คู่มอื การใชห้ ลักสูตร | กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 51 ตวั อยา่ งหนว่ ยการเรียนรู้ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1เกณฑ์ระดบั การให้คะแนนประเด็นการประเมิน ระดับคะแนน 2 3 11. การใช้กระบวนการออกแบบ ระบุปัญหาและเงอ่ื นไขของ ระบปุ ัญหาและเงอ่ื นไขของการ ไมส่ ามารถระบุปญั หาและเชิงวิศวกรรมในการสรา้ งพัดลม การสรา้ งชนิ้ งานได้ตรงกบั สร้างชนิ้ งานได้ตรงกบั สถานการณ์ เงอ่ื นไขของการสรา้ งชน้ิ งานตามสถานการณ์ทกี่ ำ�หนด สถานการณท์ ก่ี �ำ หนด ทก่ี �ำ หนดบางสว่ น ได้ตรงกับสถานการณ์ทกี่ ำ�หนด รวบรวมข้อมลู ท่สี อดคลอ้ งกับ ไมส่ ามารถรวบรวมขอ้ มูล 1.1 การระบุปญั หา รวบรวมขอ้ มูลทีส่ อดคล้องกับ แนวทางการแก้ปญั หาได้บางสว่ น ทสี่ อดคลอ้ งกับแนวทางการ แนวทางการแกป้ ญั หาได้อย่าง แกป้ ัญหา 1.2 การรวบรวมข้อมูลและ ครบถว้ นสมบรู ณ์ ออกแบบชิ้นงานไดส้ อดคลอ้ งกับ ออกแบบชิน้ งานไมส่ อดคลอ้ ง แนวคดิ ทเี่ กี่ยวขอ้ งกับปัญหา แนวทางการแกป้ ัญหาและเงอื่ นไข กับแนวทางการแกป้ ญั หาและ ออกแบบชิน้ งานได้สอดคลอ้ ง ทก่ี �ำ หนดบางส่วน เง่อื นไขทก่ี ำ�หนด 1.3 การออกแบบวิธกี าร กบั แนวทางการแก้ปัญหาและ แก้ปัญหา เงอ่ื นไขที่กำ�หนด โดยแสดง สรา้ งชนิ้ งานโดยมีการวางแผนใน สร้างช้ินงานโดยไมม่ กี าร รายละเอียดครบถว้ น สมบูรณ์ การท�ำ งาน แต่ปฏบิ ัติงานไมเ่ ป็นไป วางแผนในการทำ�งานและ 1.4 การวางแผนและด�ำ เนิน ตามข้ันตอนหรอื การทำ�งานได้ ปฏิบัติงานอย่างไมเ่ ปน็ ขนั้ ตอน การแก้ปญั หา สรา้ งชิน้ งานโดยมีการวางแผนใน บางส่วน การทำ�งานและปฏิบัติงานตาม ไมก่ ำ�หนดประเด็นในการ 1.5 การทดสอบ ปรับปรุง ข้นั ตอนการท�ำ งานได้อยา่ ง ทดสอบ และบันทึกผลการ แกไ้ ข และประเมนิ ผล ถกู ตอ้ งและเหมาะสม ทดสอบไม่ชดั เจน ไมค่ รบถ้วน 1.5.1 การกำ�หนดประเด็น กำ�หนดประเดน็ ในการทดสอบได้ กำ�หนดประเด็นในการทดสอบได้ ความแตกต่างของภาพร่างแรก ในการทดสอบ สอดคล้องกบั สถานการณท์ ี่ สอดคลอ้ งกบั สถานการณ์ทกี่ �ำ หนด กับภาพร่างหลังจากปรบั ปรงุ ก�ำ หนด และบันทกึ ผลการ บนั ทกึ ผลการทดสอบ แตไ่ มค่ รบถว้ น แก้ไขช้ินงานแล้ว แตกต่างกนั 1.5.2 ความแตกตา่ งของ ทดสอบได้อย่างละเอียด ขาดรายละเอยี ด มากกวา่ 3 รายการ ภาพร่างแรกกับภาพร่าง ครบถ้วน หลงั จากปรับปรุงแก้ไข ช้ินงานแล้ว ความแตกต่างของภาพร่างแรก ความแตกต่างของภาพรา่ งแรกกบั กบั ภาพร่างหลังจากปรับปรุง ภาพร่างหลงั จากปรบั ปรงุ แก้ไข แกไ้ ขชิ้นงานแล้วไม่มคี วามแตก ชิ้นงานแล้ว แตกต่างกัน 1-3 ต่างกัน รายการ1.6 การน�ำ เสนอขน้ั ตอน น�ำ เสนอขั้นตอนการท�ำ งานได้ นำ�เสนอขัน้ ตอนการทำ�งานได้ ไม่สามารถนำ�เสนอขั้นตอนกระบวนการออกแบบเชงิ ครบถ้วน มีรายละเอียดขนั้ ตอน มีรายละเอียด แต่ไมค่ รบถว้ น การท�ำ งานไดค้ รบตามขน้ั ตอนวศิ วกรรม ทชี่ ดั เจน สมบรู ณ์ การปฏิบัติงาน ลำ�ดบั ขั้นตอนการน�ำ เสนอเข้าใจ 1.6.1 การน�ำ เสนอขน้ั ตอน ลำ�ดบั ขนั้ ตอนการนำ�เสนอเขา้ ใจ งา่ ย หรือรูปแบบการนำ�เสนอมี ไมส่ ามารถนำ�เสนอได้ การท�ำ งานไดค้ รบถว้ น ง่ายและรูปแบบการน�ำ เสนอมี ความน่าสนใจ ความน่าสนใจ 1.6.2 ความชัดเจนและ ความน่าสนใจในการ น�ำ เสนอ
สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) คู่มอื การใชห้ ลกั สูตร| กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์52 ตัวอย่างหนว่ ยการเรยี นรู้ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1ประเด็นการประเมิน ระดบั คะแนน 2 3 1 ใชอ้ ุปกรณห์ รือเครอ่ื งมอื2. การใช้อุปกรณ์หรอื เครือ่ งมือ ใช้อปุ กรณ์หรอื เครือ่ งมือในการ ใชอ้ ปุ กรณ์หรือเครือ่ งมอื ในการ ในการสร้างช้ินงานได้ในการสร้างพดั ลมจว๋ิ ได้อย่าง สรา้ งชนิ้ งานได้เหมาะสมกับวัสดุ สร้างชิ้นงานอยา่ งถกู ตอ้ ง และถูกตอ้ งและปลอดภัย ใช้อยา่ งถูกต้อง และปลอดภยั ปลอดภัย ลกู บอลไม่เคล่อื นที่3. ความส�ำ เรจ็ ของช้ินงาน ลูกบอลเคล่ือนที่ได้ระยะเกิน ลูกบอลเคล่ือนทไ่ี ดร้ ะยะไมเ่ กิน พัดลมไมท่ ำ�งาน 3.1 ความแรงของลม 10 เซนติเมตร 10 เซนตเิ มตร หลงั จากทดสอบไม่สามารถ พัดลมหมนุ เปา่ ไปด้านหน้า พัดลมหมุนไม่เป่าไปดา้ นหนา้ ใช้งานได้อกี 3.2 ทิศทางลม หลงั จากทดสอบยังอยู่ หลังจากทดสอบมบี างสว่ นช�ำ รดุ น�ำ้ หนกั มากที่สดุ จากทกุ กลมุ่ 3.3 ความคงทน แขง็ แรง ในสภาพเดมิ น�้ำ หนักน้อยท่สี ดุ จากทกุ กลุ่ม น้ำ�หนกั อยรู่ ะหวา่ งนอ้ ยที่สุด มีขนาดใหญ่กว่าท่กี �ำ หนด 3.4 น�้ำ หนัก ถึงมากที่สดุ สามารถพับเกบ็ จนมขี นาด มขี นาดเท่ากบั ทกี่ ำ�หนด 3.5 ขนาดของชน้ิ งาน เท่ากบั ที่กำ�หนดเกณฑ์การตดั สินระดับคณุ ภาพ คะแนน 29-42 คะแนน หมายถงึ ระดับคณุ ภาพ ด ี คะแนน 15-28 คะแนน หมายถึง ระดบั คณุ ภาพ พอใช ้ คะแนน 1-14 คะแนน หมายถงึ ระดับคุณภาพ ปรบั ปรุงหมายเหตุ เกณฑก์ ารวัดและประเมินผลสามารถปรบั เปลย่ี นได้ตามความเหมาะสม8. แหลง่ เรียนรู้ เว็บไซต์ในการสืบค้นพดั ลมจิ๋วรูปแบบตา่ ง ๆ และการทำ�งานของพดั ลม9. ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเติม ในการเลอื กใชว้ ัสดุส�ำ หรับสร้างพดั ลมจิว๋ ควรให้ผู้เรียนค�ำ นึงถึงความคุ้มคา่ ของการใชว้ ัสดุด้วย
คูม่ อื การใช้หลกั สตู ร | กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 53 ตวั อย่างหนว่ ยการเรยี นรู้ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ใบกิจกรรมที่ 1 เร่ือง อากาศรอ้ นให้นักเรียนดวู ีดิทศั นแ์ ละภาพของมนษุ ย์ท่เี ผชญิ กับอากาศรอ้ น แลว้ ตอบคำ�ถามดังต่อไปนี้1. ผลกระทบของอากาศร้อนทีส่ ง่ ผลต่อการดำ�เนนิ ชีวิต2. แนวทางการคลายร้อน
สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ค่มู ือการใชห้ ลกั สตู ร| กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์54 ตัวอยา่ งหนว่ ยการเรยี นรู้ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ใบกจิ กรรมที่ 2 เรือ่ ง สมบัตขิ องวสั ดุให้นักเรียนใส่เครื่องหมาย ในช่องสมบตั ิของวสั ดทุ เ่ี หมาะสมกบั การนำ�มาสรา้ งใบพัด วัสดุ/สมบตั ิ นำ้�หนัก ความเหนียว ความแข็ง การดดู ซับน�ำ้ไม้อะลมู เิ นยี มพลาสติก กระดาษวัสดุทเ่ี ลือกส�ำ หรับการสรา้ งใบพัด คือเหตผุ ลที่เลือกใช้ เพราะอปุ กรณห์ รือเครอื่ งมือชา่ งพ้นื ฐานท่ีเลือกส�ำ หรับการสร้างใบพดั คือเหตุผลทเ่ี ลือกใช้ เพราะ
คูม่ ือการใช้หลักสตู ร | กล่มุ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 55 ตัวอย่างหน่วยการเรียนรู้ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ใบกจิ กรรมที่ 3 เรอ่ื ง ออกแบบพัดลมจวิ๋ใหน้ กั เรยี นออกแบบพดั ลมจว๋ิ โดยระบวุ สั ดทุ ใี่ ชพ้ รอ้ มอธบิ ายเหตผุ ลประกอบ และวาดภาพวงจรไฟฟา้ ของพดั ลม
สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) คมู่ อื การใช้หลักสูตร| กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์56 ตวั อย่างหนว่ ยการเรียนรู้ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 1 ใบกจิ กรรมท่ี 4 เร่ือง ทดสอบการทำ�งานพัดลมจว๋ิ1. ให้นกั เรยี นบันทึกผลการทดสอบพัดลมจิว๋ และปญั หาทพี่ บ2. แนวทางการปรับปรงุ แกไ้ ข3. สรปุ ผลการท�ำ กิจกรรม
ค่มู อื การใชห้ ลักสูตร | กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 57 ตวั อยา่ งหนว่ ยการเรยี นรู้ ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ใบความรู้ท่ี 1 เร่ือง องค์ประกอบและการทำ�งานของพดั ลม พดั ลมทพี่ บเหน็ ทั่วไปจะมี 3 รปู แบบใหญ่ ๆ คอื พัดลมตัง้ โต๊ะ พัดลมตงั้ พื้น และพัดลมตดิ ผนัง ซง่ึ ท้ัง 3 รูปแบบมีสว่ นประกอบและลกั ษณะการท�ำ งานท่ีใกลเ้ คยี งกันส่วนประกอบของพดั ลม 1 5 4 6 321. มอเตอร์ไฟฟ้า 2. สวติ ชค์ วบคุมการเปิดปดิ และปรบั ความแรงของลม 3. ตะแกรงหลงั4. ใบพดั ลม 5. ตวั ยึดใบพดั ลมกบั แกนมอเตอร์ 6. ตะแกรงหนา้หลกั การท�ำ งาน เมื่อกดสวิตช์ควบคุมการเปิดปิดเพื่อให้พัดลมทำ�งาน กระแสไฟฟ้าจะผ่านเข้าสู่มอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งปริมาณของกระแสไฟฟ้าข้ึนกับสวิตช์ปรับแรงลมท่ีเลือก หากเลือกแรงลมมาก กระแสไฟฟ้าท่ีไหลเข้าสู่มอเตอร์จะมากขึ้น ทำ�ให้มอเตอร์หมุนเร็วข้ึนเกดิ เป็นลมทแ่ี รงมากขนึ้ลักษณะของใบพดั และการเกดิ ลม ใบพดั ก ข ภาพแสดงใบพดั ลมแบบ (ก) 3 ใบพดั (ข) 4 ใบพดั ใบพัดลมโดยทัว่ ไปประกอบดว้ ยใบพดั จำ�นวน 3 หรอื 4 ใบพดั ท�ำ หนา้ ท่ีบังคับให้อากาศเคลอ่ื นที่ออกมาดา้ นหน้าของพัดลมในการท�ำ ใหเ้ กดิ ลมพดั ออกมาดา้ นหนา้ นนั้ ใบพดั แตล่ ะใบจะตอ้ งท�ำ มมุ กบั ระนาบการหมนุ ของใบพดั เชน่ ใบพดั เอยี งไปดา้ นหนา้เมื่อใบพัดหมุนตามเข็มนาฬิกา อากาศท่ีอยู่บริเวณด้านหน้าใบพัดจะถูกผลักให้เคล่ือนท่ีไปข้างหน้า เกิดเป็นช่องว่างของอากาศส่งผลใหอ้ ากาศท่ีอยู่ดา้ นหลงั ของใบพัดเคล่อื นทเ่ี ขา้ มายงั บรเิ วณชอ่ งว่างดงั กลา่ วแทน
สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) คูม่ ือการใชห้ ลกั สตู ร| กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์58 ตัวอย่างหน่วยการเรียนรู้ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ใบความรู้ที่ 2 เร่อื ง การต่อวงจรไฟฟ้า เพื่อปรบั ความเรว็ ของใบพัด การตอ่ วงจรไฟฟ้าอยา่ งงา่ ยเพ่อื ปรับความเรว็ ของใบพดั ใหห้ มุนเรว็ หรอื ชา้แสดงดงั ภาพด้านล่างสวิตช์ ขา 2 หางถา่ นไฟฉาย 1.5 โวลต์ มอเตอรห์ มุนเรว็ 3 โวลต์ ถ่านไฟฉาย 1.5 โวลต์ มอเตอรห์ มุนช้า 1.5 โวลต์ วงจรไฟฟา้ ขา้ งต้นใชส้ วติ ช์ 3 ขา 2 ทาง ในการเลือกแรงเคลอื่ นไฟฟ้าทป่ี อ้ นให้กบั วงจร (จำ�นวนถา่ นไฟฉายท่ตี อ่ เขา้ กับวงจร)ซงึ่ สมั พนั ธก์ บั ปรมิ าณกระแสไฟฟา้ ทป่ี อ้ นใหก้ บั มอเตอร์ (แรงเคลอ่ื นไฟฟา้ เพมิ่ ขน้ึ กระแสไฟฟา้ เพมิ่ ขน้ึ ) โดยเมอื่ ผลกั สวติ ชไ์ ปทางซ้ายมือ พลังงานไฟฟา้ ที่สามารถขบั มอเตอรใ์ ห้หมุน คอื แรงเคลือ่ นไฟฟา้ จากถา่ นไฟฉาย 1 กอ้ น (กอ้ นล่าง) ความตา่ งศักย์ไฟฟา้ของวงจรจึงมีคา่ เป็น 1.5 โวลต์ แตผ่ ลักสวิตช์ไปทางขวามือ พลังงานไฟฟ้าทขี่ ับมอเตอรใ์ ห้หมนุ เกดิ จากแรงเคลื่อนไฟฟ้าของถ่านไฟฉาย 2 กอ้ นท่ีต่ออนกุ รมเข้าด้วยกนั ทำ�ใหค้ วามตา่ งศักยไ์ ฟฟ้ารวมของวงจรเปน็ 3 โวลต์ เมือ่ ผลักสวิตชม์ าทต่ี �ำ แหนง่ กลางของสวติ ชเ์ ป็นการเปิดวงจร (แยกถา่ นไฟฉายออกจากมอเตอร์) ทำ�ใหไ้ ม่มีพลังงานไฟฟ้าจ่ายใหก้ บั วงจร มอเตอร์จึงไมท่ ำ�งาน
คู่มอื การใช้หลักสูตร | กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 59 ตวั อยา่ งหน่วยการเรยี นรู้ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 4
ตารางการวเิ คราะห์การจดั ท�ำ หนว่ ยการเรยี นรู้ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 4 สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 60 ตัวอย่างหน่วยการเรยี นรู้ ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการ ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง จ�ำ นวน แนวทางการจดั การเรยี นรู้ การวดั และประเมินผล เรยี นรู้ ช่วั โมง1. เทคโนโลยี วเิ คราะห์แนวคดิ หลกั ของ 1. ระบบทางเทคโนโลยี เป็นกลุม่ ของส่วน 6 กจิ กรรมท่ี 1.1 ระบบทางเทคโนโลยที ซี่ บั ซอ้ น 1. การอธบิ ายระบบทางเทคโนโลยที ่ี กบั ชวี ิต เทคโนโลยี ความสัมพันธ์ ตา่ ง ๆ ต้ังแตส่ องส่วนขึ้นไปประกอบ ภาระงาน : ซบั ซอ้ น กบั ศาสตร์อน่ื โดยเฉพาะ เข้าด้วยกันและท�ำ งานรว่ มกนั เพือ่ ให้ วทิ ยาศาสตร์ หรอื คณติ ศาสตร์ บรรลวุ ตั ถุประสงค์ โดยในการทำ�งาน วิเคราะห์และเขยี นแผนภาพแสดงการทำ�งาน 2. การวเิ คราะหร์ ะบบทางเทคโนโลยี รวมทง้ั ประเมนิ ผลกระทบ ของระบบทางเทคโนโลยจี ะประกอบ ของเทคโนโลยีทก่ี �ำ หนดในรปู แบบระบบทาง ทซ่ี บั ซอ้ น ที่จะเกดิ ข้ึนต่อมนษุ ย์ สังคม ไปดว้ ย ตัวปอ้ น (input) กระบวนการ เทคโนโลยี โดยระบุและแสดงความสัมพนั ธ์ เศรษฐกจิ และส่งิ แวดล้อม (process) และผลผลติ (output) ของระบบย่อย รวมทงั้ ความผดิ พลาดของ 3. การวเิ คราะหก์ ารท�ำ งานผดิ พลาด เพอ่ื เปน็ แนวทางในการพัฒนา ทสี่ มั พันธ์กนั นอกจากน้รี ะบบทาง ระบบท่อี าจเกิดขน้ึ และเสนอแนะแนวทาง ของระบบทางเทคโนโลยที ซ่ี บั ซอ้ นได้ เทคโนโลยี เทคโนโลยอี าจมขี อ้ มูลย้อนกลบั บำ�รุงรักษา (feedback) เพ่ือใช้ปรับปรุงการท�ำ งาน 4. การเสนอแนะแนวทางบ�ำ รงุ รกั ษา ไดต้ ามวตั ถปุ ระสงค์ โดยระบบเทคโนโลยี ระบบทางเทคโนโลยี อาจมรี ะบบย่อยหลายระบบ (subsystems) ท่ีท�ำ งานสมั พันธก์ นั อยู่ กิจกรรมท่ี 1.2 การเปลยี่ นแปลงของ 1. การวเิ คราะห์สาเหตหุ รือปจั จยั ที่ คมู่ ือการใชห้ ลกั สตู ร| กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ และหากระบบย่อยใดทำ�งานผดิ พลาด เทคโนโลยี สง่ ผลตอ่ การเปลี่ยนแปลงของ จะสง่ ผลตอ่ การท�ำ งานของระบบอน่ื ดว้ ย ภาระงาน : เทคโนโลยี 1. อธบิ ายการเปลย่ี นแปลงของเทคโนโลยที ่ี 2. เทคโนโลยมี กี ารเปลยี่ นแปลงตลอด เวลาตั้งแต่อดีตจนถึงปจั จุบัน ซง่ึ มี สนใจในชวี ติ ประจ�ำ วนั โดยเชอ่ื มโยงกบั สาเหตหุ รือปัจจัยมาจากหลายดา้ น เชน่ สาเหตหุ รอื ปจั จยั ทท่ี �ำ ใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลง ปญั หา ความต้องการ ความก้าวหน้า ของเทคโนโลยี ของศาสตรต์ ่าง ๆ เศรษฐกิจ สงั คม 2. วเิ คราะหส์ าเหตหุ รอื ปจั จยั ทท่ี �ำ ใหเ้ กดิ การ วฒั นธรรม สิ่งแวดล้อม เปลย่ี นแปลงของเทคโนโลยี และคาดการณ์ เทคโนโลยที จ่ี ะเปลย่ี นแปลงไปในอนาคต
หนว่ ยการ ตัวช้ีวดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง จ�ำ นวน แนวทางการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมนิ ผล เรยี นรู้ ชวั่ โมง2. ความรูแ้ ละ ใชค้ วามรู้และทกั ษะเกย่ี วกบั 1. วสั ดแุ ต่ละประเภทมสี มบัติแตกต่างกนั 8 กจิ กรรมท่ี 1.3 ผลกระทบของเทคโนโลยี 1. การวเิ คราะหผ์ ลกระทบของเทคโนโลยี คู่มอื การใช้หลักสูตร | กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ทักษะพน้ื ฐาน วัสดุ อปุ กรณ์ และเทคโนโลยี เชน่ ไม้สังเคราะห์ โลหะ จึงต้องมกี าร ภาระงาน : 2. การส�ำ รวจ วเิ คราะหผ์ ลกระทบของ เฉพาะดา้ น ท่ซี ับซ้อนในการแก้ปญั หา วเิ คราะห์สมบตั เิ พื่อเลือกใช้ใหเ้ หมาะสม 1. วเิ คราะหผ์ ลกระทบดา้ นบวกและดา้ นลบ หรอื พฒั นางาน ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง กับลักษณะของงาน เทคโนโลยแี ละเสนอแนวทางปอ้ งกนั เหมาะสม และปลอดภยั ของการใชเ้ ทคโนโลยที ส่ี นใจ ทม่ี ตี อ่ มนษุ ย์ และแกไ้ ข 2. การสร้างชิน้ งานอาจใช้ความรู้ เรอ่ื ง และสงั คม เศรษฐกจิ หรอื สง่ิ แวดลอ้ ม กลไก ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เชน่ LDR 2. ส�ำ รวจวเิ คราะหผ์ ลกระทบของเทคโนโลยี 1. การวเิ คราะหป์ ระเภทและอธบิ าย sensor เฟือง รอก คาน วงจรส�ำ เรจ็ รปู ทส่ี นใจในชมุ ชน และเสนอแนวทางปอ้ งกนั สมบตั ขิ องวสั ดใุ นสง่ิ ของเครอ่ื งใช้ และแกไ้ ข 3. อปุ กรณ์และเคร่อื งมือในการสรา้ งชนิ้ 2. การวเิ คราะหเ์ ครอ่ื งมอื พน้ื ฐานในการ งานหรอื พฒั นาวิธกี ารมีหลายประเภท กจิ กรรม 2.1 วสั ดแุ ละเครอ่ื งมอื พน้ื ฐาน สรา้ งสง่ิ ของเครอ่ื งใช้ พรอ้ มใหเ้ หตผุ ล ภาระงาน : ในการเลอื กใชว้ สั ดุ ตอ้ งเลอื กใชใ้ ห้ถกู ตอ้ ง เหมาะสม และ 1. วเิ คราะหป์ ระเภทและอธบิ ายสมบตั ขิ องวสั ดุ ปลอดภยั รวมท้งั ร้จู ักเกบ็ รักษา ในสง่ิ ของเครอ่ื งใช้ พรอ้ มใหเ้ หตผุ ลในการ เลอื กใชว้ สั ดุ 2. วเิ คราะหเ์ ครอ่ื งมอื พน้ื ฐานในการสรา้ ง สง่ิ ของเครอ่ื งใช้ กจิ กรรม 2.2 กลไก ไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 1. การวเิ คราะหห์ ลกั การท�ำ งานและ สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ภาระงาน : การใชง้ านกลไกในสง่ิ ของเครอ่ื งใช้ ตวั อยา่ งหน่วยการเรยี นรู้ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 4 1. วเิ คราะหห์ ลกั การท�ำ งานและการใชง้ าน 2. การวเิ คราะหก์ ารใชง้ านและสว่ น กลไกในสง่ิ ของเครอ่ื งใช้ ประกอบของอปุ กรณไ์ ฟฟา้ และ 2. วเิ คราะหก์ ารใชง้ านและสว่ นประกอบของ อเิ ลก็ ทรอนกิ สใ์ นสง่ิ ของเครอ่ื งใช้ อปุ กรณไ์ ฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนกิ สใ์ นสง่ิ ของ เครอ่ื งใช้ 61
หน่วยการ ตัวชี้วดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง จ�ำ นวน แนวทางการจัดการเรยี นรู้ การวัดและประเมินผล สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) เรยี นรู้ ชวั่ โมง 62 ตัวอย่างหน่วยการเรยี นรู้ ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 43. การแกป้ ญั หา 1. ระบุปัญหาหรอื ความ 1. ปญั หาหรือความต้องการทม่ี ีผลกระทบต่อสงั คม เช่น 26 กิจกรรมที่ 3.1 กระบวนการ 1. การอธบิ ายการทำ�งาน ตามกระบวนการ ตอ้ งการทม่ี ผี ลกระทบตอ่ สงั คม ปญั หาด้านการเกษตร อาหาร พลงั งาน การขนส่ง ออกแบบเชิงวิศวกรรม ตามกระบวนการ ออกแบบเชิง รวบรวม วิเคราะหข์ อ้ มูลและ สขุ ภาพและการแพทย์ การบรกิ าร ซงึ่ แตล่ ะดา้ นอาจ ภาระงาน : ออกแบบเชงิ วิศวกรรม วิศวกรรม แนวคิดทีเ่ กย่ี วขอ้ งกับปัญหาท่ี มีได้หลากหลายปญั หา 1. สำ�รวจและอภปิ รายสถานการณ์ มีความซับซอ้ นเพือ่ สังเคราะห์ 2. การวเิ คราะห์และ วธิ กี าร เทคนคิ ในการแกป้ ญั หา 2. การวิเคราะห์สถานการณป์ ัญหาโดยอาจใช้เทคนิค ปญั หา ออกแบบชิน้ งานหรอื วิธี โดยคำ�นึงถงึ ความถูกต้องด้าน หรอื วิธีการวิเคราะห์ทีห่ ลากหลาย ช่วยให้เข้าใจ 2. วเิ คราะหส์ าเหตแุ ละปจั จยั ของ การแก้ปัญหาตาม ทรัพยส์ นิ ทางปญั ญา เงอื่ นไขและกรอบของปญั หาไดช้ ดั เจน จากนน้ั กระบวนการออกแบบเชงิ 2. ออกแบบวิธีการแกป้ ัญหา ดำ�เนินการสืบคน้ รวบรวมข้อมลู ความร้จู ากศาสตร์ ปญั หาทส่ี นใจขอบเขตของปญั หา วิศวกรรม โดยวเิ คราะห์เปรียบเทยี บ ต่าง ๆ ทีเ่ ก่ียวขอ้ ง เพื่อนำ�ไปส่กู ารออกแบบแนวทาง ท่สี นใจ และตัดสินใจเลอื กข้อมูลท่ี การแกป้ ญั หา 3. สบื คน้ ขอ้ มูลและเสนอแนวทางใน คมู่ ือการใชห้ ลกั สตู ร| กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ จ�ำ เป็นภายใตเ้ ง่อื นไขและ การแกป้ ญั หา ทรพั ยากรท่ีมีอยู่ น�ำ เสนอ 3. การวิเคราะห์ เปรียบเทยี บ และตัดสินใจเลือกข้อมูล 4. ออกแบบช้ินงานหรอื วธิ ีการ แนวทางการแกป้ ญั หาให้ ที่จ�ำ เป็น โดยค�ำ นึงถงึ ทรัพย์สนิ ทางปญั ญา เง่อื นไข 5. วางแผนข้ันตอนการสรา้ งช้ินงาน ผอู้ ื่นเขา้ ใจด้วยเทคนิคหรอื และทรัพยากร เช่น งบประมาณ เวลา ขอ้ มลู และ หรือพฒั นาวิธีการแก้ปัญหา วิธกี ารทห่ี ลากหลาย โดย สารสนเทศ วสั ดุ เครอื่ งมอื และอปุ กรณ์ ชว่ ยให้ได้ 6. ทดสอบช้นิ งานหรือวธิ ีการ ใช้ซอฟตแ์ วร์ชว่ ยในการ แนวทางการแก้ปญั หาที่เหมาะสม ปรับปรงุ แก้ไขและประเมินผล ออกแบบ วางแผนข้ันตอน 7. นำ�เสนอผลการดำ�เนนิ งาน การทำ�งานและด�ำ เนนิ การ 4. การออกแบบแนวทางการแกป้ ญั หาท�ำ ได้หลากหลาย แกป้ ัญหา วธิ ี เช่น การร่างภาพ การเขียนแผนภาพ การเขยี น 3. ทดสอบ ประเมินผล ผังงาน วิเคราะห์ และให้เหตผุ ล ของปญั หาหรอื ขอ้ บกพรอ่ ง 5. ซอฟต์แวร์ช่วยในการออกแบบและนำ�เสนอมี ทเี่ กิดขึ้น ภายใต้กรอบเงอื่ นไข หลากหลายชนิดจงึ ต้องเลือกใชใ้ ห้เหมาะกบั งาน หาแนวทางการปรบั ปรงุ แกไ้ ข และน�ำ เสนอผลการแกไ้ ขปญั หา 6. การก�ำ หนดขัน้ ตอนและระยะเวลาในการทำ�งานก่อน พรอ้ มทงั้ เสนอแนวทางการ ด�ำ เนินการแกป้ ัญหาจะช่วยให้การท�ำ งานสำ�เร็จได้ พฒั นาต่อยอด ตามเป้าหมาย และลดขอ้ ผิดพลาดของการท�ำ งานที่ อาจเกิดขึน้
หน่วยการ ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง จ�ำ นวน แนวทางการจดั การเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เรียนรู้ ชั่วโมง 7) การทดสอบและประเมินผลเปน็ การตรวจสอบ กิจกรรมท่ี 3.2 กรณศี ึกษาการ 1. การแก้ปญั หาหรือ คู่มอื การใช้หลักสูตร | กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้ินงานหรอื วธิ กี ารวา่ สามารถแกป้ ัญหาได้ตาม แกป้ ัญหาตามกระบวนการ พัฒนางานตาม วัตถุประสงคภ์ ายใตก้ รอบของปญั หา เพ่ือหา ออกแบบเชิงวิศวกรรม ขอ้ บกพรอ่ งและด�ำ เนนิ การปรบั ปรงุ โดยอาจ ภาระงาน : กระบวนการออกแบบ ทดสอบซ�ำ้ เพ่ือใหส้ ามารถแกไ้ ขปญั หาไดอ้ ยา่ ง 1. วเิ คราะห์กรณีศกึ ษาทก่ี ำ�หนดให้ เชิงวิศวกรรม มปี ระสิทธิภาพ แลว้ สรปุ ขั้นตอนการแก้ปญั หา 8) การนำ�เสนอผลงานเปน็ การถา่ ยทอดแนวคิดเพ่อื ให้ หรอื พัฒนางานตามกระบวนการ ผูอ้ ื่นเข้าใจเกยี่ วกบั กระบวนการท�ำ งานและช้ินงาน ออกแบบเชิงวิศวกรรม หรอื วธิ ีการทไี่ ด้ ซึง่ สามารถท�ำ ไดห้ ลายวิธี เช่น 2. แกป้ ัญหาหรอื พัฒนางานตาม การท�ำ แผน่ นำ�เสนอผลงาน การจัดนทิ รรศการ กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม การน�ำ เสนอผ่านสอื่ ออนไลน์ หรอื การน�ำ เสนอ จากสถานการณท์ ี่สนใจ ต่อภาคธรุ กิจเพือ่ การพฒั นาต่อยอดสูง่ านอาชีพหมายเหตุ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เร่ืองเทคโนโลยีกับชีวิต นำ�เสนอตัวอย่างการจัดการเรียนรู้ กิจกรรมที่ 1.1 ระบบทางเทคโนโลยีท่ีซับซ้อนและ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรื่อง การแก้ปัญหาตามกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม นำ�เสนอตัวอยา่ ง กิจกรรมท่ี 3.1 กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เท่านน้ั สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ตวั อยา่ งหน่วยการเรยี นรู้ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 4 63
ตัวอยา่ งหน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1เรอ่ื ง เทคโนโลยกี บั ชวี ติ1. ตัวช้วี ัดและสาระการเรียนรู้ 1.1 ตัวช้ีวัด วเิ คราะหแ์ นวคดิ หลกั ของเทคโนโลยี ความสมั พนั ธก์ บั ศาสตรอ์ น่ื โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตร์ หรอื คณติ ศาสตร์ รวมทง้ั ประเมินผลกระทบท่จี ะเกิดขึน้ ต่อมนษุ ย์ สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เพื่อเปน็ แนวทางในการพฒั นาเทคโนโลยี 1.2 สาระการเรียนรู้ 1) เทคโนโลยมี กี ารเปลย่ี นแปลงตลอดเวลาตงั้ แตอ่ ดตี จนถงึ ปจั จบุ นั ซง่ึ มสี าเหตหุ รอื ปจั จยั มาจากหลายดา้ น เชน่ ปัญหา ความตอ้ งการ ความก้าวหน้าของศาสตร์ตา่ ง ๆ เศรษฐกจิ สังคม วัฒนธรรม สง่ิ แวดล้อม 2) ระบบทางเทคโนโลยี เป็นกลุ่มของส่วนต่าง ๆ ตั้งแต่สองส่วนข้ึนไปประกอบเข้าด้วยกันและทำ�งานร่วมกัน เพอื่ ให้บรรลวุ ตั ถุประสงค์ โดยในการท�ำ งานของระบบทางเทคโนโลยีจะประกอบไปดว้ ย ตวั ป้อน (input) กระบวนการ (process) และผลผลิต (output) ที่สัมพันธ์กัน นอกจากน้ีระบบทางเทคโนโลยีอาจมีข้อมูลย้อนกลับ (feedback) เพ่ือใช้ปรับปรุงการทำ�งานได้ตามวัตถุประสงค์ โดยระบบทางเทคโนโลยีอาจมีระบบย่อยหลายระบบ (subsystems) ทท่ี �ำ งานสมั พนั ธก์ นั และหากระบบยอ่ ยใดท�ำ งานผิดพลาดจะส่งผลต่อการทำ�งานของระบบอืน่ ด้วย2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 อธบิ ายและวเิ คราะหร์ ะบบทางเทคโนโลยที ซี่ ับซอ้ นได้ 2.2 วเิ คราะหก์ ารทำ�งานผดิ พลาดของระบบทางเทคโนโลยีทซี่ ับซ้อนได้ 2.3 เสนอแนวทางการบำ�รุงรกั ษาระบบทางเทคโนโลยีได้ 2.4 วิเคราะหป์ ัจจัยทท่ี �ำ ใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยี 2.5 วิเคราะหผ์ ลกระทบของเทคโนโลยีทม่ี ีต่อมนษุ ย์ สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดลอ้ ม3. ทกั ษะและกระบวนการ 3.1 ทกั ษะการคิดเชงิ ระบบ 3.2 ทักษะการคดิ อย่างมีวิจารณญาณ 3.3 ทกั ษะการสือ่ สาร 3.4 ทกั ษะการทำ�งานรว่ มกับผู้อน่ื
สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ค่มู อื การใช้หลกั สูตร| กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์66 ตวั อย่างหน่วยการเรยี นรู้ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 44 . สาร ะส�ำ คญั เทคโนโลยีบางชนิดประกอบไปด้วยระบบย่อยหลายระบบทำ�งานสัมพันธ์กัน เรียกระบบน้ันว่า ระบบที่ซับซ้อน หากระบบยอ่ ยใดเกดิ ขอ้ ผดิ พลาดหรอื เสยี หายอาจสง่ ผลตอ่ การท�ำ งานของเทคโนโลยี ท�ำ ใหป้ ระสทิ ธภิ าพการท�ำ งานลดลง หรือไม่สามารถทำ�งานได้ ระบบทางเทคโนโลยีอาจเกิดความผิดพลาดได้ข้ึนอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุการใช้งาน ซงึ่ การวิเคราะห์สาเหตุการท�ำ งานทผ่ี ิดพลาดของระบบจะช่วยใหส้ ามารถยดื อายุการทำ�งานของเทคโนโลยีได้ การเลอื ก ใช้เทคโนโลยี ผู้ใช้หรือผู้พัฒนาเทคโนโลยีจำ�เป็นต้องคำ�นึงถึงผลกระทบของเทคโนโลยี ท้ังในด้านบวกและด้านลบ ท่สี ง่ ผลต่อมนุษย์ สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดลอ้ ม เทคโนโลยมี กี ารเปลย่ี นแปลงและเกดิ ขนึ้ ตลอดเวลา ขน้ึ อยกู่ บั ปจั จยั ตา่ ง ๆ ทที่ �ำ ใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงขน้ึ เชน่ สงั คม สง่ิ แวดลอ้ ม เศรษฐกจิ และวฒั นธรรม โดยการเปลย่ี นแปลงสว่ นใหญจ่ ะขน้ึ กบั องคค์ วามรทู้ ม่ี เี พม่ิ มากขน้ึ โดยเฉพาะความรู้ และความสัมพันธ์ด้านวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ ซึ่งส่งผลให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพของการ ใช้งานเทคโนโลยีให้ดยี ่งิ ขน้ึ และลดตน้ ทุนการผลติ5. สื่อประกอบการเรียนรู้ 5.1 ใบกิจกรรม เร่อื ง ระบบทางเทคโนโลยที ี่ซับซ้อน 5.2 ใบความรู้ เร่อื ง ตวั อยา่ งระบบทางเทคโนโลยีทีซ่ บั ซ้อน หมายเหตุ เป็นส่อื ประกอบการเรยี นรู้ เฉพาะกจิ กรรม ระบบทางเทคโนโลยีทซ่ี บั ซอ้ น6. แนวทางการจัดการเรียนรู้ 6.1 การจัดเตรียม ผูส้ อนเตรียมสื่อประกอบการเรียนรู้ ดังต่อไปนี้ 1) ใบกิจกรรม เรือ่ ง ระบบทางเทคโนโลยีทซ่ี บั ซอ้ น 2) ใบความรู้ เรื่อง ตัวอยา่ งระบบทางเทคโนโลยีทีซ่ บั ซ้อน 3) สือ่ อ่นื ๆ เช่น แผ่นพับ โปสเตอร์ วดี ทิ ศั น์เกย่ี วกบั ระบบทางเทคโนโลยีทซี่ บั ซอ้ น 6.2 ขนั้ ตอนด�ำ เนินการ กจิ กรรมท่ี 1.1 ระบบทางเทคโนโลยีทีซ่ ับซ้อน 1. ผสู้ อนทบทวนความรเู้ ดมิ ของผเู้ รยี นเรอื่ งระบบทางเทคโนโลยี โดยสมุ่ ใหผ้ เู้ รยี นยกตวั อยา่ งเทคโนโลยที สี่ นใจ พร้อมทั้งอธิบายระบบทางเทคโนโลยีของตวั อยา่ งท่ีนกั เรียนเลือก จากนั้นผู้สอนและผเู้ รยี นร่วมกนั อภปิ รายแนวคดิ หลกั ของระบบทางเทคโนโลยี 2. ผสู้ อนแบง่ กลมุ่ ผเู้ รยี นประมาณ 4-5 คนตอ่ กลมุ่ และศกึ ษาตวั อยา่ งใบความรู้ เรอ่ื ง ตวั อยา่ งระบบทางเทคโนโลยี ท่ีซับซอ้ น และสรุปแนวคดิ หลกั ท่ไี ด้จากใบความรู้ 3. ผู้เรียนสืบค้นเทคโนโลยีชนิดใหม่จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เช่น หนังสือ อินเทอร์เน็ต แหล่งเรียนรู้ในชุมชน มาเปน็ ตวั อยา่ งประกอบการวเิ คราะหร์ ะบบทางเทคโนโลยที ซี่ ับซ้อน แลว้ อภิปรายในประเดน็ ของระบบทางเทคโนโลยที ่ี ซับซ้อนของเทคโนโลยีชนิดน้นั การท�ำ งานผิดพลาดของระบบ ตลอดจนแนวทางการบ�ำ รุงรักษาเทคโนโลยีน้นั แล้วให้ ผูเ้ รียนบันทึกข้อมูลลงในใบกจิ กรรม เร่ือง ระบบทางเทคโนโลยีทซี่ ับซอ้ น จากนั้นผสู้ อนสมุ่ ผลงานเพือ่ ใหผ้ ้เู รยี นนำ�เสนอ และร่วมกนั อภปิ รายเกยี่ วกับระบบทางเทคโนโลยที ี่ซับซอ้ น 4. ผสู้ อนและผูเ้ รียนร่วมกนั สรปุ แนวคิดหลักของระบบทางเทคโนโลยที ซ่ี ับซ้อน การทำ�งานผิดพลาดของระบบ ตลอดจนแนวทางการการบ�ำ รงุ รกั ษาเทคโนโลยีน้นั
คมู่ ือการใช้หลกั สตู ร | กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 67 ตัวอยา่ งหน่วยการเรยี นรู้ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 47. การวัดและประเมนิ ผลรายการประเมิน วิธีการวัด เคร่ืองมอื ทใ่ี ช้วัด เกณฑก์ ารประเมนิ การผา่ น1.การอธิบายระบบทางเทคโนโลยี ตรวจใบกจิ กรรม ใบกจิ กรรม (ตอนที่ 1) คะแนน 13-16 หมายถงึ ดมี าก แบบสงั เกตพฤตกิ รรม คะแนน 9-12 หมายถงึ ดีทีซ่ บั ซ้อน การอภปิ ราย คะแนน 5-8 หมายถงึ พอใช้ ใบกิจกรรม (ตอนที่ 1) คะแนน 4 หมายถึง ปรับปรงุ2.วิเคราะห์ระบบทางเทคโนโลยี ตรวจใบกิจกรรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผเู้ รียนไดร้ ะดบั คุณภาพ ดี ข้นึ ไป ใบกจิ กรรม (ตอนท่ี 2) ถือว่าผ่านที่ซับซ้อน การอภิปราย แบบสังเกตพฤตกิ รรม ใบกิจกรรม (ตอนที่ 2) ผู้เรยี นไดร้ ะดับ 2 ขนึ้ ไปถอื วา่ ผ่าน3.วิเคราะห์การทำ�งานผิดพลาดของ ตรวจใบกจิ กรรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระบบทางเทคโนโลยีที่ซบั ซอ้ นได้ การอภปิ ราย แบบสงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม4. เสนอแนวทางการบ�ำ รงุ รกั ษาระบบ ตรวจใบกจิ กรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤตกิ รรมทางเทคโนโลยไี ด้ การอภปิ รายทักษะการคิดเชิงระบบ สังเกตพฤตกิ รรมทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ สงั เกตพฤติกรรมทักษะการส่ือสาร สังเกตพฤติกรรมทักษะการทำ�งานร่วมกับผู้อนื่ สงั เกตพฤติกรรมเกณฑร์ ะดับการใหค้ ะแนนประเดน็ การ 4 ระดับคะแนน 1 ประเมนิ 32การอธิบายระบบทาง อธบิ ายระบบทางเทคโนโลยี อธบิ ายระบบทางเทคโนโลยี อธบิ ายระบบทางเทคโนโลยี ไม่สามารถอธิบายระบบเทคโนโลยีท่ซี บั ซ้อน ทซ่ี บั ซอ้ นได้ถูกต้อง ทซี่ บั ซ้อนไดถ้ ูกตอ้ ง ท่ีซบั ซ้อนได้ถูกตอ้ ง ทางเทคโนโลยีที่ซบั ซ้อนได้ ครบถ้วน เป็นส่วนใหญ่ บางสว่ นการวิเคราะหก์ าร วิเคราะหก์ ารท�ำ งานของทำ�งานของระบบทาง วิเคราะหก์ ารท�ำ งานของ วิเคราะห์การทำ�งานของ วิเคราะหก์ ารท�ำ งานของ ระบบทางเทคโนโลยีเทคโนโลยีท่ีซบั ซอ้ น ระบบทางเทคโนโลยี ระบบทางเทคโนโลยี ระบบทางเทคโนโลยี ที่ซบั ซ้อนไมไ่ ด้ ท่ซี บั ซ้อนได้ถูกตอ้ ง ท่ซี บั ซอ้ นได้ถกู ตอ้ ง ทซ่ี บั ซ้อนไดถ้ ูกตอ้ งการวเิ คราะหก์ าร ครบถ้วน เป็นส่วนใหญ่ บางสว่ น วเิ คราะหก์ ารทำ�งานทำ�งานผดิ พลาดของ ผิดพลาดของระบบทางระบบทางเทคโนโลยี วิเคราะห์การท�ำ งาน วิเคราะหก์ ารท�ำ งาน วิเคราะห์การท�ำ งาน เทคโนโลยที ซ่ี ับซ้อนไม่ได้ท่ซี ับซอ้ น ผิดพลาดของระบบทาง ผดิ พลาดของระบบทาง ผดิ พลาดของระบบทางการเสนอแนวทางการ เทคโนโลยที ่ซี ับซอ้ น เทคโนโลยที ซ่ี ับซอ้ นได้เปน็ เทคโนโลยีทซี่ บั ซอ้ น ไม่สามารถเสนอแนวทางบำ�รุงรักษาระบบทาง ได้ถกู ต้องครบถ้วน สว่ นใหญ่ ได้บางสว่ น การบำ�รุงรกั ษาระบบทางเทคโนโลยที ่ซี บั ซ้อน เทคโนโลยีที่ซบั ซ้อนได้ เสนอแนวทางการบ�ำ รุง เสนอแนวทางการบ�ำ รุง เสนอแนวทางการบำ�รุง รักษาระบบทางเทคโนโลยี รักษาระบบทางเทคโนโลยี รกั ษาระบบทางเทคโนโลยี ท่ีซับซ้อนได้อยา่ งถูกตอ้ ง ทซ่ี บั ซอ้ นได้อยา่ งถกู ต้อง ท่ซี บั ซ้อนไดอ้ ยา่ งถูกต้อง เหมาะสมครบถ้วน เหมาะสมเป็นส่วนใหญ่ เหมาะสมเป็นบางสว่ น
สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ค่มู ือการใชห้ ลักสตู ร| กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์68 ตัวอยา่ งหนว่ ยการเรยี นรู้ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 เกณฑก์ ารตดั สนิ ระดับคุณภาพ คะแนน 13-16 คะแนน หมายถงึ ระดบั คุณภาพ ดีมาก คะแนน 9-12 คะแนน หมายถึง ระดับคณุ ภาพ ดี คะแนน 5-8 คะแนน หมายถึง ระดับคณุ ภาพ พอใช้ คะแนน 1-4 คะแนน หมายถงึ ระดับคุณภาพ ปรบั ปรงุ หมายเหตุ เกณฑ์การวัดและประเมินผลสามารถปรบั เปลยี่ นได้ตามเหมาะสม8. แหลง่ เรียนรู้ หอ้ งสมดุ หรอื สอ่ื ออนไลนเ์ กยี่ วกบั ระบบ โดยอาจใชค้ าํ สาํ คญั ในการสบื คน้ เชน่ ระบบทางเทคโนโลยี (technological system) ระบบทางเทคโนโลยที ี่ซบั ซ้อน (complex system) การท�ำ งานผดิ พลาดของระบบ (system failure)9. ขอ้ เสนอแนะ 9.1 ผู้สอนอาจนำ�เทคโนโลยีต่าง ๆ ท่ีประกอบด้วยระบบหลายระบบทำ�งานร่วมกันท้ังท่ีใช้และไม่ต้องใช้ไฟฟ้า ในการทำ�งาน เชน่ คอมพิวเตอร์ เครอื่ งมือส่อื สาร จักรยาน ของเล่น ให้ผู้เรียนศึกษา 9.2 ผสู้ อนอาจเชญิ ผูเ้ ช่ียวชาญเฉพาะด้านมาใหค้ วามร้ใู นช้ันเรียน เช่น วศิ วกร ช่างฝมี อื10. ตัวอยา่ งใบกิจกรรม ใบกิจกรรม เรอื่ ง ระบบทางเทคโนโลยที ่ีซับซ้อน
ค่มู อื การใช้หลกั สตู ร | กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 69 ตวั อย่างหน่วยการเรยี นรู้ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 ใบกจิ กรรม เรอื่ ง ระบบทางเทคโนโลยที ซี่ บั ซอ้ นตอนที่ 1 ใหน้ ักเรยี นสืบคน้ เทคโนโลยที ่สี นใจมาอย่างน้อย 1 อย่าง โดยตอ้ งเป็นเทคโนโลยีทม่ี รี ะบบการทำ�งานตัง้ แต่ 2 ระบบข้ึนไปทำ�งานร่วมกัน แล้ววิเคราะห์การทำ�งานของระบบทางเทคโนโลยีนั้น โดยเขียนเป็นแผนภาพสรุปองค์ประกอบของระบบทางเทคโนโลยีเทคโนโลยีที่สนใจ คอื ระบบการท�ำ งานของเทคโนโลยี ประกอบไปด้วยระบบยอ่ ย ระบบ ได้แก ่ เขยี นแผนภาพอธิบายการท�ำ งานของแต่ละระบบยอ่ ยทป่ี ระกอบกนั เปน็ ระบบทางเทคโนโลยีท่ีซับซอ้ นตอนที่ 2 จากเทคโนโลยีท่ีนักเรียนเลือกในตอนท่ี 1 ให้นักเรียนวิเคราะห์การทำ�งานผิดพลาดของระบบท่ีอาจเกิดข้ึนพร้อมทง้ั เสนอแนะแนวทางการบ�ำ รุงรกั ษาระบบยอ่ ย การท�ำ งานผดิ พลาด ผลกระทบต่อระบบ แนวทาง ขอ้ มูลย้อนกลับ ทางเทคโนโลยที ซ่ี บั ซอ้ น การบ�ำ รุงรักษา
สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) คู่มือการใช้หลกั สตู ร| กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์70 ตวั อยา่ งหน่วยการเรียนรู้ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ใบความรู้ เรอื่ ง ตวั อย่างระบบทางเทคโนโลยที ่ซี บั ซอ้ น เทคโนโลยีเปน็ ส่ิงทมี่ นุษย์สร้างหรอื พัฒนาข้นึ ซึง่ อาจเปน็ ไดท้ ้งั ชิน้ งานหรือวิธีการเพ่อื ใชแ้ กป้ ญั หา สนองความตอ้ งการ หรอื เพมิ่ ความสามารถในการท�ำ งานของมนุษย์การท�ำ งานของเทคโนโลยีแต่ละชนิดจะมีลกั ษณะแตกตา่ งกนั ไปตามวตั ถปุ ระสงค์ และจะมีการทำ�งานอย่างเป็นระบบ (system) ซ่ึงโดยทั่วไปแล้ว ระบบจะใช้เรียกการทำ�งานของส่ิงที่มีส่วนประกอบตั้งแต่สองส่วนขึ้นไปรวมเข้าดว้ ยกนั และแตล่ ะส่วนจะทำ�งานสมั พันธ์กันเพ่อื ใหส้ ามารถท�ำ งานไดต้ ามหนา้ ท่ี (function) เชน่ ปากกา ประกอบไปด้วยส่วนประกอบหลัก ๆ ไดแ้ ก่ ด้ามจับ น้�ำ หมกึ ไส้ปากกา และหัวปากกา ซ่ึงส่วนประกอบต่าง ๆ ของปากกาล้วนมหี นา้ ที่เฉพาะอยา่ งเพื่อใหป้ ากกาสามารถทำ�งานได้ตามวตั ถปุ ระสงค์ ระบบพบได้ท้ังในธรรมชาติและระบบท่ีมนุษย์สร้างขึ้น ซ่ึงในที่นี้จะกล่าวถึงระบบที่มนุษย์สร้างข้ึนหรือเรียกว่าระบบทางเทคโนโลยี ประกอบไปดว้ ย ตวั ปอ้ น (input) กระบวนการ (process) และผลผลติ (output) และบางระบบอาจมขี อ้ มลู ยอ้ นกลบั(feedback)ตวั ปอ� น กระบวนการ ผลผลิต(input) (process) (output) ข�อมลู ยอ� นกลับ (feedback) ระบบทางเทคโนโลยี ระบบทางเทคโนโลยที ซี่ บั ซอ้ น เปน็ ระบบยอ่ ยตงั้ แตส่ องระบบขน้ึ ไปท�ำ งานสมั พนั ธก์ นั และหากระบบยอ่ ยใดท�ำ งานผดิ พลาดจะทำ�ให้เทคโนโลยีน้ันทำ�งานไม่ได้หรือไม่สมบูรณ์ การเรียนรู้ระบบทางเทคโนโลยีท่ีซับซ้อนช่วยให้เราเข้าใจการทำ�งานของเทคโนโลยตี า่ ง ๆ สามารถวเิ คราะหส์ าเหตแุ ละน�ำ ไปสกู่ ารแกไ้ ขขอ้ ผดิ พลาด หรอื ขอ้ บกพรอ่ งเบอ้ื งตน้ เพอ่ื ใหเ้ ทคโนโลยนี น้ั ท�ำ งานได้ตามวัตถุประสงค์ เช่น เครื่องปรับอากาศโดยทั่วไปเราอาจมองเห็นเพียงส่วนประกอบหลัก ๆ ได้แก่ ตัวเครื่อง ฝาครอบแผน่ กรองอากาศ สายไฟ สวติ ช์ โดยสามารถวเิ คราะหร์ ะบบการท�ำ งานของเครอ่ื งปรบั อากาศไดด้ งั นี้ ตวั ปอ้ นของระบบนใ้ี ชไ้ ฟฟา้เป็นแหล่งพลังงานและการป้อนข้อมูลด้วยการกดปุ่มเปิด เพื่อให้เคร่ืองสามารถทำ�งานผ่านกระบวนการภายในของเคร่ืองปรับอากาศซึ่งมีระบบย่อยอยู่ภายในหลายส่วนทำ�งานร่วมกันให้ได้อากาศที่มีอุณหภูมิลดลงแล้วส่งออกมาเป็นอากาศเย็นอาจเรยี กวา่ เปน็ ผลผลติ ของการท�ำ งานของเคร่อื งปรบั อากาศ
คมู่ อื การใช้หลักสูตร | กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 71 ตวั อย่างหน่วยการเรยี นรู้ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4ตวั ป�อน (input) กระบวนการ (process) ผลผลติ (output)พลังงานไฟฟา� การทำงานของเครื่อง เพ่อื ปรบั อุณหภมู ิของห�อง อากาศทมี่ อี ณุ หภมู ิ ลดลง ใหล� ดลง ข�อมลู ย�อนกลบั (feedback) การสง� คา� อณุ หภูมิหอ� ง เพอ่ื ปรับใหต� วั เครือ่ งทำงาน ภาพ ระบบทางเทคโนโลยีของเคร่ืองปรบั อากาศ แต่หากวเิ คราะห์โดยละเอยี ดแลว้ จะพบว่า เครอ่ื งปรับอากาศมสี ่วนประกอบอื่น ๆ อกี หลายอยา่ งอยภู่ ายใน ทำ�หนา้ ทแ่ี ตกตา่ งกันไป เช่น ระบบปรับอากาศเป็นระบบที่มีสารพาความร้อนจากภายในห้องไปนอกห้อง ซึ่งมีระบบย่อยที่สำ�คัญทำ�งานร่วมกันได้แก่ ระบบอัดความดัน (compressor system) ระบบคอยล์ร้อน (condenser system) ระบบลดความดัน (expansionsystem) และระบบคอยล์เย็น (evaporator system)
สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ค่มู ือการใช้หลกั สตู ร| กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์72 ตัวอยา่ งหนว่ ยการเรียนรู้ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ระบบคอยลร� �อน (condenser system) input process outputเพ่ิมความดัน สารทำความเย็นที่รอ� น ระบายความรอ� น สารทำความเยน็ สง่ ผา่ นสารและขบั สารทำ� ออกไปภายนอก มีอณุ หภูมลิ ดลงและ ท�ำ ความเยน็ ท่ี ความร�อนถกู ถ�ายเท ระบบความร้อน ความเย็น ไปนอกห�องระบบอัดความดนั (compressor system) ระบบลดความดัน (expansion system)input process output input process outputสารทำความเยน็ การเพิม่ สารทำความเยน็ ระบบ สารทำความเยน็ การทำงานเพือ่ สารทำความเยน็ ความดันให� มคี วามดนั สงู การทำงาน ลดความดัน ท่มี อี ุณหภมู ิ สารทำ และเปลีย่ น ของเครอื่ ง สารทำความ ลดลงและสง� ตอ� ความเยน็ สถานะเป�น ปรบั อากาศ เย็น ไปในตวั เครอ่ื ง ของเหลว สง่ สารทำ� ระบบคอยล�เยน็ (evaporator system) ส่งสารทำ� ความเย็น ความเยน็ทดี่ ูดความร้อน input process output ในสถานะแกส๊ ภายในหอ้ ง สารทำความเย็น การดดู ความรอ� นของ สารทำความเยน็ ที่มอี ณุ หภูมิต่ำ สารทำความเยน็ จาก ที่ได�รบั ความรอ� น และเปน� แก�ส อากาศภายในหอ� ง จากในหอ� งเพือ่ ส�งต�อไปภายนอกห�อง องค์ประกอบและความสัมพนั ธข์ องระบบยอ่ ยในเคร่ืองปรบั อากาศ ในขณะเดยี วกนั ระบบการท�ำ งานของเครอื่ งปรบั อากาศจะมรี ะบบใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั อยดู่ ว้ ย เพอ่ื ชว่ ยในการตดั ไฟเมอ่ื อณุ หภมู ิห้องอยู่ในระดับท่ีเหมาะสมตามท่ีตั้งค่าไว้ซึ่งมีข้อดีในการช่วยประหยัดไฟอีกด้วย นอกจากน้ี หากผู้ใช้งานต้องการปรับเปลี่ยนอณุ หภมู หิ รอื ระดบั ความแรงของลมกส็ ามารถปรบั ระดบั ไดด้ ว้ ยการปอ้ นขอ้ มลู ผา่ นปมุ่ ทต่ี อ้ งการ ซง่ึ การใหข้ อ้ มลู ของผใู้ ชใ้ นลกั ษณะน้ีอาจเรยี กได้วา่ เปน็ ให้ขอ้ มูลยอ้ นกลับสู่ระบบการทำ�งานเพื่อให้ได้อุณหภมู หิ ้องตามท่ีต้องการ ระบบการทำ�งานของเคร่ืองปรับอากาศบางรุ่นจะมีระบบให้ข้อมูลย้อนกลับเพ่ิมเติม เช่น ระบบตรวจสอบอุณหภูมิและสภาพแวดลอ้ มภายในห้อง ระบบตรวจจับตำ�แหน่งของคนทีอ่ ยใู่ นห้องและกจิ กรรมที่ท�ำ ใหเ้ กดิ ความร้อน โดยจดจ�ำ และกระจายความเย็นให้กับทุกกิจกรรมได้อย่างแม่นยำ� ส่งลมเย็นเฉพาะจุดที่มีคน ลดพลังงานลงอัตโนมัติเม่ือมีกิจกรรมเคลื่อนไหวน้อยลดพลังงานลงอัตโนมัติเม่ือไม่มีคนอยู่ในห้อง และตรวจจับความเข้มของแสงอาทิตย์ ลดพลังงานเม่ือแสงน้อย ซ่ึงระบบการให้ขอ้ มลู ยอ้ นกลบั นี้ทำ�ให้ประหยดั พลังงาน การดแู ลรกั ษาเครอ่ื งปรบั อากาศท�ำ ไดโ้ ดยการลา้ งท�ำ ความสะอาดแผน่ กรองฝนุ่ อยา่ งนอ้ ยปลี ะ 2 ครง้ั หรอื บอ่ ยขนึ้ หากมปี รมิ าณฝนุ่ ในบรเิ วณทตี่ ดิ ตงั้ มาก ไมน่ �ำ อปุ กรณท์ มี่ คี วามรอ้ นหรอื ความชน้ื เขา้ ไปในหอ้ งปรบั อากาศ ไมเ่ ปดิ ประตหู นา้ ตา่ งหอ้ งปรบั อากาศและปรับอุณหภูมิท่ีเหมาะสมประมาณ 25 oC ก็จะช่วยให้เครื่องทำ�งานได้เต็มประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายจะเหน็ ไดว้ า่ เครอื่ งปรบั อากาศมรี ะบบยอ่ ยหลายระบบท�ำ งานรว่ มกนั เพอ่ื ใหเ้ ครอื่ งปรบั อากาศสามารถใชง้ านไดต้ ามตอ้ งการ และหากระบบยอ่ ยใดเกดิ ขอ้ ผดิ พลาดหรอื เสยี หายอาจสง่ ผลตอ่ การท�ำ งานของเครอ่ื งปรบั อากาศ ท�ำ ใหป้ ระสทิ ธภิ าพการท�ำ งานลดลงหรอื ไมส่ ามารถท�ำ งานได้
ตัวอยา่ งหนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 2เรอ่ื ง ความรู้และทักษะพืน้ ฐาน เฉพาะด้าน1. ตวั ชี้วัดและสาระการเรยี นรู้ 1.1 ตวั ชว้ี ัด ใชค้ วามรู้และทักษะเก่ียวกับวสั ดุ อุปกรณ์ และเทคโนโลยที ซี่ ับซ้อนในการแก้ปญั หาหรอื พัฒนางาน ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง เหมาะสม และปลอดภัย 1.2 สาระการเรยี นรู้ 1) วัสดุแต่ละประเภทมีสมบัติแตกต่างกัน เช่น ไม้ โลหะ พลาสติก เซรามิก จึงต้องมีการวิเคราะห์สมบัติเพ่ือเลือกใชใ้ ห้เหมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน 2) อปุ กรณแ์ ละเครอ่ื งมอื ในการสรา้ งชน้ิ งานหรอื พฒั นาวธิ กี ารมหี ลายประเภท ตอ้ งเลอื กใชใ้ หถ้ กู ตอ้ ง เหมาะสมและปลอดภยั รวมทัง้ รู้จักเก็บรักษา 3) การสร้างช้ินงานอาจใช้ความรู้เร่ืองกลไก ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เช่น LDR sensor เฟือง รอก คานวงจรส�ำ เรจ็ รปู2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 วเิ คราะหแ์ ละเลอื กใชว้ สั ดุ และเครอ่ื งมอื พน้ื ฐาน เพอ่ื เปน็ แนวทางในการสรา้ งหรอื พฒั นาชนิ้ งานไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสม และปลอดภัย 2.2 วเิ คราะหห์ ลกั การท�ำ งานกลไก ไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เพอื่ เปน็ แนวทางในการสรา้ งหรอื พฒั นาชน้ิ งานไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง เหมาะสม และปลอดภัย3. ทักษะและกระบวนการท่ีเปน็ จุดเนน้ 3.1 ทกั ษะการคดิ เชงิ ระบบ 3.2 ทกั ษะการคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ 3.3 ทักษะการสอ่ื สาร 3.4 ทกั ษะการท�ำ งานรว่ มกับผู้อ่นื
สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) คูม่ อื การใช้หลักสตู ร| กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์74 ตัวอยา่ งหน่วยการเรียนรู้ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 44. สาระส�ำ คัญ วสั ดใุ นปจั จบุ นั มอี ยหู่ ลายประเภท แตล่ ะประเภทมสี มบตั แิ ตกตา่ งกนั ไป เราจงึ เลอื กใชว้ สั ดใุ หเ้ หมาะสมกบั การใชง้ านและต้องเลือกใช้เคร่ืองมือในการปฏิบัติงานพื้นฐานให้เหมาะสมกับวัสดุที่เลือกใช้ เช่น การตัด และการเจาะ การใช้เครอ่ื งมอื ต่าง ๆ ชว่ ยอำ�นวยความสะดวก และเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพในการท�ำ งาน โดยจะตอ้ งใช้งานใหถ้ กู ตอ้ ง และค�ำ นงึ ถงึความปลอดภัย ผู้ปฏิบัติงานจะต้องมีความรู้เก่ียวกับการใช้เคร่ืองมือเป็นอย่างดี ตรวจสอบความพร้อมของเคร่ืองมือให้อยู่ในสภาพพรอ้ มใช้งานอยู่ตลอดเวลา กลไก อุปกรณ์ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นองค์ประกอบสำ�คัญท่ีช่วยให้การทำ�งานของส่ิงของเคร่ืองใช้ในชีวิตประจำ�วันของมนุษย์มีประสิทธิภาพหรือช่วยอำ�นวยความสะดวกในการทำ�งานมากขึ้น หากสังเกตสิ่งของเครอ่ื งใช้รอบตัวจะพบว่าสงิ่ ของเครอ่ื งใช้เหลา่ น้นั มกี ารพฒั นาจนมคี วามซบั ซ้อนมากขนึ้ มีการใชอ้ ุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกส์มาชว่ ยในการทำ�งานให้เปน็ อัตโนมตั มิ ากขึ้น ทงั้ นกี้ ็เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ท่มี มี ากขึ้นน่ันเอง5. สอื่ ประกอบการเรยี นรู้ 5.1 ใบกิจกรรมที่ 1 เรื่อง สมบตั ิของวสั ดุ 5.2 ใบกิจกรรมที่ 2 เรอื่ ง เครอื่ งมอื พน้ื ฐาน 5.3 ใบกจิ กรรมที่ 3 เรอ่ื ง กลไกที่ชว่ ยเพิ่มประสทิ ธิภาพการทำ�งาน 5.4 ใบกจิ กรรมท่ี 4 เรื่อง เครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้าทพ่ี บในชวี ิตประจำ�วนั6. แนวทางการจัดการเรียนรู้ 6.1 การจัดเตรียม ผ้สู อนเตรียมส่อื ประกอบการเรียนรู้ ดังตอ่ ไปนี้ 1) วีดทิ ัศนท์ เ่ี ก่ียวข้องกบั สงิ่ ของเครอื่ งใช้ ที่มกี ลไก หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์เป็นสว่ นประกอบ 2) ใบกจิ กรรมท่ี 1-4 3) วสั ดุ เคร่ืองมือ อุปกรณ์ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์ 6.2 ข้ันตอนดำ�เนินการกจิ กรรมท่ี 2.1 วัสดุ และเครื่องมือพ้ืนฐานตอนที่ 1 สมบัตขิ องวัสดุ 1) ผเู้ รยี นศกึ ษาเกย่ี วกบั สมบตั ขิ องวสั ดุ จากแหลง่ เรยี นรทู้ ผี่ สู้ อนก�ำ หนดให้ หรอื แหลง่ เรยี นรอู้ นื่ ๆ จากนน้ั ผสู้ อนและผ้เู รียนอภิปรายเกยี่ วกับสมบัติของวัสดใุ นแต่ละดา้ น 2) แบง่ กลมุ่ ผเู้ รยี นและใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ส�ำ รวจสง่ิ ของเครอื่ งใชภ้ ายในโรงเรยี น และเลอื กสง่ิ ของเครอื่ งใชท้ ป่ี ระกอบดว้ ยวสั ดอุ ยา่ งนอ้ ย 2 ประเภท ท่นี ักเรยี นสนใจมากลุ่มละ 1 ชนิด เช่น ตู้เก็บเอกสาร เคร่ืองกดน้ำ�ด่ืม จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นระบุส่วนประกอบของสิ่งของเคร่ืองใช้ ประเภทและสมบัติของวัสดุที่นำ�มาสร้าง พร้อมให้เหตุผลท่ีเลือกใช้วัสดุดังกล่าวมาสร้างสิง่ ของเครื่องใช้ โดยบนั ทึกในใบกจิ กรรมที่ 1 เร่ือง สมบัตขิ องวสั ดุ จากน้ันน�ำ เสนอและอภปิ รายร่วมกัน
คู่มือการใช้หลกั สูตร | กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 75 ตัวอยา่ งหน่วยการเรียนรู้ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4ตอนท่ี 2 เครอ่ื งมือพ้นื ฐาน 1) ผู้เรียนศึกษาเก่ียวกับวิธีการใช้งานของเคร่ืองมือพ้ืนฐาน รวมท้ังข้อควรระวัง ความปลอดภัยในการใช้งานและการบำ�รุงรักษา จากน้ันรว่ มกนั อภปิ รายลักษณะการใชง้ านของเครอื่ งมอื พ้นื ฐานแต่ละประเภท 2) แบง่ กลุม่ ผูเ้ รยี นและใหแ้ ต่ละกลมุ่ สำ�รวจสิ่งของเครื่องใช้ภายในโรงเรียน และเลือกสง่ิ ของเครอ่ื งใชท้ ่ีผูเ้ รยี นสนใจกลุ่มละ 1 ชนิด เช่น ตู้เก็บเอกสาร เครื่องกดนำ้�ดื่ม จากนั้นให้ผู้เรียนระบุว่าใช้เครื่องมือพ้ืนฐานประเภทใดบ้างในการสร้าง เหตุผลในการใชง้ าน และอุปกรณป์ อ้ งกนั ทเี่ หมาะสม โดยผ้สู อนต้องค�ำ นงึ ถึงสง่ิ ของเครอื่ งใชท้ ีผ่ เู้ รียนเลอื กว่าจะต้องใชเ้ ครื่องมืออยา่ งน้อย 2 ประเภทในการสรา้ ง เพื่อใหผ้ ้เู รยี นสามารถวิเคราะห์ขอ้ มูลเกีย่ วกับเคร่ืองมอื พ้นื ฐานที่นำ�มาใช้ในการสร้างสิ่งของเคร่ืองใช้ได้ถูกต้อง บันทึกลงในใบกิจกรรมท่ี 2 เร่ือง เคร่ืองมือพ้ืนฐาน (ชิ้นงานอาจเป็นชิน้ เดยี วกบั ใบกิจกรรมที่ 1) จากนนั้ นำ�เสนอและอภปิ รายรว่ มกนักจิ กรรมท่ี 2.2 กลไก ไฟฟ้าและอเิ ล็กทรอนกิ ส์ตอนที่ 1 กลไก 1) ผ้สู อนนำ�วดี ทิ ัศนห์ รอื ภาพตัวอยา่ งเครือ่ งกลทใ่ี ชใ้ นสิง่ ของเครือ่ งใช้ตา่ ง ๆ เชน่ รอก เฟอื ง นวิ เมติกส์ (กลไกเบรกประตรู ถเมล์ ลกู สบู ) ไฮดรอลกิ (รถเครน รถดบั เพลงิ ) มาอภปิ รายรว่ มกบั ผเู้ รยี นในประเดน็ การวเิ คราะหเ์ กยี่ วกบั เครอ่ื งกลทเี่ ปน็ ส่วนประกอบในสิ่งของเคร่ืองใชท้ ี่เป็นกลไกในการท�ำ งานถกู ตอ้ ง เหมาะสมและปลอดภยั 2) แบ่งกลุ่มผู้เรียนและให้ผู้เรียนสำ�รวจสิ่งของเคร่ืองใช้ภายในโรงเรียน และเลือกส่ิงของเครื่องใช้ท่ีผู้เรียนสนใจกลมุ่ ละ 1 ชนดิ จากนน้ั ใหผ้ เู้ รยี นรว่ มกนั อภปิ รายในประเดน็ วเิ คราะหเ์ กย่ี วกบั กลไกทเ่ี ปน็ สว่ นประกอบในสง่ิ ของเครอ่ื งใช้หน้าท่แี ละเงื่อนไขการท�ำ งานของกลไก และอุปกรณ์ทไี่ ดร้ บั ผลกระทบจากการทำ�งานของกลไกตอนที่ 2 ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์ 1) ผู้สอนชวนผู้เรียนอภิปรายเก่ียวกับการที่มนุษย์สามารถรับรู้การเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวด้วยประสาทสัมผัส (รปู รส กลนิ่ เสียง การสมั ผสั ) 2) ผู้สอนยกตัวอย่างและตั้งประเด็นคำ�ถามเกี่ยวกับการนำ�เซ็นเซอร์ (sensor) มาใช้แทนการรับรู้ของมนุษย์ เช่นหากผเู้ รยี นรสู้ กึ เปน็ ไข้ วดั อณุ หภมู ขิ องรา่ งกายเบอื้ งตน้ ไดอ้ ยา่ งไร มอี ปุ กรณใ์ ดทใี่ ชว้ ดั ความรอ้ นในรา่ งกายแทนการสมั ผสั 3) แบง่ กลมุ่ ผู้เรยี นและใหแ้ ต่ละกลุ่มอภปิ รายวา่ เซ็นเซอรต์ อ้ งใช้งานรว่ มกับอปุ กรณอ์ นื่ ๆ ชนดิ ใดบา้ ง เชน่ เซน็ เซอร์มอเตอร์ ตวั ต้านทาน ตวั เกบ็ ประจุ ไดโอด วงจรส�ำ เรจ็ รปู แผงควบคมุ ขนาดเลก็ จากนน้ั แตล่ ะกลมุ่ สบื คน้ ขอ้ มูลเกย่ี วกบัหลักการท�ำ งานของอุปกรณเ์ หล่าน้ัน 4) ผูส้ อนและผู้เรยี นร่วมกันสรปุ เกยี่ วกับหลักการทำ�งานของอปุ กรณ์เหลา่ นัน้ 5) ผู้เรียนแต่ละกลุ่มสำ�รวจเครื่องใช้ไฟฟ้าที่พบในชีวิตประจำ�วัน ซ่ึงมีอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนประกอบในระบบ แลว้ วเิ คราะห์ในประเด็น ดังต่อไปนี้ ชนดิ ของเครือ่ งใชไ้ ฟฟ้าทผี่ ู้เรยี นเลือก และมีจุดประสงคใ์ นการใชง้ านอย่างไร เครื่องใช้ไฟฟ้ามีส่วนประกอบของอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอน ิก ส์ประเภทใดบ้าง เช่น เซ็นเซอร์ มอเตอร์ตวั ตา้ นทาน ตวั เกบ็ ประจุ ไดโอด วงจรส�ำ เรจ็ รปู แผงควบคมุ ขนาดเลก็ มหี นา้ ทก่ี ารท�ำ งานอยา่ งไรในเครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ ชนดิ นน้ัจากนน้ั บันทึกในใบกจิ กรรมที่ 4 เร่อื ง เครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ ท่พี บในชวี ติ ประจำ�วัน 6) ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปความรู้เก่ียวกับการนำ�อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่นำ�มาช่วยอำ�นวยความสะดวกในการทำ�งาน
สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) คู่มือการใช้หลกั สตู ร| กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์76 ตัวอย่างหนว่ ยการเรียนรู้ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 47. การวดั และประเมินผลรายการประเมนิ วิธีการวดั เคร่ืองมือวดั เกณฑก์ ารประเมินการผ่าน ใบกจิ กรรมที่ 11. การวเิ คราะหป์ ระเภทและอธบิ าย ตรวจใบกิจกรรม คะแนน 13–16 หมายถึง ดมี าก สมบตั ิของวสั ดุในสิ่งของเครื่องใช้ ใบกิจกรรมที่ 2 คะแนน 9–12 หมายถงึ ดี พรอ้ มใหเ้ หตผุ ลในการเลอื กใชว้ สั ดุ ตรวจใบกิจกรรม ใบกิจกรรมท่ี 3 คะแนน 5-8 หมายถึง พอใช้ ตรวจใบกิจกรรม คะแนน 1-4 หมายถึง ปรบั ปรุง2. การวิเคราะห์เครื่องมือพนื้ ฐาน ผู้เรยี นไดร้ ะดับคุณภาพ ดี ขึน้ ไป ในการสรา้ งสิง่ ของเครื่องใช้ ตรวจใบกิจกรรม ถือว่าผา่ น3. การวิเคราะหห์ ลกั การท�ำ งานและ การสงั เกตพฤติกรรม ใบกิจกรรมท่ี 4 การใช้งานของกลไกในส่งิ ของ การสงั เกตพฤตกิ รรม เครือ่ งใช้ การสงั เกตพฤติกรรม แบบประเมนิ พฤตกิ รรม ผู้เรยี นได้ระดบั 2 ขึน้ ไปถอื ว่าผา่ น การสงั เกตพฤติกรรม แบบประเมินพฤตกิ รรม4. การวิเคราะหก์ ารใชง้ านและ แบบประเมินพฤติกรรม สว่ นประกอบของอุปกรณ์ไฟฟ้า แบบประเมนิ พฤตกิ รรม และอเิ ล็กทรอนกิ ส์ในสิ่งของ เคร่อื งใช้ทกั ษะการคดิ เชงิ ระบบทกั ษะการคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณทักษะการส่อื สารทักษะการทำ�งานร่วมกบั ผู้อนื่
คู่มอื การใช้หลกั สตู ร | กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 77 ตัวอย่างหน่วยการเรยี นรู้ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4เกณฑร์ ะดับการใหค้ ะแนนประเดน็ การ 4 ระดับคะแนน 1 ประเมนิ 321. การวเิ คราะห์ วเิ คราะหป์ ระเภทและ วิเคราะห์ประเภทและ วิเคราะห์ประเภทและ วิเคราะห์ประเภทและ ประเภทและอธบิ าย อธบิ ายสมบัติของวัสดุ อธิบายสมบตั ขิ องวัสดุ อธิบายสมบัติของวสั ดุ อธิบายสมบัติของวัสดุ สมบตั ขิ องวัสดุใน พรอ้ มให้เหตุผลของการใช้ พรอ้ มให้เหตุผลของการใช้ พรอ้ มใหเ้ หตผุ ลของการใช้ พรอ้ มใหเ้ หตผุ ลของการใช้ สิง่ ของเครอ่ื งใช้ วสั ดไุ ดถ้ กู ตอ้ ง ตรงประเดน็ วสั ดไุ ดถ้ กู ตอ้ ง ตรงประเดน็ วสั ดไุ ดถ้ กู ตอ้ ง ตรงประเดน็ วสั ดไุ ดถ้ กู ตอ้ ง ตรงประเดน็ พร้อมใหเ้ หตุผล ใน เหมาะสมกับลกั ษณะ เหมาะสมกับลักษณะ เหมาะสมกบั ลักษณะ เหมาะสมกบั ลกั ษณะ การเลือกใช้วัสดุให้ ของงาน ได้สมบูรณ์ ของงาน ไดส้ มบรู ณ์ ของงาน ได้สมบรู ณ์ ของงาน ไดส้ มบูรณ์ เหมาะสมกับ มากกวา่ 3 อย่าง 3 อยา่ ง 2 อยา่ ง 1 อย่าง ลักษณะของงาน วเิ คราะหเ์ ครอ่ื งมอื พ้ืนฐาน วเิ คราะหเ์ ครื่องมือพื้นฐาน วิเคราะหเ์ ครื่องมอื พน้ื ฐาน2. การวิเคราะห์ วิเคราะหเ์ คร่ืองมือพื้นฐาน ทใ่ี ช้ในการสรา้ งสง่ิ ของ ท่ใี ช้ในการสรา้ งสิ่งของ ท่ีใช้ในการสรา้ งสิง่ ของ เครอ่ื งมือพ้นื ฐาน ที่ใชใ้ นการสร้างสง่ิ ของ เครอ่ื งใช้ ถูกต้อง เครือ่ งใช้ ถูกต้อง เครื่องใช้ ถูกต้อง ในการสร้างส่ิงของ เคร่อื งใช้ ถกู ตอ้ ง ตรงประเด็น ได้สมบรู ณ์ ตรงประเดน็ ไดส้ มบรู ณ์ ตรงประเด็น ได้สมบูรณ์ เครือ่ งใช้ ตรงประเด็น ได้สมบรู ณ์ 3 อย่าง 2 อย่าง 1 อยา่ ง มากกวา่ 3 อย่าง การวเิ คราะหห์ ลกั การ การวิเคราะห์หลักการ การวเิ คราะหห์ ลักการ ทำ�งานและการใชง้ านของ ท�ำ งานและการใชง้ านของ ทำ�งานและการใชง้ านของ3. การวิเคราะห์ การวเิ คราะห์หลักการ กลไก ในส่ิงของ เครอ่ื งใช้ กลไก ในสิง่ ของ เครื่องใช้ กลไก ในส่ิงของ เคร่อื งใช้ หลกั การทำ�งานและ ท�ำ งานและการใชง้ านของ ถูกตอ้ งตรงประเดน็ ถกู ต้องตรงประเดน็ ถูกตอ้ งตรงประเด็น การใชง้ านของกลไก กลไก ในส่ิงของเคร่ืองใช้ ได้สมบรู ณ์ 3 อยา่ ง ได้สมบรู ณ์ 2 อยา่ ง ไดส้ มบรู ณ์ 1 อย่าง ในสิง่ ของเคร่อื งใช้ ถูกตอ้ งตรงประเด็น ไดส้ มบรู ณ์ มากกว่า วเิ คราะหก์ ารใช้งานและ วเิ คราะหก์ ารใช้งานและ วิเคราะห์การใชง้ านและ 3 อย่าง ส่วนประกอบของอุปกรณ์ ส่วนประกอบของอปุ กรณ์ สว่ นประกอบของอุปกรณ์ ไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนกิ ส์ ไฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนิกส์4. การวิเคราะห์ วิเคราะหก์ ารใชง้ านและ ในเคร่ืองใชไ้ ฟฟา้ ทก่ี �ำ หนด ในเครอื่ งใช้ไฟฟ้าทก่ี ำ�หนด ในเคร่อื งใช้ไฟฟ้าที่ก�ำ หนด การใช้งานและ ส่วนประกอบของอุปกรณ์ ถกู ตอ้ งตรงประเดน็ ถูกตอ้ งตรงประเด็น ถกู ต้องตรงประเดน็ สว่ นประกอบของ ไฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนิกส์ ได้สมบรู ณ์ 3 อยา่ ง ไดส้ มบรู ณ์ 2 อยา่ ง ได้สมบูรณ์ 1 อย่าง อุปกรณ์ไฟฟ้าและ ในเคร่อื งใชไ้ ฟฟ้าที่ก�ำ หนด อิเล็กทรอนิกส์ ถูกตอ้ งตรงประเดน็ ของส่ิงของเครอื่ งใช้ ได้สมบูรณ์ มากกว่า 3 อย่างเกณฑก์ ารตดั สินระดับคุณภาพ คะแนน 13-16 คะแนน หมายถึง ระดบั คุณภาพ ดมี าก คะแนน 9-12 คะแนน หมายถงึ ระดับคุณภาพ ดี คะแนน 5-8 คะแนน หมายถงึ ระดับคุณภาพ พอใช้ คะแนน 1-4 คะแนน หมายถึง ระดบั คุณภาพ ปรับปรงุหมายเหตุ เกณฑ์การวดั และประเมินผลสามารถปรบั เปลยี่ นไดต้ ามความเหมาะสม
สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ค่มู อื การใชห้ ลักสตู ร| กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์78 ตวั อย่างหนว่ ยการเรยี นรู้ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 48. แหลง่ เรียนรู้ 8.1 แหลง่ เรียนรู้ในโรงเรียนหรอื ชุมชน 8.2 คลังความรู้ สสวท. http://www/scimath.org/9. ขอ้ เสนอแนะ 9.1 ผสู้ อนอาจเชญิ ผู้เชี่ยวชาญมาใหค้ วามรูก้ ับผู้เรียน 9.2 ผูส้ อนอาจนำ�ตวั อยา่ งอปุ กรณข์ องจรงิ มาประกอบการจดั การเรียนรู้10. ตวั อย่างใบกจิ กรรม ประกอบด้วยใบกจิ กรรม 4 ใบ ใบกจิ กรรมที่ 1 เรอ่ื ง สมบัติของวัสดุ ใบกจิ กรรมท่ี 2 เรอื่ ง เคร่อื งมือพ้นื ฐาน ใบกจิ กรรมที่ 3 เรอื่ ง กลไกที่ช่วยเพ่ิมประสิทธภิ าพการทำ�งาน ใบกิจกรรมท่ี 4 เร่ือง เครอ่ื งใช้ไฟฟา้ ที่พบในชีวิตประจำ�วัน
คมู่ อื การใชห้ ลักสูตร | กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 79 ตวั อยา่ งหนว่ ยการเรียนรู้ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ใบกจิ กรรมท่ี 1 เรอ่ื ง สมบัติของวสั ดุคำ�ชี้แจง ใหน้ ักเรยี นสำ�รวจสง่ิ ของเครือ่ งใช้ภายในโรงเรียน และเลอื กสิ่งของเครื่องใชท้ ี่ประกอบด้วยวสั ดอุ ย่างนอ้ ย 2 ประเภททนี่ กั เรยี นสนใจมากลมุ่ ละ 1 ชนดิ เชน่ ตเู้ กบ็ เอกสาร เครอ่ื งกดน�ำ้ ดมื่ จากนนั้ ใหน้ กั เรยี นวเิ คราะห์ สว่ นประกอบของสงิ่ ของเครอื่ งใช้ ประเภทและสมบัตขิ องวัสดทุ น่ี ำ�มาสร้าง พร้อมใหเ้ หตุผลท่เี ลือกใชว้ ัสดุดังกล่าวมาสร้างส่งิ ของเคร่อื งใช้ ชอ่ื สงิ่ ของเครอื่ งใช้ ภาพสง่ิ ของเครื่องใชท้ ี่นักเรยี นเลือก ส่วนประกอบ ประเภทของวสั ดุ สมบตั ขิ องวสั ดุ เหตุผลทเี่ ลอื กใช้ ของส่ิงของเครอื่ งใช้1.2.3.4.
สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี คู่มือการใชห้ ลกั สตู ร| กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์80 ตวั อย่างหน่วยการเรียนรู้ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ใบกจิ กรรมที่ 2 เรอื่ ง เคร่ืองมือพ้ืนฐานคำ�ช้ีแจง ให้แต่ละกลุ่มสำ�รวจสิ่งของเคร่ืองใช้ภายในโรงเรียน และเลือกส่ิงของเครื่องใช้ที่ผู้เรียนสนใจกลุ่มละ 1 ชนิด เช่นต้เู กบ็ เอกสาร เครือ่ งกดน�ำ้ ดื่ม โดยผสู้ อนตอ้ งคำ�นงึ ถึงสิง่ ของเครอื่ งใช้ทผี่ ูเ้ รยี นเลือก วา่ จะตอ้ งใช้เครือ่ งมอื อย่างน้อย 2 ประเภทในการสรา้ ง จากน้ันใหน้ กั เรียนศึกษาในประเด็นดงั ต่อไปน้ี สิง่ ของเคร่อื งใช้น้นั ใช้เครื่องมอื พนื้ ฐานใดบา้ งในการสรา้ ง เครอ่ื งมือพ้นื ฐานนน้ั นำ�มาใชใ้ นการสรา้ งชนิ้ งานอยา่ งไร เช่น ตดั เจาะ ยดึ ประกอบ อุปกรณป์ อ้ งกันทจี่ ำ�เป็นท่ตี อ้ งมใี นขณะการสรา้ งชิ้นงานหรอื ใช้เครอ่ื งมอื พื้นฐาน ช่ือส่ิงของเครือ่ งใช้ภาพส่งิ ของเครือ่ งใช้ทนี่ กั เรยี นเลือก เครอ่ื งมอื พื้นฐาน เหตผุ ลในการใช้ อุปกรณป์ อ้ งกนั ท่เี หมาะสม1.2.3.4.
คู่มอื การใช้หลักสตู ร | กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 81 ตวั อย่างหน่วยการเรียนรู้ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ใบกจิ กรรมท่ี 3 เร่ือง กลไกที่ช่วยเพมิ่ ประสิทธภิ าพการท�ำ งานคำ�ช้ีแจง ให้นักเรียนสำ�รวจส่ิงของเครื่องใช้ภายในโรงเรียน และเลือกสิ่งของเคร่ืองใช้ที่นักเรียนสนใจกลุ่มละ 1 ชนิด จากน้ันใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายในประเด็นดังต่อไปน้ี สิง่ ของเคร่ืองใช้ท่สี นใจมีกลไกประเภทใดเปน็ ส่วนประกอบ หน้าทแี่ ละเง่ือนไขการทำ�งานของกลไกทีเ่ ป็นส่วนประกอบ อปุ กรณท์ ไ่ี ดร้ ับผลกระทบจากการทำ�งานของกลไก ชอื่ ส่ิงของเคร่ืองใช้ภาพส่ิงของเครื่องใชท้ ี่นักเรยี นเลือก ประเภทของกลไก หนา้ ทแ่ี ละเงอ่ื นไขการท�ำ งาน อปุ กรณท์ ่ีไดร้ บั ผลกระทบจากการทำ�งานของกลไก1.2.3.4.
สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี คูม่ อื การใช้หลกั สตู ร| กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์82 ตัวอยา่ งหน่วยการเรยี นรู้ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ใบกิจกรรมท่ี 4 เครื่องใชไ้ ฟฟ้าทีพ่ บในชวี ติ ประจำ�วันค�ำ ชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ส�ำ รวจเครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ ทพ่ี บในชวี ติ ประจ�ำ วนั ซง่ึ มอี ปุ กรณไ์ ฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนกิ สเ์ ปน็ สว่ นประกอบในระบบ แล้ววเิ คราะห์ในประเด็น ดังต่อไปนี้ ประเภทของเครอ่ื งใช้ไฟฟ้าท่ผี ้เู รียนเลือก และมีจดุ ประสงคใ์ นการใช้งานอยา่ งไร เครื่องใช้ไฟฟ้ามีส่วนประกอบของอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ประเภทใดบ้าง เช่น เซ็นเซอร์ มอเตอร์ ตัวต้านทานตัวเกบ็ ประจุ ไดโอด วงจรสำ�เร็จรูป แผงควบคุมขนาดเลก็ มหี น้าทก่ี ารทำ�งานอย่างไรในเครื่องใชไ้ ฟฟ้าชนิดน้ัน ชอ่ื ส่งิ ของเคร่ืองใช้ ภาพส่งิ ของเครอื่ งใชท้ ่นี ักเรียนเลอื ก หนา้ ท่ี หลักการทำ�งาน ส่วนประกอบของอุปกรณไ์ ฟฟา้ และอิเล็กทรอนกิ ส์1.2.3.4.
ตัวอยา่ งหน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3เร่อื ง การแก้ปญั หาตามกระบวนการ ออกแบบเชงิ วิศวกรรม1. ตัวชว้ี ัดและสาระการเรยี นรู้ 1.1 ตวั ช้ีวัด 1) ระบุปัญหาหรือความต้องการท่ีมีผลกระทบต่อสงั คม รวบรวม วิเคราะหข์ ้อมลู และแนวคิดที่เกยี่ วข้องกบัปญั หาทม่ี คี วามซบั ซอ้ นเพอ่ื สงั เคราะหว์ ธิ กี าร เทคนคิ ในการแกป้ ญั หา โดยค�ำ นงึ ถงึ ความถกู ตอ้ งดา้ นทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญา 2) ออกแบบวธิ กี ารแกป้ ญั หา โดยวเิ คราะหเ์ ปรยี บเทยี บ และตดั สนิ ใจเลอื กขอ้ มลู ทจ่ี �ำ เปน็ ภายใตเ้ งอ่ื นไขและทรัพยากรที่มีอยู่ นำ�เสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้ผู้อื่นเข้าใจด้วยเทคนิคหรือวิธีการท่ีหลากหลาย โดยใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการออกแบบ วางแผนขน้ั ตอนการทำ�งานและดำ�เนินการแก้ปัญหา 3) ทดสอบ ประเมินผล วิเคราะห์และให้เหตุผลของปัญหาหรือข้อบกพร่องที่เกิดข้ึนภายใต้กรอบเง่ือนไขหาแนวทางการปรบั ปรงุ แก้ไข และน�ำ เสนอผลการแก้ปญั หา พรอ้ มทง้ั เสนอแนวทางการพัฒนาตอ่ ยอด 1.2 สาระการเรยี นรู้ 1) ปญั หาหรือความตอ้ งการทมี่ ผี ลกระทบตอ่ สงั คม เช่น ปัญหาดา้ นการเกษตร อาหาร พลงั งาน การขนสง่สุขภาพและการแพทย์ การบริการ ซงึ่ แตล่ ะด้านอาจมไี ดห้ ลากหลายปญั หา 2) การวเิ คราะหส์ ถานการณป์ ญั หาโดยอาจใชเ้ ทคนคิ หรอื วธิ กี ารวเิ คราะหท์ ห่ี ลากหลาย ชว่ ยใหเ้ ขา้ ใจเงอ่ื นไขและกรอบของปญั หาไดช้ ดั เจน จากนน้ั ด�ำ เนนิ การสบื คน้ รวบรวมขอ้ มลู ความรจู้ ากศาสตรต์ า่ ง ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง เพอ่ื น�ำ ไปสู่การออกแบบแนวทางการแกป้ ญั หา 3) การวเิ คราะห์ เปรยี บเทยี บ และตดั สนิ ใจเลอื กขอ้ มลู ทจ่ี �ำ เปน็ โดยค�ำ นงึ ถงึ ทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญา เงอ่ื นไขและทรพั ยากร เชน่ งบประมาณ เวลา ขอ้ มลู และสารสนเทศ วสั ดุ เครอ่ื งมอื และอปุ กรณ์ ชว่ ยใหไ้ ดแ้ นวทางการแกป้ ญั หาทเ่ี หมาะสม 4) การออกแบบแนวทางการแกป้ ญั หาท�ำ ไดห้ ลากหลายวธิ ี เชน่ การรา่ งภาพ การเขยี นแผนภาพ การเขยี นผงั งาน 5) ซอฟต์แวรช์ ว่ ยในการออกแบบ และน�ำ เสนอมหี ลากหลายชนดิ จงึ ต้องเลอื กใชใ้ หเ้ หมาะสม 6) การกำ�หนดขั้นตอนและระยะเวลาในการทำ�งานก่อนดำ�เนินการแก้ปัญหาจะช่วยให้การทำ�งานสำ�เร็จได้ตามเป้าหมาย และลดขอ้ ผดิ พลาดของการทำ�งานท่ีอาจเกดิ ขน้ึ 7) การทดสอบและประเมนิ ผลเปน็ การตรวจสอบชนิ้ งานหรอื วธิ กี ารวา่ สามารถแกป้ ญั หาไดต้ ามวตั ถปุ ระสงค์ภายใต้กรอบของปัญหา เพ่ือหาข้อบกพร่อง และดำ�เนินการปรับปรุง โดยอาจทดสอบซ้ำ�เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ 8) การน�ำ เสนอผลงานเปน็ การถา่ ยทอดแนวคดิ เพอ่ื ใหผ้ อู้ นื่ เขา้ ใจเกย่ี วกบั กระบวนการท�ำ งานและชนิ้ งานหรอืวิธีการท่ีได้ ซ่ึงสามารถท�ำ ได้หลายวิธี เช่น การท�ำ แผ่นนำ�เสนอผลงาน การจัดนิทรรศการ การน�ำ เสนอผา่ นสือ่ ออนไลน์หรอื การน�ำ เสนอต่อภาคธรุ กจิ เพื่อการพฒั นาตอ่ ยอดส่งู านอาชพี
สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี คูม่ ือการใชห้ ลักสตู ร| กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์84 ตัวอย่างหน่วยการเรยี นรู้ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 42. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 2.1 อธิบายการทำ�งานตามกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม 2.2 วเิ คราะหแ์ ละออกแบบชิ้นงานหรอื วิธีการแกป้ ัญหาตามกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม3. ทักษะและกระบวนการที่เป็นจุดเน้น 3.1 กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม 3.2 ทักษะการสอื่ สาร 3.3 ทักษะการท�ำ งานร่วมกับผอู้ ่ืน 3.4 ทักษะการคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ 3.5 ความคิดสรา้ งสรรค์4. สาระสำ�คัญ กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมเป็นกระบวนการแก้ปัญหาหรือพัฒนางาน เพ่ือสร้างแนวทางท่ีเหมาะสมในการแกป้ ญั หาหรอื สนองความตอ้ งการตามทก่ี �ำ หนดไว้ การท�ำ งานตามกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมนน้ั สามารถย้อนขั้นตอนกลับไปมาได้ และอาจมีการทำ�งานซำ้�ในบางข้ันตอนหากต้องการพัฒนาหรือปรับปรุงผลงานให้ดีข้ึนซึ่งผลลัพธ์ท่ีได้จากการแก้ปัญหาหรือพัฒนางานตามกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมน้ีอาจเป็นได้ท้ังช้ินงานหรือวิธีการข้ึนอยู่กับบริบทของสถานการณ์ปัญหา ซ่ึงสามารถนำ�กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมไปประยุกต์ใช้ได้กับการทำ�งานในชวี ิตประจำ�วนั5. สอ่ื ประกอบการเรยี นรู้ 5.1 ใบกิจกรรมท่ี 1 เรื่อง ส�ำ รวจและอภิปรายสถานการณ์ปญั หา 5.2 ใบกิจกรรมท่ี 2 เรื่อง วเิ คราะห์สาเหตแุ ละปจั จัยของปญั หาทสี่ นใจ 5.3 ใบกิจกรรมที่ 3 เรอ่ื ง สบื ค้นขอ้ มลู และเสนอแนวทางในการแกป้ ญั หา 5.4 ใบกจิ กรรมที่ 4 เรอ่ื ง ออกแบบชน้ิ งานหรือวิธีการ 5.5 ใบกจิ กรรมที่ 5 เรอ่ื ง วางแผนข้นั ตอนการสร้างชนิ้ งานหรอื พฒั นาวธิ กี ารแก้ปญั หา 5.6 ใบกิจกรรมที่ 6 เรอ่ื ง ทดสอบช้ินงานหรอื วิธกี าร ปรับปรุงแกไ้ ขและประเมินผล6. แนวทางการจดั การเรียนรู้ 6.1 การจดั เตรียม ผสู้ อนเตรยี มส่ือประกอบการเรียนรู้ ดงั ต่อไปนี้ 1) ใบกิจกรรมท่ี 1-6 2) สอ่ื อุปกรณ์ประกอบกิจกรรม เช่น วดี ทิ ัศนเ์ กี่ยวกบั กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม
คมู่ ือการใชห้ ลักสตู ร | กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 85 ตัวอยา่ งหน่วยการเรยี นรู้ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 6.2 ขน้ั ตอนดำ�เนนิ การกจิ กรรมท่ี 3.1 กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม 1) ผสู้ อนฉายวดี ทิ ศั นท์ อ่ี ธบิ ายเกย่ี วกบั กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม จากนน้ั รว่ มกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั ล�ำ ดบัขน้ั ตอนและแนวทางการปฏบิ ตั ติ ามกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมเพอ่ื น�ำ มาใชแ้ กป้ ญั หาทพ่ี บจากสถานการณต์ า่ ง ๆ 2) ผู้สอนจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้สำ�รวจสถานการณ์ปัญหาในบริเวณโรงเรียนหรือชุมชน แล้วให้ผู้เรียนเสนอปญั หา ทพ่ี บโดยบนั ทกึ ลงในใบกจิ กรรมที่ 1 เรอ่ื ง ส�ำ รวจและอภปิ รายสถานการณป์ ญั หา ตวั อยา่ งปญั หาทพ่ี บในโรงเรยี นบริเวณโรงอาหาร เชน่ การแลกคูปองเพอ่ื ซ้ืออาหารใชเ้ วลานาน มีแมลงวนั ตอมอาหารจำ�นวนมาก มีการทงิ้ เศษอาหารอุดตัน ทอ่ ระบายน้ำ� แลว้ ใหผ้ เู้ รยี นเลอื กปญั หาที่สนใจมา 1 ประเด็น โดยระบลุ งใบกจิ กรรมที่ 1 3) ผู้เรียนวิเคราะห์องค์ประกอบ สาเหตุและปัจจัยของปัญหาที่ผู้เรียนสนใจ โดยผู้สอนอาจแนะนำ�วิธีการวิเคราะห์องคป์ ระกอบของปญั หาดว้ ย 5W1H รวมทัง้ การหาสาเหตุและปจั จยั ของปัญหาดว้ ยผงั ก้างปลา เพ่อื ให้ผูเ้ รยี นสามารถระบุและก�ำ หนดขอบเขตของปัญหาที่ตอ้ งการแกไ้ ขได้ชดั เจนข้นึ โดยบันทกึ ลงในใบกิจกรรมที่ 2 เรื่อง วเิ คราะห์สาเหตุและปัจจัยของปัญหาท่ีสนใจ จากนั้นอภิปรายและสรุปร่วมกันถึงความรู้ที่ได้จากการระบุปัญหาในกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม 4) ผู้เรียนระดมความคิด เพ่ือกำ�หนดประเด็นในการรวบรวมข้อมูลตามกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมจากนั้นให้ผู้เรียนสืบค้นข้อมูล เพ่ือนำ�มาใช้สร้างทางเลือกในการแก้ปัญหา โดยอาจสรุปข้อมูลที่รวบรวมได้เป็นแผนท่ีความคดิ ลงในใบกจิ กรรมท่ี 3 เรอื่ ง สบื คน้ ขอ้ มูลและเสนอแนวทางในการแก้ปัญหา จากนัน้ ให้ผเู้ รยี นสรา้ งทางเลอื กในการแก้ปัญหาซึ่งอาจมีหลายแนวทางให้สอดคล้องกับขอบเขตของปัญหาที่กำ�หนดไว้ โดยนำ�เสนอเป็นแผนที่ความคิดหรือวิธีการนำ�เสนออ่ืน ๆ จากน้ันวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสียของแต่ละทางเลือกในการแก้ปัญหาโดยใช้ตารางการตัดสินใจเลอื กแนวทางการแก้ปญั หา โดยพิจารณาจากทรพั ยากรท่มี ี เช่น เวลา วสั ดุ เครื่องมอื ทุน และขอ้ จำ�กดั เปน็ เกณฑ์ในการตัดสนิ ใจ แล้วเลอื กแนวทางทเี่ หมาะสมทส่ี ดุ โดยบนั ทกึ ในใบกิจกรรมที่ 3 5) ผสู้ อนแนะน�ำ ถงึ แนวทางในการถา่ ยทอดความคดิ เกย่ี วกบั การแกป้ ญั หาใหผ้ อู้ น่ื เขา้ ใจดว้ ยการรา่ งภาพ หรอืเขียนผังงานหรือแผนภาพ แล้วให้ผู้เรียนออกแบบช้ินงานหรือวิธีการเพื่อแก้ไขปัญหาตามแนวทางท่ีตนเองได้เลือกไว้ให้มีความชัดเจนและสามารถสื่อสารให้ผู้อ่ืนเข้าใจ โดยอาจมีการระบุถึงขนาดสัดส่วน หรือวัสดุที่ใช้สร้างกรณีท่ีเป็นช้ินงาน โดยบนั ทกึ ลงในใบกจิ กรรมที่ 4 เรอ่ื ง ออกแบบชน้ิ งานหรอื วิธีการ 6) ผเู้ รยี นสรา้ งชน้ิ งานหรอื ลงมอื แกป้ ญั หาตามวธิ กี ารทไ่ี ดอ้ อกแบบ ควรมกี ารวางแผนอยา่ งเปน็ ขนั้ ตอน ซงึ่ อาจจัดทำ�ในลักษณะของตารางท่ีมีรายละเอียดของหัวข้อในการทำ�งานพร้อมระบุเวลาท่ีใช้ปฏิบัติ แล้วให้ผู้เรียนทดลองวางแผนขน้ั ตอนการท�ำ งานเพอื่ สรา้ งชน้ิ งานหรอื ลงมอื แกป้ ญั หาตามวธิ กี ารทไ่ี ดค้ ดิ ไว้ ลงในใบกจิ กรรมที่ 5 เรอื่ ง วางแผนขน้ั ตอนการสรา้ งชนิ้ งานหรือพฒั นาวธิ ีการแกป้ ัญหา โดยอาจมรี ะบรุ ายละเอยี ดเพิม่ เติมถึงวัสดุ อปุ กรณ์หรือเครอ่ื งมือทจ่ี �ำ เปน็ ในการสรา้ งชน้ิ งานหรอื วธิ กี ารแกป้ ญั หา ในกรณที ส่ี ามารถสรา้ งชน้ิ งานหรอื ลงมอื ปฏบิ ตั ติ ามวธิ กี ารเพอ่ื แกป้ ญั หาได้ผสู้ อนอาจให้ผูเ้ รยี นไดล้ งมือปฏิบตั ิ และบนั ทึกผลทีไ่ ด้ 7) ผู้เรียนทดสอบว่าชิ้นงานหรือวิธีการนั้นสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่นั้นอาจประเมินในรูปแบบของแบบประเมนิ รายการทมี่ หี วั ขอ้ สอดคลอ้ งกบั จดุ ประสงคใ์ นแกป้ ญั หา เชน่ ความสะดวกในการใช้ ความเหมาะสมของวสั ดทุ ใี่ ช้สร้างหรือความคุ้มค่าในการสร้างหรือลงมือแก้ปัญหา เพื่อให้สามารถประเมินข้อดี ข้อเสียของชิ้นงานหรือวิธีการแก้ไขปัญหาน้ันได้ แล้วให้ผู้เรียนลองกำ�หนดประเด็นเพื่อทดสอบหรือประเมินช้ินงานหรือวิธีการแก้ปัญหาของตนเองลงในใบกิจกรรมท่ี 6 ทดสอบช้นิ งานหรือวิธีการ ปรับปรุงแก้ไขและประเมินผล และทดลองนำ�ไปใช้ประเมินจริงในกรณีท่มี ีการสรา้ งชน้ิ งานหรอื ลงมอื ปฏบิ ตั แิ กป้ ญั หา ในกรณที ช่ี นิ้ งานหรอื วธิ กี ารไมส่ ามารถแกป้ ญั หาไดห้ รอื แกป้ ญั หาไดไ้ มส่ มบรู ณ์ผู้สอนแนะนำ�แนวคิดต่าง ๆ ที่สามารถนำ�มาใช้ปรับปรุงช้ินงานหรือวิธีการให้แก้ปัญหาให้ดีขึ้น เช่น การใช้เทคนิค
สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี คูม่ ือการใช้หลักสตู ร| กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์86 ตัวอยา่ งหนว่ ยการเรยี นรู้ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4การพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือการย้อนกลับไปรวบรวมข้อมูลหรือออกแบบแนวทางแก้ไขปัญหาใหม่ตามขั้นตอนของกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม 8) ผู้เรียนนำ�เสนอข้อมูลให้ผู้อ่ืนเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการทำ�งานเพ่ือแก้ไขปัญหาด้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม โดยน�ำ เสนอตงั้ แตแ่ นวคดิ ในการแกป้ ญั หา ขน้ั ตอนการแกป้ ญั หา รวมทงั้ ผลของการแกป้ ญั หาและแนวทางการปรับปรุงแก้ไขให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซ่ึงการนำ�เสนอสามารถทำ�ได้หลายวิธี เช่น การเขียนรายงาน การทำ�แผน่ น�ำ เสนอผลงาน การท�ำ แผน่ พับ ซ่งึ ผู้สอนอาจให้ผเู้ รียนลองออกแบบแผ่นน�ำ เสนอผลงานของตนเอง7. การวัดและประเมินผล รายการประเมิน วธิ ีการวัด เครอ่ื งมือที่ใช้วดั เกณฑก์ ารประเมนิ การผ่าน - การอภิปราย1. การอธิบายการท�ำ งานตาม - การถามตอบ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผเู้ รยี นมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ จากการ กระบวนการออกแบบเชิง - แบบทดสอบ อภปิ ราย ถามตอบ หรอื ท�ำ แบบทดสอบ วศิ วกรรม ตรวจใบกจิ กรรม ใบกิจกรรมท่ี 1-6 เกิน ร้อยละ 602. การวเิ คราะหแ์ ละออกแบบ แบบสงั เกตพฤตกิ รรม คะแนน 40–52 หมายถงึ ดีมาก ช้ินงานหรือวิธีการแกป้ ญั หา แบบสงั เกตพฤติกรรม คะแนน 27–39 หมายถึง ดี ตามกระบวนการออกแบบ แบบสงั เกตพฤติกรรม คะแนน 14-26 หมายถึง พอใช้ เชงิ วิศวกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม คะแนน 1-13 หมายถงึ ปรบั ปรงุ ผ้เู รยี นไดร้ ะดับคณุ ภาพ ดี ข้นึ ไปทักษะการส่อื สาร สังเกตพฤตกิ รรม ถือว่าผ่านทกั ษะการทำ�งานร่วมกบั ผูอ้ ่ืน สงั เกตพฤติกรรมทักษะการคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ สงั เกตพฤติกรรม ผู้เรียนได้ระดบั 2 ขึน้ ไปถอื วา่ ผ่านทกั ษะความคิดสร้างสรรค์ สังเกตพฤติกรรมเกณฑ์ระดับการใหค้ ะแนนประเด็นการ 4 ระดบั คะแนน 1 ประเมนิ 321. การระบปุ ัญหาและ ระบปุ ัญหาหรอื ระบปุ ญั หาหรอื ระบุปัญหาหรือ ระบปุ ัญหาหรือ ความตอ้ งการจาก ความต้องการสอดคล้อง ความต้องการสอดคลอ้ ง ความตอ้ งการสอดคล้อง ความต้องการภายใต้ สถานการณ์ กับสถานการณเ์ ทคโนโลยี กบั สถานการณเ์ ทคโนโลยี กับสถานการณเ์ ทคโนโลยี สถานการณเ์ ทคโนโลยี ทสี่ นใจได้อย่างชดั เจน ทส่ี นใจชดั เจนเปน็ สว่ นใหญ่ ท่สี นใจชัดเจนบางสว่ น ที่สนใจไดไ้ ม่ชดั เจน2. การวเิ คราะห์ องคป์ ระกอบ น�ำ ประเดน็ ปัญหามา น�ำ ประเดน็ ปญั หามา น�ำ ประเด็นปญั หามา นำ�ประเดน็ ปัญหามา ปญั หาด้วย วเิ คราะหโ์ ดยใชห้ ลกั การ วเิ คราะหโ์ ดยใชห้ ลักการ วเิ คราะหโ์ ดยใช้หลักการ วเิ คราะห์โดยใชห้ ลกั การ 5W1H 5W1H ไดค้ รบถว้ นและ 5W1H ได้แตส่ อดคล้อง 5W1H ไดแ้ ต่สอดคล้อง 5W1H ไดเพียง 1 ด้าน สอดคล้องกบั ประเดน็ กับประเดน็ ปัญหา กับประเด็นปัญหา หรอื ไม่สอดคล้องกับ ปัญหา ท้งั 6 ดา้ น เพยี ง 4-5 ด้าน เพยี ง 2-3 ดา้ น ประเดน็ ปญั หา
ค่มู อื การใชห้ ลักสตู ร | กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 87 ตัวอยา่ งหน่วยการเรยี นรู้ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 4ประเด็นการ 4 ระดบั คะแนน 1 ประเมิน 323. การวิเคราะห์ ระบสุ าเหตุและปจั จยั ได้ ระบสุ าเหตแุ ละปจั จยั ได้ ระบสุ าเหตุและปัจจัยได้ ระบสุ าเหตแุ ละปัจจยั สาเหตุและปัจจัย สอดคลอ้ งและครอบคลุม สอดคลอ้ งและครอบคลุม สอดคลอ้ งและครอบคลมุ ไมส่ อดคลอ้ งและ ของปัญหา กับปัญหา มีความถูกต้อง กบั ปญั หา มคี วามถกู ต้อง กบั ปญั หาเปน็ สว่ นใหญ่ และ ไม่ครอบคลมุ กบั ปัญหา ด้วยผังกา้ งปลา ชัดเจน ชดั เจนเปน็ สว่ นใหญ่ ขาดความชดั เจนบางสว่ น และขาดความถกู ต้อง กำ�หนดขอบเขตปญั หา4. การก�ำ หนด กำ�หนดขอบเขตของ กำ�หนดขอบเขตปัญหา ก�ำ หนดขอบเขตปัญหา หรอื ความต้องการภายใต้ ขอบเขต ปัญหาหรอื ความต้องการ หรอื ความตอ้ งการ หรือความต้องการ สถานการณ์ท่สี นใจได้ ของปัญหา สอดคลอ้ งกับสถานการณ์ สอดคลอ้ งกบั สถานการณ์ สอดคล้องกับสถานการณ์ ไมช่ ัดเจน สนใจไดอ้ ย่างชดั เจน ทส่ี นใจชดั เจนเปน็ สว่ นใหญ่ ทส่ี นใจแตข่ าดความชดั เจน5. การรวบรวมข้อมลู บางส่วน รวบรวมขอ้ มูลตรงตาม รวบรวมข้อมลู ตรงตาม รวบรวมขอ้ มลู ตรงตาม ปญั หาหรือความตอ้ งการ6. การสรา้ งทางเลือก ปัญหาหรอื ความต้องการ ปญั หาหรือความตอ้ งการ รวบรวมขอ้ มูลตรงตาม และสรุปในรปู แบบแผนท่ี ในการแก้ปญั หา ไดข้ อ้ มลู ถูกต้องสมบรู ณ์ ไดข้ ้อมูลถกู ตอ้ งสมบูรณ์ ปัญหาหรือความต้องการ ความคิดไดบ้ ้างเลก็ นอ้ ย สามารถสรปุ ในรูปแบบ สามารถสรุปในรูปแบบ และสรุปในรูปแบบแผนที่ และไม่มคี วามหลากหลาย แผนทค่ี วามคดิ ไดแ้ ละ แผนท่คี วามคดิ ได้ แต่ไม่มี ความคิดไดบ้ างสว่ น และ มคี วามหลากหลาย หลากหลาย ไมม่ ีความหลากหลาย สรา้ งทางเลือกในการ แกป้ ญั หาโดยใชข้ ้อมูลที่ สรา้ งทางเลือกในการ สร้างทางเลอื กในการ สรา้ งทางเลอื กในการ รวบรวมไว้ ซึง่ มคี วามเปน็ แก้ปัญหาโดยใช้ข้อมูลที่ แกป้ ญั หาโดยใชข้ ้อมลู ท่ี แก้ปัญหาโดยใชข้ อ้ มูลท่ี ไปได้ในการแกไ้ ขปญั หา รวบรวมไว้ ซง่ึ มีความเป็น รวบรวมไว้ ซึ่งมคี วามเปน็ รวบรวมไว้ ซึ่งมคี วามเป็น 1 แนวทาง ไปไดใ้ นการแกไ้ ขปญั หา ไปไดใ้ นการแก้ไขปญั หา ไปไดใ้ นการแกไ้ ขปัญหา มากกว่า 3 แนวทาง 3 แนวทาง 2 แนวทาง7. การเลือกแนวทาง เลอื กวิธกี ารแกป้ ญั หาหรือ เลอื กวธิ กี ารแกป้ ญั หาหรอื เลอื กวิธกี ารแก้ปญั หาหรอื เลอื กวิธีการแก้ปญั หาหรอื การแกป้ ัญหา สนองความตอ้ งการ สนองความต้องการ สนองความสนองการ สนองความตอ้ งการ สอดคล้องกับปัญหาหรอื สอดคลอ้ งกับปญั หา หรอื สอดคลอ้ งกบั ปญั หาหรอื ไม่สอดคลอ้ งกบั ปญั หา8. การออกแบบและ ความตอ้ งการภายใต้ ความต้องการและคำ�นึงถึง ความตอ้ งการบางสว่ น หรอื ความตอ้ งการ น�ำ เสนอวธิ กี าร ขอ้ จ�ำ กดั ที่มีอยู่อย่าง ขอ้ จ�ำ กดั ทม่ี อี ยเู่ ปน็ บางสว่ น แตไ่ มค่ ำ�นึงถงึ ข้อจ�ำ กดั แกป้ ัญหา เหมาะสม ทมี่ อี ยู่ ออกแบบโดยถา่ ยทอด ออกแบบโดยถ่ายทอด ออกแบบโดยถ่ายทอด ออกแบบโดยถา่ ยทอด ความคิดวิธีการแกป้ ญั หา ความคิดวิธกี ารแก้ปญั หา ความคิดวิธกี ารแกป้ ญั หา ความคดิ วธิ ีการแก้ปัญหา หรอื สนองความตอ้ งการ หรอื สนองความต้องการ หรอื สนองความต้องการ หรือสนองความตอ้ งการ เปน็ ภาพ 2 มติ ิ ภาพ 3 มติ ิ เป็นภาพ 2 มติ ิ ภาพ 3 มิติ เปน็ ภาพ 2 มิติ ภาพ 3 มติ ิ เป็นภาพ 2 มิติ ภาพ 3 มติ ิ ภาพฉาย แผนภาพ หรือ ภาพฉาย แผนภาพ หรือ ภาพฉาย แผนภาพ หรือ ภาพฉาย แผนภาพ หรอื ผังงาน ไดอ้ ยา่ งละเอียด ผงั งาน ได้อยา่ งละเอียด ผงั งาน แต่ยังขาดข้อมลู ผังงานไม่ละเอยี ด และ และแสดงขอ้ มลู ครบถ้วน แต่ยงั ขาดข้อมลู บางสว่ น บางส่วน และขาดการ ไม่สามารถ สอื่ สารให้ผู้อน่ื สามารถส่อื สารใหผ้ ูอ้ ่นื แต่สามารถสือ่ สารใหผ้ อู้ ืน่ ส่อื สารใหผ้ อู้ ่ืนเกิดความ เขา้ ใจตรงกนั เขา้ ใจตรงกนั เขา้ ใจตรงกนั เข้าใจตรงกันบางสว่ น
สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) คู่มอื การใช้หลกั สตู ร| กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์88 ตัวอยา่ งหนว่ ยการเรียนรู้ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4ประเด็นการ 4 ระดับคะแนน 1 ประเมนิ 329. การวางแผนการ วางแผนเพ่ือให้การท�ำ งาน วางแผนเพอ่ื ใหก้ ารทำ�งาน วางแผนเพ่อื ใหก้ ารท�ำ งาน วางแผนเพอ่ื ใหก้ ารท�ำ งาน ดำ�เนินงาน เปน็ ไปตามเปา้ หมาย และ เปน็ ไปตามเปา้ หมาย และ เป็นไปตามเปา้ หมาย และ เปน็ ไปตามเปา้ หมาย และ ระยะเวลาทกี่ ำ�หนด ระยะเวลาท่กี �ำ หนด ระยะเวลาที่ก�ำ หนด ระยะเวลาท่กี ำ�หนด10. การก�ำ หนด สามารถปฏิบัติตามแผนที่ สามารถปฏบิ ัติตามแผนที่ สามารถปฏบิ ัติตามแผนท่ี แตไ่ มส่ ามารถปฏบิ ตั ติ าม ประเด็นใน วางไวไ้ ด้ครบถว้ น วางไว้ได้ครบถ้วน แต่ต้อง วางไว้ไดค้ รบถว้ น แต่ตอ้ ง แผนทว่ี างไวไ้ ดค้ รบถว้ น มกี ารปรบั เปล่ียนแผนการ มกี ารปรับเปล่ยี นแผนการ การทดสอบ กำ�หนดประเด็นในการ ทำ�งานเพียงเลก็ น้อย ท�ำ งาน ก�ำ หนดประเด็นในการ ทดสอบผลงานทจี่ �ำ เปน็ ต่อ ทดสอบผลงานทจี่ �ำ เปน็11. การพัฒนา หรอื การแกป้ ญั หาหรอื สนอง กำ�หนดประเดน็ ในการ กำ�หนดประเดน็ ในการ ตอ่ การแก้ปญั หาหรอื ปรบั ปรุงช้ินงาน ความตอ้ งการตามที่ ทดสอบผลงานที่จ�ำ เปน็ ตอ่ ทดสอบผลงานทจ่ี �ำ เปน็ ต่อ สนองความต้องการตาม กำ�หนดไวอ้ ย่างครบถ้วน การแกป้ ญั หาหรือสนอง การแกป้ ัญหาหรือสนอง ท่ีกำ�หนดไว้เพียงอย่างใด12. การนำ�เสนอวิธี ความตอ้ งการตามท่ี ความต้องการตามท่ี อย่างหนง่ึ การแกป้ ญั หา ผล สรา้ งทางเลือกในการ ก�ำ หนดไวเ้ ป็นสว่ นใหญ่ กำ�หนดไวเ้ ป็นสว่ นนอ้ ย สร้างทางเลอื กในการ การแกป้ ัญหา ปรับปรงุ แกไ้ ขผลงานได้ ปรับปรุงแก้ไขผลงานได้ หรือชน้ิ งาน เหมาะสมกบั ข้อบกพรอ่ งท่ี สรา้ งทางเลอื กในการ สรา้ งทางเลอื กในการ ไมเ่ หมาะสมกบั ขอ้ บกพรอ่ ง พบอยา่ งหลากหลาย และ ปรับปรุงแกไ้ ขผลงานได้ ปรับปรงุ แก้ไขผลงานได้ ท่ีพบ และไมส่ ามารถ สามารถนำ�ไปใชป้ รบั ปรุง เหมาะสมกับข้อบกพร่องที่ เหมาะสมกบั ข้อบกพรอ่ งท่ี ปรับปรุงผลงานได้ ผลงานได้ พบแตข่ าดความหลาก พบแต่ไมค่ รบถว้ น แต่ น�ำ เสนอขอ้ มลู ถกู ต้องและ หลาย และสามารถน�ำ ใช้ สามารถนำ�ไปใชป้ รับปรุง น�ำ เสนอขอ้ มลู ไม่ถูกต้อง มีองคป์ ระกอบครบถ้วน ปรบั ปรงุ ผลงานได้ ผลงานได้เป็นส่วนใหญ่ และมีองคป์ ระกอบ มีการนำ�เสนอทีเ่ หมาะสม ไม่ครบถว้ น การนำ�เสนอ กบั ช้นิ งานหรอื วิธีการแก้ นำ�เสนอข้อมูลถกู ต้องและ น�ำ เสนอขอ้ มลู ถกู ตอ้ ง ไมเ่ หมาะสมกับชิ้นงาน ปัญหา มคี วามหลากหลาย มีองค์ประกอบครบถ้วน แตม่ อี งคป์ ระกอบไมค่ รบถว้ น หรือวธิ กี ารแกป้ ัญหา และ และน่าสนใจ มกี ารน�ำ เสนอที่เหมาะสม มกี ารนำ�เสนอท่ีเหมาะสม ขาดความนา่ สนใจ กบั ช้นิ งานหรอื วธิ กี าร กบั ช้ินงานหรอื วิธีการ แก้ปัญหา แตข่ าดความ แกป้ ัญหา แต่ขาดความ หลากหลายและน่าสนใจ หลากหลายและนา่ สนใจเกณฑก์ ารตัดสินระดบั คณุ ภาพ คะแนน 40-52 คะแนน หมายถงึ ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก คะแนน 27-39 คะแนน หมายถึง ระดับคุณภาพ ดี คะแนน 14-16 คะแนน หมายถงึ ระดบั คุณภาพ พอใช้ คะแนน 1-13 คะแนน หมายถึง ระดบั คุณภาพ ปรับปรุงหมายเหตุ เกณฑก์ ารวดั และประเมินผลสามารถปรับเปลยี่ นไดต้ ามความเหมาะสม
คมู่ ือการใชห้ ลักสตู ร | กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 89 ตวั อย่างหนว่ ยการเรียนรู้ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 48. แหลง่ เรียนรู้ 8.1 แหล่งเรยี นรู้ในชุมชน 8.2 คลังความรู้ สสวท. http://www.scimath.org/ 8.3 วดี ทิ ศั นอ์ ธบิ ายกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม https://www.youtube.com/watch?v= 80gWU-AJw- F0&t=107s 8.4 ตัวอยา่ งโครงงานการออกแบบและเทคโนโลย/ี โครงงานสะเตม็ ศกึ ษา9. ขอ้ เสนอแนะ 9.1 ผสู้ อนควรแนะนำ�ใหผ้ ูเ้ รียนค�ำ นึงเรอื่ งทรัพย์สนิ ทางปญั ญา ลขิ สิทธ์ิ หรือสทิ ธิบตั ร รวมทงั้ ควรมีการอ้างองิ แหลง่ ท่มี าของขอ้ มูล 9.2 แหล่งขอ้ มลู ท่ีนำ�มาใช้ในการอา้ งองิ ควรเป็นแหล่งข้อมูลทม่ี คี วามน่าเชอื่ ถือ 9.3 ผลงานของผู้เรียนอาจมีความหลากหลาย หากผู้เรียนทำ�ได้เกินกว่าจุดประสงค์หรือผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวัง ผู้สอนอาจพจิ ารณาต้งั เกณฑป์ ระเมนิ เพอ่ื ให้คะแนนเพ่มิ เตมิ ในส่วนน้ี10. ตัวอยา่ งใบกิจกรรม ประกอบดว้ ยใบกจิ กรรม 6 ใบ ใบกิจกรรมที่ 1 เรื่อง สำ�รวจและอภปิ รายสถานการณ์ปญั หา ใบกจิ กรรมท่ี 2 เรอ่ื ง วิเคราะห์สาเหตแุ ละปจั จยั ของปญั หาท่ีสนใจ ใบกิจกรรมที่ 3 เรอ่ื ง สบื คน้ ข้อมลู และเสนอแนวทางในการแกป้ ญั หา ใบกจิ กรรมท่ี 4 เร่ือง ออกแบบช้นิ งานหรอื วธิ ีการ ใบกิจกรรมท่ี 5 เรอ่ื ง วางแผนขนั้ ตอนการสร้างชนิ้ งานหรอื พัฒนาวิธกี ารแกป้ ัญหา ใบกจิ กรรมที่ 6 เร่อื ง ทดสอบชิ้นงานหรอื วธิ ีการ ปรบั ปรุงแกไ้ ขและประเมนิ ผล
สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี คู่มือการใช้หลกั สูตร| กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์90 ตวั อย่างหนว่ ยการเรียนรู้ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 4 ใบกิจกรรมท่ี 1 เรื่อง สำ�รวจและอภิปรายสถานการณ์ปัญหา ให้นกั เรียนแบง่ กลุ่ม 4-5 คน เพื่อส�ำ รวจประเด็นปัญหาทส่ี นใจ จากสถานการณบ์ รเิ วณโรงเรยี นหรือชุมชน แลว้ ระบุปญั หาทก่ี ลมุ่ สนใจ พรอ้ มทัง้ อภปิ รายลกั ษณะของปัญหา ตัวอยา่ งสถานการณ์บรเิ วณโรงอาหารของโรงเรียนปญั หาที่พบ บรเิ วณทพ่ี บ รายละเอยี ดของปญั หาปัญหาจากสถานการณใ์ นโรงอาหารหรือชุมชนทน่ี กั เรียนสนใจ และอยากแกไ้ ขคอื
คมู่ อื การใช้หลกั สูตร | กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 91 ตวั อย่างหนว่ ยการเรียนรู้ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ใบกจิ กรรมที่ 2 เรอื่ ง วิเคราะห์สาเหตแุ ละปจั จัยของปัญหาทส่ี นใจ ใหน้ ักเรยี นวเิ คราะหห์ าองค์ประกอบ สาเหตแุ ละปจั จัยของปญั หาดงั กล่าว โดยใช้ 5W1H และผงั กา้ งปลาปญั หาจากสถานการณ์ในโรงอาหารหรอื ชุมชนทีน่ กั เรียนสนใจคอืวเิ คราะหอ์ งค์ประกอบของปัญหาทน่ี ักเรยี นสนใจโดยใช้ 5W1H Where WhenWho WhatWhy How ปญั หา
สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) คู่มือการใช้หลกั สตู ร| กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์92 ตัวอยา่ งหนว่ ยการเรียนรู้ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 4วิเคราะหห์ าสาเหตแุ ละปจั จยั ของปัญหาที่สนใจด้วยผังกา้ งปลากำ�หนดขอบเขตปญั หาท่นี กั เรียนสนใจ คือ
คู่มือการใช้หลกั สูตร | กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 93 ตัวอยา่ งหน่วยการเรยี นรู้ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ใบกจิ กรรมท่ี 3เรอ่ื ง สบื คน้ ขอ้ มลู และเสนอแนวทางในการแกป้ ญั หา ให้นักเรยี นระดมความคดิ เพอ่ื ก�ำ หนดประเด็นในการสบื คน้ ข้อมลูประเดน็ ในการสืบคน้ ทเ่ี กีย่ วข้องกับปญั หาท่ีสนใจให้นกั เรยี นสรปุ ขอ้ มูลทไี่ ดส้ ืบคน้ ซง่ึ เกย่ี วขอ้ งกบั ปญั หาโดยใชแ้ ผนทค่ี วามคิด
สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) คมู่ อื การใชห้ ลักสูตร| กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์94 ตัวอย่างหน่วยการเรียนรู้ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 4ใหน้ กั เรยี นสรา้ งแนวทางในการแกป้ ัญหาท่สี นใจ โดยเขียนเป็นแผนท่คี วามคดิให้นักเรียนประเมินแนวทางแก้ปญั หาโดยใช้ตารางการประเมิน เง่ือนไข มี = 1 มี = 1 มี = 1 มี = 1 มี = 1 ผลคะแนน การตดั สินใจ ไมม่ ี = 0 ไมม่ ี = 0 ไมม่ ี = 0 ไมม่ ี = 0 ไมม่ ี = 0 รวมวิธกี าร/แนวทางการแก้ปัญหาวธิ กี ารหรอื แนวทางในการแก้ปัญหาท่ีนกั เรียนเลอื กเพ่อื นำ�มาใช้แกป้ ญั หา คอืเหตผุ ลท่ีเลือกวิธกี ารหรือแนวทางในการแก้ปญั หา
คูม่ ือการใชห้ ลกั สตู ร | กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 95 ตวั อย่างหน่วยการเรียนรู้ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ใบกจิ กรรมท่ี 4 เรอื่ ง ออกแบบชิ้นงานหรอื วธิ ีการให้นักเรียนเขียนภาพร่างของช้ินงานท่ีใช้แก้ปัญหา หรือแผนผังของวิธีการแก้ปัญหาที่คิดขึ้น (กรณีท่ีเป็นชิ้นงานให้ระบุรายละเอียดวัสดุทีใ่ ชใ้ นการสร้าง และขนาดชิ้นสว่ น รวมท้งั วธิ กี ารประกอบ)
สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี คมู่ ือการใช้หลกั สูตร| กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์96 ตวั อย่างหนว่ ยการเรียนรู้ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ใบกจิ กรรมท่ี 5 เรอื่ ง วางแผนขัน้ ตอนการสร้างชิน้ งาน หรือพฒั นาวิธีการแก้ปญั หาใหน้ ักเรียนก�ำ หนดขน้ั ตอนและระยะเวลาในการท�ำ งานลงในตาราง ข้นั ตอน 1 ระยะเวลา (สปั ดาห์หรือเดือน) 8 2 3 4 5 671.2.3.4.5.6.7.ใหน้ ักเรยี นเขียนภาพช้ินงานท่ีใช้แกป้ ญั หา หรือแผนผังของวิธกี ารแก้ปัญหาทส่ี ร้างขนึ้(ใหบ้ นั ทกึ เฉพาะกรณที ี่มกี ารสรา้ งช้ินงาน หรอื ลงมอื แกไ้ ขปัญหา)ช้ินงานหรอื วธิ กี ารท่ีใชแ้ กป้ ญั หามสี ่วนใดทแี่ ตกต่างไปจากความคิดเดิมท่ีออกแบบไว้(ให้บนั ทกึ เฉพาะกรณีทีม่ ีการสร้างชน้ิ งาน หรือลงมือแก้ไขปญั หา)
คู่มือการใชห้ ลักสูตร | กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 97 ตวั อย่างหน่วยการเรยี นรู้ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ใบกจิ กรรมท่ี 6 เร่อื ง ทดสอบช้ินงานหรอื วธิ กี าร ปรบั ปรุงแกไ้ ขและประเมินผลใหน้ กั เรยี นกำ�หนดประเด็นในการประเมนิ ผลช้นิ งานหรือวิธีการแก้ปัญหาให้สอดคลอ้ งกบั จดุ ประสงค์ในการแกป้ ญั หาประเดน็ การประเมนิ มากทส่ี ดุ ระดับคณุ ภาพ นอ้ ยทส่ี ดุ ผล (5) (1) คะแนน มาก ปานกลาง นอ้ ย (4) (3) (2) รวมผลประเมนิ การน�ำ ชิน้ งาน หรอื วิธกี ารเม่อื นำ�ไปใชใ้ นการแกไ้ ขปญั หา สามารถแก้ปัญหาได้ คือ ไม่สามารถแกป้ ญั หาได้กรณไี มส่ ามารถแกไ้ ขปญั หาไดพ้ บข้อบกพร่อง คือแนวทางในปรบั ปรงุ ชิ้นงานหรือวธิ กี ารเพอื่ แก้ไขปัญหา คอื
สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี คมู่ ือการใช้หลกั สูตร| กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์98 ตวั อย่างหนว่ ยการเรียนรู้ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 411. อภิธานศพั ท์ท่ี ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ ความหมาย1 เทคโนโลยี technology สงิ่ ท่ีมนษุ ย์สร้างหรือพฒั นาขึน้ ซ่ึงอาจเป็นได้ทงั้ ชน้ิ งานหรอื วิธีการ เพอื่ ใช้ แก้ปญั หา สนองความต้องการ หรือเพ่มิ ความสามารถในการท�ำ งานของ มนุษย์2 ระบบทางเทคโนโลยี technological กลุ่มของสว่ นต่าง ๆ ต้ังแตส่ องสว่ นขน้ึ ไปประกอบเขา้ ดว้ ยกนั และท�ำ งาน system รว่ มกนั เพอ่ื ใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ โดยในการท�ำ งานของระบบทางเทคโนโลยี จะประกอบไปด้วย ตัวป้อน (input) กระบวนการ (process) และผลผลิต (output) ทส่ี มั พนั ธก์ นั นอกจากนร้ี ะบบทางเทคโนโลยอี าจมขี อ้ มลู ยอ้ นกลบั (feedback) เพ่อื ใชป้ รับปรงุ การท�ำ งานไดต้ ามวตั ถุประสงค์
ÀÒ¤¼¹Ç¡
ตวั อยา่ งแบบประเมินทกั ษะ ค่มู ือการใช้หลกั สูตร | กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์100 สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112