Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชนิดของคำ

ชนิดของคำ

Published by chatchaikaka2537, 2020-07-16 23:54:43

Description: ชนิดของคำ

Search

Read the Text Version

การเลือกใช้คาในงานอาชพี การเขียนงานทกุ ประเภทจะตอ้ งเลอื กใชค้ าใหเ้ หมาะสม การเลอื กใช้คานอกจากจะตอ้ ง คานึงถึงความถูกต้องแล้ว ยงั ต้องคานึงถึงการสื่อความได้ดีอีกด้วย

ชนิดของคา คานาม คือ คาที่ใชเ้ รยี กชือ่ คน สัตว์ สิง่ ของ สถานที่ รวมท้ังส่งิ ท่มี ชี ีวิต และไมม่ ชี วี ิต ท้งั ท่ีเปน็ รปู ธรรม และนามธรรม เช่น เด็ก พ่อ แม่ นก ช้าง บ้าน โรงเรียน ความดี ความรกั ฯลฯ สามมานยนาม คือ คานามที่ใช้เรยี กช่อื ท่ัวไปไมช่ ีเ้ ฉพาะเจาะจง เชน่ พ่อ แม่ นก รถ ขนม ทหาร ตารวจ ครู คน ประเทศ รฐั บาล ฯลฯ ตวั อยา่ ง - นกั เรียนอา่ นหนงั สอื - แมซ่ ื้อผลไม้ในตลาด

วสิ ามานยนาม คอื นามที่เป็นชื่อเฉพาะของคน สตั ว์ ส่ิงของ สถานที่ เชน่ ครูสมศรี ประเทศไทย วันจนั ทร์ จังหวัดปัตตานี โรงเรียนเดชะปัตตนยานุกลู ฯลฯ ตวั อย่าง - โรงเรียนเดชะปัตตนยานกุ ูลต้งั อย่ใู นจังหวดั ปัตตานี - เด็กชายวุฒชิ ยั ได้รบั รางวลั เรียนดีเยย่ี ม

ลักษณะนาม คือ คานามทใ่ี ชบ้ อกลักษณะของนามหรอื กริยา เพอ่ื บอกขนาด รปู รา่ งสณั ฐาน ปริมาณ เช่น ตวั ดา้ ม เม็ด หลัง ฯลฯ ตวั อยา่ ง - บ้านหลังน้ีทาสสี วยมาก - ฟนั นา้ นมนอ้ งหัก ๒ ซ่ี

สมหุ นาม คอื คานามท่ีบอกหมวดหม่ขู องนามทั่วไปและนามเฉพาะ เพ่อื บอกถงึ ลกั ษณะท่รี วมกันเปน็ หมู่ เป็นพวก เชน่ ฝูง โขลง กอง กลุ่ม คณะ ฯลฯ ตวั อย่าง - กองทหารรักษาการณอ์ ยู่ตลอดเวลา - ฝูงนกบินออกหาอาหารในเวชาเช้าตรู่

อาการนาม คอื คานามที่บอกกิริยาอาการหรอื ความปรากฏเปน็ ต่าง ซงึ่ มีคา \"การ\" \"ความ\"นาหนา้ ตัวอยา่ ง - การเดนิ ทางในครัง้ นี้ปลอดภัยเปน็ อย่างยง่ิ - ความรกั ทาใหค้ นตาบอด

อาการนาม (ตอ่ ) - การ ใช้นาหนา้ คากรยิ า เช่น การเดนิ การว่ิง การพูด การเจรจา การอา่ น การทางาน การกนิ ฯลฯ - ความ ใช้นาหนา้ คาวเิ ศษณแ์ ละคากริยาเก่ยี วกบั จติ ใจ เช่น ความดี ความรัก ความสวย ความเจรญิ ความสุข ความคิด ความฝนั ความเขา้ ใจ ฯลฯ

คาสรรพนาม คือ คาที่ใชแ้ ทนคานามทีผ่ ู้พดู หรอื ผู้เขยี นได้กล่าวแลว้ หรอื เป็นท่เี ข้าใจกนั ระหวา่ งผู้ฟงั และผู้ พูด เพ่ือไมต่ อ้ งกลา่ วคานามซ้า

บุรษุ สรรพนาม คอื คาสรรพนามทใ่ี ชแ้ ทนในการพดู จา แบง่ เป็น ๓ พวก คอื - สรรพนามบรุ ษุ ท่ี ๑ หมายถึง คาสรรพนามทใี่ ชแ้ ทนตัวผพู้ ดู เช่น ฉัน ผม กระผม ขา้ พเจ้า กู เราอาตมา ข้าพระพทุ ธเจ้า ฯลฯ - สรรพนามบุรษุ ที่ ๒ หมายถงึ คาสรรพนามที่ใชแ้ ทนชอื่ ผ้ฟู งั เชน่ เธอ ทา่ น คณุ มึง เอ็ง ลื้อ แก ใตเ้ ทา้ พระองค์ - สรรพนามบรุ ุษท่ี ๓ หมายถึง คาสรรพนามทใ่ี ชแ้ ทนชอื่ ผู้ทพ่ี ดู ถงึ หรือสิ่งทีก่ ลา่ วถงึ เช่น เขา มัน แกทา่ น หลอ่ น พระองค์ ฯลฯ

คากรยิ า หมายถึง คาแสดงอาการ การกระทา หรือบอกสภาพของคานามหรอื คาสรรพนาม เพื่อให้ได้ ความ เช่นคาว่า กนิ เดิน น่ัง นอน เล่น จบั เขยี น อ่าน เปน็ คือ ถูก คลา้ ย เปน็ ต้น

อกรรมกรยิ า คือ คากริยาที่ไม่ตอ้ งมีกรรมมารับกไ็ ดค้ วามสมบูรณ์ เข้าใจได้ เช่น - เขา\"ยนื \"อยู่ - น้อง\"นอน\"

สกรรมกริยา คอื คากรยิ าท่ตี อ้ งมีกรรมมารบั เพราะคากรยิ านไี้ ม่มีความสมบรู ณใ์ นตวั เอง เช่น ฉนั \"กนิ \"ข้าว (ข้าวเปน็ กรรมที่มารับคาวา่ กิน) เขา\"เหน็ \"นก (นกเปน็ กรรมท่ีมารบั คาวา่ เหน็ )

วิกตรรถกริยา คือ คากรยิ าทไี่ มม่ ีความหมายในตวั เอง ใชต้ ามลาพงั แล้วไม่ไดค้ วาม ต้องมีคาอ่นื มาประกอบจึง จะไดค้ วาม คากริยาพวกน้คี อื เป็น เหมอื น คลา้ ย เทา่ คือ เชน่ - เขา\"เปน็ \"นกั เรียน - เขา\"คอื \"ครขู องฉันเอง

กริยานุเคราะห์ คอื คากริยาทท่ี าหนา้ ที่ชว่ ยคากริยาสาคัญในประโยคให้มีความหมายชดั เจนขน้ึ ไดแ้ ก่คาวา่ จง กาลงั จะ ย่อม คง ยงั ถูก นะ เถอะ เทอญ ฯลฯ เช่น - นายดา\"จะ\"ไปโรงเรียน - เขา\"ถูก\"ตี

กรยิ าสภาวมาลา คอื คากรยิ าทท่ี าหนา้ ที่เป็นคานามจะเปน็ ประธาน กรรม หรือบทขยายของประโยคกไ็ ด้ เชน่ - \"นอน\"หลบั เปน็ การพักผอ่ นทด่ี ี (นอน เปน็ คากริยาที่เปน็ ประธานของประโยค) - ฉันชอบไป\"เท่ียว\"กบั เธอ (เท่ียว เป็นคากริยาทีเ่ ป็นกรรมของประโยค)

คาวเิ ศษณ์ คาทใ่ี ชข้ ยายคานาม คาสรรพนาม คากริยา และคาวเิ ศษณ์ เพ่อื ใหไ้ ด้ความชัดเจนยิ่งขน้ึ

ลักษณวเิ ศษณ์ คอื คาวเิ ศษณบ์ อกลักษณะ ชนดิ สี ขนาด สณั ฐาน รส กลน่ิ เสยี ง ความรสู้ กึ ไดแ้ ก่ คา ใหญ่ เล็ก เร็ว ชา้ หอม เหม็น เปรี้ยว หวาน ดี ชั่ว ร้อน เยน็ ฯลฯ ตวั อยา่ ง - บ้านเล็กในปา่ ใหญ่ - ผักสดมปี ระโยชน์ต่อรา่ งกาย - นอ้ งสงู พเ่ี ต้ยี

กาลวิเศษณ์ คอื คาวิเศษณท์ บ่ี อกเวลาในอดตี ปัจจบุ ัน อนาคต เช้า สาย บา่ ย เยน็ ตวั อย่าง - เขาไปทางานเช้า - เย็นนี้ฝนคงจะตก - เราจากกนั มานานมาก

สถานวเิ ศษณ์ คือ คาวเิ ศษณท์ บี่ อกสถานท่ี ระยะทาง ได้แก่ คา ใกล้ ไกล บน ลา่ ง เหนอื ใต้ ซา้ ย ขวา หนา้ หลงั ฯลฯ ตัวอยา่ ง - พ่ีเดนิ หน้า น้องเดินหลัง - โรงเรียนอยู่ใกล้ตลาด - แจกันอยูบ่ นโต๊ะ

ประมาณวเิ ศษณ์ คอื คาวิเศษณท์ ่ีบอกจานวนหรอื ปริมาณ ได้แกค่ า มาก นอ้ ย หนึ่ง สอง หลาย ท้งั หมด ฯลฯ ตัวอย่าง - เขาไปเทีย่ วหลายวนั - ฉนั เลีย้ งสุนขั สองตัว - คนอว้ นกนิ จุ

นิยมวเิ ศษณ์ คาวเิ ศษณท์ ่ีบอกความชี้เฉพาะ ชอกกาหนดแนน่ อน ได้แก่ คา น่ี น่ัน โน่น นั้น โนน้ เหลา่ น้ี เฉพาะ แน่นอน จรงิ ฯลฯ

อนิยมสรรพนาม คือ คาวิเศษณท์ แี่ สดงความไม่ชี้เฉพาะ ไมแ่ น่นอน ไดแ้ ก่ คา อะไร ทาไม อย่างไร ไย เช่นไร ฉนั ใด กี่ ฯลฯ ตัวอยา่ ง - เขาจะไปไหนกช็ ่างเขาเถอะ - แมซ่ อ้ื อะไรมาเรากท็ านไดท้ ัง้ นั้น - เธอมาทาไมไม่มีใครสนใจ

ปฤจฉาวเิ ศษณ์ คือ คาวเิ ศษณท์ ี่บอกเน้ือความเปน็ คาถามหรือความสงสัย ไดแ้ ก่ คา อะไร ไหน ทาไม อย่างไร ฯลฯ ตวั อยา่ ง - น้องทาอะไร - สิ่งใดอย่บู นโตะ๊ - เธอจะทาอยา่ งไร

ประติชญาวเิ ศษณ์ คือ คาวิเศษณท์ ใี่ ช้ในการเรยี กขานและโตต้ อบกัน ได้แก่ คา คะ ขา ครับ ขอรบั จา๋ จะ๊ พระพทุ ธเจ้าขา้ ฯลฯ ตวั อยา่ ง - หนจู า๋ มาหาครูหนอ่ ยซิจะ๊ - คุณพ่อครับผมขออนุญาตไปดหู นังนะครับ - หนูกลับมาแลว้ ค่ะ

ประติเษธวิเศษณ์ คอื คาวิเศษณท์ บี่ อกความปฏิเสธ ได้แก่ คา ไม่ ไมใ่ ช่ ไมไ่ ด้ หามิได้ บ่ ฯลฯ ตวั อย่าง - เขาไมท่ าการบา้ นสง่ ครู - คนพูดโกหกจรงิ ไม่มใี ครเชอื่ ถอื - หนงั สอื นไี้ มใ่ ช่ของฉนั ฉันไมส่ ามารถรับได้

คาบุพบท คาทที่ าหนา้ ทเ่ี ชื่อมโยงคาหน่ึงหรือกลมุ่ คาหน่งึ ใหส้ ัมพันธก์ บั คาอ่นื หรือกลมุ่ คาอืน่ เพ่อื แสดงความหมายตา่ ง ๆ เช่น ความเปน็ เจ้าของ ลักษณะ เหตุผล เวลา สถานที่ ประมาณ ความตอ้ งการ เปรียบเทียบ ฯลฯ ไดแ้ ก่ คา ใน แก่ แต่ ต่อ สาหรบั โดย ดว้ ย ของ แห่ง ใกล้ ไกล ฯลฯ

คาบพุ บทท่เี ชื่อมโยงกบั บทอ่นื - บุพบทนาหนา้ กรรม - เราตอ้ งอาศยั ซ่งึ กันและกนั - บุพบทนาหนา้ คาที่เปน็ เจา้ ของ - สถานวี ทิ ยกุ ระจายเสียงแห่งประเทศไทย - บพุ บทนาหนา้ คาบอกลกั ษณะ - ยายกนิ ข้าวดว้ ยมือ - บุพบทนาหน้าคาบอกเวลา -เขามาถึงบา้ นเมือ่ เชา้ น้ี - บพุ บทนาหนา้ คาบอกสถานท่ี - น้าอยใู่ นต้เู ย็น - บพุ บทนาหนา้ คาบอกประมาณ - ฝนตกหนักตลอดปี

คาบุพบทที่ไมเ่ ชอ่ื มโยงกบั บทอื่น สว่ นมากจะอยตู่ น้ ประโยค ใชเ้ ปน็ การทกั ทาย มกั ใช้ในคาประพนั ธ์ ตวั อย่าง - ดูกร ภกิ ษทุ ั้งหลาย การปฏบิ ตั ธิ รรมเปน็ หลกั สาคัญทางศาสนา - ขา้ แต่ พระคณุ เจ้า ข้าพเจา้ ความเมตตาจากท่าน - ดูกอ่ น ท่านผู้เจริญ ความเมตตาตอ่ สรรพสัตวเ์ ป็นสง่ิ พึงกระทา

คาสนั ธาน คาท่ที าหนา้ ทเ่ี ชอื่ มคากับคา ประโยคกบั ประโยคขอ้ ความกบั ขอ้ ความ หรือ ความให้สละสลวย ไดแ้ ก่ คา และ หรอื แต่ เพราะ ฯลฯ

คาสันธานเชื่อมใจความท่คี ลอ้ ยตามกนั ได้แก่ คา กับ, และ, ท้ัง...และ, ทง้ั ...ก,็ คร้นั ...ก,็ คร้นั ...จึง, พอ...ก็ ตัวอยา่ ง - พอ่ และแม่รักฉนั มาก - ฉันอา่ นทงั้ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ - พอมาถึงบ้านฝนกต็ ก

คาสันธานเชอ่ื มใจความที่ขดั แย้งกนั ได้แก่ คา แต,่ แตท่ ว่า, ถึง...ก,็ กว่า...ก็ ตวั อย่าง - นอ้ งอ่านหนังสือแต่พีฟ่ งั เพลง - ถึงเขาจะปากร้ายแต่เขากใ็ จดี - กวา่ ถัว่ จะสกุ งากไ็ หมเ้ สียแลว้

คาสันธานเชอื่ มใจความท่ีให้เลอื กเอาอย่างใดอยา่ งหน่งึ ไดแ้ ก่ คา หรือ, หรือไมก่ ,็ มิฉะนนั้ , ไม่เชน่ นนั้ , ไม.่ ..ก็ ตัวอย่าง - เธอจะอา่ นหนังสือหรือฟงั เพลง - เราต้องขยนั เรยี นมิฉะน้นั จะสอบตก - นกั เรยี นตอ้ งชว่ ยกนั ทาความสะอาดหอ้ งเรยี นหรือไมก่ ็พัฒนาเขตรบั ผดิ ชอบ

คาสนั ธานเชือ่ มใจความทเ่ี ป็นเหตเุ ป็นผลกนั ได้แก่ จงึ , เพราะ, เพราะว่า, เพราะ.....จึง, ฉะนัน้ ...จงึ ตัวอย่าง - นักเรียนไม่ตง้ั ใจเรียนจึงสอบไมผ่ า่ น - เพราะเขาเปน็ คนดจี ึงไดร้ ับการยกยอ่ ง - สพุ ิศมคี วามรับผดิ ชอบดังนนั้ จงึ ได้รบั คดั เลือกเปน็ ประธานนกั เรยี น

ขอ้ สงั เกต ๑. คาสันธานบางคาใช้เขา้ คู่กนั เช่น เพราะ......จงึ , กว่า......ก็ ฯลฯ ๒. คาสันธานอาจอยใู่ นตาแหนง่ ตา่ ง ๆ ของประโยค เช่น - อยู่ระหว่างคา ฉันซอื้ ดอกกุหลาบและดอกบัว - อยหู่ น้าประโยค เม่ือทาผดิ ก็ต้องถูกลงโทษ - อยรู่ ะหว่างประโยค เธอจะเล่นหรอื จะเรยี น

ข้อสงั เกต ๓. ประโยคทม่ี ีคาสนั ธานเชอื่ มจะแยกไดเ้ ปน็ ประโยคยอ่ ยตง้ั แต่ ๒ ประโยคขึน้ ไป ๔. คาบางคาเปน็ ไดท้ ัง้ คาสนั ธานและคาบพุ บท โดยการพิจารณาการแยกประโยคเปน็ สาคัญ เช่น - เราทางานเพอื่ ชาติ (เปน็ บพุ บท) - เราทางานเพอ่ื เราจะได้สนองคณุ ชาติ (เปน็ สันธาน)

ขอ้ สงั เกต ๕. คาสันธานอาจเปน็ กลุ่มคากไ็ ด ๖. ประพันธสรรพนาม หรือสรรพนามเชอื่ มประโยค ที่, ซง่ึ , อนั จัดเปน็ คาสนั ธานด้วย เชน่ - สตรผี ้มู ีความงามย่อมเป็นทส่ี นใจของคนทวั่ ไป - เขาทางานอยู่ในท้องถ่นิ ซึ่งหา่ งไกลความเจรญิ - ชายทีย่ ืนอย่นู ้ันเปน็ ทหาร

คาอุทาน คาทเ่ี ปลง่ ออกมาเพอ่ื แสดงอารมณ์ ความรูส้ ึกของผู้พดู ซ่ึงอาจเปล่งออกมาในขณะทตี่ กใจ ดีใจ เสยี ใจ ประหลาดใจ คาอุทานส่วนมากไมม่ ีความหมายตรงตามถ้อยคา แต่จะมคี วามหมายเน้น ความรู้สึก และอารมณ์ของผู้พูดเป็นสาคัญ

อทุ านบอกอาการ เชน่ โอ๊ย อา้ ว วา๊ ย โอย โอย๊ ตายจริง คณุ พระชว่ ย โอโ้ ฮ ฯลฯ ตัวอย่าง - โอ๊ย ! เจบ็ เหลือเกิน - ตายจรงิ ! ฉนั ไม่น่าลืมเลย

อุทานเสรมิ บท เช่น อาบนา้ อาบท่า, ไปวดั ไปวา, ผ้าผ่อน, เสือ้ แสง ฯลฯ ตัวอยา่ ง - เด็ก ๆ สกปรกมอมแมม รบี ไปอาบน้าอาบทา่ ให้เรยี บรอ้ ย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook