Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติพระเทพ

ประวัติพระเทพ

Published by chwannut.kong, 2020-03-29 10:46:23

Description: ประวัติพระเทพ

Search

Read the Text Version

สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า สยามบรมราชกมุ ารี เสด็จพระราชสมภพเม่ือวันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2498 (ตรงกบั วนั ข้ึน 10 ค่า เดอื น 5 ปีมะแม สปั ตศก) ณ พระท่นี ่ังอมั พรสถาน พระราชวังดุสิต เป็นสมเดจ็ พระเจ้าลกู เธอพระองคท์ ี่ 3 ใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภมู ิพลอดุลยเดช และสมเดจ็ พระนางเจ้าสิริกติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ โดยศาสตราจารย์ นายแพทย์ หมอ่ มหลวงเกษตร สนทิ วงศ์ เป็นผู้ถวายพระประสตู กิ าล และได้รับการถวายพระนามจากสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิ รญาณวงศ์ วา่ สมเด็จพระเจา้ ลูกเธอ เจา้ ฟา้ สิรนิ ธรเทพรตั นสดุ า กติ ิวัฒนาดุลโสภาคย์ พรอ้ มทงั้ ประทานค่าแปลวา่ นางแกว้ อัน หมายถึง หญงิ ผูป้ ระเสริฐ และมพี ระนามท่ีข้าราชบรพิ าร เรยี กทัว่ ไปว่า ทูลกระหม่อมน้อย พระนาม \"สริ ินธร\" นัน้ นา่ มาจากสร้อยพระนามของสมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบรุ ีราชสิ รนิ ธร ซงึ่ เปน็ สมเด็จพระราชปติ ุจฉา (ป้า) ในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ภมู พิ ลอดุลยเดช สำหรบั สร้อยพระนำม \"กิตวิ ัฒนำดุลโสภำคย์\" ประกอบขึน้ จำกพระนำมำภไิ ธยของสมเด็จพระบรมรำชบุพกำรี 3 พระองค์ ไดแ้ ก่ \"กติ ิ\" มำจำกพระนำมำภไิ ธยของ \"สมเด็จพระนำงเจ้ำสริ ิกิต์ิ พระบรมรำชินนี ำถ\" สมเด็จพระรำชชนนี (แม่) ส่วน \"วฒั นำ\" มำจำกพระนำมำภิไธยของ \"สมเดจ็ พระศรสี วรินทริ ำบรมรำชเทวี พระพนั วัสสำอยั ยิกำเจ้ำ\" (สมเด็จพระนำง เจ้ำสว่ำงวัฒนำ พระบรมรำชเทวี) สมเดจ็ พระปัยยิกำ (ย่ำทวด) และ \"อดุล\" มำจำกพระนำมำภิไธยของ \"สมเด็จพระมหติ ลำธิเบศร อดุลยเดชวกิ รม พระบรมรำชชนก\" สมเด็จพระอัยกำ (ปู่)

เม่ือปี พ.ศ. 2501 พระองค์ทรงเริม่ เข้ารับการศกึ ษาระดบั อนุบาลทโี่ รงเรยี นจติ รลดา ซ่ึงตง้ั อย่ภู ายในพระตา่ หนัก จิตรลดารโหฐาน พระราชวงั ดุสิต และทรงศกึ ษาต่อในโรงเรยี นจิตรลดาจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และ ในปี พ.ศ. 2515 ก็ทรงสอบไลจ่ บชั้นมธั ยมศึกษาตอนปลาย ในแผนกศลิ ปะ ดว้ ยคะแนนสูงสดุ ของประเทศ หลงั จากน้ัน พระองคท์ รงสอบเขา้ ศกึ ษาต่อในระดับอุดมศกึ ษา ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั โดย สามารถท่าคะแนนสอบเอนทรานซ์เปน็ อนั ดับ 4 ของประเทศซงึ่ ถือเปน็ สมเดจ็ เจา้ ฟา้ พระองค์แรกทีท่ รงเขา้ ศกึ ษาต่อ ระดับอดุ มศึกษาในประเทศ จนกระท่ัง ปี พ.ศ. 2520 พระองคท์ รงสา่ เรจ็ การศึกษาไดร้ ับปรญิ ญาอักษรศาสตรบัณฑติ สาขา ประวัตศิ าสตร์ เกยี รตนิ ยิ มอนั ดบั หนงึ่ เหรยี ญทอง ด้วยคะแนนเฉลีย่ 3.98 พระองคท์ รงเข้าศึกษาต่อในระดับปรญิ ญาโท ดา้ นจารึกภาษาตะวันออก (ภาษาสนั สกฤต และภาษาเขมร) ณ คณะ โบราณคดี มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากรและสาขาภาษาบาลแี ละสันสกฤต จาก ภาควชิ าภาษาตะวนั ออก คณะอกั ษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั ในระหวา่ งนั้น มพี ระราชกจิ มากจนทา่ ให้ไมส่ ามารถท่าวิทยานิพนธใ์ นระดบั ปริญญาโทไดพ้ รอ้ มกันทง้ั 2 มหาวทิ ยาลยั พระองค์จึงตดั สนิ พระทัยเลือกทา่ วทิ ยานิพนธ์เพอื่ ให้สา่ เร็จการศกึ ษาทีค่ ณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศลิ ปากร กอ่ น โดยทรงทา่ วทิ ยานพิ นธห์ ว้ ข้อเร่ือง “จารึกพบที่ปราสาทพนมรงุ้ ” ทรงสา่ เร็จการศึกษาได้รับปริญญาศลิ ปศาสตรมหาบัณฑิต และเขา้ รบั พระราชทานปรญิ ญาบัตรเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2522 หลงั จากนั้น พระองคท์ รงท่าวทิ ยานพิ นธห์ ัวขอ้ เรอื่ ง “ทศ บารมใี นพุทธศาสนาเถรวาท” ทรงสา่ เรจ็ การศกึ ษาไดร้ บั ปริญญาอักษรศาสตรมหาบัณฑิต จากคณะอักษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลัย และไดเ้ ขา้ รบั พระราชทานปริญญาบัตรเมอ่ื วนั ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2524 พระองคท์ รงเข้าศึกษาต่อในระดับปรญิ ญาเอก ณ คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศรนี ครินทรวโิ รฒ โดยพระองคผ์ ่าน การสอบคดั เลอื กอยา่ งยอดเยย่ี มด้วยคะแนนเป็นอนั ดับหนงึ่ ในบรรดาผูเ้ ข้าสอบท้ังหมด และทรงเปน็ นิสติ ปริญญาการศกึ ษาดษุ ฎี บัณฑิต สาขาพัฒนศกึ ษาศาสตร์ รุ่นท่ี 4 พระองค์ทรงทา่ วิทยานิพนธใ์ นหวั ขอ้ เรือ่ ง “การพฒั นานวตั กรรมเสริมทกั ษะการเรยี น การสอนภาษาไทยสา่ หรับนกั เรียนชนั้ มัธยมศึกษาตอนปลาย” เนือ่ งจากพระองค์ทรงตระหนกั วา่ สภาพการเรียนการสอน ภาษาไทยนนั้ มีปญั หา เพราะนักเรยี นไมค่ ่อยสนใจเรียนภาษาไทย มคี วามรู้ ความสามารถ ทกั ษะในการเขา้ ใจและใชภ้ าษาไม่ เพียงพอ พระองค์จงึ ทรงน่าเสนอวธิ ีการสอนภาษาไทยในลกั ษณะนวตั กรรมเสริมทักษะการเรียนการสอน เพื่อสง่ เสริมความสนใจ ในการเรยี นภาษาไทยของนักเรียนและเป็นส่อื ที่จะชว่ ยใหค้ รูสอนภาษาไทยไดง้ า่ ยขน้ึ พระองค์ทรงสอบผา่ นวทิ ยานิพนธ์อย่าง ยอดเย่ยี ม สภามหาวิทยาลยั อนมุ ัตใิ ห้ทรงส่าเรจ็ การศึกษาในระดับปรญิ ญาเอก เมอื่ วนั ท่ี 17 ตุลาคม พ.ศ. 2529

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชดา่ ริว่า สมเด็จพระเจ้าลกู เธอ เจา้ ฟ้าสริ นิ ธรเทพรตั นสุดา กิติ วฒั นาดลุ โสภาคย์ ทรงไดร้ บั ความส่าเร็จในการศึกษาอยา่ งงดงาม และทรงได้บา่ เพญ็ พระองคใ์ ห้เป็นประโยชน์แกช่ าติบ้านเมอื ง เป็นอเนกปริยาย โดยเสดจ็ พระราชดา่ เนินไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในภูมภิ าคตา่ ง ๆ อยู่เสมอ ในด้านการพฒั นาบา้ นเมือง เสดจ็ พระราชด่าเนินไปทรงศกึ ษาและชว่ ยเหลือกิจการโครงการตามพระราชดา่ รทิ กุ โครงการ พรอ้ มทรงรบั พระบรมราโชบายมาทรง ดา่ เนินการสนองพระเดชพระคุณในด้านตา่ ง ๆ นบั เปน็ การดแู ลสอดส่องพระราชกรณยี กจิ สว่ นหนึ่งตา่ งพระเนตรพระกรรณ ใน ด้านการพระศาสนา มพี ระหฤทยั มน่ั คงในพระรัตนตรัยและสนพระหฤทยั ศึกษาหาความรดู้ ้านพระพุทธศาสนาและศาสนาอนื่ อยา่ งแตกฉาน ในส่วนราชการในพระองค์นน้ั กไ็ ด้สนองพระเดชพระคณุ ในพระราชภารกิจทที่ รงมอบหมายให้ส่าเร็จลลุ ว่ งไปดว้ ยดี สมเด็จพระเจ้ำลกู เธอ พระองคน์ ี้ กอปรด้วยพระจรรยำมำรยำท เพียบพรอ้ มด้วยคณุ สมบัตแิ ห่งขัตตยิ รำชกมุ ำรที ุก ประกำร เปน็ ทีร่ กั ใครน่ ับถือ ยกยอ่ งสรรเสริญพระเกยี รตคิ ณุ กนั อยู่โดยท่ัว จึงทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำฯ สถำปนำพระ อิสรยิ ยศและพระอิสรยิ ศักดใ์ิ ห้สูงขึ้น ใหท้ รงรบั พระรำชบญั ชำและสัปตปฎลเศวตฉัตร (เศวตฉัตร 7 ช้ัน) พร้อมทง้ั เฉลมิ พระนำมตำมท่จี ำรกึ ในพระสุพรรณบัฏวำ่ สมเด็จพระเทพรตั นรำชสดุ ำ เจ้ำฟำ้ มหำจักรีสริ ินธร รัฐสมี ำคณุ ำกรปยิ ชำติ สยำม บรมรำชกุมำรี เม่อื วนั ที่ 5 ธันวำคม พ.ศ. 2520 ในการสถาปนาพระอิสริยยศสา่ หรับพระบรมวงศานุวงศฝ์ า่ ยใน ตัง้ แต่เรมิ่ ตงั้ กรงุ รตั นโกสินทรจ์ นถงึ ปัจจุบัน การสถาปนา พระยศ \"สมเดจ็ พระ\" น้นั ส่วนใหญจ่ ะเปน็ การสถาปนาพระยศของสมเดจ็ พระบรมราชชนนี พระพนั ปหี ลวง สมเดจ็ พระบรม อยั ยิกาเธอ พระวิมาดาเธอ สมเด็จพระเจ้าพน่ี างเธอ ในรชั กาลต่าง ๆ แต่การสถาปนาในครัง้ นถ้ี อื เป็นคร้งั แรกทีม่ กี ารสถาปนา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟา้ ขน้ึ เป็น \"สมเด็จพระ\" จึงเปน็ พระเกยี รตยิ ศท่ีสูงย่ิง

สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชกิจมากมาย ทงั้ พระราชกจิ ทท่ี รงสบื สานฯตอ่ จาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ, พระราชกรณียกจิ เยอื นตา่ งประเทศ, พระราชกรณยี กิจประจ่าวัน และพระราชกรณยี กจิ ทางดา้ นการศึกษา, ดา้ นพฒั นา, ดา้ นศิลปวฒั นธรรมและศาสนา, ดา้ นสาธารณกุศล, ด้าน สาธารณสขุ และโภชนาการ, ด้านการต่างประเทศ, ด้านวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี, ดา้ นอนุรักษ์สง่ิ แวดล้อม และดา้ น เกษตรกรรม พระราชกรณียกจิ ท่สี ่าคญั ของพระองค์ คือ การพัฒนาด้านการศึกษา เนื่องดว้ ยพระองคท์ รงเป็นนักการศกึ ษาและโปรดท่ี จะศกึ ษาหาความรูต้ ่างๆอย่างจรงิ จัง ดงั นัน้ พระราชกรณยี กิจเกีย่ วกับการพัฒนาการศกึ ษาจงึ กา่ เนิดข้นึ โดยจัดท่าเปน็ โครงการ ตามพระราชด่ารขิ องสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี ดงั นี้ โครงการในประเทศไทย: การพฒั นาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร, การพฒั นาเทคโนโลยีสารสนเทศ, การพัฒนา ก่าลังคนทางด้านวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี, การพัฒนาการศกึ ษาในชมุ ชนเมอื ง, การศกึ ษาพเิ ศษเพื่อผพู้ กิ าร, การพฒั นาศูนย์ ขอ้ มูลและหอ้ งสมุด, มูลนธิ สิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ

โครงการรระหว่างประเทศ: วทิ ยาลยั กา่ ปงเฌอเตยี ล จงั หวัดกา่ ปงธม ราชอาณาจกั รกมั พูชา, ความรว่ มมอื ระหวา่ ง ราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว, ความรว่ มมอื ระหวา่ งราชอาณาจกั รไทยและสหภาพพมา่ ในการ พัฒนาเด็กและเยาวชน, ความรว่ มมือระหวา่ งราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวยี ดนามในการพัฒนาเดก็ และ เยาวชน, ความรว่ มมอื ระหวา่ งราชอาณาจกั รไทยและสาธารณรฐั ประชาชนจีน, ความร่วมมือระหวา่ งราชอาณาจกั รไทยและ มองโกเลีย, การพัฒนาคณุ ภาพชีวติ ส่าหรบั เด็กและเยาวชนในภมู ิภาคเอเชยี และแปซิฟิก, ทุนการศกึ ษาพระราชทานสา่ หรบั นกั เรยี นไทยศกึ ษาตอ่ ในต่างประเทศ, ความรว่ มมอื กับองค์การระหว่างประเทศ ด้ำนกำรศึกษำ พระองค์ทรงมีความร้ทู างดา้ นภาษาบาลี ภาษาสนั สกฤต และภาษาเขมร ทรงสามารถรับสั่งเปน็ ภาษาอังกฤษ ภาษา ฝรงั่ เศส และภาษาจีน และทรงก่าลงั ศึกษา ภาษาเยอรมนั และภาษาลาตนิ อีกดว้ ย ขณะท่ที รงพระเยาว์นัน้ สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ ีนาถ ทรงสอนภาษาไทยแก่พระราชโอรสและพระราชธดิ า โดยทรงอา่ นวรรณคดีเร่อื งตา่ งๆ พระราชทาน และทรง ใหพ้ ระองคท์ รงคัดบทกลอนตา่ งๆ หลายตอน ทา่ ใหพ้ ระองค์โปรดวชิ าภาษาไทยต้งั แตน่ นั้ มา นอกจากนี้ ยังทรงสนพระทัยใน ภาษาอังกฤษและภาษาบาลดี ้วย เมอ่ื พระองคท์ รงเข้าเรียนทีโ่ รงเรียนจติ รลดานน้ั ทรงได้รบั การถา่ ยทอดความรูท้ างด้านภาษาทง้ั ภาษาไทย ภาษาบาลี ภาษาเขมร ภาษาองั กฤษ และภาษาฝรัง่ เศส โดยภาษาไทยนัน้ พระองคท์ รงเช่ยี วชาญทัง้ ด้านหลกั ภาษา วรรณคดี และศิลปะไทย เมอ่ื ทรงจบชั้นมธั ยมศกึ ษาตอนต้น พระองค์พอรแู้ นว่ ่าอยา่ งไรกค็ งไมไ่ ดเ้ รียนแผนกวิทยาศาสตร์ จงึ พยายามหัดเรียนภาษาบาลี อา่ นเขียนอักษรขอม เนือ่ งจากในสมยั นน้ั ผู้ทจี่ ะเรียนภาษาไทยใหก้ วา้ งขวาง ลกึ ซ้งึ จะต้องเรยี นทัง้ ภาษาบาลี สันสกฤต และ เขมร ซง่ึ ภาษาบาลนี น้ั เปน็ ภาษาทพ่ี ระองค์สนพระทัยตงั้ แตท่ รงพระเยาว์ แตไ่ ด้เริม่ เรยี นอย่างจรงิ จงั ในระดับมธั ยมศกึ ษาตอน ปลาย จนสามารถจา่ การแจกวภิ ตั ติเบือ้ งต้นท่สี ่าคัญได้ และเขา้ พระทยั โครงสรา้ งและลักษณะทว่ั ไปของภาษาบาลีได้ นอกจากนี้ ยังทรงเลอื กเรียนภาษาฝรง่ั เศสแทนการเรียนเปยี โน เนื่องจากมีพระราชประสงคท์ ี่จะอา่ นหนังสือภาษาฝรง่ั เศสที่มอี ยูใ่ นตูห้ นงั สือ มากกวา่ การซอ้ มเปียโน

ดำ้ นดนตรี พระองค์ทรงเปน็ ผู้เช่ยี วชาญด้านดนตรไี ทยผหู้ น่งึ โดยทรงเคร่ืองดนตรไี ทยได้ทกุ ชนดิ แตท่ โี่ ปรดทรงอยู่ประจ่า คือ ระนาด ซอ และฆอ้ งวง โดยเฉพาะระนาดเอก พระองคท์ รงเร่มิ หัดดนตรีไทย ในขณะทท่ี รงศึกษาอย่ชู ้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 โรงเรยี น จติ รลดา โดยทรงเลอื กหัดซอดว้ งเปน็ เครื่องดนตรชี น้ิ แรก และได้ทรงดนตรไี ทยในงานปิดภาคเรียนของโรงเรยี น รวมท้ัง งานวนั คนื สูเ่ หย้ารว่ มกับวงดนตรีจิตรลดาของโรงเรยี นจิตรลดาดว้ ย หลงั จากที่ทรงเข้าศึกษาในระดบั อดุ มศึกษา ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั พระองคท์ รงเขา้ รว่ มชมรมดนตรีไทยของสโมรสรนิสติ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั และคณะอักษรศาสตร์ โดยทรงเล่นซอดว้ งเปน็ หลกั และทรงเร่มิ หดั เลน่ เคร่อื งดนตรไี ทยช้ินอ่นื ๆ ด้วย ในขณะทที่ รงพระเยาว์ เครือ่ งดนตรที ี่ทรงสนพระทยั นน้ั ได้แก่ ระนาดเอกและซอสามสาย ซงึ่ พระองค์ทรงเริม่ เรยี นระนาด เอกอยา่ งจรงิ จงั เม่ือปี พ.ศ. 2528 หลังจากการเสด็จทรงดนตรไี ทย ณ บ้านปลายเนนิ ซ่งึ เปน็ วงั ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจา้ ฟ้าจิตรเจริญ กรมพระยานริศรานวุ ัดติวงศ์ โดยมคี รสู ริ ชิ ัยชาญ พักจา่ รญู เป็นพระอาจารย์ พระองค์ทรงเร่ิมเรยี นตั้งแต่การจบั ไมร้ ะนาด การตีระนาดแบบตา่ งๆ และทา่ ทป่ี ระทับขณะทรงระนาด และทรงเร่ิมเรียนการตรี ะนาดตามแบบแผนโบราณ กล่าวคอื เริม่ ต้นดว้ ยเพลงต้นเพลงฉิ่งสามชั้น แล้วจึงทรงตอ่ เพลงอืน่ ๆ ตามมา ทรงทา่ การบ้านดว้ ยการไลร่ ะนาดทุกเช้า หลงั จากบรรทมตน่ื ภายในหอ้ งพระบรรทม จนกระทง่ั พ.ศ. 2529 พระองค์จงึ ทรงบรรเลงระนาดเอกรว่ มกบั ครูอาวโุ สของวงการดนตรไี ทยหลาย ทา่ นต่อหน้าสาธารณชนเปน็ ครงั้ แรก ในงานดนตรีไทยอดุ มศกึ ษา คร้ังท่ี 17 ณ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ โดยเพลงทท่ี รงบรรเลง คือ เพลงนกขมน้ิ (เถา) นอกจากดนตรไี ทยแล้ว พระองค์ยังทรงดนตรีสากลด้วย โดยทรงเริม่ เรยี นเปียโนตั้งแตพ่ ระชนมายุ 10 พรรษา แตไ่ ดท้ รง เลิกเรยี นหลังจากน้นั 2 ปี และทรงฝึกเคร่อื งดนตรสี ากล ประเภทเคร่อื งเป่า จากพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัว จนสามารถทรง ทรัมเปตน่าวงดรุ ยิ างค์ในงานคอนเสิร์ตสายใจไทย และทรงระนาดฝรัง่ น่าวงดุริยางค์ในงานกาชาดคอนเสิรต์ ดำ้ นพระรำชนพิ นธ์ พระองค์โปรดการอ่านหนังสอื และการเขียนมาตัง้ แต่ทรงพระเยาว์ รวมกบั พระปรีชาสามารถทางดา้ นภาษาทง้ั ภาษาไทย และตา่ งประเทศ ร้อยแก้วและร้อยกรอง ดังน้ัน จงึ ทรงพระราชนิพนธห์ นังสือประเภทต่างๆ ออกมามากกวา่ 100 เลม่ ซึ่งมี หลายหลากประเภททัง้ สารคดีท่องเทย่ี วเมอ่ื เสดจ็ พระราชดา่ เนินเยือนต่างประเทศ เชน่ เกล็ดหมิ ะในสายหมอก ทศั นะจาก อนิ เดยี มนตร์ กั ทะเลใต้ ประเภทวิชาการและประวัตศิ าสตร์ เชน่ บนั ทึกเร่อื งการปกครองของไทยสมัยอยุธยาและตน้ รัตนโกสนิ ทร์ กษตั ริยานุสรณ์ หนงั สอื สา่ หรบั เยาวชน เช่น แกว้ จอมแก่น แกว้ จอมซน หนงั สอื ที่เกย่ี วขอ้ งกับพระบรมวงศานุวงศ์ ไทย เช่น สมเด็จแม่กบั การศึกษา สมเด็จพระศรนี ครินทราบรมราชชนนกี บั พระราชกรณียกจิ พระราชจรยิ าวัตรดา้ นการศกึ ษา ประเภทพระราชนิพนธแ์ ปล เชน่ หยกใสร่ายค่า ความคิดค่านึง เก็จแกว้ ประกายกวี และหนังสือทัว่ ไป เชน่ นทิ านเรอื่ งเกาะ (เรอ่ื งน้ไี ม่มีคติ) เรื่องของคนแขนหกั เป็นต้น และมลี กั ษณะการเขยี นท่ีคล้ายคลึงกบั พระราชนพิ นธใ์ นพระบาทสมเด็จพระ จลุ จอมเกล้าเจ้าอย่หู ัว กล่าวคือ ในพระราชนพิ นธเ์ รือ่ งต่างๆ นอกจากจะแสดงพระอารมณข์ ันแลว้ ยงั ทรงแสดงการวิพากษ์ วจิ ารณใ์ นแง่ต่างๆ เปน็ การแสดงพระมติสว่ นพระองค์

นอกจากพระนาม\"สริ นิ ธร\"แลว้ พระองคย์ ังทรงใช้นามปากกาในการพระราชนิพนธ์หนงั สืออีก 4 พระนาม ได้แก่ \"กอ้ นหินกอ้ นกรวด\" เปน็ พระนามแฝงที่ทรงหมายถึง พระองคแ์ ละพระสหาย สามารถแยกไดเ้ ป็น ก้อนหิน หมายถึง พระองคเ์ อง สว่ นก้อนกรวด หมายถึง กณุ ฑิกา ไกรฤกษ์ พระองคม์ รี บั ส่งั ถึงพระนามแฝงนว้ี า่ “เราตวั โตเลยใช้ว่า กอ้ นหิน หวานตวั เล็ก เลยใช้ วา่ ก้อนกรวด รวมกนั จงึ เปน็ กอ้ นหนิ -กอ้ นกรวด” นามปากกาน้ี ทรงใชค้ รัง้ เดยี วตอนประพันธบ์ ทความ \"เรอ่ื งจากเมอื ง อสิ ราเอล\" เมื่อปี พ.ศ. 2520 \"แว่นแก้ว\" เปน็ ชื่อท่ีพระองค์ทรงตงั้ ข้ึนเอง ซงึ่ พระองค์มีรบั ส่ังถึงพระนามแฝงน้ีว่า \"ชอื่ แว่นแกว้ น้ตี ง้ั เอง เพราะตอน เดก็ ๆ ชือ่ ลูกแกว้ ตวั เองอยากชอ่ื แก้ว ท่าไมถึงเปลี่ยนไปไม่ร้เู หมือนกนั แลว้ กช็ อบเพลงน้อยใจยา นางเอกช่อื แวน่ แก้ว\" พระ นามแฝง แวน่ แก้วน้ี พระองคเ์ ริ่มใชเ้ ม่ือปี พ.ศ. 2521 เมื่อทรงพระราชนิพนธ์และทรงแปลเรอ่ื งสา่ หรับเดก็ ไดแ้ ก่ แก้วจอมซน แก้วจอมแกน่ และขบวนการนกกางเขน \"หนูนอ้ ย\" พระองคม์ ีรับส่งั ถงึ พระนามแฝงนี้ว่า \"เรามชี อื่ เล่นท่เี รียกกนั ในครอบครวั วา่ น้อย เลยใช้นามแฝงวา่ หนูน้อย\" โดยพระองค์ทรงใชเ้ พยี งคร้ังเดยี วในบทความเรือ่ ง “ปอ๋ งทรี่ ัก” ตีพิมพ์ในหนงั สอื 25 ปจี ิตรลดา เมื่อปี พ.ศ. 2523 และ \"บนั ดาล\" พระองค์มรี ับสงั่ ถงึ พระนามแฝงนี้วา่ \"ใชว้ า่ บนั ดาลเพราะค่านี้ผุดขึ้นมาในสมอง เลยใชเ้ ป็นนามแฝง ไม่มเี หตุผล อะไรในการใชช้ ือ่ นเี้ ลย\" ซ่ึงพระองค์ทรงใช้ในงานแปลภาษาองั กฤษเป็นภาษาไทยที่ทรงทา่ ให้ส่านกั เลขาธกิ ารคณะกรรมการ แหง่ ชาติ วา่ ด้วยการศกึ ษา วิทยาศาสตรแ์ ละวฒั นธรรมแหง่ สหประชาชาติ กระทรวงศึกษาธิการ เม่ือปี พ.ศ. 2526 นอกจากน้ี ยังทรงพระราชนิพนธเ์ พลงเป็นจ่านวนมาก โดยบทเพลงที่ดังและนา่ มาขับรอ้ งบอ่ ยครั้ง ไดแ้ ก่ เพลง ส้มต่า รวมทั้ง ยังทรงประพนั ธค์ า่ ร้องในบทเพลงพระราชนพิ นธใ์ นพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ไดแ้ ก่ เพลง รกั และ เพลง เมนูไข่ ดว้ ยเกล้ำด้วยกระหมอ่ ม ขอบคณุ ข้อมูลจาก http://www.thaigoodview.com http://www.plan.msu.ac.th/iroffice/web/ https://th.wikipedia.org


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook