Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือภูมิปัญญาท้องถิ่น ราษฎรบูรณะ

หนังสือภูมิปัญญาท้องถิ่น ราษฎรบูรณะ

Description: หนังสือภูมิปัญญาท้องถิ่น ราษฎรบูรณะ

Search

Read the Text Version

FREE COPY ราษฎรบ์ ูรณะ RA TBURANA THE BEST THING OF LOCAL WISDOM IN RATBURANA ISSUE 03



คำ�นำ� เขตราษฎรบ์ ูรณะเป็นฝ่งั สวนเก่าของเขตธนบรุ ี พื้นท่แี ถบนชี้ าวบา้ นดัง้ เดมิ มีอาชพี ทำ�สวนผลไม้ มะพรา้ ว หมาก พลู ผลผลติ ทไี่ ด้มีคุณภาพสงู เนอื่ งจาก พน้ื ดินแถบนีม้ ีความ อุดมสมบูรณข์ องดินตะกอนปากแมน่ �้ำเจ้าพระยา น้ำ� ท่เี ขา้ มาตามร่องสวนมีลกั ษณะลกั จืดลกั เค็มและมลี กั ษณะน�ำ้ ข้นึ น้�ำลง เน่ืองจากอย่ใู กลท้ ะเลอ่าวไทย คนสมยั กอ่ นส่วนใหญน่ ิยมกินหมากและหมากท่เี ป็นที่นิยมมากทสี่ ดุ ในสมยั น้นั คือ หมากบางล่างซึ่งมแี หล่งผลิตทส่ี ำ�คญั ในพ้ืนทส่ี วนแถบราษฎร์บูรณะ หมากบางลา่ งมี เอกลกั ษณเ์ ฉพาะคอื หน้าแดง เคีย้ วกระชับ จับปาก เส้ยี นละเอียดและมรี สชาตฝิ าดกำ�ลงั ดี หมากบางล่างจงึ เป็นหมากท่มี ชี ่ือเสียงมากท่ีสุดในสมยั นนั้ ทำ�ให้คนรจู้ กั พน้ื ท่แี ถบราษฎรบ์ รู ณะ ว่าเป็นแหล่งผลติ หมากคณุ ภาพดีมาตง้ั แตส่ มัยอดีต นอกจากเปน็ แหล่งผลติ ผลไม้ทม่ี ีรสชาตดิ ีและผลิตหมากทีม่ ีชือ่ เสียงแลว้ พน้ื ทีแ่ ถบราษฎรบ์ ูรณะยงั เปน็ แหล่งดนตรไี ทยทสี่ ืบทอดภมู ปิ ัญญาจากรุ่นสู่รุน่ จนถึงปัจจบุ ัน บา้ นดนตรีไทยในชมุ ชนวดั สน ยังคงสอนดนตรไี ทยใหก้ ับเดก็ ในชมุ ชนและบุคคลทั่วไปทีส่ นใจ ดนตรไี ทยไดเ้ ข้ามาศึกษาหาความรู้ นอกจากบา้ นดนตรีไทยที่น่าสนใจแลว้ ขนมไทยในชมุ ชน ราษฎรบ์ รู ณะก็มเี อกลักษณ์รสชาตทิ ่ีน่าลมิ้ ลอง ไมว่ า่ จะเป็นขนมมัน ขนมดว้ ง ขนมเล็บมือนาง ขา้ วต้มมดั กล้วยบวชชี ข้าวเหนยี วมูล ขนมเทยี น ขนมใส่ไส้ ขนมบัวลอย วุน้ มะพรา้ ว ขนม ตาล ขนมเปียกปูน ขนมเกสรลำ�เจียก สงั ขยา ฝกั ทองแกงบวด ความพถิ พี ิถันในการเลอื ก วตั ถดุ ิบและความประณตี ในการทำ� ดว้ ยความรักและความใสใ่ จจึงทำ�ให้ขนมไทยที่นม่ี รี สชาติ เปน็ ทถี่ ูกปากถูกใจของผ้บู ริโภคที่ไดล้ ิม้ ลอง นอกจากนย้ี ังมีเม่ยี งคำ�รสเด็ดจากสตู รการทำ�น้�ำ เมยี่ งคำ�ที่สบื ทอดกันมาจากบรรพบุรษุ การทำ�ยาสมุนไพรสูตรโบราณ เช่น ยาแกไ้ อจากขงิ และ มะกรดู ยาทาแกค้ นั จากใบชุมเหด็ เทศ ยาป้ายลน้ิ จากลกู ยอ การทำ�ลกู ประคบจากขม้นิ และไพล สมนุ ไพรรักษางสู วดั และเริมจากเสลดพังพอน ล้วนเป็นภูมิปญั ญาทท่ี รงคณุ ค่าทค่ี วรอนุรักษ์ ไว้ให้เยาวชนไดเ้ รยี นร้แู ละอยคู่ ูก่ บั ชมุ ชนตอ่ ไป สายวิชาสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ไดด้ ำ�เนินการสำ�รวจและเกบ็ รวบรวมข้อมลู ภมู ปิ ญั ญาท้องถิ่นในพ้นื ที่เขตราษฎร์บูรณะมาตง้ั แตป่ ี 2561 จากการลงสำ�รวจพ้ืนที่ทำ�ให้ เราพบวา่ พ้ืนท่ีราษฎร์บรู ณะเป็นพื้นที่ทนี่ า่ สนใจทัง้ ในดา้ นวถิ ีชวี ติ สังคมและวัฒนธรรมและ ภมู ิปัญญาท้องถิ่น จงึ ไดด้ ำ�เนินการจัดทำ�หนังสอื ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถ่ินเขตราษฎร์บูรณะเพ่อื เกบ็ รวบรวมองคค์ วามรทู้ ่มี คี ณุ คา่ เพือ่ ให้เยาวชนได้ศกึ ษาเรยี นร้ตู ่อไป ขอขอบคุณสำ�นกั งานเขต ราษฎรบ์ รู ณะ ภมู ิปัญญาท้องถิ่นทกุ ท่าน เจ้าหนา้ ท่ีหน่วยจัดการขอ้ มูลชมุ ชน(CDMU) ที่ได้ ทมุ่ เททำ�งานจนหนงั สือเล่นนี้สำ�เร็จลุลว่ งเปน็ อยา่ งดี ขอขอบคุณคณบดคี ณะศิลปะศาสตรท์ ่ี กรณุ าเขียนคำ�นยิ มและสนับสนุนการจัดพมิ พเ์ ผยแพร่ ต่อสาธารณะชน (ผศ.ดร. สุรพงษ์ ชูเดช) ประธานสายวิชาสังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์

วดั ประเสริฐสทุ ธาวาส

คณะท�ำ งาน จัดทำ�โดย หนว่ ยจดั การขอ้ มูลชมุ ชน (Community Data Management Unit : CDMU) สายวิชาสงั คมศาสตรแ์ ละมนษุ ยศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบุรี คณะผู้จัดทำ� ผศ.ดร.สรุ พงษ์ ชเู ดช นางสาวอารยิ า ทรัพยศ์ ริ ิ นางสาวลกั ษณม์ าส เพ็ชรเสนา นายวีรกูล โกไสยสติ นางสาวไอริณ กติ ติตานนท์ นางสาวปฏมิ ากรณ์ กาญจนพันธ์ นางสาวปวณี ศาสนัส ร่วมกับ ชมุ ชนราษฎร์บูรณะ

หมาก

คำ�นิยม ค​ำ�ว่า “ราษฎรบ์ ูรณะ​” นั้นมที มี่ าอยา่ งเป็นเอกลษั ณ​์ ซึ่งมาจากคำ�ว่า “ราษฎร์ “ แปลว่าพลเมอื งของประเทศ​หรอื แ​ วน่ แควน้ ​บ้านเมอื ง “บูรณะ’’​ แปลว่า ทำ�ให้เตม็ หรือปฏิสงั ขรณ​์ซ่อมแซมเ​ ม่อื นำ�คำ�ทง้ั สองม​ าสมาสรวมกนั จึงเป็น​ “ราษฎรบ์ ูรณะ​” ทมี่ ีความหมาย 2 นัย คือ 1)พลเมอื งของประเทศทช่ี ว่ ยกันสร้างและรวบรวมตั้ง ขนึ้ เปน็ ห​ มูบ่ า้ น​หรอื อำ�เภอ​ และ 2) เป็นเมอื งมี่ราษฎรช​ ่วยกันค�ำ้ จนุ ส่งเสริม บำ�รงุ รักษา​ทุกวิถที าง​ที่สามารถทำ�ใหเ้ ปน็ เมืองทมี่ ีความเจรญิ ยิ่งๆขึ้นไปสมกับเปน็ เขต หนง่ึ ของกรุงเทพมหานคร เขตราษฎร์บูรณะ​มีพ้ืนทีต่ ดิ กับแม่น�้ำเจา้ พระยา​ซึ่งในอดตี มเี อกลักษณ์ใ​ น เร่อื งของการทำ�สวนหมาก หรือทเ่ี รยี กวา่ “​หมากบางลา่ ง’’​สวนผลไม​ต้ ่างๆ รวมไปถึงโรงสขี ้าว ​ทีม่ ชี าวจนี อพยพและยา้ ยถ่นิ ฐานมาอาศยั อยูใ่ นพื้นทแ​่ี หง่ น​้ี ทำ�ใหเ้ กดิ วัฒนธรรมแ​ ละวิถีการใชช้ วี ติ ​ทกี่ ลมกลืนไปกับชาวไทย และยงั มี ภูมิปญั ญา​ทอ้ งถนิ่ ​ในการดำ�เนนิ ช​ ีวติ และการประกอบอาชีพท่หี ลากหลาย ไม่ว่าจะ เ​ป็นภูมปิ ญั ญาใ​ นเรื่องการทำ�เกษตร​ ดนตรีไทย​ อาหารคาวห​ วาน สมนุ ไพร งานประดษิ ฐ​์ต่างๆ ซึง่ ควรคา่ ตอ่ การสบื ทอด ให้กับเยาวชนร่นุ ตอ่ ไป จากการทำ�งานเพอ่ื พัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวติ ของประชาชนในพน้ื ที่ โดยประยกุ ต​ใ์ ช้องคค​์ วามร​ู้และความเชี่ยวชาญ​ของมหาวทิ ยาล​ยั รว่ มกบั ชุมชน ในพ้ืนทม่ี าอยา่ งตอ่ เนือ่ ง หนังสอื “ภูมิปัญญาท้องถ่ินเ​ขตราษฎร์บูรณะ​” ถือเป็น ผลผลิตของการทำ�งานในพ้นื ท่ีรว่ มกบั ชุมชน นักศึกษา​คณาจารย์​และเจ้าหน้าท่ี ของสายวิชาสงั คมศาสตรแ์​ ละมนษุ ยศาสตร์​ คณะศิลปศาสตร​์ มจธ. ทีไ่ ด้สบื คน้ รวบรวมข้อมูล และเรียบเรียงออกมาเปน็ หนงั สือเลม่ นี้ ซ่ึงทรงคณุ ค่ายง่ิ ในการ ส่งต่อองค์ความ​รู้ เรื่องราว​ในทอ้ งถ่นิ ​ในเขตราษฎรบ์ ูรณะแ​ กส่ าธารณะชนท่ัวไป ใหไ้ ด้รจู้ กั และชว่ ยกันสืบสานรักษาภมู ปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ เขตราษฎรบ์ ูรณะ​ใหส้ มกับช่อื เขตทม่ี คี วามหมายว่า “เมอื งทร่ี าษฎร​ช่วยกันค�ำ้ จุนสง่ เสรมิ บำ�รุงรกั ษา​ทกุ วถิ ีทาง​ ทส่ี ามารถท​ ำ�ใหเ้ ป็นเมอื งท่มี คี วามเจรญิ ยง่ิ ขึ้นไป“ (ผศ.ดร.ศศิธร สุวรรณเทพ) คณบดีคณะศิลปศาสตร์

สารบัญ : ราษฎร์บูรณะ 1 หมากบางล่าง 3 ปอกขึ้นหมาก 9 มีดปาดหมาก พลั่วลอกเลน ขนาดลดน้ำ� 12 เสนาะหูด้วยดนตรีไทย 16 หน้าและหนังของซอ 20 ขนมไทยวิถีไทย 24 ดอกไม้จากผ้าใยบัว 34 ดอกไม้จากเกล็ดปลากะพง 38 ดอกกุหลาบจากริบบิ้นลวด 42 เมี่ยงคำ�รสเด็ด 46

สารบญั : สารสกัดสมุนไพรไล่แมลง 48 ยาแก้ไอจากขิงและมะกรูด 50 ยาทาแก้คันจากใบชุมเห็ดเทศ 52 ยาป้ายลิ้นเด็กจากลูกยอ 54 ลูกประคบจากขมิ้นและไพล 56 สมุนไพรรักษางูสวัดและเริมจากเสลดพังพอน 58 ตอกเส้น 60

THE BEST THING OF LOCAL WISDOM IN RATBURANA

ราษฎร์บรู ณะ ราษฎร์บูรณะแต่เดมิ เป็นพื้นท่ใี นการปกครองของจงั หวดั ธนบรุ ี ซึง่ อำ�เภอราษฎรบ์ ูรณะได้ ถกู โอนไปเปน็ พ้นื ทีใ่ นการปกครองของจงั หวัดนครเขอ่ื นขนั ธ์ (ปัจจุบันคอื พื้นทพี่ ระประแดง) อยู่ช่วง ระยะเวลาหนง่ึ จนกระทัง่ จงั หวดั นครเขื่อนขันธ์ถกู ยุบตัวไปเปน็ อำ�เภอหนงึ่ ในจงั หวัดสมทุ รปราการ จากนนั้ ไม่นานอำ�เภอราษฎร์บูรณะกลับมาอยู่ในพื้นที่การปกครองของจังหวัดธนบุรีอีกครั้ง จน กระทง่ั ภายหลงั ได้มกี ารรวมจังหวัดธนบุรีและจังหวัดพระนครเข้าด้วยกัน แล้วเปลี่ยนฐานะเป็น นครหลวงกรงุ เทพธนบรุ ีและกรุงเทพมหานครในปจั จุบัน และเปลี่ยนการเรียกตำ�บลและอำ�เภอใหม่ ทำ�ใหอ้ ำ�เภอราษฎรบ์ ูรณะไดร้ บั การเปลีย่ นแปลงฐานะเปน็ “เขตราษฎรบ์ รู ณะ” จนกระทงั่ ในปีพ.ศ. 2540 ได้มีประกาศของกระทรวงมหาดไทยในการแบ่งพื้นที่ทางทิศใต้ ของเขตราษฎร์บูรณะออกไปเป็นเขตทงุ่ ครุ ซึ่งเขตราษฎร์บูรณะสามารถแบ่งได้เป็น 2 แขวง คือ แขวงราษฎรบ์ รู ณะและแขวงบางปะกอกดงั เชน่ ในปจั จุบนั คำ�วา่ “ราษฎรบ์ รู ณะ” นั้นมที ี่มาอย่างเปน็ เอกลักษณ์ ซ่งึ มาจากคำ�ว่า “ราษฎร์” รวมกับ “บูรณะ” เปน็ “ราษฎร์บูรณะ” ตามพจนานกุ รม “ราษฎร”์ แปลวา่ พลเมืองของประเทศหรอื แวน่ แควน้ บา้ นเมอื ง “บรู ณะ” แปลว่า ทำ�ให้เตม็ หรอื ปฏสิ ังขรณซ์ ่อมแซม เม่อื นำ�คำ�ทั้งสองมาสมาสรวมกนั จงึ เป็น “ราษฎร์บูรณะ” ทม่ี คี วามหมาย 2 นัย คอื 1) พลเมอื งของประเทศทช่ี ว่ ยกนั สร้างและรวบรวม ตั้งขึน้ เปน็ หมบู่ า้ นหรืออำ�เภอ และ 2) เป็นเมอื งที่ราษฎรช่วยกันคำ้ �จนุ สง่ เสรมิ บำ�รงุ รักษาทกุ วถิ ที าง ทสี่ ามารถทำ�ให้เปน็ เมืองท่ีมีความเจริญยิ่งๆขึ้นไปสมกับเป็นเขตหนึ่งของกรุงเทพมหานคร และมี ความเจรญิ เทา่ เทยี มกับเขตอ่นื ๆได้ สภาพทางกายภาพโดยท่ัวไปของเขตราษฎร์บูรณะส่วนหน่ึงจะติดกับแม่นำ้ �เจ้าพระยา ซึ่งในอดีตจะมีเอกลักษณ์ในเรื่องของการทำส�วนหมากหรือที่เรียกว่า “หมากบางล่าง” สวนผล ไม้ต่างๆ รวมไปถึงโรงสีข้าว ที่มีชาวจีนอพยพและย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ทำ�ให้เกิด วัฒนธรรมและวิถีการใช้ชีวิตที่กลมกลืนไปกับชาวไทย ดังเช่นภาพจิตรกรรมสามก๊กที่วาดด้วย หมึกดำ�ภายในพระอุโบสถของวัดประเสริฐสุทธาวาสที่ได้รับการบูรณะในสมัยรัชกาลที่3อีกท้ังยังมี พพิ ธิ ภณั ฑท์ อ้ งถ่นิ กรุงเทพมหานครเขตราษฎรบ์ รู ณะ ทสี่ ามารถเขา้ ชมและศกึ ษาประวตั ิความเปน็ มา วิถีชีวิต ประเพณี และวฒั นธรรมของพื้นทีน่ โ้ี ดยผ่านการจัดแสดงวัตถแุ ละส่งิ ของโบราณต่างๆ ที่ สะทอ้ นถงึ ภูมิปญั ญาท้องถิน่ ในการดำ�เนนิ ชีวติ และการประกอบอาชพี ได้อย่างหลากหลาย ไมว่ ่าจะ เปน็ ภมู ปิ ญั ญาในเร่อื งการทำ�การเกษตร ดนตรไี ทย อาหารคาวหวาน สมุนไพร งานประดิษฐ์ต่างๆ เป็นตน้ ซึ่งควรค่าต่อการสืบทอดให้กับเยาวชนรุ่นต่อไปเพื่ออนุรักษ์ไม่ให้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเหลา่ น้ี จางหายไปตามกาลเวลา 1

2

หมากบางล่าง 3

ผ้ใู หญ่สนั ต์ เกตุทองเรือง หสมาวกนบางล่าง ในปัจจบุ นั มเี พยี งสวนหมากของผู้ใหญ่สันเท่านั้นทย่ี งั คงปลกู และแบง่ ผอู้ น่ื เชา่ เพอ่ื ปลกู หมาก ตน้ หมาก นัน้ สามารถนำ�มาใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย เช่น หมากสดและแห้งสามารถนำ�มารับประทาน ควบคู่กบั ใบพลู ปนู แดง และเครือ่ งเคียงต่างๆ คือ พมิ เสน กานพลู สเี สยี ด และยาจืด หากจะนำ� หมากสดมารับประทานนัน้ จะตอ้ งนำ�มาเจยี นเป็น 4 สว่ น แลว้ แกะเน้ือสแี ดงออกจากเบ้าเปลือก สวน หมากแหง้ ที่สามารถนำ�มารับประทานได้น้นั จะเปน็ หมากสงหรือหมากหน้าแก่ จากน้นั นำ�มาผา่ ออกแกะ เนื้อในท่ีมสี แี ดงเขม้ แลว้ นำ�มาห่นั เป็นช้ินบางๆเหมาะสำ�หรับเก็บไว้รบั ประทานในหน้าแล้ง ในสว่ นของ ทางหมากทห่ี ุ้มลำ�ต้นนั้นจะเรียกว่า “กาบหมาก” สามารถนำ�มาตัดแต่งให้มรี ปู ทรงคลา้ ยช้อนเรียกว่า “เนียน” ใช้สำ�หรับคดนำ้ �พรกิ ถ้า “เนียน” มขี นาดใหญ่ก็จะนำ�มาใชป้ าดน้ำ�ตาลมะพร้าวในขณะที่เคี่ยวอยู่ ทางหมากสามารถนำ�มาทำ�เป็นร้ัวบังตาโดยใชเ้ ชือกมาผกู ทางหมากใหเ้ ปน็ แนว และลำ�ต้นหมากทีแ่ กจ่ ดั สามารถนำ�มาผ่าเปน็ ทางยาวจากน้ันนำ�มาลอกเปลอื กออกใชพ้ าดเปน็ สะพานขา้ มท้องรอ่ งในสวน 4

หมากบางล่าง ซอยสุขสวสั ดิ์ 30 แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ หากจะกล่าวถึงเอกลักษณ์ของ หากจะเก็บหมากขายน้ันชาวสวนจะ หมากบางล่างนนั้ กล่าวไดว้ า่ ต้องมี “หน้าแดง มีความอดทนเนื่องจากตั้งแต่ระยะเวลาในการ เคยี้ วกระชบั จบั ปาก” และมรี ดชาดฝาดกำ�ลงั ดี เพาะจนออกลูกหมากจะใช้ระยะเวลาประมาณ อีกทงั้ ตอ้ งมีผลใหญ่ หนา้ แดง เสี้ยนละเอียด 6 ปี ซึ่งในระยะ 6 ปีน้ี ต้นหมากจะเจรญิ เตบิ โต หมากท่ีจะนำ�มาปลูกหรือใช้เป็นพันธุ์หมากนั้น และมีความสูงประมาณ 5 – 6 เมตร นบั ไดว้ า่ ต้องเลือกจากต้นหมากท่ีมีอายุมากกว่า ในหน่ึงปีต้นหมากจะเจริญเติบโตประมาณ 8 25 ปี โดยท้งิ ใหห้ มากสุกคาตน้ ที่มสี แี ดง เรยี ก ปลอ้ ง ในระยะปีที่ 8 - 12 ชาวสวนจะไดผ้ ลดก วา่ “สีหมากสกุ ” จากน้นั นำ�หมากท่ีสกุ คาตน้ น้นั มาก แตเ่ มอื่ ขึน้ ปีที่ 13 ทลายจะลดลงแตห่ มาก มาใส่ในไห เมือ่ เปลือกหมากในไหเริ่มแหง้ ต้อง ในทลายจะเพมิ่ ข้นึ (ผลดกมากขึน้ ) ตน้ หมากท่ี นำ�นำ�้ มาพรมเพือ่ ให้รากงอก จากนน้ั รอให้ราก มีความสูงมากกว่า 20 เมตร หมากจะมขี นาด งอกประมาณ 3 น้ิว จึงนำ�ไปปลกู ในแปลงโดย เล็กกว่าตน้ หมากทีม่ ีความสูงไมเ่ กนิ 20 เมตร นำ�ดินท้องร่องมากลบจนหมากจมลงไปในดิน หมากที่จำ�หน่ายได้ดีท่ีสูดจะเป็นหมากน�้ำค้าง รอใหอ้ อกใบได้ 4 ใบ จงึ สามารถนำ�ไปปลูกใน (หมากเขา้ ฤดหู นาว) ซงึ่ ปัจจบุ ันหมากน้�ำค้างจะ ร่องสวนไดโ้ ดยขดุ ดนิ ลึก 1 คืบ จากนนั้ ตักดิน จำ�หน่ายไดร้ าคาดกี วา่ หมากฤดูอื่นๆ เลนใส่ในหลุมแล้ววางต้นอ่อนลงไปจากนั้นใช้ มือกดให้แนน่ ระยะปลูกระหว่างต้นนัน้ ควรจะ หา่ งจากกนั ประมาณ 3 เมตร ถ้าปลกู ห่างมาก เกินไปจะทำ�ให้ต้นไหม้เน่ืองจากแดดส่องถึงต้น ออ่ นจนต้นอ่อนถกู แดดเผา 5

หมากดบิ คอื หมากออ่ นที่เหมาะสำ�หรบั การรบั ประทาน หมากมีเนอื้ ออ่ นพอดี หมากกะเตอะ คือ หมากแก่ มีเนอ้ื แขง็ ผลเรมิ่ จะมสี แี ดงนยิ มนำ�ไปทำ�เปน็ หมากแห้งเพอ่ื ส่งจำ�หน่าย 6

หมากสง คือ หมากทแ่ี กจ่ ัดและผลเป็นสแี ดงทัง้ ทลาย มเี นอ้ื แข็งเหมาะสำ�หรับนำ�ไปเพาะพันธ์ุ หมากยับ คอื หมากท่แี กจ่ ดั และร่วงออกจากต้นหรือทลายสามารถนำ�ไปเพาะพนั ธ์เุ ปน็ ตน้ ใหม่ได้เช่นกนั 7

หากใครสนใจเก่ียวกับการปลูกหมากหรือการทำ�สวนอื่นๆ ก็สามารถไปชม สวนหมากและสอบถามผ้ใู หญ่สนั เกตุทองเรอื ง ได้ อีกทั้งสวนหมากของผู้ใหญ่สัน นั้นยังเป็น “ศูนย์บริการและถา่ ยทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำ�แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร” อกี ด้วย 8

ปอกขึ้นหมาก 9

10

ปอกขนึ้ หมาก ซอยสุขสวัสดิ์ 30 แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ “ปอกข้ึนหมาก” หรือ “ห่วงข้ึน ประมาณให้มีเสน้ ผา่ นศูนย์กลางอย่ทู ี่ 1 คืบ หมาก” เป็นเครื่องมือทใี่ ชส้ ำ�หรบั การปีนตน้ ถงึ 1 คืบครึ่ง แล้วจึงใช้เชือกกล้วยทม่ี ี หมาก ซึ่งเปน็ เครื่องมือทผ่ี ู้ใหญส่ นั ทำ�ไดเ้ อง ความยาวเทา่ กันจ�ำนวน 8 เส้น ปอกข้ึน และได้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการทำ�ปอก หมากจงึ จะมคี วามหนาพอดี (หากใช้ 6 เสน้ ขน้ึ หมากให้กับผู้ที่สนใจอีกด้วย ปอกข้ึน จะท�ำให้มีขนาดเล็กเกินไป) จากนั้นจึงนำ� หมากจะเป็นเครื่องมือสำ�หรับคนปีนต้น เชอื กกล้วยเส้นที่ 9 มาเข้าเง่ือนเพ่ือรัดให้ หมากท่ีจะช่วยผ่อนแรงได้มากในขณะที่กำ� ปอกหมากติดกัน และในส่วนของวัสดุทไ่ี ม่ได้ ปนี อยู่ อกี ทั้งยงั สามารถกันลนื่ และช่วยยึด มาจากธรรมชาตินั้นจะใช้ถุงปุ๋ยและลวดใน เท้าของคนปีนกับลำ�ต้นหมากให้อยู่ได้ในระยะ การพนั รอบหรือรดั ปอกหมาก เวลาท่ีนานมากข้นึ ในส่วนของวัสดุอุปกรณ์ที่จะนำ� หากกล่าวถึงคุณประโยชน์หรือ มาทำ�ปอกขึ้นหมากน้นั สามารถแบง่ ไดเ้ ป็น 2 ความแตกตา่ งของปอกขน้ึ หมากทง้ั 2 ประเภท ประเภทดว้ ยกนั คือ 1) วสั ดุจากธรรมชาติ นี้ กล่าวได้วา่ ปอกที่ทำ�จากเชือกกล้วยแตล่ ะ และ 2) วสั ดุทไ่ี ม่ไดม้ าจากธรรมชาติ ในสว่ น อันสามารถใช้ได้เพียง 1 คร้ัง เท่าน้ัน ของวัสดุจากธรรมชาติน้ันจะใช้เชือกกล้วย เนื่องจากไม่ทนทานเท่ากับปอกที่ทำ�จากถุง จากต้นกล้วยน้�ำว้าท่ีไม่แห้งและไม่ชื้นจนเกิน ปุ๋ยน่ิมๆที่สามารถใช้ได้นานกว่าและประหยัด ไป ถา้ หากแหง้ มากกจ็ ะทำ�ให้เชือกกลว้ ยแตก เวลาในการท�ำปอกขึ้นหมาก แต่หากใครมี ได้งา่ ย หรอื ถ้าหากชนื้ เกินไปกจ็ ะทำ�ให้เชอื ก เวลาการนำ�เชือกกล้วยมาใช้ก็เป็นอีกทาง กล้วยเหนียวยากต่อการเข้าเง่ือนในการทำ� เลือกหนึ่งที่ส่งผลดีต่อส่ิงแวดล้อมและ ปอกข้ึนหมาก ดงั น้นั ควรเก็บเชอื กกล้วยไม่ ประหยดั ค่าใช้จา่ ยอีกดว้ ย ให้อยู่ในที่มีลมแรงหรือมีน้�ำค้าง เจ้าของ สวนหมากบางรายจะนำ�กาบหมากมาทำ�ปอก ข้นึ หมาก แต่ผู้ใหญ่สันเล่าว่าใช้เชือกกลว้ ย จะดีกว่าเพราะความยาวของกาบหมากจะ สั้นกวา่ เชือกกล้วย เวลานำ�กาบหมากมามัด เป็นปอกขึ้นหมากจะไม่กระชับเหมือนกับการ ใชเ้ ชือกกล้วย อีกท้งั กาบหมากจะมีลักษณะ แห้งและกรอบมากเกินไปอาจจะทำ�ให้บาดเท้า ของผ้ปู นี ได้ การทำ�ปอกขน้ึ หมากน้นั จะต้อง 11

มีดปาดหมาก พลั่วลอกเลน ขนาดรดน้ำ� 12

13

มีดปาดหมาก พล่วั ลอกเลน และขนาดรดน�้ำ ซอยสขุ สวสั ดิ์ 35 แขวงราษฎรบ์ ูรณะ เขตราษฎรบ์ รู ณะ มีดปาดหมาก พลัว่ ลอกเลน และ “พล่ัวลอกเลน” เป็นเคร่ืองมือ ขนาดรดน�้ำ เป็นเคร่ืองมือการเกษตรท่ี การเกษตรทีใ่ ช้สำ�หรบั ลอกเลน หรือ โกย ผู้ใหญ่สนั ทำ�ใชเ้ องในสวนหมาก เคร่ืองมือ เลน หรอื ลอกทอ้ งร่องสวน เพอื่ เพิม่ พืช เหล่าน้ีช่วยอำ�นวยความสะดวกต่างๆ และ วัตถุในดิน (เพิม่ ธาตุอาหาร) โดยผูใ้ หญส่ ัน สามารถหาได้จากวัสดุเหลือใช้ วัสดุท่ีมีอยู่ จะโกยเลนตามท้องร่องไปกลบโคนต้นไม้ ตามธรรมชาติ มาประดิษฐ์เป็นเคร่ืองมือ ต่างๆที่ปลูกไว้ เพราะเลนในร่องสวนจะ เหลา่ นี้ได้ ประกอบไปด้วยใบไม้และก่ิงไม้ที่ร่วงหล่น “มีดปาดหมาก” จะนำ�มาใชส้ ำ�หรับ ทับถมกนั ไปตามเวลา เปรียบเสมอื นการใส่ การปาดเชอื กกล้วยและหมาก ส่วนของใบ ปุ๋ยท่ีมาจากธรรมชาติและยังประหยัดค่าใช้ มีดจะทำ�มาจากเหล็กเกียงโป้วสีท่ีนำ�มาเจีย จ่าย ส่วนการทำ�พลั่วลอกเลนในสมัยก่อน จนไดข้ นาดตามต้องการ ซ่ึงสามารถเจยี เป็น นั้นตัวด้ามจะทำ�จากไม้ท่ีถูกตัดแต่งทั้งหมด ปลายงอหรือตรงก็ได้ขึ้นอยู่กับความถนัด ส่วนตัวพล่ัวจะทำ�จากแผ่นโลหะท่ีถูกดัดจน และความชอบของผู้ใช้งาน ในสว่ นของดา้ ม มีรปู ร่างโค้งมน ซ่ึงปัจจุบันการท�ำพล่ัว จะทำ�จากไมท้ ม่ี กี ารตะไบเสย้ี นไมอ้ อก จากนน้ั ลอกเลนเปลี่ยนไปเล็กน้อยตรงท่ีด้ามจับก็ จงึ นำ�ไปเคลอื บแลก็ เกอรเ์ พอ่ื ความสวยงาม จะทำ�จากท่อโลหะด้วยเช่นกันและหาซ้ือได้ ง่ายตามท้องตลาด “ขนาดรดน้ำ� ” เปน็ เครอื่ งมือที่ช่วย สำ�หรับเคร่ืองมือการเกษตรเหล่า รดน�ำ้ ตน้ ไม้ที่ปลูกตามร่องสวน ซ่ึงจะช่วย นี้เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นท่ีมีความน่าสนใจ ผ่อนแรงได้มากเพราะไม่ต้องเดินถือฝักบัว และควรเผยแพร่ เนอ่ื งจากผคู้ นในประเทศไทย รดนำ้� ท่บี รรจนุ �ำ้ หนกั ๆมาจากบ้าน เพียงแค่ ส่วนมากประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็น ถือขนาดรดน�้ำมาพุ้ยน�้ำในร่องสวนแล้วสาด หลัก ซึ่งภูมิปัญญาเหล่าน้ีสามารถช่วย ออกไปก็สามารถรดน�้ำต้นไม้ได้อย่างทั่วถึง ประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องของเครื่องมือ แลว้ ซง่ึ ขนาดรดน�ำ้ ของผ้ใู หญส่ ันนั้นดา้ มจะ หรืออุปกรณส์ ำ�หรับการทำ�การเกษตรได้ ทำ�จากไม้ไผ่ และส่วนท่ีใช้สาดน้�ำจะทำ�จาก ไม้ไผ่ท่ีถูกตัดบางเป็นเส้นยาวที่มีขนาดเท่า กัน จากน้ันจึงน�ำมาสานเป็นรูปหยดน�้ำมี ท้องร่องแล้วใช้ชันยาเรือเคลือบเพื่อกันน�้ำ ร่วั ออก และเปน็ การเพิม่ คุณภาพการใช้งาน ใหท้ นทานมากยิง่ ขึ้น 14

15

เสนาะหูด้วย ดนตรีไทย 16

“เรามีชาติถา้ ขาดวัฒนธรรม สงิ่ ประจำ�สำ�หรับชาติเสียแล้วหนา ใช่ว่าไทยจะอยู่ไดใ้ นโลกา อยา่ ลมื คดิ พิจารณาดูใหด้ ี อันชาตไิ ทยตอ้ งไม่กลายไปเป็นอ่ืน ไทยต้องยง่ั ยนื ไทยต้องชมช่ืนนิยมไทย ร่วมชวี ติ รว่ มจิตใจ ร่วมกันใช้ของไทยอยา่ เหน็ ของใครดีกว่าเอย” (ถนอม นาควัชระ ผู้แต่ง) 17

เสนาะหดู ้วยดนตรไี ทย ซอยสุขสวสั ดิ์ 35 แขวงราษฎรบ์ ูรณะ เขตราษฎร์บรู ณะ ครสู ทิ ธ์ิ สมนาค ผสู้ ูงอายทุ ่ีอาศัย อยใู่ นชมุ ชนวดั สนเขตราษฎรบ์ รู ณะ เปน็ บคุ คล ท่ีมีความเช่ียวชาญในเร่ืองของดนตรีไทยท่ี เกิดและเติบโตในพื้นท่ีน้ี นับได้ว่าผกู พันกับ พื้นทีแ่ หง่ น้ีและดนตรไี ทยอย่างลกึ ซ้ึง ครสู ทิ ธน์ิ น้ั มพี รสวรรคแ์ ละใหค้ วาม สนใจท่จี ะศกึ ษาดนตรีไทยมาต้งั แตอ่ ายุ 10 ปี และไดจ้ ุดประกายแรงบนั ดาลใจมากยิ่งข้นึ เม่ือครสู ิทธิ์ได้พบกบั ศาสตราจารย์ ดร.อทุ ิศ นาคสวัสดิ์ เพื่อขอซื้อโน้ตเพลง เมื่อเรม่ิ เขา้ อายุ 20 ปี ก็เรม่ิ ถ่ายทอดความรูด้ า้ น ดนตรีไทยให้กับนักเรียนในโรงเรียนต่างๆ ปจั จุบันครูสทิ ธ์ิ สมนาค อายุ 70 โดยจะสอนจากเพลงงา่ ยกอ่ น เชน่ เพลงเถา ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะถ่ายทอดความ 1 ชน้ั กอ่ น จนในปี พ.ศ. 2542 ในงาน รู้และสืบสานดนตรีไทยให้กับเยาวชน มหกรรมดนตรไี ทย ณ โรงละครแหง่ ชาติ มี รุ่นใหม่ต่อไป ครูสิทธ์ได้เปิดบ้านของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราช ตนเองเป็นศูนย์การเรียนรู้ดนตรีไทยใน กมุ ารีเป็นองค์ประธาน วงดนตรีไทยของ ชุมชนวัดสน เขตราษฎร์บูรณะ โดยใช้ชื่อ โรงเรียนวัดสนที่มีครูสิทธิ์เป็นผู้กำ�กับดูแล ว่า “สิทธ์ิ สมนาค ดนตรีไทย” โดยเปดิ สอน นั้น เป็นที่สนใจในวงสังคมดนตรีไทยอย่าง ให้กับกลุ่มคนทุกเพศทุกวัยที่รักในดนตรีไทย มาก เนื่องจากครูสิทธิ์ได้นำ�ซอสามสายมา ทง้ั ระนาดท้มุ ระนาดเอก ซอด้วง ซออู้ ฆอ้ ง บรรจุให้อยู่ในวงดนตรีไทย ซึ่งซอสามสาย ขมิ ขล่ยุ ฯลฯ ซงึ่ ครูสิทธ์ิสามารถจดั เปน็ วง ในขณะนั้นจะนิยมใช้บรรเลงในวงมโหรี แต่ ดนตรเี ลก็ 10 คน และวงดนตรใี หญ่ 15 คน จะไม่นิยมนำ�มาบรรเลงในวงปี่พาทย์และวง ได้ตามความประสงค์ของผู้จัดงาน ทั้งนี้ เครือ่ งสาย พอมีงานเทศกาลต่างๆ เช่น งาน ครูสิทธ์ิยังมีความสามารถในการทำ�ซออู้และ เทศกาลสงกรานต์ หรืองานสำ�คญั ในหน่วย ซอดว้ งได้อกี ดว้ ย ง า น ต่ า ง ๆ ท่ี จ ะ ต้ อ ง มี ก า ร บ ร ร เ ล ง ด น ต รี ไทย ครูสิทธิ์ก็จะนำ�วงดนตรีไปร่วมแสดง ในเทศกาลหรืองานนั้นๆด้วย เพื่อเป็นการ ฝึกทักษะ สั่งสมประสบการณ์ และสืบสาน วัฒนธรรมประเพณีไทยให้คงอยู่ดังเนื้อ เพลงแขกสาหร่าย 2 ช้นั 18

19

หนังและ หน้าซอ 20

ซอสามสาย ซอด้วง 21 ซออู้

หนงั และหนา้ ซอ ซอยสุขสวัสด์ิ 35 แขวงราษฎรบ์ ูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ ซอถือได้ว่าเป็นเครื่องดนตรี จะมากนิ พริกได้อีกทางหนึ่งด้วย ขั้นตอน ชนิดหน่ึงของไทยท่ีมีมานาน ซอน้ันเป็น ในการเตรียมหนังซออู้น้ีเป็นภูมิปัญญาคน เครื่องสายที่ทำ�ให้เกิดเสียงโดยการนำ�คันชัก โบราณท่ีสืบทอดกันมาและมีเหตุมีผล ใน มาสีกับสายท่ีขึงอยู่บนตัวซอ ซอท่ีนิยมใช้ ส่วนของหนังที่จะใช้ขึงหน้าซอด้วงนั้นจะ บรรเลงกันมาก คือ ซออแู้ ละซอด้วง ซออู้ ใชห้ นงั งูหลาม ลักษณะหนังงูหลามท่ีต�ำรา นนั้ จะมี 2 สาย มเี สยี งท่ที มุ้ ต่�ำ ขนาดกะโหลก โบราณกล่าวไว้นั้นงูหลามจะต้องมีลักษณะ ใหญ่เป็นพู บ้างจะแกะสลักท่ีกะโหลกใหเ้ กดิ ตาห่าง “งูยาว 2 วา เลือกตาห่างๆ” บาง ลวดลายที่สวยงาม ส่วนซอด้วงจะมีเสยี งที่ ตำ�ราก็จะใช้หนังท่ีส่วนหลังของงูเหลือมซ่ึง แหลมและก้องกังวานกว่า ที่เรียกซอด้วง จะทำ�ใหไ้ ด้ความหนาท่ีพอดี งจู ะต้องมคี วาม น้ันเพราะมีความละม้ายคล้ายคลึงกับด้วง ยาวประมาณ 4 เมตร มีเกล็ดงขู นาดใหญ่ ดกั สตั ว์ มีลวดลายสวยงาม ทำ�ให้มีพื้นท่ีการใช้งาน ในการขึ้นหน้าซอมากกว่างูขนาดเล็ก ใน ชนิดของหนังสัตว์ท่ีใช้ขึงหน้าซอ การเลือกส่วนของหนังงูท่ีจะนำ�มาใช้นั้นจะ ของซออู้และซอด้วงนั้นมีความแตกต่างกัน ไม่เลือกหนังตรงท้องงูเพราะถูกขยายและ ก่อนที่จะนำ�มาขึงได้น้ันจะต้องผ่านข้ันตอน หดหลายครั้งจากการกินเหยื่อและการกลืน ในการเตรียมหนังซอ การเตรียมหนังของ ลงท้อง ดังนั้นจะต้องเลือกหนังงูตรงส่วน ซออู้นัน้ ส่วนมากจะใช้หนังลูกวัว ซ่ึงเหมาะ หลังค่อนลงไปทางหางเพราะหนังยืดขยาย กับซออู้ท่ีมีกะโหลกใหญ่เพราะจะทำ�ให้ได้ น้อยผวิ งูมีความแข็งแรง หากต้องการที่จะ เสยี งดังกังวาน ในการเตรียมหนังลูกวัว ล้างทำ�ความสะอาดหนังงูจำ�เป็นอย่างมากที่ ที่จะใช้ขึงหน้าซออู้น้ันจะต้องทำ�ให้หนัง จะตอ้ งใช้น้ำ� สะอาดปราศจากคลอรนี เพราะ ลูกวัวมคี วามหนาที่เหมาะสม (ไม่บางหรือ คลอรนี จะทำ�ใหห้ นังงูซีดไมส่ วยงาม ไม่หนาจนเกินไป) จากน้ันน�ำมาแช่ในน้�ำเพือ่ ใหม้ คี วามนิ่ม เตรียมพริก ข่า และตะไครใ้ ห้ พรอ้ มในปริมาณท่ีเท่ากัน แล้วจึงน�ำหนัง ที่แช่น้�ำแล้วน้ันมาโขลกร่วมกับวัตถุดิบดัง กลา่ ว “หนังแกง” ซงึ่ จะทำ�ใหเ้ สียงท่มี คี วาม ไพเราะ นุ่มนวล และน่าฟัง โดยคุณสมบัติ ของพริกนั้นจะช่วยให้ขจัดไขมันท่ีอยู่ตาม หนังสัตว์ให้สลายออก อีกท้ังพริกยังช่วย ป้องกันหรือกำ�จัดแมลงที่จะมาเจาะแทะหนัง สัตว์ได้ อีกทั้งการใช้ข่าและตะไคร้ยังเป็น พืชสมุนไพรท่ีช่วยป้องกันแมลงบางชนิดท่ี 22

ที่ ม า แ ล ะ ร า ย ล ะ เ อี ย ด ของภูมิปัญญาเก่ียวกับการเลือก หนังหน้าซอของคนไทยนั้น เห็น ได้ว่าสมเหตุสมผลและมีความ เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนชาติ ใดในโลก เป็นภูมิปัญญาที่ทำ�ให้ คนไทยได้ภาคภูมิใจ หากเยาวชน ไทยหันมาให้ความสนใจในการ สื บ ท อ ด เ ค ล็ ด ลั บ เ ห ล่ า น้ี ค ง จ ะ ดี ประเทศไทยจะได้มีเครื่องดนตรีที่ มีเอกลักษณ์ให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้ ชมและรกั ษาต่อไป ซหอนดั ง้วงงู 23

ขนมไทย วิถีไทย 24

ขนม ไทย อาหารนัน้ เปน็ ปจั จยั 4 ท่ีสำ�คัญของมนุษย์ท่ีให้พลังงาน คุณยายศิวไิ ล ภู่ยอ้ ย และสารอาหารต่างๆในการรักษา ระบบสมดลุ ใหก้ บั ร่างกาย ในหลายๆ ภูมิปญั ญา ขนมไทยวิถไี ทย ประเทศน้ันก็มีวัฒนธรรมในเรื่องของ อาหารที่แตกต่างกันไป และหน่ึงในน้ัน คืออาหารหวาน (ขนมหวาน) นนั่ เอง ซึ่ง ประเทศไทยนั้นก็มีประวัติของการทำ� อาหารหวานมาอย่างยาวนานท่ีคนไทย เรียกจนตดิ ปากว่า “ขนมไทย” ท่สี ามารถ บอกได้เลยว่าขนมไทยน้ันคือเอกลักษณ์ท่ี บ ่ ง บ อ ก ห รื อ แ ส ด ง ถึ ง วั ฒ น ธ ร ร ม แ ล ะ ประเพณีไทยไดอ้ ยา่ งแท้จรงิ ในอดีตคนไทย จะรับประทานขนมไทยเพ่ือดับความคาวของ อาหารม้ือหลัก ใช้เป็นอาหารเพ่ือรับแขกและ ถ ว า ย พ ร ะ ส ง ฆ ์ ใ น ง า น สำ�คั ญ ต ่ า ง ๆ ข อ ง ครอบครัว เช่น งานแต่งงาน งานข้ึนบ้านใหม่ งานบวช เป็นต้น หรือจะใช้ในวันส�ำคัญทาง พระพุทธศาสนาเพ่ือตักบาตร เช่น วันวิสาขบูชา วันเขา้ พรรษา เปน็ ตน้ หรือแมก้ ระท่งั ทานเปน็ ของ หวานเพอ่ื การผอ่ นคลายและการพกั ผอ่ น กลา่ วไดว้ า่ ขนมไทยได้สอดแทรกเข้าไปอยู่ในวิถีชีวิตของคนไทย ไม่มากก็นอ้ ย ดังเช่นคุณยายศิวิไล ภยู่ อ้ ย คณุ ยาย วัย 81 ปี ท่ีมีความรักและผูกพันในการทำ�ขนมไทยท่ี สอดคลอ้ งกับวถิ ที างพระพทุ ธศาสนา 25

ขนมไทยวถิ ีไทย ซอยสุขสวสั ด์ิ 17 แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บรู ณะ คุ ณ ย า ย ศิ วิ ไ ล เ กิ ด ที่ อ� ำ เ ภ อ ในส่วนของวัตถุดิบท่ีสำ�คัญท่ีสุด ด�ำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี จากน้ัน ในการทำ�ขนมไทยนน่ั คอื มะพรา้ ว คณุ ยายศวิ ไิ ล แต่งงานย้ายมาอาศัยท่ีเขตราษฎร์บูรณะและ จะเลือกมะพร้าวตามประเภทหรือลักษณะ เร่ิมท�ำขนมไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2499 เรียกได้ ของการทำ�ขนมไทยแต่ละชนิด เช่น มะพร้าว ว่ า มี ป ร ะ ส บ ก า ร ณ ์ ใ น ก า ร ทำ�ข น ม ไ ท ย ม า อ่อนจะมีเนื้อนุ่ม เหมาะสำ�หรับขูดเนื้อใส่ มากกว่า 60 ปี คุณยายนั้นสามารถทำ�ขนม ขนมบัวลอยเปียกข้าวโพดหรือวุ้นมะพร้าว ไทยไดอ้ ย่างหลากหลาย เช่น ขนมมนั ขนม มะพร้าวทึนทึก (มะพร้าวจวนแก่) จะมีเนอ้ื นุม่ ด้วง (ขนมเล็บมือนาง) ข้าวตม้ มดั กล้วย เหมาะสำ�หรับขดู โรยหนา้ ขนมกลว้ ย ขนมตาล บวชชี ขา้ วเหนียวมูล ฯลฯ อีกทั้งยงั สามารถ ขนมเล็บมอื นาง ขนมเปยี กปนู มะพร้าวทนึ ทึก ห่อขนมไทยกับใบตองได้อย่างประณีต ซ่ึง ส า ม า ร ถ นำ� ไ ป ก ว น เ ป็ น ห น้ า ก ร ะ ฉี ก ห รื อ ไ ส้ หวั ใจสำ�คญั ของการทำ�ขนมไทย คอื สมาธิ กระฉกี ก็ได้ เช่น ขนมใส่ไส้ ขนมเกสรลำ�เจียก ความใสใ่ จในรายละเอยี ด วตั ถดุ ิบทีม่ คี ณุ ภาพ ข้าวเหนียวมูลหนา้ กระฉกี เป็นต้น ในส่วน ดี แลว้ ถ่ายทอดเคลด็ ลับเหล่านั้นในการทำ�ขนม ของมะพร้าวแก่จะมีเนื้อแข็ง กะลาเป็นสีดำ� ทำ�ใหข้ นมมรี ปู ลกั ษณส์ วยงาม ตดิ ปากผปู้ รโิ ภค น้ำ�น้อย เนื้อมะพร้าวจะมีมันมาก สามารถ นำ�มาขูดเป็นมะพร้าวขูดขาวและมะพร้าวขูด ดำ� มะพร้าวขดู ขาวจะเหมาะสำ�หรับขนมไทยท่ี การทำ�กล้วยบวชชีโดยมีขั้นตอนใน ต้องการนำ้ �กะสสิ ีขาว มะพร้าวขูดดำ�จะเหมาะ การต้มกล้วยไม่ให้เกิดรอยดำ�หรือเกิดได้ช้าลง สำ�หรับการทำ�ขนมไทยที่ไม่ต้องการนำ้ �กะทิสี นั้นคือ ต้องนำ�กล้วยมาล้างด้วยน้ำ�สะอาด ขาว เชน่ สังขยาและขนมเปียกปูน มะพร้าว แล้วตั้งน้ำ�ให้เดือด จากนั้นก็นำ�กล้วยที่ล้าง กะทิหรือมะพร้าวเน้ือกะทินั้นก็คือมะพร้าวแก่ สะอาดแลว้ มาต้มในน้ำ�เดือดท่ไี ดเ้ ตรยี มไว้ เม่อื แต่จะมีเนื้อหนานุ่ม เนื้อเปียกและมีสีขาวขนุ่ ต้มเสร็จแล้วก็นำ�กล้วยมาล้างในน้ำ�เย็นแล้ว เหมอื นแปง้ กวน นำ้ �จะเหนยี ว เหมาะสำ�หรบั นำ� นำ�กล้วยมาตั้งพักในตะแกรง เพียงเท่านี้ก็ มาใสใ่ นทบั ทิมกรอบ และน้ำ�แขง็ ใส สามารถบริโภคกล้วยบวชชีท่ีไร้รอยดำ�ไปได้ หลายวัน..หรอื จะเปน็ การใชใ้ บตองตานใี นการหอ่ ขนมตา่ งๆ เชน่ ขา้ วตม้ มดั ขนมเทยี น ขนมใส่ไส้ จะดีกวา่ การใชใ้ บตองทั่วไป เพราะใบตองตานี นน้ั เรยี บ เปน็ มนั วาว ไมแ่ ตกเปน็ รว้ิ งา่ ย เม่อื นำ�มาห่อขนมจะไม่แตกง่ายเหมือนใบตองอื่นๆ ทำ�ให้ขนมมหี น้าตาสวยงามดงึ ดูดผูบ้ รโิ ภค 26

แฟกกั งทบอวดง 27

แถกั่วงบดวดำ� ไม่เพียงแต่คุณยายศิวิไลจะรักและชื่นชอบในการทำ�ขนม ไทยเพยี งเท่าน้ัน แต่ท่านยังมีความสุขที่ได้เห็นรอยย้ิมของผู้ทาน และยังมีความสุขที่ได้ทำ�ขนมไทยถวายพระสงฆ์ทุกๆวันอาทิตย์และ ทกุ ๆวันสำ�คญั ทางศาสนา อีกท้ังคุณยายศิวิไลยังมีกิจกรรมใน การถ่ายทอดความรู้ในการทำ�ขนมไทยตามสถาบันการศึกษาต่างๆ เทา่ ท่ีมีกำ�ลังจะทำ�ได้ เพอ่ื เปน็ การสืบสานภมู ปิ ญั ญา วัฒนธรรม และประเพณไี ทยใหอ้ ยคู่ ู่กบั คนไทยตอ่ ไป 28

ม ะ พ ร้ า ว ขู ด ข า ว คื อ ม ะ พ ร้ า ว ท่ี นำ � มากะเทาะกะลา อ อ ก แ ล้ ว ป อ ก ผิ ว สี น้ำ � ต า ล ท่ี ติ ด เ น้ื อ ม ะ พ ร้ า ว อ อ ก 29

ขนมเทียน 30

“ขนมเทยี น” เป็นขนมไทยดั้งเดมิ ท่ี มักจะใช้ในเทศกาลสารทจีนเพื่อกราบไหว้ และรำ�ลกึ ถึงบรรพบรุ ุษ ขนมเทยี นจะมชี ื่อ เรียกที่แตกต่างกันออกไป อาทิ ผู้คนทาง ภาคเหนอื จะเรียกขนมจ๊อก ภาคกลางเรียก ขนมนมสาว และภาคอีสานจะเรียกขนม หมก ขนมเทยี นจะหอ่ ดว้ ยใบตองเปน็ ทรง สามเหลีย่ มมไี ส้หวานและไส้เค็ม และแป้งจะ ทำ�จากแป้งข้าวเหนียวคุณยายศิวิไลเล่าว่า ตนเองน้ันมีเคล็ดลับการทำ�แป้งของขนม เทียนจากแป้งข้าวเหนียวโดยนำ�หญ้าชิว คักมาเป็นส่วนประกอบหนึง่ ซึง่ คนทำ�ขนม เช้ือสายจีนมักจะรู้ว่าหญ้าชิวคักสามารถ ช่วยทำ�ให้เนื้อของขนมเทียนนุ่มมากขึ้นและ มกี ลิน่ หอม 31

ขนมเทยี น ซอยสขุ สวสั ดิ์ 17 แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ ในสว่ นของการเตรยี มแป้งน้ันจะต้องเตรียม การทำ�ไส้เค็มจะต้องเตรยี ม สว่ นประกอบ คอื 1) ถัว่ ทอง 1) ผงแปง้ ขา้ วเหนยี ว 2) พรกิ ไทย 2) น้�ำตาลทรายขาว 3) กระเทยี ม 3) น�้ำต้มจากหญา้ ชิวคัก 4) หัวหอม 4) น้�ำมันหมู 5) เกลอื และ 6) นำ�้ ตาล ข้ันตอนการทำ�นั้นไม่ยากเพียงแค่นำ� ขั้นตอนการทำ�นั้นจะนำ�ถ่ัวทองมา ส่วนผสมท้ังหมดมานวดและคลุกเคล้าให้เข้า ล้างใหส้ ะอาดและแช่นำ�้ ทิ้งไว้ 1 คืน แล้วนำ�มา กนั เพ่ือเตรยี มสำ�หรบั การหอ่ ไสต้ ่างๆ การท่ี น่งึ พร้อมบดให้ละเอยี ด จากนัน้ นำ�กระเทียม ผสมน�้ำมันหมูลงไปน้ันเพื่อท่ีจะทำ�ให้แป้งไม่ติด และหัวหอมมาเจียวในกระทะท่ีน�้ำมันอุ่นๆและ กับใบตองจนทำ�ให้ชิ้นขนมแตกออกจนไม่น่า ใชไ้ ฟปานกลาง ถ้าเจยี วในน�ำ้ มนั ร้อนจะทำ�ให้ รับประทาน กระเทียมและหัวหอมไหม้ เมอื่ เจียวจนเหลือง แลว้ ใชก้ ระชอนตกั ขน้ึ มาพักไว้สกั ครู่ จากนั้น การทำ�ไสห้ วานจะต้องเตรยี ม นำ�พริกไทยและกระเทียมมาโขลกให้ละเอียด 1) มะพรา้ วอ่อนขดู เส้นขนาดเล็ก แล้วนำ�ไปผัดในกระทะที่อ่นุ น�้ำมนั จนไดท้ ่ี จาก 2) หวั กะทิ นั้นนำ�ถั่วทองทบ่ี ดละเอยี ด เกลือ น�้ำตาลทราย 3) เกลอื ป่น มากวนให้เข้ากันกับพริกไทยและกระเทียมใน 4) น�ำ้ ตาลทรายแดง กระทะทผ่ี ัดไว้จนแห้งเปน็ เน้ือเดียวกัน แล้วจงึ 5) เมลด็ ธญั พืชสกุ ที่นึ่งสกุ และบดไวแ้ ลว้ เชน่ นำ�กระเทียมและหัวหอมท่ีได้เจียวไว้แล้วมาผัด เมล็ดบวั ถว่ั ลิสง เผอื ก ถั่วเหลอื ง เปน็ ตน้ อกี ที เมอ่ื ผัดเรยี บร้อยแล้วใหท้ งิ้ ไว้พออุ่นจึง นำ�ข้ึนมาปนั้ เปน็ กอ้ นเตรียมเอาไว้ ข้ั น ต อ น ก า ร ทำ�น้ั น จ ะ นำ�ส ่ ว น ประกอบทั้งหมดมาคลุกเคล้าให้เข้ากันจากนั้น ก็ปั้นเป็นก้อนเตรียมเอาไว้ท้ังนี้สามารถทำ�ตาม สูตรการทำ�ขนมใสไ่ สไ้ ด้เชน่ เดียวกนั 32

ในขั้นตอนของการห่อของคุณยายศิวิไลนั้นจะนำ�ใบตองมาทำ�ความ สะอาด แลว้ ตดั ให้ไดร้ ูปตามต้องการซ้อนกนั 3 ชั้น หอ่ เป็นทรงกรวย เตรยี มเอาไว้ จากนน้ั น้ำ� ไสม้ าวางบนแปง้ แล้วจึงใช้ช้อนตกั แป้งห่อหมุ้ ไส้ เอาไว้แล้วนำ�ข้นึ มาใส่ในใบตอง จากนนั้ จงึ ห่อให้เรยี บร้อยนำ�ไปวางใน หมอ้ นงึ่ ท่ีอุ่นรอ้ นประมาณ 1 กา้ นธปู การที่คณุ ยายศิวิไลใชใ้ บตองซ้อน กนั 3 ชั้น เพราะว่าหลังจากท่ีนึ่งขนมเทยี นแลว้ จะให้รปู ทรงของขนม เทยี นไมย่ บุ ตวั ลงไป คงรปู ร่างที่สวยงามน่ารบั ประทาน 33

ดอกไม้จาก ผ้าใยบัว 34

คณุ จุไรรัตน์ สมนาค ภมู ปิ ัญญา ดอกไม้จากผ้าใยบวั คุณจุไรรัตน์ สม นาค ถือได้ว่าเป็นผู้อาวุโสที่ รู้จักชุมชนวัดสน ในเขต ราษฎร์บูรณะ เปน็ อย่างดคี นหน่งึ เพราะเกดิ และเติบโต ในชุมชนแห่งน้ี ในอดีตพ้ืนทแ่ี ห่งน้ีจะเปน็ พนื้ ท่ี ของการทำ�สวนหมาก สวนมะพร้าว สวนชมพมู่ ะ เหม่ยี ว สวนสม้ เรียกไดว้ ่าเปน็ เอกลักษณข์ อง พน้ื ที่ราษฎรบ์ ูรณะก็วา่ ได้ อกี ท้ังคุณจุไรรตั นย์ งั มีพรสวรรค์ในงานเยบ็ ปกั ถกั ร้อย การจัด ดอกไม้สด และการประดษิ ฐ์ ดอกไม้แห้งต่างๆ 35

ดอกไม้จากผ้าใยบวั ซอยสขุ สวัสดิ์ 35 แขวงราษฎร์บรู ณะ เขตราษฎร์บรู ณะ แรกเริ่มจะเป็นการรับจัดดอกไม้ ประกบกบั กา้ นดอกไมส้ เี ขยี วสำ�เรจ็ รปู จากนน้ั สดโดยเฉพาะจะจัดถวายวัดเพ่ือเป็นกุศล นำ�ลวดอ่อนมาดัดเป็นโครงใบไม้แล้วสอดไป โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ อย่างไรก็ตามการ ในผา้ ใยบวั สเี ขียวอกี ครง้ั หนง่ึ จากนั้นนำ�ใบ จดั ดอกไมส้ ดนนั้ มขี อ้ จำ�กดั นนั่ คอื ดอกไมอ้ ยู่ มาประกอบกับก้านดอกไม้สีเขียวสำ�เร็จรูปที่ ไดไ้ ม่นาน จึงทำ�ให้คุณจุไรรัตน์เร่ิมประดิษฐ์ ประกบตวั ดอกทส่ี มบรู ณ์ แลว้ นำ�ฟลอรา่ เทป ดอกไมจ้ ากผา้ ใยบวั ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2530 มที ้งั สีเขียวมาพันเก็บรายละเอียดระหว่างโคน กหุ ลาบ ลลิ ลี่ ลีลาวดี ชบา พู่ระหง ดอกแกว้ ดอกกับก้านดอกไม้ และระหว่างก้านใบกบั เปน็ ตน้ ดอกไม้จากผา้ ใยบวั นั้นสามารถอยู่ กับก้านดอกไม้ สุดท้ายจัดทรงตามความ ไดน้ านถึง 1 ปี จากนัน้ สีของผา้ ที่นำ�มาทำ� สวยงาม เป็นกลีบดอกจะเร่ิมจางและมีฝุ่นเกาะซึ่งไม่ สามารถนำ�มาล้างน�้ำสะอาดได้เพราะจะทำ�ให้ เกสรดอกไม้เสียหายเนื่องจากเกสรดอกไม้ ในช่วงที่มีเวลาว่างจากการดูแล นัน้ ทำ�มาจากแป้ง อย่างไรก็ตามดอกไม้จาก ครอบครัวคุณจุไรรัตน์จะออกไปสาธิตและ ผา้ ใยบวั กม็ อี ายกุ ารใชง้ านนานกวา่ ดอกไมส้ ด ให้ความรู้เก่ียวกับการประดิษฐ์ดอกไม้ ท�ำให้สามารถช่ืนชมดอกไม้เหล่านั้นได้ จากผ้าใยบัวในชนิดต่างๆ ท้ังนี้ก็เพ่ือให้ ตลอดทง้ั ปี ภูมิปัญญาได้ถ่ายทอดไปสู่คนรุ่นหลังและ หวังเป็นอย่างย่ิงว่าการประดิษฐ์ดอกไม้จาก ในส่วนของขั้นตอนการทำ�น้ันก็ไม่ ผ้าใยบัวสามารถน�ำมาเป็นอาชีพให้กับคน ซับซ้อนจนเกินไปโดยเริ่มจากการ เตรียม อ่ืนๆได้ ลวดอ่อนเพ่ือใช้เป็นโครงของกลีบดอกไม้ และใบไม้ ผา้ ใยบวั ทม่ี สี ตี ามดอกไมท้ ตี่ อ้ งการ ประดิษฐ์ ผ้าใยบัวสีเขียวที่ใช้ท�ำใบ เกสร ดอกไม้ตามลักษณะของดอกไม้ที่ต้องการ ประดิษฐ์ ก้านดอกไม้สีเขียวส�ำเร็จรูป ฟลอร่าเทปสีเขียว ด้ายสีขาว โดยเริ่มนำ� ลวดอ่อนมาดัดให้ได้ขนาดและรูปร่างตาม ชนิดของดอกไม้ที่ต้องการ จากน้ันสอด โครงลวดเข้าไปในผ้าใยบัวนำ�ด้ายสีขาวมา ผูกไว้ท่ีโคนกลีบดอกไม้ ท�ำต่อไปจนครบ จำ�นวนที่ตอ้ งการ เสร็จแล้วนำ�กลีบดอกมา ประกบกับเกสรดอกไม้แล้วมัดรวมกันด้วย ดา้ ยสีขาวอีกครงั้ หนง่ึ ที่โคนดอก แล้วนำ�มา 36

จดากอผก้าใยไบมัว้ 37

ดอกไม้จาก เกล็ดปลากะพง 38

ครูมณรี ตั น์ เตชะสุรงั กลุ ภูมิปญั ญา ดอกไมจ้ ากเกล็ดปลากะพง 39

ดอกไมจ้ ากเกลด็ ปลากะพง ซอยประชาอทุ ิศ 16 แขวงราษฎรบ์ ูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ เกล็ดปลากะพง ในหลายๆความคิดเห็นของแต่ละคนนั้น คงจะเห็นว่า เป็นส่วนหนึ่งที่เหลือทิ้งจากปลาหรือทำ� ประโยชน์อย่างอื่นไม่ได้ แต่คุณมณีรัตน์ เตชะสุรังกุล ผู้สูงอายุทอ่ี าศยั อย่ใู นเขตราษฎรบ์ รู ณะมามากกวา่ 20 ปี มีความคดิ สรา้ งสรรค์ที่จะนำ�เกล็ดปลากะพงมาประดษิ ฐ์เปน็ ของสวยงามตา่ งๆ เชน่ ต้นซากุระ ดอกกุหลาบ ดอกกลว้ ยไม้ ห่นุ มังกรสำ�หรับตั้งแสดงขนาดเลก็ เป็นตน้ งานประดิษฐ์จากเกล็ดปลาท่ีมีเอกลักษณ์และไม่เหมือนใครของ คุณมณีรัตน์คือ การนำเ�กล็ดปลามาประดิษฐ์เป็นดอกซากุระ โดยมีแนวคิดในการ ประดิษฐ์ดอกซากุระที่เบ่งบานทั่วท้ังต้นที่จะเกิดข้ึนเสมอๆในเทศกาลฮานามิในช่วง ฤดูใบไม้ผลิของประเทศญี่ปุ่น โดยนำ�เกล็ดปลามาย้อมด้วยสีชมพูที่มีสีใกลเ้ คียงกับ ดอกซากุระให้มากทีส่ ดุ จากนน้ั นำ�เกสรของดอกซากรุ ะทส่ี ามารถหาซอ้ื ไดต้ ามทอ้ งตลาด มาเคลอื บด้วยน้ำ�ยาทาเลบ็ แบบใสเพื่อป้องกันฝนุ่ และความช้นื เพราะเกสรดอกไม้สว่ น มากจะทำ�มาจากแปง้ จากนัน้ ก็นำ�เกล็ดปลาทผ่ี า่ นการย้อมสีเหมือนดอกซากุระมาเขา้ ช่อดอกกบั เกสรทเี่ ตรียมไว้โดยใช้กาวร้อนเชื่อม เมื่อเข้าช่อดอกเรยี บร้อยแล้วก็นำ� มาติดกับกา้ นทีเ่ ลยี นแบบกา้ นจริงของตน้ ซากุระ จากนั้นก็นำ�มาประกอบกับลำ�ตน้ และจัดทรงให้สวยงามต่อไป งานประดิษฐ์นี้มีความสวยงามและหาดูได้ยากจึงทำ�ให้ ไดร้ บั รางวลั หนง่ึ ตำบ� ลหนงึ่ ผลติ ภณั ฑ์ (OTOP) ระดบั 3 ดาว จากการประกวด สินค้า OTOP ระดบั เขต อกี ทั้งยังเปน็ งานประดษิ ฐ์ที่สามารถส่งไปแสดงในเทศกาล ฮานามใิ นประเทศญป่ี ุ่น กอ่ ใหเ้ กิดความภาคภมู ใิ จเป็นอย่างมาก ยามที่คุณมณีรัตน์มีเวลาว่างก็จะออกไปถ่ายทอดความรู้ในการประดิษฐ์ ของสวยงามจากเกล็ดปลาตามโรงเรียนต่างๆที่สำ�นักเขตราษฎร์บูรณะประสานงาน เพือ่ ให้ภูมิปัญญานี้ได้สืบทอดแก่เยาวชนรุ่นใหม่ๆต่อไป อีกทั้งยังเป็นเอกลักษณ์ท่ี แสดงใหต้ ่างชาติเห็นว่าคนไทยมคี วามสามารถมคี วามภาคภูมิในในตนเอง 40