กชอื่ วทิ ยานิพนธ์ : ศกึ ษาวเิ คราะห์วิธีการดับทกุ ขต์ ามแนวทางพระพทุ ธศาสนาเถรวาทผู้วจิ ยั : พระเจนฑ์จนั ทร์ จนฺทปญโฺ (แสงคา);ปริญญา : พทุ ธศาสตรมหาบัณฑติ (สาขาวชิ า พระพุทธศาสนา)คณะกรรมการควบคุมวิทยานพิ นธ์ : รองศาสตราจารย์ ดร.เอกฉัท จารเุ มธีชน : พระมหาภฏั ชวชั ร์ เขมทสฺสี, ป.ธ. ๙, ศน.บ.(รัฐศาสตร์การปกครอง) รป.ม.(นโยบายสาธารณะ), พธ.ด.(พระพทุ ธศาสนา)วันสาเรจ็ การศกึ ษา : .........../.................../............... (วนั ที่คณบดีลงนาม) บทคัดย่อ การศกึ ษาวเิ คราะหว์ ิธีการดับทกุ ขต์ ามแนวทางพระพุทธศาสนาเถรวาท มวี ัตถุประสงค์คือ(๑) เพื่อศึกษาแนวคิดเรื่องทุกข์ในพระพุทธศาสนาเถรวาท (๒) เพื่อศึกษาวิธีการดับทุกข์ตามแนวทางพระพุทธศาสนาเถรวาท และ (๓) เพ่ือศึกษาวิเคราะห์ความสาคัญของวิธีการดับทุกข์ตามแนวทางพระพทุ ธศาสนาเถรวาท ผลการศกึ ษาพบว่า ๑) ทุกข์ในพระพุทธศาสนาเถรวาท มีอธิบายอยู่ในหมวดธรรมสาคัญหลายหมวด โดยธรรมท่ีอธิบายสภาวธรรมชาติของสรรพส่ิงเรียกไตรลักษณ์ กล่าวถึงลักษณะส่ิงท้ังหลายที่มีใจครองและไม่มีใจครองท่ีเรียกว่าสังขาร ล้วนเกิดขึ้นมาอย่างมีเง่ือนไข ดารงอยู่ภายใต้ภาวะบีบเค้น มีความกดดันขัดแย้ง และไม่สามารถคงอยู่ในสภาพเดิมได้ เป็นภาวะเปลี่ยนแปลงท่ีเนื่องกันของการเกิดข้ึนดารงอยู่ และการดับไป ลักษณะและภาวะดังกล่าวคือทุกข์ ทุกข์ท่ีว่าเกิดข้ึนมีอยู่และเป็นไปในบุคคลเรียกทุกขอริยสัจ เกิดคืออาการรับรู้ของจิตเรียกเวทนา แก่และเจ็บให้ความรู้สึกเป็นทุกขเวทนาคืออาการของร่างกายที่เป็นอยู่ และเป็นไปสู่ความตายคือความเส่ือมสลายไม่สามารถคงรูปอยู่ ได้กระบวนการเกิดที่เป็นอาการของจิตและสาเหตขุ องทุกข์ แสดงไวใ้ นหลักปฏจิ จสมปุ บาท โดยกล่าวถึงอวิชชาเร่ือยมาถึงตัณหาและอุปาทานก่อให้เกิดทุกข์เรียกอุปาทานทุกข์ คืออาการของจิตท่ียึดติดครนุ่ คดิ ยดึ มั่นด้วยอานาจของกเิ ลส ซงึ่ ในทางธรรมะจัดวา่ กเิ ลสเหล่านีเ้ ป็นธรรมชาตทิ ่ีสามารถกอ่ ทกุ ข์ใหก้ ับบุคคลได้ ถ้าไมร่ ู้ในลักษณะและภาวะทใ่ี หผ้ ลเปน็ อาการต่าง ๆ ตามเป็นจรงิ ๒) วิธีการดบั ทุกข์ตามแนวทางพระพุทธศาสนาเถรวาท มหี ลักปฏิบตั ิสาคัญ คืออริยสัจข้อที่ ๑ ทุกข์คือสิ่งที่ควรกาหนดรู้ด้วยสติและโยนิโสมนสิการ ข้อที่ ๒ สมุทัยคือสิ่งที่ควรละ ข้อท่ี ๓นโิ รธคอื สภาพที่ทุกข์หมดไป ครอบคลุมถึงการปดิ กน้ั ไม่ให้มที ุกข์เกิดขึ้น และขอ้ ท่ี ๔ มรรคคือส่ิงที่ควรเจริญ อริยสัจทั้ง ๔ ข้อนี้ เมื่อบุคคลเห็นข้อใดข้อหนึ่งก่อนธรรมอีก ๓ ข้อที่เหลือจะเกิดขึ้นเน่ืองกันทันที อธิบายตามหลักไตรสิกขาซึ่งครอบคลุมข้อปฏิบัติของมรรคทั้ง ๘ ด้วย กล่าวคือ การดับทุกข์ในส่วนของปัญญา มีสัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปปะคือหลักโยนิโสมนสิการ ซึ่งเป็นหลักการคิดเพื่อให้เกิดปัญญาคือกุศลธรรม การดับทุกข์ในส่วนของสมาธิ มีสัมมาวายามะ สัมมาสติและสัมมาสมาธิ คือ
ขหลักอัปมาทธรรมหรือสติและสัมปชัญญะ เป็นการดา8เนินชีวิตอย่างรู้ตัวทั่วพร้อมในปัจจุบันขณะการดับทุกข์ในส่วนของศีลมีสัมมาวาจา สัมมากัมมันตะและสัมมาอาชีวะ คือหลักอินทรียสังวร เป็นการสารวมระวังในการเกยี่ วข้องกับโลกภายนอกโดยไม่จาเป็นผ่านทางอายตนะ บุคคลควรพัฒนาหลักปฏิบัติ ๓ ประการให้สมบรู ณ์และเจริญข้ึนไปพรอ้ มกนั ดังน้ันไมว่ ่าบุคคลจะดับทุกขใ์ นส่วนของปัญญาสว่ นของสมาธิ หรือในส่วนของศีลก็ตาม จิตขณะน้ันจะเข้าถึงภาวะนิโรธช่ัวคราวท่ีเรียกว่าตทังคนิโรธหรือนิพพานช่ัวคราว เม่ือบุคคลศรัทธาในภาวะดังกล่าวก็จะประพฤติมรรคอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายภาวะนโิ รธให้ยาวนานข้ึน ทุกขก์ จ็ ะดบั เยน็ ได้ตามระยะเวลาของความเพยี รที่ประพฤติมรรค ๓) ความสาคัญของวิธีการดับทุกข์ตามแนวทางพระพุทธศาสนาเถรวาท อริยสัจในฐานะองค์ความรู้ในการดาเนินชีวิต ช่วยให้บุคคลมีทัศนคติที่ถูกต้องและตระหนักรู้ ในธรรมชาติของชวี ิตว่าเป็นทุกข์เพราะแก่ เจบ็ และตาย รวมถึงการพลัดพรากจากของรักหรอื ประสบของทไ่ี มร่ ัก หรือส่งิ ตา่ ง ๆ ท่ีเก่ียวข้องอยู่กบั โลกธรรม คือสิ่งทตี่ ้องกาหนดรตู้ ามเป็นจริง โดยตระหนักถึงพฤติกรรมของตัณหาที่สามารถก่อให้เกิดทุกข์ เพ่ือจะได้คลาย สลัด หรือดับเสียได้ซ่ึงความคิดยึดถือมั่นด้วยกิเลสตามหลักปฏิบัติในส่วนของปัญญา ส่วนอริยสัจในฐานะแนวทางการดาเนินชีวิตช่วยสร้างรูปแบบการดาเนินชีวิตที่ลดละ ราคะ โทสะ โมหะให้เบาบางลง โดยการเข้าถึงภาวะนิโรธนั้น เป็นการใช้ชีวิตอยู่ตามหลักอัปปมาทธรรม มีสติช่วยส่งเสริมการประพฤติต้ังแต่ระดับศีลถึงสมาธิ เป็นธรรมท่ีบุคคลฝึกปฏิบัติไปตามลาดับโดยอิงอยู่กับนิรามิสสุขอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือ เมื่อดับ/สกัด/หยุดทุกข์ช่ัวคราวในขณะจิตนนั้ ๆ ท่ีเกิดข้ึนไดแ้ ลว้ บคุ คลก็จะสามารถตั้งตน้ จิตท่เี กิดในขณะตอ่ ๆ ไปโดยปราศจากทุกข์เพื่อเป็นการเร่ิมต้นประพฤติตามทางแห่งมรรค ด้วยสัมมาทิฐิตลอดถึงสัมมาสมาธิ โดยประพฤติจริยธรรมข้อต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับตนเอง เพ่ือรักษาคุณภาพจิตให้อยู่ในภาวะนิโรธได้อย่างต่อเนื่องยาวนานขนึ้ และอริยสัจในฐานะมรรคาเพ่ือชีวิตที่ประเสริฐ ระดบั ความส้นิ ไปแห่งทุกขส์ ัมพนั ธ์กบั การประพฤติจากหยาบไปหาละเอยี ด บุคคลเม่ือประพฤตจิ รยิ ธรรมรบั ผดิ ชอบชีวิตด้วยปญั ญาอย่างโลกียะมาได้ระดับหนึ่ง คุณภาพของจิตที่ประณีตขึ้นส่งผลให้จิตเป็นอิสระมากขึ้น สามารถเข้าสู่โลกุตตระธรรมด้วยจติ ปญั ญาที่หลดุ พ้นเหนอื สมมติบัญญัติของโลก ตามลาดับพืน้ จติ ท่ีได้รับการพฒั นาโดยมรรคตงั้ แตพ่ ระโสดาบันเร่อื ยไปจนถึงพระอรหนั ตผ์ ทู้ าที่สุดแห่งทุกขใ์ นพระพุทธศาสนา
Search
Read the Text Version
- 1 - 2
Pages: