ถอดคํ าประพั นธ์ ขอให้ ดวงจิตของเรา จงลืมกิจการงานทัง> หลายท+ีเคยสุขสนุกสบาย เคยเสียดาย เคย วิตกและเคยปกครอง ต้ องละถ+ินท+ีเคยให้ ความสุขสําราญบานใจ และฝั นใฝ่ อยากเป็ นเจ้ าของ ขอจงหมดความวิตก หมดความเสียดายหมดส+ิงที+ปรารถนา โดนไม่หันหลังกลับไปมองมันอีก เลย
สั ทพจน์ เลี ยนเสี ยงระฆั ง วังเอ๋ ยวั งเวง หง่างเหง่ง!ยํ+าค+ําระฆั งขาน ฝูงวัวควายผ้ ายลาทิวากาล ค่อยค่อยผ่านท้ องทุ่งมุ่งถิ+นตน ชาวนาเหน+ ื อยอ่ อนต่ างจรกลั บ ตะวันลั บอั บแสงทุ กแห่ งหน ทิ>งทุ่งให้ มื ดมัวท+ัวมณฑล และทิ>งตนตูเปลี+ยวอยู่เดียว เอย.
เลี ยนเสี ยงจิ >งหรี ดเรไรและ สัทพจน์ การเคาะเกราะของชาวนา ยามเอ๋ ยยามนี > ปถพีมื ดมัวทั+วสถาน อากาศเย็ นเยื อกหนาวคราววิ กาล สงัดปานป่ าใหญ่ ไร้ สําเนียง มี ก็ แต่ เสี ยงจั งหรี ดกระกรี ดกร+ิ ง! เรไรหร+ิง! ร้ องขรมระงมเสียง คอกควายวัวรัวเกราะเปาะเปาะ ! เพียง รู้ว่าเสียงเกราะแว่วแผ่วแผ่ว เอย. คํ าซํ าd
สั ทพจน์ เลียนเสียงนกแสกซ+ึงเป็ น สัญลักษณ์ แห่งความตาย นกเอ๋ ยนกแสก จับจ้องร้ องแจ๊กเพียงแถกขวัญ อยู่ บนยอดหอระฆั งบั งแสงจันทร์ มี เถาวั ลย์ รุ งรังถึ งหลั งคา เหมือนมันฟ้องดวงจันทร์ให้ ผันดู คนมาสู่ ซ่ องพั กมั นรั กษา ถือเป็ นท+ีรโหฐานนมนานมา ให้ เส+ือมผาสุกสันต์ ของมัน เอย. อุ ปมา เปรียบเสียงร้ องของนกแสกยามเกาะ อยู่บนหอคอยเหมือนเสียงร้ องฟ้อง ดวงจันทร์ว่ามี คนมาบุกรุกที+อยู่ ของมั น
ทอดเอ๋ ยทอดทิ >ง ยามหนาวผิงไฟล้ อมอยู่พร้อมหน้ า ทิ>งเพื+อนยากแม่เหย้ าหาข้ าวปลา ทุกเวลาเช้ าเย็นเป็ นนิรันดร์ ทิง> ทั>งหนูน้ อยน้อยร่ อยร่ อยรับ เห็ นพ่ อกลั บปลื >มเปรมเกษมสั นต์ เข้ ากอดคอฉอเลาะเสนาะกรรณ สารพันทอดทิง> ทุกส+ิง เอย. คํ าซํ dา
กองเอ๋ยกองข้ าว กองสู งราวโรงนายิ+ งน่ าใคร่ เกิดเพราะการเก็บเก1ียวด้ วยเคียวใคร ใครเล่าไถคราดพืdนฟืd นแผ่ นดนิ สํ าราญใจตามเขตประเทศถิ+ น เช้ าก็ขับโคกระบื อถือคันไถ ยึ ดหางยามยั กไปตามใจจิ นต์ หางยามผินตามใจเพราะใคร เอย. คํ าถามเชิ งวาทศิ ลป์ คําถามเพื+อให้ เกิดความระลึกถึง บุญคุณของชาวนา ไม่ได้ ต้ องการ คํ าตอบ
อุ ปลักษณ์ เปรียบความรู้เป็ นเคร+ืองมือชีน> ํ า ทางไปสู่ อนาคต ความเอ๋ ยความรู้ เป็ นเครื+องชูชี>ทางสว่างไสว หมดโอกาสที+จะชี>ต่อนีไ> ป ละห่วงใยอยากรู้ลงสู่ดิ น อันความยากหากให้ ไร้ศึกษา ย่นปั ญญาความรู้อยู่แค่ถ+ิน หมดทุ กข์ ขลุ กแต่ กิ จคิ ดหากิ น กระแสวิญญาณงันเพียงนั>น เอย.
ห่ วงเอ๋ ยห่ วงอะไร ไม่ยิ+งใหญ่ เท่ าห่วงดวงชีวิต แม้ คนลืมส+ิงใดได้ สนิท ก็ยังคิดขึ>นได้ เม+ือใกล้ ตาย ใครจะยอมละทิง> ซ+ึงสิ+งสุข เคยเป็ นทุกข์ห่วงใยเสียได้ ง่าย ใครจะยอมละแดนแสนสบาย โดยไม่ชายตาใฝ่ อาลัย เอย. คําถามเชิงวาทศิลป์ คําถามเพื+อให้ ระลึกตามถึงความห่วงของ มนุษย์ท+ีย่อมห่ วงความสุขความสบายของ ชีวิต ไม่ได้ ต้ องการคําตอบ
คณุ ค่าทางเนือD หา กลอนดอกสร้อยรําพงึ ในป่ าช้า
๑.แสดงแนวคิดหลั กเก1 ียวกับสั จธรรมของชีวิตตามกฎไตรลั กษณ์ ซ1ึงแสดงถึงความเป็ นอนิจจังของชีวิตมนุษย์ ไม่ว่าใครก็หนีความตายไม่ พ้น จึง ควรดําเนินชีวิตแบบรู้จักปล่ อยวาง ไม่ยึดติดกับส1ิงใด เช่น บทท+ี ๔ เรายิ+งใกล้ หลุมน>ันทุกวัน เอย.” “แห่ งหลุ มลึ กลานสลดระทดใจ แต่ล้ วนผันมาประจบหลุมศพ เอย.” บทท+ี ๙ “วิถีแห่งเกียรติยศทัง> หมดนั>น
๒.ผู้แต่งรู้จักเลือกใช้ คําให้ เกิดความรู้สึกและอารมณ์ สะเทือนใจ เก1ียวกับชีวิต ความตาย ความเหงา ความวังเวงใจ สังเวชใจ ทําให้ผู้อ่ าน มีอารมณ์ ร่วมไปกับกวี เช่น วังเอ๋ ยวั งเวง หง่างเหง่ง!ยํ+าคํ+าระฆั งขาน ฝูงวัวควายผ้ ายลาทิวากาล ค่อยค่อยผ่านท้ องทุ่งมุ่งถ+ินตน ชาวนาเหน+ ื อยอ่ อนต่ างจรกลั บ ตะวันลั บอั บแสงทุ กแห่ งหน ทิ>งทุ่งให้ มื ดมัวท+ัวมณฑล และทิ>งตนตูเปลี+ยวอยู่เดียว เอย. แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกว้าเหว่ของกวีท+ีถูกทอดทิง> ให้ อยู่เพียงผู้เดียว ท่ ามกลางความมื ด
คุณค่าทางสังคม กลอนดอกสร้อยรําพงึ ในป่ าช้า
น๑.การดัดแปลงเนืdอหาให้เข้ากับสังคมไทยเพ1ือให้ สามารถส1ือความ ให้เข้ าใจได้อย่างชัดเจน เช่น • เปลี+ยน จอห์น แฮมเด็น (นักการเมืองท้ องถิ+น) เป็ น ชาวบ้านบางระจัน • เปล+ียน จอห์น มิลตัน (กวีเอกของอังกฤษ) เป็ นศรีปราชญ์ • เปล+ียน โอลิเวอร์ ครอมเวลล์ (นักการทหารและนักการเมือง) เป็ น ผู้กู้บ้ านกู้เมือง • เปลี+ยน ต้ นเอล์ม เป็ น ต้ นโพธิo • เปล+ียน ต้ นไอวี+ เป็ น เถาวัลย์ • เปล+ียน แมลงบีตเทิ ล เป็ น จังหรีดเรไร
๒.แสดงถึงค่ านิ ยมของคนในสั งคมไทยในอดีตที1 ชอบความสง บ เรียบง่ายจึงไม่ มีความทะเยอทะยานอยากได้ ใคร่มี ชีวิตมีสุขเพราะพึงพอใจ ส1ิงท1ีตนมี โดยยกชีวิตชาวนามาเป็ นแบบอย่างท1ีมีชีวิตเรียบง่ายเพ1ือให้คน ไม่ดูถูกชาวนา เช่น ตั วเอ๋ยตัวทะยาน อย่าบันดาลดลใจให้ ใฝ่ ฝั น ดู ถู กกิ จชาวนาสารพั น และความครอบครองกั นอันช+ื นบาน เขาเป็ นสุขเรียบเรียบเงียบสงัด มีปวัตตoิเป็ นไปไม่วิตถาร ขออย่าได้ เย้ ยเยาะพูดเราะราน ดูหม+ินการเป็ นอยู่เพ+ือนตู เอย.
๓.แสดงถึงความแตกต่างทางฐานะในสังคม โดยคนยากจนเช่นชาวนา เม+ื อตายไป ไม่มีใครสนใจ แต่ถ้ าเป็ นคนมีเกียรติยศช+ือเสียงเม+ือตายจะมีการจัดงานที+ ใหญ่ โต มีผู้คนมากราบไหว้ บูชา ดังเช่น “ศพเอ๋ ยศพไพร่ ไม่มีใครขึน> ช+ือระบือขาน ไม่ เกรงใครนิ นทาว่ าประจาน ไม่ มี การจารึ กบั นทึ กคุ ณ” “ศพเอ๋ ยศพสู ง เป็ นเครื+องจูงจิตให้ เล+ือมใสศานต์ จารึ กคํ าสํ านวนชวนสั กการ ผิ ดกั บฐานชาวนาคนสามั ญ”
ส่ งสมุดและหนังสื อเรี ยน ภายใน ๑๖.๐๐ น. วนั ศุกร์ทLี ๑๙ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๕๙ (วนั สุดทา้ ย) โดยหนงั สือตอ้ งทาํ เรืLองโคลงสุภาษิตตRงั แต่ การเรียนรู้ทLี ๑ ๓ ๔ ๖ ๑๑ ๑๒ ๑๓๑๕ ๒๐ ๒๑ ๒๓ ๒๔ ใหค้ รบ (๑๑๗-๑๓๗ เฉพาะกจิ กรรมทีกL าํ หนด)
งานแต่งกลอนดอกสร้อย ให้นกั เรียนพมิ พก์ ลอนดอกสร้อยทีคL รูตรวจและปรับแกใ้ หแ้ ล้วลง ในกระดาษ A4 แลว้ หาภาพประกอบตกแตง่ ใหส้ วยงาม (ทาํ คนละ ๑ แผน่ เยบ็ มาส่งพร้อมตน้ ฉบบั ) (ทาํ ในคอมพวิ เตอร์) *ส่งวนั ศกุ ร์ทีL ๑๙ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๕๙ กอ่ น ๑๖.๐๐ น* (คะแนนเตม็ ๑๐ คะแนน) คนทีMครูให้ปรบั แก้สามารถแก้มาส่งใหมไ่ ด้ภายใน *๑๙ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๕๙* **มฉิ ะนRนั จะใหค้ ะแนนตามเดมิ **
ขอบคุณสาํ หรับความตRงั ใจณ
Search