Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ศาสนาสากล

ศาสนาสากล

Published by tichanun9591, 2019-12-01 23:06:31

Description: หนังเรียนสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
โรงเรียนวัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม

Search

Read the Text Version

 วรรณะพราหมณ์ มีหนา้ ท่ีตดิ ต่อกับเทพเจ้า สงั่ สอนศาสนาและประกอบพิธีกรรมแก่ ประชาชนทกุ วรรณะ มีหนา้ ที่ศกึ ษา จดจํา และสืบต่อคมั ภีรพ์ ระเวท พราหมณ์มกั จะถอื วา่ ตนเป็นวรรณะสูงสุดในสังคม เกิดจากพระโอษฐข์ องพระผเู้ ปน็ เจ้า  กษตั รยิ ์ ได้แก่ นักรบ ทาํ หน้าที่ปอู งกันชาตบิ ้านเมอื งและทําศึกสงคราม ขยายเขตแดน วรรณะกษัตริย์เกดิ จากพระพาหา (แขน) ของพระผู้เป็นเจ้า

 วรรณะแพศย์ เป็นวรรณะของคนส่วนใหญ่ในสงั คม ไดแ้ ก่ ผปู้ ระกอบพาณิชยกรรม เกษตรกรรม และศลิ ปหตั ถกรรมตา่ งๆ วรรณะแพศยเ์ กิดจากพระโสณี (ตะโพก) ของพระผู้ เปน็ เจ้า  วรรณะศูทร เปน็ วรรณะของพวกกรรมกร ผ้ทู ํางานรับจ้างทตี่ อ้ งใช้แรงงานแบกหาม หรอื ใหบ้ รกิ ารแกว่ รรณะอนื่ ๆ วรรณะศูทรถอื เปน็ วรรณะต่าํ สุด เพราะเกิดจากพระบาท(เทา้ ) ของ พระผู้เปน็ เจา้  จัณฑาล พวกนีเ้ ปน็ ทีร่ งั เกียจของทุกวรรณะด้วยครับ

หลกั ตรีมรู ติ คือ อะไร  พระพรหม พระพรหมเปน็ ผสู้ ร้างมนุษยแ์ ละสรรพส่ิงทง้ั หลายในโลก (พระพรหมมีเมียช่อื พระสรัสวดี ซง่ึ เป็นเทพแี หง่ วาจาและการศกึ ษาเลา่ เรียน และเป็นผูอ้ ุปถมั ภศ์ ิลปะวิทยาท้งั ปวง)  พระศิวะ เทพเจา้ แหง่ การทําลายและเทพเจ้าแหง่ การฟูอนรํา พระศวิ ะเปน็ เทพเจา้ สงู สุด ในไศวนิกาย (พระศิวะมเี มยี ชือ่ พระอมุ า ซง่ึ มหี ลายลกั ษณะเชน่ ปารวตีเทวผี เู้ ปน็ ธิดาแหง่ หมิ าลยั ทรุคาเทวผี ู้เปน็ เจา้ แม่แห่งสงคราม และกาลีเทวีผ้มู ีกายสีดํา)

 พระวษิ ณหุ รอื พระนารายณ์ เทพเจ้าผรู้ ักษาและคมุ้ ครองโลกให้เปน็ สุข ชาวฮนิ ดเู ช่อื ว่า พระนารายณ์ทรงอวตารลงมาเป็นพระรามและพระกฤษณะ พระนารายณ์เปน็ เทพเจ้าท่ีมี พลงั ทางทํานุบํารุงโลก เมื่อเวลาใดโลกเกิดยคุ เขญ็ เมื่อเวลาน้ัน พระนารายณจ์ ะเสดจ็ ไป ช่วยบําบัดทุกข์ ปราบยุคเขญ็ เรยี กว่า อวตาร (พระนารายณ์มีเมยี ช่อื ลกั ษมี ผูเ้ ปน็ เทพี แหง่ ความงาม ผู้อาํ นวยโชคลาภ ความมงั่ คัง่ )

คมั ภีรพ์ ระเวท คอื อะไรและประกอบไปด้วยอะไรบ้าง  คัมภีร์พระเวททัง้ 4 ซงึ่ ถือวา่ เปน็ สง่ิ ท่ีไดย้ นิ ได้ฟังมาจากพระผู้เป็นเจ้าโดยตรง(ศรุต)ิ ไมม่ ีผู้ แต่ง แตเ่ ปน็ การค้นพบของฤๅษีทง้ั หลาย เป็นของทม่ี ีอยูช่ ั่วนิรนั ดร เปน็ ลมหายใจของพระ ผู้เปน็ เจ้า เปน็ สจั ธรรมที่แสดงถงึ ประสบการณ์ทางวญิ ญาณของฤๅษีทั้งหลายในอดีตกาล ที่ยาวนาน พระเวทแบง่ ออกเป็น 4 คัมภีร์

 ฤคเวท เป็นคัมภรี เ์ กา่ แกท่ ีส่ ุด เปน็ บทเพลงสวดหรือมนตร์สรรเสริญออ้ นวอนพระผเู้ ป็นเจา้ และเทวี มีบทเพลงสวด 1,017 บท  ยชรุ เวท เปน็ คัมภีร์ท่ีเปน็ คมู่ ือประกอบพิธกี รรมของพราหมณ์ ซงึ่ เปน็ บทร้อยแก้วที่อธิบาย วธิ ปี ระกอบพธิ กี รรม บวงสรวงและการทาํ พิธีบูชายัญ  สามเวท เปน็ คัมภีร์ทรี่ วบรวมบทสวดมนต์ ซึ่งเป็นบทรอ้ ยกรอง โดยนาํ มาจากฤคเวทและ ที่แต่งขึ้นใหม่ จะใช้สาํ หรับสวดในพิธีถวายนา้ํ โสมและขบั กล่อมเทพเจา้  อถรรพเวท เปน็ คัมภีร์ท่ีแตง่ ข้ึนใหม่ในปลายสมยั พราหมณ์ เป็นคาถาอาคมมนตข์ ลัง ศกั ดส์ิ ิทธิ์ สําหรบั ทําพธิ ีขบั ไล่เสนียดจญั ไร และอัปมงคลให้กลบั มาเปน็ สวัสดิมงคล นาํ ความช่ัวรา้ ยไปบงั เกิดแกศ่ ัตรู

คัมภีร์ในศาสนาพราหมณ-์ ฮินดแู บ่งออกเปน็ ก่ี ประเภท  ศรุติ คอื เปน็ สิ่งที่ได้ยินได้ฟังมาจากพระผเู้ ปน็ เจ้าโดยตรง ไม่มีผู้แต่ง แต่เป็นการค้นพบ ของฤๅษีทง้ั หลาย เป็นของทีม่ อี ยูช่ ั่วนริ ันดร เป็น ลมหายใจของพระผู้เป็นเจา้ เป็นสัจ ธรรมทแี่ สดงถึงประสบการณ์ทางวิญญาณของฤๅษีท้ังหลายในอดตี กาลที่ยาวนาน ได้แก่ คัมภรี ไ์ ตรเวท  สมฤติ คือ เปน็ หลักธรรมท่ีพวกพราหมณไ์ ด้แต่งขน้ึ ในภายหลัง ได้แก่ คมั ภีร์ธรรมศาสตร์ ซง่ึ เกย่ี วกบั กฎหมาย เปน็ ต้น

อาศรม 4 คอื อะไร  อาศรม 4 หมายถงึ ขั้นตอนของชวี ิตหรือแนวทางปฏิบตั ิตามวยั เพื่อให้หลุดพน้ จากการ เวียนไหวตายเกดิ แบง่ เป็น 4 ชว่ ง  พรหมจารี เปน็ ระยะของวยั ศึกษาเล่าเรียน เริ่มตง้ั แตอ่ ายุ 8 ขวบ ถงึ 25 ปี  คฤหสั ถ์ เปน็ ระยะของวัยครองเรือน อยู่ในชว่ งอายุ 25 ปีถงึ 50 ปี คือ เมอ่ื จบการศกึ ษา แลว้ กม็ คี รอบครัวประกอบอาชีพและปฏบิ ัติพิธกี รรมตามหน้าท่ีของตน

 วานปรัสถ์ เป็นระยะออกบวชเปน็ ครั้งคราว เพ่อื แสวงหาความสงบหรอื ความหลดุ พ้น โดยเมือ่ ลกู แต่งงานแล้วกจ็ ะมอบทรัพยส์ มบตั รให้ลกู แลว้ กอ็ อกไปแสวงหาความสงบสุขใน ปาุ เป็นครง้ั คราว  สนั ยาสี เป็นระยะสดุ ทา้ ยของชีวติ จะออกบวช สละโลกภายนอก สละบ้านเรือน เพอื่ จาริกแสวงบญุ บาํ เพ็ญเพียรตามหลักศาสนาเพอื่ หลดุ พ้นจากความทกุ ข์ทง้ั ปวง เพ่ือ นําไปสู่การบรรลุ โมกษะ

หลกั ปรมาตมันและโมกษะคืออะไร  ปรมาตมนั (บรม+อาตมัน) หมายถึง ส่ิงยิ่งใหญอ่ ันเปน็ ที่รวมของทกุ สิง่ ทกุ อย่างในสากล โลก ซง่ึ เรยี กชอ่ื สงิ่ นว้ี ่า พรหม ปรมาตมันกบั พรหมจงึ เปน็ ส่ิงเดียวกัน เปน็ ท่เี กิดของ อาตมัน และอาตมันก็คอื วิญญาณย่อย จะหลุดออกจากปรมาตมันมาเข้าสงิ ในร่างกาย กลายเปน็ 1 ชวี ติ ส่วนกรรมก็เปน็ สิ่งกําหนดการเวยี นว่ายตายเกิดและความแตกตา่ งของ ชีวิตมนษุ ยแ์ ต่ละคน และเมอ่ื วิญญาณหยุดเวยี นว่ายตายเกดิ แล้วก็จะกลับไปรวมเข้ากบั ปรมาตมนั กลายเปน็ วิญญาณสากล เรียกว่า โมกษะ ซ่งึ เปน็ จดุ สงู สดุ ของศาสนา พราหมณ์-ฮนิ ดู

 โมกษะ เปน็ หลักความดีสงู สุด ดงั คําสอนของศาสนาฮินดสู อนว่า \"ผใู้ ดร้แู จ้งใน อาตมันของตนว่าเปน็ หลักอาตมนั ของโลกพรหมแล้ว ผูน้ น้ั ย่อมพ้นจากสงั สาระการเวยี น วา่ ยตายเกดิ และจะไม่ปฏสิ นธิอีก\" หลักโมกษะประกอบด้วยสาระสาํ คัญ 2 ประการ คือ

 การนําอาตมนั เขา้ สปู่ รมาตมัน ดว้ ยการปฏิบัติธรรมใดๆ เพื่อให้วิญญาณของตนเข้ารวม กบั ปฐมวิญญาณ เรียกวา่ \"เข้าถึงโมกษก\" คอื ความหลุดพ้นจากวฏั สงสารแห่งชวี ติ  วธิ ีปฏบิ ัตเิ พ่อื เข้าถึงโมกษะ ได้เสนอแนะหลักปฏิบัตทิ ่ีสาํ คัญไว้ 4 ประการ คอื  กรรมมรรค (กรรมโยคะ) คอื การประทําทไ่ี ม่ตอ้ งการหวงั ผลตอบแทน  ชยานมรรค (ชยานโมคะ) คือ การใชป้ ัญญาความรู้  ภกั ตมิ รรค (ภกั ติโยคะ) คอื การภักดีตอ่ พระเจ้า  ราชมรรค (ราชโยคะ) คือ การปฏิบัตเิ กย่ี วกับการฝึกทางใจ

หลกั ปุรุษารถะ คือหลกั ธรรมเก่ียวข้องกบั อะไร  หลักปุรุษารถะ ในการดําเนินชีวติ ทด่ี ีน้ัน ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู สอนให้ ยดึ หลักปุรษุ ารถะ ซึง่ เปน็ หลักในการดาํ เนนิ ชีวิตควรมุ่งประโยชน์ ตามลาํ ดับ คอื  ธรรมะ - การประพฤติปฏิบัติธรรม เขา้ ใจในขบวนการของชวี ติ เพ่ือจะ ได้ไปเกิดในสุคตภิ มู ิ  กามะ - การเสรมิ สร้างชวี ิตให้มั่นคง เชน่ การประกอบอาชพี การ แต่งงาน  อรรถะ - การแสวงหาความมนั่ คงใหแ้ กช่ ีวติ ในด้านต่างๆ เชน่ การศกึ ษา  โมกษะ - การออกบาํ เพ็ญพรต เพอ่ื ความหลุดพน้  (อรรถะ + กามะ คือ ทางโลก ธรรมะ + โมกษะ คอื ทางธรรม)

ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู แบง่ ออกเปน็ กี่นิกาย  นกิ ายไวษณวะ หรือไวษณพ เชื่อในการอวตารของพระนารายณ์วา่ พระนารายณอ์ วตาร 24 คร้งั เพื่อช่วยมนษุ ยโ์ ลกในคราวทกุ ข์เขญ็ นิกายน้ีจะมีรอยเจิมหน้าผากเปน็ 3 จุด เป็นเคร่อื งหมายแสดงความเคารพ พระวิษณุ  นิกายไศวะ หรือนกิ ายที่นบั ถือพระศิวะ นิยมใช้มูลเถา้ สีขาวหรอื สีเทา เขียนเป็นเสน้ นอน ตรงซ้อนกนั 3 เสน้ ที่หน้าผาก จุดหมายสงู สุดของผนู้ บั ถือนกิ ายไศวะ คือ โมกษะ หรือ การบรรลคุ วามหลดุ พน้ โดยการเข้าถึงความเปน็ เอกภาพกบั พระศวิ ะ

 นิกายศกั ติ นิกายนนี้ บั ถอื มเหสีของจอมเทพ 3 องค์ คอื พระนางสุรัสวดี มเหสขี องพระ พรหม พระนางอุมา มเหสขี องพระศิวะ และพระนางลกั ษมี มเหสีของพระวษิ ณุ คาํ วา่ ศักติ แปลว่า อาํ นาจ หรือสมรรถนะ หรอื พลัง ซึง่ หมายถึงพลังทจี่ ะนําความสําเร็จดงั ประสงค์ มาให้ผูท้ ่นี บั ถือ

ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มสี ญั ญาลักษณไ์ หม  สัญลักษณ์ของศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู ท่สี ําคญั และเปน็ กลางๆ ทที่ ุกนิกายยอมรับกค็ อื เครือ่ งหมายอันเป็นอักษรเทวนาครี ที่อา่ นว่า โ•อมŽคําว่า •โอมŽเปน็ คําที่ศกั ดส์ิ ิทธิ์ทีส่ ดุ ใน ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู อันหมายถึงพระเจ้าทั้ง 3 คอื •อŽอักษร ได้แก่ พระวษิ ณหุ รอื พระ นารายณ์ อ•ุŽอักษรไดแ้ ก่ พระศวิ ะหรือพระอศิ วร ม•Žอักษรไดแ้ ก่พระพรหม เพราะฉะน้ัน อะ+อ+ุ ม เท่ากบั •โอมŽสัญลกั ษณ์ดงั กล่าวนบ้ี างครั้งเรียกว่า •สวัสติŽหรอื •สวัสติกะŽครับ

 1) ครรภาธาน เปน็ พธิ ีที่จดั ขน้ึ เมื่อทราบว่าต้ังครรภ์ ถัดจากวนั ววิ าห์  2) ปงุ สวนั เปน็ พธิ ีปฏิบัตติ อ่ เด็กในครรภ์ที่เขา้ ใจว่าเป็นเพศชาย  3) สีมนั โตนยนั เปน็ พิธตี ัดผมหญงิ มคี รรภ์ เม่ือตงั้ ครรภ์ได้ 4, 6 หรือ 8 เดอื น  4) ชาตกรรม พธิ คี ลอดบตุ ร

 5) นามกรรม พิธีตั้งช่ือเด็ก ในวนั ท่ี 12 หรอื 14 ถัดจากวนั คลอด  6) นษิ กรมณ พธิ นี าเดก็ ออกไปดูแสงอาทติ ยย์ ามเชา้ เม่ืออายุได้ 4 เดอื น  7) อันนปราศนั พิธปี อู นข้าวเด็ก เมื่ออายไุ ด้ 7 เดือนหรอื 8 เดือน  8) จฑู ากรรม พธิ ีโกนผมไวจ้ กุ เมอ่ื อายุได้ 3 ขวบ  9) เกศานตกรรม พิธตี ัดผม ถา้ เป็นวรรณะพราหมณต์ ดั เมื่ออายุ 16 ปี ถ้าวรรณะกษตั ริย์ ตัดเมื่ออายุ 22 ปี ถ้าวรรณะพราหมณ์ตดั เมื่ออายุ 24 ปี

 10) อปุ านยัน พธิ เี ข้ารับการศึกษา พวกวรรณะพราหมณ์ กษัตรยิ ์ แพศย์ จะต้องทาพิธีเข้า รบั การศึกษา และเมื่ออาจารย์ในสานกั น้นั ๆ รับเด็กไวแ้ ลว้ กจ็ ะสวมสายธุรา หรอื ยชั โญปวตี ผู้ท่ไี ด้สวมสายน้ีแลว้ ก็เรียก วา่ ทวิชหรือทชิ าชาติ ได้แก่ เกิด 2 คร้ัง คอื ครง้ั แรกเกิดจากครรภ์มารดา และครัง้ ที่ 2 เกิดจากการสวมสายยัชโญปวีต สว่ นพวกศูทรและ จณั ฑาลเป็นเอกชาติ คอื เกดิ คร้ังเดียวไม่อาจเป็นทวชิ าตไิ ด้  11) สมาวรรตน์ พิธีกลับบา้ น จดั ข้ึนเม่อื เดก็ หนมุ่ สาเร็จการศึกษาและเตรียมตวั กลับบ้าน  12) วิวาหะ พิธีแต่งงาน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook