.
อาณาจกั รอยธุ ยา เป็นอาณาจกั รของชนชาตไิ ทยในลมุ่ แมน่ า้ เจ้าพระยาในชว่ ง พ.ศ. 1893 ถึง พ.ศ. 2310 มกี รุงศรีอยธุ ยาเป็นศนู ย์กลางอานาจหรือราชธานี ทงั ้ ยงั มี ความสมั พนั ธ์ทางการค้ากบั หลายชาติ จนถือได้ว่าเป็นศนู ย์กลางการค้าในระดบั นานาชาติ[2] เชน่ จีน เวียดนาม อินเดีย ญ่ีป่ นุ เปอร์เซีย รวมทงั ้ ชาตติ ะวนั ตก เชน่ โปรตเุ กส สเปน เนเธอร์แลนด์ (ฮอลนั ดา) องั กฤษ และฝร่ังเศส ซง่ึ ในช่วงเวลาหนึ่งเคย สามารถขยายอาณาเขตประเทศราชถึงรัฐฉานของพมา่ อาณาจกั รล้านนา มณฑลยนู นาน อาณาจกั รล้านช้าง อาณาจกั รขอม และคาบสมทุ รมลายใู นปัจจบุ นั [3]รกาเนดิ การกาเนิดอาณาจกั รอยธุ ยาท่ีได้รับการยอมรับกว้างขวางท่สี ดุ นนั ้ อธิบายว่า รัฐไทย ซงึ่ มีศนู ย์กลางอย่ทู ี่กรุงศรีอยธุ ยาในลมุ่ แมน่ า้ เจ้าพระยา เจริญขนึ ้ มาจาก ราชอาณาจกั รละโว้ (ซงึ่ ขณะนนั ้ อย่ใู ต้การควบคมุ ของขะแมร์) และอาณาจกั รสพุ รรณ ภมู ิ แหลง่ ข้อมลู หนงึ่ ระบวุ า่ กลางคริสต์ศตวรรษท่ี 14 เพราะภยั โรคระบาดคกุ คาม สมเดจ็ พระเจ้าอทู่ องจงึ ทรงย้ายราชสานกั ลงไปทางใต้ ยงั ท่ีราบลมุ่ นา้ ท่วมถงึ อนั อดุ ม สมบรู ณ์ของแมน่ า้ เจ้าพระยา บนเกาะท่ีล้อมรอบด้วยแมน่ า้ ซง่ึ ในอดีตเคยเป็นนคร ทา่ เรือเดนิ ทะเล ช่ือ อโยธยา (Ayothaya) หรือ อโยธยาศรีรามเทพนคร นครใหมน่ ี ้ ถกู ขนานนามว่า กรุงเทพทวารวดศี รีอยธุ ยา ซง่ึ ภายหลงั มกั เรียกว่า กรุงศรีอยธุ ยา แปลว่า นครที่ไมอ่ าจทาลายได้[8] พระบริหารเทพธานี อธิบายว่า ชาวไทยเร่ิมตงั ้ ถิ่นฐานบริเวณตอนกลาง และตอนลา่ ง ของลมุ่ แมน่ า้ เจ้าพระยามาตงั ้ แตพ่ ทุ ธศตวรรษท่ี 18 แล้ว ทงั ้ ยงั เคยเป็นที่ตงั ้ ของเมือง สงั ขบรุ ี อโยธยา เสนาราชนคร และกมั โพชนคร[9] ต่อมา ราวปลายพทุ ธศตวรรษที่ 19 อาณาจกั รขอมและสโุ ขทยั เริ่มเสอ่ื มอานาจลง พระเจ้าอทู่ องทรงดาริจะย้ายเมอื ง และก่อสร้างเมอื งขนึ ้ มาใหมโ่ ดยสง่ คณะช่างกอ่ สร้างไปยงั อินเดียและได้
ลอกเลียนแบบผงั เมอื งอโยธยามาสร้างและสถาปนาให้มีชื่อวา่ กรุงศรีอยธุ ยา [ต้องการอ้างองิ ] การขยายอาณาเขต กรุงศรีอยธุ ยา (พ.ศ. 2209) วาดโดยบริษัทอินเดียตะวนั ออกของเนเธอร์แลนด์ เมอ่ื ถึงปลายคริสต์ศตวรรษท่ี 14 อยธุ ยาก็ถกู พิจารณาวา่ เป็น ชาตมิ หาอานาจ แข็งแกร่งทสี่ ดุ ในอษุ าคเนย์แผน่ ดนิ ใหญ่ และได้เร่ิมครองความเป็นใหญ่โดยเริ่มจาก การพิชติ ราชอาณาจกั รและนครรัฐทางเหนือ อยา่ งสโุ ขทยั กาแพงเพชรและพษิ ณโุ ลก ก่อนสนิ ้ สดุ คริสต์ศตวรรษที่ 15 อยธุ ยาโจมตีเมอื งพระนคร (องั กอร์) ซง่ึ เป็น มหาอานาจของภมู ภิ าคในอดีต อทิ ธิพลขององั กอร์คอ่ ย ๆ จางหายไปจากลมุ่ แมน่ า้ เจ้าพระยา และอยธุ ยากลายมาเป็นมหาอานาจใหมแ่ ทน อยา่ งไรก็ดี ราชอาณาจกั รอยธุ ยามไิ ด้เป็นรัฐท่ีรวมเป็นหน่วยเดียวกนั หากเป็นการ ปะตดิ ปะตอ่ กนั ของอาณาเขต (principality) ที่ปกครองตนเอง และประเทศราช ท่ีสวามภิ กั ดติ์ อ่ พระมหากษัตริย์กรุงศรีอยธุ ยาภายใต้ปริมณฑลแหง่ อานาจ (Circle of Power) หรือระบบมณฑล (mandala) ดงั ท่ีนกั วิชาการบางฝ่ ายเสนอ [10] อาณาเขตเหลา่ นีอ้ าจปกครองโดยพระบรมวงศานวุ งศ์กรุงศรีอยธุ ยา หรือ ผ้ปู กครองท้องถ่ินที่มีกองทพั อสิ ระของตนเอง ที่มีหน้าท่ีให้การสนบั สนนุ แก่เมอื งหลวง ยามสงคราม ก็ได้ อย่างไรก็ดี มีหลกั ฐานวา่ บางครัง้ ที่เกิดการกบฏท้องถ่ินท่ีนาโดย เจ้าหรือพระมหากษัตริย์ท้องถิ่นขนึ ้ เพ่ือตงั ้ ตนเป็นเอกราช อยธุ ยาก็จาต้องปราบปราม
ด้วยไร้ซง่ึ กฎการสบื ราชสนั ติวงศ์และมโนทศั น์คณุ ธรรมนิยม (meritocracy) อนั รุนแรง ทาให้เมือ่ ใดก็ตามที่การสืบราชสนั ตวิ งศ์เป็นที่พิพาท เจ้าปกครองหวั เมืองหรือ ผ้สู งู ศกั ด์ิ (dignitary) ที่ทรงอานาจจะอ้างคณุ ความดีของตนรวบรวมไพร่พลและ ยกทพั มายงั เมอื งหลวงเพ่ือกดดนั ตามข้อเรียกร้อง จนลงเอยด้วยรัฐประหารอนั นอง เลือดหลายครัง้ [11] ตงั ้ แตค่ ริสต์ศตวรรษที่ 15 อยธุ ยาแสดงความสนใจในคาบสมทุ รมลายู ท่ีซงึ่ มะละกา เมอื งทา่ สาคญั ประชนั ความเป็นใหญ่ อยธุ ยาพยายามยกทพั ไปตีมะละกาหลายครัง้ แต่ไร้ผล มะละกามคี วามเข้มแข็งทงั ้ ทางการทตู และทางเศรษฐกิจ ด้วยได้รับการ สนบั สนนุ ทางทหารจากราชวงศ์หมงิ ของจีน ในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 15 แมท่ พั เรือเจงิ ้ เหอแหง่ ราชวงศ์หมงิ ได้สถาปนาฐานปฏิบตั กิ ารแหง่ หนง่ึ ของเขาขนึ ้ ที่มะละกา เป็น เหตใุ ห้จีนไมอ่ าจยอมสญู เสียตาแหน่งยทุ ธศาสตร์นีแ้ ก่รัฐอนื่ ๆ ภายใต้การค้มุ ครองนี ้ มะละกาจงึ เจริญรุ่งเรืองขนึ ้ เป็นหน่งึ ในค่แู ข่งทางการค้าที่ยงิ่ ใหญ่ของอยธุ ยา กระทง่ั ถกู โปรตเุ กสพชิ ติ เมอ่ื พ.ศ. 2054[12] การเสยี กรุงศรีอยธุ ยาครัง้ ท่ีหน่ึง เร่ิมตงั ้ แต่กลางคริสต์ศตวรรษท่ี 16 ราชอาณาจกั รอยธุ ยาถกู ราชวงศ์ตองอโู จมตี หลายครัง้ สงครามครัง้ แรกคือ สงครามพระเจ้าตะเบง็ ชเวตี ้เม่อื พ.ศ. 2091-92 แต่ล้มเหลว การรุกรานครัง้ ท่ีสองของราชวงศ์ตองอู หรือเรียกว่า \"สงครามช้างเผอื ก\" สมยั พระมหาจกั รพรรดิ เมอื่ พ.ศ. 2106 พระเจ้าบเุ รงนองทรงให้สมเดจ็ พระมหา
จกั รพรรดิยอมจานน พระบรมวงศานวุ งศ์บางสว่ นถกู พาไปยงั กรุงหงสาวดี และสมเดจ็ พระมหินทราธิราช พระราชโอรสองค์โต ทรงได้รับแตง่ ตงั ้ เป็นเจ้าประเทศราช [13][14] เม่อื พ.ศ. 2112 ราชวงศ์ตองอรู ุกรานอกี เป็นครัง้ ที่สาม และสามารถยดึ กรุงศรีอยธุ ยาได้ในปี ตอ่ มา หนนีพ้ ระเจ้าบเุ รงนองทรงแตง่ ตงั ้ สมเด็จพระมหาธรรม ราชาธิราชเป็ นเจ้ าประเทศราช[14] การฟื น้ ตวั หลงั พระเจ้าบเุ รงนองเสด็จสวรรคตเมือ่ พ.ศ. 2124 สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรง ประกาศเอกราชแก่กรุงศรีอยธุ ยาอีกสามปี ให้หลงั อยธุ ยาตอ่ ส้ปู ้ องกนั การรุกรานของ รัฐหงสาวดีหลายครัง้ จนในครัง้ สดุ ท้าย สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงปลงพระชนม์ เมงจีสวา (Mingyi Swa) อปุ ราชาของราชวงศ์ตองอไู ด้ในสงครามยทุ ธหตั ถีเมื่อ พ.ศ. 2135 จากนนั ้ อยธุ ยากลบั เป็นฝ่ ายบกุ บ้าง โดยยดึ ชายฝั่งตะนาวศรีทงั ้ หมดขนึ ้ ไปจนถงึ เมาะตะมะใน พ.ศ. 2138 และล้านนาใน พ.ศ. 2145 สมเด็จพระนเรศวร มหาราชทรงถงึ กบั รุกรานเข้าไปในพมา่ ลกึ ถึงตองอใู น พ.ศ. 2143 แต่ทรงถกู ขบั กลบั มา หลงั สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสดจ็ สวรรคตเมื่อ พ.ศ. 2148 ตะนาวศรี ตอนเหนือและล้านนาก็ตกเป็นของรัฐองั วะ อีกใน พ.ศ. 2157[15] อยธุ ยา พยายามยดึ รัฐล้านนาและตะนาวศรีตอนเหนือกลบั คนื ระหวา่ ง พ.ศ. 2205-07 แต่ ล้มเหลว[16] การค้าขายกบั ตา่ งชาตไิ มเ่ พียงแต่ให้อยธุ ยามสี นิ ค้าฟ่ มุ เฟื อยเทา่ นนั ้ แตย่ งั ได้รับอาวธุ ยทุ โธปกรณ์ใหม่ ๆ ด้วย กลางคริสต์ศตวรรษที่ 17 ระหวา่ งรัชสมยั สมเดจ็ พระ
นารายณ์มหาราช อยธุ ยามีความเจริญรุ่งเรืองมาก[17] แตใ่ นคริสต์ศตวรรษที่ 18 อยธุ ยาคอ่ ย ๆ สญู เสียการควบคมุ เหนือหวั เมืองรอบนอก ผ้วู า่ ราชการท้องถ่ินใช้ อานาจของตนอย่างอสิ ระ และเร่ิมเกิดการกบฏตอ่ เมืองหลวงขนึ ้ การลม่ สลาย หลงั จากยคุ สมยั อนั นองเลือดแหง่ การต่อส้ขู องราชวงศ์ กรุงศรีอยธุ ยาเข้าสู่ \"ยคุ ทอง\" สมยั ท่ีคอ่ นข้างสงบในคร่ึงหลงั ของคริสต์ศตวรรษที่ 18 เม่ือศลิ ปะ วรรณกรรมและ การเรียนรู้เฟื่ องฟู ยงั มีสงครามกบั ต่างชาติ กรุงศรีอยธุ ยาส้รู บกบั เจ้าเหงียน (Nguyễn Lords) ซง่ึ เป็นผ้ปู กครองเวยี ดนามใต้ เพ่ือการควบคมุ กมั พชู า เร่ิม ตงั ้ แต่ พ.ศ. 2258 แตภ่ ยั คกุ คามท่ีใหญ่กวา่ มาจากราชวงศ์อลองพญาซง่ึ ได้ผนวกรัฐ ฉานเข้ามาอย่ใู นอานาจ ชว่ ง 50 ปี สดุ ท้ายของราชอาณาจกั รมีการส้รู บอนั นองเลือดระหวา่ งเจ้านาย โดยมี พระราชบลั ลงั ก์เป็นเป้ าหมายหลกั เกิดการกวาดล้างข้าราชสานกั และแมท่ พั นายกอง ที่มคี วามสามารถตามมา สมเดจ็ พระทน่ี ง่ั สรุ ิยาศน์อมั รินทร์ (พระเจ้าเอกทศั ) พระมหากษัตริย์พระองค์สดุ ท้าย บงั คบั ให้สมเดจ็ พระเจ้าอทุ มุ พร พระอนชุ า ซงึ่ เป็น พระมหากษัตริย์อยขู่ ณะนนั ้ สละราชสมบตั ิและขนึ ้ ครองราชย์แทน พ.ศ. 2303 พระเจ้าอลองพญาทรงยกทพั รุกรานอาณาจกั รอยธุ ยา หลงั จากอยธุ ยา วา่ งเว้นศกึ ภายนอกมานานกวา่ 150 ปี จะมีก็เพียงการนาไพร่พลเข้าต่อตกี นั เองเพ่ือ แย่งชิงอานาจเท่านนั ้ [18] ซง่ึ ในขณะนนั ้ อยธุ ยาเกดิ การแยง่ ชิงบลั ลงั ก์ระหวา่ งเจ้า
ฟ้ าเอกทศั กบั เจ้าฟ้ าอทุ มุ พร อย่างไรก็ดี พระเจ้าอลองพญาไมอ่ าจหกั เอากรุงศรี อยธุ ยาได้ในการทพั ครัง้ นนั ้ แต่ใน พ.ศ. 2308 พระเจ้ามงั ระ พระราชโอรสแห่งพระเจ้าอลองพญา ทรงแบง่ กาลงั ออกเป็นสองสว่ น และเตรียมการกว่าสามปี มงุ่ เข้าตีอาณาจกั รอยธุ ยาพร้อมกนั ทงั ้ สองด้าน ฝ่ ายอยธุ ยาต้านทานการล้อมของทพั พมา่ ไว้ได้ 14 เดือน แตก่ ็ไมอ่ าจ หยดุ ยงั ้ การกองทพั รัฐองั วะได้ เน่ืองจากมีกาลงั มาก และต้องการทาลายศนู ย์อานาจ อย่างอยธุ ยาลงเพ่ือป้ องกนั การกลบั มามีอานาจ อีกทงั ้ กองทพั องั วะยงั ตดิ ศกึ กบั จีน ราชวงศ์ชงิ อย่เู นือง ๆ หากปลอ่ ยให้เกิดการส้รู บยืดเยอื ้ ต่อไปอีก ก็จะเป็นภยั แก่องั วะ และมสี งครามไมจ่ บสนิ ้ ในท่ีสดุ กองทพั องั วะสามารถเข้าพระนครได้ในวนั ท่ี7 เมษายน พ.ศ. 2310 พระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์กรุงศรีอยธุ ยา มี 5 ราชวงศ์ คือ ราชวงศ์อทู่ อง มีกษัตริย์ 3 พระองค์ ราชวงศ์สพุ รรณภมู ิ มีกษัตริย์ 13 พระองค์ ราชวงศ์สโุ ขทยั มีกษัตริย์ 7 พระองค์ ราชวงศ์ปราสาททอง มกี ษัตริย์ 4 พระองค์ ราชวงศ์บ้านพลหู ลวง มกี ษัตริย์ 6 พระองค์จดุ เร่ิมต้น
ชาวไทยเริ่มตงั ้ ถ่ินฐานบริเวณตอนกลาง และตอนลา่ งของลมุ่ แมน่ า้ เจ้าพระยามา ตงั ้ แต่พทุ ธศตวรรษท่ี 18 แล้ว ทงั ้ ยงั เคยเป็นที่ตงั ้ ของเมอื งสงั ขบรุ ี อโยธยา เสนาราช นคร และกมั โพชนคร ตอ่ มา ราวปลายพทุ ธศตวรรษท่ี 19 อาณาจกั รขอมและสโุ ขทยั เริ่มเส่ือมอานาจลง พระเจ้าอทู่ องทรงดาริจะย้ายเมอื งและพจิ ารณาชยั ภมู เิ พื่อตัง้ อาณาจกั รใหม่ และตดั สนิ พระทยั สร้างราชธานีแห่งใหมบ่ ริเวณตาบลหนองโสน (บงึ พระราม) และสถาปนากรุงศรีอยธุ ยาขนึ ้ เป็นราชธานี เมอื่ วนั ศกุ ร์ ขนึ ้ 6 ค่า เดอื น 5 ปี ขาล จลุ ศกั ราช 712 ตรงกบั วนั ศกุ ร์ที่ 4 มนี าคม พ.ศ. 1893 (พ.ศ.นีเ้ทียบจาก จ.ศ. แต่ จะตรงกบั ค.ศ. 1351) ช่ือวา่ กรุงเทพมหานคร บวรทวาราวดี ศรีอยธุ ยา มหาดลิ ก ภพ นพรัตน์ราชธานี บรุ ีรมย์อดุ มมหาสถาน ประวตั ิศาสตร์บางแหง่ ระบวุ า่ เกิดโรคระบาด ขนึ ้ พระเจ้าอทู่ องจงึ ทรงย้ายเมอื งหลวงมายงั กรุงศรีอยธุ ยา การขยายดนิ แดน กรุงศรีอยธุ ยาดาเนนิ นโยบายขยายอาณาจกั รด้วย 2 วธิ ีคือ ใช้กาลงั ปราบปราม ซง่ึ เหน็ ได้จากชยั ชนะในการยดึ ครองเมืองนครธม (พระนคร) ได้อยา่ งเด็ดขาดในสมยั สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 และอีกวิธีหน่ึงคือ การสร้างความสมั พนั ธ์แบบเครือ ญาติ อนั เหน็ ได้จากการผนวกกรุงสโุ ขทยั เข้าเป็นสว่ นหนึง่ ของอาณาจกั ร การลม่ สลายของอาณาจกั ร ชว่ งสมยั รัชกาลของสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั บรมโกศ เกิดการแย่งชิงราชสมบตั ริ ะหว่าง พระเจ้าเอกทศั กบั พระเจ้าอทุ มุ พร เน่ืองจากพระองค์ทรงเลอื กพระอนชุ าขนึ ้ เป็น กษัตริย์ไมเ่ ป็นไปตามราชประเพณี แต่พระเจ้าเอกทศั กท็ วงบลั ลงั ก์ ได้ขนึ ้ เป็นกษัตริย์ องค์สดุ ท้ายแห่งกรุงศรีอยธุ ยา ครัน้ ในปี พ.ศ. 2303 พระเจ้าอลองพญาทรงนาทพั มา
รุกรานอาณาจกั รอยธุ ยา พระเจ้าอทุ มุ พรทรงถกู เรียกตวั มาบญั ชาการตงั ้ รับพระนคร แต่ภายหลงั จากท่กี องทพั พมา่ ยกกลบั นนั ้ พระองค์ก็ได้ลาผนวชดงั เดมิ ในปี พ.ศ. 2308 พระเจ้ามงั ระ บตุ รของพระเจ้าอลองพญา ก็ได้รุกรานอาณาจกั รอยธุ ยาอีก ครัง้ หนึ่ง โดยแบง่ กองกาลงั ออกเป็น 2 สว่ น คือ ฝ่ ายเหนือภายใต้การบงั คบั ของเนเมยี วสีหบดี และฝ่ ายใต้ภายใต้การนาของมงั มหานรธา และมงุ่ เข้าตีอาณาจกั รอยธุ ยา พร้อมกนั ทงั ้ สองด้าน ฝ่ ายอยธุ ยาทาการตงั ้ รับอยา่ งเข้มแข็ง และสามารถต้านทานการ ปิดล้อมของกองทพั พมา่ ไว้ได้นานถึง 14 เดือน แต่ก็ไมอ่ าจหยดุ ยงั ้ การลม่ สลายได้ กองทพั พมา่ สามารถเข้าเมอื งได้ในวนั ท่ี 7 เมษายน พ.ศ. 2310. อาณาจกั รอยธุ ยา เป็นอาณาจกั รของชนชาตไิ ทยในอดีตตงั ้ แต่ พ.ศ. 1893-2310 มี เมืองหลวงที่ กรุงศรีอยธุ ยาเป็นอาณาจกั รซงึ่ มคี วามเจริญรุ่งเรืองจนอาจถือได้วา่ เป็ น อาณาจกั รที่รุ่งเรืองมงั่ คง่ั ที่สดุ ในภมู ภิ าคสวุ รรณภมู ิ อีกทงั ้ ยงั เป็นอาณาจกั รท่ีมี ความสมั พนั ธ์ทางการค้ากบั หลายชาติ จนถือได้ว่าเป็นศนู ย์กลางการค้าในระดบั นานาชาติ เชน่ จีน เวียดนาม อนิ เดีย ญ่ีป่ นุ เปอร์เซีย รวมทงั ้ ชาตติ ะวนั ตก เชน่ โปรตเุ กส สเปน ดตั ช์ และฝรั่งเศส เคยมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล โดยมีประเทศ ราชแผ่ขยายไปจนถงึ รัฐฉานของพมา่ อาณาจกั รล้านนา มณฑลยนู นานและมณฑล ชานสี อาณาจกั รล้านช้าง อาณาจกั รขอม และคาบสมทุ รมมลายใู นปัจจบุ นั ไทยเริ่ม ตงั ้ ถ่ินฐานบริเวณตอนกลาง และตอนลา่ งของลมุ่ แมน่ า้ เจ้าพระยามาตงั ้ แต่พทุ ธ ศตวรรษท่ี 18 แล้ว ทงั ้ ยงั เคยเป็นที่ตงั ้ ของเมืองสงั ขบรุ ี อโยธยา เสนาราชนคร และ กมั โพชนคร ต่อมา ราวปลายพทุ ธศตวรรษท่ี 19 อาณาจกั รขอมและสโุ ขทยั เร่ิมเสอ่ื มอานาจลง พระเจ้าอทู่ องทรงดาริจะย้ายเมืองและพจิ ารณาชยั ภมู เิ พ่ือตงั ้ อาณาจกั รใหม่ และ ตดั สนิ พระทยั สร้างราชธานีแห่งใหมบ่ ริเวณตาบลหนองโสน (บงึ พระราม) และ
สถาปนากรุงศรีอยธุ ยาขนึ ้ เป็นราชธานี เมื่อวนั ศกุ ร์ ขนึ ้ 6 ค่า เดือน 5 ปี ขาล จลุ ศกั ราช 712 ตรงกบั วนั ศกุ ร์ท่ี 4 มีนาคม พ.ศ. 1893 (พ.ศ.นีเ้ทียบจาก จ.ศ. แต่จะตรงกบั ค.ศ. 1351) ชื่อว่า กรุงเทพมหานคร บวรทวาราวดี ศรีอยธุ ยา มหาดลิ ก ภพนพรัตน์ราชธานี บรุ ีรมย์อดุ มมหาสถาน ประวตั ิศาสตร์บางแหง่ ระบวุ า่ เกิดโรคระบาดขนึ ้ พระเจ้าอทู่ อง จงึ ทรงย้ายเมืองหลวงมายงั กรุงศรีอยธุ ยา การขยายดนิ แดน กรุงศรีอยธุ ยาดาเนินนโยบายขยายอาณาจกั รด้วย 2 วิธีคือ ใช้กาลงั ปราบปราม ซง่ึ เหน็ ได้จากชยั ชนะในการยดึ ครองเมอื งนครธม (พระนคร) ได้อยา่ ง เดด็ ขาดในสมยั สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 และอีกวธิ ีหน่ึงคือ การสร้าง ความสมั พนั ธ์แบบเครือญาติ อนั เหน็ ได้จากการผนวกกรุงสโุ ขทยั เข้าเป็นสว่ นหนึง่ ของ อาณาจกั ร การลม่ สลายของอาณาจกั ร ชว่ งสมยั รัชกาลของสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั บรมโกศ เกิดการแยง่ ชิงราชสมบตั ิ ระหวา่ งพระเจ้าเอกทศั กบั พระเจ้าอทุ มุ พร เนื่องจากพระองค์ทรงเลือกพระอนชุ าขนึ ้ เป็นกษัตริย์ไมเ่ ป็นไปตามราชประเพณี แต่พระเจ้าเอกทศั ก็ทวงบลั ลงั ก์ ได้ขนึ ้ เป็น กษัตริย์องค์สดุ ท้ายแหง่ กรุงศรีอยธุ ยา ครัน้ ในปี พ.ศ. 2303 พระเจ้าอลองพญาทรงนา ทพั มารุกรานอาณาจกั รอยธุ ยา พระเจ้าอทุ มุ พรทรงถกู เรียกตวั มาบญั ชาการตงั ้ รับพระ นคร แตภ่ ายหลงั จากทก่ี องทพั พมา่ ยกกลบั นนั ้ พระองค์ก็ได้ลาผนวชดงั เดิม ในปี พ.ศ. 2308 พระเจ้ามงั ระ บตุ รของพระเจ้าอลองพญา ก็ได้รุกราน อาณาจกั รอยธุ ยาอีกครัง้ หน่ึง โดยแบง่ กองกาลงั ออกเป็น 2 สว่ น คือ ฝ่ ายเหนือภายใต้ การบงั คบั ของเนเมยี วสหี บดี และฝ่ ายใต้ภายใต้การนาของมงั มหานรธา และมงุ่ เข้าตี อาณาจกั รอยธุ ยาพร้อมกนั ทงั ้ สองด้าน ฝ่ ายอยธุ ยาทาการตงั ้ รับอยา่ งเข้มแข็ง และ
สามารถต้านทานการปิดล้อมของกองทพั พมา่ ไว้ได้นานถงึ 14 เดือน แตก่ ็ไมอ่ าจ หยดุ ยงั ้ การลม่ สลายได้ กองทพั พมา่ สามารถเข้าเมืองได้ในวนั ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2310 การกอบก้เู อกราชครัง้ ท่ี 2 ครัน้ ตอ่ มา พระยาวชิรปราการได้รวบรวมชมุ นมุ ทงั ้ หมดทเ่ี มืองจนั ทร์ แล้วได้ ขบั ไลพ่ มา่ และสามารถกอบก้เู อกราชครัง้ ท่ี 2 ได้สาเร็จในวนั ที่ 6 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2310 จากนนั ้ ในวนั ท่ี 28 ธนั วาคม พ.ศ. 2310 พระยาวชริ ปราการได้ทาพธิ ี ปราบดาภิเษกทานองเป็นพระมหากษัตริย์แหง่ กรุงศรีอยธุ ยา (แต่นกั ประวตั ศิ าสตร์ นบั เป็นสมยั ธนบรุ ี) เฉลมิ พระนามว่า \"สมเด็จพระบรมราชาที่ 4\" แตส่ ว่ นมากคนมกั เรียกทา่ นวา่ สมเด็จพระเจ้าตากสนิ มหาราช ขณะมีพระชนมายไุ ด้ 33 พรรษา ก่อนจะ ย้ายราชธานีไปยงั กรุงธนบรุ ีเป็นการชวั่ คราว พระราชวงศ์
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: