เรอื ง พลังงานแสงอาทิตย์ ชนั มธั ยมศึกษาปที5 By ครูซีตีนาซฮู า อาลี
พลังงานแสงอาทติ ย์ พลังงานแสงอาทติ ยเ์ ปนพลังงานแผร่ งั สจี ากดวงอาทติ ย์ พลังงานนี เปนต้นกําเนิดของวฏั จักรของสงิ มชี วี ติ ทาํ ใหเ้ กิดการหมนุ เวยี นของนาและธาตุ ต่างๆ เชน่ คารบ์ อน พลังงานแสงอาทติ ยจ์ ัดเปนหนึงในพลังงานทดแทนทมี ี ศกั ยภาพสงู เปนพลังงานสะอาด ไมท่ าํ ปฏิกิรยิ าใดๆ ทจี ะทาํ ใหส้ งิ แวดล้อมเปน พษิ สามารถเกิดใหมไ่ ด้ไมส่ นิ สดุ พลังงานแสงอาทติ ยเ์ ปนแหล่งกําเนิด พลังงานของพลังงานรูปแบบต่าง ๆ บนโลก เชน่ พลังงานลม พลังงานนา พลังงานคลืน พลังงานชวี มวล ฯลฯ พลังงานแสงอาทติ ยท์ ตี กกระทบบนผวิ โลก มคี ่ามหาศาลจากค่าคงทสี รุ ยิ ะ ( Solar Constant) พนื ที 1 ตารางเมตร จะได้ รบั ความเขม้ รงั สอี าทติ ยเ์ ฉลียประมาณ 1,000 วตั ต์ ดังนันหากในแต่ละวนั พนื ทตี ่าง ๆ บนโลก ได้รบั พลังงานแสงอาทติ ยเ์ ฉลีย 4-5 ชวั โมง ความเขม้ รงั สี อาทติ ยเ์ ฉลียทไี ด้รบั มคี ่า 4-5 กิโลวตั ต์-ชวั โมงต่อตารางเมตรต่อวนั
ปจจบุ นั เรมิ มกี ารตืนตัวกันมากเกียวกับวกิ ฤตการณ์ด้านพลังงาน พลังงานแสงอาทติ ยจ์ ึงเปนอีกหนึงแหล่งพลังงานทไี ด้รบั ความสนใจ มาก โดยในหลายประเทศได้เรมิ โครงการวจิ ัยอยา่ งจรงิ จังเพอื หาทาง น าพลังงานแสงอาทติ ยม์ าใชป้ ระโยชน์กันใหแ้ พรห่ ลายขนึ การนํา พลังงานแสงอาทติ ยไ์ ปใชป้ ระโยชน์สามารถนําไปใชไ้ ด้โดยตรงในรูป ของพลังงานแสงสวา่ งและพลังงานความรอ้ น เชน่ เครอื งอบแหง้ พลัง แสงอาทติ ย์ เครอื งทาํ นารอ้ นพลังแสงอาทติ ย์ เปนต้น และใชท้ างอ้อม โดยเปลียนพลังงานแสงอาทติ ยเ์ ปนพลังงานไฟฟา
5.1 ดวงอาทติ ย์ ดวงอาทติ ย์ เปนกล่มุ ก๊าซรอ้ นรูปทรงกลมทมี คี วามหนาแน่นสงู มเี สน้ ผา่ นศูนยก์ ลางประมาณ1.39 X 109 เมตร มคี วามหนาแน่นประมาณ 100 เทา่ ของความหนาแน่นของ น้ า และมรี ะยะหา่ งเฉลียจากโลก ประมาณ 1.5 X 1011 เมตร (วรนุช สวา่ งแจ้ง, 2551) พลังงานแสง อาทติ ยท์ สี อ่ งมาถึงบรรยากาศของโลกนันอยูใ่ นรูปของพลังงานรงั สี (RADIANTENERGY) พลังงานบางสว่ นจะกระจายตัวและบางสว่ นจะ ถกู ดดู ซบั โดยชนั ของบรรยากาศต่าง ๆ
การแผร่ งั สจี ากการสะทอ้ นและกระจายสว่ นต่าง ๆ ในบรรยากาศจะเรยี กวา่ รงั สกี ระจาย( Diffuse หรอื Scattered Radiation) ซงึ ทาํ ใหร้ งั สบี างสว่ นสะทอ้ นกลับไปในอวกาศและบางสว่ นเดินทางมายงั โลกได้ การแผร่ งั สอี ีกชนิดหนึงคือรงั สตี รง ( Direct หรอื Beam Radiation) ซงึ เกิดจาก การแผร่ งั สจี ากดวงอาทติ โดยตรง ไมม่ กี ารเปลียนทศิ ใชใ้ นการออกแบบอุปกรณ์ รวมแสงประเภทต่าง ๆ สดั สว่ นการแผร่ งั สจี ากดวงอาทติ ยม์ ายงั ผวิ โลก
5.2 การใชป้ ระโยชน์จากพลังงานแสงอาทติ ย์ พลังงานทเี กิดจากการแผร่ งั สขี องดวงอาทติ ยม์ ายงั โลกมกี ารใชป้ ระโยชน์ ได้หลายแบบ พลังงานแสงอาทติ ยจ์ ะกระต้นุ ใหบ้ รรยากาศของโลกเกิด ปรากฎการณ์ต่าง ๆ โดยพลังงานจากแสงอาทติ ยจ์ ะถกู ดดู ซบั โดยโมเลกลุ ต่าง ๆ บนโลก และเปลียนพลังงานความรอ้ นทอี ุณหภมู ติ ่ า หลักการนีอาจถกู เรยี กวา่ กระบวนการเพมิ ขนึ ของเอนโทรปธรรมชาติ ( The Entropy Increasing of Nature)
ดังนันจึงจําเปนทจี ะต้องใชโ้ ฟตอนจากดวงอาทติ ยซ์ งึ มพี ลังงานสงู ก่อนทจี ะสลายตัว ไปเปนเอนโทรป การใชป้ ระโยชน์จากพลังงานจากดวงอาทติ ยม์ ที งั แบบธรรมชาติ และแบบเทยี ม ในแบบธรรมชาติ ได้แก่ การใชพ้ ลังงานจากดวงอาทติ ยใ์ นการดํารงชวี ติ ของสงิ มชี วี ติ เชน่ การสงั เคราะหแ์ สง รวมถึงปรากฏการณ์ตามธรรมชาติการใช้ ประโยชน์จากพลังงานจากดวงอาทติ ยใ์ นแบบเทยี มนัน ได้แก่ การใชพ้ ลังงานจาก แสงอาทติ ยใ์ นการใชโ้ ฟตอนเพอื การผลิตกระแสไฟฟาและการน าความรอ้ นจาก ดวงอาทติ ยม์ าใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ เชน่ การทาํ ความรอ้ น การทาํ ความเยน็ เปนต้น
พลังงานแสงอาทติ ยจ์ ัดเปนแหล่งพลังงานธรรมชาติทสี าํ คัญ มนุษยไ์ ด้นําพลังงาน แสงอาทติ ยม์ าใชป้ ระโยชน์ในด้านต่างๆ มากมาย ทงั ในการน าพลังงานแสงอาทติ ยม์ า ใชป้ ระโยชน์โดยตรงเปนพลังงานปฐมภมู ิ ในรูปของพลังงานความรอ้ น พลังงานไฟฟา และพลังงานแสงสวา่ ง และในทางอ้อมของพลังงานทตุ ิยภมู ิ เชน่ พลังงานลม พลังงาน ชวี มวล พลังงานน้ า และพลังงานคลืน เปนต้นซงึ หากพจิ ารณาจากผลสดุ ทา้ ยของการน าพลังงานแสงอาทติ ยไ์ ปใชป้ ระโยชน์ สามารถจ าแนกการประยุกต์ได้เปน 2 แนวทาง คือ การประยุกต์ในทางความรอ้ น และการประยุกต์ในทางไฟฟา กระบวนการเปลียน พลังงานแสงอาทติ ยต์ ามแนวทางอุณหพลศาสตร์
ตวั อย่าง การใชป้ ระโยชน์จากพลังงานแสงอาทติ ย์
5.3 เทคโนโลยกี ารใชป้ ระโยชน์จากพลังงานแสงอาทติ ย์ 5.3.1 การประยุกต์พลังงานแสงอาทติ ยใ์ นทางความรอ้ น (1) เครอื งหงุ ต้มแสงอาทติ ย(์ Solar Cookers) การสรา้ งเครอื งหงุ ต้มด้วยแสงอาทติ ย์ โดยใชห้ ลักของเรอื นกระจกปลกู ต้นไม้ (Greenhouse Effect) ในระยะแรกเครอื งหงุ ต้มด้วยแสงอาทติ ยท์ าํ ขนึ จากกล่อง ไมม้ ะฮอกกานี ปดด้วยแผน่ แก้วและฝงไวใ้ นทรายเรยี กวา่ Hot Box เมอื แสงอาทติ ย์ ผา่ นผวิ แก้วเขา้ มาในกล่องไมซ้ งึ มอี าหารความรอ้ นทเี กิดขนึ ในกล่องสามารถทาํ ให้ อาหารสกุ ได้ แต่จดุ อ่อนของเตาชนิดนีคือไมส่ ะดวกสาํ หรบั การเคลือนยา้ ย
แมจ้ ะฝงได้งา่ ยตามรมิ ฝงทะเลแต่นําไปใชใ้ นแถบภเู ขาหรอื บรเิ วณ ทมี ดี ินแขง็ ๆ จะมปี ญหาเกิดขนึ ต่อมาเตา Hot Box ได้ถกู พฒั นา ใหด้ ีขนึ โดยใชฉ้ นวนปองกันความรอ้ นแทนการฝงลงไปในดิน และ ได้ปรบั ปรุงแก้ไขใหด้ ีขนึ เรอื ยๆ มปี ระสทิ ธภิ าพดีกวา่ เดิม เชน่ ใช้ กระจกหลายๆ บานรวมแสงอาทติ ยใ์ หส้ อ่ งเขา้ มาในกล่องเพอื ใหม้ ี ความรอ้ นเพมิ มากขนึ และยงั ได้เพมิ เครอื งกักเก็บความรอ้ นให้ สามารถหงุ ต้มได้ตลอดเวลา 24 ชวั โมงนอกจากนีนักวจิ ัยได้ ออกแบบเตาหงุ ต้มสรุ ยิ ะใหม้ โี ลหะสะทอ้ นแสงอาทติ ยไ์ ปโฟกัสที ภายในกล่องมี Glauber's Salt ส าหรบั ดดู ความรอ้ นเก็บสะสมไว้ ใชไ้ ด้หลังดวงอาทติ ยต์ กแล้วโดยใหค้ วามรอ้ นสงู ถึง 200 องศา เซลเซยี ส
การคํานวณเพอื หาจดุ เล็กๆ จดุ หนึงเพอื รวมแสงอาทติ ยอ์ าศยั หลักการ ทางคณิตศาสตร์ ตัวสะทอ้ นแสงควรจะเปนรูปพาราโบลา ซงึ จะทาํ ให้ ได้จดุ ทมี อี ุณหภมู สิ งู มากเตาชนิดนีสรา้ งใหม้ คี วามชนั ประมาณ 15-20 องศา เพอื ใหต้ ัวสะทอ้ นแสงทาํ มมุ ฉากกับล าแสงอาทติ ย(์ มมุ จะต่างกัน ณ สถานที ต่างกันบนโลก ) มหี ลักปกไวต้ รงกลาง และตังฐานเปนตะแกรงสาํ หรบั วาง ภาชนะ หงุ ต้มทจี ดุ โฟกัสพอดี เตาชนิดนีใชห้ งุ อาหารได้เฉพาะในเวลากลางวนั เทา่ นันและต้องปรบั ใหต้ ัวสะทอ้ นแสงหมนุ ตามตําแหน่งของดวงอาทติ ยไ์ ปเพอื ใหจ้ ดุ ทรี วมแสงตกทกี ้นภาชนะ ดังนันทกุ ๆ15 นาทจี ะต้องทาํ การขยบั ตัวสะทอ้ น แสงไปตามดวงอาทติ ยเ์ ล็กน้อยและใชห้ งุ ต้มได้ตังแต่ดวงอาทติ ย
ขนึ จนถึงดวงอาทติ ยต์ กดังได้กล่าวมาแล้ว ภาชนะสาํ หรบั หงุ ต้ม ควรใชส้ ดี ําเพราะดดู กลืนความรอ้ นได้ดีและไมส่ ะทอ้ นความรอ้ นออกไป ทาํ ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพดี นอกจากนีหากใชห้ มอ้ ความดัน จะทาํ ใหม้ ี ประสทิ ธภิ าพดียงิ ขนึ เพราะจะสามารถกักเก็บความรอ้ นไวไ้ ด้ดีกวา่ เตาหงุ ต้มแสงอาทติ ยบ์ างชนิดทาํ เปนรม่ พบั ได้ทาํ ใหส้ ะดวกในการขนยา้ ย เหมาะสาํ หรบั การไปพกั ผอ่ นทอ่ งเทยี วตามทตี ่างๆ เชน่ บนภเู ขาสงู ๆ ปจจบุ นั ได้มกี ารปรบั ปรุงการสรา้ งเตาหงุ ต้มและแสงอาทติ ย์ ใหน้ ํามา ใชป้ ระโยชน์ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เปนการนําพลังงานแสงอาทติ ย์ มาใชเ้ ปนประโยชน์โดยตรง นับวา่ เปนอีกหนึงทางเลือกในการนําเอา พลังงานธรรมชาติมาทดแทนเชอื เพลิงฟอสซลิ ทกี ําลังจะขาดแคลน
ตวั อย่าง เครองหงุ ตม้ แสงอาทติ ย(์ Solar Cookers)
(2) เตาหลอมแสงอาทติ ย(์ Solar Furnace) เตาหลอมแสงอาทติ ยใ์ ชห้ ลักการรวมแสงอาทติ ยเ์ ชน่ เดียวกับเตาหงุ ต้มสรุ ยิ ะ โดยทาํ กระจกโค้งเปนรูปพาราโบลาซงึ จะโฟกัสความรอ้ นไปรวมไวท้ จี ดุ ที เล็กทสี ดุ ทาํ ใหม้ อี ุณหภมู สิ งู มากสงู กวา่ ความรอ้ นทไี ด้จาก Oxy-Actlene คือ อาจสงู ถึง 4,000 องศาเซลเซยี ส เมอื 200 ปมาแล้วเตาหลอมแสงอาทติ ย์ ได้ถกู ใชเ้ พอื หลอมเหล็ก เงนิ เพชร ประเทศเยอรมนั ได้ปรบั ปรุงเตาหลอมใหด้ ีขนึ โดยใชก้ ระจกฉาบเงนิ เปนตัวสะทอ้ นแสงอาทติ ยซ์ งึ จะทาํ หน้าทสี ะทอ้ นแสงได้ดี ได้อุณหภมู สิ งู มากกวา่ 3,000 องศาเซลเซยี ส เตาหลอมนียงั มกี ระจกชว่ ยสะทอ้ น แสงอาทติ ยใ์ หต้ กลงบนตัวสะทอ้ นแสงซงึ เปนรูปพาราโบลา
ตัวสะทอ้ นแสงติดแน่นอยูก่ ับทแี ต่กระจกชว่ ยสะทอ้ นแสงทเี รยี กวา่ Heliostat จะหมนุ ตามดวงอาทติ ยไ์ ปตลอดเวลา มกี ารใชเ้ ตาหลอมแสงอาทติ ยใ์ นทาง อุตสาหกรรมเปนครงั แรกในป ค.ศ. 1940 โดยใชก้ ระจกสงู ถึง 10 ฟตุ สรา้ งโดย บรษิ ัท General Motors แต่ในระหวา่ งสงครามโลกครงั ท2ี กระจกหายากมาก จึงเปลียนมาใชแ้ ผน่ อลมู เิ นียมหนา 1 นิว และขดั มนั แทน รวมทงั สรา้ งเครอื ง ควบคมุ อุณหภมู ทิ จี ดุ โฟกัสของเตาด้วย ปจจบุ นั เตานีเปนเตาทใี หญท่ สี ดุ ใน ประเทศเยอรมนั และใชท้ าํ วจิ ัยทางด้านวสั ดสุ าหรบั เครอื งบนิ ทที นต่ออุณหภมู สิ งู
ตวั อยา่ ง เตาหลอมแสงอาทติ ย์(Solar Furnace)
(3) เครอื งกลันนาแสงอาทติ ย(์ Solar Stills) เปนเครอื งทาํ การกลันนากรอ่ ยหรอื น้ าทะเลใหเ้ ปนนาจืด ตามปกติในเรอื ใหญๆ่ ทเี ดินทางไปในทะเลเปนเวลานาน ๆ มกั มเี ครอื งกลันนาแสงอาทติ ยไ์ วส้ าํ หรบั กลัน นาทะเลใหเ้ ปนนาจืดไวใ้ ชด้ ืมในยามขาดแคลน การใชเ้ ครอื งกลันนาแสงอาทติ ยน์ ี เรมิ ใชก้ ันตังแต่สงครามโลกครงั ที 2 ปกติแสงอาทติ ยเ์ ผานาในทะเล มหาสมทุ ร แมน่ า ลําคลอง ใหเ้ ปนไอแล้วไอนาจึงกลันตัวเปนหยดนาตกลงมาเปนฝน เปนนาจืดบรสิ ทุ ธทิ ปี ราศจากแรธ่ าตใุ ดๆ เจือปน หลักการกลันนาด้วย แสงอาทติ ยก์ ็ใชห้ ลักการเดียวกันนี โดยการใหน้ ากรอ่ ยหรอื นาทะเลผา่ น เขา้ ไปในภาชนะซงึ ทาสดี ํา และปดสนิทด้วยวสั ดใุ ส เชน่ กระจก แผน่ กระจก จะเอียงเปนมมุ ทพี อเหมาะ ใหแ้ สงอาทติ ยส์ อ่ งผา่ นลงไปได้ เมอื แสงอาทติ ยผ์ า่ นกระจกลงไปยงั ภาชนะทาสดี ําซงึ ดดู กลืนความรอ้ นได้ดี
ตวั อย่าง เครองกลันนาํ แสงอาทิตย(์ Solar Stills)
(4) เครอื งอบแหง้ แสงอาทติ ย(์ Solar Dryer) ใชใ้ นการตากแหง้ ผลผลิตทางการเกษตรและการประมง การใชแ้ สงอาทติ ยม์ าทาํ ประโยชน์ในการตากแหง้ สงิ ต่างๆ นี มนุษยร์ ูจ้ ักใชม้ าตังแต่สมยั ประวตั ิศาสตร์ เครอื งอบแหง้ แสงอาทติ ย์ นีเหมาะสาํ หรบั การตากแหง้ ในปรมิ าณมาก ๆ ทตี ้องการใหส้ าํ เรจ็ ก่อนทจี ะถึงฤดฝู น เพอื อบใหผ้ ลิตผลนันไมเ่ สยี หาย หลักการของเครอื ง อบแหง้ แสงอาทติ ยน์ ีคล้ายคลึงกับ Hot Box แสงอาทติ ยท์ ผี า่ นแผน่ แก้ว เขา้ ไปในต้ทู ใี สผ่ ลิตผลทจี ะทาํ ใหแ้ หง้ จะกลายเปนความรอ้ นถกู กักเก็บไวใ้ นต้นู ัน
ตวั อย่าง เครองอบแหง้ แสงอาทิตย(์ Solar Dryer)
(5) เครอื งทาํ นารอ้ นแสงอาทติ ย(์ Solar Water Heater) ปจจบุ นั ได้มผี สู้ รา้ งเครอื งทาํ นารอ้ นแสงอาทติ ยเ์ พอื ใชใ้ นบา้ นเรอื น และโรงแรมจําหน่ายบา้ งแล้ว ในประเทศต่างๆ รวมทงั ในประเทศไทย อุณหภมู ขิ องนารอ้ นทใี ชก้ ันในบา้ นสาํ หรบั การอาบหรอื การใชอ้ ืนๆ ตากวา่ 100 องศาเซลเซยี ส คือ ตากวา่ จดุ เดือด อุปกรณ์ประกอบด้วยตัวรบั แสงอาทติ ยเ์ ปนแผน่ ราบวางเอียงเปนมมุ ใหเ้ หมาะเพอื รบั แสงอาทติ ย์ และมี ถังนารอ้ นตังไวเ้ หนือตัวรบั แสงอาทติ ย์ นาเยน็ ทไี หลเขา้ มาสถู่ ังนีจะไหลผา่ น ไปทตี ัวรบั แสงอาทติ ยเ์ ปนเหตใุ หน้ ารอ้ นขนึ ไหลกลับมาสถู่ ัง โดยธรรมชาติ นารอ้ นจะไหลขนึ สเู่ บอื งบนและนาเยน็ กวา่ จะไหลลงมาขา้ งล่างโดยการหมนุ เวยี น ของนารอ้ นจะได้นารอ้ นไปใชต้ ่อไป
ตวั อย่าง เครองทาํ นาํ ร้อนแสงอาทติ ย์ (Solar Water Heater)
(6) เครอื งทาํ ความอุ่นภายในอาคาร (Solar Heater) การใชแ้ สงอาทติ ยท์ าํ ใหภ้ ายในอาคารบา้ นเรอื นอบอุ่นขนึ นัน ทาํ ได้โดยนํา ตัวรบั แสงอาทติ ยไ์ ปติดไวบ้ นหลังคาบา้ นสว่ นทจี ะได้รบั แสงอาทติ ยต์ ลอดเวลา ใต้ตัวรบั แสงอาทติ ยม์ ถี ังนารอ้ นไวส้ าํ หรบั ทาํ นารอ้ นใชภ้ ายในบา้ นเรอื นได้ด้วย ในระบบเครอื งทาํ ความอุ่นภายในอาคารนีต้องมถี ังเก็บความรอ้ น โดยการใช้ เครอื งสบู นาใหน้ าเยน็ ไหลขนึ ไปสตู่ ัวรบั แสงอาทติ ยน์ ารอ้ น ทไี ด้จะไหลลงมาสู่ ถังเก็บความรอ้ น จากนันจะมกี ารถ่ายเทความรอ้ นจากถังเก็บความรอ้ นไปสู่ ภายในอาคารบา้ นเรอื นต่อไป เนืองจากแสงอาทติ ยส์ อ่ งไมส่ มาเสมอตลอดวนั จึงจําเปนต้องมแี หล่งพลังงานความรอ้ นอืน ๆ มาเปนระบบเสรมิ เชน่ ระบบให้ ความรอ้ นด้วยกระแสไฟฟาหรอื ก๊าซเพอื ชว่ ยใหอ้ าคารอบอุ่นอยา่ งต่อเนือง ตลอดเวลาทงั กลางวนั และกลางคืน
ตวั อย่าง เครองทําความอนุ่ ภายในอาคาร (Solar Heater)
(7) เครอื งทาํ ความเยน็ ด้วยแสงอาทติ ย(์ Solar Refrigerator) เครอื งทาํ ความเยน็ ประกอบด้วยเครอื งระเหย เครอื งควบแน่นและลินขยาตัวโดยอาศยั สมบตั ิของสารทจี ะใชท้ าํ งานค่หู นึงทเี หมาะสม คือ สารหนึงเปนสารทาํ ความเยน็ และอีกสารหนึง เปนสารดดู กลืนซงึ จะดดู กลืนสารทาํ ความเยน็ ได้ดีทอี ุณหภมู ติ า เชน่ แอมโมเนีย-นา แอมโมเนีย เปนสารทาํ ความเยน็ สว่ นนาเปนสารดดู กลืน เมอื แสงอาทติ ยผ์ า่ นแผน่ ตัวรบั แสงอาทติ ยเ์ ขา้ มา ยงั สารทงั สองซงึ ใสไ่ วใ้ นภาชนะทเี ครอื งกําเนิดสารทาํ ความเยน็ (แอมโมเนีย)จะเดือดเปนไอ เหลือแต่สารดดู กลืนซงึ จะถกู ดดู กลืนไปยงั ภาชนะสาํ หรบั การดดู กลืน ไอของสารทาํ ความเยน็ จะไหลเขา้ สเู่ ครอื งควบแน่นและถ่ายเทความรอ้ นออกแล้วควบแน่นเปนสารทาํ ความเยน็ เหลว แล้วจึงผา่ นลินขยายตัวไปสเู่ ครอื งระเหยและมกี ารระเหยของสารทาํ ความเยน็ ทเี ครอื งนี ไอระเหยของสารทาํ ความเยน็ จะไหลลงสภู่ าชนะสาํ หรบั การดดู กลืน ไอสารทาํ ความเยน็ จะถกู ดดู กลืนกลายเปนสารละลายภายในภาชนะนี หลังจากนันสารละลายทงั สองจะถกู ดดู กลืนสเู่ ครอื งกําเนิดอีกครงั
ตวั อย่าง เครองทําความเยน็ ด้วยแสงอาทติ ย์(Solar Refrigerator)
เอกสารอา งองิ - การไฟฟ าฝ ายผลติ แหงประเทศไทย. (ม.ป.ป.). พลงั งานทดแทน. [ออนไลน]. สืบคนจาก http://www2.egat.co.th /re/index.html - ไกรพัฒน จีนขจร (2551) พลงั งานหมนุ เวยี น. สาํ นักพิมพสมาคมสงเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญ่ีป นุ ). กรงุ เทพฯ - จฬุ าลงกรณมหาวิทยาลยั (2521) เอกสารประกอบการประชมุ เชิงปฏบิ ตั ิการเร่ือง การใชป ระโยชน พลงั งานจากแสงอาทิตย. อดั สาํ เนา
เสนอ อาจารยส์ จุ ติ ตรา จนั ทรล์ อย
Thank you
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: