Rate of Reaction
•รถไฟฟ้ าบอกความเรว็ เป็น ระยะทางเปรยี บเทยี บกบั เวลา
•ปฏกิ ริ ยิ าใดเกดิ เรว็ กวา่ กนั •เปรยี บเทยี บจาก อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี
Rate of Reaction •
Reactant ? Product ? •Mg(s) + HCl (aq) MgCl2 (aq) + H2 (g)
Measuring Reactant & Product •Solids Measuring mass •Gas Measuring volume •Solution Measuring concentration
Collision Theory • In order to react molecules and atoms must touch each other. • They must hit each other hard enough to react. • Anything that increase these things will make the reaction faster.
แนวคดิ เกยี่ วกบั การเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี ทฤษฎกี ารชนของอนุภาค ทฤษฎกี ารชนของโมเลกลุ ( Collision Theory) สรุป ใจความไดว้ า่ “ ปฏกิ ริ ิยาเคมจี ะเกดิ ขนึ้ ได้กต็ ่อเมื่ออนุภาคมกี าร ชนกนั ในทิศทางทเ่ี หมาะสมและเกดิ พลงั งานขนึ้ ปริมาณหนึ่ง อย่างน้อยทสี่ ุดต้องมคี ่าเท่ากบั หรือมากกว่าพลงั งาน ก่อกมั มนั ต์”
ปฏกิ ริ ิยาเคมจี ะเกดิ ขนึ้ หรือไม่ พจิ ารณาจากข้อมูลต่อไปนี้ (1) มกี ารชนกนั ระหว่างโมเลกลุ ของสารต้งั ต้น (2) ต้องชนกนั ในทศิ ทางทีเ่ หมาะสม และชนถูกตาแหน่งที่เหมาะสม (3) ชนกนั แล้วต้องเกดิ พลงั งานขนึ้ มากพอท่ีจะจดั เรียงอะตอมใหม่ (พลงั งานจานวนน้อยทส่ี ุดทตี่ ้องมเี ท่ากบั พลงั งานก่อกมั มนั ต์ ทีจ่ ะ เกดิ ปฏิกริ ิยาได้สารผลติ ภณั ฑ์) (4) ผลของการชนทาให้พนั ธะเดมิ ของสารตงั้ ต้นสลายไปเกดิ สร้าง พนั ธะใหม่ ของสารผลติ ภัณฑ์
ดงั นีก้ ารชนกนั ระหว่างโมเลกลุ ของสารต้งั ต้น ไม่จาเป็ นต้องเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเสมอไป ปฏกิ ริ ิยาจะเกดิ เม่ือ 1. มคี วามความแรงของการชนมากพอทจี่ ะเอาชนะพลงั งาน ก่อกมั มนั ต์ 2. ชนกนั อย่างถูกทศิ ทาง และมตี าแหน่งทเ่ี หมาะสม หากชน กนั ในตาแหน่งและทศิ ทางทเ่ี หมาะสม หรือชนกนั ด้วย พลงั งานทไี่ ม่สูงพอ ผลจากการชนกนั ของโมเลกลุ กไ็ ม่ เกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี
ชนกนั แล้วเกดิ ปฏิกริ ิยาได้สารใหม่
พลงั งานก่อกมั มนั ต์( Ea ) ของปฏกิ ริ ิยา คือพลงั งานทน่ี ้อยทสี่ ุดทส่ี ามารถทาให้เกดิ ปฏิกริ ิยาได้ เปรียบเสมือนกบั การเดนิ ข้ามภูเขา - ถ้าภูเขาสูง ( มีพลงั งานก่อกมั มันต์มาก ) การทจ่ี ะเดนิ ข้ามภูเขา ไปได้ ต้องใช้พลงั งานมาก - ถ้าภูเขาเตยี้ ( มพี ลงั งานก่อกมั มนั ต์น้อย ) การทจ่ี ะเดนิ ข้ามภูเขา ไปได้ ต้องใช้พลงั งานน้อย มีโอกาสเดนิ ข้ามได้มาก
พลงั งานทเ่ี พยี งพอจะทาใหแ้ ต่ละปฏกิ ริ ยิ าเกดิ ข้นึ ไดเ้รยี กวา่ พลงั งานก่อกมั มนั ต์ จะมี ค่าแตกต่างกนั ไปในแต่ละปฏกิ ริ ยิ า พจิ ารณาค่าของพลงั งานก่อกมั มนั ตไ์ ดจ้ ากผลต่างระหว่างพลงั งาน ของสารเชงิ ซอ้ นทถ่ี กู กระตนุ้ กบั พลงั งานของสารตง้ั ตน้
พลงั งานกอ่ กมั มนั ตเ์ ป็นปจั จยั หน่ึงท่มี ีผลต่ออตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า กลา่ วคอื เม่ือพลงั งานกอ่ กมั มนั ตส์ ูง อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าจะตา่ และในทางตรงขา้ มเม่ือพลงั งานกอ่ กมั มนั ตต์ า่ อตั ราการ เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าจะสูง
ปฏกิ ริ ยิ าดูดความรอ้ น มรี ูปสมการทวั่ ไปดงั น้ี สารตง้ั ตน้ + พลงั งาน → ผลติ ภณั ฑ์ ปฏกิ ริ ยิ าคายความรอ้ น มรี ูปสมการทวั่ ไปดงั น้ี สารตง้ั ตน้ → ผลติ ภณั ฑ+์ พลงั งาน
1. จงเปรยี บเทยี บอตั ราการเกดิ AX กบั AY 2. ปฏกิ ริ ยิ าทง้ั สองมกี ารเปลย่ี นแปลงพลงั งานอยา่ งไร
ปฏกิ ริ ยิ าชนิดหน่ึงเกดิ จากการเปลย่ี นแปลงของสารตงั้ ตน้ ทม่ี พี ลงั งาน 150 kJ ไป เป็นผลติ ภณั ฑท์ ม่ี พี ลงั งาน 200 kJ ปฏกิ ริ ยิ าน้ีจะมกี ารเปลย่ี นแปลงพลงั งานเท่าไร มรี ูปสมการทวั่ ไปเป็นอยา่ งไร
(ก) ปฏกิ ริ ยิ าน้มี กี ารเปลย่ี นแปลงพลงั งานแบบดูดหรอื คายความรอ้ นเท่ากบั เท่าไร (ข) รูปสมการทวั่ ไปของปฏกิ ริ ยิ าเป็นอย่างไร (ค) พลงั งานก่อกมั มนั ตม์ คี ่าเทา่ กบั เทา่ ไร
พลงั งานกอ่ กมั มนั ตข์ องปฏกิ ริ ยิ าผนั กลบั ได้ ปฏกิ ริ ยิ าเคมบี างชนิด สามารถผนั กลบั ได้ เป็นตน้ วา่ เมอ่ื แกส๊ ไนโตรเจน ทาปฏกิ ริ ยิ ากบั แกส๊ ไฮโดรเจนเกดิ เป็นแกส๊ แอมโมเนียในระบบปิดแลว้ แกส๊ แอมโมเนียทเ่ี กดิ ข้นึ สามารถสลายตวั ยอ้ นกลบั มาเป็นแกส๊ ไนโตรเจน และแกส๊ ไฮโดรเจนไดอ้ กี มรี ูปสมการเป็น
พลงั งานก่อกมั มนั ตข์ องปฏกิ ริ ยิ าไปขา้ งหนา้ หาไดจ้ ากผลต่างระหวา่ งพลงั งานของสารเชงิ ซอ้ นทถ่ี กู กระตนุ้ กบั พลงั งานของสารตงั้ ตน้ ในขณะท่ี พลงั งานก่อกมั มนั ตข์ องปฏกิ ริ ยิ ายอ้ นกลบั หาไดจ้ ากผลต่างระหว่าง พลงั งานของสารเชงิ ซอ้ นทถ่ี กู กระตนุ้ กบั พลงั งานของผลติ ภณั ฑ์
การเปล่ยี นแปลงพลงั งานของปฏกิ ริ ยิ าท่เี กดิ ข้ึนหลายขน้ั ตอน
การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า A ถงึ E มหี ลายขน้ั ตอน มกี ารเปลย่ี นแปลงพลงั งานดงั น้ี
1. ขน้ั ตอนใดเกดิ การเปลย่ี นแปลงพลงั งานแบบดูดความรอ้ น 2. ขน้ั ตอนใดเกดิ ชา้ ทส่ี ุด 3. ขนั้ ตอนใดเกดิ เร็วทส่ี ุด 4. ปฏกิ ริ ยิ า A เป็น E เปลย่ี นแปลงพลงั งานแบบใด
สอบเกบ็ คะแนน
Search