, นางรพพี ร นามมุลตรี ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครชู านาญการพิเศษ
คานา สำหรับชุดกิจกรรมกำรเรยี นรู้แบบอิเลก็ ทรอนิกส์ วิชำ กำรเขยี นโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้กำรงำนอำชพี และเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชน้ั มัธยมศึกษำปีท่ี 6 ชดุ นี้ จัดทำขึ้น เพือ่ ใชเ้ ปน็ ส่อื ประกอบกำรจดั กจิ กรรมกำรเรียนรูด้ ว้ ยกำรเรียนร้แู บบสบื เสำะหำควำมรู้ 7 ขัน้ (7E) วชิ ำ กำรเขยี นโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้กำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี สำหรบั นกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษำปที ี่ 6 โรงเรยี นนำโพธ์ิพทิ ยำสรรพ์ สงั กดั สำนักงำนเขตพืน้ ทก่ี ำรศึกษำ มัธยมศึกษำ เขต 26 เพ่ือพัฒนำผลสัมฤทธ์ทิ ำงกำรเรยี น และทกั ษะกำรคดิ วิเครำะห์ สังเครำะห์ และ แก้ปญั หำ ตลอดจนควำมสำมำรถในกำรใชเ้ ทคโนโลยแี ละกำรทำงำนรว่ มกบั ผู้อน่ื ทงั้ นี้ ชุดกิจกรรมกำรเรยี นรูแ้ บบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ วชิ ำ กำรเขียนโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้กำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี สำหรับนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศึกษำปที ี่ 6 จะชว่ ยพัฒนำ ผลสมั ฤทธิท์ ำงกำรเรยี น และทกั ษะกำรคดิ วิเครำะห์ สงั เครำะห์ และแกป้ ัญหำ ตลอดจน ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยแี ละกำรทำงำนรว่ มกบั ผูอ้ ่ืน จำกกำรทำกจิ กรรมเสริมทักษะย่อย ต่ำงๆ ประจำเน้ือหำสำระกำรเรยี นรูท้ กี่ ำหนดใหต้ ำมวิธีกำรเรยี นรูแ้ บบสืบเสำะหำควำมรู้ มีควำม สอดคลอ้ งตำมมำตรฐำนกำรเรียนรู้และตวั ชวี้ ัด หลักสูตรแกนกลำงกำรศกึ ษำขั้นพน้ื ฐำน พทุ ธศกั รำช 2551 และหลักสตู รสถำนศึกษำโรงเรียนนำโพธ์ิพทิ ยำสรรพ์ สังกดั สำนกั งำนเขตพืน้ ท่ีกำรศึกษำ มธั ยมศกึ ษำ เขต 26 มุ่งเน้นกำรเรยี นรูด้ ้วยตวั เอง และทำกิจกรรมรว่ มกับผู้อ่ืน เพื่อให้นักเรียนรจู้ กั เข้ำสงั คมและปรับตัวใหเ้ ข้ำกับผ้อู ื่นได้ ตลอดจนสำมำรถนำควำมรู้ ควำมสำมำรถไปปรับประยุกต์ใช้ ในชวี ติ ประจำวนั ได้ ผ้จู ัดทำขอขอบพระคุณ และคณะครูอำจำรยท์ ุกทำ่ นทีใ่ ห้กำรสนบั สนุนกำรพัฒนำชุดกิจกรรม กำรเรยี นรแู้ บบอิเล็กทรอนกิ ส์ วิชำ กำรเขยี นโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ กำรงำนอำชพี และเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษำปีที่ 6 น้ี ได้สำเรจ็ ตำมวตั ถปุ ระสงค์ จนทำใหม้ ีควำมสมบรู ณ์ถูกต้องเป็นอย่ำงดี และเป็นประโยชน์ต่อครู นักเรียน และผู้สนใจได้เปน็ อย่ำงดี รพีพร นำมมุลตรี
คาช้ีแจง ชุดกจิ กรรมกำรเรียนรู้แบบอิเล็กทรอนิกส์ วิชำ กำรเขียนโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้กำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี สำหรับนกั เรียนช้นั มัธยมศึกษำปที ่ี 6 มีเนื้อหำสำระ สอดคล้องกบั หลักสตู รกำรศึกษำข้ันพื้นฐำน พุทธศักรำช 2551 และหลักสูตรสถำนศึกษำตำม กระทรวงศกึ ษำธกิ ำรกำหนด ซ่ึงนับว่ำมคี วำมสำคญั อย่ำงยงิ่ สำหรบั นกั เรยี น เพรำะถือเป็นพืน้ ฐำน สำคญั ของกำรใช้เทคโนโลยีในยุค 4.0 และสอดคล้องกบั กำรเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 น้ี เพื่อส่งเสรมิ และพฒั นำกำรเรยี นรูด้ ้ำนเทคโนโลยแี กน่ กั เรยี น ตลอดจนทักษะกำรคิดวิเครำะห์ สงั เครำะห์ และ กำรแกป้ ัญหำ เพื่อกำรนำไปใช้ในชีวติ ประจำวัน ชดุ กจิ กรรมกำรเรียนร้แู บบอเิ ล็กทรอนิกส์ วชิ ำ กำรเขียนโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้กำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี สำหรับ นกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษำปีท่ี 6 ชดุ นี้ ท่ีไดจ้ ดั ทำขึน้ ประกอบด้วย 9 ชดุ ดงั น้ี ชดุ ที่ 1 หลักกำรเขียนโปรแกรมเบ้ืองต้น ชุดที่ 2 กำรตดิ ต้ังโปรแกรม Dev C++ ชดุ ท่ี 3 องคป์ ระกอบของภำษำซี ตัวแปร และชนดิ ข้อมลู ชุดท่ี 4 นพิ จนแ์ ละตัวดำเนนิ กำร ชุดที่ 5 ฟงั กช์ ันกำรรบั แสดงผล และฟังก์ชนั ทำงคณิตศำสตร์ ชุดที่ 6 คำสัง่ ควบคุมเงอื่ นไข และกำรทำงำนเป็นรอบ ชดุ ท่ี 7 อำร์เรย์และฟังก์ชนั จดั กำรสตริง ชดุ ที่ 8 กำรสรำ้ งฟงั กช์ ันและตวั แปรชนดิ พอยน์เตอร์ ชุดท่ี 9 ขอ้ มลู ชนดิ โครงสรำ้ งและกำรจัดกำรแฟ้มข้อมูล ทง้ั น้ี ชดุ กจิ กรรมกำรเรยี นรแู้ บบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ วชิ ำ กำรเขียนโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุม่ สำระกำรเรียนรกู้ ำรงำนอำชพี และเทคโนโลยี สำหรับนกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษำปที ่ี 6 เปน็ หนงั สอื อิเล็กทรอนกิ ส์ โดยสำมำรถ สแกนผ่ำน QR-Code หรือผำ่ นลิงค์เวบ็ ไซต์ https://pubhtml5.com/bookcase/wjru เพ่ือใช้งำนตำมปกติ พร้อมกับรูปเล่มจริง ตำมลิงค์ ออนไลนท์ ี่แนบนี้ QR-Code
คาแนะนาสาหรับครู 1. นกั เรียนศกึ ษำคำชแ้ี จง และคำแนะนำให้พร้อมก่อนเริ่มศกึ ษำ 2. นกั เรียนรบั ฟงั คำแนะนำกำรใชช้ ุดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้แบบอิเล็กทรอนิกส์ วิชำ กำรเขยี น โปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุม่ สำระกำรเรยี นรู้กำรงำนอำชพี และเทคโนโลยี สำหรบั นักเรียน ชน้ั มัธยมศกึ ษำปีที่ 6 ให้เข้ำใจก่อนเสมอ 3. นักเรียนแบ่งกลมุ่ 4-5 คน เพอ่ื ทำกจิ กรรมกำรเรียนรู้ 4. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี นประจำชุดกิจกรรมกำรเรียนรแู้ บบอเิ ล็กทรอนิกส์ วิชำ กำรเขยี นโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรียนรกู้ ำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี สำหรับนกั เรยี นช้ันมธั ยมศึกษำปที ี่ 6 ด้วยควำมต้ังใจ และซ่ือสัตย์ 5. นกั เรียนศึกษำใบควำมรู้ ให้เข้ำใจก่อนทำกิจกรรมระหว่ำงเรยี น และกิจกรรมโครงงำน 6. ทบทวนควำมรู้และฝึกทักษะกระบวนกำรทำงเทคโนโลยีดว้ ยกำรทำกิจกรรมกำรเรียนรู้ 7. หำกนักเรยี นเกดิ ขอ้ สงสยั ให้ปรึกษำ หรอื แจ้งครูไดท้ ันที และให้นักเรยี นควรตรวจสอบ ควำมถกู ตอ้ งของกำรทำกิจกรรมให้เรยี บรอ้ ย 8. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนประจำชุดกิจกรรมกำรเรียนรแู้ บบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ วชิ ำ กำรเขียนโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรียนรูก้ ำรงำนอำชพี และเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนช้นั มธั ยมศึกษำปที ่ี 6 ด้วยควำมต้องใจ และซือ่ สตั ย์ 9. นักเรยี นรวบรวมกระดำษคำตอบและชดุ กจิ กรรมกำรเรียนรแู้ บบอเิ ล็กทรอนิกส์ วิชำ กำรเขียนโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้กำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี สำหรบั นักเรียนชั้นมธั ยมศึกษำปที ่ี 6 สง่ คืนครู 10. นกั เรียนตอ้ งใหค้ วำมร่วมมอื ในกำรทำกิจกรรมกำรเรียนรู้ เพ่ือให้บรรลเุ ปำ้ หมำย
คาแนะนาสาหรบั นกั เรียน 1. ศึกษำคำชีแ้ จง คำแนะนำ และเตรยี มกระดำษคำตอบให้พร้อมก่อนเร่มิ ศึกษำ 2. อธบิ ำยและให้คำแนะนำกับนกั เรียนในกำรใช้ชดุ กจิ กรรมกำรเรียนรแู้ บบอเิ ล็กทรอนิกส์ วชิ ำ กำรเขยี นโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรียนรกู้ ำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี สำหรบั นักเรยี นชั้นมัธยมศึกษำปีท่ี 6 3. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม 4-5 คน เพื่อทำกิจกรรมกำรเรยี นรู้ 4. ให้นักเรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียนประจำชดุ กิจกรรมกำรเรียนรู้แบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ วิชำ กำรเขยี นโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรียนร้กู ำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี สำหรับนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษำปีท่ี 6 ด้วยควำมต้งั ใจ และซื่อสตั ย์ 5. ใหน้ ักเรียนศกึ ษำใบควำมรู้ ให้เข้ำใจก่อนทำกิจกรรมระหว่ำงเรยี นและกิจกรรมโครงงำน 6. ให้ทบทวนควำมรูแ้ ละฝึกทักษะกระบวนกำรทำงเทคโนโลยีด้วยกำรทำกิจกรรมกำรเรียนรู้ 7. หำกนกั เรยี นเกดิ ข้อสงสยั ใหป้ รึกษำ หรือแจ้งครูได้ทนั ที และให้นกั เรียนควรตรวจสอบ ควำมถกู ต้องของกำรทำกิจกรรมใหเ้ รยี บรอ้ ย 8. ให้นักเรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรยี นประจำชุดกจิ กรรมกำรเรียนรู้แบบอเิ ล็กทรอนิกส์ วชิ ำ กำรเขียนโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรียนรกู้ ำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษำปที ี่ 6 ดว้ ยควำมต้องใจ และซื่อสตั ย์ 9. ให้นกั เรียนรวบรวมกระดำษคำตอบและชดุ กิจกรรมกำรเรียนรู้แบบอเิ ล็กทรอนิกส์ วิชำ กำรเขียนโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรียนรกู้ ำรงำนอำชพี และเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษำปที ี่ 6 ส่งคืนครู 10. สงั เกตพฤตกิ รรมและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ของนักเรียนเพ่ือบันทึกคะแนน และกล่มุ
มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ช้วี ัด มำตรฐำน ง 3.1 เขำ้ ใจ เหน็ คุณค่ำ และใช้กระบวนกำรเทคโนโลยีสำรสนเทศในกำรสืบค้น ขอ้ มูล กำรเรยี นรู้ กำรส่ือสำร กำรแก้ปัญหำ กำรทำงำน และอำชีพอยำ่ งมปี ระสิทธภิ ำพประสทิ ธผิ ล และมีคุณธรรม (ง3.1 ม.5/1-13) แนวคิด ศึกษำเกีย่ วกับฟังกช์ ันกำรรับและแสดงผลข้อมูล ฟงั ก์ชันจัดกำรจอภำพ และฟังกช์ นั ทำงคณิตศำสตร์ ซ่ึงเนื้อหำเหล่ำนีถ้ ือเปน็ ส่ิงสำคัญในกำรศึกษำวชิ ำกำรเขยี นโปรแกรมเบ้ืองต้นทง้ั ส้นิ สาระการเรียนรู้ หน่วยที่ 5 ฟงั ก์ชันกำรรับและแสดงผล และฟังก์ชันทำงคณิตศำสตร์ 1. ฟงั กช์ นั กำรรับและแสดงผลข้อมูล 2. ฟงั ก์ชนั จัดกำรจอภำพ 3. ฟังก์ชันทำงคณติ ศำสตร์ จุดประสงค์การเรียนรู้ ความรู้ ความเข้าใจ (K) 1. มีควำมรเู้ กย่ี วกับฟงั กช์ ันกำรรบั และแสดงผล และฟังก์ชันทำงคณิตศำสตร์ 2. รวบรวม วเิ ครำะหข์ ้อมูลเก่ียวกบั ฟงั กช์ ันกำรรบั และแสดงผล และฟังกช์ ันทำงคณิตศำสตร์ได้ 3. สรปุ ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ฟังก์ชันกำรรับและแสดงผล และฟังก์ชนั ทำงคณติ ศำสตรไ์ ด้ ทกั ษะกระบวนการ (P) 1. ใช้ควำมรู้เกี่ยวกับฟังกช์ นั กำรรบั และแสดงผล และฟงั ก์ชนั ทำงคณิตศำสตร์ได้ 2. มีกำรคิดวเิ ครำะห์ และกำรให้เหตผุ ลตำมกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ได้ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) 1. มีควำมสนใจและตั้งใจเรียน กระตือรอื ร้น ตรงต่อเวลำ ใหค้ วำมรว่ มมือในกำรทำงำนกลุม่ และ มเี จตคติทด่ี ีตอ่ กำรเรยี นวิทยำศำสตร์ สมรรถนะท่ีสาคญั (C) 1. ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ 2. ควำมสำมำรถในกำรให้เหตุผล 3. ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร 4. ควำมสำมำรถในกำรเชื่อมโยง 5. ควำมสำมำรถในกำรใช้ควำมคิดริเร่มิ สรำ้ งสรรค์
ภาระหน้าที่ / ชน้ิ งาน ชุดกิจกรรมกำรเรยี นรู้แบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ วิชำ กำรเขยี นโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้กำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี สำหรับนกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษำปีท่ี 6 ชุดท่ี 5 ฟงั กช์ นั กำรรับและแสดงผล และฟงั กช์ ันทำงคณติ ศำสตร์ 1. แบบทดสอบก่อนเรยี น 2. กิจกรรมระหวำ่ งเรียน (กจิ กรรมที่ 1-5) 3. แบบทดสอบหลงั เรียน กระบวนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ กำรเรยี นรแู้ บบสืบเสำะหำควำมรู้ 7 ข้ัน (7E) การวดั ผลประเมินผลการเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน คะแนนเฉลีย่ ร้อยละ 80 ขึ้นไป จงึ จะผ่ำนเกณฑ์ 2. กิจกรรมระหว่ำงเรยี น คะแนนเฉลยี่ รอ้ ยละ 80 ข้ึนไป จงึ จะผำ่ นเกณฑ์ 3. แบบทดสอบหลังเรียน คะแนนเฉลย่ี ร้อยละ 80 ขึ้นไป จึงจะผำ่ นเกณฑ์ 4. แบบประเมนิ สมรรถนะทสี่ ำคัญ คะแนนเฉล่ีย รอ้ ยละ 60 ขึน้ ไป จงึ จะผำ่ นเกณฑ์ 5. แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คะแนนเฉลี่ย ร้อยละ 60 ขน้ึ ไป จึงจะผำ่ นเกณฑ์
สารบญั คำนำ หน้า คำชแี้ จง ก คำแนะนำสำหรับครู ข คำแนะนำสำหรบั นกั เรยี น ค ง ชุดกิจกรรมกำรเรียนรู้แบบอิเลก็ ทรอนิกส์ วิชำ กำรเขยี นโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้กำรงำนอำชพี และเทคโนโลยี สำหรบั นักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษำปที ี่ 6 จ สำรบญั ช แบบทดสอบก่อนเรียน 1 กระดำษคำตอบแบบทดสอบก่อนเรยี น 3 ใบควำมรู้ เรือ่ ง ฟังก์ชันกำรรับและแสดงผล และฟังกช์ นั ทำงคณิตศำสตร์ 4 20 กจิ กรรมที่ 1 21 กจิ กรรมที่ 2 22 กจิ กรรมท่ี 3 23 กจิ กรรมที่ 4 24 กิจกรรมท่ี 5 25 แบบทดสอบหลงั เรยี น 27 กระดำษคำตอบแบบทดสอบหลังเรียน 28 ภำคผนวก 29 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น 30 เฉลยกจิ กรรมท่ี 1 31 เฉลยกิจกรรมท่ี 2 32 เฉลยกจิ กรรมที่ 3 33 เฉลยกิจกรรมที่ 4 34 เฉลยกิจกรรมท่ี 5 35 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น 36 แบบบนั ทกึ คะแนน 37 บรรณำนกุ รม 38 ประวตั ิยอ่ ผ้จู ัดทำ
คาช้ีแจง ให้นกั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำตอบเดียวแลว้ ทำเครือ่ งหมำย X ลงใน กระดำษคำตอบ 1. ข้อใดต่อไปน้ีกล่ำวผดิ ก. คำส่ังในภำษำซีล้วนอยู่ในรูปแบบของฟงั กช์ นั ทง้ั สิ้น ข. กำรใช้งำนฟงั กช์ ันมำตรฐำนในภำษำซีได้ทำให้เรำไมต่ ้องเขียนฟังก์ชันใชง้ ำนเอง ค. เรำสำมำรถเลือกใชง้ ำนฟงั กช์ นั เพอ่ื กำรรบั และแสดงผลข้อมูลได้ ง. เรำไม่สำมำรถสรำ้ งฟงั ก์ชันเพ่อื ใช้งำนเองในภำษำซีได้ 2. ฟังก์ชนั ใดต่อไปนี้ เป็นฟงั กช์ นั เพอ่ื กำรรบั ค่ำทั้งสิ้น ก. scanf(), printf() ข. putchar(), grtche() ค. scanf(), getch(), getchar() ง. getchar(), putchar() 3. รหสั รูปแบบข้อมูลตำมข้อใดท่นี ำมำใชก้ ับตัวเลขจำนวนเต็ม แบบไม่มีเครื่องหมำย ก. %s ข. %u ค. %e ง. %f 4. กำหนดให้ตัวแปร s มีคำ่ เปน็ “This is a text” อยำกทรำบวำ่ ในกำรส่งั พิมพ์จะต้องใชร้ หสั รปู แบบขอ้ มลู ตำมข้อใด ก. %c ข. %s ค. %d ง. %a
5. รหัสรูปแบบข้อมลู ตำมขอ้ ใด ท่นี ำมำใช้กบั เลขจำนวนเต็ม และเลขจำนวนจรงิ ก. %d, %f ข. %f, %d ค. %c, %d ง. %f, %ld 6. ตัวแปรทน่ี ำมำใชร้ บั ค่ำตัวเลขในฟงั ก์ชัน scanf() จะต้องใช้เครือ่ งหมำยใดนำหน้ำตวั แปร ก. # ข. & ค. $ ง. @ 7. ฟังก์ชันใดต่อไปนี้ท่รี บั อักขระ 1 ตัว แลว้ ตอ้ งยนื ยนั ดว้ ยกำรเคำะปุม่ Enter ก. putchar() ข. getch() ค. getchar() ง. getche() 8. ฟงั กช์ นั ใดต่อไปนี้ ที่รับอักขระหรือแป้นคียห์ น่ึงตวั โดยไม่ต้องยืนยนั ด้วยกำรเคำะป่มุ ก. getchar() ข. getch() ค. getche() ง. scanf() 9. จำกขอ้ ที่ 8 อยำกทรำบวำ่ เวลำใช้งำน ต้องผนวกเฮดเดอร์ไฟล์ใดทสี่ ว่ นหวั โปรแกรม ก. <stdio.h> ข. <conio.h> ค. <getch.h> ง. <math.h> 10. จำกขอ้ ท่ี 9 และฟังกช์ ันตำมขอ้ ใดต่อไปนี้ ทป่ี ระกำศใช้งำนอยูใ่ นเฮดเดอร์ไฟลด์ ังกล่ำว ก. printf() ข. ClrScr() ค. gotoxy() ง. scanf()
คาช้แี จง ใหน้ ักเรยี นเลือกคำตอบท่ีถกู ท่ีสุดเพยี งคำตอบเดียวแลว้ ทำเคร่อื งหมำย X ลงใน กระดำษคำตอบ ข้อ ก ข ค ง 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. สรุปคะแนน สรุปผล ผา่ น ไม่ผ่าน คะแนนเต็ม คะแนนท่ีได้ ……………...…. …………………. 10 คะแนน ………………. คะแนน
ตวั อย่ำงฟังก์ชันท่ภี ำษำซีจดั เตรียมมำให้ เชน่ ฟงั กช์ นั print() ทน่ี ำมำใช้เพื่อสั่งพมิ พข์ ้อมูล เพ่อื แสดงออกทำงจอภำพ หรือกรณีต้องกำรรบั ค่ำข้อมลู ทำงแปน้ พมิ พ์ก็จะต้องใช้ฟงั กช์ ัน scanf() เปน็ ตน้ ทัง้ น้กี ำรเรียกใชง้ ำนฟังก์ชันดงั กลำ่ วจำเปน็ ต้องรถู้ ึงรปู แบบกำรเขยี น (Syntax) รวมถึงตอ้ งรู้ ต้องดว้ ยฟังก์ชันทใ่ี ชง้ ำนเหล่ำนี้ประกำศใชง้ ำนอยู่ในเฮดเดอร์ไฟลใ์ ด อยำ่ งไรกต็ ำมนอกจำกฟงั ก์ชัน ทงั้ สองแลว้ ภำษำซียังมีฟงั กช์ ันอื่นๆ ที่สำมำรถนำมำใช้เพ่ือกำรแสดงผลข้อมูลและกำรรับขอ้ มูลไดอ้ ีก ทง้ั นี้ก็ขึน้ อยูก่ ับจดุ ประสงคข์ องกำรใช้งำนเป็นสำคญั โดยปกติฟังกช์ นั ทีส่ ั่งใช้งำนเพ่ือกำรรับและ แสดงผลขอ้ มูลน้นั มักถูกประกำศไวใ้ นเฮดเดอร์ไฟล์ <stdio.h> สำหรับในใบควำมรู้นี้ จะเรยี นรู้เกย่ี วกบั ฟังกช์ นั ท่ีเกย่ี วขอ้ งกับสงิ่ เหล่ำนี้ - ฟังก์ชันกำรรบั และแสดงผลข้อมลู ซึ่งประกำศใช้งำนอย่ใู นเฮดเดอร์ไฟล์ <stdio.h> - ฟังกช์ ันกำรจัดกำรจอภำพ ซึง่ ประกำศใช้งำนอยู่ในเฮดเดอร์ไฟล์ <conio.h> - ฟงั ก์ชนั ทำงคณติ ศำสตร์ ซ่ึงประกำศใชง้ ำนอยใู่ นเฮดเดอร์ไฟล์ <math.h> ในภำษำซไี ด้เตรยี มฟังก์ชันเพื่อกำรรบั และแสดงผลข้อมลู อยู่หลำยคำสั่งดว้ ยกนั ซง่ึ สำมำรถ นำมำเลอื กใชง้ ำนตำมควำมเหมำะสม โดยในท่ีนจี้ ะขอกล่ำวถึงฟงั กช์ นั printf(),. scanf(), getchar(), putchar(), getch() และ getche() ดงั รำยละเอยี ดตำมแต่ละหัวข้อต่อไปนี้ 1. ฟงั ก์ชนั printf() เป็นฟังก์ชนั ที่ใช้สำหรับแสดงผลข้อมูล ไมว่ ำ่ จะเป็นข้อมลู ที่เปน็ ตวั อกั ขระ ข้อควำม หรอื คำ่ ตัวแปร ซง่ึ มรี ปู แบบกำรเขียนดังน้ี รูปแบบ printf (\"formatControlString\", printfList); โดยท่ี formatControlSring คอื รูปแบบท่ีนำมำใชส้ ำหรับควบคุมกำรพิมพ์รวมถึงข้อควำม ทีต่ อ้ งกำรสง่ั พิมพ์ ซ่ึงจะต้องอย่ภู ำยในเครอื่ งหมำย “ ” printList คอื ตัวแปรที่นำมำพิมพ์ซง่ึ จะจบั คกู่ ับ formaControlSring ที่สัมพันธ์กันอยำ่ งถูกต้อง
ตำรำงท่ี 1 รูปแบบท่นี ำมำใช้เพ่ือกำรจัดพิมพ์คำ่ ข้อมลู รหัสรูปแบบข้อมูล ชนดิ ขอ้ มูลที่พิมพ์ %c ตัวอักขระ 1 ตัว %d เลขจำนวนเตม็ (int) %ld เลขจำนวนเตม็ แบบยำว (long int) %e เลขจำนวนจรงิ แบบเอก็ โปเนนต์ %f เลขจำนวนจริง (float) %o เลขฐำนแปด %s ข้อควำมสตรงิ %u เลขจำนวนเตม็ ไม่มีเคร่ืองหมำย (unsigned) %x เลขฐำนสิบหก นอกจำกนี้แลว้ เรำยังสำมำรถผนวกรหสั ควบคุม (Escape Sequence) เขำ้ ไปใน FormatControlSring ได้อีก ซึ่งรหสั ควบคมุ เหล่ำนจ้ี ะเขียนดว้ ยเครือ่ งหมำย \\ (Back Slash) และ ตำมดว้ ยรหสั ควบคมุ ซ่งึ ประกอบดว้ ย รหัสควบคมุ ตำรำงที่ 2 รหัสควบคมุ (Escape Sequence) \\0 (ศูนย์) ความหมาย ค่ำวำ่ ง (null) \\a \\b สง่ เสยี งป๊ีป 1 ครั้ง \\f ถอยหลงั 1 ตวั อักษร \\n ขน้ึ หน้ำใหม่ (form feed) \\r ข้ึนบรรทดั ใหม่ (new line) \\t ยำ้ ยเคอรเ์ ซอร์กลบั ไปทต่ี ้นบรรทัด \\v แทบ็ แนวนอน (horizontal tab) \\’ แทบ็ แนวต้งั (vertical tab) \\” พมิ พ์เคร่ืองหมำย ’ \\\\ พมิ พ์เคร่ืองหมำย ” พิมพ์เคร่ืองหมำย \\ ทง้ั นี้ตอ้ งพงึ ระมดั ระวงั ในเร่ืองของกำรจบั ครู่ ะหวำ่ งรหัสรูปแบบข้อมลู ทีต่ อ้ งตรงกับชนิดตวั แปรทส่ี ัง่ พิมพ์ ดังน้ี printf(\"%d %f %s \\n\",50,100.5, \"Hello...c\"); ภำพที่ 1 กำรจบั ครู่ ะหว่ำงรหัสรูปแบบข้อมลู
โดยท่ี คำ่ ตวั เลข 50 เป็นเลขจำนวนเตม็ จบั ค่กู บั รปู แบบกำรพิมพ์ %d ค่ำตวั เลข 100.5 เป็นเลขจำนวนจริง จบั คกู่ ับรปู แบบกำรพิมพ์ %f ข้อควำม \"Hello...C\" เปน็ กลุ่มขอ้ ควำมสตรงิ จบั คู่กับรูปแบบกำรพิมพ์ %s ตัวอยา่ งเชน่ printf (\"Hello....how are you\\n\") ภำพท่ี 2 กำรส่งั พิมพ์ข้อควำม และปัดบรรทดั ใหม่ ผลลพั ธ์ คือ => Hello...how are you char ch = ‘A’; printf (\"%s %c\", \"ASCII Code 65 is\", ch); ภำพที่ 3 กำรส่งั พิมพข์ ้อควำม และพิมพต์ ัวอักขระตำมรูปแบบ %c ผลลพั ธ์ คือ => ASCI Code 65 is A printf(\"%s: %d, %f\", \"Digit\", 84, 1001.89); ภำพที่ 4 กำรส่งั พมิ พ์กลมุ่ ข้อควำม ตัวเลขชนดิ เลขจำนวนเต็ม และเลขจำนวนจริง ผลลัพธ์ คือ => Digit: 84, 1001,890000 1: #include <stdio.h> 2: main() 3: { 4: int number = 555; 5: char confirm = ‘y’; 6: double root1 = 3.25; 7: char str[20] = \"Normal termination\"; 8: 9: printf(\"%o\\n\", number); 10: printf(\"%X\\n\", number); 11: 12: printf(\"%d\\n\", 12345); 13: printf(\"%d\\n\", number); 14: printf(\"%d\\n\", number + 5); 15: 16: printf(\"Enter value of a:\\n\"); 17: printf(\"%s\\n\", \"Enter value of a:\"); 18: 19: printf(\"%c\\n\", ‘a’); 20: printf(\"%c\\n\", confirm); 21: 22: printf(\"%f\\n\", 1.25); 23: printf(\"%f\\n\", 1.2500); 24: printf(\"%f\\n\", -1.0000); 25: printf(\"%f\\n\", 1.2500e1); 26: printf(\"%f\\n\", root1); 27: 28: printf(\"%lf\\n\", root1); 29: 30: printf(\"%e\\n\", root1); 31: printf(\"%s\\n\", str); 32: } ภำพท่ี 5 โปรแกรมทดสอบกำรพิมพ์ข้อมูล และค่ำตัวแปร
ภำพท่ี 6 ผลลพั ธจ์ ำกกำรรันโปรแกรมทดสอบกำรพมิ พ์ข้อมลู และคำ่ ตวั แปร จำกผลกำรรันโปรแกรมข้ำงต้นจะพบว่ำค่ำต่ำงๆ ที่ส่ังพิมพ์จะแสดงผลในรูปแบบของชิดซ้ำย ท้ังหมด ดังนั้นต่อไปนี้เรำจะมำเรียนรู้ถึงวิธีกำรจัดข้อมูลของข้อมูลประเภทต่ำงๆ ท้ังแบบชิดซ้ำยและ ชิดขวำตำมโปรแกรมตวั อย่ำงภำพท่ี 7 ตอ่ ไปน้ี 1: #include <stdio.h> 2: main() 3: { 4: printf(\"1234567890 <-Column\\n\"); 5: printf(\"----------\\n\"); 6: printf(\"%d\\n\", 100); 7: printf(\"%5d\\n\", 100); 8: printf(\"%10d\\n\", 100); 9: printf(\"%+10d\\n\", 100); 10: printf(\"%-10d\\n\", 100); 11: 12: printf(\"%f\\n\", 55.95); 13: printf(\"%5.2f\\n\", 55.95); 14: printf(\"%10.2f\\n\", 55.95); 15: 16: printf(\"%s\\n\", \"Hello\"); 17: printf(\"%10s\\n\", \"Hello\"); 18: } ภำพท่ี 7 โปรแกรมทดสอบกำรจัดรูปแบบกำรพมิ พข์ ้อมลู ประเภทต่ำงๆ
ภำพที่ 8 ผลลพั ธจ์ ำกกำรรนั โปรแกรมทดสอบกำรจัดรปู แบบกำรพิมพ์ข้อมูลประเภทตำ่ งๆ 2. ฟังก์ชนั scanf() เป็นฟงั ก์ชนั ทีใ่ ชส้ ำหรับรบั คำ่ ข้อมูลจำกทำงแปน้ พมิ พ์เพ่ือจดั เก็บไว้ใน ตัวแปร โดยมีรปู แบบดังน้ี รปู แบบ scanf (\"formatControlString\", inputList); โดยท่ี formatControlString คอื ส่วนควบคมุ รปู แบบข้อมูลที่ตอ้ งสัมพนั ธ์กับชนิดตัวแปร โดย จะกำหนดอยใู่ นเครื่องหมำย \" \" inputList คือตวั แปรท่ีใช้รบั ค่ำ และกรณีท่ตี ้องกำรรบั คำ่ ตวั แปรหลำยตัว สำมำรถใช้เคร่ืองหมำย , คั่น นอกจำกนใี้ นกำรรบั ค่ำข้อมูลทำงแปน้ พมิ พ์ด้วยฟงั ก์ชัน scanf() จะตอ้ งพิจำรณำสงิ่ ตอ่ ไปนี้ 1. ถำ้ ขอ้ มลู ทรี่ บั เปน็ ชนดิ ตัวเลขซึ่งนำไปใชใ้ นกำรคำนวณได้จะตอ้ งใสเ่ ครื่องหมำย & นำหน้ำ ตวั แปรเสมอ 2. ถำ้ ขอ้ มูลทรี่ บั เป็นข้อควำมอำจไมต่ ้องใสเ่ ครื่องหมำย & นำหน้ำตัวแปรกไ็ ด้ กำรรบั ข้อมูลทำงแปน้ พิมพ์ดว้ ยฟงั ก์ชนั scanf() จะต้องจบั คู่ตวั แบบข้อมลู และชนิดข้อมลู ใหต้ รงกันในทำนองเดียวกนั กับฟงั ก์ชนั printf() ซึง่ แสดงได้ดงั นี้ int num1; float num2; scanf(\"%d %f\",&num1,&num2; ภำพที่ 9 กำรรับขอ้ มลู ทำงแป้นพิมพด์ ว้ ยฟังก์ชนั scanf()
ตัวอย่างเชน่ char name = [15]; scanf (\"%s\", name); ภำพที่ 10 ประกำศตวั แปร name เป็นชนดิ ข้อควำมขนำด 15 ตวั อักษรและให้รบั ค่ำชอ่ื ฝำนทำงแปน้ พมิ พ์ int age; scanf (\"%d\", &age); ภำพท่ี 11 ประกำศตัวแปร age เป็นชนดิ เลขจำนวนเต็ม (int) และใหร้ บั คำ่ อำยผุ ำ่ นทำงแป้นพมิ พ์ float hight, weigh; scanf (\"%f %f\", &hight, &weigh); ภำพท่ี 12 ประกำศตัวแปร hight และ weigh เปน็ ชนิดเลขจำนวนเต็ม (float) และให้รับค่ำสว่ นสูงและน้ำหนกั ผ่ำนทำงแป้นพิมพ์ อยำ่ งไรกต็ ำมในกำรรับคำ่ ข้อมลู ทำงแป้นพมิ พ์ควรสั่งพิมพ์ข้อควำมท่ีแสดงด้วย เพือ่ แจ้งให้ ยสู เซอร์ทรำบว่จะให้กรอกข้อมลู อะไรลงไปบ้ำง เชน่ float hight, weigh; printf(\"Please input hight and weigh with Centimeters and Kilograms.\\n\"); scanf (\"%f %f\", &hight, weigh); ภำพท่ี 13 กำรรับค่ำข้อมูลทำงแป้นพิมพ์ควรส่ังพมิ พข์ ้อควำมท่แี สดงดว้ ย 1: #include <stdio.h> 2: main() 3: { 4: char name[10]; 5: int mid, fin; 6: 7: printf(\"Input name, midterm, final score\\n\"); 8: scanf(\"%s %d %d\", name, &mid, &fin); 9: 10: printf(\"\\n\"); 11: printf(\"NAME : %s\\n\", name); 12: printf(\"MID : %3d\\n\", mid); 13: printf(\"FIN : %3d\\n\", fin); 14: printf(\"TOTAL : %3d\\n\", mid + fin); 15: } ภำพที่ 14 โปรแกรมรับคำ่ ข้อมลู ดว้ ยฟงั กช์ นั scanf()
บรรทัดท่ี ตำรำงที่ 3 คำอธบิ ำยโปรแกรมรับค่ำข้อมูลดว้ ยฟังกช์ นั scanf() 7 ความหมาย 8 10 พมิ พข์ ้อควำมว่ำให้ป้อนช่อื คะแนนกลำงภำค และคะแนนปลำยภำค รับค่ำตวั แปรทั้งสำม 11-13 ปดั หนงึ่ บรรทัด 14 พมิ พ์คำ่ ของตัวแปรทั้งสำม พิมพ์ผลรวมของคะแนน ค่าท่ปี อ้ นผา่ นทางแปน้ พมิ พ์ คา่ ทีป่ อ้ นผ่านทางแปน้ พมิ พ์ ภำพท่ี 15 ผลลพั ธ์จำกกำรรันโปรแกรมรับคำ่ ขอ้ มูลดว้ ยฟังก์ชัน scanf() จำกผลกำรรันโปรแกรมขำ้ งต้นข้อมลู ที่ขีดเสน้ ใต้ หมำยถงึ คำทป่ี ้อนผ่ำนทำงแป้นพิมพ์ โดยจะพบว่ำกำรรับคำข้อมลู ด้วยฟังกช์ ัน scanf() ใน Dev C++ สำหรบั กรณรี ับคำหลำยๆ ตวั ในครำว เดียวกนั น้ัน สำมำรถใช้ชอ่ งวำ่ ง (White Space) ในกำรแยกคำ่ ตวั แปรแต่ละตวั หรืออำจเคำะปุ่ม Enter ก็ได้ 3. ฟังก์ชัน getchar0 เป็นฟังกช์ นั ทน่ี ำมำสำหรบั รบั ค่ำตวั อกั ษรหรืออักขระ 1 ตวั โดยค่ำ ทป่ี อ้ นลงไปจะแสดงให้เหน็ ทำงจอภำพ และจะต้องเคำะ Enter เพื่อแสดงถึงกำรสน้ิ สุดกำรปอ้ นข้อมลู ดว้ ย อย่ำงไรก็ตำม กรณที ่มี ีกำรกรอกตวั อักษรมำกกว่ำ 1 ตัว จะมเี พียงอกั ษรตวั แรกเท่ำน้ันที่จะถูก จัดเกบ็ ไว้ในตวั แปร รปู แบบ variable = getchar(); โดยท่ี variable คือ ชื่อตวั แปรทกี่ ำหนดขึน้ 4. ฟงั ก์ชัน putchar0) เป็นฟังกช์ ันทีน่ ำมำใช้เพือ่ สงั่ พิมพ์ค่ำตวั แปรอักขระทีถ่ ูกป้อนด้วย ฟงั กช์ ัน getchar() หรือนำมำพิมพ์รหัสพิเศษได้
รปู แบบ variable = putchar(); โดยท่ี variable คอื ช่ือตัวแปรท่กี ำหนดขน้ึ 1: #include <stdio.h> 2: main() 3: { 4: char ch1, ch2 = ‘Z’; 5: char ask = ‘ ’; 6: 7: printf(\"Please input one character : \"); 8: ch1 = getchar(); 9: putchar(ch1); 10: printf(\"\\t\\t\"); 11: putchar(ch2); 12: putchar(‘\\n’); 13: 14: printf(\"Confirm Y/N : \"); 15: ask = getchar(); 16: printf(\"You press %c\", ask); 17: } ภำพท่ี 16 โปรแกรมทดสอบกำรใชง้ ำนฟังก์ชัน getchar() และ putcher() ตำรำงท่ี 4 คำอธิบำยโปรแกรมทดสอบกำรใช้งำนฟงั ก์ชนั getchar() และ putcher() บรรทดั ท่ี ความหมาย 7 พิมพข์ ้อควำมวำ่ ใหป้ ้อนตวั อักขระ 1 ตัว 8 รอรับตัวอกั ขระทำงแป้นพมิ พ์ด้วยฟังก์ชัน getchar() แล้วเกบ็ ไวท้ ี่ตวั แปร ch1 9 พมิ พ์ตวั อกั ขระของตวั แปร ch1 ดว้ ยฟงั ก์ชัน putchar() 10 พมิ พช์ ่องว่ำง Tab 11 พิมพต์ ัวอักขระของตวั แปร ch2 ด้วยฟงั กช์ ัน putchar() 12 พมิ พร์ หัสพเิ ศษ \\n ด้วยฟงั ก์ชัน putchar() ซ่งึ เปน็ รหสั ปัดบรรทดั ใหม่ 14 พมิ พข์ ้อควำมยนื ยนั Y/N 15 รอรับตวั อกั ขระทำงแปน้ พมิ พ์ดว้ ยฟงั ก์ชัน getchar() แล้วเกบ็ ไว้ทีต่ วั แปร ask 16 พมิ พ์ตัวอกั ขระที่ปอ้ นลงไป
ภำพท่ี 17 ผลกำรรันโปรแกรมทดสอบกำรใช้งำนฟังกช์ นั getchar() และ putcher() หลังจำกรันโปรแกรมน้ีแล้วและได้มีกรอกอักขระ A ลงไป พร้อมเคำะปุ่ม Enter จำกน้ัน โปรแกรมก็จะพิมพ์ค่ำ ch1 และ ch2 ซ่ึงก็คือ A และ Z แต่เป็นเร่ืองท่ีน่ำประหลำดก็คือว่ำโปรแกรม ได้มกี ำรขำ้ มข้ันตอนกำรรบั ค่ำยนื ยันของตวั แปร ask ทั้งๆ ทเี่ รำยังไม่ไดป้ อ้ นค่ำใดๆ ลงไปเลย สำเหตุท่ีเป็นเช่นนี้ก็เพรำะว่ำรหัส Enter ที่เรำได้เคำะเข้ำไปนั้นจะถูกเก็บอยู่ในบัฟเฟอร์ ซึง่ ในบำงครัง้ รหสั ดงั กล่ำวจะไปรบกวนกำรทำงำนของคำส่ังบำงตัวจึงทำให้ข้ำมกำรทำงำนของตัวแปร ตัวถัดไป ดังนั้นวิธีแก้ไขก็คือต้องเคลียรหัสเหล่ำนี้ที่ค้ำงอยู่ในหน่วยควำมจำบัฟเฟอร์ออกไปเสียก่อน ด้วยกำรเรยี กใช้ฟังกช์ ัน fflush(stdin) ดังนั้นให้ป้อนคำสง่ั ต่อไปนี้ แทรกลงในบรรทัดที่ 13 13: fflush (stdin); ภำพที่ 18 กำรเรยี กใช้ฟังก์ชัน fflush(stdin) จำกนัน้ ใหท้ ำกำรคอมไพล์และสง่ั รนั โปรแกรมใหม่กจ็ ะพบว่ำปญั หำกำรข้ำมขัน้ ตอนกำรรับ ค่ำตัวอกั ขระของตวั แปร ask ก็จะหมดไป ภำพที่ 19 กำรคอมไพลแ์ ละส่ังรันโปรแกรมใหม่ 5. ฟังก์ชนั getch() และ getche() นอกจำกนแ้ี ลว้ ภำษำซยี งั มฟี ังกช์ นั ท่นี ำมำใชเ้ พ่ือกำรรับ คำ่ ตวั อกั ขระอย่ำงฟังก์ชัน getch() และ getche() แต่ฟังก์ชนั ทั้งสองถูกประกำศใช้งำนอยใู่ นเฮดเดอร์ ไฟล์ <conio h> ดังนั้นเมื่อต้องกำรใชง้ ำนฟังก์ชนั ดังกลำ่ วจำเป็นต้องผนวกเฮดเดอร์ไฟล์ <conio.h> ไวต้ รงสว่ นหวั ของโปรแกรมด้วย
รปู แบบ getch(); หรือ variable = getch(); ภำพท่ี 20 รูปแบบกำรใชง้ ำนฟงั กช์ ัน getch() รปู แบบ getche(); หรือ variable = getche(); ภำพที่ 21 รูปแบบกำรใช้งำนฟงั กช์ ัน getche() จะพบว่ำท้ังฟังก์ชัน getch() และ getche() สำมำรถเรยี กใชง้ ำนฟังก์ชันไดต้ รงๆ หรือ อำจใช้ตวั แปรเพ่ือกำรเกบ็ ค่ำกไ็ ด้ อย่ำงไรก็ตำมทง้ั ฟังกช์ นั getch() และ getche() ตำ่ งก็มคี ุณสมบัติ ตำมรำยละเอยี ดต่อไปน้ี - เมอื่ ตอ้ งกำรใช้งำนฟงั ก์ชันท้ังสองจะต้องผนวกเฮดเดอรไ์ ฟล์ <conio.h> ไว้ทส่ี ว่ นหวั ของโปรแกรมดว้ ย - ท้งั สองฟังก์ชนั เป็นฟังกช์ นั ท่ีใช้รอรับอักขระ 1 ตัวเหมือนกัน โดยไม่ต้องยนื ยันด้วย กำรเคำะป่มุ Enter เหมอื นกับฟังก์ชนั gelchar() - ฟงั ก์ชนั getch จะไม่แสดงตัวอกั ขระท่ปี ้อนเขำ้ ไปให้เหน็ ทำงจอภำพ - ฟังกช์ นั getche( จะแสดงตัวอกั ระทปี่ ้อนเขำ้ ไปใหเ้ ห็นทำงจอภำพ 1: #include <stdio.h> 2: #include <conio.h> 3: 4: main() 5: { 6: char key; 7: printf(\"Test function\\nPress any key...\\n\"); 8: getch(); 9: 10: printf(\"Press any key...\\n\"); 11: getche(); 12: } ภำพท่ี 22 โปรแกรมทดสอบกำรใช้งำนฟังก์ชนั getch() และ getche()
ตำรำงที่ 5 คำอธิบำยโปรแกรมทดสอบกำรใช้งำนฟงั กช์ นั getch() และ getche() บรรทัดท่ี ความหมาย 1 ผนวกเฮดเดอร์ไฟล์<stdio.h> 2 ผนวกเฮดเดอรไ์ ฟล์<conio.h> 8 รอรับตัวอกั ขระด้วยฟังก์ชนั getch() 11 รอรบั ตวั อกั ขระดว้ ยฟงั ก์ชนั getche() ภำพท่ี 23 ผลกำรรนั โปรแกรมทดสอบกำรใช้งำนฟังก์ชัน getch() และ getche() เมื่อสง่ั รนั โปรแกรม ให้ทดลองกดแป้นคีย์ N ลงไป จะพบวำ่ ตวั N ท่ีรบั ค่ำดว้ ยฟงั กช์ นั getch() จะไม่แสดงใหเ้ ห็นทำงจอภำพในขณะทต่ี ัว N ทร่ี ับคำ่ ด้วยฟงั กช์ นั getche() จะแสดงทำง จอภำพให้เหน็ และกำรป้อนข้อมูลใดๆ ลงไป จะไมต่ ้องยืนยันด้วยปมุ่ Enter ท้งั ฟงั ก์ชัน gech() และ getche() มักนำไปประยุกตใ์ ช้เพ่ือรอรับคำ่ ใดๆ จำกแป้นพิมพ์ กอ่ นที่จะดำเนนิ กำรในข้ันตอนต่อไป หรืออำจนำไปใชก้ ับกำรเลือกรำยกำรในเมนู ซ่ึงสรำ้ งควำม สะดวกมำกกวำ่ เน่อื งจำกไม่ต้องเคำะปมุ่ Enter เพ่ือยนื ยัน สำหรบั ฟังกช์ ันเพื่อกำรจัดกำรจอภำพในที่นจี้ ะขอกล่ำวถึงฟังกช์ ันท่ีใชส้ ำหรับกำรล้ำงหน้ำจอ และฟงั กช์ นั ท่ใี ชก้ ำหนดตำแหนง่ บนจอภำพ โดยกำรใช้งำนฟงั กช์ นั ดังกล่ำวจะต้องผนวกเฮดเดอร์ไฟล์ <conio h> ทส่ี ว่ นหัวของโปรแกรมด้วย 1. ฟงั ก์ชนั clrscr() เป็นฟงั ก์ชนั ทใี่ ชส้ ำหรบั ลงจอภำพ โดยจะล้ำงข้อควำมเดิมบนจอภำพ ออกทั้งหมด รูปแบบ clrscr(); 2 ฟงั ก์ชัน gotoxy () เป็นฟังก์ชันทีใ่ ชส้ ำหรบั กำหนดตำแหน่งเคอร์เซอร์บนจอภำพ บนหน้ำจอแบบเท็กซ์โหมด
รูปแบบ gotoxy (colum, row); โดยที่ คอื สดมภ์ ซึ่งมีคำ่ ได้ตงั้ แต่ 0 ถึง 79 column คือแถว ซง่ึ มีค่ำได้ตงั้ แต่ 0 ถงึ 24 row ในบทที่ผ่ำนมำได้เรยี นรู้เกี่ยวกับตัวดำเนินกำรทำงคณิตศำสตร์มำบ้ำงแล้ว ซึง่ ประกอบด้วย เครอ่ื งหมำย *, /, - และ % ส่งิ เหล่ำน้ีเปน็ เพียงพ้นื ฐำนเท่ำนน้ั ดงั นั้นหำกต้องกำรคำนวณหำเลข ยกกำลัง กำรหำคำ่ รำกทส่ี อง, ค่ำตรีโกณมิติอย่ำง sine, cos, tan จะต้องทำอย่ำงไร ในภำษำซี ตัวดำเนนิ กำรทำงคณติ ศำสตร์ดังกล่ำวจะถกู ประกำศใช้งำนอยู่ในเฮดเตอร์ไฟล์ ชอื่ <math.h> โดยเฉพำะเคร่ืองหมำยยกกำลงั ซ่งึ ในภำษำระดับสูงโดยทว่ั ไป มักจะใชเ้ ครอื่ งหมำย ^ หรือ ** แตภ่ ำษำซจี ะใช้ฟังกช์ นั pow() แทน ดงั นั้น 2 ^ 5 หรอื 2 ** 5จงึ ไมส่ ำมำรถนำมำใช้งำนได้ และตอ่ ไปนี้จะเป็นตวั อย่ำงฟังก์ชนั ทำงคณติ ศำสตร์ท่ปี ระกำศใชง้ ำนอยู่ในเฮดเดอร์ไฟล์ <math.h> และรำยละเอยี ด ตำรำงท่ี 6 ฟังกช์ ันทำงคณติ ศำสตรท์ ่ปี ระกำศใชง้ ำนอยูใ่ นเฮดเดอรไ์ ฟล์ <math.h> ฟังกช์ นั ความหมาย pow (x, y) คำ่ ของ x ยกกำลัง y sqrt (x) หำรำกท่ี 2 ของ x fmod (x, y) หำรเพ่ือเอำเศษ ระหวำ่ ง x โมดูลสั y sin (x) หำคำ่ sine ของ x cos (x) หำคำ่ cosine ของ x tan (x) หำค่ำ tangent ของ x exp (x) ฟังกช์ ันเอ็กโปเนนต์ log (x), log10 (x) ลอกำรทิ ึมของ x fabs (x) คำ่ สมบรู ณ์ (Absolute) ของ x celi (x) ปดั เศษทศนยิ มขึน้ floor (x) ปดั เศษทศนยิ มทิ้ง
1: #include <stdio.h> 2: #include <conio.h> 3: #include <math.h> 4: 5: main() 6: { 7: 8: double x, y, z; 9: x = 64.0; 10: y = 3.0; 11: z = 0.5; 12: 13: printf(\"pow(64.0, 3.0) return : %7.0f\\n\", pow(x, y)); 14: printf(\"pow(64.0, 0.5) return : %2.0f\\n\", pow(x, z)); 15: printf(\"sqrt(64.0) return : %2.0f\\n\", sqrt(x)); 16: } ภำพท่ี 24 โปรแกรมทดสอบกำรใชง้ ำนฟงั กช์ นั เพ่ือหำคำ่ ยกกำลงั และหำรำกที่สอง ตำรำงท่ี 7 คำอธบิ ำยโปรแกรมทดสอบกำรใชง้ ำนฟงั กช์ นั เพ่ือหำค่ำยกกำลัง และหำรำกท่ีสอง บรรทัดท่ี ความหมาย 1 ผนวกเฮดเดอร์ไฟล์<stdio.h> 2 ผนวกเฮดเดอร์ไฟล์<conio.h> 3 ผนวกเฮดเดอร์ไฟล์<math.h> 13 พิมพค์ ่ำเลขยกกำลงั (64 ยกกำลัง 3) 14 พิมพค์ ่ำเลขยกกำลงั ทเี่ ปน็ เลขทศนิยม (64 ยกกำลัง 0.5) 15 พมิ พ์คำ่ รำกท่สี องของ 64 ภำพท่ี 25 ผลกำรรันโปรแกรมทดสอบกำรใชง้ ำนฟังก์ชันเพื่อหำค่ำยกกำลงั และหำรำกท่ีสอง
1: #include <stdio.h> 2: #include <math.h> 3: 4: main() 5: { 6: double x; 7: x = 45.0; // 45 degree 8: x = 3.141593 /180.0; // convert to radians 9: 10: printf(\"The sine of 45 is : %f\\n\", sin(x)); 11: printf(\"The cosine of 45 is : %f\\n\", cos(x)); 12: printf(\"The tangent of 45 is : %f\\n\", tan(x)); 13: } ภำพที่ 26 โปรแกรมทดสอบกำรใชง้ ำนฟงั ก์ชันเพื่อหำคำ่ ตรีโกณมติ ิ ตำรำงท่ี 8 คำอธบิ ำยโปรแกรมทดสอบกำรใชง้ ำนฟงั กช์ ันเพ่ือหำคำ่ ตรีโกณมติ ิ บรรทดั ที่ ความหมาย 1 ผนวกเฮดเดอรไ์ ฟล์<stdio.h> 2 ผนวกเฮดเดอร์ไฟล์<math.h> 7 กำหนดให้ x มีค่ำเท่ำกับ 45 องศำ 8 แปลงค่ำเป็นรัศมวี งกลมตำมสูตร และเกบ็ ไว้ทต่ี วั แปร x 10 พมิ พ์ค่ำ sine 11 พิมพค์ ำ่ cosine 12 พมิ พ์ค่ำ tangent ภำพที่ 27 ผลกำรรันโปรแกรมทดสอบกำรใช้งำนฟังกช์ ันเพื่อหำค่ำตรีโกณมิติ
1: #include <stdio.h> 2: #include <math.h> 3: 4: main() 5: { 6: printf(\"ceil(4.2) = %f\\n\", ceil(4.2)); 7: printf(\"ceil(4.0) = %f\\n\", ceil(4.0)); 8: putchar(‘\\n’); 9: printf(\"floor(4.9) = %f\\n\", floor(4.2)); 10 printf(\"floor(4.0) = %f\\n\", floor 11: } ภำพท่ี 28 โปรแกรมทดสอบกำรใช้งำนฟงั ก์ชันเพ่ือกำรปดั เศษข้นึ และกำรปดั เศษท้ิง ตำรำงที่ 9 คำอธบิ ำยโปรแกรมทดสอบกำรใช้งำนฟังก์ชันเพื่อกำรปัดเศษข้นึ และกำรปัดเศษท้ิง บรรทดั ท่ี ความหมาย 1 ผนวกเฮดเดอร์ไฟล์<stdio.h> 2 ผนวกเฮดเดอรไ์ ฟล์<math.h> 6 พิมพ์คำ่ ปัดเศษขึน้ ของ 4.2 7 พิมพ์คำ่ ปัดเศษขน้ึ ของ 4.0 8 ปดั บรรทัดใหม่ 9 พิมพ์ค่ำปดั เศษลงของ 4.9 10 พมิ พค์ ำ่ ปดั เศษลงของ 4.0 ภำพท่ี 29 ผลกำรรนั โปรแกรมทดสอบกำรใชง้ ำนฟงั ก์ชันเพื่อกำรปดั เศษขึ้น และกำรปัดเศษทงิ้ จะพบว่ำในกำรปดั เศษขนึ้ ของฟงั ก์ชัน ceil() น้ัน จะไม่สนใจว่ำทศนยิ มจะมคี ำ่ เกนิ 0.5 หรือไม่ หำกมที ศนยิ มก็จะปัดข้นึ 1 ทนั ที ดงั นน้ั กรณที ี่ต้องกำรใหป้ ดั เศษข้นึ เฉพำะทศนยิ มตงั้ แต่ 0.5 หรือปดั เศษลงกรณีมีทศนยิ มตำ่ กวำ่ 0.5 กจ็ ะต้องเขียนสตู รกำรคำนวณขน้ึ มำเอง หรอื อำจสรำ้ ง ฟังกช์ ันข้ึนมำเพ่ือใชง้ ำนเองเป็นตน้
สรปุ ทา้ ยบท ฟังกช์ ัน printf() เป็นฟงั กช์ ันทใี่ ช้สำหรบั แสดงผลข้อมูลไม่ว่ำจะเปน็ ข้อมูลทเ่ี ปน็ ตัวอักขระ ขอ้ ควำม หรอื คำ่ ตวั แปร ฟงั กช์ นั scanf() เป็นฟงั กช์ นั ท่ีใชส้ ำหรับรบั คำ่ ข้อมลู จำกทำงแปน้ พิมพ์ เพื่อจดั เกบ็ ไวใ้ นตัวแปร ท้ังฟังก์ชนั printf() และ scanf() จะตอ้ งกำหนดรหสั รปู แบบข้อมลู ใหส้ ัมพนั ธก์ บั ชนิดข้อมูล ของตัวแปร ซ่ึงมรี ำยละเอยี ดดังนี้ ฟังกช์ นั getchar() เป็นฟังกช์ นั ท่ีนำมำสำหรับรับค่ำตวั อักษรหรืออกั ขระ 1 ตัว โดยคำ่ ท่ีป้อน ลงไปจะแสดงใหเ้ หน็ ทำงจอภำพ และจะตอ้ งเคำะ Enter เพ่อื แสดงถึงกำรสิน้ สดุ กำรป้อนขอ้ มลู ฟงั ก์ชนั putchar() เป็นฟังก์ชนั ท่นี ำมำใช้เพ่อื สงั่ พิมพ์ค่ำตวั แปรอกั ขระท่ีถกู ปอ้ นดว้ ยฟงั ก์ชัน getchar() รวมถึงกำรสง่ั พิมพ์รหัสพเิ ศษ (Escape Sequence) ในบำงครง้ั รหสั Enter ทเ่ี รำไดเ้ คำะเข้ำไปเพื่อยนื ยันกำรป้อนข้อมลู จำกฟงั กช์ นั scanf() ได้เข้ำไปรบกวนกำรทำงำนของคำส่งั บำงตัว ทำใหข้ ้ำมกำรรับคำตวั แปรตวั ถดั ไป ซง่ึ เหตกุ ำรณด์ ังกล่ำว สำมำรถแก้ไขได้ดว้ ยกำรเคลยี ร์บัฟเฟอรใ์ นหน่วยควำมจำออกไปเสียก่อนด้วยฟงั ก์ชัน fflush(stdin) ฟังก์ชัน getch() ใช้สำหรบั รอรบั ค่ำแปน้ พิมพโ์ ดยไมต่ ้องยืนยนั ด้วยกำรเคำะปุ่ม Enter และ อักขระท่ีป้อนเข้ำไป จะไม่แสดงออกมำให้เห็นทำงจอภำพ ฟังก์ชัน getche() จะคล้ำยกับฟังกช์ นั getch() แตกต่ำงกันเพยี งแสดงอักขระท่ปี ้อนเขำ้ ไป ออกมำให้เหน็ ทำงจอภำพ ฟังก์ชัน clrscr() เป็นฟังกช์ นั ที่ใช้สำหรับลำ้ งจอภำพ ฟังก์ชัน gotoxy() เป็นฟงั กช์ ันท่ีใช้สำหรับกำหนดตำแหน่งเคอรเ์ ซอร์บนจอภำพบนหน้ำจอ แบบเท็กซ์โหมด ทง้ั ฟงั กช์ นั printf(), scanf(), getchar() และ putchar() จะถกู ประกำศใช้งำนอยใู่ นเฮดเดอร์ ไฟล์ <stdio.h> ทง้ั ฟังก์ชนั getch(), getche(), clscr() และ gotoxy() จะถูกประกำศใช้งำนอยู่ในเฮดเดอร์ ไฟล์ <conio.h> ทั้งฟังก์ชัน pow(), sqrt(), cos(), sine(), tan(), ceil() และ floor() เป็นต้น จะถกู ประกำศ ใชง้ ำนอยใู่ นเฮดเดอรไ์ ฟล์ <math.h>
คาช้แี จง ให้นกั เรียนตอบคำถำมต่อไปนใี้ ห้ถูกต้อง 1. โค้ดตัวอย่ำงตอ่ ไปนเ้ี ป็นกำรประกำศตวั แปรชนิดใด float hight, weigh; scanf (\"%f %f\", &hight, &weigh); ตอบ .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................... 2. ฟงั ก์ชันทำงคณิตศำสตร์ใช้งำนอยูใ่ นเฮดเดอรไ์ ฟลใ์ ด ตอบ ............................................................................................................................. ..................... ................................................................................................................................................................ 3. ฟังกช์ ัน getchar() เป็นฟงั กช์ นั ท่นี ำมำสำหรบั รบั ค่ำใด ตอบ .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................... 4. เรำสำมำรถผนวกรหสั ควบคมุ (Escape Sequence) เข้ำไปใน Format ControlSring ไดด้ ้วยเคร่อื งหมำยใด ตอบ ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................................................................... . 5. ฟังก์ชัน printf(), scanf(), getchar() และ putchar() จะถูกประกำศใชง้ ำนอย่ใู นเฮดเดอร์ไฟล์ ชื่อว่ำอยำ่ งไร ตอบ ........................................................................................................................................... ....... ........................................................................................................................... ..................................... สรปุ คะแนน สรุปผล ผา่ น ไมผ่ า่ น คะแนนเตม็ คะแนนทไ่ี ด้ ……………...…. …………………. 10 คะแนน ………………. คะแนน
คาชี้แจง ให้นักเรียนอ่ำนข้อควำมแต่ละข้อแล้วทำเคร่ืองหมำยถูก หน้ำข้อท่ีถูกและ ทำเคร่ืองหมำยผิด หน้ำข้อท่ีผิดต่อไปนี้ให้ถูกต้อง .............. 1. ฟังกช์ นั printf() เป็นฟังก์ชนั ทีใ่ ช้สำหรับแสดงผลข้อมูลทีเ่ ปน็ ตัวอกั ขระข้อควำม .............. 2. ฟงั ก์ชัน scanf() เป็นฟังก์ชนั ท่ใี ชส้ ำหรับรับค่ำขอ้ มูลจำกทำงแป้นพิมพ์ .............. 3. ฟังกช์ นั printf() ตอ้ งกำหนดรหัสรูปแบบข้อมูลใหส้ มั พันธ์กับชนิดข้อมลู ของตัวแปร .............. 4. ในภำษำซตี ัวดำเนนิ กำรทำงคณิตศำสตรจ์ ะถกู ประกำศใช้งำนอยู่ในเฮดเดอร์ไฟล์ scanf() .............. 5. ทงั้ ฟงั กช์ ัน gech() และ getche() มกั นำไปประยุกต์ใช้เพ่อื รอรบั ค่ำใดๆ จำกหน้ำจอ .............. 6. ฟังก์ชัน print() นำมำใช้เพื่อสั่งพิมพ์ข้อมลู เพื่อแสดงออกทำงจอภำพ .............. 7. ฟงั ก์ชัน getch จะไม่แสดงตวั อักขระทปี่ ้อนเข้ำไปใหเ้ หน็ ทำงแป้นพิมพ์ .............. 8. column คือสดมภ์ ซ่ึงมคี ำ่ ได้ตง้ั แต่ 0 ถงึ 100 .............. 9. ฟงั กช์ ัน getch จะไม่แสดงตวั อักขระที่ป้อนเข้ำไปให้เห็นทำงจอภำพ .............. 10. ฟงั กช์ ัน putchar() เป็นฟงั กช์ นั ทีน่ ำมำใชเ้ พ่อื สั่งพิมพ์ค่ำข้อควำมที่ สรปุ คะแนน สรปุ ผล ผ่าน ไม่ผา่ น คะแนนเตม็ คะแนนที่ได้ ……………...…. …………………. 10 คะแนน ………………. คะแนน สูๆ้ นะคะนักเรยี น
คาชแี้ จง ให้นกั เรียนปฏิบัติกิจกรรมกลมุ่ ดังตอ่ ไปน้ี 1. ให้นักเรียนแบง่ กลุ่มออกเป็น กลุ่มละ 4-5 คน เพอ่ื ทำกจิ กรรมกล่มุ 2. ให้เขยี นโปรแกรมรบั ช่อื นักเรยี น 3 ให้เขียนโปรแกรมคะแนนทดสอบ 4. ให้เขยี นโปรแกรมคะแนนสอบกลำงภำค และคะแนนสอบปลำยภำค 5. ให้หำผลรวมของคะแนนทั้งหมด โดยใหแ้ สดงผลลัพธท์ ำงจอภำพ ดงั นี้ Input Name: Vipada Quiz: 10 MID: 24 FIN: 43 ---- Total: 77 ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................ ................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................................................. ... ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... สรปุ คะแนน สรปุ ผล ผา่ น ไม่ผา่ น คะแนนเตม็ คะแนนทไ่ี ด้ ……………...…. …………………. 15 คะแนน ………………. คะแนน
คาชแี้ จง ใหน้ กั เรียนปฏบิ ตั กิ ิจกรรมกล่มุ ดังต่อไปนี้ 1. ให้นกั เรยี นแบง่ กลุ่มออกเป็น กลมุ่ ละ 4-5 คน เพอื่ ทำกิจกรรมกลมุ่ 2. ให้เขยี นโปรแกรมสั่งพมิ พ์ข้อควำมวำ่ “Successful...” โดยบรรทัดถัดไปมขี ้อควำมแสดง ว่ำ “Press any key to continue...” 3. รอรับค่ำทำงแปน้ พิมพ์เมอื่ เคำะแปน้ ใดๆ ลงไปแล้ว ใหล้ ำ้ งจอภำพแลว้ แสดงข้อควำมวำ่ “End of program” Successful... Press any key to continue_ End of program ..................................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... .................................................................................................................................. .............................. ..................................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ สรปุ คะแนน สรปุ ผล ผ่าน ไมผ่ ่าน คะแนนเต็ม คะแนนท่ไี ด้ ……………...…. …………………. 15 คะแนน ………………. คะแนน
คาชแ้ี จง ให้นกั เรยี นปฏบิ ัตกิ ิจกรรมดังต่อไปน้ี 1. ช่วยกนั สรปุ องคค์ วำมรู้ 2. สร้ำงแผนทค่ี วำมคิดจำกกำรสรุปองคค์ วำมรู้ 3. สรปุ องค์ควำมรใู้ นสมดุ บนั ทกึ ส่วนตวั 4. นำเสนอแผนทคี่ วำมคดิ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................... ............................. ...................................................................................................... .......................................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................. .................................................................................................................................... ............................ ....................................................................................................... ......................................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... สรปุ คะแนน สรุปผล ผ่าน ไม่ผา่ น คะแนนเตม็ คะแนนท่ีได้ ……………...…. …………………. 15 คะแนน ………………. คะแนน
คาช้ีแจง ให้นักเรยี นเลือกคำตอบที่ถกู ทส่ี ุดเพียงคำตอบเดียวแล้วทำเครื่องหมำย X ลงใน กระดำษคำตอบ 1. ข้อใดต่อไปน้ีกล่ำวผดิ ก. คำสัง่ ในภำษำซีล้วนอยู่ในรูปแบบของฟงั กช์ นั ทง้ั สิ้น ข. กำรใชง้ ำนฟงั ก์ชนั มำตรฐำนในภำษำซไี ด้ทำใหเ้ รำไม่ต้องเขยี นฟังก์ชนั ใชง้ ำนเอง ค. เรำไมส่ ำมำรถสร้ำงฟงั กช์ ันเพอื่ ใช้งำนเองในภำษำซีได้ ง. เรำสำมำรถเลือกใชง้ ำนฟังกช์ นั เพ่ือกำรรบั และแสดงผลขอ้ มูลได้ 2. ฟังก์ชันใดต่อไปนี้ เปน็ ฟังกช์ นั เพื่อกำรรบั ค่ำทั้งส้นิ ก. scanf(), printf() ข. scanf(), getch(), getchar() ค. putchar(), grtche() ง. getchar(), putchar() 3. รหสั รูปแบบข้อมลู ตำมขอ้ ใดท่ีนำมำใช้กับตวั เลขจำนวนเตม็ แบบไม่มเี ครื่องหมำย ก. %s ข. %f ค. %e ง. %u 4. กำหนดให้ตัวแปร s มคี ่ำเป็น “This is a text” อยำกทรำบว่ำ ในกำรสง่ั พมิ พจ์ ะต้องใช้รหสั รปู แบบข้อมลู ตำมข้อใด ก. %c ข. %a ค. %d ง. %s
5. รหัสรูปแบบข้อมูลตำมขอ้ ใด ทน่ี ำมำใช้กับเลขจำนวนเต็ม และเลขจำนวนจริง ก. %c, %d ข. %f, %d ค. %d, %f ง. %f, %ld 6. ตวั แปรที่นำมำใช้รบั ค่ำตัวเลขในฟังกช์ ัน scanf() จะตอ้ งใชเ้ คร่ืองหมำยใดนำหนำ้ ตวั แปร ก. # ข. $ ค. & ง. @ 7. ฟงั ก์ชนั ใดต่อไปนี้ที่รับอักขระ 1 ตวั แล้วต้องยืนยันด้วยกำรเคำะปมุ่ Enter ก. getchar() ข. getch() ค. putchar() ง. getche() 8. ฟังก์ชนั ใดต่อไปน้ี ทรี่ บั อักขระหรือแปน้ คยี ์หน่ึงตวั โดยไม่ต้องยืนยนั ดว้ ยกำรเคำะปุม่ ก. getchar() ข. getche() ค. getch() ง. scanf() 9. จำกข้อที่ 8 อยำกทรำบว่ำเวลำใชง้ ำน ตอ้ งผนวกเฮดเดอรไ์ ฟลใ์ ดทส่ี ว่ นหัวโปรแกรม ก. <conio.h> ข. <stdio.h> ค. <getch.h> ง. <math.h> 10. จำกขอ้ ที่ 9 และฟงั กช์ ันตำมข้อใดต่อไปนี้ ทีป่ ระกำศใช้งำนอยใู่ นเฮดเดอร์ไฟล์ดงั กล่ำว ก. scanf() ข. ClrScr() ค. gotoxy() ง. printf()
คาช้แี จง ใหน้ ักเรยี นเลือกคำตอบท่ีถกู ท่ีสุดเพยี งคำตอบเดียวแลว้ ทำเคร่อื งหมำย X ลงใน กระดำษคำตอบ ข้อ ก ข ค ง 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. สรุปคะแนน สรุปผล ผา่ น ไม่ผ่าน คะแนนเต็ม คะแนนท่ีได้ ……………...…. …………………. 10 คะแนน ………………. คะแนน
คาช้แี จง ใหน้ ักเรียนเลอื กคำตอบท่ีถูกท่สี ุดเพียงคำตอบเดียวแลว้ ทำเครอื่ งหมำย X ลงใน กระดำษคำตอบ ข้อ ก ข ค ง 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. ตอบถูกกข่ี อ้ คะ
คาช้แี จง ใหน้ กั เรียนตอบคำถำมต่อไปน้ใี ห้ถกู ต้อง 1. โคด้ ตวั อยำ่ งตอ่ ไปน้ีเปน็ กำรประกำศตัวแปรชนิดใด float hight, weigh; scanf (\"%f %f\", &hight, &weigh); ตอบ ประกำศตวั แปร hight และ weigh เปน็ ชนดิ เลขจำนวนเต็ม (float) และใหร้ ับค่ำส่วนสูง และน้ำหนกั ผ่ำนทำงแป็นพิมพ์ 2. ฟงั ก์ชันทำงคณิตศำสตร์ใช้งำนอยใู่ นเฮดเดอร์ไฟล์ใด ตอบ ฟงั ก์ชันทำงคณิตศำสตร์ ซ่ึงประกำศใชง้ ำนอยู่ในเฮดเดอร์ไฟล์ <math.h> 3. ฟังกช์ นั getchar() เป็นฟังก์ชันทีน่ ำมำสำหรับรับค่ำใด ตอบ ฟังกช์ นั getchar() เป็นฟงั ก์ชันท่นี ำมำสำหรับรับคำ่ ตวั อกั ษรหรอื อักขระ 1 ตัว โดยคำ่ ที่ป้อน ลงไปจะแสดงให้เห็นทำงจอภำพ และจะต้องเคำะ Enter เพือ่ แสดงถึงกำรสิน้ สดุ กำรป้อนข้อมูล 4. เรำสำมำรถผนวกรหัสควบคมุ (Escape Sequence) เข้ำไปใน FormatControlSring ไดด้ ้วย เคร่อื งหมำยใด ตอบ รหสั ควบคมุ เหลำ่ นีจ้ ะเขียนด้วยเคร่ืองหมำย \\ (Back Slash) และตำมด้วยรหสั ควบคุม 5. ฟังกช์ นั printf(), scanf(), getchar() และ putchar() จะถกู ประกำศใชง้ ำนอย่ใู นเฮดเดอร์ไฟล์ ช่อื ว่ำอยำ่ งไร ตอบ จะถกู ประกำศใช้งำนอยูใ่ นเฮดเดอรไ์ ฟล์ <stdio.h>
คาชแ้ี จง ให้นักเรียนอ่ำนข้อควำมแต่ละข้อแล้วทำเคร่ืองหมำยถูก หน้ำข้อท่ีถูกและ ทำเครื่องหมำยผิด หน้ำข้อท่ีผิดต่อไปนี้ให้ถูกต้อง ............ 1. ฟังกช์ นั printf() เป็นฟังกช์ ันทใ่ี ชส้ ำหรับแสดงผลขอ้ มลู ทเี่ ปน็ ตัวอักขระขอ้ ควำม ............ 2. ฟงั กช์ ัน scanf() เป็นฟงั กช์ นั ทีใ่ ช้สำหรับรับค่ำข้อมูลจำกทำงแปน้ พิมพ์ ............ 3. ฟงั ก์ชนั printf() ต้องกำหนดรหัสรปู แบบขอ้ มลู ใหส้ มั พนั ธก์ ับชนิดข้อมูลของตัวแปร ........... 4. ในภำษำซีตวั ดำเนินกำรทำงคณิตศำสตร์จะถูกประกำศใช้งำนอยู่ในเฮดเดอร์ไฟล์ scanf() ........... 5. ท้งั ฟังก์ชนั gech() และ getche() มกั นำไปประยุกต์ใช้เพ่อื รอรับค่ำใดๆ จำกหนำ้ จอ ............ 6. ฟังก์ชัน print() นำมำใชเ้ พื่อสง่ั พมิ พข์ ้อมลู เพื่อแสดงออกทำงจอภำพ ........... 7. ฟังก์ชนั getch จะไมแ่ สดงตัวอักขระที่ปอ้ นเขำ้ ไปใหเ้ หน็ ทำงแป้นพิมพ์ ........... 8. column คือสดมภ์ ซึง่ มีคำ่ ได้ตงั้ แต่ 0 ถึง 100 ............ 9. ฟงั ก์ชัน getch จะไม่แสดงตัวอกั ขระทป่ี ้อนเข้ำไปใหเ้ ห็นทำงจอภำพ ........... 10. ฟังกช์ ัน putchar() เป็นฟงั ก์ชนั ทีน่ ำมำใช้เพอ่ื สั่งพิมพค์ ำ่ ข้อควำม ไมย่ ากเลยใช่ไหมคะ นักเรียน
คาชีแ้ จง ให้นักเรยี นปฏิบัตกิ ิจกรรมกลุม่ ดังตอ่ ไปนี้ 1. ให้นักเรียนแบง่ กลุ่มออกเป็น กลุ่มละ 4-5 คน เพอื่ ทำกจิ กรรมกลุม่ 2. ใหเ้ ขยี นโปรแกรมรบั ช่ือนักเรียน 3 ให้เขยี นโปรแกรมคะแนนทดสอบ 4. ใหเ้ ขียนโปรแกรมคะแนนสอบกลำงภำค และคะแนนสอบปลำยภำค 5. ให้หำผลรวมของคะแนนท้ังหมด โดยใหแ้ สดงผลลัพธ์ทำงจอภำพ ดังน้ี เกณฑก์ ารประเมิน คาชี้แจง โปรดทำเครอื่ งหมำย ลงในชอ่ งว่ำงตำมระดบั คะแนนท่เี ปน็ จรงิ ระดับคะแนน 3 ระดับ ดงั น้ี 3 คะแนน หมำยถงึ ดี 2 คะแนน หมำยถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมำยถึง ควรปรับปรุง รายการประเมิน ระดบั คะแนน หมายเหตุ 321 1. ปฏบิ ตั ติ ำมขัน้ ตอนอย่ำงถกู ต้องและครบถว้ น 2. อธบิ ำยขั้นตอนได้อยำ่ งถูกต้องและชัดเจน 3. แกไ้ ขปัญหำและสถำนกำรณไ์ ด้อย่ำงสร้ำงสรรค์ 4. ทำงำนเสร็จเรยี บร้อยตำมเวลำกำหนด 5. สนใจศึกษำหำควำมร้เู พิ่มเตมิ ด้วยตนเอง รวม เกณฑก์ ารประเมนิ ตอ้ งผำ่ นรอ้ ยละ 80 ขน้ึ ไป หรอื 12 คะแนนข้ึนไป ผ่ำน ไม่ผ่ำน ลงชือ่ ..........................................ผู้ประเมนิ (..........................................)
คาชี้แจง ให้นกั เรียนปฏบิ ตั กิ ิจกรรมกลุ่มดังตอ่ ไปน้ี 1. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น กลุ่มละ 4-5 คน เพอ่ื ทำกจิ กรรมกลุ่ม 2. ให้เขยี นโปรแกรมสง่ั พิมพ์ข้อควำมวำ่ “Successful...” โดยบรรทัดถดั ไปมีข้อควำมแสดง ว่ำ “Press any key to continue...” 3. รอรับคำ่ ทำงแปน้ พิมพเ์ ม่อื เคำะแป้นใดๆ ลงไปแลว้ ให้ล้ำงจอภำพแล้วแสดงข้อควำมว่ำ “End of program” เกณฑ์การประเมนิ คาชี้แจง โปรดทำเครอื่ งหมำย ลงในช่องวำ่ งตำมระดับคะแนนทเี่ ปน็ จรงิ ระดับคะแนน 3 ระดบั ดงั น้ี 3 คะแนน หมำยถงึ ดี 2 คะแนน หมำยถึง พอใช้ 1 คะแนน หมำยถึง ควรปรบั ปรงุ รายการประเมิน ระดับคะแนน หมายเหตุ 321 1. ปฏบิ ัติตำมขนั้ ตอนอยำ่ งถกู ตอ้ งและครบถว้ น 2. อธิบำยขนั้ ตอนได้อยำ่ งถูกต้องและชดั เจน 3. แกไ้ ขปัญหำและสถำนกำรณไ์ ด้อยำ่ งสร้ำงสรรค์ 4. ทำงำนเสร็จเรียบร้อยตำมเวลำกำหนด 5. สนใจศึกษำหำควำมรเู้ พ่ิมเตมิ ด้วยตนเอง รวม เกณฑ์การประเมิน ต้องผำ่ นร้อยละ 80 ขึ้นไป หรอื 12 คะแนนขน้ึ ไป ผ่ำน ไมผ่ ำ่ น ลงช่ือ..........................................ผู้ประเมนิ (..........................................)
คาชแ้ี จง ให้นักเรยี นปฏิบัตกิ ิจกรรมดังต่อไปนี้ 1. ชว่ ยกนั สรปุ องคค์ วำมรู้ 2. สรำ้ งแผนที่ควำมคดิ จำกกำรสรุปองค์ควำมรู้ 3. สรุปองคค์ วำมรใู้ นสมุดบนั ทกึ ส่วนตัว 4. นำเสนอแผนทค่ี วำมคดิ เกณฑ์การประเมนิ คาช้แี จง โปรดทำเครอื่ งหมำย ลงในชอ่ งว่ำงตำมระดับคะแนนทเ่ี ป็นจริง ระดบั คะแนน 3 ระดบั ดงั นี้ 3 คะแนน หมำยถงึ ดี 2 คะแนน หมำยถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมำยถึง ควรปรบั ปรุง รายการประเมิน ระดับคะแนน หมายเหตุ 321 1. สรุปองค์ประกอบควำมรูไ้ ด้ชัดเจนและครบถว้ น 2. บอกควำมสำคญั ได้ตรงประเด็น 3. สะอำด เรยี บรอ้ ย และสวยงำม 4. ควำมคิดสรำ้ งสรรค์ 5. ควำมกลำ้ แสดงออกในกำรนำเสนองำน รวม เกณฑ์การประเมิน ตอ้ งผำ่ นร้อยละ 80 ขนึ้ ไป หรือ 12 คะแนนขน้ึ ไป ผำ่ น ไมผ่ ำ่ น ลงช่ือ..........................................ผูป้ ระเมนิ (..........................................)
คาช้แี จง ใหน้ กั เรียนเลือกคำตอบท่ีถกู ที่สดุ เพียงคำตอบเดียวแลว้ ทำเครือ่ งหมำย X ลงใน กระดำษคำตอบ ข้อ ก ข ค ง 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. ตอบถูกกี่ขอ้ คะ
การประเมิน คะแนนเต็ม คะแนนท่ไี ด้ ความก้าวหนา้ แบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบหลังเรยี น 10 เกณฑ์การประเมนิ 10 ต้องผำ่ นร้อยละ 80 ขนึ้ ไป หรือ 8 คะแนนข้ึนไป ผำ่ น ไม่ผำ่ น การประเมนิ คะแนนเตม็ คะแนนทีไ่ ด้ คา่ เฉลี่ย S.D. รอ้ ยละ กจิ กรรมที่ 1 10 กจิ กรรมที่ 2 10 กจิ กรรมท่ี 3 15 กิจกรรมที่ 4 15 กจิ กรรมท่ี 5 15 รวม 65 เกณฑก์ ารประเมนิ ตอ้ งผ่ำนรอ้ ยละ 80 ขนึ้ ไป หรอื 52 คะแนนข้ึนไป ผ่ำน ไมผ่ ำ่ น ลงชือ่ ..........................................ผ้ปู ระเมิน (..........................................)
กรมวิชำกำร กระทรวงศึกษำธิกำร. (2545). หลักสตู รการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2544. กรงุ เทพฯ : ครุ ุสภำลำดพรำ้ ว. กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร (2551) หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551. สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขัน้ พืน้ ฐำน กรุงเทพฯโรงพมิ พ์ชมุ ชมุ สหกรณ์ ________. (2552). มาตรฐานและตัวชี้วดั ตามกลุ่มสาระการเรียนร้กู ารงานอาชีพและเทคโนโลยี หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. กรงุ เทพฯ : ชุมนมุ สหกรณ์ กำรเกษตรแหง่ ประเทศไทย. ________. (2560). มาตรฐานและตัวชว้ี ัด ตามกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560. กรุงเทพฯ : ชมุ นุมสหกรณก์ ำรเกษตรแห่งประเทศไทย. ครรชิต มำลยั วงศ์ และวชิ ติ ปุณวัตร์. (2532). เทคนคิ การออกแบบโปรแกรม. กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยูเคชนั่ . ธีรวฒั น์ ประกอบผล. (2562). คู่มือการเขียนโปรแกรมภาษา C ฉบับสมบูรณ์. กรงุ เทพฯ : ซเี อ็ดยูเคช่ัน. นรำธร สังข์ประเสริฐ. (2562). การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วยภาษาซี. กรุงเทพฯ : ซเี อด็ ยูเคช่ัน. พิสณุ ฟองศรี. (2556). การสร้างและพัฒนาเครื่องมอื วิจัย. กรงุ เทพฯ : ดำ่ นสุทธำกำรพมิ พ์. ______. (2556). การวิจยั การศึกษา. กรุงเทพฯ : ดำ่ นสุทธำกำรพิมพ.์ ฝำ่ ยตำรำวิชำกำรคอมพิวเตอร์. (2558). การเขียนโปรแกรมเบ้อื งตน้ (ภาษาซี). กรุงเทพฯ : ซเี อ็ด ยูเคช่นั . วรรณวิภำ จำเรญิ ดำรำรัศมี. (2539). วิทยาการคอมพิวเตอรเ์ บอ้ื งต้น. กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยูเคชน่ั . สำลี รักสุทธ.ี (2553). การจดั ทาส่ือนวัตกรรมและแผนประกอบสื่อนวัตกรรม. นนทบุรี : เพมิ่ ทรพั ย์ สุพจน์ สงำ่ กอง และปิยะ นำกสงค์. (2561). คู่มือการเขียนโปรแกรมภาษา C++. กรงุ เทพฯ : ซีเอด็ ยเู คช่ัน. สวุ ิทย์ มูลคำ. (2550). กลยุทธก์ ารสอนคดิ วิเคราะห.์ กรุงเทพฯ: ภำพพิมพ.์ โอภำส เอ่ยี มสิริวงศ์. (2552). การเขียนโปรแกรมด้วยภาษา C (Programming with C). กรุงเทพฯ : ซเี อด็ ยูเคชัน่ . ______. (2557). การเขียนโปรแกรมด้วยภาษา C. กรุงเทพฯ : ซีเอด็ ยูเคช่นั .
ขอ้ มูลท่ัวไป ช่อื – สกลุ นำงรพพี ร นำมมุลตรี วนั เดอื น ปีเกดิ 19 มนี ำคม พ.ศ. 2515 ทอี่ ยู่ปัจจุบัน 110 หมูท่ ่ี 20 ตำบลเขวำ อำเภอเมือง จงั หวดั มหำสำรคำม รหสั ไปรษณีย์ 44000 E-mail [email protected] เบอรโ์ ทร 081-975-2310 การปฏบิ ตั ิงานปัจจบุ ัน ตาแหน่ง ครู วิทยฐำนะ ครูชำนำญกำรพเิ ศษ สถานที่ทางานปัจจุบนั โรงเรียนนำโพธ์ิพิทยำสรรพ์ ตำบลนำโพธ์ิ อำเภอกุดรงั จงั หวัดมหำสำรคำม รหัสไปรษณยี ์ 44130 สำนักงำนเขตพนื้ ท่ีกำรศึกษำมธั ยมศกึ ษำ เขต 26 ประวตั ิการศึกษา จบ พ.ศ. 2537 หลกั สตู รวทิ ยำศำสตรบณั ฑิต สำขำวชิ ำวิทยำกำรคอมพิวเตอร์ มหำวทิ ยำลยั ศลิ ปำกร (วทิ ยำเขตพระรำชวังสนำมจันทร)์ อำเภอเมือง จังหวดั นครปฐม
Search
Read the Text Version
- 1 - 47
Pages: