ความเป็ นมา
นิราศ นิราศเป็ นงานประพนั ธ์ประเภทหน่ึงของไทยมมี าต้ังแต่สมัยโบราณ เท่าทป่ี รากฏหลกั ฐาน ในปัจจุบนั นิราศเรื่องแรกของไทยน้ัน ได้แก่ โคลงนิราศหริภุญชัย ซึ่งแต่งขึน้ ในสมยั กรุงศรีอยุธยา เนื้อหาของนิราศส่วนใหญ่มกั เป็ นการครํ่าครวญของกวี (ชาย) ต่อสตรีอนั เป็ นทร่ี ักเนื่องจาก ต้องพลดั พราก จากนางมาไกล
นริ าศ อย่างไรกต็ าม นางในนริ าศทกี่ วพี รรณนาว่าจากมา น้ัน อาจมีตัวตนจริงหรือไม่กไ็ ด้ แต่กวสี ่วนใหญ่ถือว่านาง ผู้เป็ นทร่ี ักเป็ นปัจจยั สําคญั ทจี่ ะเอือ้ ให้กวแี ต่งนิราศได้ ไพเราะ แม้ในสมยั หลงั กวอี าจไม่ได้ให้ความสําคญั เร่ือง การครํ่าครวญ ถงึ นาง แต่เน้นทก่ี ารบนั ทกึ ระยะทาง เหตุการณ์ และอารมณ์
ผแู้ ต่ง
ในสมยั รชั กาลท่ี ๒ สนุ ทรภไู่ ด้ เขา้ รบั ราชการเป็นทพี่ อพระราชหฤทยั จงึ ไดร้ บั พระราชทานบรรดาศกั ดเิ์ ป็นขุน สนุ ทรโวหาร สุนทรภรู่ บั ราชการอยไู่ มน่ าน สุนทรภู่ลาออกจากราชการและ ออกบวชใน รชั กาลท่ี ๒ ก็เสด็จ สวรรคต ระหวา่ งน้ีสนุ ทรภู่ได้ มีโอกาสเดนิ ทางไปยงั ในปี พ.ศ. ๒๓๖๗ทาํ ใหช้ ะตาชวี ติ ของ หวั เมือง ตา่ งๆ และแตง่ นิราศข้นึ หลาย สนุ ทรภ่กู ลบั แปรผนั อกี ครง้ั เรอ่ื ง ซงึ่ รวมถึง นิราศภูเขาทอง
ผลงานของสนุ ทรภู่ มีทง้ั หมด ๒๓ เรอ่ื ง โดยแบ่งเป็ น ๖ ประเภท ดงั น้ี
ลกั ษณะคาประพนั ธ์
แผนผงั และตวั อยา่ งนริ าศ
เรอ่ื งย่อ สุนทรภู่เร่ิมเร่ืองดว้ ยการปรารภถึงสาเหตุท่ีตอ้ งออกจากวดั ราชบูรณะและ การเดินทาง โดยเรือพร้อมหนูพดั ซ่ึงเป็นบุตรชาย ล่องไปตามลาน้าเจา้ พระยา ผา่ นพระบรมมหาราชวงั จนมาถึง วดั ประโคนปัก ผา่ นโรงเหลา้ บางจาก บางพลู บางพลดั บางโพบา้ นญวน วดั เขมา ตลาดแกว้ ตลาดขวญั บางธรณีเกาะเกร็ด บางพูด บางเดื่อ บางหลวง เชิงราก สามโคก บา้ นงิ้ว เกาะใหญ่ราชคราม จนถึง กรุงเก่าเม่ือเวลาเยน็ โดยจอดเรือพกั ท่ีท่าน้าวดั พระเมรุ คร้ันรุ่งเชา้ จึงไปนมสั การเจดียภ์ ูเขาทอง ส่วนขากลบั สุนทรภู่กล่าวแต่เพียงวา่ เม่ือถึงกรุงเทพฯ ไดจ้ อดเทียบเรือที่ท่าน้าหนา้ วดั อรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร
ตวั อยา่ งนริ าศภเู ขาทอง มาถงึ บางธรณที วโี ศก ยามวโิ ยคยากใจให้สะอืน้ โอ้สุธาหนาแน่นเป็ นแผ่นพืน้ ถึงส่ีหม่ืนสองแสนท้งั แดนไตร เมื่อเคราะห์ร้ายกายเรากเ็ ท่านี้ ไม่มที พ่ี สุธาจะอาศัย ล้วนหนามเหน็บเจ็บแสบคบั แคบใจ เหมือนนกไร้รังเร่อยู่เอกา ฯ มาถงึ หมู่บ้านบางธรณกี โ็ ศกเศร้ามากขนึ้ มาก เพราะตอนลาํ บากพาให้ใจสะอื้นมาก ท้งั ทแ่ี ผ่นดนิ หนาขนาดสองแสนส่ีหมื่นโยชน์ แต่เม่ือถึงคราวลาํ บากแม้แต่แผ่นดนิ กไ็ ม่มที ่ีอาศัย เหมือนโดนหนามเสียดแทงเจบ็ แสบมาก เหมือนกบั นกไม่มรี ังทจี่ ะอาศัยต้องเร่ร่อนไปเร่ือยๆ
ตวั อย่างนริ าศภเู ขาทอง ถึงเกร็ดย่านบ้านมอญแต่ก่อนเก่า ผ้หู ญงิ เกล้ามวยงามตามภาษา เดย๋ี วนีม้ อญถอนไรจุกเหมือนตุ๊กตา ท้งั ผดั หน้าจับเขม่าเหมือนชาวไทย โอ้สามญั ผนั แปรไม่แท้เทยี่ ง เหมือนอย่างเยยี่ งชายหญงิ ทิง้ วสิ ัย น่ีหรือจิตคิดหมายมหี ลายใจ ทจ่ี ติ ใครจะเป็ นหน่ึงอย่าพงึ คดิ ฯ ถึงตาํ บลปากเกร็ดซึ่งเป็ นบริเวณทชี่ าวมอญอพยพมา ตามธรรมเนียมผ้หู ญิงมอญจะเกล้า ผม แต่สมยั นีผ้ ู้หญงิ มอญมาถอนไรผมเหมือนตุ๊กตา ท้งั ยงั ใช้เคร่ืองสําอาง ใช้แป้งผดั หน้า ซ่ึงเหมือนกบั ชาวไทยทาํ ให้เห็นได้ว่าสมยั นีท้ ุกส่ิงทุกอย่างไม่มีความเทย่ี งแท้ เหมือนดงั ท่ี ชาวมอญละทงิ้ ประเพณีวฒั นธรรมของตนเองแล้วจะนับประสาอะไรกบั จติ ใจของคน ซ่ึง ไม่มีใครมีใจเดยี วแต่มหี ลายใจ
ตวั อยา่ งนริ าศภเู ขาทอง ถงึ บางพูดพูดดเี ป็ นศรีศักด์ิ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจติ แม้นพดู ช่ัวตวั ตายทาํ ลายมติ ร จะชอบผดิ ในมนุษย์เพราะพูดจาฯ ถงึ หมู่บ้านบางพูดสุนทรภู่กน็ ึกถึงคําว่าพดู ดงั ว่า ถ้าใครพูดดกี จ็ ะมคี นรัก แต่ถ้าพดู ไม่ดกี อ็ าจจะเป็ นภัย ต่อตนเองได้อกี ท้ังยงั ไม่มใี ครคบ ไม่มีเพ่ือนสนิทมติ รสหาย ท้งั การจะดูว่าใครดไี ม่ดดี ูได้จากการพูด
บทวิเคราะห์ นริ าศภเู ขาทอง เป็นนิราศเรอ่ื งท่ีสนั้ ท่ีสดุ ของสนุ ทรภู่ โดยมีความยาวเพียง ๑๗๖ คากลอนแตม่ ีความดเี ดน่ ทงั้ ในดา้ นเนือ้ หาและวรรณศลิ ป์ จนไดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เป็น นิราศท่ีมีความไพเราะ มากท่ีสดุ ในจานวนนิราศทงั้ ๙ เรอ่ื ง ของสนุ ทรภู่ ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากคณุ คา่ ในดา้ นตา่ งๆ ดงั นี้
คณุ ค่าดา้ นเน้อื หา ๑ สะทอ้ นวิถีชีวิตและวฒั นธรรมแสดงใหเ้ ห็นถึงสภาพบา้ นเมือง สงั คม วฒั นธรรม และวถิ ีชีวิตของผคู้ น อาทิ ๑.๑ การติดตอ่ คา้ ขาย ภาพการคา้ ขายดาเนินไปอยา่ งคึกคกั ๑.๒ ชุมชนชาวต่างชาติ กล่าวถึงหญิงสาวชาวมอญ ซ่ึงอาศยั อยใู่ น ยา่ นปากเกร็ด(เขตจงั หวดั นนทบุรี) ๑. ๓ การละเลน่ และงานมหรสพ อาทิ งานลองผา้ ป่ า มีการประดบั ประดาโคมไฟ การขบั เสภา ร้องเพลงเรือเก้ียวกนั
คุณค่าดา้ นเน้อื หา ๒ ตานานสถานที่ อาทิ วดั ประโคนปัก เหตุท่ีวดั ช่ือวา่ ประโคนปักเนื่องจากมีการเล่าสืบต่อกนั มาวา่ บริเวณน้ีเป็นที่ปักเสาประโคนเพือ่ ปักเขตแดน ๓ ความเชื่อของไทยมกั เก่ียวเนื่องในพระพทุ ธศาสนาโดยเฉพาะเรื่องนรก-สวรรค์ อาทิ ความ เชื่อท่ีวา่ หากใครคบชู้ คือผนู้ ้นั จะตกนรกและตอ้ งปี นตน้ งิ้ว ๔.แง่คิดเก่ียวกบั ความจริงในชีวิตบทประพนั ธ์ ของสุนทรภูม่ กั ไดร้ ับการยกยอ่ งอยเู่ สมอวา่ มีเน้ือหา ที่สอดแทรกขอ้ คิด คติการดาเนินชีวติ และช่วยยกระดบั จิตใจของผอู้ า่ น สุนทรภูย่ งั ใหแ้ ง่คิดเร่ืองการเลือกคบคน วา่ ไม่ควรประมาทและไม่ควรวางใจผใู้ ดง่ายๆเนื่องจากบางคน พดู หรือทาใหเ้ ราเห็นวา่ เขาเป็นคนดี แตแ่ ทจ้ ริงแลว้ เขาอาจ เป็ นคนท่ีมีจิตใจไม่ดี
คณุ ค่าดา้ นวรรณศลิ ป์ นอกจากจะมีคุณคา่ ดา้ นเน้ือหาแลว้ ในดา้ นวรรณศิลป์ กไ็ ดร้ ับการ ยอมรับ วา่ มีความงดงามและมีความไพเราะ แมส้ ุนทรภูจ่ ะใชถ้ อ้ ยคาธรรมดาสามญั ในการ ประพนั ธ์ แตท่ วา่ มีความหมายลึกซ้ึง สะเทือนอารมณ์ และสร้างจินตภาพไดอ้ ยา่ ง ชดั เจน นิราศภูเขาทองจึงมี คุณคา่ และความดีเด่นในดา้ นวรรณศิลป์ ดงั ตอ่ ไปน้ี ๑) การเลน่ เสียง บทประพนั ธ์ของสุนทรภู่ ถือไดว้ า่ มีความดีเด่นเรื่องการเลน่ เสียง โดยเฉพาะการเลน่ เสียงสมั ผสั ภายในวรรค ท้งั สมั ผสั สระและสมั ผสั อกั ษร ทาให้ กลอนนิราศภูเขาทอง มีความไพเราะเป็นอยา่ งมาก เช่น
คุณค่าดา้ นวรรณศลิ ป์ การเล่นเสียง บทประพนั ธ์ของสุนทรภู่ ถือไดว้ า่ มีความดีเด่นเร่ืองการเลน่ เสียง โดยเฉพาะการเล่นเสียงสมั ผสั ภายในวรรค ท้งั สมั ผสั สระและสมั ผสั อกั ษร ทาให้ กลอนนิราศภูเขาทอง มีความไพเราะเป็นอยา่ งมาก เช่น ดูนํา้ วง่ิ กลงิ้ เชี่ยวเป็ นเกลยี วกลอก กลบั กระฉอกฉาดฉันฉวัดเฉวยี น บ้างพล่งุ พลุ่งวุ้งวงเหมือนกงเกวยี น ดูเปลย่ี นเปลย่ี นคว้างคว้างเป็ นหว่างวน สมั ผสั ในวรรค เช่น วงิ่ – กลิ้ง เชี่ยว – เกลียว ฉอก – ฉาด – ฉดั ฉวดั – เฉวียน เป็นตน้
คุณค่าดา้ นวรรณศลิ ป์ ความเปรียบลกึ ซึ้งกนิ ใจ สุนทรภู่เลือกใชถ้ อ้ ยคาเปรียบเปรยท่ีสร้างอารมณ์ สะเทือนใจใหแ้ ก่ผอู้ า่ น เช่น เม่ือเคราะห์ร้ายกายเรากเ็ ท่านี้ ไม่มที พี่ สุธาจะอาศัย ล้วนหนามเหน็บเจบ็ แสบคบั แคบใจ เหมือนนกไร้รังเร่อยู่เอกาวน บทกลอนตอนน้ีมีเน้ือความแสดงถึงการคร่าครวญโศกเศร้า ซ่ึงตรงกบั รสวรรณคดี ท่ี เรียกวา่ สัลลาปังคพิสยั โดยทาใหเ้ ห็นภาพพจน์ที่วา่ คนเรามีร่างกายเลก็ มากหากเทียบ กบั พ้นื แผน่ ดินซ่ึงกวา้ งใหญ่ แตเ่ ม่ือถึงคราวตกอบั กลบั ไม่มีพ้ืนที่จะอาศยั
คณุ ค่าดา้ นวรรณศลิ ป์ การใช้คาเพอ่ื สรา้ งจินตภาพ เป็นการพรรณนาความดว้ ยถอ้ ยคาที่เรียบง่าย แต่เห็นภาพชดั เจน ดงั เช่น จนแจ่มแจ้งแสงตะวนั เห็นพนั ธ์ุผกั ดูน่ ารักบรรจงส่ งเกสร เหล่าบวั เผ่ือนแลสล้างริมทางจร ก้ามก้งุ ซ้อนเสียดสาหร่ายใต้คงคา บทกลอนตอนน้ีสุนทรภู่ไดพ้ รรณนาภาพบรรยากาศธรรมชาติระหวา่ งการเดินทาง ทาให้ ผอู้ า่ นจินตนาการเห็นถึงภาพทอ้ งน้ายามรุ่งเชา้ ท่ีละลานตาไปดว้ ยพืชน้านานาชนิดที่ชูช่อ ประชนั กนั และยงั ทาใหเ้ ห็นวา่ สายน้าน้นั มีความใสสะอาดจนสามารถมองเห็นพืชที่ข้ึนอยู่ ใตน้ ้าได้
๑. นิราศ แปลวา่ อะไร ๒. นิราศมกั แตง่ ดว้ ยคาประพนั ธ์ประเภทใด ๓. กลอนท่ีใชแ้ ต่งนิราศ เรียกกวา่ กลอนอะไร ๔. กลอนนิราศแตกตา่ งจากกลอนสุภาพอยา่ งไร ๕. นิราศภูเขาทอง เป็นผลงานการประพนั ธ์ของใคร / สันนิษฐานวา่ แต่งใน ปี ใด และตรงกบั ในรัชสมยั รัชกาลท่ีเท่าไหร่ ๖. นิราศภูเขาทอง สุนทรภูเ่ ดินทางดว้ ยพาหนะใด ๗. นิราศภูเขาทอง สุนทรภู่เริ่มเลา่ เร่ืองการเดินทางจากท่ีใด ๘. จุดหมายปลายทางในนิราศภูเขาทองของสุนทรภู่ คือท่ีใด ๙. สถานที่ท่ีสุนทรภูเ่ ดินทางผา่ นก่อนที่จะถึงเจดียภ์ ูเขาทองมีที่ใดบา้ ง ๑๐. เจดียภ์ ูเขาทองอยทู่ ี่จงั หวดั ใด
ใหน้ กั เรียนพิจารณาบริบทในคาประพนั ธต์ ่อไปน้ี แลว้ บอกความหมายของคาที่ขีดเส้นใต้ ๑. เดือนสิบเอด็ เสร็จธุระพระวสา พระวสา มีความหมายวา่ ............................................................... ๒. พระนิพพานปานประหน่ึงศีรษะขาด พระนิพพาน มีความหมายวา่ ............................................................ ๓. โอส้ ุธาหนาแน่นเป็นแผน่ พ้นื สุธา มีความหมายวา่ ...................................................................... ๔. เป็นล่วงพน้ รนราคราคา ราคา มีความหมายวา่ .................................................................... ๕. ท้งั สิ่งของขาวเหลืองเคร่ืองสาเภา ขาวเหลือง มีความหมายวา่ ...........................................................
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: