กศน.ตำบลทำ่ บญุ มี
ก คานา รายงานสรุปผลการดําเนินการจัดกิจกรรมการศึกษาต่อเน่ือง การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โครงการอบรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.ตําบลท่าบุญมี ประจําปีงบประมาณ 2564 ในวันท่ี 10 มถิ ุนายน 2564 ณ กศน.ตาํ บลทา่ บุญมี หมทู่ ี่ 4 ตาํ บลท่าบุญมี อําเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี เพ่ือนําผล ที่ได้จากการรายงานไปใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนพัฒนา การดําเนินงานต่อไป ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และเผยแพรป่ ระชาสัมพันธก์ ารจัดกจิ กรรมของศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อําเภอเกาะจนั ทร์ ในโอกาสน้ี คณะผู้จัดทําโครงการ ขอขอบคุณบุคลากรที่เก่ียวข้องกับการดําเนินโครงการทุกด้านที่ให้ความ ร่วมมือในการดําเนินงานตามโดรงการ และรายงานผลการดําเนินโครงการ ทําให้การดําเนินงานบรรลุผลตาม เปาู หมายทกี่ ําหนดเป็นอย่างดี กศน.ตาํ บลทา่ บุญมี ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอําเภอเกาะจันทร์ หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่า เอกสารเล่มนี้ คงจะเป็นประโยชน์สําหรับผู้ท่ีต้องการศึกษาหาข้อมูล เพ่ือใช้เป็นแนวทางในการจัดโครงการ และ หากมีสง่ิ หน่ึงส่ิงใดผิดพลาด คณะผ้จู ดั ทําต้องขออภยั มา ณ โอกาสน้ดี ว้ ย กศน.ตําบลท่าบุญมี ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอําเภอเกาะจันทร์ กรกฎาคม 2564 ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาํ เภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบรุ ี
สารบัญ ข คานา หนา้ สารบญั บทท่ี 1 บทนาํ 1 บทที่ 2 เอกสารการศกึ ษาและรายงานทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง 4 บทที่ 3 วธิ ดี ําเนนิ งาน 13 บทที่ 4 ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูล 15 บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล ขอ้ เสนอแนะ 22 บรรณานกุ รม ภาคผนวก คณะผู้จดั ทา ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อําเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบรุ ี
1 บทที่ 1 บทนา หลกั การและเหตผุ ล การจัดการศึกษาต่อเน่ือง เป็นการจัดกิจกรรมการศึกษาเพื่อตอบสนองความต้องการ ความจําเป็นในชีวิต ประจําวันของผู้เรียน สถานศึกษาต้องจัดให้มีกระบวนการวิเคราะห์ตนเองของผู้เรียน โดยยึดหลักปรัชญาคิดเป็น ใน การบริหารทรัพยากรและส่ิงแวดล้อม จากสถานการณ์ของประทศไทยในปัจจุบันต้องเผชิญกับผลกระทบจากวิกฤต การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) ซึ่งส่งผลกระทบไปถึงวิกฤตทางด้านเศรษฐกิจ ด้าน การสาธารณสุข ด้านการคมนาคมและอื่น ๆ ส่งผลให้เกิดวิกฤตทางสังคมขนาดหนักไปท่ัวทั้งโลก จากรายงานขอ ง McKinsey & Company (March ๒๖, ๒๐๒o) จะส่งผลให้โลกมีผลผลิต (Productivity) ลดลงถึง 30% น่ันหมายถึง โลกจะขาดอาหารและเศรษฐกิจจะมีการเติบโตลดลง -1.5% ของ World GDP อีกทั้งวิกฤตด้านการเปล่ียนแปลง สภาพภูมิอากาศ ท้ังเรอ่ื งภัยแล้งและนํ้าท่วมท่ีคาดว่าจะมีความรุนแรงขึ้นท้ังในเชิงความผันผวน ความถ่ี และขอบเขต ท่ีกว้างมากข้ึน ซ่ึงจะสร้างความเสียหายต่อชีวิตและโครงสร้างพ้ืนฐานท่ีจําเป็นทําให้เศรษฐกิจฐานราก( Local economy) ของประเทศเกิดความเสียหาย เพิ่มปัญหาความยากจน และความเหล่ือมลํ้าทางสังคม ตลอดจนระบบ การผลิตทางการเกษตรที่มีความสัมพันธ์ต่อเน่ืองกับความมั่นคงด้านอาหารและน้ํา ขณะท่ีระบบนิเวศต่าง ๆ มี แนวโน้มเส่ือมโทรมลง และมีแนวโน้มท่ีจะสูญเสียความสามารถในการรองรับความต้องการมนุษย์ได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ ทางออกของประเทศไทยในการรอดพ้นวิกฤตและเกิดการพัฒนาท่ียั่งยืน ได้ถูกกําหนดไว้ใน ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2561-2580 และนโยบายรัฐบาลท่ีจะสืบสาน รักษา ต่อยอด และพัฒนาประเทศ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงของพระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศร มหาภูมพิ ลอดลุ ยเดชมหาราชบรมนาถบพติ ร ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาอัธยาศัยอําเภอเกาะจันทร์ จึงสนับสนุน ส่งเสริม ให้ กศน.ตําบล จัด กิจกรรมการบูรณาการความร่วมมือจัดให้มีการดําเนินการให้ความรู้ คําแนะนํา นําแนวทางดังกล่าว มาเป็นหลักการ พฒั นาคนให้มคี ุณภาพ โดยอาศยั ความรอบรู้ และระมดั ระวงั ในการนาํ ความรู้มาใช้ในการวางแผนดําเนินงาน สามารถ นําความรู้มาประยุกต์ให้เกิดผลในทางปฏิบัติ และดํารงชีวิตประจําวันท้ังต่อตนเอง ครอบครัวและชุมชน ได้อย่างมี ประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุดให้กับประชาชนในพ้ืนที่ จึงได้จัด โครงการอบรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพียง กศน.ตาํ บลทา่ บญุ มี ขึน้ วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพอ่ื ใหผ้ ู้เข้าอบรมมคี วามรู้ ความเขา้ ใจหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 2. เพื่อให้ส่งเสริมให้ผู้เข้าอบรม น้อมนํากรอบแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นแนวทางในการ ดาํ เนนิ ชวี ิต ในสถานการณป์ ัจจุบัน ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาํ เภอเกาะจนั ทร์ จงั หวดั ชลบรุ ี
2 เป้าหมาย เชิงปริมาณ ประชาชนตําบลท่าบุญมี จาํ นวน 15 คน เชิงคุณภาพ ประชาชนที่เข้ารว่ มกจิ กรรม มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง นอ้ ม นาํ กรอบแนวคดิ ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มาเป็นแนวทางในการดาํ เนินชวี ิต ในสถานการณ์ปัจจบุ ัน ร้อยละ 80 ของผเู้ ข้าอบรม สามารถนาํ ไปใชใ้ นชวี ติ ประจําวันได้ วิธดี าเนินการ การดาเนินงาน ระยะเวลา งบประมาณ ผรู้ บั ผดิ ชอบ โครงการอบรมการเรียนรตู้ ามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กศน.ตาบลทา่ บุญมี 1. สาํ รวจความตอ้ งการของกลมุ่ เปูาหมาย 1-15 พ.ค. 2564 1,600.-บาท นางสาวศรณั ยา ชยั กจิ 2. กําหนดแผนและปฏิทนิ การดาํ เนินงาน 17-30 พ.ค 2564 3. ดาํ เนินงานและติดต่อประสานงาน 1-8 มิ.ย. 2564 4. ดําเนินการจดั กิจกรรม 10 มิ.ย. 2564 5. รายงานผล 11-16 ม.ิ ย. 2564 ระยะเวลาการดาเนนิ การ วนั ที่ 10 มิถุนายน 2564 ณ กศน.ตาํ บลทา่ บุญมี หม่ทู ่ี 4 ตาํ บลทา่ บญุ มี อาํ เภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี งบประมาณ งบดําเนินงาน เพ่ือใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาต่อเน่ือง ผลผลิต 4 ผู้รับบริการการศึกษานอกระบบ กิจกรรมจดั การศึกษานอกระบบ การเรียนรตู้ ามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง จาํ นวน 1,600.-บาท ผูร้ บั ผดิ ชอบโครงการ นางสาวศรณั ยา ชยั กจิ ผลผลิต/ผลลัพธ์ ผลผลติ ประชาชนทว่ั ไปในอาํ เภอเกาะจันทร์ จํานวน 15 คน ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อําเภอเกาะจันทร์ จังหวดั ชลบรุ ี
3 ผลลัพธ์ ผู้ประชาชนทีเ่ ข้ารว่ มกิจกรรม มคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกบั หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง น้อม นํากรอบแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นแนวทางในการดําเนินชีวิต ในสถานการณ์ปัจจุบัน ร้อยละ 80 ของผูเ้ ข้าอบรม สามารถนาํ ไปใชใ้ นชวี ติ ประจําวันได้ ตวั ชวี้ ัด ตัวช้วี ดั ผลผลติ ผู้เข้าร่วมโครงการ จํานวน 15 คน ตัวชว้ี ดั ผลลพั ธ์ ผู้เข้ารว่ มโครงการมคี วามพงึ พอใจ ในกิจกรรมอยา่ งนอ้ ยร้อยละ 80 ผลประเมนิ 1. จากแบบสอบถาม 2. จากการสงั เกต ประโยชนท์ คี่ าดวา่ จะได้รบั 1. มีความรู้ ความเขา้ ใจหลักเกษตรทฤษฎใี หม่ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2. ให้กลุ่มประชาชนผู้เข้าอบรมน้อมนํากรอบแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นแนวทางในการ ดําเนินชีวติ ในสถานการณป์ ัจจุบนั ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อําเภอเกาะจนั ทร์ จังหวัดชลบรุ ี
4 บทท่ี 2 เอกสารการศกึ ษาและรายงานท่ีเกีย่ วขอ้ ง ในการจัดทํารายงานครั้งน้ี ได้ทําการศึกษาค้นคว้าเน้ือหาจากเอกสารการศึกษาและเนื้อหาที่เก่ียวข้อง ดงั ต่อไปนี้ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง จุดเร่ิมตน้ แนวคิดเศรษฐกิจพอเพยี ง ผลจากการใช้แนวทางการพัฒนาประเทศไปสู่ความทนั สมยั ได้ก่อให้เกิดการเปล่ยี นแปลงแก่สงั คมไทยอยา่ ง มากในทกุ ด้าน ไม่วา่ จะเป็นด้านเศรษฐกิจ การเมือง วฒั นธรรม สงั คมและสง่ิ แวดล้อม อีกทัง้ กระบวนการของความ เปลยี่ นแปลงมคี วามสลับซบั ซ้อนจนยากที่จะอธบิ ายใน เชงิ สาเหตแุ ละผลลพั ธไ์ ด้ เพราะการเปล่ยี นแปลงทั้งหมดต่าง เปน็ ปัจจัยเชื่อมโยงซ่งึ กันและกัน สําหรับผลของการพัฒนาในด้านบวกน้ัน ไดแ้ ก่ การเพิม่ ขึน้ ของอตั ราการเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกจิ ความ เจรญิ ทางวัตถุ และสาธารณปู โภคตา่ งๆ ระบบสอ่ื สารท่ีทันสมัย หรอื การขยายปรมิ าณและกระจายการศึกษาอยา่ ง ท่ัวถึงมากข้ึน แตผ่ ลดา้ นบวกเหล่านีส้ ่วนใหญ่กระจายไปถึงคนในชนบท หรือผู้ด้อยโอกาสในสังคมน้อย แต่ว่า กระบวนการเปลยี่ นแปลงของสงั คมไดเ้ กดิ ผลลบตดิ ตามมาด้วย เชน่ การขยายตัวของรัฐเข้าไปในชนบท ได้สง่ ผลให้ ชนบทเกิดความอ่อนแอในหลายด้าน ท้ังการต้องพง่ึ พงิ ตลาดและพ่อค้าคนกลางในการสง่ั สนิ ค้าทุน ความเสื่อมโทรม ของทรพั ยากรธรรมชาติ ระบบความสมั พันธ์แบบเครือญาติ และการรวมกลุ่มกนั ตามประเพณีเพือ่ การจดั การ ทรัพยากรทเ่ี คยมอี ยู่แตเ่ ดิมแตก สลายลง ภมู ิความร้ทู ่ีเคยใชแ้ กป้ ญั หาและสง่ั สมปรับเปลี่ยนกันมาถูกลมื เลอื นและเรม่ิ สญู หายไป สิง่ สาํ คัญ กค็ ือ ความพอเพียงในการดาํ รงชีวติ ซึง่ เป็นเง่ือนไขพ้นื ฐานที่ทาํ ให้คนไทยสามารถพงึ่ ตนเอง และ ดาํ เนินชีวติ ไปได้อยา่ งมีศักดิ์ศรภี ายใต้อํานาจและความมีอสิ ระในการกาํ หนด ชะตาชวี ติ ของตนเอง ความสามารถใน การควบคมุ และจดั การเพ่ือให้ตนเองได้รบั การสนองตอบต่อความต้อง การต่างๆ รวมทง้ั ความสามารถในการจดั การ ปญั หาต่างๆ ได้ด้วยตนเอง ซ่ึงทง้ั หมดนถ้ี ือวา่ เปน็ ศักยภาพพื้นฐานทคี่ นไทยและสังคมไทยเคยมีอยู่แต่ เดิม ต้องถูก กระทบกระเทอื น ซึ่งวิกฤตเศรษฐกิจจากปญั หาฟองสบูแ่ ละปญั หาความอ่อนแอของชนบท รวมทัง้ ปญั หาอืน่ ๆ ที่ เกิดขนึ้ ล้วนแตเ่ ป็นข้อพสิ จู น์และยนื ยนั ปรากฏการณ์นีไ้ ดเ้ ปน็ อย่างดี พระราชดารวิ ่าดว้ ยเศรษฐกิจพอเพยี ง “...การพัฒนาประเทศจําเปน็ ต้องทําตามลําดบั ขัน้ ต้องสร้างพน้ื ฐานคือ ความพอมี พอกิน พอใช้ของประชาชนส่วน ใหญเ่ บ้ืองต้นก่อน โดยใช้วิธีการและอุปกรณ์ทปี่ ระหยัดแต่ถกู ต้องตามหลักวิชาการ เมอ่ื ไดพ้ ืน้ ฐานความมั่นคงพรอ้ ม พอสมควร และปฏบิ ัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญ และฐานะทางเศรษฐกจิ ขั้นท่ีสูงข้นึ โดยลาํ ดบั ต่อไป...” (๑๘ กรกฎาคม ๒๕๑๗) “เศรษฐกจิ พอเพียง” เป็นแนวพระราชดํารใิ นพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว ทพ่ี ระราชทานมานานกวา่ ๓๐ ปี เปน็ แนวคิดทีต่ ้งั อยบู่ นรากฐานของวัฒนธรรมไทย เป็นแนวทางการพฒั นาทต่ี ั้งบนพน้ื ฐานของทางสายกลาง และความไม่ ประมาท คาํ นึงถึงความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล การสร้างภูมิคุ้มกันในตวั เอง ตลอดจนใช้ความรู้และคณุ ธรรม เปน็ ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอําเภอเกาะจันทร์ จงั หวัดชลบรุ ี
5 พืน้ ฐานในการดํารงชวี ิต ท่ีสาํ คญั จะต้องมี “สติ ปัญญา และความเพยี ร” ซึง่ จะนําไปสู่ “ความสขุ ” ในการดาํ เนินชวี ติ อยา่ งแทจ้ รงิ “...คนอ่ืนจะวา่ อย่างไรกช็ ่างเขา จะว่าเมืองไทยลา้ สมัย ว่าเมอื งไทยเชย ว่าเมอื งไทยไม่มีสิ่งทสี่ มยั ใหม่ แต่เราอยู่ พอมีพอกนิ และขอใหท้ ุกคนมีความปรารถนาทจี่ ะใหเ้ มืองไทย พออยู่พอกิน มคี วามสงบ และทาํ งานต้งั จติ อธษิ ฐานต้ัง ปณธิ าน ในทางนท้ี ่จี ะให้เมอื งไทยอยู่แบบพออยพู่ อกิน ไม่ใชว่ า่ จะรุ่งเรืองอย่างยอด แตว่ ่ามีความพออยู่พอกนิ มคี วาม สงบ เปรียบเทยี บกับประเทศอ่ืนๆ ถ้าเรารักษาความพออยู่พอกินนไ้ี ด้ เราก็จะยอดย่งิ ยวดได.้ ..” (๔ ธนั วาคม ๒๕๑๗) พระบรมราโชวาทนี้ ทรงเหน็ วา่ แนวทางการพฒั นาท่เี นน้ การขยายตวั ทางเศรษฐกจิ ของประเทศเปน็ หลักแต่ เพยี ง อยา่ งเดียวอาจจะเกดิ ปัญหาได้ จึงทรงเนน้ การมพี อกนิ พอใชข้ องประชาชนสว่ นใหญใ่ นเบ้ืองตน้ ก่อน เม่ือมีพ้ืนฐาน ความมน่ั คงพร้อมพอสมควรแลว้ จงึ สรา้ งความเจริญและฐานะทางเศรษฐกิจใหส้ งู ข้นึ ซ่งึ หมายถึง แทนทจ่ี ะเน้นการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมนาํ การพัฒนาประเทศ ควรที่จะสรา้ งความมั่นคง ทางเศรษฐกิจพ้นื ฐานก่อน น่ันคือ ทําให้ประชาชนในชนบทสว่ นใหญ่พอมพี อกินก่อน เปน็ แนวทางการพฒั นาที่เนน้ การกระจายรายได้ เพ่อื สร้างพน้ื ฐานและความมั่นงคงทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ก่อนเนน้ การพัฒนาใน ระดบั สูงขึ้นไป ทรงเตือนเรื่องพออยู่พอกนิ ตั้งแตป่ ี ๒๕๑๗ คือ เมื่อ ๓๐ กวา่ ปีทแ่ี ล้ว แต่ทศิ ทางการพัฒนามไิ ดเ้ ปลี่ยนแปลง “...เม่ือปี ๒๕๑๗ วันนั้นได้พูดถงึ วา่ เราควรปฏบิ ัติใหพ้ อมีพอกิน พอมีพอกนิ นี้ก็แปลวา่ เศรษฐกจิ พอเพียงน่นั เอง ถ้า แตล่ ะคนมพี อมีพอกนิ กใ็ ช้ได้ ยง่ิ ถ้าท้งั ประเทศพอมีพอกินก็ย่งิ ดี และประเทศไทยเวลานัน้ ก็เริ่มจะเป็นไม่พอมีพอกิน บางคนก็มีมาก บางคนก็ไม่มเี ลย...” (๔ ธันวาคม ๒๕๔๑) เศรษฐกจิ พอเพียง “เศรษฐกจิ พอเพียง” เปน็ ปรัชญาทีพ่ ระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั พระราชทานพระราชดําริชแี้ นะแนวทาง การดําเนนิ ชวี ติ แก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกวา่ ๒๕ ปี ต้ังแต่ก่อนเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกจิ และเมอื่ ภายหลงั ได้ทรงเนน้ ยํา้ แนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพน้ และสามารถดํารงอยู่ได้อยา่ งม่นั คงและย่ังยืนภายใตก้ ระแส โลกาภวิ ตั นแ์ ละความ เปล่ียนแปลงต่างๆ ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกจิ พอเพยี ง เปน็ ปรัชญาชีถ้ ึงแนวการดํารงอย่แู ละปฏบิ ตั ติ นของประชาชนในทุกระดับ ตัง้ แตร่ ะดับ ครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดบั รัฐ ท้งั ในการพัฒนาและบรหิ ารประเทศให้ดาํ เนนิ ไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะ การพัฒนาเศรษฐกิจ เพ่ือให้ก้าวทนั ตอ่ โลกยคุ โลกาภิวัตน์ ความพอเพยี ง หมายถงึ ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล รวมถึงความจําเป็นท่จี ะต้องมีระบบภมู ิค้มุ กนั ในตัวท่ีดีพอสมควร ต่อการกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปล่ียนแปลงทั้ง ภายในภายนอก ทง้ั น้ี จะต้องอาศยั ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอยา่ งยงิ่ ในการนําวิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและการดําเนินการ ทกุ ขนั้ ตอน และขณะเดียวกนั จะตอ้ งเสริมสรา้ งพ้นื ฐานจติ ใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรฐั นักทฤษฎี และนักธรุ กิจในทกุ ระดับ ให้มีสาํ นึกในคุณธรรม ความซื่อสตั ยส์ ุจรติ และให้มี ความรอบรู้ท่ีเหมาะสม ดําเนินชีวติ ดว้ ยความอดทน ความเพยี ร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อใหส้ มดุลและ พรอ้ มตอ่ การรองรับการเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเรว็ และกว้างขวาง ท้ังด้านวตั ถุ สงั คม สงิ่ แวดล้อม และวัฒนธรรมจาก โลกภายนอกไดเ้ ป็นอยา่ งดี ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาํ เภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบรุ ี
6 ความหมายของเศรษฐกจิ พอเพียง จงึ ประกอบด้วยคณุ สมบัติ ดังน้ี ๑. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไมน่ ้อยเกนิ ไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและ ผอู้ นื่ เชน่ การผลติ และการบรโิ ภคทอี่ ย่ใู นระดบั พอประมาณ ๒. ความมเี หตุผล หมายถึง การตดั สนิ ใจเกย่ี วกับระดับความพอเพียงน้นั จะต้องเปน็ ไปอยา่ งมีเหตุผล โดย พจิ ารณาจากเหตปุ ัจจัยทีเ่ กย่ี วข้อง ตลอดจนคาํ นงึ ถงึ ผลทีค่ าดวา่ จะเกิดขน้ึ จากการกระทาํ น้ันๆ อยา่ งรอบคอบ ๓. ภูมคิ ุ้มกนั หมายถงึ การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปล่ียนแปลงดา้ นต่างๆ ที่จะเกิดข้นึ โดย คํานงึ ถึงความเปน็ ไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ท่ีคาดวา่ จะเกิดขน้ึ ในอนาคต โดยมี เงื่อนไข ของการตัดสนิ ใจและดําเนินกจิ กรรมตา่ งๆ ใหอ้ ย่ใู นระดับพอเพยี ง ๒ ประการ ดงั น้ี ๑. เงอ่ื นไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรเู้ กยี่ วกบั วชิ าการต่างๆ ทเ่ี ก่ยี วข้องรอบด้าน ความรอบคอบท่จี ะ นาํ ความรเู้ หล่านนั้ มาพิจารณาให้เช่อื มโยงกัน เพอื่ ประกอบการวางแผนและความระมดั ระวังในการปฏบิ ัติ ๒. เงือ่ นไขคุณธรรม ท่จี ะต้องเสรมิ สรา้ ง ประกอบด้วย มคี วามตระหนักใน คณุ ธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความเพียร ใชส้ ติปัญญาในการดาํ เนินชีวิต พระราชดารัสทเี่ กย่ี วกบั เศรษฐกจิ พอเพยี ง “...เศรษฐศาสตรเ์ ป็นวิชาของเศรษฐกิจ การท่ีต้องใช้รถไถต้องไปซอ้ื เราต้องใชต้ ้องหาเงนิ มาสําหรบั ซอื้ นํ้ามนั สําหรับ รถไถ เวลารถไถเก่าเราต้องยงิ่ ซอ่ มแซม แตเ่ วลาใช้นน้ั เราก็ต้องปูอนน้ํามนั ใหเ้ ปน็ อาหาร เสร็จแลว้ มันคายควัน ควันเรา สดู เข้าไปแล้วก็ปวดหัว ส่วนควายเวลาเราใชเ้ ราก็ตอ้ งปูอนอาหาร ตอ้ งใหห้ ญ้าใหอ้ าหารมันกนิ แต่ว่ามนั คายออกมา ที่ มันคายออกมาก็เป็นปยุ๋ แลว้ กใ็ ช้ไดส้ าํ หรบั ใหท้ ี่ดินของเราไม่เสยี ...” พระราชดาํ รสั เนือ่ งในพระราชพิธพี ืชมงคลจรดพระนงั คลั แรกนาขวญั ณ ศาลาดสุ ิดาลยั วนั ที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๒๙ “...เราไม่เป็นประเทศรํา่ รวย เรามีพอสมควร พออยู่ได้ แต่ไม่เปน็ ประเทศที่ก้าวหน้าอย่างมาก เราไม่อยากจะเปน็ ประเทศก้าวหนา้ อย่างมาก เพราะถ้าเราเปน็ ประเทศก้าวหนา้ อยา่ งมากกจ็ ะมีแตถ่ อยกลบั ประเทศเหล่านนั้ ที่เป็น ประเทศอุตสาหกรรมกา้ วหนา้ จะมีแตถ่ อยหลังและถอยหลังอย่างนา่ กลัว แต่ถา้ เรามีการบริหารแบบเรียกวา่ แบบคน จน แบบท่ไี มต่ ิดกบั ตาํ รามากเกินไป ทําอย่างมสี ามัคคนี ี่แหละคอื เมตตากนั จะอยู่ได้ตลอดไป...” พระราชดาํ รสั เนอ่ื งในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิดาลยั วนั ที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๔ “...ตามปกติคนเราชอบดูสถานการณใ์ นทางดี ทเ่ี ขาเรยี กว่าเล็งผลเลิศ ก็เห็นวา่ ประเทศไทย เราน่ีกา้ วหนา้ ดี การเงนิ การอตุ สาหกรรมการคา้ ดี มีกําไร อกี ทางหนึ่งกต็ ้องบอกวา่ เรากําลังเสอ่ื มลงไปสว่ นใหญ่ ทฤษฎวี า่ ถา้ มีเงินเท่านนั้ ๆ มี การกู้เท่าน้ันๆ หมายความวา่ เศรษฐกจิ ก้าวหน้า แล้วก็ประเทศกเ็ จริญมีหวงั วา่ จะเปน็ มหาอํานาจ ขอโทษเลยต้องเตือน เขาวา่ จรงิ ตวั เลขดี แตว่ ่าถา้ เราไม่ระมดั ระวงั ในความต้องการพืน้ ฐานของประชาชนนั้นไมม่ ีทาง...” พระราชดาํ รัส เนื่องในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาํ เภอเกาะจันทร์ จงั หวัดชลบรุ ี
7 ณ ศาลาดุสิดาลยั วันท่ี ๔ ธันวาคม ๒๕๓๖ “...เด๋ียวน้ีประเทศไทยก็ยงั อยู่ดพี อสมควร ใชค้ าํ วา่ พอสมควร เพราะเดีย๋ วมคี นเห็นว่ามคี นจน คนเดือดร้อน จาํ นวน มากพอสมควร แตใ่ ชค้ ําวา่ พอสมควรน้ี หมายความว่าตามอตั ตภาพ...” พระราชดาํ รสั เนือ่ งในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิดาลยั วันท่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๙ “...ทเ่ี ปน็ หว่ งนัน้ เพราะแมใ้ นเวลา ๒ ปี ที่เปน็ ปกี าญจนาภเิ ษกก็ได้เห็นสิง่ ท่ีทําใหเ้ ห็นได้ว่า ประชาชนยงั มีความ เดอื ดรอ้ นมาก และมีสงิ่ ทค่ี วรจะแก้ไขและดาํ เนินการต่อไปทกุ ด้าน มภี ยั จากธรรมชาติกระหนาํ่ ภัยธรรมชาตนิ ีเ้ ราคง สามารถทีจ่ ะบรรเทาได้หรือแก้ไขได้ เพยี งแตว่ ่าต้องใชเ้ วลาพอใช้ มีภยั ท่ีมาจากจติ ใจของคน ซึ่งกแ็ ก้ไขได้เหมือนกัน แตว่ ่ายากกว่าภัยธรรมชาติ ธรรมชาตนิ ั้นเป็นสงิ่ นอกกายเรา แต่นิสยั ใจคอของคนเป็นสิง่ ที่อยู่ข้างใน อันนี้ก็เป็นข้อหนง่ึ ที่อยากใหจ้ ดั การใหม้ ีความเรยี บรอ้ ย แต่ก็ไม่หมดหวัง...” พระราชดํารัส เนอ่ื งในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลยั วนั ที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๙ “...การจะเปน็ เสือน้นั ไมส่ ําคัญ สําคญั อยู่ที่เรามีเศรษฐกิจแบบพอมพี อกนิ แบบพอมีพอกินนนั้ หมายความวา่ อุ้มชู ตัวเองได้ ให้มีพอเพยี งกบั ตนเอง ความพอเพียงนี้ไม่ได้หมายความว่าทกุ ครอบครวั จะตอ้ งผลติ อาหารของตวั เอง จะตอ้ งทอผา้ ใสเ่ อง อย่างนนั้ มันเกนิ ไป แต่ว่าในหมู่บ้านหรอื ในอาํ เภอ จะตอ้ งมีความพอเพียงพอสมควร บางส่ิง บางอย่างผลิตไดม้ ากกวา่ ความตอ้ งการก็ขายได้ แต่ขายในที่ไม่ห่างไกลเทา่ ไร ไม่ต้องเสียค่าขนส่งมากนัก...” พระราชดํารสั เนื่องในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิดาลยั วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๙. “...เม่อื ปี ๒๕๑๗ วันนั้นได้พดู ถึงวา่ เราควรปฏบิ ัติให้พอมีพอกิน พอมีพอกนิ น้ีก็แปลว่า เศรษฐกิจพอเพียงนน่ั เอง ถา้ แตล่ ะคนมีพอมีพอกิน ก็ใช้ได้ ยิง่ ถ้าทง้ั ประเทศพอมีพอกินก็ยิ่งดี และประเทศไทยเวลาน้ันกเ็ รมิ่ จะเปน็ ไม่พอมีพอกนิ บางคนก็มมี าก บางคนกไ็ ม่มเี ลย...” พระราชดํารสั เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ดิ าลัย วนั ที่ ๔ ธนั วาคม ๒๕๔๑ “...พอเพียง มีความหมายกวา้ งขวางยิ่งกว่านี้อีก คือคําว่าพอ กพ็ อเพยี งน้ีก็พอแคน่ ัน้ เอง คนเราถ้าพอในความต้องการ ก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภนอ้ ยกเ็ บยี ดเบยี นคนอ่นื น้อย ถา้ ประเทศใดมีความคิดอันนี้ มีความคิดวา่ ทําอะไรต้อง พอเพยี ง หมายความว่าพอประมาณ ซ่ือตรง ไม่โลภอยา่ งมาก คนเราก็อยู่เป็นสขุ พอเพยี งนีอ้ าจจะมี มีมากอาจจะมี ของหรูหรากไ็ ด้ แตว่ ่าต้องไม่ไปเบยี ดเบยี นคนอน่ื ...” พระราชดํารัส เน่ืองในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ดิ าลัย วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๑ “...ไฟดับถ้ามีความจําเป็น หากมเี ศรษฐกจิ พอเพยี งแบบไม่เตม็ ท่ี เรามีเคร่ืองปัน่ ไฟก็ใชป้ ัน่ ไฟ หรือถ้าข้ันโบราณกวา่ มดื กจ็ ดุ เทียน คอื มที างท่ีจะแก้ปัญหาเสมอ ฉะนั้นเศรษฐกิจพอเพียงก็มเี ปน็ ข้ันๆ แตจ่ ะบอกวา่ เศรษฐกจิ พอเพียงนี้ ให้ พอเพียงเฉพาะตวั เองร้อยเปอร์เซ็นต์น่ีเป็นสิ่งทาํ ไมไ่ ด้ จะต้องมกี ารแลกเปลย่ี น ตอ้ งมีการช่วยกัน ถา้ มกี ารช่วยกัน แลกเปลี่ยนกนั ก็ไมใ่ ช่พอเพยี งแล้ว แต่วา่ พอเพียงในทฤษฎีในหลวงนี้ คอื ให้สามารถทจ่ี ะดาํ เนนิ งานได.้ ..” ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอําเภอเกาะจนั ทร์ จงั หวัดชลบรุ ี
8 พระราชดํารัส เนอื่ งในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิดาลัย วนั ที่ ๒๓ ธนั วาคม ๒๕๔๒ “...โครงการต่างๆ หรือเศรษฐกิจทใี่ หญ่ ต้องมีความสอดคล้องกนั ดีทไ่ี มใ่ ช่เหมือนทฤษฎใี หม่ ท่ีใช้ทีด่ ินเพียง ๑๕ ไร่ และสามารถทจี่ ะปลูกข้าวพอกิน กิจการน้ใี หญ่กว่า แต่ก็เป็นเศรษฐกจิ พอเพียงเหมือนกนั คนไม่เขา้ ใจว่ากิจการใหญ่ๆ เหมือนสร้างเข่ือนปุาสักกเ็ ป็นเศรษฐกจิ พอเพียงเหมือนกัน เขานึกว่าเป็นเศรษฐกิจสมยั ใหม่ เป็นเศรษฐกจิ ทีห่ า่ งไกล จากเศรษฐกิจพอเพียง แตท่ ี่จรงิ แลว้ เป็นเศรษฐกจิ พอเพียงเหมอื นกัน...” พระราชดํารัส เนอื่ งในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ดิ าลัย วันท่ี ๒๓ ธันวาคม ๒๕๔๒ “...ฉันพูดเศรษฐกจิ พอเพยี งความหมายคือ ทําอะไรใหเ้ หมาะสมกับฐานะของตวั เอง คอื ทําจากรายได้ ๒๐๐-๓๐๐ บาท ข้ึนไปเปน็ สองหมน่ื สามหมื่นบาท คนชอบเอาคําพดู ของฉัน เศรษฐกจิ พอเพียงไปพูดกนั เลอะเทอะ เศรษฐกจิ พอเพยี ง คือทาํ เป็น Self-Sufficiency มนั ไม่ใช่ความหมายไม่ใช่แบบทฉี่ ันคดิ ที่ฉนั คดิ คือเปน็ Self-Sufficiency of Economy เชน่ ถ้าเขาตอ้ งการดทู วี ี ก็ควรใหเ้ ขามีดู ไม่ใช่ไปจํากัดเขาไมใ่ ห้ซอ้ื ทวี ดี ู เขาตอ้ งการดูเพอ่ื ความสนุกสนาน ในหม่บู ้านไกลๆ ท่ฉี นั ไป เขามีทีวีดแู ตใ่ ชแ้ บตเตอร่ี เขาไม่มีไฟฟูา แตถ่ ้า Sufficiency น้ัน มที วี ีเขาฟุมเฟือย เปรียบเสมือนคนไม่มีสตางค์ไปตัดสทู ใส่ และยังใสเ่ นคไทเวอรซ์ าเช่ อันน้ีก็เกินไป...” พระตําหนักเปี่ยมสุข วงั ไกลกังวล ๑๗ มกราคม ๒๕๔๔ ประเทศไทยกบั เศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพยี ง ม่งุ เนน้ ใหผ้ ผู้ ลติ หรือผู้บริโภค พยายามเร่ิมต้นผลติ หรือบรโิ ภคภายใต้ขอบเขต ข้อจํากดั ของรายได้ หรือทรัพยากรทม่ี ีอย่ไู ปก่อน ซ่ึงกค็ ือ หลักในการลดการพ่งึ พา เพ่ิมขีดความสามารถในการควบคุมการผลติ ได้ด้วยตนเอง และลดภาวะการเส่ียงจากการไม่สามารถควบคมุ ระบบตลาดได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ เศรษฐกิจพอเพยี งมิใชห่ มายความถงึ การกระเบยี ดกระเสียนจนเกินสมควร หากแต่อาจฟมุ เฟือยไดเ้ ป็นคร้ังคราวตาม อตั ภาพ แต่คนสว่ นใหญ่ของประเทศ มักใช้จ่ายเกินตัว เกนิ ฐานะทหี่ ามาได้ เศรษฐกจิ พอเพียง สามารถนําไปสูเ่ ปูาหมายของการสร้างความม่ันคงในทางเศรษฐกจิ ได้ เช่น โดยพื้นฐาน แล้ว ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม เศรษฐกิจของประเทศจึงควรเน้นทเ่ี ศรษฐกิจการเกษตร เนน้ ความม่ันคง ทางอาหาร เปน็ การสรา้ งความม่ันคงใหเ้ ป็นระบบเศรษฐกจิ ในระดบั หนงึ่ จึงเปน็ ระบบเศรษฐกจิ ทีช่ ่วยลดความเสี่ยง หรอื ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้ เศรษฐกจิ พอเพยี ง สามารถประยกุ ตใ์ ช้ได้ในทุกระดบั ทุกสาขา ทุกภาคของเศรษฐกจิ ไม่จําเป็นจะต้องจาํ กดั เฉพาะแต่ ภาคการเกษตร หรอื ภาคชนบท แม้แตภ่ าคการเงนิ ภาคอสังหารมิ ทรพั ย์ และการคา้ การลงทุนระหว่างประเทศ โดยมีหลักการที่คล้ายคลึงกนั คือ เนน้ การเลือกปฏบิ ตั ิอยา่ งพอประมาณ มเี หตุมผี ล และสร้างภูมิค้มุ กันให้แกต่ นเอง และสังคม ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อําเภอเกาะจนั ทร์ จงั หวดั ชลบรุ ี
9 การดาเนินชีวติ ตามแนวพระราชดาริพอเพยี ง พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงเข้าใจถึงสภาพสงั คมไทย ดงั นัน้ เม่อื ได้พระราชทานแนวพระราชดาํ ริ หรือ พระบรมราโชวาทในดา้ นต่างๆ จะทรงคํานึงถงึ วิถชี วี ิต สภาพสังคมของประชาชนด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งทาง ความคดิ ที่อาจนาํ ไปส่คู วามขัดแย้งในทางปฏิบตั ิได้ แนวพระราชดํารใิ นการดําเนินชวี ติ แบบพอเพียง ๑. ยึดความประหยัด ตัดทอนคา่ ใช้จา่ ยในทุกดา้ น ลดละความฟุมเฟือยในการใชช้ วี ิต ๒. ยดึ ถือการประกอบอาชีพด้วยความถูกต้อง ซ่ือสัตย์สจุ รติ ๓. ละเลกิ การแก่งแย่งผลประโยชนแ์ ละแขง่ ขันกนั ในทางการค้าแบบต่อสกู้ นั อย่างรนุ แรง ๔. ไมห่ ยดุ นิง่ ทจ่ี ะหาทางให้ชีวิตหลุดพน้ จากความทกุ ขย์ าก ด้วยการขวนขวายใฝุหาความรใู้ หม้ รี ายได้เพ่ิมพูน ข้นึ จนถึงข้นั พอเพียงเปน็ เปูาหมายสําคัญ ๕. ปฏิบตั ติ นในแนวทางท่ีดี ลดละสง่ิ ชว่ั ประพฤติตนตามหลักศาสนา ตวั อยา่ งเศรษฐกจิ พอเพียง ทฤษฎใี หม่ ทฤษฎใี หม่ คือ ตวั อย่างท่เี ป็นรปู ธรรมของ การประยุกตใ์ ชเ้ ศรษฐกจิ พอเพียงท่ีเด่นชดั ทส่ี ุด ซึง่ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หวั ได้พระราชทานพระราชดาํ รินี้ เพ่ือเป็นการชว่ ยเหลือเกษตรกรที่มกั ประสบปัญหาท้งั ภยั ธรรมชาตแิ ละ ปจั จยั ภาย นอกทม่ี ผี ลกระทบต่อการทําการเกษตร ใหส้ ามารถผ่านพ้นชว่ งเวลาวกิ ฤต โดยเฉพาะการขาดแคลนนํา้ ได้ โดยไมเ่ ดอื ดรอ้ นและยากลาํ บากนัก ความเสี่ยงทีเ่ กษตรกร มักพบเปน็ ประจาํ ประกอบด้วย ๑. ความเสี่ยงด้านราคาสนิ คา้ เกษตร ๒. ความเสย่ี งในราคาและการพง่ึ พาปจั จยั การผลติ สมัยใหม่จากตา่ งประเทศ ๓. ความเส่ยี งด้านน้ํา ฝนท้ิงชว่ ง ฝนแลง้ ๔. ภยั ธรรมชาติอ่นื ๆ และโรคระบาด ๕. ความเส่ียงดา้ นแบบแผนการผลติ - ความเสยี่ งดา้ นโรคและศตั รูพชื - ความเสี่ยงดา้ นการขาดแคลนแรงงาน - ความเส่ยี งด้านหนี้สนิ และการสญู เสยี ท่ดี ิน ทฤษฎใี หม่ จงึ เปน็ แนวทางหรือหลักการในการบรหิ ารการจัดการที่ดินและนาํ้ เพื่อการเกษตรในที่ดินขนาด เลก็ ให้เกิดประโยชน์สูงสดุ ทฤษฎีใหม่ ความสําคัญของทฤษฎีใหม่ ๑. มีการบริหารและจดั แบง่ ที่ดนิ แปลงเลก็ ออกเป็นสัดส่วนที่ชัดเจน เพื่อประโยชน์สูงสุดของเกษตรกร ซ่ึงไม่ เคยมใี ครคิดมาก่อน ๒. มกี ารคาํ นวณโดยใช้หลักวชิ าการเกี่ยวกบั ปรมิ าณนาํ้ ทจี่ ะกักเก็บให้พอเพยี งต่อการเพาะปลกู ไดอ้ ยา่ ง เหมาะสมตลอดปี ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อําเภอเกาะจนั ทร์ จังหวัดชลบรุ ี
10 ๓. มกี ารวางแผนทสี่ มบูรณ์แบบสาํ หรับเกษตรกรรายยอ่ ย โดยมถี ึง ๓ ข้ันตอน ทฤษฎใี หม่ขนั้ ต้น ใหแ้ บ่งพนื้ ทอ่ี อกเปน็ ๔ สว่ น ตามอัตราสว่ น ๓๐:๓๐:๓๐:๑๐ ซ่ึงหมายถึง - พน้ื ท่สี ่วนทห่ี น่งึ ประมาณ ๓๐% ใหข้ ุดสระเกบ็ กักนาํ้ เพื่อใชเ้ ก็บกกั น้ําฝนในฤดูฝน และใชเ้ สรมิ การปลกู พชื ใน ฤดแู ล้ง ตลอดจนการเลย้ี งสตั ว์และพืชนํา้ ต่างๆ - พน้ื ท่ีส่วนทีส่ อง ประมาณ ๓๐% ใหป้ ลกู ขา้ วในฤดูฝนเพ่อื ใช้เป็นอาหารประจําวันสาํ หรบั ครอบครวั ให้ เพียงพอตลอด ปี เพื่อตดั ค่าใช้จา่ ยและสามารถพ่งึ ตนเองได้ - พนื้ ทีส่ ่วนทส่ี าม ประมาณ ๓๐% ให้ปลกู ไม้ผล ไม้ยืนต้น พชื ผัก พชื ไร่ พชื สมุนไพร ฯลฯ เพ่อื ใช้เปน็ อาหาร ประจําวัน หากเหลือบริโภคก็นําไปจําหน่าย - พื้นทส่ี ว่ นทีส่ ี่ ประมาณ ๑๐% เปน็ ท่ีอยู่อาศยั เล้ยี งสตั ว์ ถนนหนทาง และโรงเรอื นอน่ื ๆ ทฤษฎีใหมข่ ้ันท่ีสอง เมอ่ื เกษตรกรเข้าใจในหลักการและไดป้ ฏิบัตใิ นทด่ี นิ ของตนจนไดผ้ ลแลว้ ก็ต้องเริ่มขน้ั ทีส่ อง คือให้เกษตรกร รวมพลงั กนั ในรปู กลมุ่ หรอื สหกรณ์ รว่ มแรงรว่ มใจกนั ดําเนนิ การในดา้ น (๑) การผลติ (พันธุ์พืช เตรยี มดิน ชลประทาน ฯลฯ) - เกษตรกรจะตอ้ งร่วมมอื ในการผลติ โดยเรมิ่ ตั้งแต่ขน้ั เตรียมดิน การหาพันธพ์ุ ชื ปยุ๋ การจดั หานํ้า และอืน่ ๆ เพ่ือการ เพาะปลูก (๒) การตลาด (ลานตากขา้ ว ยุ้ง เคร่อื งสขี ้าว การจาํ หน่ายผลผลติ ) - เม่อื มีผลผลิตแล้ว จะตอ้ งเตรียมการตา่ งๆ เพื่อการขายผลผลติ ให้ได้ประโยชนส์ ูงสดุ เช่น การเตรยี มลานตากขา้ ว รว่ มกนั การจดั หายุ้งรวบรวมขา้ ว เตรยี มหาเครื่องสขี ้าว ตลอดจนการรวมกันขายผลผลติ ใหไ้ ดร้ าคาดีและลดคา่ ใชจ้ า่ ย ลงดว้ ย (๓) การเป็นอยู่ (กะปิ นํา้ ปลา อาหาร เครื่องนุ่งหม่ ฯลฯ) - ในขณะเดยี วกนั เกษตรกรต้องมีความเป็นอยู่ทีด่ ีพอสมควร โดยมปี ัจจยั พน้ื ฐานในการดํารงชวี ติ เช่น อาหารการกิน ต่างๆ กะปิ นาํ้ ปลา เสอื้ ผา้ ที่พอเพียง (๔) สวัสดกิ าร (สาธารณสขุ เงินกู)้ - แต่ละชมุ ชนควรมีสวสั ดภิ าพและบรกิ ารทจ่ี ําเป็น เช่น มีสถานีอนามัยเมื่อยามปุวยไข้ หรือมกี องทนุ ไวก้ ้ยู ืมเพ่ือ ประโยชน์ในกิจกรรมต่างๆ ของชุมชน (๕) การศึกษา (โรงเรียน ทนุ การศกึ ษา) - ชุมชนควรมบี ทบาทในการส่งเสริมการศึกษา เชน่ มีกองทุนเพอ่ื การศึกษาเล่าเรียนใหแ้ ก่เยาวชนของชมชนเอง (๖) สงั คมและศาสนา - ชุมชนควรเป็นที่รวมในการพัฒนาสังคมและจิตใจ โดยมีศาสนาเปน็ ทีย่ ดึ เหนี่ยว โดยกิจกรรมทั้งหมดดงั กล่าวข้างตน้ จะต้องได้รับความรว่ มมือจากทกุ ฝาุ ยที่เกี่ยวข้อง ไม่วา่ สว่ นราชการ องคก์ รเอกชน ตลอดจนสมาชกิ ในชุมชนน้ันเปน็ สําคญั ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาํ เภอเกาะจันทร์ จังหวดั ชลบรุ ี
11 ทฤษฎใี หม่ขน้ั ท่ีสาม เมอ่ื ดําเนินการผ่านพ้นขัน้ ท่สี องแล้ว เกษตรกร หรือกล่มุ เกษตรกรก็ควรพัฒนาก้าวหน้าไปสู่ขนั้ ท่ีสามต่อไป คอื ติดต่อประสานงาน เพ่ือจัดหาทนุ หรือแหล่งเงิน เชน่ ธนาคาร หรอื บรษิ ัท ห้างร้านเอกชน มาชว่ ยในการลงทนุ และ พัฒนาคุณภาพชีวติ ทัง้ นี้ ท้ังฝาุ ยเกษตรกรและฝุายธนาคาร หรอื บริษัทเอกชนจะไดร้ ับประโยชนร์ ว่ มกนั กล่าวคือ - เกษตรกรขายข้าวได้ราคาสงู (ไมถ่ ูกกดราคา) - ธนาคารหรอื บริษัทเอกชนสามารถซื้อข้าวบรโิ ภคในราคาตํ่า (ซอื้ ข้าวเปลือกตรงจากเกษตรกรและมาสีเอง) - เกษตรกรซื้อเคร่ืองอปุ โภคบรโิ ภคได้ในราคาต่าํ เพราะรวมกนั ซือ้ เป็นจาํ นวนมาก (เปน็ ร้านสหกรณร์ าคาขายสง่ ) - ธนาคารหรือบรษิ ัทเอกชน จะสามารถกระจายบคุ ลากร เพ่ือไปดําเนนิ การในกจิ กรรมต่างๆ ให้เกิดผลดี ยง่ิ ขึ้น หลกั การและแนวทางสาคัญ ๑. เป็นระบบการผลติ แบบเศรษฐกิจพอเพยี งทเ่ี กษตรกรสามารถเลยี้ งตัวเองได้ในระดับ ท่ปี ระหยัดก่อน ทั้งนี้ ชมุ ชนต้องมคี วามสามคั คี รว่ มมอื ร่วมใจในการช่วยเหลือซงึ่ กนั และกันทาํ นองเดยี วกับการ “ลงแขก” แบบดงั้ เดิมเพ่ือ ลดคา่ ใช้จา่ ยในการจ้างแรงงานดว้ ย ๒. เน่ืองจากข้าวเป็นปจั จยั หลักทีท่ ุกครัวเรอื นจะต้องบริโภค ดังนน้ั จงึ ประมาณวา่ ครอบครัวหน่งึ ทํานา ประมาณ ๕ ไร่ จะทาํ ใหม้ ีข้าวพอกินตลอดปี โดยไมต่ ้องซ้ือหาในราคาแพง เพื่อยึดหลกั พ่ึงตนเองไดอ้ ย่างมีอิสรภาพ ๓. ตอ้ งมนี ้ําเพื่อการเพาะปลกู สาํ รองไว้ใชใ้ นฤดูแลง้ หรอื ระยะฝนทิ้งช่วงได้อย่างพอเพยี ง ดังนั้น จงึ จาํ เป็นตอ้ งกนั ทดี่ นิ สว่ นหนงึ่ ไวข้ ุดสระน้าํ โดยมีหลกั ว่าตอ้ งมีนา้ํ เพียงพอทจี่ ะเพาะปลกู ได้ตลอดปี ทั้งนี้ ได้พระราชทาน พระราชดาํ ริเปน็ แนวทางว่า ต้องมีนา้ํ ๑,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อการเพาะปลูก ๑ ไร่ โดยประมาณ ฉะนน้ั เมื่อทํานา ๕ ไร่ ทําพืชไร่ หรอื ไม้ผลอีก ๕ ไร่ (รวมเปน็ ๑๐ ไร่) จะต้องมนี าํ้ ๑๐,๐๐๐ ลูกบาศกเ์ มตรต่อปี ดังนัน้ หากตง้ั สมมติฐานวา่ มีพ้นื ที่ ๕ ไร่ ก็จะสามารถกําหนดสูตรคร่าวๆ วา่ แตล่ ะแปลง ประกอบด้วย - นาข้าว ๕ ไร่ - พืชไร่ พชื สวน ๕ ไร่ - สระนาํ้ ๓ ไร่ ขดุ ลกึ ๔ เมตร จนุ าํ้ ได้ประมาณ ๑๙,๐๐๐ ลกู บาศกเ์ มตร ซ่งึ เป็นปริมาณนํ้าที่เพยี งพอทีจ่ ะ สํารองไวใ้ ชย้ ามฤดแู ลง้ - ที่อยูอ่ าศยั และอน่ื ๆ ๒ ไร่ รวมท้ังหมด ๑๕ ไร่ แต่ทั้งน้ี ขนาดของสระเกบ็ นํ้าข้ึนอยู่กับสภาพภูมปิ ระเทศและสภาพแวดล้อม ดงั นี้ - ถ้าเปน็ พ้นื ท่ีทาํ การเกษตรอาศัยนา้ํ ฝน สระนํา้ ควรมีลักษณะลกึ เพอ่ื ปูองกันไมใ่ หน้ ้ําระเหยได้มากเกนิ ไป ซึ่ง จะทาํ ให้มีน้าํ ใช้ตลอดท้งั ปี - ถ้าเป็นพน้ื ที่ทําการเกษตรในเขตชลประทาน สระนา้ํ อาจมีลักษณะลึก หรือตนื้ และแคบ หรอื กว้างก็ได้ โดย พจิ ารณาตามความเหมาะสม เพราะสามารถมนี ํ้ามาเติมอยเู่ ร่ือยๆ ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอําเภอเกาะจนั ทร์ จงั หวัดชลบรุ ี
12 การมีสระเก็บนํ้าก็เพื่อให้เกษตรกรมีนํ้าใช้อย่างสมํ่าเสมอทั้งปี (ทรงเรียกว่า Regulator หมายถึงการควบคุมให้ดี มี ระบบนํ้าหมุนเวียนใช้เพ่ือการเกษตรได้โดยตลอดเวลาอย่างต่อเน่ือง) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน้าแล้งและระยะฝนท้ิง ช่วง แต่มิได้หมายความว่า เกษตรกรจะสามารถปลูกข้าวนาปรังได้ เพราะหากน้ําในสระเก็บนํ้าไม่พอ ในกรณีมีเขื่อน อยู่บริเวณใกล้เคียงก็อาจจะต้องสูบนํ้ามาจากเข่ือน ซึ่งจะทําให้น้ําในเขื่อนหมดได้ แต่เกษตรกรควรทํานาในหน้าฝน และเมื่อถึงฤดูแล้ง หรือฝนท้ิงช่วงให้เกษตรกรใช้นํ้าท่ีเก็บตุนน้ัน ให้เกิดประโยชน์ทางการเกษตรอย่างสูงสุด โดย พิจารณาปลูกพชื ใหเ้ หมาะสมกบั ฤดูกาล เพอื่ จะไดม้ ผี ลผลิตอ่นื ๆ ไวบ้ ริโภคและสามารถนําไปขายไดต้ ลอดทงั้ ปี ๔. การจัดแบ่งแปลงท่ีดินเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงคํานวณและคํานึง จากอัตราการถือครองท่ีดินถัว เฉล่ียครัวเรือนละ ๑๕ ไร่ อย่างไรก็ตาม หากเกษตรกรมีพื้นท่ีถือครองน้อยกว่านี้ หรือ มากกว่าน้ี กส็ ามารถใช้อัตราสว่ น ๓๐:๓๐:๓๐:๑๐ เปน็ เกณฑป์ รบั ใช้ได้ กลา่ วคอื ร้อยละ ๓๐ ส่วนแรก ขุดสระนํ้า (สามารถเล้ยี งปลา ปลูกพืชนาํ้ เชน่ ผักบุ้ง ผกั กะเฉด ฯลฯ ไดด้ ้วย) บนสระ อาจสร้างเลา้ ไกแ่ ละบนขอบสระนา้ํ อาจปลูกไมย้ นื ต้นที่ไม่ใช้นํ้ามากโดยรอบ ได้ รอ้ ยละ ๓๐ สว่ นทส่ี อง ทํานา ร้อยละ ๓๐ ส่วนทส่ี าม ปลกู พืชไร่ พชื สวน (ไมผ้ ล ไม้ยืนต้น ไม้ใชส้ อย ไม้เพอื่ เปน็ เช้ือฟืน ไม้สร้างบา้ น พืชไร่ พชื ผัก สมุนไพร เปน็ ต้น) รอ้ ยละ ๑๐ สดุ ทา้ ย เป็นท่ีอยู่อาศยั และอน่ื ๆ (ทางเดนิ คันดิน กองฟาง ลานตาก กองป๋ยุ หมกั โรงเรอื น โรง เพาะเห็ด คอกสัตว์ ไม้ดอกไม้ประดบั พืชสวนครวั หลงั บ้าน เป็นตน้ ) อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าวเป็นสูตร หรือหลักการโดยประมาณเท่าน้ัน สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตาม ความเหมาะสม โดยขึ้นอยู่กับสภาพของพ้ืนที่ดิน ปริมาณนํ้าฝน และสภาพแวดล้อม เช่น ในกรณีภาคใต้ที่มีฝนตกชุก หรือพ้ืนที่ที่มีแหล่งน้ํามาเติมสระได้ต่อเน่ือง ก็อาจลดขนาดของบ่อ หรือสระเก็บน้ําให้เล็กลง เพื่อเก็บพื้นท่ีไว้ใช้ ประโชนอ์ น่ื ตอ่ ไปได้ ๕. การดําเนนิ การตามทฤษฎใี หม่ มปี จั จัยประกอบหลายประการ ขึน้ อยกู่ บั สภาพภมู ปิ ระเทศ สภาพแวดล้อม ของแต่ละท้องถิน่ ดงั นั้น เกษตรกรควรขอรบั คําแนะนําจากเจา้ หน้าที่ด้วย และทสี่ ําคัญ คือ ราคาการลงทุนค่อนข้างสงู โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งการขุดสระนํา้ เกษตรกรจะต้องไดร้ บั ความช่วยเหลอื จากสว่ นราชการ มูลนิธิ และเอกชน ๖. ในระหว่างการขดุ สระนํ้า จะมดี นิ ท่ีถูกขุดข้ึนมาจาํ นวนมาก หน้าดนิ ซ่งึ เปน็ ดินดี ควรนาํ ไปกองไวต้ า่ งหาก เพอ่ื นํามาใชป้ ระโยชนใ์ นการปลกู พืชตา่ งๆ ในภายหลัง โดยนาํ มาเกลยี่ คลุมดินชนั้ ลา่ งทเ่ี ป็นดนิ ไม่ดี หรืออาจนาํ มาถม ทาํ ขอบสระนา้ํ หรือยกรอ่ งสาํ หรับปลูกไม้ผลกจ็ ะได้ประโยชนอ์ ีกทางหน่ึง ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาํ เภอเกาะจันทร์ จงั หวัดชลบรุ ี
13 บทท่ี 3 วธิ ีดาเนินงาน กจิ กรรมจดั การศึกษานอกระบบ การเรยี นร้ตู ามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง โครงการอบรมการเรียนรู้ตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.ตําบลท่าบุญมี วันท่ี 10 มิถุนายน 2564 ณ กศน.ตําบลท่าบุญมี หมู่ท่ี 4 ตําบลท่าบญุ มี อําเภอเกาะจันทร์ จงั หวัดชลบุรี วธิ ีดาเนนิ การ มีขั้นตอนดงั น้ี 1. สํารวจความตอ้ งการของกลมุ่ เปูาหมาย 2. กําหนดแผนและปฏทิ นิ การดาํ เนินงาน 3. เสนอโครงการ 4. ประสานผู้เกย่ี วขอ้ ง 5. ดําเนินการจดั กจิ กรรม 6. เครือ่ งมอื ในการเก็บข้อมูล 7. วเิ คราะหข์ ้อมูล/สถิตทิ ใี่ ชใ้ นการวิเคราะห์ 1. สารวจความต้องการ กศน.ตําบลท่าบุญมี ได้ดําเนินการประสานงานภาคีเครือข่ายประกอบด้วย เทศบาลตําบลท่าบุญมี องค์การ บริหารส่วนตําบลท่าบุญมี ชมรมกํานันผู้ใหญ่บ้านอําเภอเกาะจันทร์ เกษตรอําเภอเกาะจันทร์ เพื่อสํารวจความ ต้องการของกลมุ่ เปูาหมาย และนาํ มาวางแผนจดั กจิ กรรม 2. กาหนดแผนและปฏิทนิ การดาเนนิ งาน ครู กศน.ตาํ บล ดําเนนิ การวางแผนการจดั กิจกรรม และสํารวจราคาตามรายการวัสดุ 3. เสนอโครงการ โดยดําเนินการขออนุมัติการจัดกิจกรรมจัดการศึกษานอกระบบ การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง โครงการอบรมการเรียนรู้ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กศน.ตาํ บลท่าบญุ มี 4. ประสานงานผูเ้ กย่ี วข้อง ดําเนินงานแจ้งสํานักงาน กศน.จังหวัดชลบุรี ภาคีเครือข่าย วิทยากร และผู้เรียนให้ทราบถึงวัน เวลา และ สถานที่ ดําเนินการจัดกจิ กรรม 5. ดาเนินการจัดกจิ กรรม กิจกรรมจัดการศึกษานอกระบบ การเรยี นร้ตู ามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง โครงการอบรมการเรียนรู้ตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.ตําบลท่าบุญมี วันที่ 10 มิถุนายน 2564 เวลา 08.30 – 12.00 น. ณ กศน. ตาํ บลท่าบุญมี หมทู่ ี่ 4 ตําบลท่าบุญมี อําเภอเกาะจนั ทร์ จงั หวดั ชลบรุ ี จาํ นวน 15 คน ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอําเภอเกาะจันทร์ จังหวดั ชลบรุ ี
14 6. เคร่ืองมือในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล จากการสงั เกตและแบบประเมนิ ความพึงพอใจในการจดั กจิ กรรม 7. การวเิ คราะห์ขอ้ มลู /สถติ ิท่ใี ชใ้ นการวเิ คราะห์ การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ค่าสถิติร้อยละ ในการประมวลผลข้อมูลส่วนตัวและตัวช้ีวัดความสําเร็จของโครงการ ตามแบบสอบถามความคิดเหน็ รายข้อ แล้วนาํ ไปแปรความหมายตามค่าระดบั เกณฑ์ เกณฑ์การประเมนิ ค่าสถิตนิ อ้ ยกว่าร้อยละ 50 ปรบั ปรุง ค่าสถิตริ อ้ ยละ 50-74 พอใช้ ค่าสถติ ิร้อยละ 75-84 ดี คา่ สถิติรอ้ ยละ 85 ขึ้นไป ดีมาก การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ค่าสถิติร้อยละ ในการประมวลผลข้อมูลส่วนตัวและตัวชี้วัดความสําเร็จของโครงการ ตามแบบสอบถามความคดิ เห็นรายข้อ แล้วนําไปแปรความหมายตามค่าระดับเกณฑ์กําหนดค่าลําดับความสําคัญของ การประเมนิ ผลออกเป็น 5 ระดับ ดังนี้ มากทีส่ ดุ ใหค้ ะแนน 5 มาก ใหค้ ะแนน 4 ปานกลาง ใหค้ ะแนน 3 น้อย ให้คะแนน 2 น้อยท่สี ดุ ให้คะแนน 1 ในการแปลผล ผู้จัดทําได้ใช้เกณฑ์การพิจารณาจากคะแนนเฉลี่ยตามแนวคิดของ บุญชม ศรีสะอาด และบุญ สง่ นิลแกว้ (2535, หน้า 22-25) 4.51-5.00 หมายความว่า ดีมาก 3.51-4.50 หมายความว่า ดี 2.51-3.50 หมายความว่า ปานกลาง 1.51-2.50 หมายความว่า น้อย 1.00-1.50 หมายความวา่ ต้องปรบั ปรุง ผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องกรอกข้อมูลตามแบบสอบถาม เพื่อนําไปใช้ในการประเมินผลของการจัดกิจกรรมดังกล่าว และจะได้นาํ ไปเป็นข้อมลู ปรบั ปรุง และพัฒนา ตลอดจนใชใ้ นการจดั ทาํ แผนการดาํ เนินการในปตี อ่ ไป ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาํ เภอเกาะจนั ทร์ จงั หวดั ชลบรุ ี
15 บทที่ 4 ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูล กิจกรรมจัดการศึกษานอกระบบ การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โครงการอบรมการ เรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.ตําบลท่าบุญมี ซึ่งได้สรุปรายงานจากแบบสอบถามความคิดเห็น ข้อมลู ท่ไี ด้สามารถวิเคราะหแ์ ละแสดงค่าสถิติ ดังน้ี ตอนที่ 1 ข้อมูลส่วนตัวผู้ตอบแบบถามของผู้เข้าร่วมกิจกรรมจัดการศึกษานอกระบบ การเรียนรู้ตามหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง โครงการอบรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.ตําบลท่าบุญมี วันที่ 10 มิถุนายน 2564 เวลา 08.30 – 12.00 น. ณ กศน.ตําบลท่าบุญมี หมู่ท่ี 4 ตําบลท่าบุญมี อําเภอเกาะจันทร์ จังหวัด ชลบุรี จํานวน 15 คน ท่ีตอบแบบสอบถามได้นํามาจําแนกตามเพศ อายุ และอาชีพ ผู้จัดทําได้นําเสนอจําแนกตาม ขอ้ มูลดังกลา่ ว ดงั ปรากฏตามตารางท่ี 1 ดังต่อไปนี้ ตารางที่ 1 แสดงค่าร้อยละของผูต้ อบแบบสอบถาม โดยจําแนกตามเพศ เพศ ชาย หญงิ ความคดิ เห็น จานวน รอ้ ยละ จานวน รอ้ ยละ ผู้เขา้ ร่วมโครงการอบรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของ 7 46.67 8 53.33 เศรษฐกจิ พอเพียง กศน.ตาบลทา่ บญุ มี จากตารางที่ 1 แสดงว่า ผู้ตอบแบบสอบถามของผู้เข้าร่วมโครงการอบรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง กศน.ตําบลท่าบุญมี จํานวน 15 คน เป็นเพศชาย จํานวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 46.67 เพศหญิง จํานวน 8 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 53.33 ตารางท่ี 2 แสดงคา่ รอ้ ยละของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยจําแนกตามอายุ อายุ ต่ากว่า 15 ปี 15-39 ปี 40-59 ปี 60 ปี ขน้ึ ไป ความคดิ เห็น จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการอบรมการ - - 14 93.33 1 6.67 - - เรยี นรู้ตามหลักปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพียง กศน.ตาบล ท่าบุญมี ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอําเภอเกาะจนั ทร์ จงั หวัดชลบรุ ี
16 จากตารางที่ 2 แสดงว่า ผูต้ อบแบบสอบถามของผู้เข้าร่วมโครงการอบรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง กศน.ตําบลท่าบุญมี เมื่อจําแนกตามอายุปรากฏว่า ช่วงอายุ 15-39 ปี จํานวน 14 คน คิดเป็น รอ้ ยละ 93.33 และชว่ งอายุ 40-59 ปี จาํ นวน 1 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 6.67 ตารางท่ี 3 แสดงค่าร้อยละของผ้ตู อบแบบสอบถาม โดยจําแนกตามอาชีพ อาชพี รับจ้าง รับราชการ ค้าขาย เกษตรกร อ่นื ๆ ความคิดเห็น จานวน ร้อยละ จานวน รอ้ ยละ จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ จานวน รอ้ ยละ ผู้เขา้ รว่ มโครงการ 5 33.33 - - 2 13.33 - - 8 53.34 อบรมการเรยี นรู้ ตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพียง กศน. ตาบลท่าบุญมี จากตารางท่ี 3 แสดงว่า ผู้ตอบแบบสอบถามของผู้เข้าร่วมโครงการอบรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง กศน.ตําบลท่าบุญมี เม่ือจําแนกตามอาชีพปรากฏว่า ประกอบอาชีพรับจ้าง จํานวน 5 คน คิดเป็น ร้อยละ 33.33 อาชีพค้าขาย จํานวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 13.33 และอาชีพอ่ืนๆ จํานวน 8 คน คิดเป็น ร้อยละ 53.34 ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอําเภอเกาะจันทร์ จงั หวดั ชลบรุ ี
17 ตอนท่ี 2 ขอ้ มลู เก่ยี วกบั ความคิดเห็นของผ้เู ขา้ รว่ ม ความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมกิจกรรมจัดการศึกษานอกระบบ การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โครงการอบรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.ตําบลท่าบุญมี วันที่ 10 มิถุนายน 2564 เวลา 08.30 – 12.00 น. ณ กศน.ตําบลท่าบญุ มี หมทู่ ี่ 4 ตาํ บลท่าบญุ มี อําเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี จํานวน 15 คน ดัง ปรากฏในตารางที่ 4 ตารางท่ี 4 ผลการประเมนิ กิจกรรม กิจกรรมการเรยี นรูต้ ามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง x N = 15 ระดบั ผลการ โครงการอบรมการเรียนรู้ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง S.D. อนั ดับท่ี ประเมิน ดี กศน.ตาบลทา่ บุญมี 1. เนื้อหาวิชาท่ีสอนตรงตามความต้องการของทา่ นเพยี งใด 4.07 0.26 9 2. การมาเรียนตรงตามเวลาและเรียนครบตามเวลาทก่ี าํ หนด 4.07 0.26 9 ดี 3. ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ของวิทยากร 4.20 0.41 8 ดี 4. ส่ือ/อุปกรณ์ฝึก สามารถนํามาใช้ประกอบการเรียนเพยี งใด 4.73 0.46 2 ดมี าก 1 ดีมาก 5. ท่านได้รบั ความรูต้ ามที่คาดหวังมากน้อยเพยี งใด 4.80 0.41 3 ดีมาก 6. ท่านสามารถนาํ ความรู้ความเขา้ ใจท่ีไดร้ บั ไปใชใ้ นชวี ติ ประจําวัน 4.60 0.51 เพียงใด 7. ความรู้ทกั ษะทสี่ ามารถนํามาใชป้ ระกอบอาชพี เพียงใด 4.47 0.52 5 ดี 8. สถานที่เรียนเหมาะสมเพยี งใด 4.53 0.52 4 ดีมาก 9. ความยตุ ิธรรมหรอื ความโปร่งใสเพียงใดในการวัดผลประเมินผล 4.40 0.51 6 ดี การเรยี น 10. ผลการเรยี นของทา่ นควรอย่ใู นระดบั ใด 4.33 0.49 7 ดี 11. ระยะเวลาในการเรยี น/กิจกรรมเหมาะสมเพียงใด 4.47 0.52 5 ดี 12. ความร้ทู ีไ่ ด้รบั ค้มุ คา่ กบั เวลา และคา่ ใชจ้ า่ ยที่เสยี ไปเพียงใด 4.53 0.52 4 ดีมาก 13. ทา่ นพึงพอใจกับกจิ กรรมนี้เพียงใด 4.40 0.51 6 4.43 0.45 ดี รวม ดี จากตาราง 4 พบวา่ โดยเฉล่ยี แล้วผู้เข้าร่วมกิจกรรมโครงการอบรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง กศน.ตําบลท่าบุญมี อยู่ในระดับ ดี เมื่อวิเคราะห์เป็นรายข้อพบว่า ท่านได้รับความรู้ตามท่ีคาดหวังมากน้อย เพยี งใด( x = 4.80) เป็นอันดบั ท่ี 1, สือ่ /อปุ กรณฝ์ ึก สามารถนํามาใช้ประกอบการเรียนเพียงใด( x = 4.73) เป็นอันดับ ที่ 2, ท่านสามารถนาํ ความรคู้ วามเข้าใจที่ไดร้ บั ไปใชใ้ นชีวติ ประจําวันเพยี งใด( x = 4.60) เปน็ อันดับที่ 3, สถานที่เรียน ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาํ เภอเกาะจนั ทร์ จังหวัดชลบรุ ี
18 เหมาะสมเพียงใด( x = 4.53) และความรู้ที่ได้รับคุ้มค่ากับ เวลา และค่าใช้จ่ายท่ีเสียไปเพียงใด( x = 4.53) เป็นอันดับ ท่ี 4, ความรู้ทักษะท่ีสามารถนํามาใช้ประกอบอาชีพเพียงใด( x = 4.47) และระยะเวลาในการเรียน/กิจกรรม เหมาะสมเพียงใด( x = 4.47) เป็นอันดับที่ 5, ความยุติธรรมหรือความโปร่งใสเพียงใดในการวัดผลประเมินผลการ เรียน( x = 4.40) และท่านพึงพอใจกับกิจกรรมน้ีเพียงใด( x = 4.40) เป็นอันดับที่ 6, ผลการเรียนของท่านควรอยู่ใน ระดับใด( x = 4.33) เป็นอันดับที่ 7, ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ของวิทยากร( x = 4.20) เป็นอันดับที่ 8 และเนื้อหาวชิ าทีส่ อนตรงตามความต้องการของท่านเพยี งใด( x = 4.07) และการมาเรียนตรงตามเวลาและเรียนครบ ตามเวลาทีก่ าํ หนด( x = 4.07) เป็นอนั ดบั สดุ ทา้ ย ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อําเภอเกาะจันทร์ จงั หวัดชลบรุ ี
19 ตารางท่ี 5 แสดงค่าร้อยละของระดบั ความพงึ พอใจที่ไดร้ บั ต่อการร่วมกจิ กรรม ประเดน็ ทปี่ ระเมนิ ระดบั การประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ตอ้ งปรับปรุง จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ 1.เนือ้ หาวชิ าท่ีสอนตรงตามความตอ้ งการ 15 100.00 0 0.00 0 0.00 0 0.00 0 0.00 ของทา่ นเพยี งใด 2.การมาเรียนตรงตามเวลาและเรียนครบตาม 13 86.67 2 13.33 0 0.00 0 0.00 0 0.00 เวลาท่ีกาหนด 3.ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ของ 14 93.33 1 6.67 0 0.00 0 0.00 0 0.00 วทิ ยากร 4.ส่ือ/อปุ กรณ์ฝกึ สามารถนามาใช้ 11 73.33 4 26.67 0 0.00 0 0.00 0 0.00 ประกอบการเรียนเพยี งใด 5.ทา่ นไดร้ ับความรู้ตามทีค่ าดหวงั มากนอ้ ย 15 100.00 0 0.00 0 0.00 0 0.00 0 0.00 เพยี งใด 6.ทา่ นสามารถนาความรคู้ วามเข้าใจทีไ่ ดร้ ับไป 15 100.00 0 0.00 0 0.00 0 0.00 0 0.00 ใชใ้ นชวี ติ ประจาวันเพยี งใด 7.ความร้ทู กั ษะที่สามารถนามาใช้ประกอบ 12 80.00 3 20.00 0 0.00 0 0.00 0 0.00 อาชพี เพยี งใด 8.สถานทเ่ี รียนเหมาะสมเพยี งใด 10 66.67 5 33.33 0 0.00 0 0.00 0 0.00 9.ความยตุ ธิ รรมหรือความโปร่งใสเพยี งใดใน 7 46.67 8 53.33 0 0.00 0 0.00 0 0.00 การวดั ผลประเมนิ ผลการเรียน 10.ผลการเรียนของทา่ นควรอย่ใู นระดบั ใด 6 40.00 9 60.00 0 0.00 0 0.00 0 0.00 11.ระยะเวลาในการเรียน/กจิ กรรมเหมาะสม 8 53.33 7 46.67 0 0.00 0 0.00 0 0.00 เพยี งใด 12.ความรูท้ ี่ไดร้ ับคมุ้ คา่ กบั เวลา และ 10 66.67 5 33.33 0 0.00 0 0.00 0 0.00 คา่ ใช้จ่ายท่เี สียไปเพยี งใด 13.ทา่ นพงึ พอใจกบั กจิ กรรมนเ้ี พยี งใด 12 80.00 3 20.00 0 0.00 0 0.00 0 0.00 0 00 (1) รวม 148 47 0 00 (2) = (1) Xคะแนนเตม็ ของแตล่ ะช่อง 740 188 (3) = ผลรวมของความพงึ พอใจ 928 (4) = (3) ¸ จานวนคน 61.87 (5) = (4) X 100 ¸ 95.18 จานวนข้อXคะแนนเตม็ สงู สุด สรุป บรรลุ ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อําเภอเกาะจนั ทร์ จงั หวัดชลบรุ ี
20 จากตารางท่ี 5 แสดงว่าผู้ตอบแบบสอบถามของผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีระดับความพึงพอใจกับประเด็นท่ีประเมิน ดงั ต่อไปน้ี ประเด็นที่ 1 “เนื้อหาวิชาท่ีสอนตรงตามความต้องการของท่านเพียงใด” ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 100 มรี ะดับของความพึงพอใจในระดับ “ดีมาก” ประเด็นที่ 2 “การมาเรียนตรงตามเวลาและเรียนครบตามเวลาท่ีกําหนด” ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 86.67 มีระดับของความพึงพอใจในระดบั “ดีมาก” ร้อยละ 13.33 มีระดับความพงึ พอใจในระดบั “ด”ี ประเด็นท่ี 3 “ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ของวิทยากร” ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 93.33 มี ระดับความพงึ พอใจในระดบั “ดมี าก” ร้อยละ 6.67 มีระดบั ของความพงึ พอใจในระดบั “ด”ี ประเด็นท่ี 4 “สื่อ/อุปกรณ์ฝึก สามารถนํามาใช้ประกอบการเรียนเพียงใด” ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 73.33 มีระดับของความพงึ พอใจในระดับ “ดีมาก” ร้อยละ 26.67 มีระดับความพึงพอใจในระดบั “ดี” ประเด็นท่ี 5 “ท่านได้รับความรู้ตามที่คาดหวังมากน้อยเพียงใด” ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 100 มรี ะดบั ของความพงึ พอใจในระดบั “ดมี าก” ประเดน็ ท่ี 6 “ทา่ นสามารถนําความรู้ความเข้าใจที่ได้รับไปใช้ในชีวิตประจําวันเพียงใด” ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 100 มรี ะดับของความพงึ พอใจในระดบั “ดีมาก” ประเด็นท่ี 7 “ท่านสามารถนาํ ความรู้ความเขา้ ใจที่ไดร้ ับไปใชใ้ นชวี ิตประจําวันเพียงใด” ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 80.00 มีระดับของความพึงพอใจในระดบั “ดมี าก” ร้อยละ 20.00 มรี ะดับความพึงพอใจในระดับ “ด”ี ประเด็นท่ี 8 “ทา่ นสามารถนาํ ความรคู้ วามเข้าใจท่ีได้รับไปใช้ในชีวิตประจําวันเพียงใด” ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 66.67 มรี ะดับของความพึงพอใจในระดับ “ดีมาก” ร้อยละ 33.33 มีระดบั ความพึงพอใจในระดบั “ดี” ประเดน็ ท่ี 9 “ท่านสามารถนาํ ความรู้ความเข้าใจท่ีได้รับไปใช้ในชีวิตประจําวันเพียงใด” ผู้ตอบแบบสอบถาม รอ้ ยละ 46.67 มรี ะดับความพงึ พอใจในระดบั “ดมี าก” ผูต้ อบแบบสอบถาม ร้อยละ 53.33 มีระดับของความพึงพอใจ ในระดบั “ด”ี ประเด็นท่ี 10 “ท่านสามารถนําความรู้ความเข้าใจที่ได้รับไปใช้ในชีวิตประจําวันเพียงใด” ผู้ตอบ แบบสอบถาม ร้อยละ 40.00 มีระดับของความพึงพอใจในระดับ “ดีมาก” ร้อยละ 60.00 มีระดับความพึงพอใจใน ระดับ “ด”ี ประเด็นที่ 11 “ท่านสามารถนําความรู้ความเข้าใจท่ีได้รับไปใช้ในชีวิตประจําวันเพียงใด” ผู้ตอบ แบบสอบถาม ร้อยละ 53.33 มีระดับของความพึงพอใจในระดับ “ดีมาก” ร้อยละ 46.67 มีระดับความพึงพอใจใน ระดบั “ดี” ประเด็นท่ี 12 “ท่านสามารถนําความรู้ความเข้าใจที่ได้รับไปใช้ในชีวิตประจําวันเพียงใด” ผู้ตอบ แบบสอบถาม ร้อยละ 66.67 มีระดับความพึงพอใจในระดับ “ดีมาก” ร้อยละ 33.33 มีระดับความพึงพอใจในระดับ “ด”ี ประเด็นที่ 13 “ท่านสามารถนําความรู้ความเข้าใจที่ได้รับไปใช้ในชีวิตประจําวันเพียงใด” ผู้ตอบ แบบสอบถาม ร้อยละ 80.00 มีความพึงพอใจในระดับ “ดีมาก” รอ้ ยละ 20.00 มคี วามพึงพอใจในระดบั “ด”ี ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาํ เภอเกาะจนั ทร์ จงั หวัดชลบรุ ี
21 อภิปรายผล จากการจดั กิจกรรมโครงการอบรมการเรยี นรตู้ ามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง กศน.ตําบลทา่ บญุ มี 1. ผู้ตอบแบบสอบถามของผู้เข้าร่วมโครงการอบรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน. ตําบลท่าบญุ มี จํานวน 15 คน เป็นเพศชาย จาํ นวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 46.67 เพศหญิง จํานวน 8 คน คิดเป็นร้อย ละ 53.33 2. ผู้ตอบแบบสอบถามของผู้เข้าร่วมโครงการอบรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน. ตําบลทา่ บญุ มี เมื่อจําแนกตามอายปุ รากฏวา่ ชว่ งอายุ 15-39 ปี จํานวน 14 คน คดิ เป็น ร้อยละ 93.33 และช่วงอายุ 40-59 ปี จํานวน 1 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 6.67 3. ผู้ตอบแบบสอบถามของผู้เข้าร่วมโครงการอบรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน. ตําบลท่าบุญมี เมื่อจําแนกตามอาชีพปรากฏว่า ประกอบอาชีพรับจ้าง จํานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 33.33 อาชีพ คา้ ขาย จํานวน 2 คน คิดเปน็ ร้อยละ 13.33 และอาชีพอื่นๆ จาํ นวน 8 คน คดิ เป็น รอ้ ยละ 53.34 4. โดยเฉลี่ยแล้วผู้เข้าร่วมกิจกรรมโครงการอบรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน. ตําบลท่าบุญมี อยู่ในระดับ ดี เม่ือวิเคราะห์เป็นรายข้อพบว่า ท่านได้รับความรู้ตามท่ีคาดหวังมากน้อยเพียงใด( = 4.80) เป็นอันดับท่ี 1, สื่อ/อุปกรณ์ฝึก สามารถนํามาใช้ประกอบการเรียนเพียงใด( = 4.73) เป็นอันดับท่ี 2, ท่าน สามารถนําความรู้ความเข้าใจท่ีได้รับไปใช้ในชีวิตประจําวันเพียงใด( = 4.60) เป็นอันดับท่ี 3, สถานที่เรียนเหมาะสม เพียงใด( = 4.53) และความรู้ท่ีได้รับคุ้มค่ากับ เวลา และค่าใช้จ่ายท่ีเสียไปเพียงใด( = 4.53) เป็นอันดับที่ 4, ความรู้ ทักษะท่ีสามารถนํามาใช้ประกอบอาชีพเพียงใด( = 4.47) และระยะเวลาในการเรียน/กิจกรรมเหมาะสมเพียงใด( = 4.47) เป็นอันดบั ท่ี 5, ความยตุ ธิ รรมหรือความโปร่งใสเพียงใดในการวัดผลประเมินผลการเรียน( = 4.40) และท่านพึง พอใจกับกิจกรรมนีเ้ พียงใด( = 4.40) เปน็ อนั ดับท่ี 6, ผลการเรียนของทา่ นควรอยใู่ นระดบั ใด( = 4.33) เป็นอันดับท่ี 7, ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ของวิทยากร( = 4.20) เป็นอันดับที่ 8 และเน้ือหาวิชาท่ีสอนตรงตามความ ต้องการของทา่ นเพียงใด( = 4.07) และการมาเรียนตรงตามเวลาและเรยี นครบตามเวลาท่ีกําหนด( = 4.07) เปน็ อนั ดับสดุ ทา้ ย สรุปค่า x ทั้ง 13 ข้อมีความพึงพอใจอยู่ในระดับดี x =4.43 สรปุ ค่า S.D. ทง้ั 13 ขอ้ มคี วามพึงพอใจ S.D.=0.45 สรุปคา่ เปอรเ์ ซน็ ต์ ทงั้ 13 ขอ้ มีความพึงพอใจอยู่ท่ี 95.18% ความพึงพอใจโดยรวมของผเู้ ข้ารว่ มกิจกรรมอยู่ใน ระดับดีมาก ขอ้ เสนอแนะจากแบบประเมินโครงการ - ผู้เข้ารว่ มกิจกรรมมีความพึงพอใจในกระบวนการจดั กจิ กรรมซงึ่ สอดคล้องกับการดาํ เนินในชวี ติ ประจําวนั - ผ้เู ขา้ ร่วมกิจกรรมมคี วามต้องการสามารถศึกษาเรียนรู้จากสถานท่ีจริง และแหล่งเรียนรู้อื่นๆ เพื่อนํามาเป็น แนวทางในการพัฒนาตนเองได้ ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อําเภอเกาะจนั ทร์ จงั หวดั ชลบรุ ี
22 บทท่ี 5 สรปุ อภิปรายผล ขอ้ เสนอแนะ การจัดกิจกรรม กิจกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต โครงการอบรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.ตําบลท่าบญุ มี วนั ท่ี 10 มิถุนายน 2564 เวลา 08.30 – 12.00 น. ณ กศน.ตําบลท่าบุญมี หมู่ท่ี 4 ตําบลท่าบุญมี อําเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบรุ ี จาํ นวน 15 คน ซึง่ ผู้จดั ทาํ ไดด้ ําเนินการตามลาํ ดบั ข้ันดังน้ี วัตถุประสงค์ 1. เพอ่ื ใหผ้ เู้ ข้าอบรมมคี วามรู้ ความเข้าใจหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 2. เพ่ือให้ส่งเสริมให้ผู้เข้าอบรม น้อมนํากรอบแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นแนวทางในการ ดําเนินชีวิต ในสถานการณ์ปจั จบุ นั วธิ ดี าเนินการ กลุ่มงานการศึกษาต่อเนื่อง มอบหมายให้ ครู กศน.ตําบล สํารวจความต้องการของกลุ่มเปูาหมาย ประสาน ภาคีเครือข่าย และประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงกําหนดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โครงการอบรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.ตําบลท่าบุญมี วันท่ี 10 มิถุนายน 2564 เวลา 08.30 – 12.00 น. ณ กศน.ตาํ บลทา่ บุญมี หมู่ที่ 4 ตาํ บลท่าบญุ มี อําเภอเกาะจันทร์ จงั หวัดชลบรุ ี จํานวน 15 คน สรุปผลการดาเนนิ งาน สรุปได้ว่า ผตู้ อบแบบสอบถามของผู้เข้ารว่ มโครงการอบรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.ตําบลท่าบุญ มี จํานวน 15 คน เป็นเพศชาย จํานวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 46.67 เพศหญิง จํานวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 53.33 จาํ แนกตามอายุปรากฏว่า ช่วงอายุ 15-39 ปี จาํ นวน 14 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 93.33 และช่วงอายุ 40-59 ปี จํานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 6.67 จําแนกตามอาชีพปรากฏว่า ประกอบอาชีพรับจ้าง จํานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 33.33 อาชีพคา้ ขาย จํานวน 2 คน คดิ เป็นร้อยละ 13.33 และอาชีพอื่นๆ จาํ นวน 8 คน คิดเปน็ ร้อยละ 53.34 โดยเฉล่ียแล้ว ผู้เข้าร่วมโครงการอบรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.ตําบลท่าบุญมี อยู่ในระดับ ดีมาก เมอื่ วเิ คราะหเ์ ปน็ รายขอ้ พบว่า ทา่ นไดร้ ับความรู้ตามที่คาดหวงั มากน้อยเพียงใด( = 4.80) เป็นอันดับท่ี 1, ส่ือ/อุปกรณ์ ฝึก สามารถนาํ มาใชป้ ระกอบการเรยี นเพยี งใด( = 4.73) เป็นอันดับท่ี 2, ท่านสามารถนําความรู้ความเข้าใจท่ีได้รับไป ใช้ในชีวิตประจําวันเพียงใด( = 4.60) เป็นอันดับที่ 3, สถานที่เรียนเหมาะสมเพียงใด( = 4.53) และความรู้ที่ได้รับ คุ้มค่ากับ เวลา และค่าใช้จ่ายท่ีเสียไปเพียงใด( = 4.53) เป็นอันดับท่ี 4, ความรู้ทักษะท่ีสามารถนํามาใช้ประกอบ อาชีพเพียงใด( = 4.47) และระยะเวลาในการเรียน/กิจกรรมเหมาะสมเพียงใด( = 4.47) เป็นอันดับท่ี 5, ความ ยตุ ิธรรมหรอื ความโปรง่ ใสเพยี งใดในการวัดผลประเมินผลการเรียน( = 4.40) และท่านพึงพอใจกับกิจกรรมนี้เพียงใด( = 4.40) เป็นอันดับท่ี 6, ผลการเรียนของท่านควรอยู่ในระดับใด( = 4.33) เป็นอันดับท่ี 7, ความสามารถในการ ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อําเภอเกาะจนั ทร์ จังหวัดชลบรุ ี
23 ถ่ายทอดความรู้ของวิทยากร( = 4.20) เป็นอันดับที่ 8 และเน้ือหาวิชาท่ีสอนตรงตามความต้องการของท่านเพียงใด ( = 4.07) และการมาเรียนตรงตามเวลาและเรียนครบตามเวลาที่กําหนด( = 4.07) เปน็ อันดบั สุดท้าย อภปิ รายผล จากการดําเนินการจัดโครงการซ่ึงเป็นการวัดเจตคติการเห็นคุณค่าของโครงการ สรุปได้ว่าโครงการน้ีบรรลุ วัตถุประสงค์ ประชาชนตําบลท่าบุญมี มีความรู้ความเข้าใจในเร่ืองหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และน้อมนํา กรอบแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นแนวทางในการดําเนินชีวิต ในสถานการณ์ปัจจุบัน อยู่ในระดับ ดีมาก มคี วามพึงพอใจต่อโครงการนก้ี ารใหค้ วามรสู้ อดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเปูาหมาย ข้อเสนอแนะ - ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีความพึงพอใจในกระบวนการจดั กจิ กรรมซึง่ สอดคล้องกับการดาํ เนินในชีวิตประจําวนั - ผู้เขา้ รว่ มกิจกรรมมีความตอ้ งการสามารถศึกษาเรียนรู้จากสถานที่จริง และแหล่งเรียนรู้อ่ืนๆ เพ่ือนํามาเป็น แนวทางในการพฒั นาตนเองได้ ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาํ เภอเกาะจันทร์ จงั หวัดชลบรุ ี
24 ภาคผนวก ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาํ เภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบรุ ี
25 โครงการอบรมการเรยี นรู้ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง กศน.ตาบลทา่ บุญมี ณ กศน.ตาบลทา่ บุญมี หมู่ท่ี 4 ตาบลทา่ บญุ มี อาเภอเกาะจนั ทร์ จงั หวัดชลบุรี วันท่ี 10 มิถนุ ายน 2564 เวลา 08.30 – 12.00 น. ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาํ เภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบรุ ี
26 บรรณานกุ รม หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง.(ออนไลน์).แหลง่ ที่มา : https://www.hii.or.th/wiki84/.เขา้ ถึง เ มื่ อ วั น ที่ 1 7 มถิ ุนายน 2564 เกษตรตามแนว \"ทฤษฎีใหม่\".(ออนไลน์).แหล่งที่มา : http://www.sahakornthai.com/tsdbanthum/.เข้าถึงเมื่อ วันที่ 17 มถิ นุ ายน 2564 ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาํ เภอเกาะจนั ทร์ จงั หวัดชลบรุ ี
27 คณะผ้จู ัดทา คณะดาเนินงาน ขนชัยภูมิ ครชู าํ นาญการพเิ ศษ ศรีศักดา ครูผู้ชว่ ย 1. นางสาวสวุ ภิ า วรรณศรี ครู กศน.ตาํ บลเกาะจันทร์ 2. นางสาวตวงพร ชัยกิจ ครู กศน.ตําบลท่าบุญมี 3. นางสาวแพรวลี ชัยศกั ด์ิประเสริฐ ครู ศรช. 4. นางสาวศรัณยา นามพันธ์ บรรณารักษ์(อตั ราจ้าง) 5. นายวรี ะชาติ 6. นางสาวพชั ราภรณ์ ครู กศน.ตาํ บลท่าบุญมี ผู้รวบรวม เรยี บเรียง และจดั พิมพ์ 1. นางสาวศรณั ยา ชัยกจิ ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อําเภอเกาะจนั ทร์ จงั หวดั ชลบรุ ี
กศน.ตำบลทำ่ บญุ มี
Search
Read the Text Version
- 1 - 31
Pages: