Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ilovepdf_merged

ilovepdf_merged

Published by Sarun Suwannus, 2022-08-15 08:38:46

Description: ilovepdf_merged

Search

Read the Text Version

จากส่วนของผังงานท่ีมโี ครงสร้างผงั งานการทาซา้ ลกั ษณะทาในขณะที่เป็นส่วนประกอบ สามารถทาการเขยี นอธิบายขัน้ ตอนวิธีการทางานในลักษณะขอ้ ความ ไดด้ งั นี้ 1. ในขณะท่ี A > B ทา 1.1 A <-- A – 1 1.2 B <-- B + 1 1.3 แสดงคา่ ของ A และ B ตวั อยา่ งท่ี 1 การเขียนอธบิ ายขัน้ ตอนวิธีการทางานจากผงั งานทมี่ โี ครงสรา้ งผงั งานการทาซา้ ลักษณะทาในขณะที่เปน็ ส่วนประกอบ

จากผงั งานในตัวอยา่ งท่ี 1 จะมกี ระบวนการทางานหลกั ท้ังหมด 4 กระบวนการทางาน โดยใน กระบวนการทางานที่ 3 เปน็ การทางานแบบทาซ้า กระบวนการทางานย่อยทอ่ี ยภู่ ายใต้การ ทาซ้าเป็นการทางานแบบลาดับ สามารถเขียนอธบิ ายขนั้ ตอนวิธกี ารทางานได้ดงั นี้ 1. เริ่มต้นการทางาน 2. กาหนดค่าให้ A เท่ากับ 1 3. ในขณะที่ A <> 3.1 คานวณคา่ A เทา่ กับ A + 1 3.2 แสดงค่า A 4. จบการทางาน ตวั อยา่ งท่ี 2 การเขียนอธบิ ายขัน้ ตอนวธิ กี ารทางานจากผงั งานท่มี ีโครงสร้างผังงานการทาซา้ ลกั ษณะทาให้ขณะท่เี ปน็ สว่ นประกอบ

จากผังงานมกี ระบวนการทางานหลัก ทัง้ หมด 6 กระบวนการทางาน โดยในกระบวนการทางานที่ 4 เปน็ การทางานแบบทาซ้า กระบวนการทางานท่ีเปน็ การทางานยอ่ ยที่อย่ภู ายใตก้ ารทาซ้า มที งั้ การทางานแบบลาดบั และ การทางานแบบเลือกทา สามารถทาการเขียนการอธิบายข้นั ตอนวิธกี ารทางาน ไดด้ ังน้ี 1. เริม่ ตน้ การทางาน 2. กาหนดค่าให้ A เท่ากับ 1 3. รบั ค่าของ B 4. ในขณะท่ี A <> 4.1 คานวณคา่ ของ A เทา่ กบั A + 1 4.2 ถ้า A <> 4.2.1 คานวณคา่ ของ A เทา่ กบั A + 2 มิฉะน้นั แลว้ 4.2.2 คานวณคา่ ของ B เทา่ กับ B – 1 4.3 แสดงคา่ ของ A 5. แสดงค่าของ B

6. จบการทางาน รหสั เทยี มสาหรบั การทาซา้ ลกั ษณะทาในขณะท่ี รหัสเทียมทีใ่ ช้สาหรับการอธบิ ายขัน้ ตอนวิธกี ารทางานแบบทาซา้ ลกั ษณะทาในขณะที่ รหสั เทยี มทใี่ ชค้ อื “WHILE – DO” โดยใชร้ หัสเทยี ม “WHILE” แทนคาอธิบายว่า “ในขณะ ท”่ี หรือ “ตราบใดท”ี่ และใช้รหสั เทียม “DO” แทนคาอธบิ ายว่า “ทา” การเขยี นรหสั เทยี ม สาหรับการทางานยอ่ ยท่อี ยภู่ ายใต้การทางานแบบทาซา้ จะใชร้ หัสเทียมตามการทางานในแต่ ละลกั ษณะและใชย้ อ่ หน้าช่วยสาหรบั ในการบอกวา่ รหัสเทยี มน้ีเป็นการทางานย่อยของการ ทาซา้ นัน้ การเขียนรหสั เทยี มจากการอธิบายลาดับขั้นตอนวิธีการทางานในลักษณะขอ้ ความ สามารถทาได้ ดังนี้ ตวั อยา่ งที่ 3 การเขียนรหัสเทียมจากการอธบิ ายขนั้ ตอนวธิ ีการทาท่มี ีการทาซ้าลักษณะทาใน ขณะท่เี ปน็ ส่วนประกอบ ตัวอยา่ งที่ 4 การเขียนรหัสเทียมจากการอธบิ ายขนั้ ตอนวิธกี ารทาท่ีมกี ารทาซา้ ลักษณะทาใน ขณะทีเ่ ปน็ ส่วนประกอบ การเขยี นขน้ั ตอนวธิ สี าหรบั การทาซา้ ลกั ษณะทาจนกระทง่ั การเขยี นข้นั ตอนวธิ ีสาหรบั การทาซา้ ลกั ษณะทาจนกระทง่ั สามารถทาการเขยี นได้จากผงั งานท่ี มีโครงสรา้ งผงั งานเป็นการทาซ้าลกั ษณะทาจนกระท่ัง การเขียนอธบิ ายข้ันตอนวธิ ีการทางาน ใช้คาอธบิ ายคือ “ทาจนกระทัง่ ” จากนน้ั ตามด้วยเง่ือนไขท่ใี ชส้ าหรับการตัดสินใจเพ่ือกลับไป ทาซา้ ถดั จากนั้นคือ การอธบิ ายขั้นตอนวธิ ีการทางานทง้ั หมดทต่ี ้องการทาซา้

วธิ ีการเขียนขั้นตอนวธิ ีการทางานสาหรบั การทางานทต่ี อ้ งการทาซ้า ขนึ้ อย่กู บั ลักษณะการ ทางานของแตล่ ะกระบวนการทางานยอ่ ยนน้ั ว่า เปน็ การทางานในลักษณะใด กจ็ ะใช้การเขยี น อธิบายขัน้ ตอนวิธีการทางานสาหรับการทางานในกรณีนัน้ สาหรบั การเขยี นอธบิ าย จากส่วนของผังงานทม่ี ีโครงสรา้ งผังงานเปน็ การทาซ้าลกั ษณะทาจนกระทัง่ สามารถทาการ เขียนเปน็ การอธิบายขั้นตอนวิธีการทางานในลักษณะขอ้ ความไดด้ งั น้ี 1. ทาจนกระท่งั Condition 1.1 Process จากสว่ นของผังงานที่มีโครงสร้างผงั งานการทาซา้ ลกั ษณะทาจนกระทง่ั สามารถทาการเขียน อธบิ ายขัน้ ตอนการทางานในลักษณะของขอ้ ความ ดงั นี้ 1. ทาจนกระทั่ง N เทา่ กบั 0 1.1 รับค่าของ N 1.2 คานวณคา่ ของ Sum เทา่ กับ Sum + N ตวั อยา่ งที่ 5 การเขียนอธบิ ายขนั้ ตอนวิธกี ารทางานจากผงั งานที่มโี ครงสร้างผังงานการทาซ้า ลักษณะทาจนกระทง่ั เป็นสว่ นประกอบ

จากผังงานในตัวอยา่ งท่ี 5 จะมกี ระบวนการทางานหลักอยู่ 4 การทางาน โดยในกระบวนการ ทางานที่ 3 เปน็ การทางานแบบทาซา้ ลกั ษณะทาจนกระทงั่ การทางานยอ่ ยท่ีอย่ภู ายใตก้ าร ทาซ้า เปน็ การทางานแบบลาดบั สามารถเขยี นอธบิ ายขนั้ ตอนวิธกี ารทางานไดด้ งั นี้ 1. เร่ิมตน้ การทางาน 2. กาหนดคา่ ให้ A <-- 1 3. ทาซ้าจนกระท่ัง A <> 3.1 แสดงค่า A 3.2 คานวณคา่ A เท่ากบั A + 1 4. จบการทางาน ตัวอยา่ งท่ี 6 การเขียนอธบิ ายขนั้ ตอนวธิ กี ารทางานจากผังงานท่ีมีโครงสรา้ งผงั งานการทาซา้ ลกั ษณะทาจนกระทงั่ เปน็ ส่วนประกอบ

จากผังงานในตวั อย่างที่ 6 มกี ระบวนการทางานหลกั อยทู่ ้ังหมด 6 การทางาน ในข้ันตอนการ ทางานท่ี 4 เปน็ การทางานแบบทาซา้ ลักษณะทาจนกระทงั่ สามารถเขยี นเปน็ การอธิบาย ข้ันตอนวธิ ีการทางานในลักษณะของขอ้ ความได้ดงั นี้ 1. เริ่มตน้ การทางาน 2. กาหนดให้ ANS มีคา่ เทา่ กบั 1 3. รบั คา่ N 4. ทาจนกระท่งั N <> 4.1 คานวณคา่ ANS เทา่ กบั ANS * N 4.2 คานวณคา่ N เท่ากบั N – 1 5. แสดงคา่ ของ ANS 6. จบการทางาน ตัวอยา่ งที่ 7 การเขยี นอธบิ ายขน้ั ตอนวธิ ีการทางานจากโครงสร้างผงั งานการทาซ้า

จากผังงานในตวั อย่างท่ี 7 มกี ระบวนการทางานหลกั 5 กระบวนการ โดยในกระบวนการ ทางานที่ 3 เป็นการทางานแบบทาซา้ และกระบวนการย่อยที่อยภู่ ายในการทางานท่ี 3 มที ้งั การ ทางานแบบลาดบั และการทางานแบบเลือกทา สามารถเขียนเป็นการอธบิ ายขนั้ ตอนวธิ กี าร ทางานในลักษณะของขอ้ ความ ไดด้ ังนี้ 1. เร่ิมต้นการทางาน 2. กาหนดคา่ ให้ ANS เทา่ กบั 0 3. ทาจนกระทงั่ N นอ้ ยกว่า 0 3.1 รบั ค่า N 3.2 ถา้ N มากกว่า 0 แลว้ ทา 3.2.1 คานวณคา่ ANS เท่ากบั ANS + N 4. แสดงคา่ ของ ANS 5. จบการทางาน รหสั เทยี มสาหรบั การทาซา้ ลกั ษณะทาจนกระทงั่

รหัสเทียมสาหรบั การอธิบายขนั้ ตอนวิธีการทาซา้ ลกั ษณะทาจนกระทง่ั รหัสเทยี มท่ีใช้คือ “DO – UNTIL” แทนคาอธบิ ายวา่ “ทาจนกระทง่ั ” จากการอธิบายขัน้ ตอนวิธกี ารทางานใน ลักษณะของขอ้ ความ รหัสเทยี มสาหรับขนั้ ตอนวธิ ีท่เี ปน็ การทางานยอ่ ยภายใต้การทาซ้า ขน้ึ อยู่ กบั ลักษณะการทางานถ้าเปน็ การทางานแบบเลอื กทา กใ็ ช้รหัสเทยี มสาหรับการเลอื กทา ถา้ เป็น การทางานแบบทาซ้า กใ็ ชร้ หัสเทียมสาหรับการทาซา้ ตัวอยา่ งที่ 8 การเขยี นรหสั เทยี มจากการอธบิ ายขั้นตอนวิธีการทางานทม่ี กี ารทาซ้าลกั ษณะทา จนกระท่ังเป็นส่วนประกอบ ตวั อยา่ งท่ี 9 การเขียนรหัสเทยี มจากการอธิบายขนั้ ตอนวิธกี ารทางานทีม่ ีการทาซา้ ลักษณะทา จนกระทง่ั เป็นสว่ นประกอบ

หนว่ ยที่ 8 ภาษาคอมพวิ เตอรก์ บั การเขยี นโปรแกรม ภาษาคอมพวิ เตอร์ (Computer Language) หรอื ภาษาโปรแกรม (Programming Language)  เราสามารถทจ่ี ะสง่ั ใหค้ อมพวิ เตอรท์ าอะไรให้ก็ไดภ้ ายในขอบเขตความสามารถของ เครอื่ ง และตอ้ งอาศยั “ภาษา” ทค่ี อมพวิ เตอร์เข้าใจความหมาย เนอ่ื งจากคอมพิวเตอร์ จะมีการทางานโดยรจู้ กั คาส่ังเพียง 2 ชนิดคือ ปิด (OFF) กับ เปดิ (ON) ซ่งึ ผู้ออกแบบ คอมพวิ เตอร์ ก็ได้แปลงสถานะทั้งสองน้ีให้เทยี บเท่ากบั คา่ ตวั เลขฐาน (Binary) ซง่ึ คา่ 0 (Off) และ 1 (On) ดังนนั้ การเขยี นโปรแกรมเขา้ เครอื่ งคอมพวิ เตอรใ์ นสมัยกอ่ น จงึ ตอ้ งเขียนด้วยภาษาเครอ่ื ง ซ่ึงประกอบด้วยเลขฐานสองล้วน ๆ แตล่ ะคาสง่ั ก็จะมรี ปู แบบ ของภาษาเครอ่ื งทีแ่ ตกตา่ งกนั ไป จงึ เหน็ วา่ การเขยี นโปรแกรมดว้ ยภาษาเครอ่ื งนี้ จะมี ความยงุ่ ยากและมีโอกาสเกิดข้อผิดพลาดไดม้ าก ดงั นั้นจงึ เกดิ การพัฒนาภาษาโปรแกรม ข้ึน จากระดบั ต่า เป็นระดบั สงู ขึน้ เรอื่ ย ๆ ลักษณะทค่ี ล้ายคลงึ กันของภาษาคอมพิวเตอร์ และทกุ ภาษา ตอ้ งมคี าสั่งต่อไปน้ี 1. คาสง่ั รับข้อมลู และแสดงผล คาส่ังประเภทน้จี าเปน็ อย่างย่ิงท่จี ะต้องมีในภาษาอกี ทงั้ ยังต้องแจกแจงรายละเอยี ดตอ่ ไปดว้ ยวา่ รับผา่ นอุปกรณใ์ ด และแสดงผลทางอุปกรณใ์ ด 2. คาสงั่ คานวณ โปรแกรมหรือคาสง่ั ทีเ่ ขยี นจะหนไี ม่พน้ คาส่ังที่สัง่ ใหป้ ระมวลผล ประเภทบวก ลบ คณู หาร 3. คาสง่ั ทม่ี กี ารเลือกทศิ ทาง หรือคาสง่ั ให้ทางานวนซ้าแลว้ ซ้าอกี 4. คาส่งั ให้นาข้อมลู ออกหรือสง่ เขา้ ไปในเกบ็ ในสอ่ื อยา่ งใดอย่างหน่ึงเพ่ือเรียกมาใช้ ใหม่ได้ ววิ ฒั นาการของภาษาคอมพวิ เตอร์ ภาษาคอมพิวเตอร์มีการพฒั นาหรอื มวี วิ ฒั นาการมาโดยลาดบั เชน่ เดยี วกบั คอมพิวเตอร์ โดยจะสามารถแบง่ ออกเปน็ ยคุ หรือเป็นรนุ่ ของภาษา (Generation) ซี่งในยคุ หลัง ๆ จะมีการพฒั นาภาษาใหม้ คี วามสะดวกในการอา่ นและเขียน ง่ายขน้ึ กวา่ ภาษาในยคุ แรก ๆ เนอื่ งจากจะมีโครงสร้างภาษาใกลเ้ คียงกบั ภาษาองั กฤษ มีการแบง่ ภาษาคอมพิวเตอร์ ออกเปน็ ยุคได้ 5 ยุค ดงั นี้ ยุคท่ี 1 ภาษาเครอื่ ง (Machine Language) ยุคท่ี 2 ภาษาแอสเซมบลี (Assembly Language) ยุคท่ี 3 ภาษาชนั้ สงู (High-level Language) ยุคท่ี 4 ภาษาชั้นสงู มาก(Very high-level Language) ยคุ ที่ 5 ภาษาธรรมชาติ (Natural Language) ยคุ ที่ 1 ภาษาเครอื่ ง (Machine Language) เปน็ ภาษาท่ีเกิดขึ้นในยคุ แรกสดุ และเป็นภาษาเดียวทเ่ี ครื่องคอมพิวเตอร์จะสามารถเข้าใจคาส่ัง ได้ ภาษาเคร่ืองจะแทนข้อมลู หรือคาส่งั ในโปรแกรมดว้ ยกล่มุ ของตัวเลข 0 และ 1 หรอื ท่ีเรยี กวา่ ตัวเลขฐานสอง ซ่งึ จะสมั พันธ์กบั การเปิด (0) และการปิด (1) หรอื ทเ่ี รียกว่า ตวั เลขฐานสอง ซ่ึง จะสมั พนั ธ์กบั การเปดิ (On) และการปดิ (Off) ของสญั ญาณไฟฟา้ ภายในเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ เคร่อื งคอมพวิ เตอร์แต่ละประเภทจะมภี าษาเครอ่ื งท่ีเปน็ ของตนเอง ไม่สามารถนาภาษาเครอื่ งที่ ใชก้ บั เครอื่ งประเภทหนึ่งไปใช้กบั เครอื่ งประเภท อนื่ ได้ เน่ืองจากแต่ละระบบก็จะมีชุดคาส่ังของ

ภาษาเครื่องทีแ่ ตกตา่ งกันออกไป จึงไดม้ ีการพัฒนารปู แบบของภาษาเพอื่ ใหง้ า่ ยต่อการอา่ นหรอื เขียนมากขึน้ ยคุ ที่ 2 ภาษาแอสเซมบลี (Assembly Language) เป็นภาษาท่ีมกี าร สัญลักษณข์ ้อความ แทนกลมุ่ ของเลขฐานสอง เพอื่ ให้ง่ายต่อการเขียนและการ จดจามากกว่าภาษาเครื่อง เช่น • A ยอ่ มาจาก ADD หมายถึง การบวก • S ยอ่ มาจาก SUBTRACT หมายถงึ การลบ ถงึ แม้ว่า สัญลักษณ์เหล่านจี้ ะไมใ่ ชค่ าที่มีความหมายในภาษาอังกฤษ แตก่ ท็ าให้นกั เรียน โปรแกรมสามารถเขยี นโปรแกรมไดส้ ะดวกสบายมากขน้ึ เน่อื งจากไม่ต้องจดจาเลข 0 และ 1 ของเลขฐานสองอกี นอกจากน้ภี าษาแอสเซมบลี ยงั อนญุ าตให้ผเู้ ขียนใชต้ วั แปรที่ตั้งขึน้ มาเอง ในการเกบ็ ค่า ขอ้ มูลใดๆ แทนการอ้างถึงตาแหน่งที่เกบ็ ขอ้ มูลจรงิ ๆ ภายในหนว่ ยความจา ดังได้กลา่ วแลว้ วา่ เคร่ืองคอมพวิ เตอรจ์ ะรู้จักเฉพาะภาษาเคร่ืองเทา่ นน้ั ดงั นน้ั จงึ จาเปน็ ทจี่ ะต้องมี การแปลโปรแกรมภาษาแอสเซมบลนี นั้ ให้เปน็ ภาษาเครอื่ งเสียก่อน โดยใช้ตัวแปลภาษาที่ เรยี กว่า แอสเซมเบลอร์ (Assembler) เป็นตัวแปลให้เปน็ ภาษาเครอ่ื ง ผูเ้ ขยี นโปรแกรมภาษาแอสเซมบลจี ะตอ้ งมีความร้คู วามเข้าใจในเร่อื งของฮาร์ดแวรเ์ ปน็ อยา่ งดี จงึ เหมาะที่จะใช้เขยี นในงานท่ีตอ้ งการความเรว็ ในการทางานสงู เช่นงานทางด้านกราฟิก หรือ งานพัฒนาซอฟต์แวรร์ ะบบ ตา่ ง ๆ อยา่ งไรก็ตาม ถงึ แม้ว่าภาษาน้ี จะง่ายกว่าการเขียนดว้ ยภาษาเครอื่ ง แต่กย็ ังถอื ว่าเปน็ ภาษาช้ัน ตา่ ที่ยงั ยากตอ่ การเขยี นและการเรยี นรมู้ ากสาหรับผ้ทู ไี่ มม่ คี วามรู้เก่ยี วกับฮาร์ดแวรเ์ ทา่ ใดนกั ยคุ ท่ี 3 ภาษาชนั้ สงู (High-level Language) เรยี กอกี อย่างหนึง่ วา่ ภาษารนุ่ ที่ 3 ( 3rd Generation Languages หรือ 3GLs) เป็นภาษา ท่ีถูกสร้างขีน้ มาเพื่อให้สามารถเขียนและอ่านโปรแกรมได้งา่ ยขนึ้ เนอ่ื งจากมลี กั ษณะเหมือน ภาษาอังกฤษท่วั ๆ ไป และทีส่ าคัญคอื ผเู้ ขยี นโปรแกรมไม่จาเป็นต้องมคี วามรเู้ กี่ยวกับระบบ ฮารด์ แวร์แต่อยา่ งใด กส็ ามารถเขยี นได้ ตวั อยา่ งของภาษาประเภทนไี้ ดแ้ ก่ • ภาษาฟอร์แทรน (FORTRAN) • ภาษาโคบอล (COBOL) • ภาษาเบสิก (BASIC) • ภาษาปาสคาล (PASCAL) • ภาษาซี (C) • ภาษาเอดา (ADA) โปรแกรมภาษาในรนุ่ นี้ จะทางานได้ ก็ตอ่ เม่ือมีการแปลงใหเ้ ปน็ ภาษาเครอื่ งเสียก่อน ซึง่ วิธีการ แปลงจากภาษาชัน้ สูงให้เป็นภาษาเคร่ืองนั้น จะทาไดโ้ ดยตวั แปลภาษาทเี่ รยี กว่า คอมไพเลอร์ (Compiler) หรอื อินเตอร์พรีเตอร์ (Interpreter) ตวั ใดตัวหนึง่ โดยภาษาชัน้ สูงแตล่ ะภาษา จะมีตัวแปลภาษาเฉพาะ เป็นของตวั เอง ไมส่ ามารถนาตวั แปลของภาษาหน่ึงไปใชก้ ับอกี ภาษา หนง่ึ ได้ นอกจากน้ียังมีข้อดีอกี อยา่ งคอื สามารถนาโปรแกรมที่เขียนน้ไี ปใช้งานบนเครอ่ื งใดก็ ได้ เพยี งแต่ต้องทาการแปลโปรแกรมใหมเ่ ทา่ น้ัน ภาษารุน่ ท่ี 3 น้ี จดั อยใู่ นกลมุ่ ของ ภาษามแี บบ แผน (Procedural Language) เนื่องจากลกั ษณะการเขียนโปรแกรมจะมโี ครงสร้างแบบแผน ท่ีเปน็ ระเบียบ ตอ้ งเขยี นคาสั่งการทางานทเี่ ป็นข้นั เป็นตอนทกุ อย่าง การเลือกใชภ้ าษาคอมพวิ เตอร์ ในการเลือกใช้ภาษาใดในการเขียนโปรแกรม จะตอ้ งดจู าก ลกั ษณะงานท่ที าอยู่ ซง่ึ แต่ละภาษากจ็ ะเหมาะกบั งานเฉพาะอยา่ งไป เชน่

ยคุ ที่ 4 ภาษาชนั้ สูงมาก(Very high-level Language) เรียกอกี อยา่ งหน่ึงวา่ ภาษารุ่นที่ 4 (4GLs) ภาษานีเ้ ปน็ ภาษาทีอ่ ยใู่ นระดบั ท่สี ูงกวา่ ภาษารุ่นที่ 3 มลี กั ษณะของภาษาท่เี ปน็ ธรรมชาติ คลา้ ย ๆ กบั ภาษาพดู ของมนุษย์ จะช่วยในเร่ืองของการ สรา้ งแบบฟอร์มบนหน้าจอเพื่อจัดการเก่ียวกบั ขอ้ มูล รวมไปถงึ การออกรายงาน ซึง่ จะมีการ จัดการท่ีงา่ ยมาก ไมย่ ุ่งยากเหมือนภาษาร่นุ ท่ี 3 ตัวอย่างภาษารุ่นท่ี 4 ไดแ้ ก่ • Visual Basic • Visual C • Delphi ลกั ษณะของภาษารุน่ ท่ี 4 มีดงั ตอ่ ไปน้ี • เปน็ ภาษาแบบ Nonprocedural ซ่งึ เปน็ ลักษณะทีผ่ ูใ้ ช้เพยี งแต่บอกคอมพิวเตอรว์ ่า ตอ้ งการ อะไร แตไ่ ม่ต้องบอกถึงรายละเอยี ดวา่ ตอ้ งทาอยา่ งไร คอมพิวเตอรจ์ ะเป็นผจู้ ดั การให้เองหมด • ส่วนใหญ่จะพบการใชง้ านของภาษารนุ่ ที่ 4 ควบคอู่ ยูใ่ นระบบฐานขอ้ มลู โดยผู้ใช้ระบบ ฐานข้อมลู สามารถดแู ลจดั การขอ้ มลู ในระบบผ่านภาษารนุ่ ท่ี 4 ได้ • ภาษารนุ่ ท่ี 4 จะมรี ูปแบบการเขยี นโปรแกรมเฉพาะตวั และสามารถถกู แปลงให้กลายเป็น โปรแกรมรุน่ ที่ 3 ได้ เช่น ภาษาโคบอล หรอื ภาษาซี ยคุ ท่ี 5 ภาษาธรรมชาติ (Natural Language) เปน็ ภาษาในยคุ ที่ 5 ทม่ี รี ูปแบบเปน็ แบบ nonprocedural เช่นเดียวกับภาษารนุ่ ที่ 4 การท่ี เรียกว่า ภาษาธรรมชาติ เพราะจะสามารถส่ังงานคอมพิวเตอรไ์ ด้โดยใช้ภาษามนุษย์ได้โดยตรง ซึง่ โดยทัว่ ไปคาสัง่ ทมี่ นุษย์ป้อนเขา้ ไปในคอมพวิ เตอรจ์ ะอยใู่ นรปู ของภาษาพดู มนษุ ย์ ซึ่งอาจมี รูปแบบที่ไม่แน่นอนตายตวั แตค่ อมพวิ เตอร์ก็สามารถแปลคาส่งั เหลา่ น้นั ให้อยใู่ นรูปแบบท่ี คอมพวิ เตอรเ์ ขา้ ใจได้ ถา้ คาถามใดไมก่ ระจา่ ง ก็จะมกี ารถามกลบั เพอื่ ใหเ้ ข้าใจคาถามไดอ้ ยา่ ง ถูกต้อง ภาษาธรรมชาตนิ ้ี ถูกสร้างข้นึ มาจากเทคโนโลยที างดา้ นระบบ ผเู้ ชย่ี วชาญ (Expert System) ซึ่งเปน็ งานท่อี ยใู่ นสาขา ปญั ญาประดษิ ฐ์ (Artificial Intelligence) ในการ ที่พยายามทาใหค้ อมพวิ เตอร์เปรยี บเสมือนกับเปน็ ผเู้ ชีย่ วชาญคนหนึ่งท่ีสามารถคิดและตดั สนิ ใจ ได้เช่นเดียวกับมนษุ ย์ คอมพิวเตอรส์ ามารถตอบคาถามของมนษุ ยไ์ ด้อยา่ งถกู ต้อง พร้อมทัง้ มี ขอ้ แนะนาตา่ งๆ เพ่ือช่วยในการตัดสนิ ใจของมนุษยไ์ ด้อกี ด้วย ระบบผเู้ ช่ียวชาญน้ีจะใชก้ ับงาน เฉพาะด้านใดดา้ นหนงึ่ เช่น ทางการแพทย์ การพยากรณ์อากาศ การวเิ คราะหท์ างเคมี การ ลงทนุ ซึง่ ในการนจ้ี ะตอ้ งมกี ารเก็บรวบรวมข้อมูลและขา่ วสารจาก ผเู้ ช่ยี วชาญเฉพาะด้านนัน้ ๆ และ แปลงให้อยู่ในรูปของกฎเกณฑ์ และขอ้ ความจรงิ ต่าง ๆ เกบ็ ไว้ในฐานขอ้ มลู ของระบบ ผูเ้ ชย่ี วชาญ ท่ีเรยี กวา่ ฐานความรู้ (Knowledge Base) ซึง่ จะต้องเก็บ ข้อมลู ท่ีมอี ยู่เป็น จานวนมหาศาลและให้ผใู้ ชส้ ามารถใชภ้ าษา ธรรมชาติในการดึงขอ้ มลู จากฐานความรนู้ ีไ้ ด้ ดังน้ันเราจึงอาจเรียกระบบผูเ้ ช่ียวชาญน้ีได้อีกอย่างหน่ึงว่าเปน็ ระบบฐานความรู้ (Knowledge Base System)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook