บทที บทบาทของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ในวรรณคดีไทย บทบาท หมายถึง การทาํ ท่าตามบท, การรําตามบท, โดยปริยายหมายความว่า การทาํ ตามหน้าที ทีกําหนดไว้ เช่ น บทบาทของพ่อแม่ บทบาทของครู (พจนานุ กรมฉบับ ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. , : ) ในวรรณคดีไทยกวีสร้างตวั ละครอปั ลกั ษณ์ขึน เพือให้ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทาํ หนา้ ทีตามจุดมงุ่ หมายทีกวีกาํ หนดไว้ ผศู้ ึกษาพบว่า ตวั ละครอปั ลกั ษณ์มีบทบาท ต่อการสร้างสรรคว์ รรณคดีไทย ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ . บทบาทของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีมตี ่อโครงเรือง . บทบาทของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีมีต่อตวั ละคร . บทบาทของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ในการถา่ ยทอดทศั นคติต่อความอปั ลกั ษณ์ . บทบาทของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทมี ตี ่อโครงเรือง โครงเรือง คือ กลวิธีการเชือมโยงเหตุการณ์ทีเกิดขึนในเรืองให้ดาํ เนินต่อเนืองเป็ น เรืองราวอยา่ งมเี หตุผลตงั แต่ตน้ ไปจนถงึ จุดจบของเรือง (สายทิพย์ นุกูลกิจ, : ) สมเกียรติ รักษมณี ( : - ) กล่าวถงึ การแบ่งโครงเรือง และโครงสร้างหลกั ของ โครงเรืองไวด้ งั นี โครงเรือง สามารถแบง่ ออกเป็น ลกั ษณะ คือ โครงเรืองหลกั และโครงเรืองยอ่ ย ดงั นี . โครงเรืองใหญ่ (Main Plot) จะเป็นแนวเรืองทีกวีตอ้ งการให้เรืองดาํ เนินไปทิศทาง ใดทศิ ทางหนึงอาจเป็นการผูกปมเรืองทีซับซอ้ นมากขึน แลว้ มกี ารคลีคลายปมเหลา่ นีในตอนจบ . โครงเรืองยอ่ ย (Sub Plot) หรือโครงเรืองรอง เป็นเรืองทีแทรกอยใู่ นโครงเรืองใหญ่ แมว้ ่าโครงเรืองยอ่ ยจะมคี วามสาํ คญั นอ้ ยกว่าโครงเรืองใหญ่ แตก่ เ็ ป็นส่วนทชี ่วยสร้างสีสนั และเพิม ความสนุกสนานในแก่เนือเรืองในวรรณคดไี ด้
142 ในส่วนโครงเรืองจะประกอบดว้ ย ส่วนหลกั ไดแ้ ก่ การเริมเรือง การดาํ เนินเรือง และ การปิ ดเรือง . การเริมเรือง (Exposition) จะต้องมีการเปิ ดเรืองทีน่าสนใจเพือดึงดูดให้ผูอ้ ่าน ติดตามเรืองราว การเปิ ดเรืองไมจ่ าํ เป็นตอ้ งเริมทีจุดแรกของเหตุการณ์ในเรือง กวบี างคนอาจเลือก เปิ ดเรืองในตอนกลางเรือง หรืออาจเปิ ดเรืองในตอนทา้ ยของเรืองกไ็ ด้ . ตอนดาํ เนินเรือง (Complication) เป็นช่วงของการสร้างปมและผูกปม ปมเหล่านีจะ ประกอบดว้ ยอปุ สรรคตา่ ง ๆ รวมถงึ ความขดั แยง้ (Conflict) การดิ นรนตอ่ สู้ของตวั ละคร เมือความ ยงุ่ ยากซับซ้อนทวขี นึ มาจนทีสุดก็ถึงจุดสุดยอดของเรือง (Climax) ซึงเป็ นจุดทีตึงเครียดทีสุดของ เรือง จากนนั กวีจึงจะค่อย ๆ คลคี ลายปมปัญหาลง . การปิ ดเรือง คือการคลายปมปัญหาสิ นสุดลง ซึงกวีจะเลือกปิ ดเรืองแบบอย่าง บริบูรณ์ โดยไมท่ ิ งการคาดเดาไวอ้ ีกตอ่ ไป หรือจะเลอื กปิ ดเรืองแบบใหผ้ ูอ้ า่ นคาดเดาต่อไป เมือศึกษาบทบาทของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีมีต่อโครงเรืองพบว่า ตวั ละครอปั ลกั ษณ์มี บทบาทสาํ คญั ในการดาํ เนินเรือง กวจี ะสร้างความอปั ลกั ษณ์ของตวั ละครใหเ้ ป็นปมปัญหาของเรือง ตวั ละครอปั ลกั ษณ์จึงเป็นตวั สร้างความขดั แยง้ ให้แก่เรืองใน ลกั ษณะ คือ การสร้างความขดั แยง้ ระหว่างตวั ละครอปั ลกั ษณ์กบั ตวั ละครอนื ในเรือง และการเป็นตน้ เหตุใหต้ วั ละครอนื ในเรืองขดั แยง้ กนั อธิบายไดด้ งั นี . การสร้างความขัดแย้งระหว่างตวั ละครอปั ลกั ษณ์กบั ตวั ละครอืนในเรือง ตวั ละครอปั ลกั ษณ์สร้างความขดั แยง้ ระหว่างตวั ละครอปั ลกั ษณ์กบั ตวั ละคร อนื ในเรือง คือ รูปลกั ษณ์อนั อปั ลกั ษณ์ของตวั ละครอปั ลกั ษณ์มีผลต่อการสร้างความขดั แยง้ ระหว่าง ตวั ละครอปั ลกั ษณ์กบั ตวั ละครอืนในเรือง ความขดั แยง้ ดงั กล่าวเกิดขึน ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ ตวั ละคร อปั ลกั ษณ์ทีเป็นตวั ละครเอกขดั แยง้ กบั ตวั ละครอืนในเรือง และตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีเป็ นตวั ละคร ฝ่ ายร้ายขดั แยง้ กบั ตวั ละครเอก ดงั นี . . ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีเป็ นตวั ละครเอกขัดแย้งกบั ตัวละครอืนใน เรือง ตัวละครพระเอกและตัวละครนางเอกมีรู ปลักษณ์ภายนอกอัน อปั ลกั ษณ์ขดั แยง้ กบั ตวั ละครอนื ๆ ในเรือง ดงั ตวั อยา่ ง
143 เจ้าเงาะ ในบทละครนอกเรื องสังข์ทอง พระสังข์สวมรูปเงาะอัน อปั ลกั ษณ์เพอื อาํ พรางตวั ตนทีแทจ้ ริงในการหาคู่ครอง ซึงรูปเงาะอนั อปั ลกั ษณ์ส่งผลให้เจา้ เงาะและ ทา้ วสามนตเ์ กิดความขดั แยง้ กนั กล่าวคือ เมอื นางรจนาเลอื กเจา้ เงาะมาเป็นคู่ครอง ทาํ ใหท้ า้ วสามนต์ เกิดความอบั อายและไมพ่ อใจจึงเนรเทศนางรจนาและเจา้ เงาะไปอย่กู ระท่อมปลายนา ส่งผลใหเ้ จา้ เงาะและนางรจนาตอ้ งเผชิญกบั ความลาํ บาก นอกจากนีทา้ วสามนตย์ งั พยายามใชว้ ธิ ีต่าง ๆ เพอื กาํ จดั เจ้าเงาะ ไดแ้ ก่ การแข่งขนั หาปลา หาเนือ หากใครหาได้น้อยจะถูกประหารชีวิต เช่น ตอนท้าว สามนตใ์ หล้ ูกเขยหาเนือหาปลา ดงั เนือความตอนหาปลาวา่ เมอื นนั ทา้ วสามนตเ์ ป็นใหญ่ ตังแต่เงาะพาธิดาไป ให้แค้นขดั ฤทัยทุกเวลา รจนาเจ้ากรรมมันทาํ ชัว จะมผี ัวเงาร้ายให้ขายหน้า จาํ จะคดิ อ่านด้วยมารยา พาลฆ่าเสียให้ได้ไม่ไว้เลย จงรีบไปบอกบรรดาลูกเขย คดิ พลางทางสังเสนาใน ตามเคยบวงสรวงเทวัญ กจู ะให้แต่งตังสังเวย ใครได้น้อยจะฆ่าให้อาสัญ พรุ่งนีหาปลามาคนละร้อย มไิ ด้ปลามาทนั จะบรรลัย ทังอ้ายเงาะขคี รอกจงบอกมนั (สังขท์ อง, : ) หรือเนือความตอนหาเนือ ดงั เนือความว่า เมือนนั ท้าวสามนต์เคืองขัดอัดอนั แกล้งให้หาปลาจะฆ่าฟัน อ้ายเงาะมนั กลบั ได้มามากมาย ยงิ คดิ ยงิ แค้นแน่นใจ แม้นมิฆ่ามนั ได้กไ็ ม่หาย จงึ ตรัสแสร้งเสเพทุบาย จะต้องการเนือทรายมาเลียงกนั ทงั หกหามาแก้ตัวใหม่ แม้มไิ ด้ชีวาจะอาสัญ เสนาในไปบอกอ้ายเงาะนัน หาเนือมาให้ทนั วันพรุ่งนี (สังขท์ อง, :) ความขดั แยง้ ทีเกิดขึนระหว่างเจ้าเงาะกบั ท้าวสามนต์ ส่งผลให้ เจ้า เงาะตอ้ งเผชิญอปุ สรรคต่าง ๆ หากปมปัญหาและความขดั แยง้ จะคลคี ลายลงไดก้ ต็ ่อเมือเจา้ เงาะถอด รูปเงาะอนั อปั ลกั ษณ์ออก และเจ้าเงาะกลบั เป็ นพระสังขผ์ ูท้ ีมีรูปลกั ษณ์อนั งดงาม มีผลให้ความ ขัดแยง้ ระหว่างทา้ วสามนต์และเจ้าเงาะนันสิ นสุดลงดว้ ย เช่น เมือท้าวสามนต์พบว่าเจ้าเงาะ กลายเป็นพระสงั ขผ์ ทู้ ีมรี ูปลกั ษณ์อนั งดงาม ปฏิกิริยาของทา้ วสามนตก์ ็เปลยี นแปลงไปจากทีรังเกียจ และพยายามใชว้ ธิ ีการต่าง ๆ กาํ จดั เจา้ เงาะก็แสดงออกถงึ ความรักทีมตี ่อพระสงั ข์ ดงั เนือความว่า
144 เมอื นนั ท้าวสามนต์ตบพระหัตถ์ฉัดฉาน ลูกเขยกผู ้ดู ีสันดาน สมยศสมศักดิน่ารักใคร่ เป็ นเผ่าพงศ์วงศ์วานกษัตรา พระลูบหน้าลูบหลงั ไปมา อา้ ยหกเขยยพุ ่อใหข้ บั เจา้ ทีนีไม่อบั อายขายหน้า บิดาโฉดเฉาเบาความ จูบซ้ายจูบขวาลูกข้างาม อยา่ ถอื โทษโกรธพอ่ เลยหนอลูก แคน้ ใจยายเฒ่ากไ็ ม่หา้ ม แมเ้ จา้ มีชยั ชนะคลี ไม่รู้เลยว่างามถึงเพยี งนี วา่ ลบหลดู่ ถู ูกขบั หนี พ่อจะมอบบุรีใหค้ รอบครอง :) (สังขท์ อง, นางแก้วหน้าม้า ในบทละครนอกเรือง แกว้ หนา้ มา้ ในเรืองนางแกว้ เป็ นหญิงทีมีรูปลกั ษณ์อนั อปั ลกั ษณ์ ซึงเป็ นลกั ษณะเฉพาะตวั คือ นางแกว้ มีใบหนา้ ทีเหมือนกับ ใบหนา้ ของมา้ ความอปั ลกั ษณ์ของนางแกว้ เป็ นปมปัญหา ทาํ ให้เกิดความขดั แยง้ ระหว่างนางแกว้ กบั พระพินทอง และความขดั แยง้ ระหวา่ งนางแกว้ กบั ทา้ วมงคลราช กล่าวคือ ความอปั ลกั ษณ์ของ นางแกว้ ทาํ ให้พระพินทองและท้าวมงคลราชเกิดความรังเกียจนางแก้ว เมือนางแก้วเข้าหา พระพนิ ทองก็ทาํ ใหพ้ ระพนิ ทองเกิดความไม่คบั แคน้ ใจจึงหาหนทางป้องกนั ตวั จากนางแกว้ โดยให้ เหลา่ พระพเี ลียงเขา้ เฝ้าอยตู่ ลอดเวลา ดงั เนือความว่า เมือนนั พระโอรสยศยงทรงศร เคืองแค้นแน่นใจดงั ไฟฟอน ภูธรตรึกไตรไปมา อแี ก้วสัปดนคนนี กาลรี ่างร้ายขายหน้า เฝ้ากวนใจไม่เว้นเวลา จะแล่ฆ่ากเ็ กรงพระชนนี จาํ จะลีลาคลาไคล เนาในพระโรงรังสี คิดพลางทางยา่ งเยอื งจรลี ออกไปยงั ทพี ระโรงพลนั ให้รวบรวมพร้อมเพรียงทนี ัน ครันถึงจงึ สังพระพเี ลยี ง จงมาอย่ดู ้วยกนั ทีโรงชัย เล่าตามความหลังให้ฟังพลนั ................... ................... พระทรงโฉมประโลมเสน่หา ปรีดาภิรมย์สําราญ เมือนนั พร้อมเพรียงปรีดิเปรมเกษมสานต์ เนาในพระโรงรัตนา เนินนานหลายเดือนไม่เคลือนคลา เช้าเยน็ เล่นด้วยพระพเี ลยี ง คลคี ลายสบายเบิกบาน (แกว้ หนา้ มา้ , :)
145 จากตัวอย่างเนือความจะเห็นว่า เมือนางแกว้ เข้าหาพระพินทอง พระพนิ ทองกพ็ ยายามตีตวั ออกห่าง เพราะรังเกียจในรูปลกั ษณ์อนั อปั ลกั ษณ์ของนางแกว้ โดยให้ พระพเี ลยี งอยู่เขา้ เฝ้า และเมือพระพินทองอย่กู บั เหล่าพระพีเลียงเกิดความสบายใจและมีความสุข มากกวา่ ตอนอยกู่ บั นางแกว้ แสดงใหเ้ ห็นถึงความขดั แยง้ ระหว่างนางแกว้ กบั พระพินทอง นอกจากนีเมือทา้ วมงคลราชผูท้ ีมีความรังเกียจความอปั ลกั ษณ์ของ นางแกว้ เห็นว่าพระพนิ ทองเกิดความไม่สบายใจเพราะตอ้ งอภิเษกสมรสกบั นางแกว้ ทา้ วมงคลราชก็ หาวิธีช่วยใหพ้ ระพนิ ทองออกห่างจากนางแกว้ ดว้ ยการใหพ้ ระพินทองเดินทางไปเมืองโรมวิถีเพือ อภิเษกสมรสกบั นางทศั มาลี ดงั เนือความวา่ เมอื นนั องคพ์ ระบิตุเรศนาถา เนาในปรางคท์ องหอ้ งไสยา ในเวลาประถมราตรี ตรองตรึกนึกพะวงสงสาร พระกมุ ารพินทองผอ่ งศรี แตไ่ ดน้ างหนา้ มา้ กาลี มาไวใ้ นทตี าํ หนกั จนั ท์ พระโอรสยศไกรผ่ายผอม ตรมตรอมรูปจริตผิดผนั จาํ จะรีบส่งสารสําคญั ไปเขตขัณฑ์เมืองโรมบุรี เสดจ็ ลงจากแท่นมณีศรี คิดพลางทางจบั พระแสงศร ออกพระโรงรูจีทนั ใด กรายกรยา่ งเยอื งจรลี สังเจ้าพนักงานผ้ใู หญ่ ว่าให้ต้องตามธรรมเนียมมา นังเหนือแท่นรัตน์ชัชวาล เมืองโรมวิถีนาถา เร่งเร็วแต่งสาส์นเป็ นการไว จงกาํ หนดววิ าห์เร็วพลัน ขอองค์นงนุชบุตรี ให้พระลูกแก้วแววตา (แกว้ หนา้ มา้ , : ) จากตวั อย่างแสดงให้เห็นถึงความขดั แยง้ ระหว่างนางแกว้ กับท้าว มงคลราช ความขดั แยง้ ดงั กล่าวส่งผลใหพ้ ระพินทองและนางแกว้ เกิดการพลดั พรากจากกนั อีกทงั ยงั ส่งใหน้ างแกว้ ตอ้ งเผชิญกบั อปุ สรรคต่าง ๆ เพือพิสูจน์ใหพ้ ระพินทองเห็นถึงความรักและความ ซือสตั ยท์ ีนางแกว้ มีต่อพระพินทอง เช่น การใชค้ วามสามารถและความกลา้ หาญในการช่วยเหลือ พระพินทองใหพ้ น้ จากอนั ตรายดว้ ยการแปลงเป็ นมาณพไปฆ่าทา้ วพาลราช ความขดั แยง้ ระหว่าง นางแกว้ กบั พระพนิ ทอง และความขดั แยง้ ระหว่างนางแกว้ กบั ทา้ วมงคลราชสิ นสุดลงเมือนางแกว้ ถอดรูปหน้ามา้ อนั อปั ลกั ษณ์ออก และหน้ามา้ นันถูกเผาทาํ ลาย สุดทา้ ยนางแกว้ หนา้ มา้ ผูม้ ีความ อปั ลกั ษณ์กลายเป็นนางมณีผมู้ ีความงดงาม
146 . . ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ฝ่ ายร้ายขัดแย้งกบั ตัวละครเอกของเรือง คือ ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ฝ่ ายร้ายทีเป็ นปฏิปักษ์กบั ตวั ละครเอกเป็ นผูท้ ีทาํ ให้การดาํ เนินเรืองเกิดความ ขดั แยง้ กบั ตวั ละครเอก เนืองจากรูปลกั ษณ์ภายนอกทีอปั ลกั ษณ์ และนิสยั และพฤติกรรมทีไม่ดีของ ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีส่งผลใหต้ วั ละครเอกตอ้ งพลดั พรากจากคนรักและครอบครัว ดงั ตวั อยา่ ง ชูชก ในมหาเวสสนั ดรชาดก กวีสร้างให้ชูชกเป็ นตวั ละครอปั ลกั ษณ์ ฝ่ ายร้ายทีสร้างความขดั แยง้ ใหเ้ กิดขึนภายใจจิตใจของตวั ละครเอกของเรือง คือ พระเวสสนั ดร ใน การดาํ เนินเรืองชูชกจะเป็นผไู้ ปของกมุ ารทงั สองคนจากพระเวสสนั ดร ดว้ ยรูปลกั ษณ์ภายนอกและ พฤติกรรมของชูชกทีไม่ดีทาํ ใหก้ ุมารทงั สองกลวั จึงไม่กลา้ ไปอยกู่ บั ชูชก กุมารทังสองจึงพากนั หลบหนีชูชกอยหู่ ลายครัง แต่ก็ไม่สามารถหนีชูชกได้ ซึงพระเวสสนั ดรเห็นการกระทาํ ของชูชกและ ปฏิกิริยาของกมุ ารทงั สองคนทีกลวั ชูชกมาก ทาํ ใหพ้ ระเวสสนั ดรตอ้ งแขง็ ใจยอมยกกมุ ารทงั สองคน ใหก้ บั ชูชก ซึงพฤติกรรมของชูชกก็สร้างความขดั แยง้ ภายในจิตใจใหก้ บั พระเวสสนั ดรไดเ้ ป็ นอยา่ ง มาก ดงั เนือความว่า โส โพธิสตฺโต ปางนันสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ ตรัสไดท้ รงฟังพระลูกน้อย ทรง กนั แสงทลู ระหอ้ ยวนั นนั กลนั พระโศกมิไดล้ ะอายพระทยั แกเ่ ทพดา ปณฺ ณสาลํ ปวสิ ิตฺวา เสดจ็ เขา้ สู่ ภายในบรรณศาลา ซบพระพกั ตราทรงพระกนั แสงสะอืนไห้ โอว้ ่าเจ้าเพือนเข็ญใจของพ่อเอ่ย เจ้า เคยกระทาํ กรรมไวเ้ ป็นไฉน จึงมาตกเขญ็ ใจไร้ยากอนาถาใหพ้ รามหณ์ชราร่างร้ายกาจ ตะแกมาทาํ สี หนาถโพยโบยตี โอเวลาปานฉะนีก็สายณั ห์ คนทงั หลายเขาเรียกกันกินอาหาร บา้ งก็เลา้ โลม ลูกหลานให้อาบนาํ และหลบั นอน แต่สองบงั อรของพ่อนี ใครจะปราณีให้นมนาํ กจ็ ะตรากตรํา ลาํ บากใจทีไหนจะเดินไดด้ ว้ ยพระบาทเปล่า ทงั ไอแดดจะแผดเผาให้พุพอง จะชอกชาํ คลาํ เป็ น หนองลงลามไหล สองสุริยวงศต์ งั แตว่ า่ จะทรงกนั แสงไห้ สุดอาลยั ของพ่อแลว้ ทีจะติดตาม จะบ่าย หนา้ ไปพราหมณ์เมอื ยามเยน็ เฒ่าจญั ไรไหนเลยจะเห็นดว้ ยสองเจา้ มีแต่จะรุกเร้าคาํ รามตี ธชีเอ่ย กระไรเลยไมเ่ กรงขามเราบา้ งเมือยามจน จะคิดดูบา้ งเป็ นไรว่าลูกทงั สองคนคู่ชีวาตม์ ยงั ตดั ใจให้ ขาดมิให้เสียประโยชน์ แต่ก่อนโสดค่าสินไถ่สืบมาถึงสีชวั ผู้อืนรู้ก็เกรงกลวั ไม่ทาํ ไดเ้ หมือน พราหมณ์ผนู้ ี ... นําพระทัยท้าวเธอถอยคนื จากอุเบกษา บังเกิดอวิชชามาห่อหุ้ม พระปัญญานันกลัด กล้มุ ไปด้วยโมโหให้ลุ่มหลง โทโสเข้าซําส่งบังเกิดวิหิงสาขึนทันทีว่าอุเหม่ อุเหม่ พราหมณ์ผู้นีอา จองทะนงหนอ มาตลี ูกต่อหน้าพ่อไม่เกรงใจ ธชีเอ่ยกมู าอย่ปู ่ าเปล่าเมือไร ทังพระขรรค์ศิลป์ ชัยก็ถือ มา ธนุจาปํ คเหตฺวา ก็ทรงพระแสงธนูศรกระสันมันกับมือ ฆ่าพราหมณ์ผู้นีเสียเถิดหรือ เธอก็ฮึด หืออย่แู ต่ในพระทยั ภายหลงั จงึ ตังจิตพิจารณาในพระอริยประเพณีหน่อพุทธางกูร ก็รู้ว่าอาตมะนี เพิมพูนมหาปุตตบริจาคเจียวสิหว่า เมือพระปัญญาบังเกิดมี พระบรมราชฤๅษีจึงตรัสสอน พระองค์เอง ว่า โภ เวสฺสนตร ดูกรมหาเวสสันดร อย่าอาวรณ์โว้เว้ทําเนาเขา ข้ากับเจ้าเขาจะตีกันไม่ ต้องการ ให้ลูกเป็ นทานแล้ว ยังมาสอดแคล้วเมือภายหลัง ท้าวเธอก็ตังสมาธิระงับดับพระวิโยค
147 กลันพระโศกสงบแล้ว พระพกั ตร์ก็ผ่องแผ้วแจ่มใส ดุจทองอุไรทังแท่ง อันบุคคลแกล้งหล่อแล้วมา วางไว้ในอาศรม ตังแต่พระเชยชมพระปิ ยบุตรทานบารมี แห่งหน่อพระชินศรีเจ้านันแล (มหาเวสสนั ดรชาดก, : - ) หรือเนือความได้ตอนทีพระเวสสันดรทรงไดฟ้ ังเสียงของกณั หาที กาํ ลงั โศกเศร้า และร้องทูลเรืองทีตนและชาลีถูกชูชกทาํ ร้ายก็แสดงให้เห็นถึงความขดั แยง้ ภายใน จิตใจใหก้ บั พระเวสสนั ดร ดงั เนือความว่า โส โพธิสตฺโต ส่วนสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ ตรัสได้ทรงฟังพระสุรเสียงแก้วกัณหา ) เสียวพระสกลกายาเยน็ ระย่อ เศร้าสลดระทดท้อพระหฤทัยเธอถอยหลัง พระนาสิกอึดตัง อัสสาส ปัสสาส นําพระเนตรเธอไหลหยาดหยดเป็ นสายเลือด ไม่เว้นวายหายเหือดซึงโศกา จึงเอาพระ ปัญญาวินิจฉัยเข้ามาข่มโศก ว่าบุตรวโิ ยคทังนีบังเกิดมเี พราะความรัก จําจะเอาอุเบกขามาประหาณ หักให้เสือมหาย ท้าวเธอกลบั สุขเกษมเปรมสบายพระกายก็ใสสด ดงั พระจันทร์ทรงกลดนันแล (มหาเวสสันดรชาดก, : จากตวั อยา่ งเนือความจะเห็นว่า การตดั สินใจยอมยกกุมารทงั สองคน ในการสร้างทานบารมขี องพระเวสสนั ดรไมใ่ ช่เรืองทีสามารถกระทาํ ไดอ้ ย่างง่ายดาย เพราะภายใน จิตใจของพระเวสสนั ดรกเ็ จ็บปวดและโศกเศร้าเป็นอยา่ งมากทีตอ้ งเสียสละกมุ ารทงั สองคนอนั เป็ น ทีรัก แต่ดว้ ยพระเวสสนั ดรเป็นผมู้ ีจิตใจทีบริสุทธิและม่งุ ใหท้ านบารมีอย่างแรงกลา้ จึงสามารถสละ ผทู้ ีเป็นทีรักยงิ ของตนเองใหก้ บั ผอู้ ืนได้ ขุนช้ าง ในเสภาเรือง ขุนชา้ ง ขุนแผน กวีมีการวางโครงเรืองให้ ขุนแผนรักและครองคู่กบั นางวนั ทอง (นางพมิ พิลาไลย) และให้ขุนชา้ งรักและปรารถนาจะครองคู่ กบั นางวนั ทองเช่นกนั ขนุ ชา้ งจึงทูลความแก่พระพนั วษาวา่ ขนุ แผนมีความสามารถในการรบน่าจะ ทาํ ใหช้ นะศึกได้ เช่น ตอนขนุ ชา้ งทูลความแก่พระพนั วษา ดงั เนือความว่า ครานันขุนช้างมหาดเล็ก เฝ้าแหนมาแตเ่ ดก็ พิดทลู คล่อง คดิ ไปสมใจทีนึกปอง หมายจะครองเจ้าพิมพิลาไลย จะทูลส่ อพลายแก้วให้ ไปทัพ แล้วจะกลับไปเกยี วเจ้าพมิ ใหม่ คดิ แลว้ ทูลพลนั ทนั ใด ชีวิตอยใู่ ตพ้ ระบาทา อนั บตุ รขนุ ไกรทวี อดวาย ชือวา่ นายพรายแกว้ แกลว้ กลา้ ไดเ้ มียอยสู่ ุพรรณพารา แตม่ ารดาเพือนอยกู่ าญจนบ์ ุรี อนั ฤทธากลา้ หาญชาญชยั เลยี งภตู พรายไดเ้ ป็นถว้ นถี อายปุ ระมาณสิบเจด็ ปี ขอจงทราบธุลีพระบาทา (ขนุ ชา้ ง ขนุ แผน, :)
148 การทูลความของขุนชา้ งส่งผลใหข้ ุนแผนตอ้ งพลดั พรากจากนางวนั ทอง ขุนชา้ งจึงใชโ้ อกาสนีวางแผนให้ไดน้ างวนั ทองมาเป็ นคู่ครองเป็ นผลสาํ เร็จ และเมือขุนแผน กลบั มาจากศึกแลว้ พบวา่ นางวนั ทองตกเป็ นภรรยาของขุนชา้ ง ขุนแผนก็ลกั พานางวนั ทองกลบั มา เป็นของตนเอง ขนุ ชา้ งก็ออกตามหานางวนั ทอง จนเกิดการสูร้ บกนั ระหว่างขุนชา้ งและขุนแผน เช่น ตอนขนุ ชา้ งรบขุนแผน ดงั เนือความว่า ครันไดพ้ ิชยั ฤกษด์ ี ฆอ้ งตตี อ้ นเตือนละวา้ ไพร่ โบกธงตรงเขา้ ไปราวไพร ยงิ ปื นไฟขานโห่เป็นโกลา กะเหรียงละวา้ ถือหนา้ ไม้ ลูกใส่ยาพิษฤทธินกั หนา ขุนช้างขับช้างย่างเหย่ามา ไม่รังราพกั พวกพลไกร .................. ขุนแผนขับมาหน้าขุนช้าง ตวาดด้วยพระเวทวิเศษมนต์ ผ้คู นตืนวงิ ทงิ ปื นผาง ดาบถือหลุดมือตะลึงวาง .................. ขุนช้างแขง็ ง่าตงั ท่าทวน พวกขนุ ชา้ งแตกพ่ายกระจายยบั .................. ขนุ แผนขบั ขสี ีหมอกไล่ ขนุ ชา้ งกลบั ชา้ งขีหนีออกมา ขนุ ชา้ งร้องไปทาํ ไมวา จะไสชา้ งไปไหนไอช้ าติขา้ หนามเหนียวเกียวสัปคบั ยวบ ไสชา้ งเขา้ ป่ าสวบสวบไป ศรพระยาโดปกุ วิงซุกไป หกั กรวบตกชา้ งขา้ งไถล ขนุ ชา้ งตกชา้ งลงตาํ ผลงุ ราทยาอยไู่ ม่ไดก้ โ็ ดดตาม เกยี วเนือปอกไปเลือดไหลซาม หลงั กงุ้ วิงตรงเขา้ ดงหนาม อารามกลวั มุดไปไม่หยดุ เลย : -) (ขุนชา้ ง ขุนแผน, ขุนชา้ งพา่ ยแพต้ ่อขุนแผน และไมไ่ ดน้ างวนั ทองกลบั คืนมา ขนุ ชา้ งจึง ทูลความแก่พระพนั วษาวา่ ขนุ แผนเป็นกบฏ ทาํ ใหข้ นุ แผนโดนจบั และเกิดการฟ้องร้องเป็นคดีความ แต่ขุนแผนชนะความขนุ ชา้ ง นางวนั ทองจึงยงั คงอยกู่ บั ขนุ แผน ในขณะนนั ขนุ แผนห่วงนางลาวทอง จึงทูลขอนางลาวทองใหก้ ลบั มาอยกู่ บั ตน แต่พระพนั วษาไม่ทรงอนุญาตและรับสงั ใหน้ าํ ขุนแผนไป จาํ คุก ซึงเมือขุนชา้ งทราบเรืองขนุ แผนติดคุกก็ลกั พานางวนั ทองกลบั คืนมาไดส้ าํ เร็จ จากตัวอย่างข้างต้นจะเห็นว่า ขุนช้างเป็ นตัวละครอปั ลักษณ์ทีมี ความสาํ คญั ต่อในการสร้างความขดั แยง้ ใหก้ บั การดาํ เนินเรือง จะเห็นว่าการวางโครงเรืองเกียวกบั ความรักของหนุ่มสาว เมือมีขุนชา้ งทีเป็ นตวั ละครอปั ลกั ษณ์เขา้ มาเป็ นส่วนหนึงของเรือง ก็ทาํ ให้ เรืองราวเกิดความซบั ซอ้ นมากขึน คือมกี ารแยง่ ชิงตวั ละครนางเอกกนั ระหว่างตวั ละครพระเอกและ ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ ทาํ ใหผ้ อู้ ่านมีการคาดเดาบทสรุปของความรักว่าตวั ละครนางเอกก็ตอ้ งคู่กบั ตวั
149 ละครพระเอก แต่ในเสภาเรืองขุนชา้ ง ขุนแผนนนั ต่างออกไป เพราะตวั ละครนางเอกไดค้ รองคู่กบั ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ คือ นางวนั ทองไดก้ ลบั มาอยู่กบั ขุนชา้ ง แต่ทว่าก็ยงั ไม่ไดเ้ ป็ นบทสรุปเรืองราว ความรักอยา่ งแทจ้ ริง เนืองจากกวียงั ใหต้ วั ละครอปั ลกั ษณ์อย่างขุนชา้ งสร้างความขดั แยง้ ภายใน จิตใจใหก้ บั พระไวยเพิมขึนอีก กลา่ วคือ เมอื ครังพระไวยเป็ นเด็ก ขุนชา้ งคิดฆ่าพระไวยทาํ ให้พระ ไวยคิดแคน้ ขุนชา้ ง และไม่พอใจจึงไปรับนางวนั ทองผเู้ ป็นแมใ่ หก้ ลบั มาอยกู่ บั ตน ดงั เนือความว่า โอแ้ มว้ นั ทองช่างหมองนวล ไมส่ มควรเคยี งคกู่ บั ขนุ ชา้ ง เออนีเนือเคราะห์กรรมมานาํ ผดิ น่าอายมติ รหมายหมองไม่หายหมอง ฝ่ ายพ่อมบี ุญเป็นขนุ นาง แตแ่ ม่ไปแนบขา้ งคนจญั ไร รูปร่างวปิ ริตผดิ กว่าคน ทรพลอปั รียไ์ ม่ดีได้ วนั นนั แพก้ เู มอื ดาํ นาํ จะกริ วซาํ จะฆ่าใหเ้ ป็นผี แสนแคน้ ดว้ ยมารดายงั ปราณี ใหไ้ ปขอชีวิขนุ ชา้ งไว้ จาํ แคน้ แม่จะแกใ้ หห้ ายแคน้ ไมท่ ดแทนอา้ ยขนุ ชา้ งบา้ งไมไ่ ด้ หมายจิตคดิ จะให้มนั บรรลัย ไม่สมใจเพราะเคราะห์กรรมมนั ดี อย่าเลยจะรับแม่กลับมา ให้อย่ดู ้วยบิดาเกษมศรี พรากให้พ้นคนอุบาทว์ชาติอัปรีย์ ยงิ คดิ ก็ยงิ มีความโกรธา .................... .................... ชมพลางยา่ งเยอื งชาํ เลืองมา เปิ ดม้งุ เห็นหน้าแม่วันทอง นอนนิงอย่บู นเตียงเคยี งขุนช้าง มันแนบข้างกอดกลมประสมสอง จะใคร่ถบี ขุนช้างทกี ลางตวั นึกกลัวถูกแม่วันทองนัน พลางนังลงนอบนบอภิวันท์ สะอืนอนั อกแค้นนําตาคลอ โอ้แม่เจ้าประคุณของลูกเอ๋ย ไม่ควรเลยจะพรากจากคุณพ่อ เวรกรรมนําไปไม่รังรอ มิพอทีจะต้องพรากกจ็ ากมา มนั ไปฉุดมารดามาเอาไว้ อ้ายหัวใสข่มเหงไม่เกรงหน้า ทที าํ แค้นกจู ะแทนให้ทันตา ขอษมาแม่แล้วกข็ ับพราย .................... .................... ว่าแลว้ ปิ ดบานหนา้ ต่างผาง ขุนช้างเดือดดาลทะยานไส้ ถอดตัวลงกบั หมอนถอดฤทัย ดูด๋เู ป็ นได้เจียววนั ทอง เพราะกแู พ้ความจมืนไวย มนั จึงเหิมใจทําจองหอง พ่อลูกแม่ลูกถูกทํานอง ถึงสองครังแล้วเป็ นแต่เช่นนี อ้ายพ่อไปเชียงใหม่มีชัยมา ตงั ตัวดงั พญาราชสีห์ อ้ายลูกเป็ นหมืนไวยทาํ ไมมี เห็นกนู ีคนผิดตดิ โทษทณั ฑ์ มันจึงข่มเหงไม่เกรงใจ จะพงึ พาใครได้ทไี หนนัน ขุนนางน้อยใหญ่เกรงใจกัน ถึงจะฟ้องมนั กป็ ิ ดให้มดิ ไป
150 ตามบญุ ตามกรรมทีทาํ มา จะเฆียนฆา่ หาคดิ ชีวิตไม่ ยงิ คดิ เดอื ดดาลทะยานใจ ฉวยไดก้ ระดานฉนวนมา ร่างฟ้องท่องเทียบให้เรียบร้อย ถ้อยคาํ ถีถ้วนเป็ นหนักหนา ลงกระดาษพับไว้มิได้ช้า อาบนําผลัดผ้าแล้วคลาไคล วันนันพอพระปิ นนรินทร์ราช เสดจ็ ประพาสบัวยงั หากลบั ไม่ ขุนช้างมาถึงซึงวงั ใน กค็ อยจ้องทีใต้ตาํ หนักนํา .................... .................... ขุนช้างดงึ ดือมือยดึ เรือ มิใช่เสือกระหม่อมฉานล้านเกศา สู้ตายขอถวายซึงฎกี า แค้นเหลือปัญญาจะทานทน (ขุนชา้ ง ขนุ แผน, : -) ความขดั แยง้ ทีขนุ ชา้ งสร้างไวใ้ นเกิดขึนภายในจิตใจของพระไวยมีผล ทาํ ใหก้ ารดาํ เนินเรืองทวคี วามรุนแรงมากขึน เนืองจากหลงั พระไวยไปรับนางวนั ทองกลบั มาบา้ น ขุนชา้ งไม่เห็นนางวนั ทอง และทราบว่าพระไวยเป็นคนมาพาตวั นางวนั ทองไป ขุนชา้ งจึงถวายฎีกา ทูลความแก่พระพนั วษา ซึงกไ็ ดม้ กี ารตดั สินใหน้ างวนั ทองเลือกอยกู่ บั ขุนชา้ ง ขุนแผน และพระไวย แต่นางวนั ทองไมส่ ามารถเลอื กได้ จึงถูกลงโทษดว้ ยการประหารชีวิต ซึงความตายของนางวนั ทอง ส่งผลใหค้ วามขดั แยง้ ระหว่างขนุ ชา้ ง ขุนแผน และพระไวยนนั สินสุดลง จากการศึกษาตัวละครอปั ลกั ษณ์ฝ่ ายร้ายสร้างความขัดแยง้ กบั ตวั ละครเอกของเรืองพบว่า ตวั ละครอปั ลกั ษณ์มกั จะสร้างความขดั แยง้ ใหเ้ กิดขึนทังภายนอกและ ภายในจิตใจของตวั ละครเอก กล่าวคือ ตวั ละครอปั ลกั ษณ์จะเป็ นผูท้ าํ ใหต้ วั ละครเอกในเรืองตอ้ ง พลดั พรากจากกนั เช่น ชูชกทาํ ใหพ้ ระเวสสนั ดรตอ้ งพลดั พรากจากกุมารทงั สองคน และขุนชา้ งทาํ ใหข้ นุ แผนตอ้ งพลดั พรากจากนางวนั ทอง จนเกิดเป็นความขดั แยง้ ภายในจิตใจ เช่น ความโศกเศร้า เสียใจ หรือความคบั แคน้ ใจ ส่งผลให้ความขดั แยง้ ทีเกิดขึนทวีความรุนแรงมากขึน บางครังความ ขดั แยง้ รุนแรงจนทาํ ให้ตวั ละครเอกของเรืองตอ้ งเสียชีวิต เช่น ในเสภาเรืองขุนชา้ ง ขุนแผน การ กระทาํ ของขุนชา้ งสร้างความขดั แยง้ ใหก้ บั พระไวยจนส่งผลใหน้ างวนั ทองตอ้ งถูกประหารชีวิต ความขดั แยง้ ทีเกิดขึนนนั สินสุดลงไดเ้ มอื นางวนั ทองเสียชีวิตลง ความขดั แยง้ ดงั กลา่ วทีเกิดขึนจะทาํ ใหเ้ รืองเกิดความซบั ซอ้ น และมคี วามน่าสนใจมากขึน จนผอู้ ่านจะไม่สามารถคาดเดาบทสรุปของ เรืองไดช้ ดั เจนว่าจะจบอยา่ งไร ซึงบทสรุปเรืองราวความรักอาจจบเรืองแบบโศกนาฏกรรม เช่น ใน เสนาเรือง ขุนชา้ ง ขุนแผน และมีบทสรุปของเรืองแบบมีความสุขได้ เช่น ในมหาเวสสนั ดรชาดก ที ความขดั แยง้ ระหว่างตวั ละครอปั ลกั ษณ์และตวั ละครเอกสินสุดลงเพราะชูชกเสียชีวิต ทาํ ใหก้ ุมารทงั สองคนไมต่ อ้ งประสบกบั ความลาํ บากทางกายและทางใจอกี ต่อไป
151 จากการศึกษาตวั ละครอปั ลกั ษณ์เกิดความขดั แยง้ กบั ตวั ละครอืนในเรืองพบว่า ความอปั ลกั ษณ์มผี ลทาํ ใหก้ ารดาํ เนินเรืองเกิดความขดั แยง้ ระหว่างตวั ละครอปั ลกั ษณ์และตวั ละคร อืน ๆ ในเรือง ซึงความขัดแยง้ ทีเกิดขึนจะสิ นสุดลงเมือตวั ละครอปั ลกั ษณ์ถอดความอปั ลกั ษณ์ ออกเป็นตวั ละครทีมีรูปลกั ษณ์อนั งดงาม การวางโครงเรืองในลกั ษณะดงั กล่าวมกั จะเกิดขึนกบั ตวั ละครพระเอกและตวั ละครนางเอก เช่น เจา้ เงาะ และนางแกว้ หน้ามา้ หากเป็ นตวั ละครอปั ลกั ษณ์ ฝ่ ายร้ายจะพบวา่ เมอื ความขดั แยง้ สินสุดลงตวั ละครอปั ลกั ษณ์มกั จะเสียชีวติ เช่น ชูชก และสาํ นึกใน ความชวั ร้ายของตนเอง เช่น ขุนชา้ ง ส่งผลให้บทบาทของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ในการดาํ เนินเรือง สินสุดลงดว้ ย . ตวั ละครอปั ลกั ษณ์เป็ นต้นเหตุให้ตวั ละครในเรืองขัดแย้งกนั ตวั ละครอปั ลกั ษณ์เป็ นตน้ เหตุให้ตวั ละครในเรืองขัดแยง้ กัน คือ ตวั ละคร อปั ลกั ษณ์เป็นตน้ เหตุหรือเป็นผนู้ าํ พาความขดั แยง้ ใหก้ บั ตวั ละครอืนในเรืองเกิดความขดั แยง้ กนั ดงั ตวั อยา่ ง นางสาํ มนักขา ในรามเกียรติ นางสาํ มนกั ขามรี ูปลกั ษณ์อนั อปั ลกั ษณ์ เนืองจาก นางเขา้ ทาํ ร้ายนางสีดา นางจึงถูกพระลกั ษมณ์ตดั แขน เทา้ จมูก ปาก และใบหู จนขาดและแหว่ง ซึง ผดิ ไปจากรูปลกั ษณ์ปกติของนาง การสร้างความอปั ลกั ษณ์ใหก้ บั นางสาํ มนกั ขาเป็นเครืองมอื ในการ ประจานความชวั ร้ายของนางสาํ มนกั ขา ซึงสร้างความแคน้ ในใจนางอย่างมาก นางจึงทูลความเท็จ แก่ทศกณั ฐว์ า่ ตนเห็นนางสีดามีรูปลกั ษณ์งดงามจึงจะลกั พานางสีดามาถวาย แต่พระลกั ษมณ์ตาม ทนั จึงทาํ โทษนางดว้ ยการตดั แขน ขา ปาก จมกู และหู ดงั เนือความว่า เมือนนั นางสํามนักขาดวงสมร ได้ฟังบัญชาพระภูธร ประนมกรทูลเป็ นมารยา เดมิ น้องนีไม่สบายใจ จงึ ลาพระองค์ไปเล่นป่ า พบพระรามพระลักษณ์นางสีดา บวชอย่โู คทาวารี ตวั ข้าอุ้มองค์นางเทวี จะพาหนีมาถวายภูวไนย พระลกั ษมณ์ตามทนั ทีกลางทาง ชิงนางสีดาไว้ได้ ทาํ โทษข้าปิ มจะบรรลยั ดงั ไร้สุริยงวงศ์พงศ์พันธ์ุ ตวั นอ้ งจึงไปแจง้ ความ สามพระเชษฐารังสรรค์ โกรธายกพลไปโรมรัน มนุษยน์ นั กลบั ผลาญมรณา
152 ขอเชิญพระองค์ไปชิงชัย ฆ่าให้สินชีพสังขาร์ แล้วจงพาองค์นางสีดา มาไว้เป็ นศรีเมืองมาร (รามเกยี รติ เล่ม , : ) จากตวั อยา่ งเนือความจะเห็นว่า นางสาํ มนักขามีการทูลความเท็จแก่ทศกณั ฐ์ และยงั พดู โนม้ นา้ วใหท้ ศกณั ฐแ์ กแ้ คน้ พระรามและพระลกั ษมณ์ทีทาํ ร้ายตน โดยให้ทศกณั ฐท์ าํ ศึก กบั พระรามและพระลกั ษมณ์ และพานางสีดามาเป็ นภรรยาอีกคน พฤติกรรมดงั กล่าวของนาง สาํ มนกั ขามีผลต่อการดาํ เนินเรืองต่อไปของรามเกียรติ คือ การสร้างความขดั แยง้ ระหว่างทศกณั ฐ์ และพระราม เนืองจากทศกณั ฐเ์ กิดความลมุ่ หลงนางสีดา จนลกั พาตวั นางสีดา จึงส่งผลใหท้ ศกณั ฐ์ และพระรามทาํ สงครามระหว่างกนั จะเห็นว่า นางสาํ มนกั ขาเป็ นตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีมีผลต่อการ ดาํ เนินเรืองในการสร้างปมปัญหา ทาํ ใหพ้ ระรามและนางสีดาตอ้ งพลดั พรากจากกนั และยงั เป็ น ตน้ เหตุของความขดั แยง้ ระหวา่ งทศกณั ฐแ์ ละพระรามดว้ ย นางค่อมกจุ จี ในรามเกียรติ เป็นตวั ละครมีรูปลกั ษณ์น่าขบขนั ในมุมมองของ พระรามเมือครังยงั ทรงพระเยาว์ พระรามจึงแกลง้ ยงิ กระสุนใส่นางค่อมกุจจี เหตุการณ์ทีเกิดขึน ส่งผลใหน้ างค่อมกุจจีมีความแคน้ ต่อพระราม เมอื นางค่อมกุจจีทราบว่าทา้ วทศรถจะให้พระรามขึน ครองราชย์ นางก็คิดจะขดั ขวาง ดว้ ยการทูลความกบั นางไกยเกษีให้พระพรตขึนครองราชยแ์ ทน พระราม ดงั เนือความวา่ บดั นนั ฝ่ ายกจุ จีค่อมทาสี แต่ต้องกระสุนพระจกั รี มคี วามเคยี ดแค้นอย่เู ป็ นนิจ แจง้ วา่ สมเดจ็ พระบิตรุ งค์ จะใหอ้ งคพ์ ระรามจกั รกฤษณ์ ทรงมหาเศวตฉตั รชวลติ สถติ เป็นจรรโลงธาตรี มคี วามพยาบาทฆาตหมาย ในองค์พระนารายณ์เรืองศรี จะแก้แค้นแทนโทษให้ถงึ ที คดิ แล้วกจุ จีกเ็ ข้าไป ………… ………… ลมื ไปแลว้ หรือเยาวมาลย์ เมือพระองค์รอนราญอสุรา ข้านีแจ้งว่าพระแม้เจ้า เอากรสอดแทนเพลารัถา ภูวไนยได้ให้สัตยา นิงเสียจะว่าต่อเมือไหร่ อนั พระพรตกพ็ งศ์จักรพรรดิ ควรจะขอสมบัตนิ ันยกให้ ความสัตย์สัญญาซึงว่าไว้ ข้าเห็นก็ได้ท่วงที (รามเกยี รติ เล่ม , : -)
153 จากตวั อย่างเนือความ จะเห็นว่า นางค่อมกุจจีทูลใหน้ างไกยเกษีทวงสัตย์ สญั ญาจากทา้ วทศรถทีเคยไดต้ รัสไวต้ งั แต่ทา้ วทศรถรบกบั ปทูตทนั ต นางค่อมกุจจีกล่าวถึงความดี ของนางไกยเกษีทีไดใ้ ชแ้ ขนสอดแทนเพลารถ เพือทาํ ใหน้ างไกยเกษีเห็นว่าพระพรตสมควรไดข้ ึน ครองราชยแ์ ทนพระราม ซึงนางไกยเกษีเห็นสมควรจึงทูความแก่ทา้ วทศรถ ดงั เนือความวา่ เมือนนั นางเยาวมาลยผ์ มู้ ีอชั ฌาสัย ไดฟ้ ังบรรหารภูวไนย บงั คมไหวส้ นองพระวาจา ข้าจะขอสัตย์ทปี ฏิญาณ ผ่านเกล้าจงโปรดเกศา ซึงจะให้พระรามลูกยา เป็ นปิ นโลกาประชากร พระองค์จงได้เงือดงด ขอให้โอรสของข้าก่อน ให้พระรามไปจากพระนคร สัญจรเดินไพรสิบสีปี จึงกลับมาครองนคเรศ เป็ นมงกฎุ เกศบุรีศรี ความปรารถนาข้าเท่านี ภูมีจงให้สมคดิ (รามเกยี รติ เล่ม , :) การทูความทวงสตั ยส์ ญั ญาของนางไกยเกษีทาํ ใหท้ า้ วทศรถเกิดความไม่เห็น ดว้ ยคาํ คาํ ทูลของนางไกยเกษี จึงเกิดการโตเ้ ถียงกนั ดงั เนือความว่า เมือนนั ทา้ วทศรถเรืองศรี ยงิ ฟังยงิ แคน้ แสนทวี ภูมีอดั อนั ฤทยั อนิจจาควรหรือมาอาธรรม์ นาํ ใจฉกรรจ์หยาบใหญ่ รักแต่ลูกตวั ไมอ่ ายใจ จะใหผ้ า่ นโภไคศวรรยา ก่อนองคพ์ ระรามผพู้ ี เหน็ ดกี ต็ ามปรารถนา ซึงจะให้พระรามจักรา ออกไปอย่ปู ่ าพนาลัย ข้อนีข้าเห็นผดิ ธรรมนัก อันจักฟังเจ้านันไม่ได้ แมพ้ ระรามจากเมอื งวนั ใด พจี ะมว้ ยบรรลยั ดว้ ยอาวรณ์ เจา้ จงกลบั หลงั ยงั คิด เหมือนบาํ รุงชวี ติ เราไวก้ อ่ น อยา่ กาํ จดั ใหพ้ ลดั พระนคร ดวงสมรจงไดเ้ มตตา นางไกยเกษีเสน่หา เมือนนั ผ่านฟ้าเลอื กวา่ แตค่ วามดี ยกกรสนองพระบญั ชา สามิภกั ดติ ่อเบืองบทศรี อนั ตวั ของข้านีจงรัก ให้ตรีโลกปรากฏพระยศไป หวงั บํารุงสัตย์ภูมี มนั คงหาข่นุ มวั ไม่ เหมือนหนึงความสัตย์พระบิตุรงค์ มิได้อาลัยแก่ชีวนั เชือดเนือแลกชีวิตสัตว์ไว้
154 นีแต่พระรามจะทรงพรต เป็ นดาบสไปอย่ไู พรสัณฑ์ แต่สิบสีปี ไม่ช้าพลนั พระลูกนันก็คืนเวยี งชัย พระองค์ผ้ทู รงโลกา จะด่วนดบั ชีวาหาควรไม่ จะเป็ นทพี ึงทังภพไตร ภูวไนยดาํ ริดูให้ดี ทา้ วทศรถเรืองศรี เมอื นนั จบั พระขรรค์โมลีศักดา ได้ฟังกริวโกรธดังอัคคี เหวยอีคนพาลริษยา กระทืบบาทแล้วมบี รรหาร ใจบาปหยาบช้าอาธรรม์ กไู ม่รู้เลยว่าเป็ นกา ลูกเขาจักฆ่าให้อาสัญ ส่วนว่าลูกมึงสิมึงรัก ความเจ็บอายนันกไ็ ม่มี โลภล้นพ้นตัวทุกสิงอัน ดังบิดาบังเกดิ เกล้าเกศี ตัวกซู ึงเลียงมงึ มา ให้สามมี ้วยบรรลัย จังทานจะผลาญชีวี อใี จพาลนีเลียงไม่ได้ ไว้ไยหนักพืนสุธาธาร ภูวไนยเงือดเงือจะราญรอน ว่าพลางกวัดแกว่งพระขรรค์ชัย (รามเกยี รติ เล่ม , : -) จากตวั อยา่ งจะเห็นวา่ นางค่อมกุจจีเป็นตวั ละครตน้ เหตุทีทาํ ใหท้ า้ วทศรถและ นางไกยเกษีเกิดความขดั แยง้ กนั ทงั นีเป็นเพราะความแคน้ ทีนางค่อมกจุ จีมีต่อพระราม นางคันธมาลี ในบทละครนอกเรือง คาวี นางคันธมาลีตัวละครอปั ลกั ษณ์ เพราะเป็นหญิงชรา รูปลกั ษณ์ภายนอกของนางจึงเป็ นลกั ษณะของคนแก่ นบั ว่าเป็ นลกั ษณะหนึง ของความอปั ลกั ษณ์ ความอปั ลกั ษณ์ของนางคนั ธมาลีเป็นปมปัญหา ทาํ ใหพ้ ระคาวีเกิดความขดั แยง้ ภายในจิตใจ เนืองจากนางคนั ธมาลคี ิดวา่ พระคาวีเป็นทา้ วสนั นุราชจึงเกิดอาการหึงหวง จนเกิดการ วิวาทระหว่างนางคนั ธมาลีกบั นางจนั ทส์ ุดา ส่งผลใหพ้ ระคาวีรําคาญใจจึงหาทางกาํ จดั นางคนั ธมาลี ดว้ ยการออกอบุ ายใหน้ างคนั ธมาลชี ุบตวั เพอื กาํ จดั นาง แต่อุบายไม่สาํ เร็จ เนืองจากนางคนั ธมาลกี ลวั ความตาย พระคาวีจึงต่อว่าและขบั ไล่นางคนั ธมาลีทาํ ให้นางเกิดเสียใจกลบั ไปยงั ตาํ หนัก ฝ่ ายเฒ่า ทศั ประสาททีรู้ว่าพระคาวีปลอมเป็นทา้ วสันนุราช ตนกลวั ความผิดจึงเขา้ ไปทูลนางคนั ธมาลีเรือง พระคาวีปลอมเป็นทา้ วสนั นุราช เมือนางคนั ธมาลที ราบความจริงก็เกิดความคบั แคน้ ใจ จึงส่งสารถงึ ไวยทตั ใหม้ ารบกบั พระคาวี ดงั เนือความว่า ในสารสมเดจ็ พระเจา้ ป้า ตงั แต่กินนาํ ตาตา่ งขา้ ว ดว้ ยฤๅษชี ีป่ ามาลวงเรา เผาลุงของเจา้ ใหว้ ายปราณ เอาผวั อีจนั ทส์ ุดามาไว้ อยใู่ นปราสาทราชฐาน อนั พวกเรานีไม่เห็นเป็ นการ มันจะพาลเอาผดิ คดิ ฆ่าฟัน
155 ขอเชิญหลานแก้วผ้แู กล้วกล้า มาจับตัวมนั ฆ่าให้อาสัญ เหมือนเห็นแก่พระองค์ทรงธรรม์ ช่วยผ่อนผนั แก้แค้นแทนทด แม้นเสร็จการครังนีมีความชอบ ป้าจะมอบสมบัติให้ทังหมด เจ้าจะได้ครองเมืองเรืองยศ จงรีบหากําหนดอย่านอนใจ (คาว,ี : - ) การทีนางคนั ธมาลีส่งสารถึงไวยทตั เพอื ใหม้ ารบกบั พระคาวีนนั ส่งผลต่อการ ดาํ เนินเรืองในลาํ ดบั ต่อไป คือ การสร้างความขดั แยง้ ระหวา่ งพระคาวกี บั ไวยทตั ทาํ ใหพ้ ระคาวีและ ไวยทตั ตอ้ งทาํ สงครามระหว่างกนั นางศรีสาหง ในบทละครเรือง อภยั นุราช กวีสร้างนางศรีสาหงให้เป็ นตัว ละครในการสร้างปมปัญหา ทาํ ใหเ้ กิดความขดั แยง้ ระหว่างทา้ วอภยั นุราชกบั นางทิพมาลี กล่าวคือ ในเรืองนางศรี สาหงเป็ นเครืองมือของเทพารักษ์ในการทําลายครอบครัวของท้าวอภัยนุราช เทพารักษ์เขา้ สิงนางศรีสาหงเพือแกแ้ คน้ ทา้ วอภยั นุราชทีไม่ยอมบวงสรวงตามพิธีดังเดิม ดัง เนือความวา่ มาจะกล่าวบทไป ถึงอารักษท์ ีเขาเผาศาลไหม้ ขึนสิงสู่อยบู่ นตน้ ไทร แคน้ ทา้ วอภยั นุราชบงั อาจนกั แต่ก่อนกอู ยมู่ าป่ านี ชาวบูรีเกรงฤทธิสิทธิศกั ดิ ถงึ เดือนหา้ มาเลน่ เซ่นวกั ไม่ทาํ การหาญหกั เหมือนดงั นี จะแก้แค้นแทนทําให้สําเสีย ให้เสียลูกเสียเมยี เสียกรุงศรี คดิ พลางทางแผลงฤทธี ไปเรือนอีผสี ิงหญิงคนทรง (อภยั นุราช, : -) เมอื เทพารักษเ์ ขา้ สิงนางศรีสาหงไดส้ าํ เร็จกใ็ ห้นางศรีสาหงใชม้ ารยาหญิงเพือ ลวงใหท้ า้ วอภยั นุราชเกิดความลมุ่ หลงในตวั นาง จนทา้ วอภยั นุราชไม่สนใจนางทิพมาลี ทาํ ให้นาง ทิพมาลเี กิดความหึงหวง จึงเกิดการววิ าทระหวา่ งนางทิพมาลกี บั นางศรีสาหง เมอื ทา้ วอภยั นุราชเห็น นางศรีสาหงถกู ทาํ ร้ายก็ตาํ หนินางทิพมาลี ดงั เนือความว่า ฟังยุ พระพลอยดุด่าน่าอดสู กเู ห็นแน่แก่ตาต่อหน้ากู แขนชูชุ่ยนางทําอย่างนี คอยเขม่นเข่นเขยี วเจยี วอุเหม่ เจ้าโมโหโว้เว้มเหสี ไม่ยาํ เยงเกรงกลวั ถือตวั ดี ประเดียวนีก็จะได้ถูกไม้เรียว (อภยั นุราช, : )
156 จากตวั อยา่ งจะเห็นวา่ ทา้ วอภยั นุราชเขา้ ขา้ งนางศรีสาหง เพราะเกิดจากความ ลุ่มหลง นางทิพมาลเี ห็นว่าทา้ วอภยั นุราชหลงเชือนางศรีสาหงก็เขา้ ทาํ ร้ายนาง จนทาํ ใหล้ ูกตาของ นางศรีสาหงบอดทงั ขา้ ง นางศรีสาหงจึงใชม้ ารยา เพือลวงใหท้ า้ วอภยั นุราชรับสังให้ควกั ลูกตา นางทิพมาลีเพือใส่คืนให้กับตน ท้าวอภัยนุราชหลงเชือจึงรับสังให้ควักลูกตานางทิพมาลี ดงั เนือความว่า ตรัสเรียกกรมวงั มาสังว่า โทษอีมาลีหนักถงึ ตักษัย ตเี มียรักจักขุปะทุไป จะควักตามาใส่ให้นงลกั ษณ์ ตวั มนั นันส่งไปเป็ นโขลนจ่า ริบหมดยศถาบรรดาศักดิ จะคอยเอาเข้ายาอย่าช้านัก ไปควกั ลูกตามาไวไว (อภยั นุราช, : ) จากตวั อยา่ งขา้ งตน้ จะเห็นวา่ นางศรีสาหงเป็นปมปัญหาทีทาํ ใหท้ า้ วอภยั นุราช และนางทิพมาลีเกิดความขดั แยง้ กนั โดยการใชม้ ารยาของนางศรีสาหง เพือทาํ ใหค้ รอบครัวของทา้ ว อภยั นุราชเกิดความแตกแยก ตวั ละครอปั ลกั ษณ์เป็นตน้ เหตุทีทาํ ใหต้ วั ละครในเรืองขดั แยง้ กนั จะกาํ หนดให้ ตวั ละครอปั ลกั ษณ์เป็นปมปัญหาของโครงเรืองหลกั และยงั เป็ นปมปัญหาของโครงเรืองส่วนหลงั เพอื นาํ พาความขดั แยง้ ใหเ้ กิดขึนระหวา่ งตวั ละครเอกและตวั ละครอืน ๆ ในเรืองกนั และนาํ พาความ ขดั แยง้ ใหเ้ กิดขึนระหวา่ งตวั ละครเอกกบั ตวั ละครเอกดว้ ย การใชต้ วั ละครอปั ลกั ษณ์ใหเ้ ป็นผสู้ ร้างความขดั แยง้ ระหว่างตวั ละครอปั ลกั ษณ์กบั ตวั ละครอนื ในเรือง และการเป็นตน้ เหตุใหต้ วั ละครอืน ในเรืองขดั แยง้ กนั ทาํ ให้การดาํ เนินเรืองมีมิติ มากขึน เนืองจากตวั ละครอปั ลกั ษณ์จะสร้างความขดั แยง้ ภายนอกกบั ตวั ละครอืนในเรือง คือ การทาํ ใหต้ วั ละครอนื ๆ ในเรืองตอ้ งเกิดการพลดั พรากจากสิงอนั เป็ นทีรัก และยงั ทาํ ใหเ้ กิดความขดั แยง้ ภายในจิตใจของตวั ละครอนื ดว้ ย อกี ยงั ทาํ ใหค้ วามขดั แยง้ ของเรืองทวคี วามรุนแรงมากขึน ส่งผลให้ การดาํ เนินเรืองเกิดความซบั ซอ้ นและเร้าความรู้สึกของผอู้ ่านใหไ้ ปตามเรืองได้ อาจกล่าวไดว้ ่าการ ใชต้ วั ละครอปั ลกั ษณ์ในการสร้างความขดั แยง้ มสี ่วนช่วยทาํ ใหก้ ารดาํ เนินเรืองมีความน่าสนใจมาก ขึน . บทบาทของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ต่อตวั ละคร บทบาทของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีมีต่อตวั ละครพบว่า กวีกาํ หนดบทบาทให้ตวั ละคร อปั ลักษณ์ ทาํ หน้าทีสร้างปัญหาและอุปสรรค และให้ความช่วยเหลือตัวละครอืน ๆ ในเรือง
157 สามารถแบ่งการศกึ ษาออกได้ ประการ คือ ตวั ละครอปั ลกั ษณ์เป็ นตวั ละครทีใหโ้ ทษกบั ตวั ละคร อนื ในเรือง และตวั ละครอปั ลกั ษณ์เป็นตวั ละครทีใหค้ ุณกบั ตวั ละครอนื ในเรือง ดงั นี . ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทใี ห้โทษกบั ตวั ละครอืนในเรือง ในวรรณคดีไทยกวมี กั สร้างตวั ละครอปั ลกั ษณ์ใหม้ ลี กั ษณะนิสยั และการแสดง พฤติกรรมทีไม่ดี ซึงส่งผลใหต้ วั ละครอปั ลกั ษณ์ทาํ หนา้ ทีในการสร้างปัญหาและอุปสรรคใหก้ บั ตวั ละครอนื ในเรือง ทาํ ใหต้ วั ละครอืนในเรืองประสบปัญหาและความยากลาํ บาก ดงั ตวั อยา่ ง นางค่อมกจุ จี ในรามเกียรติ นางค่อมกุจจีเป็ นตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีให้โทษกบั พระราม เพราะนางมีความแคน้ ฝังใจกบั พระราม เนืองจากเมือครังพระรามชนั ษาได้ ปี พระราม ทรงพระแสงกระสุนไปยงิ นางค่อมกุจจี ทาํ ใหน้ างเกิดความอายและแคน้ ใจ เมือทา้ วทศรถรับสังให้ พระรามขึนครองราชย์ นางค่อมกจุ จีจึงหาหนทางแกแ้ คน้ พระราม โดยเขา้ เฝ้านางไกยเกษีเพือโน้ม นา้ วใหน้ างไกยเกษีทูลความแก่ทา้ วทศรถเรืองใหพ้ ระพรตครองเมอื งแทนพระราม ดงั เนือความว่า บดั นนั ฝ่ ายกุจจีคอ่ มทาสี แตต่ อ้ งกระสุนพระจกั รี มีความเคยี ดแคน้ อยเู่ ป็นนิจ แจง้ ว่าสมเดจ็ พระบิตรุ งค์ จะใหอ้ งคพ์ ระรามจกั รกฤษณ์ ทรงมหาเศวตฉตั รชวลติ สถติ เป็นจรรโลงธาตรี มคี วามพยาบาทฆาตหมาย ในองค์พระนารายณ์เรืองศรี จะแก้แค้นแทนโทษให้ถงึ ที คดิ แล้วกจุ จีก็เข้าไป ถงึ นางไกยเกษโี ฉมยง นอ้ มเกลา้ กราบลงแลว้ ร้องไห้ พไิ รรําพรรณนาวา่ วอน กอดขอ้ พระบาทเขา้ ไว้ .................... .................... พระมารดาตาํ พงศเ์ ป็นไฉน อนั พระพรตสุริยว์ งศ์ ความขา้ นอ้ ยใจพนั ทวี จึงไม่ไดค้ รองเวยี งชยั .................... .................... เมือพระองคร์ อนราญอสุรา ลมื ไปแลว้ หรือเยาวมาลย์ เอากรสอดแทนเพลารัถา ขา้ นีแจง้ วา่ พระแม่เจา้ นิงเสียจะว่าต่อเมอื ไหร่ ภูวไนยใหไ้ ดส้ ัตยา ควรจะขอสมบัตนิ ันยกให้ อนั พระพรตกท็ รงจักรพรรดิ ข้าเห็นกไ็ ด้ท่วงที ความสัตย์สัญญาซึงว่าไว้ (รามเกยี รติ เล่ม , : -)
158 เมอื นางไกยเกษีไดฟ้ ังคาํ ทูลของนางค่อมกุจจีก็เห็นชอบดว้ ยทุกประการ นาง จึงขึนเฝ้าทา้ วทศรถเพือทูลทวงสญั ญาทีทา้ วทศรถเคยใหไ้ วก้ บั นาง ซึงทา้ วทศรถไม่สามารถเสียสัตย์ สญั ญาได้ พระรามจึงตอ้ งออกบวชเป็นระยะเวลา ปีเพอื รักษาสตั ยส์ ญั ญาของพระบิดาทีให้ไวก้ บั นางไกยเกษี อีกทังยงั ทาํ ใหพ้ ระรามยงั ต้องเผชิญกบั ปัญหาต่าง ๆ เช่น พิราพลกั นางสีดาทาํ ให้ พระรามตอ้ งรบกบั พิราพ ท้าวสันนุราช ในบทละครนอกเรืองคาวี กวีสร้างทา้ วสนั นุราชเพอื สร้างปัญหา ใหก้ บั ตวั ละครพระเอกและนางเอก คือ พระคาวีและนางจนั ทส์ ุดา โดยการกาํ หนดใหท้ า้ วสันนุราช มีนิสยั และแสดงพฤติกรรมทีแสดงถึงความมวั เมาในกามตณั หา กล่าวคือ เมือทา้ วสนั นุราชพบผอบ ใส่เสน้ ผมของนางจนั ทส์ ุดาทีมีกลนิ หอมกเ็ กิดความลุ่มหลง จนประกาศให้คนตามหานางจนั ทส์ ุดา ซึงความลุ่มหลงมวั เมาของทา้ วสันนุราช และความต้องการทีจะไดน้ างจนั ท์สุดามาครอบครอง ส่งผลใหพ้ ระเอกของเรือง คือ พระคาวตี อ้ งเสียชีวิต ส่งผลใหน้ างจนั ทส์ ุดาก็ตอ้ งพรากจากพระคาวี ดงั บทสนทนาทีนางจนั ทส์ ุดากล่าวกบั ทา้ วสนั นุราช เนือความวา่ นีแน่ออเฒ่าเจ้ากรุงไกร ช่างไม่คดิ ถงึ ตวั มัวเมา จะตายวนั ตายพรุ่งกไ็ มร่ ู้ ยงั เทียวเกียวชูอ้ ยอู่ กี เล่า จนฟันหกั ผมหงอกเหมือนดอกเลา ลกู เขาเมยี เขากไ็ ม่คิด คบกนั กบั อเี ฒ่าเจา้ เลห่ ์ ทาํ การเกเรทจุ ริต ลอบฆ่าสามกี มู ้วยมิด มหิ นําซําปลิดเอาเมียมา อยา่ พกั วา่ วอนใหอ้ อ่ นใจ กไู ม่มุ่งปรารถนา ว่าพลางนางทรงโศกา กัลยาโศกศัลย์รนทด (คาวี, : ) ชีเปลือย ในพระอภยั มณี กวีสร้างชีเปลือยเพือทาํ หนา้ ทีสร้างอุปสรรคให้กบั สุดสาคร ดงั ตอนชีเปลือยผลกั สุดสาครตกเหว เพือชิงไมเ้ ทา้ วิเศษและมา้ มงั กร ส่งผลให้สุดสาคร ตอ้ งเผชิญกบั ความยากลาํ บาก คือ ความหิวโหย และความอ่อนลา้ ทีไม่สามารถปี นเหวขึนได้ ดงั เนือความว่า สุดสาครยงั อ่อนศักดิ ชีเปลือยผลักตกอย่ใู นคูหา เดชะมนต์ทนคงทรงวชิ า ไม่มรณานิงซบสลบไป ได้สามคนื ชืนฉําด้วยนําหิน ในดวงวญิ ญาณ์แยม้ คอ่ ยแจ่มใส ระริกพลกิ องคท์ รงฤทยั ในดวงใจเจบ็ ชาํ แทบทาํ ลาย
159 นิงราํ ลึกตรึกภาวนาเวท ศกั ดาเดชร้าวฉานบนั ดาลหาย แต่หิวโหยโดยอดระทดกาย จะปี นป่ ายไม่ได้ดังใจจง (พระอภยั มณีเล่ม , 2544: 308) นางศรีสาหง ในบทละครเรือง อภยั นุราช กวีสร้างนางศรีสาหงเพือทาํ หนา้ ที ในการสร้างปัญหาและอุปสรรคให้กบั นางทิพมาลี กล่าวคือ นางศรีสาหงใชม้ ารยาเพือลวงทา้ ว อภยั นุราชใหล้ ุ่มหลงในตวั นาง ส่งผลใหน้ างทิพมาลีผเู้ ป็ นมเหสีไม่ไดร้ ับความรักและความสนใจ จากทา้ วอภยั นุราช เช่น เหตุการณ์ทีนางทิพมาลีและนางศรีสาหงเกิดการวิวาทกนั จนทาํ ใหน้ างศรี สาหงถกู นางทิพมาลที าํ ร้ายจนตาบอด นางศรีสาหงจึงใชม้ ารยาลวงทา้ วอภยั นุราชใหล้ มุ่ หลง เพือสัง ใหค้ วกั ลูกตานางทิพมาลี ส่งผลใหน้ างทิพมาลีเกิดความลาํ บากใจ เพราะนางรับรู้โทษครังนีทาํ ให้ นางอาจเสียชีวิต และจะไม่ไดพ้ บพระโอรสอนนั ตก์ บั พระธิดาวรรณา ดงั เนือความว่า เมอื นนั มเหสีชีวงั จะสังขา สงสารพระอนันต์นางวรรณา โศกาครวญครํารําพนั แมเ่ คยเลียงถนอมจอมขวญั โอล้ กู แกว้ แววตาของแมเ่ อ๋ย ครังนีชวี นั จะบรรลยั อยกู่ บั เจา้ เชา้ เยน็ ไดเ้ ห็นกนั คอยระวงั กายาอชั ฌาสยั ทงั สององคจ์ งจาํ คาํ สัง พากนั ไปพงึ พระอยั กา แมข้ บั หนีตีโบยตอ้ งโพยภยั จงปกป้องครององคไ์ ร้วงศา แมน้ เลยี งดอู ยดู่ ดี ว้ ยพีนอ้ ง พ่ออยา่ ดา่ ตีนอ้ งจงครองกนั ฝ่ ายนอ้ งรักภกั ดฝี ่ ายพียา จะคลาดแคล้วแก้วตาม้วยอาสัญ แม่นีชีวิตไม่รอดแล้ว ได้กาํ เนิดเกิดครรภ์ของมารดร จะเกดิ ไหนให้สองพีน้องนัน แม้นหน่อไทผิดพลังช่วงสังสอน แล้วฝากฝงั ทังปวงข้าหลวงใหญ่ สะอืนอ้อนโศกาอาลยั สงสารลูกผูกใจอาลยั วอน (บทละครเรืองอภยั นุราช, : -) ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีใหโ้ ทษกบั ตวั ละครอนื ในเรืองมกั จะแสดงพฤติกรรมทีไม่ ดี เช่น การใช้ความเจ้าเล่ห์เพทุบาย และความลุ่มหลงในกิเลสตณั หา เพือทาํ หน้าทีในการสร้าง อปุ สรรคและสร้างความลาํ บากภายในจิตใจใหก้ บั ตวั ละครอืนในเรือง กลา่ วคือ ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ที ให้โทษกบั ตวั ละครอืนในเรือง สามารถทาํ ใหต้ วั ละครในเรืองตกอยู่ในสถานการณ์ทียากลาํ บาก และตอ้ งพลดั พรากจากกนั ส่งผลใหต้ วั ละครอนื ในเรืองเกิดความเสียใจและทอ้ แทใ้ นชะตากรรม
160 . ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทใี ห้คุณกบั ตวั ละครอืนในเรือง แมว้ ่าตวั ละครอปั ลกั ษณ์จะมีรูปลกั ษณ์ภายนอกทีไม่ดี แต่ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ สามารถสร้างสิงทีดีหรือสิงทีเป็นคุณใหแ้ ก่ตวั ละครอืนในเรือง พบว่าตวั ละครอปั ลกั ษณ์ใหค้ ุณกบั ตวั ละครอืนในเรือง ลกั ษณะ คือ ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีช่วยเหลือตวั ละครในเรือง และตวั ละคร อปั ลกั ษณ์ทีช่วยขบั เนน้ คุณสมบตั ิของตวั ละครพระเอก ดงั นี . . ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีช่วยเหลือตวั ละครอืนในเรือง คือ ตวั ละคร อปั ลกั ษณ์ทาํ หนา้ ทีช่วยเหลือตวั ละครอืนในเรืองใหส้ ามารถผา่ นพน้ ปัญหาหรืออุปสรรคไดโ้ ดยการ ใชป้ ัญญา ความรู้ ความสามารถ และความกลา้ หาญ ดงั ตวั อยา่ ง พรานบญุ ในบทละครเรือง มโนห์รา กวีสร้างพรานบุญเพือใหเ้ ป็ นผู้ ช่วยเหลือพระสุธน โดยเป็นผพู้ านางมโนห์ราไปพบกบั พระสุธน ในเรืองพรานบุญไดใ้ ชว้ ิชาและสัง นาคาใหไ้ ปจบั นางมโนห์ราเพือไปถวายพระสุธน ดงั เนือความว่า พีมาพบนางทีสระใหญ่ จะพาเจ้าไปยงั ไอศวรรย์ ถวายพระองค์ผู้ทรงฟ้า เป็ นนาย :) ของขา้ ยอดนกั ธรรม์ อยา่ ไดท้ รหวนมาป่ วนปัน จอมขวัญจะได้เป็ นภรรยา เชิญน้องแต่ง องคท์ รงภษู า ตะวนั บ่ายเวลามาจะไป (มโนหร์ า วรรณกรรมอยุธยา, นางวาลี ในพระอภัยมณี กวีสร้างนางวาลีให้เป็ นตัวละครทีมี รูปลกั ษณ์อปั ลกั ษณ์ และกาํ หนดคุณสมบตั ิพิเศษ คือ การมีปัญญา ความรู้ ความเฉลียวฉลาด และ ความสามารถให้กบั นางวาลี ซึงคุณสมบตั ิของนางวาลีถูกสร้างขึนเพือช่วยพระอภัยมณีทาํ ศึก สงคราม และช่วยใหพ้ ระอภยั มณีไดอ้ ภิเษกสมรสกบั นางสุวรรณมาลี ในการช่วยพระอภยั มณีใน การทาํ ศกึ สงครามกบั อศุ เรน ดงั ตอนอศุ เรนตีเมอื งผลกึ ดงั เนือความว่า พระอภยั มณีไดค้ วามใหข้ ามศึก อตุ ส่าหต์ รึกตรองอบุ ายเป็นหลายเล่ห์ ....................... ....................... ตรึกตรองนึกไปไมส่ บาย จึงภิปรายปรึกานางวาลี ศึกมายงั ตงั กระบวนจะจวนข้าม มาสงครามพ่งุ รบถงึ กรุงศรี จะจัดแจ้งแต่ทหารออกต้านตี หนีจะหนีนางเห็นเป็ นอย่างไร เป็ นยอดยงิ ยมิ ย่องสนองไข ส่วนวาลีปรีชาปัญญาหญิง สงสารไพร่กจ็ ะม้วยลงด้วยกนั จะฟันแทงแย้งยงิ ออกชิงชัย
161 แม้นลวงล่อพอให้ได้ชัยชนะ กจ็ ะเห็นทาํ ได้ใจหม่อมฉัน ขอพระองค์เป็ นกองออกป้องกัน คุมกําปันแปดร้อยคอยระวัง แม้นสงครามตามตจี งหนีหลบ ไปวนั หนึงจงึ ค่อยทบตลบหลงั มาปากอ่าวก้าวสกดั ตัดกําลงั ให้พร้อมพรังทงั ทัพรบสมทบกนั ข้าจะรับจับท้าวเจ้าสิงหล ด้วยเล่ห์กลโอนอ่อนคดิ ผ่อนผนั นางทูลความตามปัญญาสารพัน ทงั สุวรรณมาลเี หน็ ดจี ริง (พระอภยั มณี เล่ม , : -) จากเนือความจะเห็น นางวาลีใชป้ ัญญาเพือวางแผนในการช่วยพระ อภยั มณีทาํ ศกึ กบั อศุ เรน โดยวางแผนใหพ้ ระอภยั มณีเป็นทพั แรกในการทาํ ศกึ หากแพก้ ใ็ หถ้ อย เพือ รอทพั เสริมแลว้ ค่อยรบอกี ครัง ส่วนนางวาลีจะเป็นผอู้ าสาไปจบั ทา้ วสิงหลดว้ ยตนเอง การวางแผน โดยใชป้ ัญญาและความสามารถของนางวาลสี ามารถทาํ ใหพ้ ระอภยั มณีชนะศึกสงครามได้ การช่วยเหลือพระอภยั มณีให้ได้อภิเษกสมรสกบั นางสุวรรณมาลี กลา่ วคือ นางวาลีใชป้ ัญญาวางแผนเพอื ลวงนางสุวรรณมาลีใหส้ ึก และกลบั มาอภิเษกสมรสกบั พระ อภยั มณี ดงั เนือความว่า พระอภยั ไดส้ ดบั ทขี บั กล่อม น่าถนอมเสนาะนาํ คาํ เฉลย ....................... ....................... จะผนั แปรแกไ้ ขไฉนดี พระบตุ รีจึงจะสึกช่วยตรึกตรอง อภวิ าทบาทมูลทูลฉลอง ฝ่ ายวาลปี รีชาปัญญาฉลาด มติ ้องให้เหนือยยากลาํ บากกาย จะขอรับอาสาฝ่ าละออง เป็ นองค์อัครราชเหมือนมาดหมาย ให้พระนุชบุตรีมาอภเิ ษก ให้มาดหมายจดั งานการมงคล จะสังพระอนุชาเสนานาย อกี เจ็ดวันจะวิวาห์สถาผล ทงั การเล่นเต้นรําเครืองทําขวญั ขนึ นังบนแท่นรัตน์ชัชวาล จะเชิญองค์นงเยาว์เข้ามณฑล (พระอภยั มณี เล่ม , :) จากเนือความจะเห็นว่า นางวาลีวางแผนให้จดั งานอภิเษกสมรสเพือ ลวงให้นางสุวรรณมาลีคิดว่า พระอภยั มณีจะอภิเษกสมรสกบั นางวาลี ซึงแผนการของนางวาลีก็ สาํ เร็จ เพราะนางสุวรรณมาลหี ลงเชือ และสึกกลบั มาเพอื อภิเษกสมรสกบั พระอภยั มณี นางผีเสือสมุทร ในพระอภยั มณี กวีสร้างนางผีเสือสมุทรใหเ้ ป็ นตัว ละครทีช่วยเหลือตวั ละครอืน ๆ ในเรือง ไดแ้ ก่ สินสมุทร และวายพุ ฒั น์ นางผเี สือสมุทรทาํ หนา้ ที
162 ช่วยเหลอื สินสมุทรในการตดั สินใจทาํ ศึกสงคราม ดงั เหตุการณ์ในตอนทาํ ศึกกบั เมืองกาํ พลเพชร สินสมุทรเชิญนางผเี สือสมุทรมาเขา้ ทรงเพือถามถึงเหตุการณ์ทีเมอื งกาํ พลเพชร ดงั เนือความวา่ ฝ่ ายพระจอมธิบดนิ ทร์ปิ นผลึก เธอตรองตรึกยงั สงสัยเสร็จไปศาล ใหห้ าพวกทรงผีมามินาน จึงโองการใหค้ นทรงมาลงดู แลว้ เชญิ ทา่ นมารดาใหม้ าดว้ ย จะไดช้ ว่ ยบอกกล่าวใหเ้ ขา้ หู จะเทจ็ จริงอยา่ งไรจะใคร่รู้ เรียกใหผ้ คู้ นทางมาลงพลนั จุดธูปเทียนบายศรีพลีศาล เชญิ นางมารมาตุรงคม์ าทรงฉัน ปี ศาจแวว่ แจว้ ดงั กระทงั กรรณ ลุกผลุนผลนั เหลียวแลชะแงไ้ ป ............................ ............................ แจ้งคดีเล่าแก่บุตรไม่มุสา นางปี ศาจล่วงรู้เพราะหูผี มนั รบราฆ่าฟันกนั บรรลยั เมือเดือนก่อนกเู ทียวไปในคงคา เสียระยาํ ปี ป่ นทนไม่ไหว เมืองหน้าด่านชานชลาริมท่านํา บาทหลวงได้ปากนําทีสําคญั ความทบี อกมาจริงอย่ากริงใจ คงสํานึกดบั ร้อนด้วยผ่อนผัน เอ็งรีบยกไปกําราบช่วยปราบศึก พีน้องกันกจ็ ะได้เห็นใจเรา จะได้สืบสุริย์วงศ์ตามพงศ์พันธ์ุ เอามือตผี างผางเขา้ กลางเสา พอบอกเสร็จคนทรงทีลงผี เหมอื นกินเหลา้ ลกุ ลม้ ไมส่ มประดี ลม้ นอนหงายกายสันอยเู่ ทาเทา (พระอภยั มณี เล่ม , : -) นางผเี สือสมทุ รทาํ หนา้ ทีช่วยเหลอื วายพุ ฒั น์ ดงั ตอนวายพุ ฒั น์จบั ยกั ษ์ ไดท้ ีเมอื งเซน็ นางผเี สือสมุทรไดป้ รากฏตวั ขึนเพอื แนะนาํ ใหว้ ายพุ ฒั น์เลยี งยกั ษไ์ ว้ และยงั สอนวิชา ใหว้ ายพุ ฒั นด์ ว้ ย ดงั เนือความวา่ ฝ่ ายนางผเี สือเนือเป็นหินสิ นไฟธาตุ เป็นปี ศาจชาติยกั ษย์ งั รักหลาน สาํ แดงกายกรายมาหนา้ กุมาร จึงแจง้ การก่อนเก่าเล่าใหฟ้ ัง อนั ตวั กผู เู้ ป็นยา่ วายพุ ฒั น์ เอง็ อยา่ มดั ผกู ยกั ษอ์ ยา่ กกั ขงั จงกล่อมเกลยี งเลียงไวใ้ ชก้ าํ ลงั ใหต้ ามหลงั ดงั หนึงวา่ เป็นขา้ คน กอู ย่ดู ้วยช่วยเอง็ อย่าเกรงยกั ษ์ เรียกหลานรักไปทีข้างหว่างถนน สอนประสิทธิฤทธิเดชให้เวทมนต์ บอกแยบยลกลอุบายแล้วหายไป (พระอภยั มณี เล่ม , :) นอกจากนีเหตุการณ์ตอนสินสมทุ รและวายพุ ฒั น์ถูกยาเมาจนสลบไป นางผเี สือสมุทรก็ปรากฏตวั เพือบอกวิธีแกย้ าเมา ดงั เนือความวา่
163 นางปี ศาจชาตเิ ชอื ผเี สือสมทุ ร จึงยงั หยดุ เล่าแจง้ แถลงไข ออกจากคนทรงพลนั ดว้ ยทนั ใด สาํ แดงใหเ้ ห็นกายทงั ใหญโ่ ต ............................ ............................ แล้วนางปี ศาจบอกชาติยา เอาธาราหวานแก้ทแี ปรปรวน คอื ตวั ขัณฑสกรนันถอนพิษ ใหด้ วงจิตอิมเอมเกษมสรวล รีบไปแก้กันอย่าช้าเวลาจวน พอลมหวนหายวบั ไปกบั ตา (พระอภยั มณี เล่ม , :) นางแก้วหน้าม้า ในบทละครนอกเรือง แกว้ หน้ามา้ กวีสร้างนางแกว้ หนา้ มา้ ใหม้ คี ุณสมบตั ิพิเศษ คือ ความกลา้ หาญ ซึงคุณสมบตั ิดงั กล่าวใชท้ าํ หน้าทีในการช่วยเหลือ พระพินทองผเู้ ป็นสามี เช่น เหตุการณ์ตอนพระพินทองเขา้ เมืองยกั ษข์ องทา้ วพาลราช ดงั เนือความ วา่ เมือนนั มาณพทลู ไปดงั ใจหมาย ข้าจะช่วยแก้ไขมิให้ตาย อย่าเคืองข่นุ ว่นุ วายวิญญา ว่าพลางทางเชิญพระโฉมยง ไปยงั จตุรงค์ซ้ายขวา กลัวมนั ทําไมเร่งไคลคลา จูงหัตถ์ผ่านฟ้าคลาไคล ..................... ..................... มาณพเหนือยพกั หนกั หนา เมอื นนั มชิ ้ากผ็ าดแผลงไป จงึ ก่งศรพาดสายหมายตา ตกต้องปัถพินหวันไหว ตดั เศียรยักษ์ใหญ่ทันที ศรทรงต้ององค์อสุรินทร์ แล้วขว้างพร้าอาจารย์ชาญชัย (แกว้ หนา้ มา้ , : -) จากตวั อยา่ งจะเห็นว่า เมือนางแกว้ หน้ามา้ ทราบเรืองว่าพระพินทอง เขา้ เมืองยกั ษ์ นางกลวั ว่าพระพินทองจะไดร้ ับอนั ตราย จึงปลอมตวั เป็ นมาณพไปฆ่าทา้ วพาลราช เพอื ช่วยเหลือพระพินทองใหป้ ลอดภยั จากทา้ วพาลราช ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีทาํ หนา้ ทีช่วยเหลอื ตวั ละครอืนในเรืองมกั จะเป็ น ตวั ละครทีมคี ุณสมบตั ิพิเศษ เช่น มวี ิชาความรู้ ความเฉลียวฉลาด มีความกลา้ หาญ มีมนต์และของ วเิ ศษเพอื ช่วยเหลือใหต้ วั ละครในเรืองสามารถแกไ้ ขปัญหาและอุปสรรคไปได้ ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ที ทาํ หนา้ ทีช่วยเหลือตวั ละครอนื ในเรือง จะมีการช่วยเหลือ ลกั ษณะ คือ ช่วยเหลือดว้ ยการกระทาํ เช่น นางวาลีทีช่วยในการทาํ ศึกสงคราม และนางแกว้ หน้ามา้ ช่วยให้พระพินทองรอดจากอนั ตราย
164 ในเมืองยกั ษด์ ว้ ยการฆ่าทา้ วพาลราช และช่วยเหลอื ดว้ ยการแนะนาํ เช่น นางผเี สือสมทุ รทีปรากฏตวั เพือบอกเหตุการณ์ทีเมืองกาํ พลเพชร และบอกวธิ ีแกย้ าเมา . . ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีช่วยขับเน้นคุณสมบตั ขิ องตวั ละครพระเอก การสร้างตวั ละครในวรรณคดีไทยมกั จะสร้างตวั ละครพระเอกใหม้ ี รูปลกั ษณ์ทีงดงาม มนี ิสยั จิตใจ และพฤติกรรมทีดี และจะสร้างตวั ละครทีมีคุณสมบตั ิดอ้ ยกว่าตวั ละครพระเอก หรือตวั ละครตรงขา้ มกบั ตวั ละครพระเอก เรียกว่า ตัวละครคู่ตรงข้าม เพือขบั เน้น คุณสมบตั ิของตวั ละครพระเอกใหเ้ ด่นชดั ขึน ดงั ตวั อยา่ ง ชูชก ในมหาชาติคาํ หลวง และมหาเวสสันดรชาดก กวีสร้างพระ เวสสนั ดรใหเ้ กิดในตระกลู กษตั ริย์ เป็นผทู้ ีมรี ูปลกั ษณ์งดงาม มจี ิตใจดีเป็นผใู้ หท้ านบารมี และมวี ิชา ความรู้อีกดว้ ย ดงั ตวั อยา่ ง ในมหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑห์ ิมพานต์ ดงั เนือความว่า โพธิสตฺโต อันว่าพระบรมราชพุทธพงศ์ผ้ทู รงญาณ ครันพระชนมานจาํ เริญรุ่นสิบหก ปี ทรงลกั ษณาราศีพร้อมมูล ทงั พระบารมีกเ็ พมิ พูนผุดพ่งุ ดุจจนั ทรจาํ รัสรุ่งในนภา ทงั พระปรีชาก็ เชียวชาญ สิปฺปานํ นิปฺผตฺติ รู้ศิลปะศาสตร์สิบแปดประการกเ็ สร็จสิน (มหาเวสสนั ดรชาดก, : - ) ในส่วนของชูชก กวสี ร้างชูชกใหเ้ กิดในตระกูลพราหมณ์ยากจนและ หาเลยี งชีพดว้ ยการขอทาน ดา้ นรูปลกั ษณ์สร้างใหช้ ูชกเป็ นผูท้ ีมีความอปั ลกั ษณ์ คือ ลกั ษณะของ บุรุษโทษ ประการ และในดา้ นนิสยั และพฤติกรรมก็มีสร้างใหม้ ลี กั ษณะนิสยั และพฤติกรรมทีไม่ ดี ดงั เนือความว่า ยังมีพฤฒาจารย์ พราหมณ์ ผู้เฒ่ า บั งเกิดแต่ ตระกูลล้ วนเหล่ ายัญหุ ตภุชงค์ สืบสันดานสัมพนั ธพงศ์โภวาทิกชาติ เฒา่ มสี นั นิวาสเคหฐานอยู่ในคามเขตละแวกบา้ นทุนนวิฐติด เนืองกบั เมอื งกลิงคราษฎร์บุรี ธชีแกเป็ นคนจนอปั รีย์ไร้ญาตยิ งิ สถุล ทุคตะแค้นเคืองขุ่นข้องเข็ญใจ ภิกฺขาจาริยาย ตะแกก็เทยี วภิกขาจารไปปานด้วยเพศสกปรก ... เฒ่าโลโภโลภลาภไม่หยุดหย่อน เฒ่า กเ็ ทียวสัญจรกระเจอะกระเจงิ ไปจนครบคามเขตน้อยใหญ่ ด้วยว่ามักจะใคร่ได้ให้จงหนัก โดยโลภ เจตนา นันแล (มหาเวสสนั ดรชาดก, : - ) จากตวั อย่างเนือความทีกล่าวถึงพระเวสสันดรและชูชก จะเห็นว่า ชูชกเป็ นตัวละครทีมีคุณสมบัติด้อยกว่าพระเวสสันดร ทังดา้ นชาติกาํ เนิด รูปลกั ษณ์ นิสัยและ พฤติกรรม เพอื เป็นการขบั เนน้ คุณสมบตั ิทีดีของพระเวสสนั ดรใหเ้ ด่นชดั ขึน
165 ขุนช้าง ในเสภาเรือง ขุนชา้ ง ขุนแผน กวีสร้างขุนชา้ งให้มีคุณสมบตั ิ ดอ้ ยกว่าขุนแผนซึงเป็ นตวั ละครพระเอก ทงั ในดา้ นรูปลกั ษณ์ และลกั ษณะนิสยั และพฤติกรรม กล่าวคือ ขุนแผนเป็ นผูท้ ีมีรู ปลกั ษณ์งดงาม และมีวิชา ความสามารถในการรบ แต่ขุนชา้ งมี รูปลกั ษณ์ และมลี กั ษณะนิสยั และพฤติกรรมทีไม่ดี เช่น เนือความตอนกาํ เนิดขุนชา้ ง และขุนแผน การเล่าถงึ ตวั ละครขุนชา้ งกบั ขนุ แผนสามารถแสดงใหเ้ ห็นความแตกต่างทางคุณสมบตั ิของขุนชา้ ง และขุนแผน เช่นตอนกาํ เนิดขุนชา้ ง ดงั เนือความวา่ ขนุ ศรีวิไชยจึงทาํ นายฝัน ออ้ เจา้ จะมคี รรภห์ าเป็นไรไม่ ลกู ของเราเป็นชายทาํ นายไว้ เหมือนนกตะกรุมตวั ใหญ่คาบชา้ งมา จะบริบูรณ์พนู สวสั ดิแลว้ เจา้ พี หัวล้านแต่กําเนิดเกดิ มา แต่ลูกของเรานีจะขายหน้า ฝ่ ายนางเทพทองไมร่ ับพร จะมงั มเี งินตรากวา่ หา้ เกวียน โคตรแมม่ ึงช่างมาใหอ้ าเจียน กุมทอ้ งขะยอ่ นไม่หายเหียน อา้ ยหวั เลียนโลน้ เกลยี งจะเลยี งไย :) (ขุนชา้ ง ขนุ แผน, ตอนกาํ เนิดขนุ แผน ดงั เนือความวา่ ขนุ ไกรลมื ตาวา่ อะไรเจา้ นางจึงเล่าเนือความนิมิตฝัน ทงั สองลกุ มาลา้ งหนา้ พลนั หาหมากพลสู ู่กนแลว้ ทาํ นาย ฝันว่าได้ธํามรงค์วิเศษ ของโกสีย์ตรีเนตรอันเฉิดฉาย เพชรรัตน์อร่ามงามเพริศพราย บรรยายว่าเป็ นสิงมิงมงคล จะมคี รรภล์ ูกนนั จะเป็นชาย ดังทหารพระนารายณ์มาปฏิสนธิ กล้าหาญการณรงค์คงทน ฤทธิรนปราบทัวทังแดนไตร ซึงว่าเพชรรัศมีสีกล้า ภายหน้าจะได้เป็ นทหารใหญ่ มียศศักดิเป็ นพระยาข้าใช้ ร่วมพระทัยทรงธรรม์พระพนั ปี (ขุนชา้ ง ขุนแผน, :) จากเนือความขา้ งตน้ จะเห็นว่า ในตอนกาํ เนิดขุนชา้ งมีการเล่าถึงขุน ชา้ งว่าจะเกิดมามลี กั ษณะหวั ลา้ นซึงเป็นลกั ษณะทีจะทาํ ใหค้ รอบครัวตอ้ งขายหนา้ แต่ในตอนกาํ เนิด ขุนแผนมีการเล่าถึงขุนแผนว่าเปรี ยบเสมือนกับสิงทีดีเป็ นมงคล อีกทังขุนแผนยงั เป็ นผูท้ ีมี ความสามารถ และในอนาคตจะไดเ้ ป็นทหารทีมยี ศศกั ดิ แสดงใหเ้ ห็นว่า ขุนชา้ งมคี ุณสมบตั ิดอ้ ยกวา่ ขุนแผนทงั ดา้ นรูปลกั ษณ์ และลกั ษณะนิสยั และพฤติกรรม
166 หมนื หาญ ในเสภาขุนชา้ ง ขุนแผน กวีสร้างหมืนหาญใหเ้ ป็ นหวั หนา้ โจรป่ าทีมคี วามสามารถและมีฝีมือในการต่อสู้ แต่เมอื หมืนหาญตอ้ งต่อสูก้ บั ขุนแผน หมืนหาญก็ไม่ สามารถเอาชนะขุนแผนได้ เช่น ตอนหมืนหาญรบขุนแผน ดงั เนือความว่า หมืนหาญย่างเท้าเงือง้าวฟาดฟัน แคล้วคลาดมไิ ด้ข้องต้องปลายขน เจ้าพลายแก้วฉวยชักมีดหมอมนตร์ แทงปังหนังย่นไม่เข้ามนั หมืนหาญฟันผับแผนรับผัวะ เอากริชแยงแทงฉัวะแล้วไพล่หัน ปิ ดป้องคล่องแคล้วพัลวนั สู้กนั พกั ใหญ่ไม่เสียที หมืนหาญถือง้าวยาวกว่ากริช ขุนแผนชิดเข้าขยบั โขยกหนี กริชแทงง้าวฟาดพลาดทุกที หมืนหาญตแี ผนตําด้วยกริชตึง หมืนหาญฟันผบั แผนรับผัวะ เอากริชแยงแทงฉัวะเข้าตาํ ผึง หมืนหาญเซแผนซําล้มควําตึง แผนทะลึงเหยยี บคออ้ายพ่อตา .................. .................. หมืนหาญดนิ กระเดือกเสือกยนั ยนั อา้ ยคนเหล่านนั ไมก่ ลา้ เขา้ ใกล้ ขนุ แผนเงือกริชง่าแลว้ วา่ ไป มึงเหน็ ฤทธิกหู รือไม่อา้ ยทมฬิ อยา่ ถอื วา่ อยยู่ งคงกระพนั หอกแทงดาบฟันไมเ่ ขา้ สิ น จะเอากริชกรอกปากลากลิ น เฮย้ ถา้ มึงดีกด็ ิ นใหร้ อดตวั หมืนหาญเสือกดนิ สินกําลงั เอาจนหลังไหล่ถลอกลงกลอกหัว ให้ครันคร้ามความตายเสียดายตัว ร้องว่ากลวั แล้วพ่อขอชีวติ เป็นความจริงเพราะยงิ พอ่ ไมถ่ กู จึงไดผ้ กู ใจโกรธเป็นโทษผิด จึงตรงการผลาญลา้ งวางยาพิษ ขอ้ นีผดิ แลว้ พ่อขอโทษที (ขนุ ชา้ ง ขนุ แผน, : -) จากเนือความทีแสดงฉากการต่อสู้ระหว่างหมืนหาญกบั ขุนแผน จะ เห็นว่า หมืนหาญไม่สามารถตงั รับและต่อสู้กลบั ขุนแผน อีกทงั หมืนหาญยงั มีความเกรงกลวั ขุนแผนจนยอมรับความพ่ายแพ้ แสดงใหเ้ ห็นว่า หมืนหาญดอ้ ยความสามารถในการต่อสู้ ซึงเป็ น การขบั เนน้ คุณสมบตั ิของขุนแผน คือ ความสามารถและฝีมอื ในการต่อสูใ้ หเ้ ด่นชดั ขึน จรกา ในอิเหนา กวีกาํ หนดให้จรกามีคุณสมบตั ิทีดอ้ ยกว่าอิเหนา ทงั ในดา้ นรูปลกั ษณ์และคุณสมบตั ิ กล่าวคือ กวีกาํ หนดให้อิเหนามีรูปลกั ษณ์ที งามรับสรรพสิน สรรพางค์ ยงิ อย่างเทวาในราศี (อิเหนา, : ) ส่วนจรกามีรูปลกั ษณ์อนั อปั ลกั ษณ์ คือ ผมหยกิ หยกั ศก ใบหน้าขรุขระและลายเพราะออกฝี จมูกใหญ่ รูปร่างอว้ น และผิวดาํ คลาํ และในดา้ น คุณสมบตั ิ กวีกาํ หนดให้จรกาเป็ นผไู้ ร้ความสามารถในการรบ เช่น ตอนศึกกระหมงั กุหนิง กวี กาํ หนดเหตุการณ์การต่อสูใ้ นศึกกระหมงั กุหนิง โดยใหท้ า้ วดาหาส่งจดหมายหาจรกา และอิเหนา
167 เพือให้ช่วยทาํ ศึกกระหมงั กุหนิง ซึงในเหตุการณ์ดงั กล่าวกวีให้อิเหนาเป็ นผูท้ าํ ศึกจนสามารถ เอาชนะฝ่ ายกระหมงั กหุ นิง ส่วนจรกาไม่มบี ทบาทในการต่อสู้ ดงั เนือความทีกล่าวถึงอิเหนาว่า เมอื นนั ระเดน่ มนตรีชาญสนาม พระกรกรายฉายกริชติดตาม ไมเ่ ขด็ ขามคร้ามถอยคอยรับ หลบหลีกไวว่องป้องกนั ผดั ผนั หนั ออกกลอกกลบั ปะทะแทงแสร้งทาํ สาํ ทบั ยา่ งกระหยบั รุกไล่มไิ ดย้ งั พระฉายกริชแทงอกตลอดหลงั เหน็ ระตถู อยเทา้ กา้ วผิด มอดม้วยชีวงั ปลดปลง ล้มลงด่าวดนิ สินกาํ ลัง (อิเหนา, : ) เนือความทีกลา่ วถึงจรกา ดงั เนือความว่า เมือนนั จรกากราบทูลแถลงไข เดชาพระเดชปกเกศไป สาํ ราญใจเป็นสุขทกุ นิรันดร์ ครันรู้ข่าวท้าวกระหมงั กหุ นิง ยกมาช่วงชิงตุนาหงนั ก็กะเกณฑ์กองทพั ฉับพลนั รีบมาสิบห้าวันถึงพารา พระเชษฐาจะตามมาภายหลงั ขา้ สังเสนีใหค้ อยทา่ อันพวกไพรีทียกมา ม้วยชีวาแล้วหรือพระภูมี องคศ์ รีปัตตาหราเรืองศรี เมอื นนั อันไพรีพ่อลูกนันม้วยมิด จึงตรัสบอกจรกาธิบดี ทังสองไม่รอต่อตดิ ยงั แต่ระตูผ้นู ้อง ปัจจามิตรเลกิ ทพั กลับไป ขอออกแก่อเิ หนาเรืองฤทธิ (อิเหนา, : ) จากเนือความดงั กล่าวขา้ งตน้ จะเห็นว่า ในเหตุการณ์เดียวกนั กวีสร้าง จรกาใหไ้ ม่มโี อกาสไดแ้ สดงความสามารถในการรบ แต่ให้อิเหนาเป็ นผูแ้ สดงความสามารถแทน ซึงทาํ ใหเ้ ห็นวา่ อิเหนาเป็นผทู้ ีมคี วามสามารถในการรบ แต่จรกาป็นผดู้ อ้ ยความสามารถในการรบ นอกจากนีกวียงั กาํ หนดให้จรกาเป็ นผูท้ ีไร้ความเฉลียวฉลาด ดัง เหตุการณ์ตอนอิเหนาปลอมเป็ นจรกาเชิญรับสังไปรับนางบุษบา เพือพานางไปซ่อนไวใ้ นถาํ เมือ จรกาทราบเรืองว่านางบุษบาหายไปก็ออกตามหา จนไปพบกบั อิเหนาก็ไดเ้ ล่าเหตุการณ์ทีเกิดขึน และเมอื อเิ หนาไดฟ้ ังเหตุการณ์กแ็ สร้งตกใจ จรกาก็หลงเชือว่าอิเหนาไม่รู้เรืองเกียวกบั เหตุการณ์ที เกิดขึน แสดงใหเ้ ห็นว่า จรกาไมม่ คี วามเฉลยี วฉลาดและรู้เท่าทนั อเิ หนา จะเห็นว่า จรกามีลกั ษณะที
168 ดอ้ ยกวา่ อิเหนา ทงั ดา้ นรูปลกั ษณ์และคุณสมบตั ิ ซึงลกั ษณะดอ้ ยของจรกาเป็นตวั ช่วยในการขบั เนน้ คุณสมบตั ิของอเิ หนาใหเ้ ด่นชดั ขึน ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีช่วยในการขบั เนน้ คณุ สมบตั ิของตวั ละครพระเอกเกิดจาก การถูกสร้างให้เป็ นตวั ละครคู่ตรงขา้ ม กล่าวคือ เมือตวั ละครพระเอกมีคุณสมบตั ิทีดีในดา้ นชาติ กาํ เนิด รูปลกั ษณ์ และนิสัยและพฤติกรรม ตัวละครอปั ลกั ษณ์ก็มักลกั ษณะดอ้ ยในดา้ นนัน ๆ เช่นเดียวกนั ตวั ละครอปั ลกั ษณ์จึงตวั ละครคู่ตรงขา้ มกบั ตวั ละครพระเอก สามารถทาํ ใหผ้ ูอ้ ่านเห็น ถึงคุณสมบตั ิทีดีของตวั ละครพระเอกไดช้ ดั เจนขึนกว่าการกล่าวถึงคุณสมบตั ิของตวั ละครพระเอก เพยี งอยา่ งเดียว ตวั ละครอปั ลกั ษณ์มบี ทบาทสาํ คญั ต่อตวั ละครในเรือง โดยการใหโ้ ทษและคุณกบั ตวั ละครอืนในเรือง ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีใหโ้ ทษกบั ตวั ละครอืนมกั จะสร้างปัญหาและอุปสรรคให้ตวั ละครอืนในเรืองเกิดความลาํ บากทงั ทางกายและจิตใจ ส่วนตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีใหค้ ุณกบั ตวั ละคร อืนในเรืองจะทาํ หน้าทีใหค้ วามช่วยเหลือตวั ละครอืนในเรืองใหส้ ามารถแกไ้ ขปัญหา และฝ่ าฝัน อุปสรรคต่าง ๆ ไปได้ อกี ทงั ยงั ทาํ หนา้ ทีในขบั เนน้ คุณสมบตั ิของตวั ละครพระเอกเรืองใหเ้ ด่นชดั ขนึ . บทบาทในการถ่ายทอดทศั นคตทิ มี ตี ่อความอปั ลกั ษณ์ ตวั ละครเป็นองคป์ ระกอบสาํ คญั อยา่ งหนึงในวรรณคดี กวีสร้างตวั ละครขึนเพือใชใ้ น การถ่ายทอดสาระสาํ คญั หรือแนวคิดต่าง ๆ ผูศ้ ึกษาพบว่าในวรรณคดีไทยกวีมีการสร้างตวั ละคร อปั ลกั ษณ์ขึนเพือใชใ้ นการถ่ายทอดทศั นคติทีมีต่อความอปั ลกั ษณ์ ซึงสามารถนาํ เสนอให้เห็น ทศั นคติหรือมุมมองเกียวกบั ความอปั ลกั ษณ์ใน ลกั ษณะ คือ ความอปั ลกั ษณ์เป็ นสิงทีแสดงถึง ความไม่ดี ความอปั ลกั ษณ์แต่มคี ุณสมบตั ิพเิ ศษแสดงถึงความดีงามทีแฝงอยู่ อีกทงั ความอปั ลกั ษณ์ ยงั เป็นขนั ตอนทดสอบคนดว้ ย . ความอปั ลกั ษณ์เป็ นสิงทแี สดงถึงความไม่ดี ตัวละครอปั ลกั ษณ์ในวรรณคดีมกั จะมีรู ปลกั ษณ์ทีอปั ลกั ษณ์ มีนิสัยและ พฤติกรรมทีไม่ดี จะเห็นว่าตวั ละครอปั ลกั ษณ์มีความอปั ลกั ษณ์ทงั ภายนอกและภายในจิตใจ ซึง สามารถสะทอ้ นใหเ้ ห็นทศั นคติทีมีต่อความอปั ลกั ษณ์ไดว้ า่ ความอปั ลกั ษณ์เป็ นสิงทีแสดงถึงความ ไม่ดีอยา่ งชดั เจน ดงั ตวั อยา่ ง
169 ชูชก ในมหาชาติคาํ หลวง และในมหาเวสสนั ดรชาดก ชูชกเป็ นผูม้ ีลกั ษณะ ของบุรุษโทษ ประการซึงเป็ นลกั ษณะของคนทีร้ ายพ้นแพ่งฝูงคนในโลกนี (มหาชาติคาํ หลวง, : ) นอกจากนีลกั ษณะนิสยั พฤติกรรม และจิตใจของชูชกก็หยาบชา้ ดว้ ย เช่น เนือความใน มหาชาติคาํ หลวง กณั ฑก์ ุมาร ตอนทีชูชกขอสองกุมารมาจากพระเวสสนั ดร ดงั เนือความว่า ส่วนชูชกพราหมณ์เถ้า คร้นนบมเิ ห็นสองเจ้าราชกมุ าร ในสถานทีน้นน โพธิตฺตํ อปสา ) เทสิ มนนก็กล่าวบมิอยยด ตัดพ้อคยดคําแสลง ด้วยขึงแขงแก่พระราชฤๅษี คืนคดี ด่งงนี โภ เวสฺสนฺตรํ ตฺวํ อิทาเนว มยฺหํ ทารเก ทตฺวา ดูกรเจ้าแพศยนั ดร ผู้ใจมอนแก่กุศล ท้าวธให้ลูกตน แก่กู บัดนีแลแล้ว มยา นาหเํ ชตุตฺตรนครํ คมิสฺสามิ ในเมือกกู ล่าว คาํ บ่มิท่าวใจตาม ว่ากูชีพราหมณ์บมิได้ เอาไปยงง พายเชดุดรน้นน ทารเก มม พฺารหฺมณิยา ปริจาริเก เนสฺสีติ วุตฺเต คร้นนกูกล่าวว่าจะเอา ท้งงสองนีไปให้ เปนช่วงใช้เมียกู นิว่าไส้ องิ ฺฆติ ส ฺí ทตฺวา ปตุ ฺเต ก็กทําอิงฆิดาการคือการให้หน้า ให้ตา แก่ลูกพงาอนนรัก ให้ลอบลักหนีไป เพราะว่าจะหวงง ให้เปนไทคืนเล่าฤๅ อชานน์โต วิย นิ สินฺโน แล้วก็น่งงเยยี ม่งง ช่งงอย่จู รกล้าย ว่าเถ้าร้ายฤๅจะรู้กล ด่งงนี นตฺถิ ม ฺเว โลกสฺมึ ตยา สทิ โส มุสาวาโท ด่งงกรู ําพึง อนั ว่าคนจรรจาลนิ ล่าย กล่าว สองฝ่ ายให้ดูดี แลจะปานพญาชี ในโลกบมิ โสดเลอย (มหาชาติคาํ หลวง, : จากเนือความจะเห็นวา่ เมอื ชูชกไมเ่ ห็นกุมารทงั สองก็กล่าวหาพระเวสสันดร ว่า พระเวสสนั ดรแสร้งทาํ เป็ นว่ามีจิตใจกุศล โดยกล่าวว่าจะยกให้กุมารทงั สองแต่ก็ไม่ยอมยกให้ จริงดงั คาํ พูด แต่กลบั ส่งสัญญาณให้กุมารทงั สองหนีไปซ่อน เพราะจะไดไ้ ม่ตอ้ งมาเป็ นขา้ ใชต้ น แสดงใหเ้ ห็นกิริยาอนั หยาบชา้ ของชูชก ตวั อยา่ งในมหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑก์ ุมาร ตอนพระเวสสนั ดรยกสองกุมาร ใหช้ ูชก ดงั เนือความว่า อนั ว่าเฒ่าชราทิชาชาติ เมือได้รับพระราชทานสองกุมารได้แล้ว เฒ่าใจแกล้วก็ฉุดกระ ฉากสองกมุ าร เอกโต พนฺธิตฺวา ผูกพนั พระพีน้องสองกระสันเข้าให้มันกับมือ ปลายเชือกข้างหนึง นันถือตามตีต้อนสองบังอรมาต่อหน้าสมเด็จพระบิดาไม่ปรานี ฝ่ ายพระชาลีจึงกราบบังคมทูล ... ลูกนียกมือขึนไหว้ตะแกยงิ โกรธ ลูกร้อง ๆ ขอโทษตะแกยิงตี แตกทุกทีทุกทีทุกฝี ไม้ เลือดนีไหลลง หยดย้อย พระบดิ าเจา้ เอ่ยโปรดพระเนตรหลงั ลูกนอ้ ย ๆ นีบา้ ง (มหาเวสสนั ดรชาดก, : - ) จากเนือความจะเห็นวา่ เมือชูชกไดก้ ุมารทงั สองมาก็ทาํ ร้ายกุมารทงั สองโดย ไมเ่ กรงพระทยั ของพระเวสสนั ดร อกี ทงั เมือพระชาลียกมือไหวข้ อร้องไม่ให้ตี ชูชกก็ยิงตีไม่ยงั มือ จนทงั สองกุมารเลือดไหล แสดงใหเ้ ห็นกิริยาอนั หยาบคายและชวั ร้ายของชูชก
170 นางสาํ มนักขา ในรามเกียรติ มีรูปลกั ษณ์ทีอปั ลกั ษณ์ เนืองจากนางสาํ มนกั ขา เป็นผหู้ ญิงทีมีความประพฤติทีผดิ ไปจากขนบของความเป็ นหญิง คือ นางเป็ นหญิงทีมีจิตใจทีลุ่ม หลงและมวั เมาในกามตณั หา นางสาํ มนกั ขาอยากไดพ้ ระรามและพระลกั ษมณ์มาเป็ นสามีจนเขา้ ทาํ ร้ายนางสีดา เช่น ตอนนางสาํ มนกั ทูลขาลาทศกณั ฐไ์ ปเทียวป่ า และพบพระรามกบั พระลกั ษมณ์ ดงั เนือความวา่ เมอื นนั นางสํามนักขายกั ษี เหลือบไปเห็นองค์พระจักรี มโี ฉมเลิศลักษณ์อําไพ นวลละอองดังทองนพมาศ เสียวสวาทพูนเพมิ พิสมยั งวยงงหลงแลตะลึงไป อรไทลืมองค์พระรามา พศิ พระหริวงศ์ทรงจกั ร ก็ลืมพระลกั ษมณ์กนิษฐา ทังสองแม้นได้ภิรมยา จะบํารุงเสน่หาให้เหมือนกนั ครันเห็นสีดางามกว่าตัว ก็เกาหัวกริวโกรธมือสัน โผนทะยานไล่รุกบุกบัน จะฆ่าชีวนั นางเทวี (รามเกยี รติ เล่ม , :) จากตวั อยา่ งจะเห็นว่า นางสาํ มนกั ขามพี ฤติกรรมทีไม่ดี เพราะมีความลุ่มหลง ในรูปลกั ษณ์อนั งดงาม และมีความปรารถนาทีจะไดร้ ับความรักจากเพศชายอืนทีไม่ใช่สามีตน อีก ทงั ยงั ทาํ ร้ายร่างกายผอู้ ืนเพราะความอจิ ฉาในรูปลกั ษณ์ทีงดงาม ซึงพฤติกรรมดงั กล่าวส่งผลใหน้ าง สาํ มนกั ขาถูกตดั จมูก ปาก ใบหู แขน และเทา้ จนทาํ ใหน้ างมีรูปลกั ษณ์ทีอปั ลกั ษณ์ อาจกล่าวไดว้ ่า ความอปั ลกั ษณ์เป็ นการประจานให้เห็นถึงความชัวร้าย สามารถแสดงให้เห็นถึงการมองความ อปั ลกั ษณ์เป็นสิงทีแสดงถงึ ความไมด่ ีอยา่ งชดั เจน ขนุ ช้าง ในเสภาเรืองขนุ ชา้ ง ขนุ แผน ขุนชา้ งมีความอปั ลกั ษณ์ คือ มีหวั ลา้ นมา แต่กาํ เนิด และยงั มีนิสยั และพฤติกรรมทีไม่ดีดว้ ย กล่าวคือ ขุนชา้ งลุ่มหลงมวั เมาอยใู่ นกามตณั หา และปรารถนาทีจะไดน้ างวนั ทอง (พิมพลิ าไลย) มาเป็นคู่ครอง ขุนชา้ งจึงใชเ้ ลห่ เ์ หลยี มต่าง ๆ เพือได้ นางวนั ทองมาครอบครอง เช่น ตอนพระพนั วษามีรับสังใหห้ าผอู้ าสาทาํ ศึกกบั เมืองเชียงใหม่ ขุน ชา้ งจึงทูลพระพนั วษาวา่ ขนุ แผนเป็นผมู้ คี วามสามารถในการทาํ ศกึ สงคราม ซึงเป็นอุบายของขนุ ชา้ ง ทีตอ้ งการใหข้ ุนแผนห่างจากนางวนั ทอง ดงั เนือความว่า ครานนั ขนุ ชา้ งมหาดเลก็ เฝ้าแหนมาแตเ่ ดก็ พิดทูลคล่อง คดิ ไปสมใจทนี ึกปอง หมายจะครองเจ้าพิมพลิ าไลย
171 จะทูลส่อพลายแก้วให้ไปทพั แล้วจะกลบั ไปเกยี วเจ้าพมิ ใหม่ คดิ แลว้ ทูลพลนั ทนั ใด ชวี ิตอยใู่ ตพ้ ระบาทา (ขุนชา้ ง ขุนแผน, :) อกี ทงั ขุนชา้ งยงั ใชอ้ บุ ายเอากระดูกมาใส่หมอ้ และลอบทาํ ลายตน้ โพธิเพือลวง นางวนั ทองและนางศรีประจันให้หลงเชือว่าขุนแผนเสียชีวิตในสนามรบ นอกจากนีขุนชา้ งยงั ร่วมมือกบั นางศรีประจนั ในการออกอุบายปลูกเรือนหอใหม่ และรือเรือนหอของนางวนั ทองกบั ขุนแผนออก เพราะความปรารถนาของขุนชา้ งทีตอ้ งการครอบครองนางวนั ทอง นอกจากนีขุนชา้ งยงั แสดงพฤติกรรมทีน่ารังเกียจในงานแต่งงานของพระไวย ดว้ ย ดงั เนือความว่า ขนุ ชา้ งวางขนึ บนหอกลาง พร้อมหนา้ ขนุ นางอยทู่ นี นั ขนุ นางทรี ู้จกั ทกั ทายกนั พระไวยผนั หนา้ คอ้ นดว้ ยคดิ อาย ตงั สาํ รับเรียบรอบบนหอกลาง เลยี งขนุ นางมหาดเลก็ สิ นทงั หลาย ทงั ของเคยี งเรียงรินสุราราย ขุนช้างซัดส่านกรายนังสุดคน วางใหญ่ใส่ซําทงั สามทบั จบั ตาซ่าซ่านทุกเส้นขน ปะหมูไก่ใส่สินกินออกซน กระดูกกระเดียวเคยี วป่ นเป็ นแป้งไป พวกขุนนางเขายวุ ่าจุจ้าน ยงิ ทะยานยงโย่ยกโถใส่ ฉวยกระโถนปากแตรแร่ออกไป ครอบหัวเข้าไว้เดินเก้กงั มือปิ ดก้นป้องหน้าทําตาปรือ เฮ้ยใครดูกคู ือท้าวกดุ ถัง พระนานอายหน้าว่าไม่ฟัง ลุกขนึ ซัดเซซังสินสมประดี (าขนุ ชา้ ง ขุนแผน, : -) จากตวั อยา่ งขา้ งตน้ จะเห็นว่า ขุนชา้ งมีพฤติกรรมการกินทีตะกละตะกลาม เมอื เหล่าขุนนางต่างตาํ หนิพฤติกรรมการกินของขุนชา้ ง ขุนชา้ งก็ไม่สนใจทงั ยงั กินอยา่ งต่อเนือง และเมือขนุ ชา้ งเมาเหลา้ กห็ ยบิ กระโถนมาครอบหวั แสดงท่าทางตลกอยา่ งไร้ความเขินอาย นางประแดะ ในระเด่นลนั ได นางประแดะใหเ้ ป็ นตวั ละครนางเอกทีมีความ แตกต่างกบั วรรณกรรมเรืองอืนในแง่รูปสมบตั ิ เนืองจากกวีใชว้ ิธีการผลกั พลิกแนวคาดหมาย ตามสญั นิยมใหเ้ บียงเบือนไปทางตรงกนั ขา้ ม (โชษิตา มณีใส, : ) ทาํ ใหน้ างประแดะมี รูปลกั ษณ์ทีอปั ลกั ษณ์แตกต่างไปจากขนบการชมโฉมตวั ละครนางเอกในวรรณคดีไทย และยงั กาํ หนดนิสยั ของนางประแดะใหม้ พี ฤติกรรมไมซ่ ือสตั ยต์ ่อสามี เช่น ตอนนางประแดะไดย้ นิ เสียงสี
172 ซอของระเด่นลนั ไดกห็ ลงใหลจนลมื ทา้ วประดู่ผูเ้ ป็ นสามี และคิดจะครองรักกบั ระเด่นลนั ได เช่น ตอนนางประแดะจดั สาํ รับขา้ วใหร้ ะเด่นลนั ได ดงั เนือความวา่ เมอื นนั นางประแดะตานีศรีใส สดบั เสียงซอพอฤทัย ให้วาบวับจับใจผูกพัน ยงิ คดิ พิศวงพระทรงศักดิ ลืมรักท้าวประด่ผู ้ผู ัวขวัญ ทาํ ไฉนจะได้พระทรงธรรม์ มาเคยี งพกั ตร์สักวนั ด้วยรักแรง (ระเด่นลนั ได, :) ในตอนนางประแดะเสพสงั วาสกบั ระเด่นลนั ได นางก็พึงพอใจในการกระทาํ ดงั กลา่ ว ดงั เนือความว่า เมือนนั นางประแดะหูกลวงดวงสมร ได้ร่วมรักชักเชยก็ชืนบาน เยาวมาลย์หมอบเมียงเคยี งกาย (ระเด่นลนั ได, :) จากตวั อยา่ งเนือความทงั ขา้ งตน้ แสดงใหเ้ ห็นวา่ นางประแดะไม่ซือสตั ยต์ ่อ สามที งั ทางกายและทางใจ ซึงเป็นลกั ษณะนิสยั และพฤติกรรมทีไม่เหมาะสมตามขนบของความเป็น หญิงทีตอ้ งมคี วามซือสตั ยก์ บั สามี จากการศกึ ษาตวั ละครอปั ลกั ษณ์เหล่านีพบว่า นอกจากจะมีรูปลกั ษณ์ทีไม่ดี ก็ ยงั มีจิตใจ นิสัย และพฤติกรรมทีไม่ดีเช่นเดียวกนั สามารถสะท้อนให้เห็นทศั นคติทีมีต่อความ อปั ลกั ษณ์ได้ โดยมองว่าความอปั ลกั ษณ์เป็นสิงทีแสดงถึงความไมด่ ีอยา่ งชดั เจน ไม่ว่าจะเป็ นความ ไมด่ ีภายนอกและความไม่ดีภายในจิตใจ . ความอปั ลกั ษณ์แต่มคี ุณสมบัตพิ เิ ศษแสดงถึงความดีงามทีแฝงอยู่ ในวรรณคดียงั คงเน้นการสร้างตวั ละครอปั ลกั ษณ์ให้มีรูปลกั ษณ์ นิสยั และ พฤติกรรมทีไม่ดี แต่มีการเพิมเติมคุณสมบตั ิพิเศษบางประการทีแสดงถึงความดีงามเขา้ มา ไดแ้ ก่ การมีวชิ าความรู้ ความเฉลียวฉลาด ความกลา้ หาญ และความสามารถ การสร้างตวั ละครอปั ลกั ษณ์ ดงั กล่าวสะท้อนให้เห็นทศั นคติทีมีต่อความอปั ลกั ษณ์ว่า ความอปั ลกั ษณ์ยงั คงเป็ นสิงทีแสดงถึง ความไม่ดี แต่มีคุณสมบตั ิพเิ ศษทีแสดงถงึ ความดีงามทีแฝงอยภู่ ายใตค้ วามอปั ลกั ษณ์นนั ดงั ตวั อยา่ ง
173 เจ้าเงาะ ในบทละครนอกเรือง สงั ขท์ อง เป็ นตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีมีนิสัยและ พฤติกรรมทีแสดงออกเหมอื นคนบา้ ใบ้ เช่น ตอนเหลา่ เสนาไปรับเจา้ เงาะเขา้ เมืองตามรับสังของทา้ สามนต์ ดงั เนือความวา่ ครันถึงจึงบอกแก่เจา้ เงาะ รับสังจาํ เพาะใหห้ า เร็วเร็วมาไปอยา่ ไดช้ า้ ต่างคนฉุดคร่าวุ่นวาย เปลอื งผา้ คาดพุงผูกมดั เจา้ เงาะวดั ถกู อกหกลม้ หงาย ลางคนวิงออกมาบอกนาย แรงมนั มากมายเหมอื นควายววั บ้างพยกั ควักเรียกเจ้าเงาะขา ไม่พูดจากนั ด้วยเฝ้าสันหัว ทีใจคอขขี ลาดหวาดกลัว ระวังตวั ยนื ดูอย่แู ต่ไกล .................. .................. อํามาตาย์ตบมือหัวเราะร่า บัดนัน ผูกปลายไม้มาล่อเงาะ ต่างวิงชิงเกบ็ ดอกชบา ถือดอกไม้นําหน้าพาวงิ เหยาะ ล่อเงาะเข้ามาถึงในวัง พวกหลังไสส่งให้ตรงไป ลางคนบ้างกลวั บ้างหัวเราะ (สังขท์ อง, : -) จากตวั อยา่ งเนือความจะเห็นว่า เมือเสนาบอกเจา้ เงาะวา่ ทา้ วสามนตม์ ีรับสังให้ เขา้ เมืองเพือเป็ นไปตวั เลือกของนางรจนาในการเลือกคู่ครอง เจา้ เงาะก็แสดงออกเหมือนคนทีไม่ รู้จกั ความ อกี ทงั ยงั มีความขีขลาดและระวงั ตวั จึงไม่ยอมตามเหล่าเสนาไป จนตอ้ งเอาดอกชบามา ลอ่ ลวงใหเ้ จา้ เงาะเดินตามเหล่าเสนาเขา้ เมืองไป แสดงใหเ้ ห็นว่าพฤติกรรมของเจา้ เงาะทีบา้ ใบแ้ ละ ไม่รู้ความนนั เป็นพฤติกรรมในทางไม่ดี ในขณะเดียวกนั เจา้ เงาะกเ็ ป็นผทู้ ีมวี ิชาความรู้ในการหาปลาและเนือทราย และ ความสามารถในการตีคลี ซึงคุณสมบตั ิเหล่านีซ่อนอยภู่ ายใตค้ วามอปั ลกั ษณ์ เช่น เนือความตอนเจา้ เงาะออกไปหาปลา ดงั เนือความว่า ครันถงึ ริมไร่ใกลเ้ รือน กค็ ลอ้ ยเคลือนเลอื นลงจากเวหา เดนิ ด่วนขนึ กระไดมิไดช้ า้ เอาหาบปลาเหวยี งวางกลางนอกชาน ภรรยาพาไปใหล้ บู ตวั แลว้ เชญิ ผวั รูปทองกินของหวาน เจ้าเงาะแถลงเล่าเยาวมาลย์ วนั นีขนั จ้านไปหาปลา พีถอดรูปเงาะออกซ่อนไว้ ทําเป็ นพระไพรพฤกษา ร่ายมนต์มหาจินดา เรียกมจั ฉาสินทุกตาํ บล อา้ ยหกเขยเซอะกระเจอะกระเจิง เทียวเซอะเซิงหาปลากข็ ดั สน ไปประสบพบพที ฝี ังชล ทงั หกคนกราบกรานขอทานปลา
174 พแี ลกเปลยี นเจียนปลายจมกู มนั แหวง่ สิ นทงั นนั ขนั นกั หนา ว่าพลางเสสรวลชวนรจนา ไปดูหนา้ มนั เลน่ กเ็ ป็นไร (สังขท์ อง, : -) จากบทสนทนาของเจา้ เงาะทีกล่าวกบั นางรจนาแสดงใหเ้ ห็นวา่ เจา้ เงาะเป็นผมู้ ี วิชาความรู้ในการหาปลาซ่อนอยู่ภายใต้ความอปั ลกั ษณ์ ซึงการมีวิชาความรู้เป็ นคุณสมบัติทีดี ประการหนึงทีเปรียบไดก้ บั ความดีทีอยภู่ ายใตค้ วามอปั ลกั ษณ์ นางแก้วหน้าม้า ในบทละครนอกเรือง แก้วหน้ามา้ นางแกว้ มีรูปลกั ษณ์ที อปั ลกั ษณ์ มีนิสัยและพฤติกรรมทีแสดงใหเ้ ห็นถึงความกลา้ ในการเสนอตวั เป็ นภรรยาก่อน เช่น พฤติกรรมของนางแกว้ ทีเขา้ ลวนลามพระพนิ ทองโดยไมม่ ีความละอายใจ แสดงให้เห็นว่านางแกว้ เป็นผหู้ ญิงทีผดิ ไปจากขนบของความเป็นหญิง ดงั เนือความว่า บดั นนั นางแกว้ หนา้ มา้ สัปดนคนขยนั แฝงอยดู่ อู งคพ์ ระทรงธรรม์ เห็นเสดจ็ จรจรัลเขา้ มา วงิ วางทางตรงเข้ากอดรัด โลมลูบจูบหัตถ์ซ้ายขวา พอ่ เจา้ ประคณุ ของเมียอา พระมงั สาหอมระรืนชนื ใจ (แกว้ หนา้ มา้ , :) ในขณะเดียวกนั นางแกว้ มีความกลา้ หาญเป็ นคุณสมบตั ิพิเศษ เช่น ตอนนาง แกว้ ทราบเรืองวา่ พระพินทองเขา้ ไปในเมืองยกั ษก์ ก็ ลวั ว่า พระพนิ ทองจะไดร้ ับอนั ตรายจึงปลอมตวั เป็นมาณพเขา้ ช่วยเหลอื พระพนิ ทองโดยไม่กลวั อนั ตรายใด ๆ ดงั เนือความวา่ เมือนนั นางแกว้ หนา้ มา้ อกสันขวญั หาย กราบพลางทลู ความตามอุบาย ข้าจะคดิ ผันผายตามไป พระองค์ได้ทรงพระเมตตา เปลยี นแปลงกายาอย่าช้าได้ กรุงยกั ษ์ศักดสิ ิทธอิ ย่ทู ศิ ใด จะลาไปตามองค์พระทรงธรรม์ (แกว้ หนา้ มา้ , :) จะเห็นว่า แมน้ างแกว้ จะมรี ูปลกั ษณ์ทีไม่ดี มนี ิสยั และพฤติกรรมบางประการที ผดิ ไปจากกรอบของความเป็นหญิง แต่กม็ ีคุณสมบตั ิพเิ ศษ คือ ความกลา้ หาญเพิมเติมเขา้ มาอนั เป็ น เสมือนกบั ความดีงามแฝงอยภู่ ายใตค้ วามอปั ลกั ษณ์
175 นางวาลี ในพระอภยั มณี มีการสร้างตัวละครนางวาลีให้เป็ นผูห้ ญิงทีมี รูปลกั ษณ์ทีอปั ลกั ษณ์ มีนิสยั และพฤติกรรมทีล่มุ หลงรูปลกั ษณ์ทีงดงามของพระอภยั มณี อีกทงั ยงั มี ความกลา้ ในการเสนอตวั เป็นภรรยาก่อนทีผชู้ ายจะเอย่ ปากขอตนใหเ้ ป็นภรรยา ดงั เนือความว่า พอรู้ขา่ วเจา้ เมอื งผลกึ ใหม่ พระอภยั พูนสวสั ดิรัศมี งามประโลมโฉมเฉิดเลิศโลกีย์ นางวาลลี ่มุ หลงปลงฤทยั ครันรู้ว่าหาทหารชาํ นาญศกึ กส็ มนึกยนิ ดีจะมีไหน อนั สงครามความรู้เราเรียนไว้ จะเข้าไปเป็ นห้ามพระทรามเชย (พระอภยั มณี เล่ม , :) หรือเนือความทีนางวาลีทูลความแก่พระอภยั มณี แสดงใหเ้ ห็นว่านางวาลีมี ความกลา้ ในการเสนอตวั เป็นภรรยาของพระอภยั มณีก่อนทีพระอภยั มณีร้องขอ ดงั เนือความวา่ นางนบนอบตอบรสพจนา คุณพระบาทกรุณาจะหาไหน แต่ยศศักดจิ ะประทานประการใด ไม่ชอบใจเจตนามาครังนี โดยเปลียวใจไม่มที จี ะเห็น จะขอเป็ นองค์พระมเหสี แมน้ โปรดตามความรักจะภกั ดี ถา้ แมน้ มิเมตตาจะลาไป (พระอภยั มณี เล่ม , :) ในขณะเดียวกนั นางวาลีก็เป็ นผมู้ ีวิชาความรู้ในดา้ นโหราศาสตร์ และการทาํ สงคราม อีกทงั ยงั มีความสามารถดา้ นการยงิ ธนูทีเป็ นคุณสมบตั ิพิเศษทีเพิมเติมขึนมา ดงั เนือความ ว่า เป็นเชอื พราหมณ์ความรู้ของผูเ้ ฒา่ แตก่ อ่ นเกา่ บรุ าณนานหนกั หนา เป็นมรดกตกตอ่ ตอ่ กนั มา นางอุตส่าห์เล่าเรียนจนเข้าใจ รู้ฤกษ์พาฟ้าดนิ สําแดงเหตุ ทงั ไตรเทพพธิ ีคมั ภีร์ไสย ครันจนแจง้ แกลง้ เอาเขา้ เผาไฟ มใิ หใ้ ครพบปะพระคมั ภีร์ (พระอภยั มณี เล่ม , :) จะเห็นว่า นางวาลีแมจ้ ะมีรูปลกั ษณ์ทีอปั ลกั ษณ์ มีนิสัยและแสดงพฤติกรรม บางประการทีไม่ดี แต่ก็มีคุณสมบตั ิพเิ ศษ คือ ปัญญา ความรู้ และความสามารถทีเปรียบเสมือนกบั เป็นความดีทีแฝงอยภู่ ายใตค้ วามอปั ลกั ษณ์ ย่องตอด ในพระอภยั มณี เป็นตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีมีลกั ษณะของผูช้ ายทีเกียว พาราสีสตรีไม่ชาํ นาญนกั ซึงในวรรณคดีไทยมกั จะสร้างตวั ละครชายใหม้ ีลกั ษณะของผทู้ ีเป็นนกั รัก
176 คือ เจา้ เสน่ห์ เจา้ ชู้ และมีชนั เชิงในการเกียวพาราสีสตรี (ศศริ ัศมิ สินธุวณิก, : ) ดงั เนือความ วา่ จะกลบั กล่าวชาวบา้ นด่านสิงหล มนั เป็ นคนขอี ายผ้ชู ายเขลา ชือย่องตอดยอดเบอะซมเซอะเซา แตเ่ ป็นเหลา่ ลกู เศรษฐีมีเงินตรา ครันพ่อแมข่ อเมยี มายกให้ มันก็ไม่เคยี งค่เู ข้าสู่หา ยามกลางวนั นันจะชมภิรมยา ก็อายหน้านางผ้หู ญิงจริงจริงเจยี ว ……………. ……………. แลว้ นึกอายชายหญงิ วิงเขา้ ป่ า ไม่รู้ว่าจะไปหนตาํ บลใด ไปถงึ ถาํ กลาํ พนั มนั เขา้ ไป ปี ศาจให้ความรู้อย่ดู ้วยกนั (พระอภยั มณี เล่ม , :) จากตวั อย่างเนือความจะเห็นว่า ยอ่ งตอดเป็ นผชู้ ายทีขีอายและไม่ชาํ นาญใน การเกียวพาราสีสตรี ทาํ ให้ยอ่ งตอดมีลกั ษณะแตกต่างไปจากผูช้ ายในวรรณคดีไทยทีเป็ นนักรัก แมว้ า่ ยอ่ งตอดจะมลี กั ษณะผดิ ไปจากผชู้ ายส่วนใหญ่ในวรรณคดีไทย แต่ย่องตอดก็มีความสามารถ พิเศษแทน คือ วชิ าล่องหนหายตวั และคงกระพนั ยอ่ งตอดใชว้ ชิ าความรู้และความสามารถของตน เพือช่วยเหลอื นางละเวงในการทาํ ศึกกบั สินสมทุ ร การมวี ชิ าความรู้และความสามารถเพิมเติมเขา้ มา อนั เป็นเสมือนกบั ความดีทีแฝงอยภู่ ายใตค้ วามอปั ลกั ษณ์ จากการศึกษาตวั ละครอปั ลกั ษณ์เหล่านีสามารถสะทอ้ นให้เห็นทศั นคติทีมีต่อความ อปั ลกั ษณ์ได้ โดยมองวา่ ความอปั ลกั ษณ์ยงั คงเป็นสิงทีแสดงถงึ ความไมด่ ี แต่อาจมีคุณสมบตั ิพิเศษที แสดงถึงความดีแฝงอยู่ ทศั นคติดงั กล่าวเป็ นมิติทีน่าสนใจ เนืองจากเป็ นการเพิมเติมมุมมองขึนมา มากกว่าการผกู ขาดความคิดเพียงว่าความอปั ลกั ษณ์เป็ นสิงไม่ดีหรือชวั ร้าย และยงั เป็ นการยอมรับ เรืองคุณความดีทีอยภู่ ายในจิตใจมากกวา่ การมองเพียงรูปลกั ษณ์ภายนอกเท่านนั . ความอปั ลกั ษณ์เป็ นขนั ตอนทดสอบคน ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ในวรรณคดีไทยถูกกาํ หนดใหเ้ ป็นตวั ละครในฝ่ ายไม่ดีเป็ น ส่วนใหญ่ และตวั ละครในเรืองก็มกั จะมองตวั ละครอปั ลกั ษณ์ว่าเป็ นคนไม่ดีเช่นเดียวกบั รูปลกั ษณ์ การกาํ หนดใหม้ ีตวั ละครอปั ลกั ษณ์ในวรรณคดีไทยเป็ นการสร้างขนั ตอนทดสอบคน ซึงก็คือตัว ละครในเรือง ความอปั ลกั ษณ์ของตวั ละครในวรรณคดีไทยเป็ นขนั ตอนทดสอบคนใน ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ การเป็นบททดสอบการยอมรับของคน และการเป็นบทพสิ ูจนค์ วามรักของคน
177 . . การเป็ นบททดสอบการยอมรับของคน ตวั ละครอปั ลกั ษณ์จะใชค้ วามอปั ลกั ษณ์ภายนอกเป็ นบททดสอบ ความคิดและความรักของตวั ละครอืน ๆ ในเรือง ทงั นีเนืองจากตวั ละครอืน ๆ ในเรืองมกั จะไม่ ยอมรับต่อตวั ละครอปั ลกั ษณ์ ดังนันตวั ละครเอกในเรืองจึงใชค้ วามอปั ลกั ษณ์นีเป็ นเครืองมือ ทดสอบการยอมรับของคน ดงั ตวั อยา่ ง ในบทละครนอกเรือง สงั ขท์ อง เจา้ เงาะรู้วา่ ตวั ตนทีแทจ้ ริงของตนเอง นันเป็ นผูท้ ีมีความงดงาม แต่ตงั ใจใช้ความอปั ลกั ษณ์เพือทดสอบความคิดของทา้ วสามนต์ว่าจะ ยอมรับคนทีมีความอปั ลกั ษณ์ให้มาเป็ นคู่ครองของนางรจนาหรือไม่ พระสงั ข์จึงสวมรูปเงาะไว้ อาํ พรางรูปงามของตนเพือทดสอบการยอมรับของทา้ วสามนต์ การใช้ความอปั ลกั ษณ์ทดสอบ ความคิดของทา้ วสามนตท์ าํ ให้เห็นว่า ทา้ วสามนตไ์ ม่ยอมรับคนทีมีความอปั ลกั ษณ์ได้ สังเกตจาก พฤติกรรมของทา้ วสามนตท์ ีตาํ หนินางรจนาเมอื เลอื กเจา้ เงาะมาเป็นคู่ครอง ดงั เนือความวา่ เมอื นนั ท้าวสามนต์เสียใจจนลมจับ นางมณฑาเขา้ ประคองรองรับ ขยาํ ขยบั ไปสกั หน่อยกค็ อ่ ยคลาย ลุกขนึ กระทืบบาทตวาดอึง อรี จนาดูด๋มู งึ ช่างมกั ง่าย ทรลักษณ์อปั รีย์ไม่มีอาย หน่อกษตั ริย์ทงั หลายไม่เอือเฟื อ มารักเงาะทรพลคนอุบาทว์ ทุดช่างชัวชาติประหลาดเหลือ แค้นนักจักใคร่ให้แล่เนือ แล้วเอาเกลือทาซําให้หนําใจ ว่าพลางทางฉวยได้ไม้เรียว โกรธเกรียวตัวสันหมนั ไส้ อีลูกชัวช้าน่าชังจงั ไร เอาไว้ไยตเี สียให้แทบตาย (สงั ขท์ อง, :) จากตวั อยา่ งเนือความจะเห็นวา่ ทา้ วสามนตโ์ กรธนางรจนาทีเลือกเจา้ เงาะมาเป็ นคู่ครองจึงตาํ หนิและลงโทษนาง ซึงพฤติกรรมดงั กล่าวทาํ ใหเ้ ห็นถึงความคิดของทา้ ว สามนต์ทีไม่สามารถยอมรับเจ้าเงาะได้ เพราะมองว่าเจา้ เงาะอปั ลกั ษณ์ไม่คู่ควรกับนางรจนา นอกจากนีทา้ วสามนตย์ งั พยายามจะกลนั แกลง้ เจา้ เงาะอีกหลายครัง แสดงใหเ้ ห็นถึงพฤติกรรมทีไม่ ยอมรับความอปั ลกั ษณ์ของเจา้ เงาะ ในตอนทา้ ยเรืองทา้ วสามนต์ยอมรับเจา้ เงาะก็เพราะเจา้ เงาะถอดรูป เงาะอปั ลกั ษณ์ออกกลบั เป็นพระสงั ข์ทีมีรูปลกั ษณ์งดงาม เห็นไดจ้ ากพฤติกรรมของทา้ วสามนต์ที เปลียนแปลงไป เช่น ตอนพระสงั ขต์ ีคลีเพือรักษาบา้ นเมอื งไวไ้ ดส้ าํ เร็จ ดงั เนือความวา่
178 เมอื นนั ทา้ วสามนตส์ รวลสันตไ์ ม่ผนั ผาย เห็นนางมณฑาว่าวนุ่ วาย จึงซังตายดาํ เนินเดินมา เขา้ ไปในทบั เหน็ ลูกเขย พ่อเจ้าเอ๋ยลูกงามนักหนา น้อยหรือรูปร่างเหมือนเทวดา หน้าตาจมิ ลมิ พริมเพรา ผิวเนือเรือเรืองเหลองประหลาด ดงั ทองธรรมชาตหิ ล่อเหลา ฟ้าผเี ถดิ เอ๋ยลูกเขยเรา งามจริงแล้วเจ้านางมณฑา ถึงตัวพีเมือครังยงั หนุ่มแน่น รูปร่างก็อ้อนแอ้นโอ้อ่า ไม่แกล้งอวดทรวดทรงหน้าตา ใส่ชฎาเครืองประดับกร็ ับรอง แต่ไม่เหมาะเหมือนลูกเขยคนนี เป็ นต่อพอี ย่รู าวสักสามสอง แพ้เขาทีเนือไม่เป็ นทอง กระนันน้องยงั ว่ารูปงาม ตรัสพลางแย้มยมิ พริมพราย แล้วภปิ รายปราศรัยไต่ถาม ลูกรักจงแจ้งแถลงความ เจ้านีมีนามกรใด วงศว์ านว่านเครือเนือหน่อ พงศเ์ ผา่ เหลา่ กอเป็นไฉน อยปู่ ระเทศธานีบุรีไร ทาํ ไมจึงแกลง้ แปลงปลอมมา (สังขท์ อง, : -) จากตวั อยา่ งเนือความจะเห็นวา่ ทา้ วสามนตจ์ ะใชค้ าํ กล่าวชืนชมความ งดงามของพระสงั ข์ อีกทงั ยงั เรียกพระสังขว์ ่าเป็ นลูกรัก ซึงแตกต่างไปจากการกล่าวถึงเจา้ เงาะที มกั จะกลา่ วในแง่ลบว่าเป็นคนอุบาทว์ หรือเป็นคนทีไมด่ ี ซึงพฤติกรรมทีแตกต่างไปสามารถแสดง ใหเ้ ห็นถงึ ความรักและการยอมรับทีทา้ วสามนตม์ ีต่อพระสงั ขไ์ ด้ . . ความอปั ลกั ษณ์เป็ นบททดสอบความรักของคน นอกจากนีความอปั ลกั ษณ์ยงั เป็ นบททดสอบการยอมรับในความดี ของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ ทงั นีตวั ละครอปั ลกั ษณ์บางตวั ไม่มีอิทธิฤทธิในการถอดรูปหรือแปลงกาย เป็นผทู้ ีมรี ูปลกั ษณ์ทีงดงามได้ ตวั ละครเหล่านีจึงพยายามใชค้ วามสามารถหรือความดี เพือทาํ ให้ตวั ละครอนื ในเรืองยอมรับในความดีของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ได้ ดงั ตวั อยา่ ง ในบทละครนอกเรือง แกว้ หน้ามา้ ความอปั ลกั ษณ์ของนางแกว้ เป็ น อุปสรรคทีทาํ ใหพ้ ระพินทองไมป่ รารถนาจะไดน้ างมาเป็นมเหสี นางแกว้ จึงใชพ้ ยายามพิสูจน์ความ รักของพระพินทอง โดยการความรักทีตนมตี ่อพระพนิ ทองก่อน แต่พระพินทองก็ไม่ยอมรับรัก อีก ทงั ยงั รังเกียจนางแกว้ เพิมขึน ดงั เช่นพฤติกรรมของพระพินทองทีมีการตาํ หนิและลงโทษนางแกว้ ดงั เนือความว่า
179 เมือนนั หน่อกษตั ริย์หุนหันหมันไส้ อายเหล่าสาวสรรกํานัลใน พระคกึ คกั ผลักไสไปทนั ที ดูด๋อู ีด้านหน้าอีบ้ากาม ลวนลามกอดรัดช่างบัดสี ใครฤๅดือว่าเป็ นสามี ช่างพาทโี กหกพกลม พูดเล่นง่ายง่ายไม่อายจติ กจู ะคดิ เข่นฆ่าให้สาสม หยงิ ยศโยโสโง่งม หัวมึงจะจมแผ่นดนิ ดอน .................... .................... ช่างพาทีสบประมาทอาจหาญ อกี าลี ปากตลาดจดั จ้านด้านองึ จองหองพองขนพ้นประมาณ เสเพลสินทไี ม่มีถงึ หน้าเหมือนม้าตาจระเข้ พระโกรธาด่าอึงตบตี กมู ใิ ช่ผัวชู้ค่กู ับมงึ (แกว้ หนา้ มา้ , :) เมือนางแกว้ แปลงเป็นนางมณีผทู้ ีมีความงดงาม พระพินทองกลบั พึง พอใจและปรารถนาทีไดน้ างมณีมาเป็ นภรรยา ดงั เช่นพฤติกรรมของพระพินทอง ในตอนพระ พินทองสู่ขอนางมณีจากตายาย ดงั เนือความวา่ เมอื นนั พระพินทองมองดูอยไู่ กลไกล พศิ โฉมนางงามทรามวยั นางในแผน่ ภพไม่เทียมทนั ผวิ ผ่องดงั ทองธรรมชาติ เอียมสะอาดดงั หนึงดวงบหุ ลนั พกั ตร์ผอ่ งสองปรางอยา่ งลกู จนั ขนงเนตรเกศกรรณพรรณราย พศิ สอดงั ศอเหมราช งามวลิ าศพริ งเพริศเฉิดฉาย อรชรออ้ นแอน้ กรีดกราย เหมือนละมา้ ยนางฟ้านารี สองกรอ่อนชดแช่มชอ้ ย แน่งนอ้ ยน่าชมสมประดี แขง็ ขึงตะลงึ อนิ ทรีย์ ฤดแี ดดนิ ในวิญญา ดูพลางทางแสนพิศวาส พระหน่อนาถนึกพะวงั กังขา ใครหนอนวลละอองดงั ทองทา งามกว่านิมนุชพระบุตรี แต่ได้ยลพกั ตร์น่ารักแสน ไม่เหมือนแม้นโฉมน้องของพี จะสืบดูให้รู้ร้ายดี ว่าสามีมแี ล้วฤๅเปล่าดาย คดิ พลางทางมีวาจา ตรัสสังเสนาทงั หลาย วา่ โฉมฉายอยสู่ ถานใด ตามดูใหร้ ู้แยบคาย .................... .................... พระพินทองวอ่ งไวใจกลา้ มาสรงชนื วญิ ญาเปรมปรีดิ เมือนนั ไดฟ้ ังดงั ทพิ ธารา
180 ยมิ พลางทางกลา่ วสุนทร ดูก่อนท่านผ้จู ําเริญศรี นางไร้ภัสดาสามี จงยกให้เรานีเถดิ เป็ นไร จะเลยี งเป็นมเหสีทรี ัก ยศศกั ดสิ องเฒ่าเราจะให้ ทงั ทรัพยส์ ินจินดาขา้ ไท จะใหท้ กุ สิงสารพนั (แกว้ หนา้ มา้ , : - ) จากตวั อยา่ งเนือความ จะเห็นวา่ เมือพระพนิ ทองพบนางมณีผมู้ ีความ งดงามก็ตะลึงและหลงใหลในความงดงามจนปรารถนาทีจะได้นางมาเป็ นมเหสี พฤติกรรมของ พระพนิ ทอง แสดงใหเ้ ห็นวา่ ความรักของคนนนั ยงั ยดึ ติดอยกู่ บั เรืองรูปลกั ษณ์ทีตอ้ งงดงาม ในเรืองพระอภยั มณี ความอปั ลกั ษณ์ของนางวาลีเป็ นอุปสรรคสาํ คญั ทีทาํ ใหพ้ ระอภยั มณีไม่ปรารถนาจะไดน้ างมาเป็ นภรรยา แต่นางวาลีก็ใชป้ ัญญาและความสามารถ ของตนเอง ทาํ ใหพ้ ระอภยั มณีมองขา้ มความอปั ลกั ษณ์ของนางวาลี และยอมรับนางไปเป็ นสนมเอก ได้ เช่น ตอนนางวาลีใช้ปัญญาวางแผนให้พระอภยั มณีไดอ้ ภิเษกสมรสกบั นางสุวรรณมาลี ดงั เนือความว่า พระฟังคาํ ซาํ ตรึกเห็นลกึ ซึง คิดไมถ่ ึงความคดิ ทบี ิดผนั จึงตรัสวา่ ถา้ เหมือนคาํ ทีรําพนั จะรางวลั วาลีใหม้ ยี ศ จึงสังพระอนุชาวา่ ไฉน ตามแต่ใจเจา้ จะสังเถิดทงั หมด ใหแ้ ตอ่ งคพ์ ระธิดานนั ลาพรต ใหก้ าํ หนดเจด็ วนั เหมือนสญั ญา พระตรัสพลางทางเรียกขึนร่วมอาสน์ ทรงสมพาสเพิมรักขนึ หนักหนา ดูผวิ พรรณสรรพางค์อย่างคุลา แต่วชิ าพางามขึนครามครัน ................... ................... ถึงรูปชัวตวั ดําดงั นํารัก แต่รู้หลกั ลาํ สุรางค์นางสนม พระโปรดปรานพานสนิทได้ชิดชม ร่วมบรรทมแท่นทองทีรองทรง ................... ................... พระยมิ พลางทางดูผ้รู ับสัง เห็นเนือหนังจํามาํ ดํามดิ หมี เหมือนทุเรียนเสียนนอกเนือในดี ได้เป็ นทีพระสนมก็สมยศ (พระอภยั มณี เล่ม , :) จากตัวอย่างเนือความจะเห็นว่า พระอภัยมณีแสดงความรักต่อ นางวาลี อกี ทงั ยงั ยกยอ่ งนางวาลีใหเ้ ป็ นสนมเอก เพราะดว้ ยปัญญาและความเฉลียวฉลาดของนาง สามารถแสดงใหถ้ ึงการยอมรับในความสามารถอนั เปรียบเสมือนความดีของนางวาลี
181 ในเสภาเรือง ขุนชา้ ง ขนุ แผน ขุนช้าง ใหค้ วามรักและการดูแลเอาใจ ใส่นางวนั ทองเป็นอยา่ งดี จนนางวนั ทองมองขา้ มความอปั ลกั ษณ์และยอมรับในความดีของขุนชา้ ง ได้ เช่น ตอนนางวนั ทองครวญถึงชุนชา้ งเมือเห็นว่าขุนชา้ งนอนนิงหลงั จากโดนรุมทาํ ร้ายร่างกาย ดงั เนือความวา่ จะนวดฟันเท่าไรไมล่ มื ตา วนั ทองทอดกายากบั สามี โอพ้ อ่ ร่มโพธิเตียของเมียแกว้ พอ่ ตายแลว้ เมยี เห็นจะเป็นผี อนั จะหานําใจในบุรี เห็นสินดีอย่เู พียงพ่อโพธทิ อง แต่อย่มู าเป็ นสิบห้าสิบหกปี คาํ น้อยหนึงไม่มีให้เมียหมอง เมือคลอดลูกหนุนหลงั นังประคอง เห็นเมยี ร้องพ่อก็รําพไิ รวอน เมือคราวเมียจับไข้ไม่กนิ ข้าว พ่อนังเฝ้าเคยี งคอยตะบอยป้อน เห็นเมียไม่หลับใหลก็ไม่นอน ครันหน้าร้อนพ่อก็พดั กระพือลม หน้าหนาวหนาวแล่นตลอดอก พ่อให้นอนกอดกกซ้อนผ้าห่ม ครันหน้าฝนฝนฝอยลงพรอยพรม ให้อย่รู ่มปิ ดรอบหน้าต่างเรือน อนั ชายใดในพืนปัถพี การรักเมียแล้วไม่มเี สมอเหมือน ถงึ รูปชัวใจช่วงดังดวงเดือน นีกรรมเตือนให้ตามเมียมาตาย (ขุนชา้ ง ขนุ แผน, :) จากตวั อยา่ งคาํ กล่าวของนางวนั ทองทีกล่าวถึงขุนชา้ งจะเห็นว่า นาง วนั ทองกล่าวถงึ ความรักและการดูแลเอาใจใส่ของขนุ ชา้ งในการทาํ หนา้ ทีสามีทีดีมาตลอดระยะเวลา เกือบ ปี ทีอยู่เป็ นสามีภรรยากนั ทาํ ให้เห็นว่า ขุนช้างสามารถทาํ ใหน้ างวนั ทองมองขา้ มความ อปั ลกั ษณ์และยอมรับขนุ ชา้ งได้ เพราะความดีของขุนชา้ งทีปฏบิ ตั ิต่อนางวนั ทอง จะเห็นไดว้ า่ ความอปั ลกั ษณ์เป็นบททดสอบสาํ คญั ทีเรืองการยอมรับ คนอปั ลกั ษณ์ใหร้ ่วมเป็ นสมาชิกของสังคม ตวั ละครอปั ลกั ษณ์เช่นเจา้ เงาะแสดงใหเ้ ห็นว่าคนไม่ ยอมรับความอปั ลกั ษณ์ และจะยอมรับเขา้ ร่วมสงั คมกเ็ มือไดถ้ อดรูปอปั ลกั ษณ์ออกเป็ นรูปงามแลว้ อย่างไรก็ตามก็ยงั มีการทดสอบการยอมรับอีกลกั ษณะหนึง คือการยอมรับในความดีของคน อปั ลกั ษณ์ แลว้ รับเขา้ สู่สงั คมตนเพราะความดีและความสามารถ ดงั เช่นตวั ละครนางวาลีและขนุ ชา้ ง ความอปั ลกั ษณ์เป็ นขันตอนทดสอบคน ทาํ ให้เห็นว่าผูท้ ีมีความอปั ลกั ษณ์ มกั จะไม่ไดร้ ับการยอมรับจากผคู้ นในสงั คม เนืองจากคนมองว่าผทู้ ีมีรูปลกั ษณ์ภายนอกอปั ลกั ษณ์ก็ มกั จะมจี ิตใจ นิสยั และพฤติกรรมในทางอปั ลกั ษณ์เช่นเดียวกนั หากผูท้ ีมีความอปั ลกั ษณ์ตอ้ งการ ไดร้ ับการยอมรับจากผคู้ นในสงั คมกต็ อ้ งปรับปรุงตนเองใหม้ ีรูปลกั ษณ์ทีงดงาม เช่น เจา้ เงาะถอดรูป
182 เป็นพระสงั ขท์ ีมีความงดงามจึงทาํ ใหท้ า้ วสามนต์เกิดความรักใคร่ และนางแกว้ แปลงกายเป็ นนาง มณีทีมีความงดงามกท็ าํ ใหพ้ ระพนิ ทองรักใคร่เช่นเดียวกนั หรือใชค้ ุณความดีของตนเพือทาํ ให้ผอู้ ืน มองขา้ มความอปั ลกั ษณ์และยอมรับตนได้ เช่น ขุนชา้ งทีเป็นสามีทีดีจนนางวนั ทองยอมรับในความ ดีของชุนชา้ ง และนางวาลที ีใชป้ ัญญาและความสามารถเพือใหพ้ ระอภยั มณียอมรับนางมาเป็ นสนม เอกได้ จากการศึกษาบทบาทในการถ่ายทอดทศั นคติทีมีต่อความอปั ลกั ษณ์ จะเห็นถึงการ เพิมเติมมุมมองทีมตี ่อความอปั ลกั ษณ์ กลา่ วคือ การถ่ายทอดทศั นคติทีมีต่อความอปั ลกั ษณ์ผ่านตวั ละครอปั ลกั ษณ์ในวรรณคดีสมยั อยุธยาจนถึงรัชสมยั พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั (รัชกาลที ) จะปรากฏมุมมองทีว่า ความอปั ลกั ษณ์เป็ นสิงทีแสดงถึงความไม่ดีอย่างชดั เจน แต่ ในช่วงรัชสมยั พระบาทสมเด็จพระนงั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั (รัชกาลที ) จะเห็นว่ามกี ารเพิมเติมมุมมองต่อ ความอปั ลกั ษณ์ทีมองว่า แมค้ วามอปั ลกั ษณ์เป็นสิงทีแสดงถึงความไม่ดี แตก่ ็ยงั มีคุณสมบตั ิพิเศษที แสดงถึงความดีทีแฝงอยภู่ ายใตค้ วามอปั ลกั ษณ์ ดงั ทีปรากฏจากตวั ละครนางวาลี ในพระอภยั มณี และตวั ละครนางแกว้ ในบทละครนอกเรือง แกว้ หน้ามา้ การเพิมเติมมุมมองทีเกิดขึนอาจเกิดจาก สภาพสงั คมทีผหู้ ญิงเริมมีบทบาทในสงั คมมากขึน เช่น ในสมยั รัชกาลที มกี วีทีเป็ นสตรี แมไ้ ม่ได้ เขียนวรรณคดีสาํ คญั แต่สามารถแสดงให้เห็นความสามารถและสถานภาพของสตรี ในสมัย รัตนโกสินทร์ตอนตน้ ไดจ้ ากงานวรรณคดี (กุหลาบ มลั ลกิ ะมาส, : ) จากการศึกษาบทบาทของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ในวรรณคดีไทยพบวา่ ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ มบี ทบาทสาํ คญั ต่อการสร้างสรรคว์ รรณคดีไทย ทงั บทบาทต่อโครงเรือง ตวั ละครอปั ลกั ษณ์เป็ นปม ปัญหา และสร้างความขดั แยง้ ในการดาํ เนินเรือง บทบาทต่อตวั ละคร ตวั ละครอปั ลกั ษณ์เป็ นตวั ละครทีใหโ้ ทษและคุณกบั ตวั ละครอนื ในเรือง เพือทาํ หนา้ ทีในการสร้างปัญหาและอุปสรรคกบั ตวั ละคร และทาํ หน้าทีช่วยเหลือตวั ละครอืนในเรือง อีกทังยงั ขบั เน้นคุณสมบตั ิพิเศษของตวั ละคร พระเอกใหเ้ ด่นชดั ขึน และบทบาทต่อการถา่ ยทอดทศั นคติทีมีต่อความอปั ลกั ษณ์ เนืองจากตวั ละคร อปั ลกั ษณ์ถูกสร้างใหท้ าํ หนา้ ทีในการเป็ นสือกลางในการถ่ายทอดทศั นคติทีมีต่อความอปั ลกั ษณ์ เพือนาํ เสนอมุมมองว่า ความอปั ลกั ษณ์เป็นสิงทีแสดงถึงความไม่ดีอยา่ งชดั เจน และความอปั ลกั ษณ์ ยงั คงเป็นสิงทีไม่ดี แต่มคี ุณสมบตั ิเสมือนความดีทีแฝงอยู่ อกี ทงั ความอปั ลกั ษณ์ยงั เป็นบทพิสูจน์ให้ เห็นถึงคุณงามความดีดว้ ย ซึงอาจกล่าวได้ว่าตวั ละครอปั ลกั ษณ์เป็ นตวั ละครประเภทหนึงทีมี ความสาํ คญั ต่อการสร้างสรรคว์ รรณคดีไทยเป็นอยา่ งมาก
บทที 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ สรุปผลและอภปิ รายผล วิทยานิพนธ์ฉบบั นีมีวตั ถุประสงค์เพือศึกษาตัวละครอปั ลกั ษณ์ในวรรณคดีไทย ใน ดา้ นรูปลกั ษณ์ ลกั ษณะนิสยั และพฤติกรรม กลวิธีการสร้างตวั ละครอปั ลกั ษณ์ และบทบาทของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ โดยศึกษาจากตวั ละครอปั ลกั ษณ์ในวรรณคดีไทย ตงั แต่สมยั อยุธยาจนถึงสมยั รัตนโกสินทร์ตอนตน้ จาํ นวน ตวั ไดแ้ ก่ ชูชก พรานบุญ เจ้าเงาะ นางสํามนกั ขา นางค่อมกุจจี ขุนชา้ ง หมืนหาญ จรกา ทา้ วสนั นุราช นางคนั ธมาลี นางผีเสือสมุทร ชีเปลือย นางวาลี เจา้ ละมาน ยอ่ งตอด นางแกว้ หนา้ มา้ นางประแดะ และนางศรีสาหง ผลการศึกษาสรุปไดด้ งั นี ดา้ นรูปลกั ษณ์ ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ปรากฏลกั ษณะทางกายภาพทีสะทอ้ นใหเ้ ห็นถงึ ความ อปั ลกั ษณ์ จาํ นวน ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ อวยั วะผดิ รูป อวยั วะพกิ าร อวยั วะไมส่ ะอาด อวยั วะมีขนาดใหญ่ ร่างกายมีขนาดใหญ่ เส้นผมและขนไม่เป็ นระเบียบ เสน้ ผมและขนยาวกว่าปกติ ผมน้อย ผวิ ดาํ คลาํ ผวิ หนังไม่เกลียงเกลา หน้าอกหย่อนยาน และเล็บกุด ลกั ษณะเหล่านีสามารถสะท้อนให้เห็นถึง ลกั ษณะของร่างกายทีผดิ ปกติ และไมส่ มบูรณ์ อีกทงั สภาพของร่างกายทีไม่น่าดู ในดา้ นนิสยั และพฤติกรรมของตวั ละครอปั ลกั ษณ์พบว่า ตวั ละครอปั ลกั ษณ์จะปรากฏ นิสยั และพฤติกรรม ลกั ษณะ คือ นิสยั และพฤติกรรมทีไมด่ ี และนิสยั และคุณสมบตั ิทีดี ตวั ละคร อปั ลกั ษณ์มีลกั ษณะนิสัยทีไม่ดีเป็ นส่วนใหญ่พบ ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ หมกมุ่นกามตณั หา เจา้ เล่ห์ เพทุบาย กลา่ วเท็จ ขีขลาด ไม่มีความเฉลียวฉลาด ดอ้ ยความสามารถในการรบ ไม่ชาํ นาญในการ เกียวพาราสีสตรี โลภ กลา้ แสดงความรักต่อผชู้ ายก่อน ขีหึง เจา้ มารยา ไม่ซือสตั ยก์ บั สามี พฤติกรรม หยาบคาย และพฤติกรรมบา้ ใบ้ ลกั ษณะนิสยั และคุณสมบตั ิทีดีพบ ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ มีวิชาความรู้ มี ปัญญาและความเฉลยี วฉลาด มีความซือสตั ย์ มีความกลา้ หาญ มีความสามารถ และมีอาํ นาจ แมว้ ่า ตวั ละครอปั ลกั ษณ์บางตวั จะปรากฏนิสยั และพฤติกรรมทีดี แต่กย็ งั คงลกั ษณะนิสยั และพฤติกรรมที ไม่ดีอยู่ เช่น นางแก้วหน้ามา้ เป็ นตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีมีความเฉลียวฉลาด และความกลา้ หาญ 183
184 เป็นคุณสมบตั ิเด่น แต่นางกม็ ีนิสยั และแสดงพฤติกรรมของผหู้ ญิงทีกลา้ แสดงความรักต่อผชู้ ายก่อน อยา่ งชดั เจน จากการศึกษารู ปลักษณ์ ลักษณะนิ สัยและพฤติกรรม จะเห็นว่า รู ปลักษณ์มี ความสมั พนั ธต์ ่อการกาํ หนดพฤติกรรมของตวั ละครอปั ลกั ษณ์เป็ นอย่างมาก การกาํ หนดรูปลกั ษณ์ ของตัวละครให้มีความอปั ลกั ษณ์ ลกั ษณะนิสัยและพฤติกรรมของตัวละครมีความอปั ลกั ษณ์ เช่นเดียวกนั กล่าวคือ รูปลกั ษณ์ภายนอกไม่ดีส่งผลให้ภายในจิตใจไม่ดีดว้ ย ดงั นนั การแสดงออก ทางพฤติกรรมจึงไม่ดีตามไปดว้ ย แต่หากตวั ละครมรี ูปลกั ษณ์ทีงดงาม ลกั ษณะนิสยั และพฤติกรรม ก็จะงดงามเช่นเดียวกนั เช่น นางแกว้ หนา้ มา้ เมือเป็นนางแกว้ ทีมรี ูปลกั ษณ์อปั ลกั ษณ์ กเ็ ป็ นผหู้ ญิงที กลา้ แสดงออกถงึ ความรักทีตนมีต่อผชู้ ายก่อน แต่เมือเป็ นนางมณีผมู้ ีความงดงามก็จะเป็ นผูห้ ญิงที แสดงออกถึงความเขินอายเมืออยูก่ ับผชู้ าย จะเห็นว่า นางแก้วหน้ามา้ และนางมณีเป็ นตัวละคร เดียวกัน แต่มีพฤติกรรมการแสดงออกทีต่างกัน ทังนีอาจเป็ นเพราะรู ปลกั ษณ์ภายนอกเป็ น ตวั กาํ หนดนิสยั และพฤติกรรมของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ จากการศึกษากลวธิ ีการสร้างตวั ละครอปั ลกั ษณ์ในวรรณคดีไทย กลวิธีหลกั ไดแ้ ก่ กลวิธีการเล่าเรือง และกลวิธีทางภาษา พบว่า กลวิธีการเล่าเรืองจะใชก้ ลวิธีการเล่าเรืองในการ นาํ เสนอภาพตวั ละครอปั ลกั ษณ์ ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ กลวธิ ีการสร้างจากการบรรยายของผเู้ ลา่ เรืองแบบ ผูร้ ู้ กลวิธีการสร้างจากบรรยายของตวั ละครอืน และกลวิธีการสร้างจากถอ้ ยคาํ ของตวั ละคร อปั ลกั ษณ์ กลวิธีการสร้างจากการบรรยายของผเู้ ล่าเรืองแบบผรู้ ู้ เป็นกลวิธีทีจะใชใ้ นการเกริ นนาํ ถึงตวั ละครอปั ลกั ษณ์ เมือกล่าวถึงตวั ละครอปั ลกั ษณ์นนั ๆ ก็จะสามารถให้เห็นภาพของละคร อปั ลกั ษณ์ไดท้ นั ที ในการสร้างตวั ละครอปั ลกั ษณ์ผ่านผเู้ ล่าเรืองแบบผูร้ ู้มกั จะแสดงใหเ้ ห็นถึงภาพ เชิงลบแก่ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ ผูเ้ ล่าเรืองจะเน้นไปทีความอปั ลกั ษณ์ของตวั ละครทงั ดา้ นรูปลกั ษณ์ ลกั ษณะนิสยั และพฤติกรรมเป็นสาํ คญั และไม่มีความคิดหรือเจตนาอนั แฝงเร้น เพราะจะมุ่งแสดง ลกั ษณะของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ใหช้ ดั เจน กลวิธีการสร้างจากการบรรยายของตัวละครอืน จะเป็ นมีการสร้างของตัวละคร อปั ลกั ษณ์ผา่ นสายตา การคิดคาํ นึง คาํ พดู และพฤติกรรมของตวั ละครอนื ๆ ในเรืองทีมีต่อตวั ละคร อปั ลกั ษณ์ ในการสร้างตวั ละครอปั ลกั ษณ์ผา่ นมมุ มองของตวั ละครอนื ๆ ในเรืองมกั จะแสดงใหเ้ ห็น ภาพในเชิงลบของตัวละครอปั ลกั ษณ์ โดยมองผา่ นรูปลกั ษณ์ทีอปั ลกั ษณ์ และเกิดการตีความตวั ละครอปั ลกั ษณ์ว่าจะต้องมีลกั ษณะนิสัยและพฤติกรรมในดา้ นลบ หากตัวละครอืนในเรืองจะ
185 กลา่ วถึงความดีงามของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ก็จะตอ้ งพิสูจน์ตนเองโดยการแสดง คุณสมบตั ิพเิ ศษออกมา หรือการถอดรูปลกั ษณ์ทีอปั ลกั ษณ์ออกไป กลวิธีการสร้างจากถอ้ ยคาํ ของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ ทาํ ให้เห็นว่า ตวั ละครอปั ลกั ษณ์มี การแสดงภาพของตนเองดว้ ยมุมมองในเชิงบวก โดยมองว่ารูปลกั ษณ์อนั อปั ลกั ษณ์ไม่เป็ นปัญหา เนืองจากตวั ละครอปั ลกั ษณ์มองผา่ นความอปั ลกั ษณ์จึงเห็นความดีของตนเอง และการมองว่าตนมี ลกั ษณะนิสยั และพฤติกรรมทีดี ซึงตวั ละครอปั ลกั ษณ์มีความคิดและเจตนาร้ายแฝงเร้นอยู่ คือ การ หลอกลวงให้ผูอ้ ืนหลงเชือตน เพือให้ไดใ้ นสิงทีปรารถนา นอกจากนีตวั ละครอปั ลกั ษณ์ยงั แสดง ภาพของตนเองดว้ ยมุมมองในเชิงลบ โดยมองว่ารูปลกั ษณ์ของตนน่าเกลียด และมีคุณสมบตั ิดอ้ ย ซึงเป็นการกลา่ วถึงเพอื ยอมรับในสิงทีไม่ดีของตนเอง การสร้างตวั ละครอปั ลกั ษณ์ผ่านกลวิธีการเล่าเรือง ทงั ลกั ษณะขา้ งตน้ พบว่า การ สร้างตวั ละครอปั ลกั ษณ์ผา่ นผูเ้ ล่าเรืองแบบผรู้ ู้ การสร้างผ่านตวั ละครอืน ๆ ในเรือง และการสร้าง ผา่ นตวั ละครอปั ลกั ษณ์เองมกั จะแสดงใหเ้ ห็นภาพของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ในเชิงลบเป็นสาํ คญั แต่ก็มี การแสดงใหเ้ ห็นภาพในเชิงบวกบา้ ง โดยการสร้างผา่ นมุมมองของตวั ละครอปั ลกั ษณ์เอง ซึงเป็ น มุมมองทีมเี จตนาแฝงเร้น แต่การสร้างผา่ นมุมมองของผเู้ ล่าเรืองแบบผรู้ ู้ และการสร้างผ่านมุมมอง ตวั ละครอนื ๆ ในเรืองจะเป็ นการมองโดยปราศจากเจตนาแฝงเร้น ทาํ ใหเ้ ห็นภาพเชิงบวกของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ได้อย่างตรงไปตรงมา จะเห็นว่า การแสดงให้เห็นภาพเชิงบวกของตวั ละคร อปั ลกั ษณ์ผา่ นกลวธิ ีการเล่าเรืองทงั ลกั ษณะมีความแตกต่างกนั เพราะเกิดจากเจตนาแฝงเร้นของ ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ จึงส่งผลใหก้ ารสร้างตวั ละครอปั ลกั ษณ์มีความซบั ซอ้ นมากขึน ในส่วนกลวิธีทางภาษา กวใี ชค้ าํ และภาพพจน์ในการสร้างตวั ละครอปั ลกั ษณ์ ในดา้ น การใชค้ าํ กวีสรรคาํ ทีสามารถสือความหมายใหเ้ ห็นถงึ ความอปั ลกั ษณ์ของตวั ละครไดอ้ ย่างชดั เจน และใชค้ าํ เรียกตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีทาํ ใหเ้ ห็นลกั ษณะต่าง ๆ ของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ไดท้ นั ทีว่า ตวั ละครอปั ลกั ษณ์มีลกั ษณะภายนอกและลกั ษณะนิสัยในเชิงลบเป็ นส่วนใหญ่ ส่วนการใชภ้ าพพจน์ กวจี ะใชก้ ารอปุ มาและอปุ ลกั ษณ์เพอื เปรียบเทียบรูปลกั ษณ์ นิสยั และพฤติกรรมของตวั ละครกบั สิง ต่าง ๆ เช่น ผี ปี ศาจ เปรต และเสือ ซึงเป็ นการยาํ ให้เห็นภาพในเชิงลบของตัวละครอปั ลกั ษณ์ได้ ชดั เจนยงิ ขึน ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ในวรรณคดีไทยมีบทบาทสาํ คญั ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ บทบาทของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีมีต่อโครงเรือง บทบาทของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีมีต่อตวั ละคร และบทบาทของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีมีต่อการถา่ ยทอดทศั นคติต่อความอปั ลกั ษณ์
186 บทบาทของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีมีต่อโครงเรืองพบว่า ตวั ละครอปั ลกั ษณ์จะเป็ นปม ปัญหาของเรือง คือ ทาํ ใหเ้ กิดความขดั แยง้ ระหว่างตวั ละครอปั ลกั ษณ์กบั ตวั ละครอืนในเรือง และยงั เป็ นต้นเหตุให้ตวั ละครอืนในเรืองขัดแยง้ กนั กวีกาํ หนดให้ตัวละครเอกของเรืองเป็ นตัวละคร อปั ลกั ษณ์ ซึงความอปั ลกั ษณ์นนั เป็นปมปัญหาสาํ คญั ทีทาํ ใหต้ วั ละครเอกมีความอปั ลกั ษณ์ขดั แยง้ กบั ตวั ละครอืน ๆ ในเรือง ความขดั แยง้ ระหว่างตวั ละครเอกทีมีความอปั ลกั ษณ์กบั ตวั ละครอืนใน เรืองคลีคลายลงเมือตวั ละครเอกเปิ ดเผยตวั ตนทีแทจ้ ริง ดว้ ยการถอดรูปอปั ลกั ษณ์ออกไป บทบาทของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีมีต่อตวั ละครพบว่า ตวั ละครอปั ลกั ษณ์มีบทบาทให้ คุณและใหโ้ ทษกบั ตวั ละครอืนในเรือง ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีให้คุณจะทาํ หน้าทีในการช่วยเหลือตวั ละครอืน ๆในเรืองในการแกไ้ ขปัญหาใหส้ ามารถผา่ นพน้ อปุ สรรคไปได้ และยงั ทาํ หนา้ ทีในการขบั เนน้ คุณสมบตั ิของตวั ละครพระเอกดว้ ย ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีทาํ หนา้ ทีช่วยเหลอื ตวั ละครอนื ในเรือง มกั จะปรากฏเป็นตวั ละครทีมคี ุณสมบตั ิพเิ ศษ เช่น มีวชิ าความรู้ เฉลียวฉลาด มีความกลา้ หาญ และมี ความสามารถ แต่ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีทาํ หน้าทีขบั เน้นคุณสมบตั ิของตวั ละครพระเอกจะปรากฏ เป็นตวั ละครทีมีคุณสมบตั ิดอ้ ยกว่าทงั สิ น แมว้ ่าตวั ละครอปั ลกั ษณ์จะมีคุณสมบตั ิทีดี แต่เมือเป็ นคู่ เทียบเคียงกบั ตวั ละครพระเอกคุณสมบตั ิทีดีกจ็ ะกลายเป็นคุณสมบตั ิดอ้ ย เพอื ขบั เนน้ ใหต้ วั ละครเพิม คุณสมบตั ิทีดีใหเ้ ด่นชดั เพิมขึนอีก ส่วนตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทีใหโ้ ทษจะเป็นตวั ละครทีมลี กั ษณะนิสยั และพฤติกรรมทีไม่ดี ซึงจะทาํ หนา้ ทีสร้างปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ใหแ้ ก่ตวั ละครอืน ๆ ในเรือง เช่น ชีเปลอื ยทีลวงสุดสาครเพือชิงไมเ้ ทา้ และมา้ มงั กร ส่งผลให้สุดสาครตอ้ งตกอยูใ่ นอนั ตราย แต่ สุดสาครกไ็ ดเ้ รียนรู้คนมากขึน บทบาทสุดทา้ ยของตวั ละครอปั ลกั ษณ์ คือ บทบาทต่อการถ่ายทอดทศั นคติต่อความ อปั ลกั ษณ์ ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ทาํ ใหเ้ ห็นมมุ มองทีมีต่อความอปั ลกั ษณ์ว่า ความอปั ลกั ษณ์เป็นสิงทีไม่ ดีอยา่ งชดั เจน เมอื รูปลกั ษณ์ไม่งดงามก็จะส่งผลต่อนิสยั และพฤติกรรมของตวั ละครให้ไม่ดีไปดว้ ย ตวั ละครอปั ลกั ษณ์จึงเป็นเสมอื นภาพแทนความชวั ร้ายทีทาํ ให้ผูอ้ ่านเห็นเป็ นรูปธรรมไดช้ ดั เจนขึน สอดคลอ้ งกบั คาํ กล่าวของ Anthony Synnott (อา้ งถึงใน ไปรยา พลศารทูล, : ) ทีว่า ความงามและความดเี ป็นสิงคู่กนั ดงั เช่นในเทพนิยายกรีก-โรมนั มกั นาํ เสนอผูท้ ี มีคณุ ธรรม มีความดีในรูปกายทงี ดงาม และพยายามสือวา่ เป็นสัญลกั ษณ์ของความดี ในทาง ตรงกนั ขา้ มความชวั มกั ปรากฏมกั ปรากฏกบั อสูรในสภาพทีน่าเกลียดน่ากลวั ซึงรูปกายน่า เกลียดน่ากลวั คือ ความชวั ร้าย เลวทราม เช่น รูปร่างอาจจะดูใหญ่โตมาก รูปร่างมองแลว้ ไม่ไดส้ ัดส่วน อวยั วะตา่ งๆ ผดิ ปกติ ผิดรูปร่าง
187 อย่างไรก็ตามก็ยงั มีการเพิมทัศนคติต่อความอปั ลกั ษณ์ให้ไม่ไปในทิศทางเลวร้าย เท่านนั แต่ปรากฏทศั นคติเพิมเติมวา่ แมร้ ูปลกั ษณ์จะอปั ลกั ษณ์ แตก่ ม็ ีคุณสมบตั ิทีดีอนั เปรียบเสมอื น กบั คุณความดีทีแฝงอยภู่ ายในจิตใจ ซึงคุณสมบตั ิทีดีก็จะทาํ ใหเ้ กิดการยอมรับความอปั ลกั ษณ์นนั ได้ มากขึน ดงั เช่น พระอภยั มณีทียอมรับนางวาลเี ป็นสนม เพราะนางวาลมี ีความรู้และความสามารถใน การทาํ สงคราม ในการเพิมเติมทัศนคติทีมีต่อความอปั ลกั ษณ์ จะเห็นว่า ในสมยั อยุธยาจนถึงสมยั รัตนโกสินทร์รัชสมยั ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั (รัชกาลที ) จะมองว่าความ อปั ลกั ษณ์เป็นสิงทีไม่ดีอยา่ งชดั เจน ตวั ละครอปั ลกั ษณ์ในวรรณคดีในสมยั ดงั กล่าวจึงมีรูปลกั ษณ์ ภายนอก นิสยั และพฤติกรรมทีไม่ดี เช่น เรือง มหาชาติคาํ หลวง หรือเสภาขุนชา้ ง ขุนแผน ยกเวน้ เรืองสงั ขท์ องทีเริมมีเคา้ ความคิดเรืองความอปั ลกั ษณ์ในแง่บวก ซึงความคิดนีมีความชดั เจนมากขึน ในสมยั ต่อมา คือ รัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระนงั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั (รัชกาลที ) การถ่ายทอดทศั นคติที มีต่อความอปั ลกั ษณ์มีมุมมองทีเพิมเติมเขา้ มาชดั เจนมากขึน โดยมองวา่ ความอปั ลกั ษณ์ยงั คงเป็ นสิง ทีไม่ดี แต่ถา้ หากมองขา้ มความอปั ลกั ษณ์ภายนอกก็จะสามารถเห็นความดีหรือความงดงามทีอยู่ ภายใตค้ วามอปั ลกั ษณ์ เช่น บทละครนอกเรือง นางแกว้ หนา้ มา้ กวีสร้างนางแกว้ หนา้ มา้ ใหม้ ีความ อปั ลกั ษณ์แต่มคี วามกลา้ หาญ หรือในพระอภยั มณี กวีสร้างนางวาลีใหม้ ีความอปั ลกั ษณ์ แต่มีความ เฉลยี วฉลาด ความสามารถ และความกลา้ หาญ การเพิมเติมทศั นคติทีมตี ่อความอปั ลกั ษณ์อาจเกิด จากความหลากหลายของชาติพนั ธุต์ ่าง ๆ ทางฝังตะวนั ตกทีเขา้ มาติดต่อคา้ ขายกบั ประเทศไทย จึง เกิดความเลือนไหลทางความคิดส่งผลให้ความคิดหรือมุมมองทีมีต่อความอปั ลกั ษณ์มีการมอง เพิมเติมขึนมาจากเดิม สอดคล้องกับคํากล่าวในเอกสารการสอนชุดประวัติศาสตร์ไทย (มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช, : ) ทีกลา่ วว่า การขยายตวั ทางการคา้ ในสมยั รัตนโกสินทร์ตอนตน้ มีผลทาํ ใหเ้ กดิ การเปลียนแปลง โลกทศั น์ของคนในสมยั นนั คา่ นิยมบางประการในสมยั อยุธยายงั คงปรากฏอยู่ เช่นความเชือ ในเรืองความไมเ่ ทา่ เทยี มกนั ของมนุษย์ แตก่ ารขยายตวั ทางการคา้ ทาํ ใหค้ วามคิดเป็ นเหตุเป็ น ผลเชงิ ประจกั ษม์ ากขึน โดยเน้นความสําคญั ของมนุษยใ์ ห้รู้จกั ใชป้ ัญญา และพิจารณาความ จริงมากขนึ วฒั นธรรมของชาวตะวนั ตกทีเขา้ มาทาํ ให้เกิดความสํานึกในความคิดทีมีเหตุผล โลกทศั น์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นจึงเปิ ดกวา้ ง อีกทงั วรรณกรรมในสมัยรัตนโกสินทร์ ตอนตน้ เป็ นวรรณกรรมของชนชันนํา การสร้างสรรค์วรรณกรรมในสมยั นันจึงพยายาม สอดแทรกค่านิยม คุณธรรม และธรรมเนียมปฏิบตั ทิ พี งึ ประสงคส์ าํ หรับชนชนั ทีปรารถนาจะ เขา้ รับราชการแทรกลงไปดว้ ย
188 การเพิมเติมทศั นคติทีมีต่อความอปั ลกั ษณ์ทาํ ใหเ้ ราตระหนกั ถึงความดีงามทีอยภู่ ายใน จิตใจมากกว่ารูปลกั ษณ์ภายนอก แต่อยา่ งไรกต็ ามความอปั ลกั ษณ์ก็ยงั ไมเ่ ป็นทีปรารถนาและไม่เป็น ทียอมรับของผคู้ น เช่น เจา้ เงาะทีเป็นพระเอก แต่ไม่ไดร้ ับการยอมรับจากทา้ วสามนต์ เพราะความ อปั ลกั ษณ์ และนางแกว้ หนา้ มา้ ทีเป็นตวั ละครนางเอกไม่ไดร้ ับการยอมรับจากพระพินทอง แต่เมือ ตวั ละครดงั กล่าวถอดความอปั ลกั ษณ์ออกเป็ นผูท้ ีมีความงดงามก็จะไดร้ ับการยอมรับอย่างแทจ้ ริง แต่หากตวั ละครอปั ลกั ษณ์แต่มีคุณสมบตั ิทีดี ไม่สามารถถอดรูปอนั อปั ลกั ษณ์ออกได้ เพราะเป็ น รูปลกั ษณ์ทีแทจ้ ริง เช่น นางวาลี ก็ถกู กาํ หนดใหไ้ มส่ ามารถแสดงพฤติกรรมไดจ้ นจบเรือง และตอ้ ง เสียชีวติ ลง สามารถสะทอ้ นใหเ้ ห็นถึงทศั นคติทีมีต่อความอปั ลกั ษณ์ว่า ความอปั ลกั ษณ์ยงั เป็ นสิงที ไมพ่ งึ ปรารถนาและไม่อาจเป็นทียอมรับไดอ้ ยนู่ นั เอง ข้อเสนอแนะ ตวั ละครอปั ลกั ษณ์มคี วามสาํ คญั ตอ่ การสร้างสรรคว์ รรณคดีไทย แต่ทว่าในวรรณกรรม ปัจจุบนั กม็ ีการสร้างตวั ละครให้มีรูปลกั ษณ์ทีไม่งดงามอยเู่ ช่นกนั เช่น นวนิยายชุด Ugly Ducking เรือง secret รักลบั ...ลบั ตวั ละครเอกของเรือง คือ บุญสวรรคม์ รี ูปลกั ษณ์ทีไม่งดงาม ซึงน่าสนใจใน การศกึ ษาตวั ละครอปั ลกั ษณ์ในวรรณกรรมปัจจุบนั ดว้ ย เพือใหเ้ ห็นความคิดทีมีต่อความอปั ลกั ษณ์ ในสงั คมปัจจุบนั มากขึน
รายการอ้างองิ หนังสือ กาญจนา นาคสกุล. ( ). ภาษาไทย ชุดคาํ ไทย. กรุงเทพฯ: สมาคมครูภาษาไทยแห่งประเทศ ไทย. กหุ ลาบ มลั ลิกะมาส. ( ). ความรู้ทัวไปทางวรรณคดไี ทย. กรุงเทพฯ: สาํ นกั พมิ พม์ หาวิทยาลยั รามคาํ แหง. เกศริน มณีนูน, พวงเพญ็ ศิริรักษ.์ ( ). ซาไก : ชนกล่มุ น้อยภาคใต้ของไทย. สงขลา: คณะ วิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์. จอร์จ วอง. (ม.ป.ป.). สวยกบั ศลั ยกรรมพลาสตกิ : การเผชิญหน้ากบั ความเป็ นจริง. กรุงเทพฯ: แสงดาว. ฉลาด บุญลอย ; เสฐียร พนั ธรังษี และพระมหาประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต. (ม.ป.ป.). พจนานุกรมบาล-ี สันสกฤต-ไทย-องั กฤษ. พระนคร: แพร่พิทยา. ดนยั ไชยโยธา. ( ). วฒั นธรรมและอารยธรรมสัมพนั ธ์ของอนุทวปี อนิ เดยี และนานาประเทศ. พมิ พค์ รังที , กรุงเทพฯ: โอ.เอส.พริ นติง เฮา้ ส์ ต่อพงษ์ บุญมาประเสริฐ. ( ). โรคกระดูกสันหลงั เสือม (Degenerative diseases). เชียงใหม่ : คณะแพทยศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม.่ เถลิง พนั ธุเ์ ถลิงอมร. ( ). หลกั การวจิ ารณ์วรรณคด.ี นครศรีธรรมราช: วทิ ยาลยั ครู นครศรีธรรมราช. ธเนศ เวศร์ภาดา. ( ). หอมโลกวรรณศิลป์ . กรุงเทพฯ: ปาเจรา. นววรรณ พนั ธุเมธา. ( ). คลงั คาํ . กรุงเทพฯ: อมั รินทร์. บุญเกิด รัตนแสง. ( ). เกร็ดวรรณคดี. กรุงเทพฯ: พฒั นาศึกษา. ปรมานุชิตชิโนรส, สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระ. ( ). มหาเวสสันดรชาดก กณั ฑ์. พระนคร: คุรุสภา เปรมจิต เศาณานนท,์ บรรณาธกิ าร. ( ). จกั ษุจุฬา. กรุงเทพฯ: ภาควชิ าจกั ษุวิทยา คณะ แพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั 189
190 เปลือง ณ นคร. ( ). พจนะภาษา. พิมพค์ รังที . กรุงเทพฯ: ไทยวฒั นาพานิช. พิพธิ ภณั ฑห์ ุ่นขีผงึ ไทย. ( ). ตาํ นานหวั ล้านไทย / พพิ ธิ ภัณฑ์หุ่นขผี งึ . นครปฐม: พพิ ิธภณั ฑ.์ พทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลก, พระบาทสมเดจ็ พระ. ( ). บทละครเรืองรามเกยี รติ เล่ม - . พิมพค์ รังที , กรุงเทพฯ: ศลิ ปาบรรณาคาร. พทุ ธเลิศหลา้ นภาลยั , พระบาทสมเด็จพระ. ( ). บทละครนอก เรือง. กรุงเทพฯ: ศลิ ปา บรรณาคาร. __________. ( ). เสภาเรือง ขุนช้าง ขุนแผน. กรุงเทพฯ: ศิลปาบรรณาคาร. __________. ( ). บทละครเรือง อเิ หนา. กรุงเทพฯ: แสงดาว. ภูวเนตรนรินทรฤทธิ, กรมหลวง. ( ). บทละครนอกเรือง แก้วหน้าม้า. กรุงเทพฯ: กอง วรรณกรรมและประวตั ิศาสตร์. มหามนตรี (ทรัพย)์ , พระ. ( ). บทละครเรือง ระเด่นลนั ได. กรุงเทพฯ: อกั ษรเจริญทศั น.์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม.่ คณะมนุษยศาสตร์. ( ). พจนานุกรมภาษาไทยเปรียบเทยี บ : กรุงเทพ เชียงใหม่ ไทยลือ ไทยดํา. เชียงใหม่: มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม.่ มิงขวญั ทองพรมราช. ( ). สังข์ทอง พระเอกสองบุคลกิ . กรุงเทพฯ: ธารอกั ษร. ยงยทุ ธ วชั รดุลย.์ ( ). โรคกระดูกและข้อทพี บบ่อยในประเทศไทย. กรุงเทพฯ : ราชบณั ฑิตยสถาน. ราชบณั ฑิตยสถาน. ( ). พจนานุกรมศัพท์วรรณคดไี ทยสมยั อยุธยา. กรุงเทพฯ: ราชบณั ฑิตยสถาน. ราชบณั ฑิตยสถาน. ( ). พจนานุกรม ฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. เฉลมิ พระเกยี รติ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัว เนืองในพระราชพธิ มี หามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา รอบ ธนั วาคม . กรุงเทพฯ: ราชบณั ฑิตยสถาน. วชั รี กาชยั และคณะ. (ม.ป.ป.). นกในวรรณคดไี ทย. พมิ พค์ รังที . กรุงเทพฯ: อกั ษรเจริญทศั น์. วลั ยา วิวฒั นศ์ ร. ( ). การอ่านนวนยิ าย. พิมพค์ รังที . กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . วิญ ู บุญยงค.์ ( ). ตามรอยขนุ ช้างขุนแผน. พมิ พค์ รงั ที . กรุงเทพฯ: ตน้ ออ้ แกรมม.ี __________. ( ). ยกั ษ์ในรามเกยี รต.ิ กรุงเทพฯ: คุรุสภา. วิทยาลยั นครปฐม. ( ). วรรณคดสี มุดไทย. นครปฐม: ศูนยว์ ฒั นธรรมจงั หวดั นครปฐม. วทิ ยาลยั ครูสงขลา. ( ). พจนานุกรมภาษาถนิ ใต.้ สงขลา : โรงพิมพเ์ มอื งสงขลา. วิบูลย์ ลีสุวรรณ. ( ). ศิลปะน่ารู้สองศตวรรษ. พมิ พค์ รังที . กรุงเทพฯ: นานมีบุค๊ พบั ลิเคชนั ส.์ วีสาม. ( ). secret รักลบั ...ลบั . กรุงเทพฯ: สาํ นกั พมิ พแ์ จ่มใส.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204