสนิ สมรสใหแ ตกตา งไปจากทบี่ ญั ญตั ไิ วใ นมาตรา 1476 ทง้ั หมด หรอื บางสว น ไดก ต็ อ เมอ่ื ไดท าํ สญั ญากอ นสมรสไวต ามทบ่ี ญั ญตั ไิ วใ นมาตรา 1465 และมาตรา 1466 ในกรณดี งั กลา วนก้ี ารจดั การ สนิ สมรสใหเ ปน ไปตามทรี่ ะบไุ วใ นสญั ญากอ นสมรส ในกรณที สี่ ญั ญากอ นสมรสระบกุ ารจดั การสนิ สมรสไวแ ตเ พยี งบางสว นของมาตรา 1476 การจดั การสนิ สมรสนอกจากที่ระบุไวในสัญญากอนสมรสใหเปนไปตามมาตรา 1476 (ป.พ.พ. มาตรา 1476/1) 3. การใดทส่ี ามหี รอื ภรยิ ากระทาํ ซง่ึ ตอ งไดร บั ความยนิ ยอมรว มกนั และถา การนน้ั มกี ฎหมายบญั ญตั ใิ ห ทําเปนหนังสือ หรือใหจดทะเบียนตอพนักงานเจาหนาท่ี ความยินยอมน้ันตองทําเปนหนังสือ (ป.พ.พ. มาตรา 1476) 4. การจดั การสนิ สมรสซงึ่ ตอ งจดั การรว มกนั หรอื ตอ งไดร บั ความยนิ ยอมจากอกี ฝา ยหนงึ่ ตามมาตรา 1476 ถาคูสมรสฝายหนึ่งไดทํานิติกรรมไปแตเพียงฝายเดียวหรือโดยปราศจากความยินยอมของคูสมรสอีกฝายหนึ่ง คสู มรสอกี ฝา ยหนง่ึ อาจฟอ งใหศ าลเพกิ ถอนนติ กิ รรมนนั้ ได เวน แตค สู มรสอกี ฝา ยหนง่ึ ไดใ หส ตั ยาบนั แกน ติ กิ รรมนน้ั แลว หรอื ในขณะทท่ี าํ นติ กิ รรมนน้ั บคุ คลภายนอกไดก ระทาํ โดยสจุ รติ และเสยี คา ตอบแทน

108 การฟอ งใหศ าลเพกิ ถอนนติ กิ รรมตามวรรคหนง่ึ หา มมใิ หฟ อ งเมอื่ พน หนงึ่ ปน บั แตว นั ทไี่ ดร เู หตอุ นั เปน มลู ใหเ พกิ ถอน หรอื เมอื่ พน สบิ ปน บั แตว นั ทไี่ ดร บั นติ กิ รรมนนั้ (ป.พ.พ. มาตรา 1480) 3. นติ กิ รรมสญั ญาตอ งไมข ดั ตอ กฎหมาย ไมเ ปน การพน วสิ ยั และตอ งไมข ดั ตอ ความสงบเรยี บรอ ย หรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน การทาํ นติ กิ รรมสญั ญาใดๆ นอกจากไมห ยอ นความสามารถดงั กลา วในขอ 2 แลว จะตอ งไมม วี ตั ถปุ ระสงค เปน การตอ งหา มชดั แจง โดยกฎหมาย ไมเ ปน การพน วสิ ยั และตอ งไมข ดั ตอ ความสงบเรยี บรอ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดี ของประชาชนดว ย (ป.พ.พ. มาตรา 150) ถา ฝา ฝน หลกั ดงั กลา วนติ กิ รรมสญั ญานน้ั กเ็ ปน โมฆะ กลา วคอื ใชไ มไ ด ไรผ ลบงั คบั โดยสน้ิ เชงิ ทว่ี า เปน การตอ งหา มชดั แจง โดยกฎหมายจะตอ งเปน กฎหมายทเ่ี กย่ี วกบั ความสงบเรยี บรอ ยหรอื ศลี ธรรม อนั ดขี องประชาชน นติ กิ รรมสญั ญานนั้ จงึ จะเปน โมฆะ แตถ า นติ กิ รรมสญั ญาเปน การตอ งหา มชดั แจง โดยกฎหมายทมี่ ใิ ชเ กยี่ วกบั ความสงบเรยี บรอ ยหรอื ศลี ธรรม อนั ดขี องประชาชนแลว กไ็ มท าํ ใหน ติ กิ รรมสญั ญานนั้ เปน โมฆะ ขอ ตกลงนนั้ ใชบ งั คบั ได เชน ป.พ.พ.ม 733 บญั ญตั ิ ไวว า “ถา เอาทรพั ยจ าํ นองหลดุ และราคาทรพั ยส นิ นนั้ มปี ระมาณตา่ํ กวา จาํ นวนเงนิ ทค่ี า งชาํ ระกนั อยกู ด็ ี หรอื ถา เอาทรัพยสินซึ่งจํานองออกขายทอดตลาดใชหน้ีไดเงินจํานวนสุทธินอยกวาจํานวนเงินที่คางชําระกันอยูน้ันก็ดี เงนิ ยงั ขาดจาํ นวนอยเู ทา ใดลกู หนไ้ี มต อ งรบั ผดิ ในเงนิ นน้ั ” หากคสู ญั ญา ตกลงกนั วา ถา เอาทรพั ยส นิ ทจี่ าํ นองออก ขายทอดตลาดแลว ไดเ งนิ ไมพ อชาํ ระหนลี้ กู หนยี้ งั ตอ งรบั ผดิ ในหนที้ เี่ หลอื อยู ขอ ตกลงดงั กลา วใชบ งั คบั ไดเ พราะศาล ฎกี าถอื วา ป.พ.พ.ม 733 มใิ ชก ฎหมายเกยี่ วกบั ความสงบเรยี บรอ ย ตัวอยางท่ี 1 ทาํ สญั ญาขยายอายคุ วามฟอ งรอ งออกไปเกนิ กวา ทกี่ ฎหมายกาํ หนดไวข อ ตกลงนนั้ เปน โมฆะเพราะขดั ตอ ป.พ.พ.มาตรา 193/11 ตวั อยา งท่ี 2 ทาํ สญั ญาจา งใหค นเหาะหรอื ใหก ระโดดขา มแมน า้ํ เจา พระยา ขอ ตกลงดงั กลา วเปน โมฆะ เพราะเปน การพน วสิ ยั ตวั อยา งท่ี 3 ทาํ สญั ญาจา งใหม อื ปน ไปยงิ คน ขอ ตกลงเปน โมฆะ เพราะขดั ตอ กฎหมายและความสงบ เรยี บรอ ย ตวั อยา งท่ี 4 ทาํ สญั ญาจา งใหไ ปทาํ ชกู บั ภรรยาของผอู น่ื ๆ ขอ ตกลงเปน โมฆะ เพราะขดั ตอ ศลี ธรรมอนั ดี ของประชาชน 4. นติ กิ รรมสญั ญาตอ งทาํ ตามแบบ ในกรณที ก่ี ฎหมายบญั ญตั บิ งั คบั ใหน ติ กิ รรมสญั ญาบางประเภทตอ งทาํ ตามแบบ ถา ฝา ฝน ไมท าํ ตามแบบ การนน้ั เปน โมฆะ (ป.พ.พ. มาตรา 152) อุทาหรณ 1 สัญญาจํานองซึ่งมิไดทําเปนหนังสือและจดทะเบียนตอพนักงานเจาหนาท่ีน้ันเปนโมฆะ (ป.พ.พ.ม.714)

109 อทุ าหรณ 2 ซอ้ื ขายทดี่ นิ โดยมไิ ดท าํ เปน หนงั สอื และจดทะเบยี นตอ พนกั งานเจา หนา ทกี่ ารซอื้ ขายนนั้ เปน โมฆะ (ป.พ.พ.ม 456) 4.1 นติ กิ รรมสญั ญาทตี่ อ งทาํ เปน หนงั สอื และจดทะเบยี น มดี งั น้ี (1) การซอ้ื ขายอสงั หารมิ ทรพั ยเ ชน ทดี่ นิ บา น ซง่ึ หมายถงึ การซอ้ื ขายเสรจ็ เดด็ ขาด รวมทงั้ เรอื กาํ ปน เรอื ทม่ี รี ะวางตง้ั แตห กตนั ขน้ึ ไป เรอื กลไฟ หรอื เรอื ยนตท มี่ รี ะวางตง้ั แตห า ตนั ขนึ้ ไป แพและสตั วพ าหนะ ซงึ่ เปน อสงั หารมิ ทรพั ยช นดิ พเิ ศษ 6 อยา ง (ป.พ.พ.ม. 456) ถา ทาํ สญั ญาจะซอื้ ขายทรพั ยด งั กลา วใน ป.พ.พ.ม. 456 จะตอ งมหี ลกั ฐานเปน หนงั สอื ลงลายมอื ชอ่ื ผตู อ ง รบั ผดิ หรอื วางประจาํ หรอื ชาํ ระหนบ้ี างสว นซงึ่ จะฟอ งรอ งบงั คบั คดกี นั ได (2) การแลกเปลย่ี นอสงั หารมิ ทรพั ยแ ละสงั หารมิ ทรพั ยช นดิ พเิ ศษดงั กลา วในขอ 1 (3) การใหท รพั ยส นิ ดงั กลา วในขอ 1 (4) การขายฝากอสงั หารมิ ทรพั ยห รอื สงั หารมิ ทรพั ยพ เิ ศษดงั กลา วในขอ 1 (5) การเชา อสงั หารมิ ทรพั ยซ ง่ึ มกี าํ หนดเกนิ กวา สามป หรอื กาํ หนดตลอดอายขุ องผเู ชา หรอื ผใู หเ ชา ตองทําเปนหนังสือหรือจดทะเบียนถาไมทําเปนหนังสือและจดทะเบียนตอพนักงานเจาหนาท่ี การเชานั้นจะ ฟอ งรอ งใหบ งั คบั คดไี ดเ พยี งสามป (ป.พ.พ. 538) (6) สญั ญาจาํ นองตอ งทาํ เปน หนงั สอื และจดทะเบยี นตอ พนกั งานเจา หนา ท่ี (ป.พ.พ.714) นติ กิ รรม สญั ญาดงั กลา วใน (1) (2) (3) (4) และ (6) ถา ไมท าํ เปน หนงั สอื และจดทะเบยี นตอ พนกั งานเจา หนา ทก่ี เ็ ปน โมฆะ 4.2 นติ กิ รรมสญั ญาทตี่ อ งทาํ เปน หนงั สอื หรอื มหี ลกั ฐานเปน หนงั สอื มดี งั น้ี (1) การเชา อสงั หารมิ ทรพั ย เชน เชา ทด่ี นิ หรอื บา น ตอ งมหี ลกั ฐานเปน หนงั สอื ลงลายมอื ชอ่ื ฝา ยที่ ตอ งรบั ผดิ จงึ จะฟอ งรอ งบงั คบั คดกี นั ได (ป.พ.พ.ม. 538) หลกั ฐานทเี่ ปน หนงั สอื เชน จดหมายทผี่ ใู หเ ชา มไี ปถงึ ผู เชา ตอบตกลงใหเ ชา ทดี่ นิ หรอื บา นไดเ ปน ตน (2) สญั ญาเชา ซอ้ื ตอ งทาํ เปน หนงั สอื ถา ไมท าํ กเ็ ปน โมฆะ (ป.พ.พ.ม.572) (3) การกยู มื เงนิ เกนิ กวา หา สบิ บาทขน้ึ ไปนนั้ ตอ งมหี ลกั ฐานเปน หนงั สอื ลงลายมอื ชอ่ื ผยู มื จงึ จะ เปน ฟอ งรอ งบงั คบั คดกี นั ได และการนาํ สบื การใชเ งนิ ในกรณกี ารกยู มื เงนิ มหี ลกั ฐานเปน หนงั สอื จะนาํ สบื ไดต อ เมอื่ มหี ลกั ฐานเปน หนงั สอื ลงลายมอื ผใู หย มื มาแสดง หรอื เอกสารการกยู มื ไดถ กู เวนคนื หรอื ไดแ ทงเพกิ ถอนลงในเอกสาร การกยู มื แลว (ป.พ.พ.ม.653) อนงึ่ การกยู มื เงนิ นน้ั ผกู พู งึ ระวงั มใิ หเ จา หนโ้ี กงโดยเตมิ ตวั เลขลงในชอ งจาํ นวนเงนิ ทกี่ ู ทง้ั นโ้ี ดยจะตอ ง ขดี หนา และหลงั ดว ยตวั เลขและวงเลบ็ จาํ นวนเงนิ ดว ยตวั อกั ษรไวใ หช ดั เจน (4) สญั ญาคา้ํ ประกนั ตอ งมหี ลกั ฐานเปน หนงั สอื ลงลายมอื ชอื่ ผคู า้ํ ประกนั จงึ จะฟอ งรอ งบงั คบั คดี ได (ป.พ.พ.ม.680) (5) กจิ กรรมใดทกี่ ฎหมายบงั คบั ใหต อ งทาํ เปน หนงั สอื การตงั้ ตวั แทนเพอ่ื กจิ การอนั นน้ั กต็ อ งทาํ เปนหนังสือ เชน ตั้งตัวแทนไปซ้ือขายที่ดิน ดังน้ีตองทําหนังสือมอบอํานาจกิจการที่กฎหมายบังคับให

110 ตอ งมหี ลกั ฐานเปน หนงั สอื การตง้ั ตวั แทนเพอื่ กจิ การนน้ั กต็ อ งมหี ลกั ฐานเปน ตวั หนงั สอื ดว ย เชน การตงั้ ตวั แทนไป กยู มื เงนิ เกนิ หา สบิ บาทขน้ึ ไป กต็ อ งมหี ลกั ฐานการตงั้ ตวั แทนเปน หนงั สอื (ป.พ.พ.ม. 789) (6) สญั ญาประนปี ระนอมยอมความจะตอ งมหี ลกั ฐานลงลายมอื ชอ่ื ฝา ยทตี่ อ งรบั ผดิ จงึ จะฟอ งรอ ง บงั คบั คดกี นั ได (ป.พ.พ.ม.851) การจดั การหนแ้ี ละการชาํ ระหนี้ ปญหาหนี้สินเกษตรกร นับเปนปญหาท่ีหนักท่ีสุด และเปนผลสืบเนื่องมาจากการลมสลายของระบบ เกษตรและการจัดการชีวิตของเกษตรกร หน้ีสินเกษตรกรจึงเปนทุกขเร้ือรังของเกษตรกรมายาวนาน นับต้ังแต การผลิตทางการเกษตรเปลี่ยนแปลงจากเพื่อตอบสนองปจจัยสี่ มาเปนการผลิตเพื่อการคาหรือเพ่ือเงินตรา โดยการสง เสรมิ ของหนว ยงานภาครฐั สถาบนั การศกึ ษาทเ่ี ปด สอนวชิ าเกษตรกรรมแผนใหมท ม่ี เี งนิ เปน เปา หมาย และธรุ กิจการเกษตร ดว ยมายาคติ “พรงุ น้รี วย” และเพื่อเพิม่ โอกาสในการเขาถงึ ทนุ รฐั บาลเปลี่ยนธนาคารเพื่อ การสหกรณเปน ธนาคารเพ่อื การเกษตรและสหกรณการเกษตร (ธกส.) ในป 2509 ทาํ ใหเกษตรกรเขา ถึงสนิ เชื่อ ไดงายขนึ้ เปนปฐมบทของหน้ีสนิ ทกี่ ลายมาเปนวงจรอบุ าทวแ ละปศ าจท่ขี ูดเลอื ด ขดู เน้อื พน่ี องเกษตรกรมาจน ทุกวันน้ี ปญหาหน้ีสินของเกษตรกรสวนใหญ มีศึกษาสาเหตุท่ีทําใหเกษตรกรเปนหน้ีในทางนโยบายพบวา สาเหตุหลักๆ คือ การกําหนดยุทธศาสตรการพัฒนาประเทศโดยใชภาคเกษตรกรรมเปนฐานของความเจริญ, การสนบั สนนุ ทนุ นยิ มการเกษตรกร ในลกั ษณะพเิ ศษทเี่ รยี กวา ทนุ นยิ มคา เชา , ประการทสี่ าม การใชน โยบายการ คาเสรีอยางเลือกปฏิบัติ, การศึกษาดังกลาวสอดคลองกับการศึกษาการจําแนกคาใชจายของเกษตรกร พบวา เกษตรกรมีคาใชจายในครัวเรือนท่ีกอใหเกิดภาวะหน้ีสินใน 4 กลุมใหญ คือ หน้ีสินดานการลงทุนการเกษตร หนส้ี นิ ดา นคา ใชจ า ยในครวั เรอื น, หนสี้ นิ ดา นการลงทนุ การศกึ ษาของบตุ ร, หนส้ี นิ อนั เกดิ จากโชคชะตาฟา กาํ หนด สาเหตุเหลานี้ลวนทําใหเกษตรกรเกิดภาวะหนี้สินท่ีลนพนจนนําไปสูการสูญเสียทรัพยสินและที่ดินเปนจํานวน มาก ในขณะท่ีการแกไขปญหาของรัฐกลับไมมีความคืบหนาใดๆ การแกไขปญหาดานหนี้สินของภาครัฐอยูใน ระดับทีเ่ รียกวา ตรวจอาการและเช็คสภาพของโรคเทา น้นั โดยมกี ารต้งั หนวยงานขนึ้ มาหลายหนวยงาน แตไ มม ี ปฏิบัติการคืบหนาใดๆ ซึ่งเครือขายหนี้สินไดมีการประมวลสรุปหนวยงานที่เกี่ยวของในการแกไขปญหาหนี้สิน เกษตรกรดังตอ ไปนี้ (1) โครงการพักชําระหนี้ของเกษตรกรท่ีมีหน้ีสินกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณการเกษตร นอกจากมีการลงทะเบียนเพ่ือรวบรวมขอมูลหน้ีสินของเกษตรกรแลว รัฐยังจัดสรรงบประมาณในการฝกอบรม เพื่อการฟนฟูชีวิตเกษตรกร หลักสูตรสัจธรรมชีวิต และการฟนฟูชีวิตโดยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (2) โครงการแกไขปญหาหน้ีนอกระบบ เปดโอกาสใหประชาชนทั่วไป ซ่ึงรวมถึงเกษตรกรท่ีเปน หน้ีนอกระบบไปขึ้นทะเบียนที่ธนาคารออมสินในกรณีที่เปนประชาชนทั่วไป หรือธนาคารเพ่ือการเกษตรและ สหกรณก ารเกษตร (ธกส.)ในกรณที เี่ ปน เกษตรกร เพอ่ื โอนหนส้ี นิ เขา สรู ะบบสถาบนั การเงนิ ของรฐั ทมี่ ดี อกเบย้ี ตาํ่

111 กวา ผยู นื่ ขน้ึ ทะเบียนตองเปนหนไ้ี มเ กนิ 200,000 บาท โดยรัฐกําหนดเปาหมายการขน้ึ ทะเบยี นไวท่ี 1 ลานคน ในวันท่ี 30 ธันวาคม 2552 หลังจากน้ันจะมีกระบวนการเจรจาประนอมหนี้ การปรับโครงสรางหนใ้ี หเขา ไปอยู ในระบบ (3) กองทนุ ฟน ฟแู ละพฒั นาเกษตรกร กองทนุ ฟน ฟแู ละพฒั นาเกษตรกร จดั ตงั้ ขนึ้ ตามพระราชบญั ญตั ิ กองทุนฟนฟูและพฒั นาเกษตรกร พ.ศ. 2542 โดยมวี ัตถปุ ระสงคเพื่อ (1) สง เสริมและสนับสนุนการรวมกลมุ ของ เกษตรกรในการพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ และแกไ ขปญ หาของเกษตรกร (2) สง เสรมิ และสนบั สนนุ การฟน ฟแู ละพฒั นา อาชีพเกษตรกรรมของเกษตรกร (3) พฒั นาความรูในดา นเกษตรกรรม หรือกจิ กรรมที่เกี่ยวเนอื่ งกับเกษตรกรรม เพอ่ื สรา งความเขม แขง็ ใหแ กอ งคก รเกษตรกร (4) พฒั นาศกั ยภาพในการพงึ่ ตนเองและเกอ้ื กลู ซง่ึ กนั และกนั ระหวา ง เกษตรกร ตอ มา ในป 2544 ไดม กี ารตราพระราชบญั ญตั กิ องทนุ ฟน ฟแู ละพฒั นาเกษตรกร (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2544 ข้ึนอีกฉบับหน่ึง โดยมีเหตุผลแทบทายวา เน่ืองจากพระราชบัญญัติกองทุนฟนฟูและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ. 2542 ไมมีบทบัญญัติเก่ียวกับวัตถุประสงคและแนวทางในการแกไขปญหาหน้ีของเกษตรกรอันเน่ืองจาก โครงการสง เสรมิ ของรฐั ทไ่ี มป ระสบผลสาํ เรจ็ ไวอ ยา งชดั เจน เกษตรกรทเ่ี ปน หนใ้ี นระบบ เปน เหตใุ หเ กษตรกรเหลา นัน้ ไมม ีโอกาสฟน ฟูอาชีพ และดาํ รงชวี ิตในดา นเกษตรกรรมไดอ ยา งม่นั คง ตามพระราชบัญญัติดงั กลา ว ไดใหคํา นิยาม “หน้ี” หมายความวา หน้ีอันเน่ืองมาจากการประกอบเกษตรกรรมของเกษตรกร และ “หน้ีในระบบ” หมายความวา (1) หนท้ี ่ีเกดิ ข้นึ จากโครงการสง เสรมิ ของรฐั (2) หนี้ที่เกดิ ข้นึ จากการกูยืมจากสถาบันการเงิน (3) หนี้ทเี่ กดิ ขนึ้ จากการกยู ืมจากสถาบนั เกษตรกร ณ เดือนตุลาคม 2552 กองทุนฟนฟูและพัฒนาเกษตรกร มีองคกรเกษตรกรข้ึนทะเบียน ประมาณ 51,331 องคกร สมาชกิ 6,231,833 คน มีสมาชิกขน้ึ ทะเบียนหน้ี จาํ นวน 386,134 ราย รวม 528,750 บญั ชี มูลหนี้ 101,565,082,526 บาท มีเกษตรกรเฉพาะสวนทโ่ี อนหนเ้ี ขา มาอยกู องทนุ ฟน ฟฯู แลว จํานวน 7,690 ราย วงเงิน 1,310,125,920 บาท โอนหลักทรัพยมาไวที่กองทุนฟนฟูฯแลว 3,082 ฉบับ จํานวน 26,404 ไร จะเหน็ ไดว า การจดั การหนขี้ องเกษตรกรภายใตก องทนุ ฟน ฟแู ละพฒั นาเกษตรกร ยงั ดาํ เนนิ การไดเ พยี ง เลก็ นอยหากเทียบกับจํานวนเกษตรกรท่ีขึ้นทะเบียนกวา 400,000 ราย และหน้ีสินมากกวา 100,000 ลา นบาท ย่ิงกวาน้ันเง่ือนไขการจัดการหน้ีของเกษตรกรตามพระราชบัญญัติน้ียังจํากัดเฉพาะ “หน้ีในระบบอันเกิดจาก การเกษตร” เทา นน้ั ไมร วมหนขี้ องเกษตรกรอนื่ ๆอยา งไรกต็ าม เงอื่ นไขทนี่ า สนใจของเกษตรกรทไ่ี ดร บั การจดั การ หน้ีตามพระราชบัญญัตินี้ คือ ดอกเบี้ย (คาธรรมเนียม) ลดลงเหลือรอยละ 1 ตองเขาสูกระบวนการฟนฟูและ พัฒนาเกษตรกร เพอ่ื ใหส ามารถพ่ึงตนเองและไมก ลับมาเปน หนี้ใหม (4) กองทุนหมุนเวียนเพ่ือการกูยืมแกเกษตรกรและผูยากจน ผูมีสิทธิขอความชวยเหลือตองเปน เกษตรกรทยี่ ากจน ผยู ากจน หรอื บดิ า มารดา หรอื คสู มรส ของเกษตรกรทย่ี ากจนหรอื ผยู ากจน ซง่ึ การชว ยเหลอื แบง เปน 3 ประเภท ไดแ ก (1) การกูย ืมเพือ่ ปลดเปล้อื งหนี้สินหรอื ซือ้ คืนทีด่ นิ เน่อื งจากหนี้สิน (2) กูยมื เพื่อซ้ือ ทดี่ นิ ตามสทิ ธแิ หง กฎหมายวา ดว ยการเชา ซอ้ื ทดี่ นิ เพอื่ เกษตรกร (3) กยู มื เพอื่ การประกอบอาชพี โดยดอกเบยี้ รอ ย ละ 5 วงเงินกูยืม ไมเกิน 2.5 ลานบาท สามารถย่ืนแบบฟอรม ขอรบั การชว ยเหลอื ไดท สี่ ํานกั งานเกษตรกรอาํ เภอ

112 อยางไรก็ตามหลกั ทรัพยท่ีใชใ นการคา้ํ ประกนั หน้ีสนิ ตองเกนิ รอยละ 50 ของยอดหน้ี ซึง่ ตอ งนําหลกั ทรพั ยมาคํา้ ประกนั เพิ่มเตมิ หรือหลักทรัพยเกินรอยละ 70 สามารถใชบ ุคคลคา้ํ ประกันเพิม่ ได ซึ่งมสี ํานักงานปลดั กระทรวง เกษตรและสหกรณเปน ผรู ับผิดชอบ (5) กองทนุ หมบู า นและชมุ ชนเมอื ง กองทนุ หมบู า นและชมุ ชนเมอื ง (กทบ.) จดั ตง้ั ขนึ้ ตามนโยบาย ของรฐั บาลทกั ษณิ ชนิ วตั ร และพระราชบญั ญตั กิ องทนุ หมบู า นและชมุ ชนเมอื งแหง ชาติ พ.ศ. 2547 เพอ่ื แกป ญ หา ความยากจน โดยการสรางโอกาสใหประชาชนเขาถึงแหลงเงินกูดอกเบ้ียต่ําที่ประชาชนเปนผูกําหนดเองหนวย งานท้งั 5 แหลง เปรยี บเสมอื นเปน สถานพยาบาลในการรบั การตรวจเช็คสภาพการแกไขปญ หาหน้สี นิ เกษตรกร เทา นนั้ แตก ารแกไ ขปญ หาหนส้ี นิ เกษตรกรทง้ั หมดดงั กลา ว ยงั อยบู นแนวคดิ ของกระแสหลกั คอื การสรา งโอกาส ในการ “เขาถึงแหลงเงินกูดอกเบ้ียต่ํากวา” เทาน้ัน และแทนท่ีจะทําใหเกษตรกรสามารถปลดเปลื้องหนี้สินได กลับเปนการสรางสมหน้ีสินใหพอกพูนมากข้ึน ซึ่งอาจกลาวไดวาเปนการเขาถึงความจริง (นิโรธ) เร่ืองหนี้ ที่ไมถ ูกตอ ง

113 กิจกรรมทายบทเรยี น คาํ ชแี้ จง จากการศกึ ษาบทเรยี นและตอบคําถามตอไปนี้ 1. จงอธบิ ายความหมาย ของ กฎหมาย ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 2. นิติกรรม คอื อะไร ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................

114 แหลง เรียนรเู พิม่ เตมิ 1. หอ งสมดุ ประชาชนอาํ เภอ/ จงั หวัด/ หองสมุดประชาชน “ เฉลมิ ราชกุมาร”ี 2. ศูนยก ารเรียนชมุ ชน ( กศน.ตําบล ) 3. เวบ็ ไซตส ถาบันการศกึ ษาทางไกล สํานกั งานสง เสรมิ การศกึ ษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอัธยาศยั - www.bp-smakom.org “ ความรูเบ้ืองตน เกยี่ วกบั กฎหมาย ” - [email protected] “ กฎหมายที่ดิน” - http://www3.rid.go.th “ กฎหมายเกีย่ วกบั การชลประทาน ” - http://www.thailandlawyercenter.com “พระราชบัญญตั ิกกั กันพืช ” - http://www.panyathai.or.th “นิตกิ รรมและสญั ญา” - www.co-opthai.com “ กฎหมายเกย่ี วกับสหกรณ” 4. สาํ นกั งานการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน 5. หนังสือท่ีอา งองิ ในบรรณาณุกรม 6. ภูมิปญญาทอ งถ่ิน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook