ผลงานดเี ด่นเชงิ ประจกั ษ์ (Best Pacties) กลุ่มทอผา้ ไหม บา้ นหนองควาย ตาบลวังหวง อาเภอเฝ้าไร่ จังหวัดหนองคาย นายธนกฤต ศรบี วั ครู กศน.ตาบลวงั หลวง ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเฝ้าไร่ สานักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวัดหนองคาย
ผลงานดีเดน่ เชิงประจักษ์ (Best Pacties) กศน. ตาบลวังหลวง อาเภอเฝา้ ไร่ จังหวัดหนองคาย ชอ่ื ผลงาน ศูนย์อาชพี ชมุ ชน กลมุ่ ทอ่ ผ้าไหม บ้านหนองควาย ตาบลวงั หวง อาเภอเฝา้ ไร่ จังหวดั หนองคาย 1. หลักการและเหตุผล อาชพี การทอผา้ ไหมเป็นอกี อาชีพหนง่ึ ทม่ี อี ยคู่ กู่ บั สังคมไทยมาช้านาน ตัง้ แต่สมยั บรรพบรุ ุษและมีการสบื ทอดตอ่ กนั มาจากรุน่ สรู่ ่นุ จนมาถงึ ปจั จบุ นั แตเ่ นอ่ื งจากปัจจบุ ันมเี ทคโนโลยที ที่ ันสมัยเขา้ มาจึงทาใหก้ รรมวธิ ีใน การทอผ้าแบบดั้งเดมิ ของคนไทยจงึ เปลย่ี นไปและเรมิ่ กา้ วเขา้ ไปสูร่ ะบบอตุ สาหกรรมมากขน้ึ ซ่งึ อาจทาใหว้ ถิ ีการ ประกอบอาชีพท่เี กดิ จากภูมปิ ญั ญาในทอ้ งถน่ิ เรม่ิ สญู หายไปช้า ๆ และไม่เหลือไว้ใหล้ กู หลานได้ศึกษาเพอื่ การสืบ สานและอนรุ ักษ์อกี ตอ่ ไปในอนาคต ทางคณะผจู้ ดั ทาจึงได้มกี ารพฒั นาจดั ทาหลกั สูตรภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ เร่อื ง “การทอผา้ ไหมหมู่บ้าน หนองควาย ตาบลวังหวง อาเภอเฝา้ ไร่ จังหวดั หนองคาย” ขึ้นมาเพือ่ เป็นการอนรุ กั ษภ์ ูมปิ ัญญาในทอ้ งถ่นิ มใิ ห้ สญู หายไปและคงอยูเ่ พอ่ื ใหค้ นรนุ่ หลงั ได้ศกึ ษาและรู้จกั คณุ คา่ มคี วามรักในภูมปิ ัญญาทอ้ งถิน่ ของตน นอกจากน้ยี งั เปน็ การสรา้ งอาชีพให้กับคนในทอ้ งถ่นิ ได้มีอาชพี มีรายได้ เพือ่ ลดจานวนการย้ายถิน่ ฐานเพอ่ื ไปประกอบอาชพี ใน เมืองใหญ่และเปน็ การสรา้ งชุมชนใหม้ ีความเขม้ แขง็ มากข้ึน 2. วัตถปุ ระสงค์ - เพอ่ื ให้ประชาชนมีความรูค้ วามเขา้ ใจถึงวิธแี ละกระบวนการทอผา้ ไหม - เพอื่ ใหป้ ระชาชนมคี วามรักและเหน็ คณุ ค่าความสาคญั ในวัฒนธรรมทอ้ งถน่ิ ของตนเอง - เพ่ือใหป้ ระชาชนสามารถนาความรเู้ รอ่ื งกระบวนการทอผา้ ไหมของหม่บู ้านหนองควาย เผยแพร่ต่อ บุคคลอืน่ หรอื ผทู้ ีส่ นใจได้ - เพือ่ ใหป้ ระชาชน มคี วามซ่อื สตั ยแ์ ละมีวนิ ัยในการปฏิบัตงิ านท้งั ต่อตนเองและเพือ่ นรว่ มงาน - เพือ่ ใหป้ ระชาชนสามารถนาความรทู้ ่ไี ดจ้ ากการศึกษาเรอ่ื ง การทอผ้าไหมไปประกอบอาชพี เพอ่ื เพมิ่ รายไดแ้ ละเป็นการส่งเสรมิ การประกอบอาชพี ในทอ้ งถน่ิ ลดการเคล่ือนยา้ ยถิ่นฐานไปประกอบอาชีพ ตา่ งถิ่น 3. เป้าหมาย ประชาชนในเขตตาบลวงั หลวง อาเภอเฝา้ ไร่ จังหวดั หนองคาย 4. ผลิตภณั ฑ์ดเี ดน่ - ไดร้ บั การรับจากหนว่ ยงาน อุสาหกรรมจงั หวัดหนองคายเป็นผลติ ภณั ฑ์ผ้าไหมระดบั 5 ดาว - ไดร้ บั รางวลั ศูนย์ฝกึ อาชพี ดเี ดน่ จาก กศน.อาเภอเฝ้าไร่ จงั หวดั หนองคาย - เป็นแหง่ เรียนรูใ้ นการฝึกอาชีพการทอ่ ผ้าไหม 5. ผลการดาเนินงาน - ประชาชนเขตตาบลวงั หลวง มคี วามรแู้ ละความสามารถในกระบวนการทอผา้ ไหมเพื่อเปน็ อาชีพเสริม และสร้างรายไดใ้ หแ้ กช่ ุมชนและครอบครัว สรา้ งความสามคั คแี ละการมีสว่ นร่วมในชุมชน การใชช้ วี ิตอยา่ ง พอเพียง สามารถเผยแพร่ความรู้ ควบคู่กับการมคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรมและค่านยิ มที่ดตี อ่ การทอผา้ ไหม มีการ ช่วยเหลือประชาชนในการมแี หลง่ อาหารไวบ้ ริโภคในราคาถูก - ประชาชนภายในเขตพน้ื ท่ีสามารถลดรายจา่ ยภายในครัวเรือน - เกิดการรวมกลมุ่ จัดตั้งกลุ่มอาชีพต่างๆในหมู่บ้านการจดั ชุมชนให้น่าอยู่และเข้มแขง็
6. ความสาเร็จที่เกิดกับ กศน. - ประชาชนภายในเขตพ้นื ทสี่ ามารถลดรายจ่ายภายในครัวเรือน - มกี ารรวมกลุม่ ในชุมชน - คนในชมุ ชนเกิดความรักความสามคั คี - ประชาชนใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กดิ ประโยชน์ - ประชาชนมีอาชพี เสรมิ และสามารถสรา้ งรายได้ให้กบั ชมุ ชน 7. ปัญหา/อุปสรรค/ข้อเสนอแนะ - ประชาชนบางกลมุ่ ยังขาดความรู้ความเข้าใจในการเข้ารว่ มกลมุ่ อาชพี การทอ่ ผา้ ไหมควรสารวจความ ต้องการหรอื ปญั หาในชมุ ชน เพ่ือหาแนวทางแกไ้ ข และเพอื่ ทราบความต้องการทีแ่ ทจ้ ริง ของชมุ ชน ซ่ึงจะทาใหส้ ามารถตอบสนองความต้องการของคนในชมุ ชนไดอ้ ยา่ งแทจ้ ริง 8. ดา้ นวชิ าการขาดความรู้ ความเขา้ ใจ ในการดาเนินงาน ข้ันตอนในการผลติ ผา้ ไหน การปลกู หม่อนเล้ียงไหม การปลกู หมอ่ นของหมู่บ้านหนองควาย การปลกู หมอ่ นนั้นจะตอ้ งเตรยี มการวางแผนเพ่ือให้สอดคลอ้ งกับการเล้ียงไหม จานวนหม่อน 1 ไร่ จะตอ้ งเล้ียงไหมได้ประมาณ 3-5 แผ่นหรอื ท่เี รียกวา่ กระจาดเลี้ยงไหมตอ่ ปี (รนุ่ ละ 1 แผน่ ๆละ ประมาณ 10,000-15,000 ตวั ) ปีละ 3-4 ร่นุ และยงั กลา่ วอีกวา่ แปลงไหมทดี่ ีควรปลูกระยะห่างระหว่าง แถวประมาณ 2 เมตร และระยะห่างระหวา่ งต้นประมาณ 1 เมตร หรือแลว้ แต่เราจะวางและไมค่ วรปลูก ติดกนั เกินไปเพราะจะทาใหเ้ วลาตน้ หมอ่ นโตขน้ึ มาจะได้ไมต่ ้องเบียดเสยี ดกนั และยงั งา่ ยต่อการเก็บอีกดว้ ย การปลูกหม่อนนั้นจะต้องเตรยี มดนิ ก่อนทเ่ี ราจะปลูก เราจะตอ้ งไถเพ่อื เปดิ รอ่ ง รองก้นหลุมด้วยปุ๋ย คอก และต้องมีน้าเลย้ี งมากพอสมควร บางบ้านก็ต่อทอ่ น้าเพ่ือใชใ้ นการรดต้นหม่อน และในการปลูก ระยะแรกเราควรท่ีจะเอาฟางมาวางไวข้ า้ งบนเพอื่ ทจี่ ะได้อมุ้ น้า และหลังจากน้ันแลว้ เวลาทเ่ี ราจะปลูกตอ่ กไ็ ถ กลบฟางน้ันไดเ้ ลยโดยท่เี ราไม่จาเป็นตอ้ งใช้ปุย๋ คอกอกี ต่อไป การปลูกนัน้ จะตอ้ งมีระยะหา่ งการปลกู ประมาณ 1-2 เมตร และระยะหา่ งระหว่างต้นประมาณ 1 เมตร หรือแล้วแตเ่ ราแตไ่ มค่ วรปลกู ติดกัน จนเกินไป และใน 2-3 เดือนเราจะสามารถเก็บได้ 1-2 ครั้ง หม่อนจานวน 1 ไร่ เราจะเกบ็ มาเลีย้ ง หม่อนได้ประมาณ 3-5 แผ่น หรอื มากกวา่ นัน้ ก็ไดข้ นึ้ อยู่กับการหน่ั ใบหมอ่ นของเรา
การเล้ยี งไหม ไหม คอื เสน้ ใยทพี่ ่นออกมาจากปากของตัวหนอนไหมท่ีโตเต็มวยั เพอ่ื มาหอ่ หุ้มตัว ปอ้ งกันศัตรูทาง ธรรมชาติในขณะท่หี นอนไหมลอกคราบจากหนอนไหมเป็นตัวดักแด้และไมส่ ามารถเคลือ่ นทีไ่ ด้ หนอนไหมเป็น แมลงชนดิ หนงึ่ ซ่งึ มกี ารเจรญิ เติบโตจากไขไ่ หม (ขนาดเทา่ เมลด็ งา) และเปน็ ตัวหนอนไหม ในขณะทเ่ี ป็นตวั หนอนไหมจะเจรญิ เติบโตโดยการลอกคราบประมาณ 3-4 ครัง้ ในระยะเวลาประมาณ 20-22 วนั และจะมี น้าหนักตัวเพมิ่ ข้นึ 10,000 เทา่ โดยการกนิ อาหารเพยี งอย่างเดียว คือใบหมอ่ น ไหมเม่อื เจรญิ เติบโตเตม็ ทีแ่ ลว้ จะหยุดกินอาหาร แลว้ พน่ เส้นใยออกมาหอ่ หมุ้ ตัวเอง ท่ีเราเรยี กวา่ รงั ไหม ซง่ึ มลี กั ษณะกลมรีคล้ายเมลด็ ถั่ว และหากเรานารงั ไหมมาต้มในน้าทม่ี อี ุณหภูมติ ง้ั แต่ 80◦C ขน้ึ ไปจะ สามารถทาให้กาวไหม (sericin) อ่อนตัว และดึงออกมาเปน็ เส้นยาวได้ ความยาวของเส้นใยจะขึ้นอยกู่ บั สาย พนั ธแ์ุ ละการดแู ลในช่วงท่ีเป็นหนอนไหม สภาพโรงเลยี้ ง 1. จะต้องสร้างในแนวหรอื ทางทิศตะวันตกและตะวนั ออกของตัวบา้ น 2. จะสะดวกตอ่ การทาความสะอาดและสะดวกต่อการเดนิ หรือนง่ั เวลาเล้ียงไหม 3. มอี ากาศถา่ ยเทไดส้ ะดวก 4. โรงเลีย้ งไหมจะตอ้ งขงึ รอบด้วยตาขา่ ยเพ่ือไมใ่ หม้ แี มลงเขา้ ไปได้ 5. ควรมีการปลกู ต้นไม้รอบๆหรือไมค่ วรเลือกสถานทที่ เี่ ลยี้ งไหมไว้กลางแจ้งมากเกนิ ไปเพราะจะทาให้ ตัวไหมทนต่อความร้อนไม่ได้และอาจจะตายได้ 6. ขนาดโรงเล้ยี งไหมนั้นจะต้องมขี นาดใหญ่พอสมควรหรอื ขน้ึ อยู่ว่าเราจะเลี้ยงมากหรอื นอ้ ย 7. ขนาดของช้ันเล้ยี งไหมขนึ้ อยูก่ ับขนาดของโรงเล้ียงไหม และความสะดวกในการปฏบิ ัติงาน ชน้ั เลี้ยงแตล่ ะชั้นควรสูงห่างกัน 60 – 70 เซนติเมตร เช่น - โรงเลย้ี งไหมขนาด 6x8 ตารางเมตร ใช้ช้ันเลี้ยงไหมขนาด 1.5 x 6 ตารางเมตร (3 ชัน้ ยอ่ ย 2 แถว) - โรงเล้ียงไหมขนาด 8 x12 ตารางเมตร ใชช้ ั้นเลยี้ งไหมขนาด 2.0 x 9.0 ตารางเมตร (3 ชนั้ ยอ่ ย 2 แถว)
วสั ดแุ ละอปุ กรณใ์ นการเลย้ี งไหม ๑. กระด้งและชน้ั วางไหม 2. จอใส่ไหม 3. มดี หรือกรรไกรและเขยี ง
๔. ผา้ คลุมกระดง้ ๕. ตาขา่ ยกนั แมลง ๖. โรงเลย้ี งไหม
วิธกี ารเลี้ยงไหม การเตรยี มการเลย้ี งไหม 1) เตรยี มสวนหมอ่ นเลีย้ งไหมในระดับครัวเรอื นซ่ึงจะต้องใช้ใบหม่อนในการเลย้ี งจนถึงไหมทารงั ประมาณ 300 – 400 กโิ ลกรมั /แผน่ (กล่อง) 2) ทาความสะอาดโรงเลย้ี งและอปุ กรณต์ า่ งๆ โดยการลา้ งทาความสะอาด หรอื นาไปผง่ึ แดดแลว้ นาไป ฉดี อบฟอร์มาลีน3 %ในโรงเลี้ยงอัตรา 1 ลติ ร/ตารางเมตร โดยอบทิ้งไวอ้ ย่างน้อย 2 วนั จึงเปดิ โรงเลยี้ งให้ กลิน่ ฟอร์มาลนี ระเหยอยา่ งน้อย 1 วนั จึงจะเข้าเล้ยี งไหมได้ (ส่วนผสมฟอรม์ าลนี 3 % = ฟอรม์ าลนี 40% 1 สว่ น ต่อนา้ 13 ส่วน) 3) เตรียมสารเคมโี รยตวั ไหม เพ่อื ใชโ้ รยบนตวั ไหมตอนเลีย้ งแรกฟกั และไหมตน่ื ทุกวัยใช้ ประมาณ 1 กิโลกรมั /แผน่ (กลอ่ ง) หรอื คลอรนี ผง 3.5 % (คลอรีน 60% จานวน 1 ส่วนผสมกับปูน ขาว 17 ส่วน) 4) เตรียมแกลบเผาและ/หรือ ปูนขาวโรยบนตัวไหมในระยะหนอนไหม เพื่อลดความช้นื 5) เตรยี มภาชนะใส่เศษใบหมอ่ นและมลู ไหม การใหอ้ าหาร ไหมจะเจริญเติบโตได้ดีตอ้ งกนิ ใบหม่อนสด มคี ุณภาพดี ปริมาณเพยี งพอ ตามเวลาท่ีกาหนดโดยเลยี้ ง วนั ละ 3 มอ้ื กลางวนั ให้ 2 เทา่ ของมอ้ื เชา้ ส่วนม้ือเย็นให้ 4 เทา่ ของม้ือเชา้ เนื่องจากระยะเวลากินยาวกว่า ใช้ ปรมิ าณใบหม่อนประมาณ 22 – 25 กิโลกรมั /แผน่ (กลอ่ ง) สาหรบั การเล้ียงไหมแบบสหกรณ์ จะใชใ้ บหม่อน ประมาณ 8 – 9 กิโลกรัม/แผน่ (กล่อง) การเก็บและการให้ใบหม่อน การเก็บใบหม่อนเลีย้ งไหมวยั ออ่ น ควรเก็บใบหมอ่ นให้เหมาะสมกบั วยั ดังนี้ วยั ท่ี 1 เกบ็ ใบใตย้ อดลงมาใบที่ 1 – 3 หรือเด็ดยอด วยั ที่ 2 เกบ็ ใบตา่ ลงมาใบที่ 4–6 หรอื ใชก้ รรไกรตัดก่งิ ใบท่ี 1 – 6 วยั ที่ 3 เก็บใบตา่ ลงมาใบท่ี 7–10 หรอื ใช้กรรไกรตัดกิ่งใบท่ี1–10 หรือตดั ใบก่ิงสเี ขียว การใหใ้ บหม่อน วยั ท่ี 1 ใหห้ ม่อนหั่นมขี นาดกว้าง 0.5 – 1.0 ซม.ความยาว 3 – 4 เท่าของความกว้าง วัยที่ 2 ให้หม่อนห่ันกวา้ ง 1.50 – 2 ซม. วัยที่ 3 ใหห้ มอ่ นหั่นกว้าง 2.5 – 3 ซม.
วสั ดุอปุ กรณ์ในการทอผา้ ๑. กี่กระตกุ ๒. กระสวยทอผา้ 3.เส้นไหม
4.ระหัดปนั่ ไหม 5.จะหวกั 6.เกลยี วไหม
การทอผา้ ไหม การทอผา้ ไหม มรดกทางวัฒนธรรมของชาวบา้ นหนองควายโบราณ อย่างหนง่ึ ทที่ ิง้ ไว้ให้แก่ชาวลูกหลานในปัจจุบัน คอื ศลิ ปะในการทอผา้ ไหม เพราะถึงแมว้ ่า ผ้าไหมจะมีการทอใช้ในทอ้ งทห่ี ลายแหง่ ของประเทศไทยก็ ตาม แต่รูปแบบของศิลปะ ลวดลาย และวธิ กี ารทอผ้าในทอ้ งทด่ี งั กลา่ วนั้น ก็ไม่เหมอื นทม่ี อี ยู่ทั่วไปใน ประเทศไทย เพราะทีบ่ ้านหนอควายจะทอผา้ ไหมลายพญานาคซ้นึ เปน็ เอกลักษณ์ของชาวหนองคาย การเตรยี มเสน้ ไหม ในการเตรยี มเส้นไหมก่อนที่จะเขา้ กีท่ อผ้า ก็เช่นเดียวกนั ครอบครัวหนงึ่ ซง่ึ มีแมก่ ับลูกสาว 2 คน ช่วยกันเตรยี มเสน้ ไหมเพอ่ื ทอผ้าไหมมดั หม่ี เขาจะต้องใช้เวลาในการเตรยี มเสน้ ไหม เป็นเวลาถึง 3 เดอื น ทเี ดียว นั่นก็หมายความวา่ เขาจะต้องใช้เวลาหลงั การเกบ็ เกย่ี วทั้งฤดูกาล เพียงเพื่อทอผา้ ไหมให้ไดเ้ พยี ง 1 ก่ี เทา่ นัน้ (ถ้าเปน็ ผา้ นุม่ จะไดป้ ระมาณ 12 ขดี 15 ผืน ต่อหนึง่ กี)่ ก. การเตรียมเส้นยนื เส้นไหมท่ใี ชท้ อน้ันมี 2 ชนิด คือ เส้นยนื และเส้นพุ่ง สาหรบั เส้นยืนจะมคี วาม ยาวประมาณ 25 เมตรเศษ ทัง้ นแ้ี ลว้ แต่จะต้องการผ้าไหมก่ผี ืน ภายหลงั จากสาวเปน็ เสน้ ไหมแล้ว สิ่งที่ สาคัญที่จะต้องทาอย่างพถิ ีพิถนั ก็คือ 1. การตีเกลยี ว เส้นไหมทีไ่ ม่ได้ตีเกลยี วจะใช้ทอไม่ได้ 2. การควบเส้น โดยมากมกั จะควบอย่างน้อย 2 เสน้ เพ่อื ใหผ้ ้าไหมหนาพอสมควร 3. การฟอก เพือ่ ให้เส้นไหมน่มิ ทาใหท้ นทานในการใช้สอย 4. การยอ้ มสี ตามความตอ้ งการของผทู้ อว่าจะตอ้ งการพน้ื สอี ะไร 5. การเขา้ กี่ การเตรยี มเส้นยนื ตามที่กลา่ วมานี้ ถ้าหากพจิ ารณาดตู ามนี้ รู้สกึ วา่ จะไม่มากนกั แต่ ข้นั ตอนใน การปฏิบัตอิ ยา่ งแท้จริงนั้นยุ่งยากและยาวมากทีเดยี ว ข. การเตรียมเส้นพุง่ ตามปกตผิ า้ ไหมมัดหม่ี มักจะมีการมัดเพียงเส้นพุ่งเทา่ น้ัน ยกเว้นผา้ อัมปรม ซ่ึงมกี ารมดั เส้นยืนด้วย วิธีการขั้นต้นเช่นเดยี วกันกับการเตรยี มเสน้ ยืนข้อ 1 – 3 แตห่ ลังจากน้นั กม็ ี การมัดหม่ีตามลวดลายท่ีต้องการกอ่ นท่จี ะเข้ากระสวย เพอื่ ทอเป็นผ้า ข้นั ตอนการทาไหม กอ่ นท่ีจะทอผ้าไหมต้องมีข้ันตอนการเตรียมไหมกอ่ นทอหลังจากผ่านกรรมวธิ กี ารเลีย้ งไหมแลว้ จนตวั ไหมทารงั ขน้ั ตอนตอ่ ไปก็คือนาตวั ไหมท่ีมรี งั หุ้มอยู่มาต้มเพอ่ื ทจี่ ะนาใยทหี่ มุ้ ตัวไหมอยู่ออกมาในรปู ของเส้นไหม ซึง่ มกี รรมวิธี ดงั นี้
1. การสาวไหม ทาไดโ้ ดยการตม้ ตัวไหม โดยใชห้ ม้อขนาดวดั โดยรอบประมาณ 25 น้ิว ปากหม้อน้ัน ครอบด้วยไมโ้ คง้ คล้ายหว่ งของถังไม้และใชไ้ มล้ ักษณะแบนเจาะรตู รงกลางพาดระหว่างหว่ งทง้ั สองข้าง และ เหนอื ไม้แบนๆ น้ี มไี มร้ อกคล้ายจักรท่ใี ห้หนถู ีบ ซึ่งจกั รมีลกั ษณะเป็นรูปกลมๆ จากนั้นเอาฝกั ไหมทจ่ี ะสาวใส่ ลงไปในหมอ้ ประมาณ 30 - 50 นาที ระหว่างทีร่ อให้คน ประมาณ 2 - 3 ครง้ั ใหร้ ังไหม สกุ ทั่วกัน แลว้ เอา แปรงชะรงั ไหมเบาๆ เส้นไหมกจ็ ะติดแปรงข้ึนมา จึงนามาสอดทร่ี ตู รงกลางของไมร้ ะหวา่ งห่วงท้ังสองขา้ ง และ สาวใหพ้ ้นรอก 1 รอบ จากน้ันเวลาสาวไหม จะใชม้ อื ทง้ั สองข้าง โดยมอื หนึ่งสาวไหมจากรอกลงภาชนะท่ี รองรบั เส้นไหม ส่วนอีกมือหน่ึงถอื ไม้อันหนึ่งเรียกว่า \"ไมข้ นื \" ซึ่งมลี ักษณะเป็นง่ามยาวประมาณ 1 ศอกเพ่ือ เพอ่ื ใช้ในการกดและเขยา่ รังไหมทอี่ ย่ใู นหม้อเพราะรังไหมทอี่ ยู่ในหมอ้ นั้นจะลอยถ้าไม่กด และเขยา่ ก็จะเกาะ กนั แน่นสาวไมอ่ อก หรือออกมาในลักษณะท่เี ส้นไหมมีขนาดไม่สม่าเสมอกัน เครือ่ งสาวไหมท้ังหมดเรยี กวา่ \"เครอ่ื งพวงสาว\" การสาวไหมน้ตี อ้ งหม่ันเติมนา้ เยน็ ลงไปเป็นระยะระวงั อย่าใหน้ า้ ถึงกบั ร้อนและเดอื ด เคร่อื งมอื ในการสาวไหมประกอบดว้ ย 1. เครอื่ งสาวไหม หรอื พวงสาว คอื รอกทีใ่ ชด้ ึงเส้นไหมออกจากหม้อ 2. เตาไฟสาหรบั ตม้ รงั ไหม อาจเป็นเตาถา่ นหรือเตาทใ่ี ชฟ้ นื กไ็ ด้ 3. หม้อสาหรบั ต้มรังไหมจะเป็นหมอ้ ดินหรอื หมอ้ เคลอื บก็ได้ ท่ีนยิ มใชห้ ม้อน่ึงข้าวเหนียว เรยี กวา่ หม้อนง่ึ เพราะมขี อบปากบานออกรับกบั พวงสาวได้พอดี 4. แปรงสาหรบั ชะรงั ไหมทาดว้ ยฟางขา้ ว 5. ถงั ใส่น้า เพอื่ เอาไว้เติมนา้ ในหม้อต้มเม่ือเวลานา้ รอ้ นเดือด 6. ไมข้ นื สากรับเข่ียรังไหมในหมอ้ ให้เปน็ ไปตามตอ้ งการและให้เสน้ ไหมผ่านข้นึ ไปยงั รอก 7. กระบุงหรือตะกร้า สาหรับใสเ่ สน้ ไหม 2. การฟอกไหม หลงั จากทสี่ าวไหมจนหมดแล้ว ข้ันตอนต่อไปก็คือ ต้องนาไหมที่ไดน้ ้ันมาฟอกให้น่มิ และเป็นสีขาว วธิ ฟี อกไหม ชาวบา้ นไม่ได้ใช้สารเคมี แตจ่ ะใชข้ องท่ีหางา่ ยอยใู่ กลต้ ัว เช่น กาบกลว้ ย ใบกลว้ ย ตน้ กล้วย ผักโขมหนาม ต้นตงั ไก่นอ้ ย งวงต้นตาล กา้ นตาล ฝกั หรอื เปลือกเพกา ฯลฯ อย่างใดอยา่ งหน่งึ นามา ฝานให้บาง ผึง่ แดดให้แห้ง และเผาไฟจนเปน็ เถ้า นาเถา้ ท่ีได้ไปแช่นา้ ไวใ้ หต้ กตะกอน ใช้เฉพาะสว่ นท่ีเป็นนา้ ใส นาไหมทจ่ี ะฟอกลงแชโ่ ดยกอ่ นจะนาไหมลงแช่จะต้องทบุ ไหมให้ออ่ นตวั เพื่อท่ีน้าจะได้ซมึ เขา้ ไดง้ า่ ย แช่จนไหม นิม่ และขาว จงึ นาไปผึ่งแดดใหแ้ หง้ หากไหมยังไม่สะอาดก็นาไปแชต่ ามวธิ ีเดิมอีก จากนนั้ การดงึ ไหมออกจาก ลมุ่ ไหมจะตอ้ งทาโดยระมัดระวังไม่ให้พันกนั เสน้ ไหมท่ีฟอกแล้วจะอ่อนตัวลง เสน้ นิ่ม
3. การยอ้ มสไี หม สีไหมทีน่ ยิ มใชย้ อ้ มมี 2 ชนิด คือ 3. 1. สียอ้ มทไ่ี ด้จากธรรมชาติ ไดจ้ ากต้นไม้ ใชไ้ ดท้ ั้งใบ เปลอื ก ราก แกน่ และผล ชาวอีสานรจู้ กั การ ยอ้ มสีไหมให้ไดส้ ตี ามตอ้ งการ จากสธี รรมชาติมานานแล้ว มีขน้ั ตอนท่ียงุ่ ยากพอสมควรเรม่ิ จากไปหาไมท้ ่จี ะให้ สที ี่ต้องการ ซึง่ จะอย่ใู นป่าเป็นสว่ นไหญ่ บางสีต้องการใชต้ ้นไม้หลายชนิด ทาใหย้ ุง่ ยาก เมื่อได้มาแลว้ ตอ้ งมา สบั มาซอย ห่นั ใหเ้ ป็นชน้ิ เลก็ ๆ นาไปต้มกรองเอาน้าให้ได้มากตามต้องการ แลว้ จึงนาไปยอ้ มแตล่ ะคร้ังสีจะ แตกต่างกันออกไป ไม่เหมือนเดมิ ทเี ดียว ทาใหเ้ กิดรอยด่างบนผืนผ้าได้ ปัจจุบันจึงนยิ มใชส้ เี คมีเป็นสว่ นมาก หรอื เกอื บทั้งหมด เพราะย้อมง่าย ขนั้ ตอนทท่ี าไม่ย่งุ ยากซบั ซอ้ นสีท่ีไดส้ มา่ เสมอ จะย้อมกี่คร้งั ๆ ก็ได้สี เหมอื นเดิมและสีตดิ ทนนานมากกวา่ สีจากธรรมชาติ ต้นไมท้ น่ี าย้อมแบบพื้นบา้ น สที ย่ี ้อมจากธรรมชาติ มีดังน้ี 1. สีแดง ได้จาก ครง่ั รากยอ 2. สีน้าเงนิ ไดจ้ าก ต้นคราม 3. สีเหลือง ได้จาก แกน่ ขนุน ขม้นิ ชัน แก่นเข 4. สีเขียว ไดจ้ าก เปลอื กสมอและใบหกู วาง ใบเตย 5. สมี ว่ งอ่อน ได้จาก ลูกหว้า 6. สชี มพู ไดจ้ าก ต้นฝาง ตน้ มหากาฬ 7. สีดา ไดจ้ าก เปลอื กสมอ และลูกมะเกลอื ลูกระจาย 8. สีส้ม ได้จากลูกสะตี (หมากชาต)ี 9. สีนา้ ตาลแก่ ได้จาก จานแกน่ อะลาง 10. สกี ากแี กมเขยี ว ได้จาก เปลอื กเพกากับแกน่ ขนุน 11. สกี ากแี กมเหลอื ง ได้จาก หมากสงกบั แกน่ แกแล 3.2. สยี ้อมวทิ ยาศาสตร์ หรอื สีสงั เคราะห์ มีส่วนผสมทางเคมีวธิ ีย้อมแตล่ ะครัง้ จะใชส้ ัดส่วนของสี และสารเคมีท่ีแนน่ อนสีที่ได้จากการยอ้ มแตล่ ะคร้ังจะเหมือนกัน แหล่งทอผา้ ในปจั จุบันนยิ มใช้สยี อ้ ม วิทยาศาสตร์ เครอื่ งมือสาหรบั การเตรยี มไหมกอ่ นทอ กอ่ นการทอผ้าไหมตอ้ งเตรยี มเคร่ืองมืออปุ กรณข์ องในการเตรยี มไหมให้พร้อมกอ่ นทอ ดังนี้
1. กง ใช้สาหรบั ใส่ไจไหม ใชส้ าหรับกวักไหมออกจากกง อัก 3. หลา เป็นเครื่องมือท่ีใชส้ าหรบั 3.1 ใชส้ าหรบั ปนั่ หลอด (ไหม) จากอักมาสโู่ บกเพ่อื ทาเป็นทางตา่ (เสน้ พุ่ง) 3.2 เขน็ หรือปัน่ ไหม 2 เสน้ รวมกัน เรียกว่า เขน็ รังกนั เขน็ ควบกันหรือเข็นคบุ กัน ถ้าเป็น ไหม คนละสี เขน็ รวมกันแล้ว เรยี กวา่ มับไม 3.3 ใชแ้ กว่งไหม ขั้นตอนนีเ้ ป็นการเก็บปุม่ ท่ีเรียกว่า ขไ้ี หมออกจากเสน้ ไหม และยงั ทาใหเ้ ส้น ไหมบดิ ตวั แน่นขน้ึ ใช้ทาเป็นทางเครือ (เส้นยืน) หลา
4. โบก ทาจากไมไ้ ผโ่ ดยมขี นาดท่ีสามารถเขา้ กบั แกนตรงกลางของวงหลา โบก ในภาพคอื ไม้ไผข่ นาดเล็กมเี ส้นไหมสีแดงพันโดยรอบ และติดอยู่กับแกนกลางของหลา กอ่ นจะทอผ้าไหมมขี ั้นตอนการเตรยี มไหมสาหรับทอ โดยมีวิธกี ารดังน้ี 1. หลงั จากไดไ้ หมท่ฟี อกและยอ้ มสแี ล้วนาไหมท่ีไดม้ ากวกั ไหมจากกงมาใส่อัก กาลงั กวกั ไหมจากกงมาใสอ่ กั 2. นาไหมจากอกั มาใส่โบก กาลงั กวักไหมจากอกั มาใสโ่ บก
3. นาไหมจากโบกมาใสห่ ลอดโดยใช้หลาเปน็ เคร่อื งมอื ในการป่นั ไหม กาลงั ป่ันไหมจากโบกมาใส่หลอด 4. หลงั จากได้หลอดด้าย(ไหม)โดยไหมทเ่ี ข็นได้นน้ั ใสห่ ลอดให้มขี นาดพอประมาณเพอ่ื นามาใส่กระสวย หลอดด้าย(ไหม) 5. หลังจากได้หลอดไหมแลว้ หลงั จากนัน้ นามาใส่กระสวย นาไหมมาใส่ในกระสวย
6. ข้นั การทอผา้ ไหม
กลยุทธ์ส่วนประสมการตลาด (Marketing Mix) กลยทุ ธผ์ ลิตภัณฑ์ (Product Strategy) ผลิตภณั ฑ์ผ้าไหมบ้านหนองควาย ได้กาหนดกลยุทธ์ถงึ ความแตกตา่ งของผลิตภณั ฑ์ โดยใช้หลักเกณฑ์ของ องคป์ ระกอบผลิตภัณฑ์ (Product Component) 4 ระดับ มาใช้ในการวางกลยทุ ธ์เพือ่ สนองตอบความตอ้ งการของ ตลาดโดยแยกคุณสมบัติของผลิตภณั ฑ์ออกเปน็ 4 ระดบั ซึ่งมีรายละเอยี ดดงั น้ี 1. ผลติ ภัณฑห์ ลกั (Core Product) เปน็ ประโยชน์พนื้ ฐานของผลิตภณั ฑผ์ ้าทอไหมบ้านหนองควาย ก็คอื มคี วามสามารถในการคลายความชนื้ ไดด้ ี สวมใสส่ บาย และเม่ือนาไปซกั แล้วสไี มต่ ก อีกท้ังยังมีสีและลายประจาจงั หวดั หนองคาย 2. รปู ลกั ษณ์ผลติ ภัณฑ์ (Tangible Product) เปน็ ผลติ ภัณฑผ์ า้ ไหมบ้านหนองควาย โดยสามารถทอลวดลายตามความต้องการของผบู้ รโิ ภค ซึ่งผบู้ ริโภค สามารถสัมผัสและรบั รไู้ ด้ ดงั นี้ 2.1) คุณภาพ (Quality) มีความแข็งแรงของเส้นใย เสน้ ใยไหมจะมีความแข็งแรงเพม่ิ ข้ึนอกี ประมาณ รอ้ ยละ 10-20 มีสที ีท่ นทาน (สไี มต่ ก) และมคี วามคงทนต่อความรอ้ นของเตารดี ได้สูง 2.2) รูปร่างลกั ษณะ (Feature) มขี นาด 32 นว้ิ x 2 เมตร มสี ีสนั ตามความตอ้ งการของตลาด 2.3) รูปแบบ (Style) มีรปู แบบท่ที นั สมัย มกี ารออกแบบลายผ้า อาทิ ผา้ ขาวม้าในลักษณะสตี า่ ง ๆ ผ้าลายตา หมากฮอส ผา้ ลายสาน ผา้ สพี ืน้ และลายผา้ ตามความตอ้ งการของตลาด 2.4) การบรรจหุ บี หอ่ (Packaging) จะคลา้ ยคลงึ กบั กล่องผ้าไหม ซงึ่ ออกแบบจากหน่วยงานอุตสาหกรรมจง หวดั หนองคาย 2.5) ตราสนิ ค้า (Brand name) เป็นตราสินคา้ ทส่ี ่ือถงึ ผลิตภณั ฑ์ว่ามาจากที่ใด และใครเปน็ ผผู้ ลิต เพอื่ สร้าง การรบั รแู้ ละจดจาผลิตภัณฑ์นัน้ ไดง้ ่าย 3. ผลติ ภณั ฑ์ที่คาดหวงั (Expect Product) เป็นคุณสมบัตทิ ลี่ ูกค้าคาดหวงั ว่าจะไดร้ ับจากการบรโิ ภค คือได้รบั ร้ถู งึ วิธีดูแลรักษา และข้อควรระวังของผา้ ไหม 4. ศกั ยภาพของผลติ ภัณฑ์ (Potential Product) การพัฒนาลกั ษณะใหม่ ๆของผลติ ภณั ฑผ์ ้าไหมบา้ นหนองควาย เพอ่ื สนองตอบตามความต้องการของผบู้ ริโภค
ดา้ นวเิ คราะหร์ าคา (Price Analysis) สินค้าที่นาออกมาขายลว้ นแลว้ แต่เปน็ สินค้าท่ีทาด้วยมือ (Hand made) จึงมีราคาตามคุณภาพของงาน ซ้งึ ได้รับการรบั รองจากอุตสาหกรรมจงั หวดั หนองคาย อยูใ่ นระดบั 5 ดาว โดยมีราคาขายอยู่ตามลักษณะผา้ ดังน้ี 1.ผา้ ไหมแบบลายพยานาคเมตรละ 350 บ. . 2.ผ้าฝ้ายพื้นเมตรละ 150 บ. 3.ผ้าขาวมา้ ฝา้ ยเมตรละ 150 บ.
วิเคราะหด์ ้านชอ่ งทางการจดั จาหนา่ ย (Place Analysis) Location จะแบง่ การขายออกเป็น ในกลมุ่ ผ้าไหม 20% ตวั บุคคลทีท่ อผ้าไหม 80% Transport การขนสง่ เพอ่ื นาออกไปขายน้นั ทางกลุม่ และ ทางกศน. จะมารับผา้ ไปเพื่อไวท้ ศ่ี นู ย์กลางซ่ึงก็คือบ้าน ประทานกลุ่ม แล้วทางหนว่ ยราชการจะมารบั ไปขายตามงานโชว์ผลิตตา่ งๆอกี ตอ่ หนงึ่ และบางทลี กู ค้าจะมาซ้อื เอง หรือสัง่ ทางออนไลน์ วเิ คราะหด์ า้ นการสง่ เสริมการตลาด (Promotion Analysis) Sales Promotion จะมกี ารลดให้กบั ลกู ค้าถ้าส่ังซ้ือในปริมาณมากๆ และมีการประชาสมั พนั ธ์ทางเวบ็ ไซต์ Public Relations การทาประชาสมั พันธ์ยงั มนี ้อย ควรประพนั ธ์ตามส่อื หรือช่องทางต่างๆทหี่ ลากหลายมากกวา่ น้ี ชอ่ งทางการตดิ ต่อ ท่ีอยู่ บา้ นเลขท่ี 62 หมทู่ ี่ 2 บ้านหนองคาย ตาบลวงั หลวง จงั หวัดหนองคาย เบอร์โทร 087-229-7351 แมเ่ ครือวลั ย์ มาตรตราคุณ ประทานกลมุ่ ทอผา้ ไหมบ้านหนองควาย เบอรโ์ ทร 095-8565119 นายธนกฤต ศรีบวั ครู กศน.ตาบลวงั หลวง ผดู้ แู ลกลุ่มผ้าไหมบา้ นหนองควาย เวบ็ ไซต์ https://www.thaitambon.com/shop/07130134432
ผลงานดเี ด่นเชงิ ประจกั ษ์ (Best Pacties) กลุ่มทอผา้ ไหม บา้ นหนองควาย ตาบลวังหวง อาเภอเฝ้าไร่ จังหวัดหนองคาย นายธนกฤต ศรบี วั ครู กศน.ตาบลวงั หลวง ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเฝ้าไร่ สานักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวัดหนองคาย
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: