เอกสารประกอบการอบรม การพฒั นาการจัดกระบวนการเรยี นรกู้ ารทาโครงงาน สาหรับครู กศน. ร่นุ ท่ี 1 ระหว่างวนั ท่ี 16-18 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 รนุ่ ที่ 2 ระหว่างวันที่ 19-21 กุมภาพนั ธ์ 2557 สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจังหวัดนครสวรรค์
การเขยี นรายงานโครงงาน โดย กัลยา หอมดี ศนู ย์วิทยาศาสตร์เพอ่ื การศกึ ษาลาปาง 2
การเขียนรายงานโครงงาน คือ การนาเสนอผลการศึกษาหรือผลการทาโครงงานใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจ ถึงแรงผลกั ดนั ความ สาคญั ของปัญหาที่ก่อใหเ้ กิดการคน้ ควา้ วธิ ีดาเนินการศึกษาและผลของการศึกษา การเขียนรายงานเป็นข้นั สุดทา้ ยของการทาโครงงาน เพอ่ื บอกใหท้ ราบวา่ เพราะเหตุใดจึงทา ทาอะไรบา้ ง ทาแลว้ ไดผ้ ลเป็นอยา่ งไร การเขียนรายงานท่ีดีตอ้ งกะทดั รัด ชดั เจน สามารถส่ือใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี ดงั น้นั การเขียนรายงานจึงตอ้ งอาศยั ความรู้ ทกั ษะ และประสบการณ์พอสมควร ตามหลกั สากลกาหนดให้ รายงานโครงงานมีความหนาไม่เกิน 20 หนา้ และภาคผนวกไม่เกิน 10 หนา้ การเขียนรายงานโครงงาน มีองคป์ ระกอบ 3 ส่วน ไดแ้ ก่ ส่วนนา ส่วนเน้ือเร่ือง และส่วนอา้ งอิง ดงั น้ี 1. ส่วนนา องค์ประกอบของรายงาน 3. ส่วนอ้างอิง โครงงาน 2. ส่วนเนือ้ เร่ือง ส่วนนา ประกอบด้วย ส่วนเนือ้ เร่ือง ประกอบด้วย ส่วนอ้างอิง 1. ปกนอก บทท่ี 1 บทนา ประกอบด้วย 2. ปกใน ท่ีมาและความสาคญั ของโครงงาน บรรณานกุ รม 3. บทคดั ยอ่ 4. กิตตกิ รรมประกาศ วตั ถปุ ระสงคข์ องการศกึ ษา ภาคผนวก 5. สารบญั 6. สารบญั ตาราง สมมตฐิ านของการศกึ ษา 7. สารบญั ภาพ ตวั แปรที่ศกึ ษา ขอบเขตการศกึ ษา ประโยชน์ที่คาดวา่ จะได้รับ นยิ ามปฏิบตั กิ าร บทท่ี 2 เอกสารท่เี ก่ียวข้อง บทท่ี 3 วธิ ีดาเนินการศึกษา วสั ดอุ ปุ กรณ์ วธิ ีดาเนินการ บทท่ี 4 ผลการศึกษา บทท่ี 5 สรุปผลการศึกษา อภปิ ราย ผลและข้อเสนอแนะ สรุปผลการศกึ ษา อภิปรายผล ข้อเสนอแนะ 3
(ปกนอกกระดาษสี) โครงงาน เรื่ อง.................................. ............................................ จัดทาโดย 1.................................................................... 2.................................................................... 3.................................................................... ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอ............................. สานกั งานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั ................ 4
(ปกในกระดาษขาว) โครงงาน เรื่ อง.................................. ............................................ จัดทาโดย 1.................................................................... 2.................................................................... 3.................................................................... อาจารย์ทป่ี รึกษา 1.................................................................... 2.................................................................... 3.................................................................... ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอ............................. สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั ................ 5
ก บทคดั ย่อ ช่ือโครงงาน …………………………………………………………………………………… ช่ือผจู้ ดั ทาโครงงาน 1....................................2.................................3.................................................... กศน.อาเภอ ............................................................................................................................... อาจารยท์ ่ีปรึกษา 1………………………………………….2……………………………………… การศึกษา (ชื่อโครงงาน)……………………………………….......................................................... มีวตั ถุประสงค…์ ……………………………………………........................................................................... มีวธิ ีดาเนินการดงั น้ี (อยา่ งยอ่ ๆ). ……………………….................................................................................. ผลการศึกษา พบวา่ …………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………….. ..….………….………………………………………………………...…………………………………….. …….………………………………………………………………………………………………………… ….…..………………………………………………………………………………………………………. …….………………………………………………………………………………………………………… ….…..………………………………………………………………………………………………………. คาอธิบาย เป็นการสรุปผลการจดั ทาโครงงานอยา่ งยอ่ ๆ การเขียนบทคดั ยอ่ ประกอบด้วย ชื่อเรื่อง วตั ถปุ ระสงค์ของโครงงาน วธิ ีดาเนนิ การ และ ผลการศกึ ษา ซงึ่ ผลการศกึ ษาจะสรุปเป็นประเดน็ สาคญั เพ่อื ตอบวัตถุประสงค์ ความยาวของบทคดั ยอ่ ไมค่ วรเกิน 1 หน้ากระดาษ 6
ข กติ ตกิ รรมประกาศ โครงงานเรื่อง...........................................................ท่ีสาเร็จลุล่วงไปไดด้ ว้ ยดีกเ็ พราะไดร้ ับการ ช่วยเหลือจากคุณครู/อาจารย.์ ...........ท่ีใหค้ าปรึกษาและใหค้ าแนะนาตลอดเวลาของการดาเนินงาน ขอขอบคุณ .......(บุคคลที่เราไปเก็บขอ้ มูล ) ที่ใหค้ วามร่วมมือในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล จนทาใหโ้ ครงงาน บรรลุตามวตั ถุประสงคท์ ่ีไดก้ าหนดไว้ คณะผจู้ ดั ทาขอขอบพระคุณท่านท่ีใหค้ วามช่วยเหลือในเรื่องต่างๆและหวงั เป็นอยา่ งยงิ่ วา่ โครงงาน .....................................เรื่องน้ี จะเกิดประโยชนต์ อ่ วงการศึกษาต่อไป คณะผู้จัดทา คาอธิบาย เป็นการกลา่ วขอบคณุ ผ้ทู ี่ให้ความชว่ ยเหลือในการทาโครงงานจนประสบผลสาเร็จ เพื่อให้ ผ้เู ขียนได้แสดงออกถึงความกตญั ญรู ู้คณุ นอกจากนี ้ยงั แสดงถึงความตงั้ ใจในการทาโครงงาน อีกด้วย ข้อความด้านบนเป็นเพียงตวั อยา่ งสามารถเขียนแตกตา่ งไปจากนีไ้ ด้ 7
สารบัญ ค บทคัดย่อ หน้า กติ ตกิ รรมประกาศ ก สารบัญ ข สารบญั ตาราง ค สารบัญภาพ (ถ้ามี) ง บทท่ี 1 บทนา จ 1 1.1 ท่ีมาและความสาคญั ของโครงงาน 1 1.2 วตั ถุประสงค์ 1.3 สมมติฐาน (ถา้ มี) 8 1.4 ตวั แปรท่ีศึกษา (ถา้ มี) 1.5 ขอบเขตการศึกษา 1.6 ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะไดร้ ับ 1.7 นิยามปฏิบตั ิการ บทที่ 2 เอกสารทเ่ี กยี่ วข้อง 2.1………………….. 2.2………………….. บทท่ี 3 วธิ ีดาเนินการ 3.1 วสั ดุอุปกรณ์ 3.2 วธิ ีดาเนินการ บทท่ี 4 ผลการศึกษา บทท่ี 5 สรุปผล อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ 5.1 สรุปผล 5.2 อภิปรายผล 5.3 ขอ้ เสนอแนะ บรรณานุกรม ภาคผนวก ภาคผนวก ก แบบประเมิน....... ภาคผนวก ข ภาพประกอบ
คาอธิบาย เป็นสว่ นท่ีกลา่ วถงึ หวั ข้อเรื่องทงั้ หมดที่มีอยใู่ นรายงานโครงงาน ซงึ่ ได้แก่ รายละเอียดของหวั ข้อ รายงานทงั้ 5 บท หวั ข้อในสารบญั ต้องตรงกบั ในเลม่ โดยมีเลขหน้ากากบั ไว้ทางขวามือ เพื่อบอกวา่ แตล่ ะหวั ข้ออยทู่ ี่หน้าใดในรายงาน 9
สารบญั ตาราง ง หน้า ตารางที่ ....... ตารางที่ ....... ตารางท่ี ....... คาอธิบาย หากในรายงานมีการนาเสนอ ข้อมลู ในรูป ของตารางไว้หลายตาราง ก็จะต้องนามาจดั ทาเป็น รายการไว้คล้ายสารบญั โดยบอกเลขที่ตาราง ช่ือตาราง พร้อมเลขหน้ากากบั ไว้ทางขวามือ เพ่ือให้ ผ้อู า่ นสามารถค้นคว้าได้งา่ ยขนึ ้ เลขท่ีตาราง ช่ือตารางและเลขหน้าต้องตรงกบั ในเลม่ 10
สารบัญภาพ จ หน้า ภาพท่ี ....... ภาพท่ี ....... ภาพท่ี ....... คาอธิบาย เป็นการนาเสนอภาพประกอบและแผนภมู ติ า่ งๆท่ีมีอยใู่ นรายงาน โดยบอกเลขท่ีภาพ ช่ือภาพ พร้อม เลขหน้ากากบั ไว้ทางขวามือ เพื่อให้ผ้อู า่ นสามารถค้นคว้าได้งา่ ยขนึ ้ เชน่ เดยี วกบั สารบญั ตาราง เลขท่ีภาพ ช่ือภาพและเลขหน้าต้องตรงกบั ในเลม่ 11
บทท่ี 1 บทนา 1.1 ทม่ี าและความสาคญั ของโครงงาน ............................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................................... ……………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………….. คาอธิบาย การเขียนที่มาและความสาคญั ของปัญหา เป็นการเขียนเพ่ือให้ผ้อู า่ นมองเห็นวา่ ทาไม จงึ ทาโครงงานเรื่องนี ้มีความจาเป็นอยา่ งไร มีความสาคญั อยา่ งไรจงึ ต้องศกึ ษา ดงั นนั้ การ เขียนควรเร่ิมด้วยการกลา่ วถึง สภาพปัญหาและผลกระทบท่ีเกิดขนึ ้ จากปัญหาดงั กลา่ ว แล้ว เช่ือมโยงไปสเู่ หตผุ ลที่ ต้องทาโครงงานนี ้ มีอะไรเป็นมลู เหตจุ งู ใจ ได้แนวคดิ ในการทามาจาก ไหน หากไมท่ าจะเกิดผลเสียอยา่ งไร ทาแล้วได้อะไร ซงึ่ มีหลกั การเขียนคล้ายคลงึ กบั การเขียน เรียงความ ทว่ั ๆไป คอื มีคานา เนือ้ เรื่อง และสรุป สว่ นท่ี 1 คานา เป็นการบรรยายถงึ สภาพปัญหา และผลกระทบท่ีเกิด สว่ นที่ 2 เนือ้ เร่ือง อธิบายถึงมลู เหตจุ งู ใจท่ีทาโครงงาน โครงงานนี ้มีความจาเป็นและมี ความสาคญั อยา่ งไรจงึ ต้องศกึ ษา เช่ือมโยงให้เห็นหลกั การ ทฤษฏี สนบั สนนุ เรื่องท่ีศกึ ษา ถ้า ไมท่ าโครงงานเรื่องนีจ้ ะเกิดผลทงั้ โดยตรงและโดยอ้อมอยา่ งไร สว่ นท่ี 3 สรุป สรุปถึงความจาเป็นที่ต้องทาโครงงาน ทาแล้วได้ประโยชน์อยา่ งไร ในการเขียน ท่ีมาและความสาคญั ของปัญหา ให้เขียนแบบความเรียง และควรมีการ อ้างองิ สถติ ขิ ้อมูลต่างๆ ที่จะชว่ ยให้มีนา้ หนกั และนา่ เชื่อมากย่ิงขนึ ้ 12
1.2 วตั ถุประสงค์ ในการศึกษาคร้ังน้ี ผจู้ ดั ทาไดก้ าหนดวตั ถุประสงคไ์ วด้ งั น้ี 1.2.1..................................................................................................................................................... 1.2.2.................................................................................................................................................... คาอธิบาย วตั ถปุ ระสงค์ เป็นเปา้ หมายท่ีบอกให้รู้วา่ โครงงานกาลงั จะศกึ ษาอะไร จะหาอะไร การเขียนวัตถปุ ระสงค์ต้องเขียนให้ชัดเจนว่า โครงงานนีจ้ ะทาอะไร ไม่ควรเขียนว่าทา แล้วได้อะไร วตั ถปุ ระสงค์ที่ดี อา่ นแล้วต้องรู้ทนั ทีวา่ โครงงานนีจ้ ะทาอะไร อยา่ งไร วตั ถปุ ระสงค์ ถือเป็นหวั ใจของการทาโครงงาน เพราะเป็นตวั กาหนดรายละเอียดตา่ งๆ ตงั้ แตก่ ารตงั้ สมมตฐิ าน การกาหนดตวั แปร การออกแบบการทดลองฯลฯ ดงั นนั้ วตั ถปุ ระสงค์จงึ มกั เขียนวา่ เพ่ือศกึ ษา...... เพ่ือเปรียบเทียบ....เพื่อผลิต....เพ่ือทดลองหา.....เพื่อสารวจ ..... ในการเขียนวตั ถปุ ระสงคต์ ้อง เขียนให้ชดั เจน อา่ นเข้าใจง่ายสอดคล้องกบั ช่ือโครงงาน หากมีวตั ถปุ ระสงคห์ ลายประเดน็ ให้ระบุ เป็นข้อๆ ผลการศกึ ษาในบทที่ 4 จะมีความสมบรู ณ์ครบถ้วน ต้องสอดคล้องกบั วตั ถปุ ระสงคท์ กุ ๆ ข้อ 1.3 สมมติฐาน (ถ้ามี) ............................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................................... คาอธิบาย สมมตฐิ านเป็นคาตอบท่ีคาดการณ์ไว้ลว่ งหน้า โดยยงั ไมม่ ีการทดสอบ การเขียนสมมตฐิ าน เพ่ือให้เหน็ ความสมั พนั ธ์ของตวั แปร เป็นการคาดการณ์วา่ ตวั แปรเหลา่ นนั้ จะมีความสมั พนั ธ์กนั อยา่ งไร เม่ือผลการทดลองออกมาแล้ว อาจเป็นไปตามสมมตฐิ านหรือไมก่ ็ได้ และท่ีสาคญั คอื เป็น ข้อความท่ีมองเห็นแนวทางดาเนนิ การในการทดลอง หรือสามารถทดสอบได้ สว่ นใหญ่การเขียน รายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ต้องมีสมมตฐิ านของการศกึ ษา ยกเว้นโครงงานประเภทสารวจ 13
1.4 ตัวแปรทศ่ี ึกษา (ถ้ามี) 1.4.1 ตวั แปรตน้ …………………………………………………………………………………….. 1.4.2 ตวั แปรตาม……………………………………………………………………………………. 1.4.3 ตวั แปรควบคุม............................................................................................................................ คาอธิบาย การจดั ทาโครงงานโดยทวั่ ไป แบง่ ตวั แปรออกเป็น 3 ประเภท คอื ตัวแปรต้น คอื สิ่งท่ีเป็นสาเหตทุ าให้เกิดผลตา่ งๆ หรือ สง่ิ ที่เราศกึ ษาและทดลองดวู า่ เป็นสาเหตทุ ่ีให้เกิดผลเชน่ นนั้ จริงหรือไม่ ตวั แปรตาม คือ ส่งิ ท่ีเป็นผลมาจากตวั แปรต้น เมื่อตวั แปรต้นหรือสง่ิ ท่ีเป็นสาเหตุ เปล่ียนไป ตวั แปรตามก็จะเปลี่ยนไปด้วย ตัวแปรควบคุม คอื สง่ิ อ่ืน ๆ ที่นอกเหนือจากตวั แปรต้น ท่ีมีผลตอ่ การศกึ ษา ซง่ึ จะต้อง มีการควบคมุ ให้เหมือนกนั มิเชน่ นนั้ แล้วอาจทาให้ผลการศกึ ษาคลาดเคลื่อนได้ การศกึ ษาโครงงานสว่ นมาก มกั เป็นการศกึ ษาความสมั พนั ธ์เชงิ เหตแุ ละผลหรือ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งตวั แปร ตงั้ แต่ 2 ตวั แปรขนึ ้ ไป การบอกชนดิ ของตวั แปรอยา่ งถกู ต้องและ ชดั เจน รวมทงั้ การควบคมุ ตวั แปรที่ไมส่ นใจศกึ ษาได้อยา่ งครอบคลมุ ผ้ทู ี่ทาโครงงานต้องเข้าใจ วา่ ตวั แปรใดเป็นตวั แปรต้น ตวั แปรใดเป็นตวั แปรตาม และตวั แปรใดบ้างเป็นตวั แปรท่ี จะต้อง ควบคมุ เพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบการทดลอง ตลอดจนมีผลตอ่ การเขียนรายงานการทา โครงงานที่ถกู ต้อง สื่อความหมายให้ผ้ฟู ังและผ้อู า่ นให้เข้าใจตรงกนั 1.5 ขอบเขตการศึกษา ในการศึกษาคร้ังน้ี มีขอบเขตของการศึกษาดงั น้ี 1.5.1 ส่ิงท่ีศึกษา 1.5.2 กลุ่มตวั อยา่ งที่ใชใ้ นการศึกษาคร้ังน้ี 1.5.3 ระยะเวลา.................................................................................................................................... 1.5.4 สถานที่………………………………………………………………………………………… คาอธิบาย เป็นการ เขียนเพ่ือให้เหน็ วา่ โครงงานนีม้ ีขอบเขตกว้างขวางแคไ่ หน ครอบคลมุ เรื่องอะไรบ้าง สว่ นใหญ่จะกาหนดขอบเขตในเร่ือง ตวั แปรท่ีศกึ ษา ประชากร กลมุ่ ตวั อยา่ ง ระยะเวลา/ชว่ งเวลา และ สถานท่ี เพราะถ้าศกึ ษานอกเหนือจากขอบเขตนี ้ ผลการศกึ ษาอาจแตกตา่ งไปจากนีไ้ ด้ 14
1.6ประโยชน์ทคี่ าดว่าจะได้รับ 1.6.1..................................................................................................................................................... 1.6.2..................................................................................................................................................... 1.6.3..................................................................................................................................................... คาอธิบาย เป็นการเขียนให้เห็นถงึ ประโยชน์และผลท่ีคาดวา่ จะเกิดขนึ ้ จากการทาโครงงาน โดยอาจจะ เป็นผลในแง่ความรู้ท่ีได้รับ ข้อมลู ท่ีได้ คาตอบท่ีได้ หรือในแง่ของการนาผลการศกึ ษาไปใช้ในด้าน ตา่ งๆ โดยให้ระบวุ า่ จะเกิดประโยชน์แกใ่ คร เกิดอยา่ งไร ทงั้ โดยทางตรงและทางอ้อม ควรเขียนเป็น ข้อๆ ผลที่คาดวา่ จะได้รับนี ้มกั จะเขียนให้สอดคล้องกบั วตั ถปุ ระสงคใ์ นการจดั ทาโครงงาน 1.7 นิยามปฏบิ ตั กิ าร 1.7.1………………………………………………………………………………………………… 1.7.2………………………………………………………………………………………………… 1.7.3..................................................................................................................................................... คาอธิบาย เป็ นการให้ความหมายของคาสาคัญ ที่ใช้ในการทาโครงงาน เพื่อให้เป็นท่ีเข้าใจตรงกนั ระหวา่ งผ้ทู าโครงงานกบั ผ้อู า่ น และชว่ ยให้การเขียนรายงานมีความกะทดั รัดชดั เจนขนึ ้ อา่ นเข้าใจ งา่ ยขนึ ้ มกั นยิ มให้คานิยามในลกั ษณะนยิ ามปฏิบตั กิ าร 15
บทที่ 2 เอกสารท่เี กย่ี วข้อง ในการศึกษาโครงงาน เร่ือง............คณะผศู้ ึกษา ไดค้ น้ ควา้ รวบรวมขอ้ มูลจากเอกสารท่ีเกี่ยวขอ้ ง และจากเวบ็ ไซดบ์ นเครือขา่ ยอินเตอร์เน็ต โดยขอนาเสนอตามลาดบั ดงั น้ี 2.1..................................................... 2.1.1............................................................................................................................................................. 2.1.2............................................................................................................................................................. 2.2 ..................................................... 2.2.1............................................................................................................................................................. 2.2.2............................................................................................................................................................. 2.3 งานวจิ ัยทเี่ กยี่ วข้อง (ถ้ามี) คาอธิบาย การศกึ ษาเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง มีจดุ มงุ่ หมายเพ่ือให้เกิดความรู้ความเข้าใจใน โครงงานที่ต้องการศกึ ษามากขนึ ้ และเพ่ือศกึ ษาเรื่องเดียวกนั ที่มีผ้อู ่ืนเคยศกึ ษามาก่อน วา่ เขาใช้วธิ ี การศกึ ษาอยา่ งไร ผลเป็นอยา่ งไร ให้ข้อเสนอแนะไว้อยา่ งไรบ้าง ซง่ึ จะชว่ ยให้ผ้จู ดั ทาโครงงานได้ แนวคดิ และวิธีการใหมๆ่ ท่ีจะชว่ ยในการวางแผน และออกแบบการศกึ ษาโครงงานของตนเอง การศกึ ษาเอกสารที่เก่ียวข้องนี ้ จะศกึ ษาจากหนงั สือ ตารา บทความ รายงานโครงงาน ส่งิ พิมพ์ ตา่ งๆและการสืบค้นจากอนิ เตอร์เนต็ ก่อนลงมือเขียน ควรกาหนดหัวข้อท่จี ะเขียนให้ชัดเจนก่อนว่าจะมีหัวข้ออะไรบ้าง แต่ละหัวข้อใหญ่ควรมีหัวข้อย่อยอะไรบ้าง จะจัดลาดบั หวั ข้ออย่างไร ควรเอาเร่ืองใดขนึ้ ก่อน/หลัง ในการกาหนดหวั ข้อในบทที่ 2 ควรเลือกเฉพาะท่ีมีประโยชน์/ตรงกบั โครงงานท่ีศกึ ษา ไม่ ควรนามาเสนอมากเกินความจาเป็น 16
ข้อมูลท่ไี ด้มาควรมีการอ้างองิ แหล่งท่มี า ซง่ึ การอ้างองิ จะใช้ของสถาบนั ใดก็ได้ แตต่ ้องใช้ รูปแบบเดียวกนั ทงั้ เอกสาร เชน่ กรณีท่ีเอาช่ือผู้เขียนขึน้ ก่อน กลั ยา หอมดี (2550 :11-14) ได้กลา่ วเกี่ยวกบั แหลง่ เพาะพนั ธ์ุยงุ ลายวา่ ...................... กรณีท่ขี ้อความขนึ้ ก่อน ........................การปอ้ งกนั ท่ีดีท่ีสดุ คือ การกาจดั หรือลดแหลง่ เพาะพนั ธ์ุยงุ ลาย (กลั ยา หอมดี, 2550 :11-14) กรณีท่ีเอาช่ือผู้เขียนขึน้ ก่อนแต่ไม่ทราบปี ท่ีพมิ พ์ กลั ยา หอมดี (ม.ป.ป.:20) ได้ทาการศกึ ษาเก่ียวกบั ............................................................... กรณีท่เี อาข้อความขนึ้ ก่อนแต่ไม่ทราบปี ท่พี มิ พ์ ..................................................................................................(กลั ยา หอมดี , ม.ป.ป.:20) กรณีท่เี อามาจากเว็บไซด์และมีช่ือผู้เขียน อษุ า สตั ย์ซื่อ (2551: เวบ็ ไซด)์ กลา่ วถงึ ภาวะโลกร้อนวา่ ........................................................ ........................................................................................... (อษุ า สตั ย์ซื่อ , 2551: เว็บไซด์) กรณีท่เี อามาจากเวบ็ ไซด์แต่ไม่มีช่ือผู้เขียนแต่รู้ช่ือบทความ ภาวะโลกร้อน (2550: เว็บไซด)์ กลา่ วถึงสาเหตภุ าวะโลกร้อนวา่ ................................................. ...................................................................................................(ภาวะโลกร้อน,2550: เวบ็ ไซด)์ 17
บทที่ 3 วธิ ีดาเนินการ 3.1 วสั ดุ อุปกรณ์ 1……………………………………...จานวน.............................................................................. 2.……………………………………..จานวน.............................................................................. 3.……………………………………..จานวน.............................................................................. 4.……………………………………..จานวน.............................................................................. 3.2 วธิ ีดาเนินการ การศึกษาเรื่อง.......ไดด้ าเนินการทดลอง ดงั น้ี 1………………………………………………………………………………………………... 2……………………………………………………………………………………………….. 3……………………………………………………………………………………………….. 4……………………………………………………………………………………………….. 5.................................................................................................................................................. คาอธิบาย เป็นสว่ นท่ีทาให้ผ้อู า่ นทราบวา่ ผ้จู ดั ทาโครงงานมีวิธีการเก็บรวบรวมข้อมลู / ขนั้ ตอนการ ทดลองอยา่ งไร โดยปกตจิ ะเขียนใน 2 หวั ข้อ คอื วัสดุอุปกรณ์ ให้ระบวุ สั ดอุ ปุ กรณ์ที่ใช้ในการทาโครงงานให้ครบเพื่อจะได้จดั เตรียมให้พร้อม เชน่ เคร่ืองมือเคร่ืองใช้ สารเคมี ของสด อปุ กรณ์การทดลอง ฯลฯ วสั ดอุ ปุ กรณ์ประเภทเดียวกนั ควรเขียนตามลาดบั กนั ไปจนครบ วิธีดาเนินการ เป็นการอธิบายลาดบั ขนั้ ตอนของการศกึ ษาอยา่ งละเอียด ซง่ึ ควรมีการ ออกแบบการทดลองก่อนวา่ จะศกึ ษาอยา่ งไร โดยทวั่ ไปนิยมแบง่ การศกึ ษา/การทดลองออกเป็น ตอนๆ ให้สอดคล้องกบั วตั ถปุ ระสงค์ 18
บทท่ี 4 ผลการศึกษา จากการศึกษา..............ซ่ึงไดด้ าเนินการโดย (ทาอยา่ งไร).................................ไดผ้ ลการศึกษาดงั น้ี ตารางท่ี …………………………………………………………………………………………… ตัวแปรต้น ตวั แปรตาม จากตารางท่ี ....ผลการศึกษา พบวา่ ..................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... คาอธิบาย เป็นการนาเสนอข้อมลู ท่ีได้จากสงั เกต ทดลอง ประดษิ ฐ์ แล้วจดบนั ทกึ รวบรวมไว้จาก การศกึ ษาค้นคว้า แล้วนาผลการวิเคราะห์ข้อมลู มานาเสนอ ซง่ึ ข้อมลู ท่ีได้มี 2 รูปแบบ คอื 1. ข้อมูลเชิงปริมาณ อาจจดั กระทาและส่ือความหมายข้อมลู ในรูปของตาราง หรือแผนภมู ิ โดยพจิ ารณาให้เหมาะสมกบั จดุ มงุ่ หมายของการศกึ ษาค้นคว้า 2. ข้อมูลเชิงคุณภาพ อาจเขียนในลกั ษณะข้อความบรรยายสนั้ ๆ หรือมีภาพประกอบข้อมลู ด้วยเพื่อให้เข้าใจได้งา่ ย การนาเสนอผลการศกึ ษา ควรนาเสนอเป็นตอนๆ ล้อตามวตั ถปุ ระสงค์ 19
บทที่ 5 สรุปผลการศึกษา อภปิ รายผลและข้อเสนอแนะ 5.1 สรุปผลการศึกษา …………………………………………………………………………............................................. .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 5.2 อภปิ รายผล …………………………………………………………………………............................................. .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 5.3 ข้อเสนอแนะ 1.………………………………………………………………………….......................................... 2........................................................................................................................................................... 3........................................................................................................................................................... 4........................................................................................................................................................... 20
คาอธิบาย สรุปผลการศึกษา เป็นการสรุป ให้ผ้อู า่ นเห็นที่มา ขนั้ ตอนของการทาโครงงาน และ ผล การศกึ ษา เป็นการนาผลจากบทที่ 4 มาสรุปยอ่ เรียงตาม วตั ถปุ ระสงค์ของ โครงงาน จนครบทกุ วตั ถปุ ระสงค์ อภปิ รายผล เป็นการนาผลการศกึ ษาในแตล่ ะวตั ถปุ ระสงคม์ าอภิปราย มาวเิ คราะห์ให้เห็น วา่ ท่ีผลเป็นเชน่ นนั้ เพราะอะไร สอดคล้องกบั ทฤษฎีหรือหลกั การอะไร หรือสอดคล้องกบั ผลการศกึ ษา โครงงานอื่นๆที่มีผ้เู คยศกึ ษาไว้แล้วอยา่ งไร หรือขดั แย้งกบั ผลการศกึ ษาครัง้ นีอ้ ยา่ งไร ข้อเสนอแนะ เป็นการเสนอความคดิ เหน็ ท่ีมีผลตอ่ การศกึ ษาครัง้ นีแ้ ละการศกึ ษาครัง้ ตอ่ ไป 21
บรรณานุกรม กรีนพีชเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต.้ คู่มือก้วู กิ ฤตสภาพภูมิอากาศ. [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก : http:// www.greenpeace.org/seasia/th/campaigns/climate-and-energy/take-action/save-climate- handbook. (วนั ที่คน้ ขอ้ มูล : 16 มีนาคม 2551). กลั ยา หอมดี. (2551). การเขียนรายงานโครงงาน. ลาปาง: ศูนยว์ ทิ ยาศาสตร์เพอื่ การศึกษาลาปาง. . (2550). รายงานผลการอบรมการจัดทาโครงงานหลกั สูตรสร้างสรรค์โครงงานสืบสาน กระบวนการคิด. ลาปาง : ศูนยว์ ทิ ยาศาสตร์เพอ่ื การศึกษาลาปาง. ศูนยก์ ารศึกษานอกโรงเรียนภาคเหนือ. (2548). คู่มือการจัดค่ายทกั ษะชีวติ พชิ ิตปัญหาเอดส์. ลาปาง : ศูนย์ การศึกษานอกโรงเรียนภาคเหนือ. อุษา สตั ยซ์ ่ือ. ภาวะโลกร้อน. [ออนไลน์].เขา้ ถึงไดจ้ าก http://www.thaigoodview.com./library/teachershow/ loburi/usa_s/global_warming/sec02p01.html. (วนั ที่คน้ ขอ้ มูล : 16 มีนาคม 2551). คาอธิบาย บรรณานุกรม บรรณานกุ รมเป็นรายช่ือเอกสาร ตารา สง่ิ พมิ พ์หรือวสั ดใุ ด ๆ ก็ตาม ที่ผ้จู ดั ทาโครงงาน นามาใช้อ้างองิ ภายในเลม่ เพ่ือใช้ประกอบการศกึ ษา ค้นคว้า การอ้างอิงเป็น หลกั ฐานท่ีสนบั สนนุ ให้โครงงานมีความนา่ เชื่อถือมากขนึ ้ โดยจะนามารวบรวมไว้ในสว่ นนีเ้พื่อให้ ผ้ทู ่ีสนใจไปศกึ ษาเพมิ่ เตมิ ได้เอง หลกั การเขียนบรรณานกุ รมของแตล่ ะหนว่ ยงานอาจแตกตา่ งกนั ไปบ้าง ให้เลือกใช้ของสถาบนั ใดสถาบนั หนง่ึ โดยเขียนเรียงลาดบั ตวั อกั ษร ตามแบบพจนานกุ รม ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน โดยไมต่ ้องใสเ่ ลขลาดบั รายการ ตัวอย่างการเขียนบรรณานุกรม (หนังสือท่วั ไป) ไพรัช ธชั ยพงษ์ และ กฤษณะ ชา่ งกลอ่ ม. (2541). การพฒั นาโครงสร้างพนื้ ฐานสารสนเทศ แห่งชาตเิ พ่อื การศึกษา . กรุงเทพฯ : สานกั งานคณะกรรมการศกึ ษาแหง่ ชาติ สานกั นายกรัฐมนตรี. สมหวงั พิธิยานวุ ฒั น์. (2545). การสอนท่เี น้นกระบวนการ. กรุงเทพ ฯ : โรงพิพมพ์ครุ ุสภา ลาดพร้ าว. 22
คาอธิบาย ตวั อย่างการเขียนบรรณานุกรม (หนังสือท่ีผู้แต่งเป็ นหน่วยราชการ) สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2529). คู่มือการทาและจัดแสดง โครงงานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี . กรุงเทพฯ : สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี. ตัวอย่างการเขียนบรรณานุกรม (วารสาร) จนั ทรา ตนั ตพิ งศานรุ ักษ์. (2543). การจดั การเรียนรู้แบบร่วมมือ. วารสารวิชาการ.3 (ธนั วาคม 2543) : 36. ตัวอย่างการเขียนบรรณานุกรม (เวป็ ไซด์) มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง. ก๊าซเรือนกระจก. (ออนไลน์). เข้าถงึ ได้จาก:http://www.ru.ac.th/ climatechange/GHG.htm. (วนั ที่ค้นข้อมลู : 16 มีนาคม 2551) 23
ภาคผนวก คาอธิบาย ภาคผนวก เป็นการนาเสนอ รายละเอียด ของสว่ น ที่มีความสาคญั กบั การทาโครงงาน แต่ไม่ อาจนาเสนอในสว่ นของเนือ้ หาได้ ถ้าเอาไว้ในสว่ นของเนือ้ หาจะดเู ยิ่นเย้อ เกินไปไมน่ า่ อา่ น จงึ นามา เสนอในภาคผนวก เพราะฉะนนั้ ในภาคผนวกอาจจะมีเรื่องเดียวหรือหลายเรื่องก็ได้ ส่งิ ที่จะนามาใส่ ในภาคผนวกอาจจะเป็น ข้อมลู ท่ีใช้ประกอบการศกึ ษา สตู รการคานวณ สตู รอาหาร วิธีเตรียม สารเคมีท่ีทาการศกึ ษา ข้อมลู ดบิ ท่ีบนั ทกึ ไว้ ซงึ่ ยงั ไมไ่ ด้สรุป หรือยงั ไมไ่ ด้จดั กระทาให้อยใู่ นรูปกราฟ แผนภมู ิ หรือตารางสรุป ภาพประกอบขนั้ ตอนการศกึ ษา และเครื่องมือท่ีใช้เก็บข้อมลู เป็นต้น 24
ภาคผนวก ก แบบประเมิน................................หรือเครื่องมืออื่นๆ 25
ภาคผนวก ข ภาพประกอบ 26
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: