พัฒนาการทสี่ �ำคัญและแนวทางการดูแลเด็กในช่วง 36-59 เดอื นแรก 1
พัฒนาการทส่ี �ำคัญและแนวทางการดูแลเดก็ ในช่วง 36-59 เดอื นแรก พฒั นาการทส่ี �ำคญั และ แนวทางการดแู ลเด็กในชว่ ง 36-59 เดือนแรก เมอ่ื เดก็ เตบิ โตขนึ้ เขา้ สชู่ ว่ ง 36-59 เดอื นแรกพฒั นาการ เอกสารเรื่องพัฒนาการท่ีส�ำคัญและแนวทางการดูแล ของเดก็ จะแตกตา่ งจากชว่ ง 0-35 เดอื นแรก แนวทางในการ เด็กในช่วง 36-59 เดือนแรก ที่จัดท�ำโดยองค์การยูนิเซฟ ปฏิบัติของพ่อแม่ ผู้ปกครองจึงเปล่ียนแปลงไปด้วยตามวัย น�ำเสนอข้อเท็จจริงและข้อแนะน�ำแนวทางในการปฏิบัติท่ี ของเด็ก นอกจากนีก้ ารเตรียมความพร้อมกอ่ นทเ่ี ด็กจะเข้า ส�ำคญั สำ� หรบั พ่อแม่ ผู้ปกครอง เพ่ือสรา้ งความเข้าใจที่ถกู สู่การเรียนรใู้ นระดับประถมศกึ ษาก็เป็นสง่ิ จำ� เป็นเชน่ กนั ตอ้ งในการสง่ เสรมิ พฒั นาการของเดก็ ในชว่ ง 36-59 เดอื นแรก 2
พัฒนาการทสี่ ำ� คัญและแนวทางการดแู ลเด็กในชว่ ง 36-59 เดอื นแรก พด้าัฒนนร่าางกกาารย พอ่ แมล่ องใหเ้ ดก็ สำ� รวจสงิ่ ตา่ งๆ รอบตวั ภายในห้องหรือในบ้าน และลองฝึก การสร้างพัฒนาการด้านร่างกายไม่ควรเน้นให้เด็กปฐมวัยพัฒนา ประสาทสมั ผสั เชน่ ปดิ ตาเดนิ รอบโตะ๊ กล้ามเนอ้ื มดั เล็ก (เพือ่ หยบิ จับสิง่ ของ) หรอื กล้ามเนอื้ มดั ใหญ่ (กล้ามเนือ้ ขา คล�ำของท่ีอู่ในภาชนะปิดมิดชิดและ ใช้เดิน กระโดด ทรงตัว) เท่าน้ัน แต่ต้องรวมถึงการสร้างประสาทสัมผัส ทายวา่ เปน็ อะไร บอกคณุ ลกั ษณะของ กับการเคลื่อนไหว (Sensorimotor) ให้เด็กใช้ประสาทสัมผัสต่างๆ (เช่น ทค่ี ลำ� ไดเ้ ชน่ กลม นมุ่ แขง็ เปยี ก เหลว การเห็น ไดย้ ิน สัมผสั ) น�ำการเคล่ือนไหว เมื่อพ่อแม่สังเกตว่าลูกสามารถเชื่อมโยงประสาทสัมผัสต่างๆ ได้ดีแล้ว ลองฝกึ การใชก้ ลา้ มเนอื้ เลก็ อยา่ งประณตี เชน่ การตอ่ บลอ๊ กใหส้ งู ทสี่ ดุ เทา่ ทจ่ี ะ ท�ำได้ ต่อภาพ คัดแยกวัสดุชิ้นเล็ก เช่นเมล็ดถ่ัวสองชนิดออกจากกัน (ทั้งนี้ พอ่ แมค่ วรดแู ลเรอื่ งความปลอดภยั อยา่ งใกลช้ ดิ เชน่ ไมใ่ หเ้ ดก็ นำ� เมลด็ ถวั่ เขา้ ปาก) พด้าัฒนนอาารกมารณ์ เมอ่ื เดก็ เกิดอารมณเ์ สียใจ พอ่ แมค่ วร พดู ใหเ้ ดก็ ฟงั วา่ “หนกู ำ� ลงั รอ้ งไหเ้ พราะ เดก็ มักแสดงออกอย่างเห็นไดช้ ดั หากตนชอบ (หวั เราะ ยมิ้ ) หรอื ไมช่ อบสงิ่ ใด เสียใจ” พ่อแม่ควรเปล่ียนอิริยาบท (ขวา้ ง ปา ร้องไห)้ แต่เม่อื เดก็ โตมากขึน้ เดก็ สามารถบอกความรูส้ ึกของตน หรือ และความสนใจพาไปท่ีอื่น น�ำเด็ก แสดงความผกู พนั กบั สิ่งที่ตนรักได้ ในช่วงอายุ 3-4 ขวบ เด็กอาจยังไม่รจู้ กั คำ� ว่า มากอด เม่ือเด็กหยุดร้องไห้ พ่อแม่ “เสยี ใจ” “ดีใจ” “ชอบ” “เกลยี ด” หรือระบายความรสู้ กึ ออกมาเปน็ ค�ำพูด ควรพูดคุยกับลูกถึงความรู้สึกท่ีมีต่อ เมอื่ ลกู อาละวาด ใหพ้ อ่ แมห่ าสาเหตเุ พอ่ื แกไ้ ขปญั หา และไมบ่ งั คบั ใหล้ กู หยดุ อารมณ์เด็ก เช่น “พ่อรู้ว่าหนูเสียใจ รอ้ ง การสรา้ งขอ้ ตกลงรว่ มกนั และปฏบิ ัติตามเง่ือนไขทีต่ กลงกันจะท�ำให้เดก็ เกดิ เพราะไม่อยากแบ่งของให้พี่ แต่หนู ความไว้เน้ือเช่ือใจ และยินยอมปฏิบัติตาม เช่น ระยะเวลาในการเล่นเกมส์ มีของอยู่สองชิ้น พ่อขอให้แบ่งกัน ดูโทรทศั น์และทำ� กิจกรรมอ่นื ๆ คนละช้นิ ได้ไหมจ๊ะ” 3
พฒั นาการทีส่ ำ� คัญและแนวทางการดแู ลเดก็ ในชว่ ง 36-59 เดือนแรก การพาลูกไปท�ำกิจกรรมที่มี พัฒนาการดา้ นสงั คม ประโยชนก์ บั สงั คม คนดอ้ ยโอกาส ได้เห็นวิถีชีวิตของแต่ละอาชีพ เมอ่ื เด็กอายุเขา้ 3 ปี เดก็ จะเรม่ิ มปี ฏสิ ัมพันธก์ ับผใู้ หญ่และเพ่ือนเด็กไดม้ าก หากไม่มีเวลา พ่อแม่อาจลองหา ขึ้นเพราะเริ่มสื่อสารได้ เด็กท่ีได้เร่ิมเข้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กหรืออนุบาลจะต้อง นิทานท่ีแสดงถงึ การเคารพความ ปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั สงั คม รจู้ กั แบง่ ปนั ผลดั กนั เลน่ และปรบั เปลยี่ นบทบาทไดต้ าม แตกตา่ งใหเ้ ดก็ ไดเ้ ข้าใจมากขึ้น ความเหมาะสม แต่สิ่งท่ีส�ำคัญที่ปลูกฝังได้ในวัยน้ีคือการเห็นคุณค่าของความ แตกตา่ ง เชน่ รวู้ า่ แตล่ ะคนมคี วามชอบทตี่ า่ งกนั รจู้ กั อาหารของแตล่ ะวฒั นธรรม และยอมรบั ทจ่ี ะเลน่ กบั เดก็ ทม่ี คี วามแตกตา่ งจากตน ไมว่ า่ จะตา่ งภาษา เชอื้ ชาติ หรือมคี วามบกพรอ่ งทางกายและอ่นื ๆ พ่อแม่ ควรระมัดระวังค�ำพูด ไม่วิพากษ์วิจารณ์บุคคลต่างๆในทางไม่ดีให้ เดก็ เหน็ ไมว่ า่ จะตา่ งวฒั นธรรม พกิ าร ดอ้ ยกวา่ และไมแ่ สดงความรงั เกยี จเพราะ เด็กจะซึมซบั พฤตกิ รรมจากคนทเ่ี ขารกั พ่อแม่ลองน�ำขวดพลาสติกท่ีใช้แล้วมา ด้านพสฒั ติปนัญากญารา เจาะรู 2 รู ในระดับแนวระนาบเดียวกนั โดยรูท่ี 1 ห่างจากก้นขวด 2 ซม และ เด็กในช่วง 3-6 ขวบจะมีนิสัยตามธรรมชาติท่ีชอบสังเกต ทดลอง รูที่ 2 ห่างจากก้นขวด 5 ซ.ม. หลังจากนั้น สิ่งท่ีอยู่รอบตัว ดังน้ันความส�ำคัญในการสร้างพัฒนาการด้านสติปัญญา นำ� นำ�้ มาใส่ พอ่ แมถ่ ามเดก็ วา่ นำ้� ทไี่ หลออก ไม่ใช่แค่เน้นให้เด็กสามารถเกิดความจ�ำที่แม่นย�ำ แต่การพัฒนาความคิด จากรนู น้ั มคี วามแรงเทา่ กนั ไหม? รบู น หรอื โดยเฉพาะพ้ืนฐานเกี่ยวกับเวลา ช่องว่าง ต�ำแหน่งแหล่งท่ี คุณลักษณะ รลู า่ งแรงกวา่ หลงั จากนน้ั สามารถอธบิ าย ต่างๆ และความเป็นเหตุเปน็ ผล ไดว้ ่า รูทอ่ี ยูใ่ กลก้ น้ ขวดเทา่ ไหร่ น�้ำจะยิ่ง เมื่อมีโอกาสพ่อแม่ควรหมั่นต้ังค�ำถามที่ให้เด็กได้นึกถึง เหตุ และผล ไหลแรง และน้�ำจะไหลออกจากรูเมื่อมี หากคำ� ถามยงั ยากเกินกวา่ ทีเ่ ดก็ จะเขา้ ใจลองชวนลกู พดู คยุ ใหร้ จู้ กั ไดเ้ หน็ อากาศเข้ามาแทนท่ีน้�ำในเวลาเดียวกัน ได้เข้าใจการทำ� งานของสิ่งท่อี ยูใ่ นบา้ นและรอบตัวและอันตรายทอี่ าจเกดิ (ข้อมลู จากบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย) ขน้ึ หากใชผ้ ดิ หรอื ไม่มีผู้ใหญ่คอยดแู ล เช่น ปลกั๊ ไฟ ตเู้ ย็น โทรทศั น์ วิทยุ โทรศพั ท์ เครอื่ งซกั ผา้ และลองตง้ั คำ� ถาม เชน่ ทำ� ไมถงึ ไมค่ วรเปดิ โทรทศั นเ์ อง 4
พฒั นาการที่สำ� คัญและแนวทางการดแู ลเดก็ ในชว่ ง 36-59 เดือนแรก พดา้ ัฒนนภาากษาาร พ่อแม่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางภาษาด้วย การเล่านิทานและอ่านหนังสือให้ลูกฟัง เด็กอายุ 3 ปีจะสามารถพูด 3-4 ค�ำต่อเนื่องเป็นประโยค เช่น อยา่ งสมำ�่ เสมอ เดก็ อายุ 3-4 ขวบจะเรมิ่ จบั ใจ หนูหิว หนูร้อน หนูอยากไปเล่น แต่หากได้รับการกระตุ้นพัฒนาการ ความและจ�ำเนื้อเร่ืองได้ ดังน้ันพ่อแม่จึงควร ดา้ นภาษา เมื่อเดก็ อายุ 4 ปี เด็กจะสามารถอธบิ ายเล่าเรอื่ งและล�ำดบั ใชเ้ วลาถามลูก เช่น ลกู ชอบตอนไหน ชอบตัว เหตุการณ์ได้ และนอกจากน้ันเด็กยังสามารถรับฟังค�ำส่ังและท�ำตาม ละครตวั ไหน เพราะอะไร ถา้ หนูเป็นตวั ละคร ขนั้ ตอนอย่างน้อย 2-3 ขน้ั ตอนได้อกี ดว้ ย ทห่ี นูชอบ หนูจะรู้สึกอยา่ งไร? พ่อแมอ่ าจขอ การเปิดโอกาสให้เด็กได้ร่วมวงสนทนาท่ีมีคนต่างวัย เช่น เด็กท่ี ให้ลูกเล่านิทานให้พ่อแม่ฟังโดยใช้ค�ำพูดของ มีอายุเยอะกว่า หรือผู้สูงวัยจะช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ความแตกต่างของ ตนเอง และแต่งเติมเองได้ตามจนิ ตนาการ การใชภ้ าษา รู้จกั กาละเทศะ การออกควบกล�ำ้ หากเดก็ พดู ผิด ไม่ควร ต�ำหนแิ ตอ่ าจพูดทวนให้เดก็ ไดย้ นิ ชัดเจนขึน้ ดพา้ ฒั นนจราิยกธารรรม การปลกู ฝงั จรยิ ธรรมควรทำ� เปน็ กจิ วตั ร เพราะเด็กสามารถเชื่อมโยงกับสิ่งที่ พ่อแม่หลายคนมองว่าการปลูกฝังจริยธรรมกับเด็กอายุ 3-6 ปีนั้นท�ำได้ ทำ� อยเู่ ปน็ ประจำ� ทกุ วนั ไดง้ า่ ยกวา่ ทำ� ยาก จริงๆแล้วพ่อแม่สามารถสอดแทรกแนวคิดเกี่ยวกับการกระท�ำถูกหรือ เป็นกิจกรรม พ่อแม่ควรชวนเด็กคุย ผิดเพือ่ เปน็ พื้นฐานสรา้ งจรยิ ธรรมทดี่ ใี ห้กบั เดก็ ในอนาคต เช่น การชักชวนให้ ถึงพฤติกรรมที่ดีต่างๆของตน เช่นช้ี เด็กรักสัตว์ ปลอบโยนเพ่ือนเม่ือเสียใจ ไม่เอาของคนอื่นมาเป็นของตน ชวนให้เด็กเล่าเร่ืองประเด็น “เด็กดี ไม่แกล้งคนอื่น ไม่ท�ำลายส่ิงของ การปลูกฝังแนวความคิดนี้มักต้องใช้เวลา วนั น”ี้ ใหเ้ ดก็ ไดพ้ ดู ถงึ กจิ วตั รทตี่ นหรอื และท�ำใหเ้ ห็นเปน็ แบบอย่าง เพอื่ นทำ� ในวนั นท้ี ส่ี ะทอ้ นถงึ “ความด”ี การปลูกฝังจริยธรรมควรรวมถึงการพูดถึงค่านิยมท่ีดีต่างๆในสังคมด้าน “ความซ่ือสัตย์” “ความเมตตา” อ่นื ๆ เช่น การช่วยเหลือคนอื่น เห็นคณุ ค่าของนำ้� และอาหาร ไม่ทำ� ลายข้าว ของสาธารณะ ไม่แกล้งสัตว์ แสดงความรักและมนี ำ้� ใจต่อพ่อแม่ ญาติ พี่นอ้ ง 5 เชน่ ชว่ ยถือของ แบง่ ปนั ของโดยไมต่ ้องขอ เหล่านเ้ี พือ่ สรา้ งความภูมใิ จใหเ้ ด็ก
พฒั นาการทีส่ �ำคญั และแนวทางการดแู ลเดก็ ในช่วง 36-59 เดือนแรก การสร้างพ้ืนฐานให้เด็กกล้าแสดงความ ควาพมคฒั ดิ นสารก้าางสรดรรา้ คน์ คดิ สรา้ งสรรค์ กลา้ แสดงออกควรมาจาก การปลกู ฝงั ทบี่ า้ น พอ่ แมห่ าเวลานง่ั ดลู กู พ่อแม่หลายๆคนมักสังเกตว่าลูกชอบร้องร�ำท�ำเพลง แสดงละคร รอ้ ง รำ� ทำ� เพลง เลน่ ละคร และพยายาม และกลา้ แสดงออกเวลาอยู่บา้ น แต่เม่อื ตอ้ งแสดงออกเวลาอยู่ในสงั คม ช้ีชวนญาติ ผู้ใหญ่ เพื่อนเด็กสลับกัน นั้น เดก็ กลับอายและปฏเิ สธการมสี ว่ นร่วม นั่นอาจเป็นเพราะเดก็ ขาด จดั การแสดง และทำ� บอ่ ยๆ ใหเ้ ดก็ เคยชนิ ความมนั่ ใจ การสนบั สนนุ จากกลมุ่ ไมอ่ ยากทำ� ผดิ ตอ่ หนา้ เพอ่ื น เคยโดน ควรใหเ้ ดก็ ไดร้ บั คำ� ชมเชยและการยอมรบั ต�ำหนิ หรือท�ำให้อบั อาย จากคนสนิท และญาติ นอกจากนนั้ ควร พอ่ แมค่ วรหาของทน่ี ำ� มาเลน่ สมมติ เชน่ กระเปา๋ รองเทา้ เครอ่ื งครวั สลับกิจกรรมให้เด็กได้ออกมาฝึกพูด เลก็ ๆ ทีอ่ าจใชไ้ ม่ไดแ้ ล้ว ใหเ้ ดก็ ได้ใช้อปุ กรณ์เหล่านีเ้ ล่นบทบาทสมมติ เลา่ นทิ าน หรอื เอางานศลิ ปะของเดก็ ออก กบั ญาตหิ รอื เพ่ือน มาใหค้ นรู้จกั ช่นื ชม การฝกึ วนิ ยั เชงิ บวกสามารถสอดแทรกใน วนิ กยั าเชริงสบรวา้ กง กจิ วตั รประจำ� วนั พอ่ แมค่ วรเขา้ ใจพฒั นาการ ดว้ ยวา่ เดก็ สามารถทำ� กจิ วตั รไดเ้ องทอี่ ายุ เมื่อเด็กโตข้ึนเด็กต้องเรียนรู้ขอบเขตการอยู่ร่วมกับผู้อื่น การเรียนรู้ ประมาณเท่าไหร่ เช่น ใช้ช้อนตักอาหาร ขอบเขตอยา่ งสมำ่� เสมอจะฝกึ ใหเ้ ดก็ รจู้ กั การควบคมุ ยบั ยง้ั ความรสู้ กึ ความ กนิ ได้ด้วยตนเอง โดยไม่หก (3 ป)ี อาบน�้ำ ต้องการของตน เคารพความตอ้ งการของคนอนื่ และกติกาสงั คม และท�ำความสะอาดตนเองได้ (4 ปี) เมื่อเด็กเติบโตขึ้นจึงค่อยๆ เพิ่มเติมวินัยตามวัย โดยก�ำหนดกติกา ตดิ กระดมุ ของเสอ้ื ตนเอง (4 ป)ี พอ่ แมค่ วร ท่ีชัดเจน สอนให้รับผิดชอบผลจากการกระท�ำของตนเช่น ถ้าท�ำน้�ำหก หมั่นฝึกให้ลูกรู้จักอดทนรอคอยท่ีได้ส่ิงท่ี จะตอ้ งช่วยเชด็ หรือเอาผ้าไปเก็บ และไมค่ วรใหค้ วามชว่ ยเหลอื ทุกอย่าง ต้องการ เพราะจะท�ำใหเ้ ดก็ รบั ผดิ ชอบตนเองไมไ่ ด้ 6
พฒั นาการที่สำ� คญั และแนวทางการดแู ลเดก็ ในชว่ ง 36-59 เดือนแรก ใกนาตรนพเัฒองน(SาeคlfวEาstมeeเชmอ่ื) มนั่ พอ่ แมค่ วรทำ� กจิ กรรมทใ่ี หเ้ ดก็ สรา้ ง ความภูมิใจในตนเอง เช่น วาดรูป การพฒั นาความเชอ่ื มน่ั ในตนเองควรสรา้ งตงั้ แตว่ ยั ทารก พอ่ แมส่ ามารถสรา้ ง ดว้ ยกนั ใหเ้ ดก็ ชว่ ยระบายสี หรอื ได้ ใหเ้ ดก็ เหน็ คณุ คา่ ในตนเอง ซง่ึ การพฒั นาความเชอื่ มนั่ ของเดก็ ปฐมวยั ขน้ึ กบั ทศั นคติ ช่วยเหลืองานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ของพอ่ แม่ เด็กที่ถกู ปล่อยปละละเลยมักมปี ญั หาเรอ่ื งของการมองไม่เห็นคณุ ค่า หยบิ ของใหพ้ อ่ แม่ เมอื่ เด็กท�ำอะไร ตนเอง ทง้ั นผ้ี ลเสยี ของการกระทำ� ซงึ่ รนุ แรงกบั ความเชอ่ื มน่ั ของเดก็ ในอนาคตคอื ส�ำเร็จพ่อแม่ไม่ควรลืมชื่นชม การทำ� ร้ายด้านอารมณ์และจติ ใจของเด็ก ใหก้ ำ� ลงั ใจและพดู ยำ้� ในขอ้ ดขี องเดก็ บางคร้ังพ่อแม่นึกว่าแค่ชมว่า “ดีมาก” “เก่งมาก” เพียงพอแล้ว แต่ความ เชน่ “พอ่ ภมู ใิ จมากเลยทลี่ กู ชว่ ยพอ่ จริงการให้ก�ำลังใจต้องพูดย�้ำพฤติกรรมท่ีเป็นข้อดีและสิ่งท่ีเด็กท�ำด้วยจะเป็น กวาดห้อง พ่อหายเหนอื่ ยเลย” ประโยชนม์ าก เชน่ “พอ่ ภมู ใิ จมากทล่ี กู มคี วามอดทนระบายสจี นเสรจ็ ภาพนสี้ วย มากจ้า” เกขาา้ รเรสียรนา้ งปครวะถามมศพึกรษอ้ ามปกีทอ่ ่ีน1 การสรา้ งความพรอ้ มใหก้ บั เดก็ ปฐมวยั ควรเน้นให้เด็กเกิดแนวความคิด เมื่อถึงวัยเข้าเรียนป.1 พ่อแม่มักจะมีความคาดหวังให้เด็กสามารถอ่านออก (Concept) (ใหญ่-เล็ก ใกล้-ไกล เขียนได้ โดยจดั ให้เดก็ ได้ฝึกท่อง ฝึกเขยี น และฝกึ อา่ นตั้งแต่อายุ 4 ขวบ ซึ่งความ บน-ล่าง ซ้าย-ขวา) ซึ่งจะเป็นพื้น เปน็ จรงิ แลว้ เดก็ ทไ่ี ดร้ บั การกดดนั เรง่ พฒั นาการดา้ นสตปิ ญั ญาและไมม่ เี วลาเลน่ เพอื่ ฐานตอ่ ยอดใหเ้ กดิ เปน็ ความคดิ ขนั้ สงู เสรมิ พฒั นาการความพรอ้ มดา้ น รา่ งกาย อารมณ์ สงั คม ภาษา และความคดิ สรา้ งสรรค์ (Higher Order Thinking) ในอนาคต เดก็ จะเกดิ ความเครียด กิจกรรมง่ายๆ เช่นน�ำเอาลูกบอล เด็กท่ีได้รับความเครียดยาวนานเซลล์สมองส่วนฮิปโปแคมปัสซึ่งท�ำหน้าที่ด้าน หลายๆขนาด หลายสี หลายผวิ สมั ผสั อารมณ์ ความจ�ำ และควบคุมพฤตกิ รรมจะถูกรบกวนซง่ึ มีผลตอ่ กระบวนการเรยี นรู้ แลว้ ใหเ้ ดก็ จดั กลมุ่ สงิ่ ของตา่ งๆ พรอ้ ม จำ� ท�ำให้เด็กเรียนร้ชู า้ และมปี ญั หาเมือ่ ถงึ วยั เรยี น พอ่ แม่ช่วยสรา้ งความพร้อมกอ่ น ท้ังถามว่า ท�ำไมถึงจัดแบบนี้ เช่น เข้าเรียนป.1ด้วยความเข้าใจถึงปัจจัยท่ีท�ำให้เกิดความเครียดเช่น หิว ร้อน เหงา จัดตามสี เรียงตามขนาด จัดตาม อ้างว้าง อยใู่ นครอบครัวท่ที ะเลาะกนั ประจ�ำ ถูกบ่น ว่า ใชค้ �ำพูดท�ำรา้ ยจิตใจ ผวิ สัมผสั จบั เป็นคู ่ 7
พฒั นาการท่สี �ำคญั และแนวทางการดแู ลเด็กในชว่ ง 36-59 เดอื นแรก 8
พฒั นาการทส่ี �ำคญั และแนวทางการดแู ลเดก็ ในช่วง 36-59 เดอื นแรก ขอ้ มูลจากหนงั สอื ความร้เู พ่ือชีวิต ซ่ึงคณะท�ำงาน น�ำโดยสถาบันแห่งชาตเิ พื่อการพัฒนาเดก็ และครอบครัว ไดป้ รับปรงุ จากหนงั สือ Facts for Life FacWtsHOfo,rULNifEeS(C4Oth, UeNdFitPioAn, ,U2N0D1P0,) UเปN็นAขID้อมSลู, ทWี่จFดั Pทแำ� ลโดะยWองoคrก์ldารBยaนู nเิ ซkฟ, 9
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: