แนวทางการปฏิบตั ิสำหรับบคุ ลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ทสี่ ัมผสั ผูป้ ว่ ยยนื ยนั COVID-19 ฉบับปรบั ปรงุ วันที่ 4 ตุลาคม 2564 ดว้ ยสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 พบว่ามบี คุ ลากรทางการแพทย์และสาธารณสขุ สัมผสั โรค และจำนวนหนง่ึ เกดิ การตดิ เช้ือหลังการสัมผสั โรค ส่งผลใหม้ ีการกักตัวบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ มปี ระวตั สิ มั ผสั ความเส่ยี งสูง ทำใหข้ าดแคลนบคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ดา่ นหนา้ จึงมคี วามจำเป็น ทีจ่ ะต้องมแี นวทางปฏบิ ตั ิ เพ่ือให้บคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขมีความปลอดภยั และสง่ ผลกระทบ ต่อหนว่ ยงานน้อยท่ีสดุ ปจั จบุ นั บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ สว่ นใหญ่ได้รับวัคซนี แลว้ โดยบางส่วนไดร้ บั ครบถ้วน ส่วนทเี่ หลอื จะทยอยรบั วคั ซนี ตามกำหนดระยะเวลาไปตามลำดบั การท่ีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสขุ ไดร้ ับวัคซีนอยา่ งทวั่ ถึง เป็นประโยชนใ์ นการลดความจำเป็นในการกักตัวบคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละ สาธารณสขุ เปน็ อยา่ งมาก อย่างไรก็ตาม วัคซนี ท่ีได้รับมิได้ป้องกนั การตดิ เช้ือ แต่ลดความรุนแรงของโรคท่จี ะ เกิดจากการติดเชอ้ื ไวรสั คำนิยามเฉพาะกรณบี ุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุข ผ้สู ัมผสั หมายถงึ ผทู้ ี่มกี จิ กรรมรว่ มกบั ผู้ปว่ ยยืนยันหรือผปู้ ว่ ยเข้าขา่ ย แบง่ ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. ผู้สัมผัส มปี ระวตั ิสมั ผสั ผู้ป่วยในชว่ ง 14 วัน กอ่ นเริ่มป่วย 2. ผสู้ มั ผัสทีอ่ าจรับเชอ้ื จากผู้ปว่ ย ไดแ้ ก่ ผทู้ ี่สมั ผัสผู้ป่วยนับตง้ั แตก่ ่อนมอี าการประมาณ 2-3 วัน จนถงึ ตลอดชว่ งระยะเวลาแยกโรคของผู้ป่วยรายนัน้ ) ผสู้ ัมผสั ใกล้ชิด ไดแ้ ก่ 2.1 ผทู้ อี่ ยใู่ กล้หรือมีการพูดคยุ กับผปู้ ่วย เปน็ เวลานานกวา่ 5 นาที หรือถูกไอจามรดจากผ้ปู ว่ ย 2.2 ผทู้ ่ีอยู่ในบรเิ วณที่ปิด ไม่มกี ารถา่ ยเทอากาศมากนัก (poor ventilation) รว่ มกับผู้ปว่ ย เปน็ เวลานานกวา่ 30 นาที เช่น ในรถปรับอากาศ รถตู้ หรือห้องปรับอากาศ การประเมินความเส่ียงของผ้สู มั ผัสใกลช้ ิด ผสู้ มั ผสั ความเส่ยี งสูง หมายถึง ผู้ที่มีโอกาสในการรบั เช้ือจากผปู้ ่วยผา่ นทางการสมั ผัสสารคดั หลัง่ ของระบบ ทางเดินหายใจของผปู้ ว่ ย ตามนิยามข้อ 2.1 โดยไม่ได้สวมอุปกรณป์ ้องกนั ตนเอง (personal protective equipment: PPE) ทเ่ี หมาะสมกับความเสี่ยง ตามมาตรฐานที่กำหนด คือ ตามแนวทางการใชอ้ ุปกรณ์ ปอ้ งกันการติดเช้ือส่วนบคุ คล กรมการแพทย์ รว่ มกบั คณะทำงานดา้ นการรักษาพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข คณะแพทยจ์ ากมหาวทิ ยาลยั และสมาคมวชิ าชีพตา่ ง ๆ (ฉบบั ที่ 20 เมษายน 2563) หรือตามนิยามข้อ 2.2 แนวทางการปฏบิ ัตสิ ำหรบั บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขทส่ี มั ผสั ผูป้ ว่ ยยนื ยัน COVID-19 ฉบับปรับปรุง วันที่ 4 ตลุ าคม 2564
ผสู้ มั ผสั ความเสยี่ งตำ่ หมายถึง ผู้สมั ผสั ท่ีมโี อกาสต่ำในการรบั หรอื แพร่เชื้อกบั ผูป้ ่วย ได้แก่ ผูส้ ัมผสั ใกลช้ ดิ ทไ่ี ม่ เข้าเกณฑ์ผูส้ มั ผัสใกล้ชดิ เส่ียงสูง หมายเหตุ: แตล่ ะสถานพยาบาลสามารถปรบั นยิ ามใหเ้ หมาะสมกับบริบทของตนเองโดยอาศยั หลกั การ ดงั กล่าวข้างตน้ บคุ ลากรทางการแพทย์และสาธารณสขุ ท่ไี มไ่ ด้สัมผสั โรค ไดแ้ ก่ 1. บคุ ลากรทางการแพทย์และสาธารณสขุ ทป่ี ฏบิ ตั งิ านกบั ผู้ป่วยโดยสวมชดุ อุปกรณ์ปอ้ งกนั การติดเชอื้ ส่วนบคุ คลอย่างถกู ต้อง ไมถ่ ือเปน็ ผสู้ ัมผัสโรค ไมว่ ่าจะเปน็ การปฏบิ ตั งิ านในสถานพยาบาลตน้ สงั กัด ของตนเอง หรือไปเป็นหน่วยสนับสนนุ สถานพยาบาลอื่นในพน้ื ทก่ี ารระบาดทร่ี ้องขอ 2. บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ไมไ่ ด้ทำงานใกลช้ ดิ กับผปู้ ่วย หรืออยู่ห่างจากผู้ปว่ ยเป็น ระยะทางเกนิ กว่า 1 เมตร ในสถานทที่ ีม่ ีการระบายอากาศดี 3. บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทไ่ี ม่มปี ระวัตสิ มั ผสั โรคจากชมุ ชน คำนยิ ามของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขท่ไี ดร้ ับวัคซนี 1. บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขทไ่ี ดร้ บั วัคซีนแลว้ มภี ูมิคมุ้ กันระดบั หนึ่ง คอื a. 2 สัปดาห์ หลงั การรบั วคั ซนี Sinovac 2 เขม็ และเข็มกระตุ้นดว้ ย AstraZeneca® (Oxford/AstraZeneca, ChAdOx1-S) หรือวัคซีนชนดิ mRNA 1 เข็ม b. 2 สัปดาห์ หลังการรบั วัคซนี AstraZeneca (Oxford/AstraZeneca, ChAdOx1-S) หรอื วคั ซนี ชนดิ mRNA จำนวน 2 เข็ม c. 2 สัปดาห์ หลงั ได้รับวัคซนี Sinovac 1 เขม็ และ AstraZeneca® (Oxford/AstraZeneca, ChAdOx1-S) 1 เขม็ d. บคุ ลากรที่เคยติดเช้อื แลว้ หลังการติดเช้อื ได้รบั วคั ซนี ครบตามแนวทางของกรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสุข เกณฑ์ท่ีกำหนดนี้ใช้เฉพาะกรณสี ำหรบั การประเมินความเสี่ยงและความจำเป็นในการกกั ตัว บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเท่านั้น 2. บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสขุ ที่ไดร้ บั วัคซนี บางส่วน คือ บุคลากรทางการแพทยแ์ ละ สาธารณสุขอ่นื ๆ ท่ีไม่เข้าเกณฑ์ตาม 1a/1b/1c 3. บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสขุ ทไ่ี ม่ไดร้ ับวคั ซีน คอื บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ อนื่ ๆ ที่ไมเ่ คยได้รับวัคซีน COVID-19 แนวทางการปฏบิ ัตสิ ำหรบั บคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขทสี่ มั ผสั ผู้ป่วยยนื ยัน COVID-19 ฉบับปรบั ปรุง วนั ท่ี 4 ตลุ าคม 2564
แนวทางการปฏบิ ตั ทิ ัว่ ไปเพื่อป้องกันการแพรร่ ะบาดของเชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 ในสถานพยาบาล 1. ต้องจดั ให้มกี ระบวนการคดั กรองผู้มารับบรกิ าร ณ จดุ ทางเขา้ สถานพยาบาล โดยการซกั ถามประวตั ิ สัมผัสโรค และอาการของผมู้ ารับบริการรวมท้ังผตู้ ิดตามทุกคน โดยอาจใช้แบบสอบถามทจี่ ัดทำขึ้นเองให้ ใชง้ านไดง้ ่าย เหมาะสมกับบริบทของสถานพยาบาลนั้น ๆ 2. กำหนดใหบ้ คุ ลากรทางการแพทย์และสาธารณสขุ ทุกคน ผู้มารบั บรกิ ารและผ้ตู ิดตามทุกคน สวมหน้ากาก อนามัยตลอดเวลาทีอ่ ยใู่ นสถานพยาบาล และลา้ งมือบ่อย ๆ 3. ในกรณที ี่ตอ้ งปฏิบตั ิการตรวจการรักษาพยาบาล เป็นเวลานานกว่า 15 นาที ข้นึ ไป อาจจะพจิ ารณาใช้ หน้ากากชนิด N-95 หรือ สวมหน้ากาก 2 ช้นั คือ สวมหนา้ กากผา้ ทับบนหน้ากากอนามัยใหห้ น้ากาก อนามัยกระชบั ใบหนา้ ใหแ้ นน่ ขึ้นได้ แลว้ แตค่ วามถนดั ของแตล่ ะคน 4. การทำหตั ถการประเภทท่ีทำใหเ้ กิดฝอยละอองขนาดเลก็ (aerosol-generating procedures) บุคลากร ทางการแพทย์และสาธารณสุขตอ้ งสวมหน้ากากชนดิ N-95 เปน็ อย่างน้อย และพิจารณาสวม Face shield 5. กำหนดใหผ้ ปู้ ่วยในทกุ คนสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ยกเวน้ ผปู้ ่วยที่ใส่ทอ่ หลอดลมคอช่วยหายใจ และขณะรบั ประทานอาหาร ดม่ื น้ำ และแปรงฟนั 6. จัดให้จุดบริการทุกจดุ ในสถานพยาบาลมีการระบายอากาศท่ีดี 7. พิจารณาลดหรอื หา้ มญาตเิ ข้าเยยี่ มผู้ปว่ ยในโรงพยาบาล ตามสถานการณก์ ารระบาดของโรค 8. การเฝ้าระวังในบุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ และผู้ป่วย ถา้ บุคลากรทางการแพทยแ์ ละ สาธารณสุขมอี าการของการตดิ เชอื้ ทีร่ ะบบทางเดินหายใจ ควรพิจารณาให้พกั จากการปฏบิ ัตงิ านและไป รบั การตรวจวินจิ ฉัยหาสาเหตโุ ดยเร็ว รวมท้ังตรวจหาการตดิ เช้อื SARS-CoV-2 ตามความเหมาะสม ทง้ั น้ี การเฝ้าระวงั โดยการตรวจหาเชื้อ SARS-CoV-2 เป็นประจำในบคุ ลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ที่ปฏิบัตงิ านและมคี วามเสยี่ งสงู รวมทงั้ พนักงานท่ีจ้างมาจากภายนอก (outsource) จะมสี ่วนชว่ ยให้ สามารถวินิจฉยั ได้เรว็ ขน้ึ เช่น ตรวจ ATK ทกุ 2 สัปดาห์ หรอื อาจจะปรับความถี่ของการตรวจตามขอ้ มูล การระบาดในสถานพยาบาลนน้ั 9. สำหรบั การเฝา้ ระวงั ในกลุ่มผู้ป่วย อาจพิจารณาตรวจหาการตดิ เช้ือ SARS-CoV-2 ในผู้ปว่ ยท่นี อนพัก รกั ษาตวั ในโรงพยาบาลดว้ ยสาเหตุใด ๆ และมีไข้โดยไมท่ ราบสาเหตุ มอี าการของการติดเช้ือทีร่ ะบบทางเดิน หายใจ รวมท้งั pneumonia ท่ไี ม่ทราบสาเหตุ โดยอาจพจิ ารณาสมุ่ ตรวจทุกสปั ดาห์ รวมถึงการเฝ้าระวังใน กลุ่มผู้ดแู ลทเี่ ฝ้าผู้ป่วย 10. สง่ เสริมให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสขุ รบั การฉดี วคั ซนี ปอ้ งกนั COVID-19 ให้ครบถว้ นทกุ คน หากไม่มีข้อห้าม แนวทางการปฏบิ ัตสิ ำหรบั บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขทสี่ มั ผสั ผปู้ ่วยยืนยัน COVID-19 ฉบับปรับปรุง วนั ที่ 4 ตลุ าคม 2564
11. กรณีท่ีมีบุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขสัมผัสโรคให้พจิ ารณาประเมนิ ความเส่ยี ง การตรวจหา เช้ือ SARS-CoV-2 และการกกั ตวั บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสขุ อยา่ งเหมาะสม โดยบุคคล หรือหน่วยงานท่ไี ดร้ ับมอบหมาย และหากมรี ายละเอียดทีแ่ ตกตา่ งจากที่แนะนำไว้ในประกาศฉบบั นี้ ควรพิจารณาปรึกษาผู้เชยี่ วชาญด้านการป้องกนั การตดิ เช้ือ เพอ่ื ให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข มีความปลอดภยั และสถานพยาบาลสามารถดำเนินภารกิจบริการประชาชนตอ่ ไปได้โดยเกิดผลกระทบ นอ้ ยที่สดุ กรณที ี่บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ เป็นผสู้ มั ผสั เสย่ี งสงู มีแนวทางการปฏิบตั ิดงั นี้ สำหรบั บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขท่ีไดร้ บั วัคซนี และมภี ูมิคุ้มกนั ระดับหนง่ึ 1. ใหเ้ ก็บส่ิง ส่งตรวจหาเชอ้ื SARS-CoV-2 ด้วยวิธี ATK หรือ RT-PCR จำนวน 3 ครัง้ คือ วนั ที่ D0, D7 และ D13-14 หลงั วันสัมผสั ผปู้ ่วยยืนยัน (ในกรณีการสัมผสั ต่อเนื่องในเหตกุ ารณ์หรอื สถานท่ปี ฏิบัติงาน เดียวกนั หรอื การสัมผสั โรคท่ีไมต่ ่อเน่ืองกันโดยการสัมผัสแต่ละคร้งั หา่ งกันไมเ่ กนิ 14 วัน ถา้ มกี ารสัมผัส ผปู้ ่วยครงั้ เดยี ว การนบั วันการตรวจหาเชือ้ ทั้งสามครั้ง ให้นับตง้ั แต่วนั ที่มีการสมั ผสั ) 2. ระหว่างรอผลตรวจ สามารถปฏิบตั งิ านไดต้ ามปกติ โดยปฏิบตั ติ ามหลักการ DMHTT อยา่ งเครง่ ครดั (สวมหน้ากาก ตลอดเวลาท่ีอยรู่ ่วมกับผอู้ ืน่ ไม่รับประทานอาหารร่วมกับผอู้ ื่น รวมทงั้ พจิ ารณาใหเ้ ลย่ี ง การปฏิบตั งิ านในลักษณะที่มีการอยใู่ กลช้ ิดกับบุคคลอื่นอยา่ งใกลช้ ิดเป็นเวลานาน) หากสภาวะ แวดล้อมของท่ีทำงานหรือลกั ษณะของงานทำใหไ้ มส่ ามารถปฏิบัติตามหลัก DMHTT ได้ดี หน่วยงานอาจ พจิ ารณาให้กักตัวบุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ตามความเหมาะสม 3. ถา้ มอี าการของการติดเช้อื ท่ีระบบทางเดนิ หายใจ หรอื อาการอนื่ ๆ ของ COVID-19 ก่อนถงึ วนั ที่ 14 ของการสัมผสั โรค ใหบ้ คุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขนนั้ ไปรับการตรวจหาเชอ้ื SARS-CoV-2 และให้กักตัวในสถานท่ีที่เหมาะสมระหว่างรอผลการตรวจ 3.1 กรณที ีผ่ ลตรวจเป็นลบใหป้ ฏิบตั ิงานได้โดยยดึ หลกั ปฏบิ ัติตาม DMHTTอย่างเครง่ ครดั (ข้อ 2) 3.2 ถ้าผลบวก ให้ทำการรักษาตาม CPG การดแู ลรักษาผู้ป่วย COVID-19 ทอ่ี อกโดยกรมการแพทย์ ร่วมกบั คณะผู้เชยี่ วชาญ ในระหวา่ ง 14 วัน หลังการสัมผัสให้รายงานอาการตอ่ ผู้รับผดิ ชอบท่ไี ด้รับมอบ (อาจเปน็ หัวหน้างาน หรือ พยาบาล ICN) ทุกวัน เม่ือพ้นระยะ 14 วนั ใหป้ ฏิบัตติ นตามคำแนะนำแบบ New Normal และ DMHTT 4. กรณเี ปน็ บุคลากรท่ีเคยตดิ เชื้อมาแลว้ ในช่วงระยะเวลาไม่เกนิ 3 เดอื น ไม่ตอ้ งตรวจด้วย ATK/rRT- PCR แตห่ ากมีอาการ การส่งตรวจดงั กลา่ ว ให้อยใู่ นดลุ ยพินิจของแพทย์และควรปรึกษาผเู้ ชีย่ วชาญ หากทำได้ แนวทางการปฏบิ ตั สิ ำหรบั บคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ทสี่ ัมผัสผ้ปู ่วยยืนยัน COVID-19 ฉบับปรบั ปรงุ วนั ท่ี 4 ตลุ าคม 2564
สำหรบั บคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ทไ่ี ด้รับวัคซีนยังไม่ครบตามเกณฑ์ หรือยังไม่ได้รบั วคั ซนี 1. ให้เกบ็ ส่ิงส่งตรวจ หาเชอ้ื SARS-CoV-2 ด้วยวธิ ี ATK หรอื RT-PCR จำนวน 3 ครั้ง คอื ที่ D0, D7 และ D13-14 หลังวันสมั ผัสผูป้ ่วยยืนยนั (ในกรณีการสัมผสั ต่อเน่ืองในเหตุการณห์ รือสถานท่ีปฏิบัตงิ านเดยี วกัน หรือการสมั ผัสโรคท่ีไม่ต่อเนื่องกันโดยการสมั ผสั แตล่ ะครั้งห่างกันไมเ่ กิน 14 วนั ถ้ามีการสมั ผสั ผปู้ ่วยคร้งั เดยี ว การนับวันการตรวจหาเช้ือทั้งสองครงั้ ใหน้ ับต้ังแต่วันทม่ี ีการสมั ผสั ) 2. ระหวา่ งรอผลให้พกั จากการปฏิบัติงาน และกักตัวในสถานที่ที่เหมาะสม 2.1 กรณที ผี่ ลตรวจเปน็ ลบหลังการตรวจครั้งแรก ใหก้ ักตวั ต่อจนครบ 14 วันหลงั การสัมผสั ครงั้ สุดทา้ ย 2.2 ถ้าผลบวก ให้ทำการรักษาตาม CPG 3. ในระหวา่ งการกกั ตัว ถา้ มีอาการของการติดเช้อื ท่รี ะบบทางเดินหายใจ หรืออาการอนื่ ๆ ของ COVID-19 กอ่ นถึงวนั ท่ี 14 ของการสมั ผัสโรค ให้บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ นั้นไปรับการตรวจหาเช้ือ SARS-CoV-2 4. ถ้าไม่มีอาการใด ๆ ให้ตรวจหาเช้ือ SARS-CoV-2 ซ้ำอกี 1 คร้งั ในวันท่ี 13–14 ของการสัมผัสโรค คร้งั สดุ ทา้ ย 4.1 ถ้าผลตรวจเปน็ ลบ ให้กลับเข้าปฏบิ ตั งิ านตามปกติ 4.2 ถา้ ผลตรวจเป็นบวก ให้ปฏบิ ัติตามแนวทาง CPG ของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กรณีทบี่ คุ ลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเปน็ ผูส้ มั ผสั เสี่ยงตำ่ มีแนวทางการปฏบิ ตั ดิ งั น้ี 1. ใหป้ ฏิบตั ิงานตามปกติ ไม่ต้องกักตัวและยดึ ถอื แนวทาง DMHTT อย่างเคร่งครัด 2. ในระหว่าง 14 วนั ของการสัมผัสโรค ถา้ มอี าการของการติดเช้ือท่รี ะบบทางเดนิ หายใจ หรอื อาการอน่ื ๆ ของ COVID-19 ให้บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขนัน้ ไปรับการตรวจหาเชอ้ื SARS-CoV-2 และให้ กักตวั ในสถานทที่ ีเ่ หมาะสมระหว่างรอผลการตรวจ 2.1 กรณที ผ่ี ลตรวจเป็นลบ สามารถปฏบิ ตั ิงานไดต้ ามปกติ โดยปฏิบตั ิตามหลักการ DMHTT และ ป้องกนั การแพรก่ ระจายเช้อื อย่างเคร่งครัด 2.2 ถ้าผลบวก ให้ปฏิบตั ติ ามแนวทาง CPG ของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ กรณที บี่ ุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ไม่ได้สัมผสั โรค ให้ปฏบิ ัตงิ านตามปกติ และยึดหลักการป้องกันโรค DMHTT เช่นเดียวกบั บคุ คลอนื่ ๆ แนวทางการปฏบิ ตั สิ ำหรบั บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ทส่ี ัมผัสผูป้ ว่ ยยนื ยนั COVID-19 ฉบับปรับปรุง วันท่ี 4 ตลุ าคม 2564
กรณผี ู้ทีเ่ คยเป็น COVID-19 มากอ่ น และหายปว่ ยแลว้ ไม่เกนิ 3 เดอื น 1. การตรวจหาเชื้อซ้ำในระยะเวลา 3 เดอื นหลังจากหายป่วย อาจพบ RNA ที่หลงเหลอื จากการตดิ เช้ือคร้งั แรก ไม่ไดแ้ ปลวา่ เป็นการติดเชอื้ ครง้ั ใหม่ จึงไม่จำเปน็ ตอ้ งทำการตรวจหาเชือ้ หลงั สัมผัสในชว่ ง ระยะเวลา 3 เดอื น 2. ให้ถือวา่ มภี ูมิคุ้มกันโรคแลว้ ระดับหนง่ึ จึงใหป้ ฏิบัติงานได้ตามปกติ ไมต่ ้องกกั ตัว และใหป้ ฏบิ ัติตนตาม หลัก DMHTT 3. ถา้ มีอาการไขห้ รืออาการอ่ืน ๆ ใหต้ รวจวินิจฉยั และรักษาตามปกติตามหลักการดูแลรักษาผู้ปว่ ยทีม่ อี าการ น้นั ๆ อย่างไรกต็ าม ผู้ทห่ี ายจากโรคใหม่ ๆ อาจมีอาการไอ มีเสมหะหลงเหลือได้บ้าง อาการดงั กลา่ วนี้ ไม่ใช่อาการที่แสดงว่าบคุ คลนนั้ กำลงั เปน็ COVID-19 ในระยะ active 4. หลงั จากหายจาก COVID-19 แล้ว 3-6 เดือน อาจจะเกิดการตดิ เช้ือขนึ้ มาใหม่ได้ บุคคลเหล่านจ้ี งึ ควร ได้รบั การฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 เพ่ือกระตนุ้ ภมู ิคุม้ กันต่อ COVID-19 จำนวน 1 เข็ม ด้วยวคั ซีนชนิด ใดกไ็ ด้ การเฝ้าระวงั ในโรงพยาบาล เพ่อื ใหส้ ามารถตรวจจบั การติดเช้อื ในกลมุ่ เส่ียงต่อการแพร่ระบาดของโรค ได้แก่ 1) บคุ ลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ปฏิบัตงิ านด่านหน้า 2) บคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขทีป่ ฏบิ ัติงานฝ่ายสนับสนุน (Back office) 3) ผ้ปู ่วยด้วยโรคอน่ื ๆ ท่ี admit ในโรงพยาบาล 4) กลุ่มอ่ืน ๆ ทเ่ี ข้าขา่ ยผู้ป่วย PUI ตามคำนิยามของกรมควบคมุ โรค 5) กล่มุ อื่น ๆ ทเ่ี ป็น subcontract ผู้รับเหมาช่วง ฯลฯ การดำเนนิ การ 1. พิจารณาตามสถานการณ์ในหน่วยงานและในพ้ืนท่ตี ้ัง 2. ในชว่ ง 2 สัปดาห์ท่ีผา่ นมาไมพ่ บผู้ปว่ ยรายใหม่ ใหเ้ ฝ้าระวังในกลุ่มเจา้ หนา้ ทโ่ี ดยจดั ใหม้ ีการคัดกรอง อาการกอ่ นเขา้ ปฏบิ ตั งิ านอย่างสมำ่ เสมอ และอาจพิจารณาสุ่มตรวจหาผ้ตู ิดเชื้อด้วย ATK ทุกสอง สปั ดาห์ เปน็ แบบ proxy เก็บตวั อย่างในกลุ่มบางคน ตามจำนวนสัดส่วน แบบ proportional to size และปฏบิ ัตติ ามคำแนะนำตามความเสีย่ งของบคุ ลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยเฉพาะ ในกลมุ่ ท่ีไม่สามารถทำงานทีบ่ ้านได้ ตอ้ งมาทำงานทุกวันทำการใหต้ รวจ 3. กรณที ่สี ถานการณ์พบผตู้ ดิ เช้ือโควิดในหนว่ ยงาน ในชว่ ง 7 วนั ถอื เปน็ พ้ืนทเี่ สี่ยงในหน่วยงาน แนะนำใหต้ รวจ ATK ในกลุ่มงานทกุ คน ถอื เปน็ กลุ่มเสี่ยงปฏิบัติ การดำเนนิ การสอบสวนและควบคุม โรคในรายละเอียดให้ปฏิบตั ิตามคำแนะนำของกรมควบคมุ โรค 4. ในกลุ่มผูป้ ่วย ward อน่ื ๆ ที่มใิ ช่โควิด ให้ทำการสมุ่ ตรวจทุกสปั ดาห์ ถา้ ไมพ่ บเชื้อ แต่ถา้ พบเชอื้ ให้ ทำการสอบสวนโรค และควบคมุ การแพร่ระบาดตามแนวทางการสอบสวนโรค 5. กลมุ่ ญาติผู้ป่วยทเี่ ฝ้า ดูแลช่วยเหลือผ้ปู ่วย ให้ทำการคัดกรองอาการ และอาจพิจารณาสมุ่ ตรวจด้วย ATK ตามความเหมาะสมทุกสัปดาห์ แนวทางการปฏบิ ัตสิ ำหรบั บคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขทสี่ ัมผัสผู้ป่วยยืนยัน COVID-19 ฉบับปรับปรุง วันที่ 4 ตลุ าคม 2564
รปู ที่ 1 แนวทางการปฏิบัตสิ ำหรับบุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ท่สี ัมผสั ผู้ปว่ ยยนื ยนั COVID-19 กรณี เปน็ ผู้สมั ผสั เส่ยี งสูง (High risk) ทีไ่ ด้รบั วคั ซีนและมภี มู ิคุ้มกันระดบั หน่งึ รปู ที่ 2 แนวทางการปฏิบัติสำหรบั บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ทส่ี ัมผสั ผูป้ ่วยยนื ยัน COVID-19 กรณี เป็นผสู้ ัมผสั เส่ียงสูง (High risk) ท่ีไดร้ บั วัคซนี บางสว่ น / ไมไ่ ดร้ บั วัคซีน หมายเหตุ กรณีในชว่ ง 14 วนั หากมีอาการตดิ เชือ้ ในระบบทางเดินหายใจ ให้ตรวจ RT-PCR หรือ ATK และ กกั ตัวในสถานที่เหมาะสมระหว่างรอผลการตรวจ แนวทางการปฏบิ ตั สิ ำหรบั บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ทสี่ มั ผสั ผ้ปู ่วยยนื ยัน COVID-19 ฉบบั ปรับปรงุ วนั ท่ี 4 ตลุ าคม 2564
รปู ท่ี 3 แนวทางการปฏิบตั สิ ำหรบั บคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ท่ีสมั ผัสผู้ป่วยยืนยัน COVID-19 กรณี เป็นผสู้ ัมผสั เสย่ี งตำ่ (Low risk) แนวทางการปฏบิ ตั สิ ำหรบั บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขทสี่ ัมผัสผู้ปว่ ยยนื ยนั COVID-19 ฉบับปรับปรงุ วันท่ี 4 ตลุ าคม 2564
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: