Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชุดที่ 8 การสร้างฟังก์ชันและตัวแปรชนิดพอยน์เตอร์

ชุดที่ 8 การสร้างฟังก์ชันและตัวแปรชนิดพอยน์เตอร์

Published by kruraphiphon2019, 2022-06-15 06:46:47

Description: ชุดที่ 8 การสร้างฟังก์ชันและตัวแปรชนิดพอยน์เตอร์

Search

Read the Text Version

นางรพพี ร นามมุลตรี ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครชู านาญการพิเศษ

คานา สำหรับชุดกิจกรรมกำรเรียนรู้แบบอิเล็กทรอนิกส์ วิชำ กำรเขียนโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้กำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชนั้ มัธยมศึกษำปที ่ี 6 ชดุ น้ี จดั ทำข้ึน เพือ่ ใชเ้ ปน็ ส่อื ประกอบกำรจดั กจิ กรรมกำรเรียนรดู้ ว้ ยกำรเรียนรู้แบบสืบเสำะหำควำมรู้ 7 ข้ัน (7E) วชิ ำ กำรเขยี นโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรียนร้กู ำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี สำหรบั นกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษำปีท่ี 6 โรงเรยี นนำโพธิ์พทิ ยำสรรพ์ สงั กัดสำนกั งำนเขตพื้นทีก่ ำรศึกษำ มัธยมศึกษำ เขต 26 เพ่ือพัฒนำผลสัมฤทธ์ทิ ำงกำรเรียน และทกั ษะกำรคิดวเิ ครำะห์ สงั เครำะห์ และ แก้ปญั หำ ตลอดจนควำมสำมำรถในกำรใชเ้ ทคโนโลยีและกำรทำงำนรว่ มกบั ผู้อน่ื ทงั้ นี้ ชุดกิจกรรมกำรเรยี นรูแ้ บบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ วชิ ำ กำรเขียนโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้กำรงำนอำชพี และเทคโนโลยี สำหรับนักเรยี นชัน้ มธั ยมศึกษำปีท่ี 6 จะชว่ ยพฒั นำ ผลสมั ฤทธิท์ ำงกำรเรยี น และทกั ษะกำรคิดวิเครำะห์ สงั เครำะห์ และแก้ปัญหำ ตลอดจน ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยีและกำรทำงำนรว่ มกับผู้อ่ืน จำกกำรทำกจิ กรรมเสริมทักษะย่อย ต่ำงๆ ประจำเน้ือหำสำระกำรเรยี นรูท้ กี่ ำหนดใหต้ ำมวธิ ีกำรเรียนร้แู บบสบื เสำะหำควำมรู้ มีควำม สอดคลอ้ งตำมมำตรฐำนกำรเรียนรู้และตัวชวี้ ัด หลักสตู รแกนกลำงกำรศกึ ษำขน้ั พนื้ ฐำน พทุ ธศักรำช 2551 และหลักสตู รสถำนศึกษำโรงเรียนนำโพธิ์พทิ ยำสรรพ์ สังกัดสำนักงำนเขตพื้นที่กำรศกึ ษำ มธั ยมศกึ ษำ เขต 26 มุ่งเน้นกำรเรยี นรูด้ ว้ ยตวั เอง และทำกิจกรรมรว่ มกบั ผอู้ ่ืน เพ่ือใหน้ ักเรียนร้จู กั เข้ำสงั คมและปรับตัวใหเ้ ข้ำกับผูอ้ ่ืนได้ ตลอดจนสำมำรถนำควำมรู้ ควำมสำมำรถไปปรบั ประยุกต์ใช้ ในชวี ติ ประจำวนั ได้ ผ้จู ัดทำขอขอบพระคุณ และคณะครูอำจำรย์ทุกท่ำนทีใ่ ห้กำรสนบั สนนุ กำรพัฒนำชดุ กิจกรรม กำรเรียนรู้แบบอิเล็กทรอนกิ ส์ วิชำ กำรเขียนโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้ กำรงำนอำชพี และเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษำปที ี่ 6 นี้ ได้สำเร็จตำมวตั ถุประสงค์ จนทำใหม้ ีควำมสมบรู ณ์ถูกต้องเป็นอย่ำงดี และเปน็ ประโยชน์ต่อครู นักเรียน และผสู้ นใจได้เป็นอยำ่ งดี รพีพร นำมมุลตรี

คาช้ีแจง ชุดกจิ กรรมกำรเรียนรู้แบบอิเล็กทรอนิกส์ วิชำ กำรเขยี นโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้กำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรยี นช้นั มัธยมศึกษำปที ่ี 6 มีเนื้อหำสำระ สอดคล้องกบั หลักสตู รกำรศึกษำข้ันพื้นฐำน พุทธศักรำช 2551 และหลกั สูตรสถำนศกึ ษำตำม กระทรวงศกึ ษำธกิ ำรกำหนด ซ่ึงนับว่ำมคี วำมสำคัญอย่ำงยงิ่ สำหรบั นกั เรยี น เพรำะถือเป็นพืน้ ฐำน สำคญั ของกำรใช้เทคโนโลยีในยุค 4.0 และสอดคล้องกบั กำรเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี 21 น้ี เพื่อส่งเสรมิ และพฒั นำกำรเรยี นรูด้ ้ำนเทคโนโลยแี กน่ กั เรียน ตลอดจนทักษะกำรคิดวเิ ครำะห์ สงั เครำะห์ และ กำรแกป้ ัญหำ เพื่อกำรนำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวัน ชดุ กจิ กรรมกำรเรียนร้แู บบอเิ ล็กทรอนิกส์ วชิ ำ กำรเขียนโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้กำรงำนอำชพี และเทคโนโลยี สำหรับ นกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษำปีท่ี 6 ชดุ นี้ ท่ีไดจ้ ดั ทำขึน้ ประกอบด้วย 9 ชดุ ดงั น้ี ชดุ ที่ 1 หลักกำรเขียนโปรแกรมเบ้ืองต้น ชุดที่ 2 กำรตดิ ตัง้ โปรแกรม Dev C++ ชดุ ท่ี 3 องคป์ ระกอบของภำษำซี ตัวแปร และชนิดข้อมลู ชุดท่ี 4 นพิ จนแ์ ละตัวดำเนนิ กำร ชุดที่ 5 ฟงั กช์ ันกำรรบั แสดงผล และฟังก์ชนั ทำงคณติ ศำสตร์ ชุดที่ 6 คำสัง่ ควบคุมเงอื่ นไข และกำรทำงำนเป็นรอบ ชดุ ท่ี 7 อำร์เรยแ์ ละฟังก์ชนั จัดกำรสตริง ชดุ ที่ 8 กำรสรำ้ งฟงั กช์ ันและตัวแปรชนดิ พอยน์เตอร์ ชุดท่ี 9 ขอ้ มลู ชนดิ โครงสรำ้ งและกำรจัดกำรแฟ้มข้อมูล ทง้ั น้ี ชดุ กจิ กรรมกำรเรยี นรแู้ บบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ วชิ ำ กำรเขียนโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุม่ สำระกำรเรียนรกู้ ำรงำนอำชพี และเทคโนโลยี สำหรับนกั เรียนชัน้ มธั ยมศึกษำปที ี่ 6 เปน็ หนงั สอื อิเล็กทรอนกิ ส์ โดยสำมำรถ สแกนผ่ำน QR-Code หรือผำ่ นลิงค์เวบ็ ไซต์ https://pubhtml5.com/bookcase/wjru เพือ่ ใช้งำนตำมปกติ พร้อมกับรูปเล่มจริง ตำมลิงค์ ออนไลนท์ ี่แนบนี้ QR-Code

คาแนะนาสาหรบั ครู 1. นกั เรียนศกึ ษำคำช้แี จง และคำแนะนำให้พร้อมก่อนเร่ิมศกึ ษำ 2. นกั เรียนรบั ฟงั คำแนะนำกำรใชช้ ุดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้แบบอเิ ล็กทรอนิกส์ วชิ ำ กำรเขยี น โปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้กำรงำนอำชพี และเทคโนโลยี สำหรับนักเรียน ชน้ั มัธยมศกึ ษำปีที่ 6 ให้เข้ำใจกอ่ นเสมอ 3. นักเรียนแบ่งกลมุ่ 4-5 คน เพื่อทำกิจกรรมกำรเรียนรู้ 4. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนประจำชุดกจิ กรรมกำรเรียนรู้แบบอิเล็กทรอนิกส์ วิชำ กำรเขยี นโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรียนร้กู ำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี สำหรับนกั เรยี นช้ันมธั ยมศึกษำปที ่ี 6 ดว้ ยควำมต้ังใจ และซ่ือสัตย์ 5. นกั เรียนศึกษำใบควำมรู้ ให้เขำ้ ใจก่อนทำกิจกรรมระหว่ำงเรียน และกจิ กรรมโครงงำน 6. ทบทวนควำมรแู้ ละฝึกทักษะกระบวนกำรทำงเทคโนโลยดี ว้ ยกำรทำกจิ กรรมกำรเรียนรู้ 7. หำกนักเรยี นเกิดขอ้ สงสยั ให้ปรกึ ษำ หรือแจ้งครูไดท้ ันที และใหน้ ักเรียนควรตรวจสอบ ควำมถกู ต้องของกำรทำกิจกรรมใหเ้ รียบรอ้ ย 8. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนประจำชุดกิจกรรมกำรเรยี นร้แู บบอิเล็กทรอนิกส์ วชิ ำ กำรเขียนโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรียนรกู้ ำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนช้นั มธั ยมศึกษำปที ี่ 6 ด้วยควำมต้องใจ และซือ่ สัตย์ 9. นักเรยี นรวบรวมกระดำษคำตอบและชดุ กจิ กรรมกำรเรยี นรแู้ บบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ วิชำ กำรเขียนโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรียนรกู้ ำรงำนอำชพี และเทคโนโลยี สำหรบั นักเรียนชั้นมธั ยมศึกษำปที ี่ 6 สง่ คนื ครู 10. นกั เรียนตอ้ งใหค้ วำมรว่ มมือในกำรทำกจิ กรรมกำรเรียนรู้ เพื่อให้บรรลุเปำ้ หมำย

คาแนะนาสาหรบั นกั เรียน 1. ศึกษำคำชีแ้ จง คำแนะนำ และเตรยี มกระดำษคำตอบให้พรอ้ มก่อนเร่มิ ศึกษำ 2. อธบิ ำยและให้คำแนะนำกับนกั เรียนในกำรใช้ชดุ กจิ กรรมกำรเรยี นรู้แบบอิเลก็ ทรอนิกส์ วชิ ำ กำรเขยี นโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรียนรกู้ ำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี สำหรบั นักเรยี นชั้นมัธยมศึกษำปีท่ี 6 3. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม 4-5 คน เพื่อทำกิจกรรมกำรเรยี นรู้ 4. ให้นักเรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี นประจำชดุ กิจกรรมกำรเรียนรแู้ บบอิเลก็ ทรอนิกส์ วิชำ กำรเขยี นโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้กำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี สำหรับนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษำปีท่ี 6 ดว้ ยควำมต้งั ใจ และซื่อสัตย์ 5. ใหน้ ักเรียนศึกษำใบควำมรู้ ให้เข้ำใจก่อนทำกิจกรรมระหวำ่ งเรียนและกจิ กรรมโครงงำน 6. ให้ทบทวนควำมรูแ้ ละฝึกทักษะกระบวนกำรทำงเทคโนโลยีด้วยกำรทำกิจกรรมกำรเรียนรู้ 7. หำกนกั เรยี นเกดิ ข้อสงสยั ใหป้ รึกษำ หรือแจ้งครูไดท้ นั ที และให้นกั เรยี นควรตรวจสอบ ควำมถกู ต้องของกำรทำกิจกรรมใหเ้ รยี บรอ้ ย 8. ให้นักเรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรยี นประจำชุดกจิ กรรมกำรเรียนรู้แบบอิเลก็ ทรอนิกส์ วชิ ำ กำรเขียนโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรียนรกู้ ำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษำปที ี่ 6 ดว้ ยควำมต้องใจ และซอื่ สัตย์ 9. ให้นกั เรียนรวบรวมกระดำษคำตอบและชดุ กิจกรรมกำรเรยี นร้แู บบอิเล็กทรอนิกส์ วิชำ กำรเขียนโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรียนรูก้ ำรงำนอำชพี และเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษำปที ี่ 6 ส่งคืนครู 10. สงั เกตพฤตกิ รรมและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ของนักเรียนเพื่อบันทึกคะแนน และกล่มุ

มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตวั ชีว้ ัด มำตรฐำน ง 3.1 เข้ำใจ เหน็ คุณคำ่ และใชก้ ระบวนกำรเทคโนโลยีสำรสนเทศในกำรสบื ค้น ข้อมูล กำรเรยี นรู้ กำรสื่อสำร กำรแกป้ ัญหำ กำรทำงำน และอำชีพอย่ำงมีประสทิ ธิภำพประสทิ ธผิ ล และมคี ุณธรรม (ง3.1 ม.5/1-13) แนวคดิ ศกึ ษำเกีย่ วกบั ควำมหมำยของฟงั ก์ชนั รูปแบบกำรเข้ำถึงฟังกช์ นั ฟงั กช์ นั ตน้ แบบ (Prototype) และพอยนเ์ ตอร์ (Pointers) ซึ่งเนอ้ื หำเหล่ำนี้ถอื เปน็ ส่ิงสำคัญในกำรศกึ ษำ วชิ ำกำรเขยี นโปรแกรมเบื้องต้นท้ังสน้ิ สาระการเรยี นรู้ หน่วยที่ 8 กำรสร้ำงฟังกช์ นั และตวั แปรชนิดพอยน์เตอร์ 1. ควำมหมำยของฟงั ก์ชัน 2. รปู แบบกำรเขำ้ ถงึ ฟงั กช์ ัน 3. ฟังกช์ นั ต้นแบบ (Prototype) 4. พอยน์เตอร์ (Pointers) จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ความรู้ ความเขา้ ใจ (K) 1. มคี วำมรู้เก่ียวกับกำรสรำ้ งฟังกช์ ันและตัวแปรชนดิ พอยน์เตอร์ 2. รวบรวม วิเครำะห์ข้อมลู เกี่ยวกบั กำรสรำ้ งฟังกช์ นั และตัวแปรชนดิ พอยนเ์ ตอร์ 3. สรุปข้อมูลเก่ียวกบั กำรสร้ำงฟงั ก์ชันและตวั แปรชนดิ พอยน์เตอร์ ทกั ษะกระบวนการ (P) 1. ใช้ควำมรู้เก่ียวกับกำรสรำ้ งฟังกช์ ันและตวั แปรชนิดพอยนเ์ ตอร์ได้ 2. มีกำรคิดวเิ ครำะห์ และกำรให้เหตุผลตำมกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตรไ์ ด้ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) 1. มคี วำมสนใจและต้ังใจเรยี น กระตือรือรน้ ตรงต่อเวลำ ใหค้ วำมรว่ มมือในกำรทำงำนกลุ่ม และ มเี จตคติท่ดี ีต่อกำรเรียนวิทยำศำสตร์

สมรรถนะท่สี าคัญ (C) 1. ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ 2. ควำมสำมำรถในกำรให้เหตุผล 3. ควำมสำมำรถในกำรส่ือสำร 4. ควำมสำมำรถในกำรเช่ือมโยง 5. ควำมสำมำรถในกำรใช้ควำมคดิ รเิ ริ่มสรำ้ งสรรค์ ภาระหน้าท่ี / ชิน้ งาน ชดุ กจิ กรรมกำรเรียนรู้แบบอิเล็กทรอนิกส์ วิชำ กำรเขียนโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุม่ สำระกำรเรยี นรู้กำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี สำหรบั นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศึกษำปที ี่ 6 ชดุ ท่ี 8 กำรสร้ำงฟังกช์ ันและตัวแปรชนิดพอยน์เตอร์ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 2. กิจกรรมระหวำ่ งเรยี น (กจิ กรรมที่ 1-6) 3. แบบทดสอบหลังเรียน กระบวนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ กำรเรียนรูแ้ บบสบื เสำะหำควำมรู้ 7 ขนั้ (7E) การวัดผลประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น คะแนนเฉลี่ย ร้อยละ 80 ขึ้นไป จงึ จะผ่ำนเกณฑ์ 2. กิจกรรมระหวำ่ งเรียน คะแนนเฉล่ีย รอ้ ยละ 80 ข้ึนไป จึงจะผำ่ นเกณฑ์ 3. แบบทดสอบหลังเรียน คะแนนเฉลย่ี ร้อยละ 80 ขน้ึ ไป จงึ จะผ่ำนเกณฑ์ 4. แบบประเมนิ สมรรถนะท่ีสำคญั คะแนนเฉล่ยี ร้อยละ 60 ข้ึนไป จงึ จะผำ่ นเกณฑ์ 5. แบบประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนเฉลี่ย ร้อยละ 60 ขึ้นไป จงึ จะผ่ำนเกณฑ์

สารบญั คำนำ หนา้ คำชแ้ี จง ก คำแนะนำสำหรับครู ข คำแนะนำสำหรับนักเรียน ค ง ชุดกิจกรรมกำรเรยี นรู้แบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ วชิ ำ กำรเขยี นโปรแกรมภำษำซี (ง33205) กลุ่มสำระกำรเรยี นรกู้ ำรงำนอำชพี และเทคโนโลยี สำหรบั นักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีท่ี 6 จ สำรบญั ช แบบทดสอบก่อนเรยี น 1 กระดำษคำตอบแบบทดสอบก่อนเรยี น 3 ใบควำมรู้ เร่อื ง กำรสร้ำงฟังก์ชนั และตัวแปรชนดิ พอยน์เตอร์ 4 16 กิจกรรมที่ 1 17 กิจกรรมที่ 2 18 กจิ กรรมท่ี 3 19 กิจกรรมที่ 4 20 กิจกรรมที่ 5 21 กจิ กรรมที่ 6 22 แบบทดสอบหลงั เรียน 24 กระดำษคำตอบแบบทดสอบหลังเรยี น 25 ภำคผนวก 26 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น 27 เฉลยกจิ กรรมที่ 1 28 เฉลยกิจกรรมท่ี 2 29 เฉลยกจิ กรรมท่ี 3 30 เฉลยกิจกรรมที่ 4 31 เฉลยกิจกรรมท่ี 5 32 เฉลยกิจกรรมท่ี 6 33 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น 34 แบบบันทึกคะแนน 35 บรรณำนุกรม 36 ประวัติย่อผจู้ ัดทำ

คาชี้แจง ใหน้ ักเรียนเลอื กคำตอบที่ถกู ท่ีสุดเพียงคำตอบเดียวแล้วทำเคร่อื งหมำย X ลงใน กระดำษคำตอบ 1. ขอ้ ใดต่อไปน้ีไมใ่ ชจ่ ดุ ประสงค์ของกำรเขยี นโปรแกรมแบบโมดู ก. เพ่อื ประมวลผลชุดคำสง่ั นั้นซำ้ ๆ ข. เพอ่ื ง่ำยต่อกำรตรวจสอบและบำรงุ รกั ษำ ค. เพอื่ สรำ้ งกลุ่มคำส่ังประมวลผลเฉพำะงำน ง. เพ่ือเป็นไปตำมหลักกำรของโปรแกรมเชงิ โครงสร้ำง 2. ชนิดขอ้ มลู ท่ีคนื คำ่ กลับไปยงั ฟังกช์ นั ของฟงั กช์ นั main() ปกตเิ ป็นข้อมลู ชนดิ ใด ก. เลขจำนวนเต็ม ข. เลขจำนวนจริง ค. ตวั อักขระ ง. รปู ภำพ 3. กรณที ่ีไม่ต้องกำรให้ฟังกช์ ัน main() คนื ค่ำใดๆ ควรระบุชนิดขอ้ มลู ใหเ้ ป็นไปตำมข้อใด ก. int ข. void ค. float ง. Array 4. ข้อใดต่อไปนี้เปน็ กำรเรยี กใชง้ ำนฟงั ก์ชันทไ่ี ม่มกี ำรส่งผ่ำนคำ่ ใดๆ ก. prnLine(80); ข. ans = income(); ค. prnLine(); ง. void prnLine(void); 5. ข้อใดต่อไปนี้เปน็ กำรประกำศฟงั กช์ ันต้นแบบท่มี ีกำรสง่ ผำ่ นคำ่ ทำงเดยี ว ก. void prnLine(int n) ข. int prnLine(void) ค. void prnLine(void) ง. prnLine (int void) 6. ขอ้ ใดต่อไปนี้ไมใ่ ช่กำรเขำ้ ถึงฟงั ก์ชนั ก. ฟังก์ชนั ท่ีไม่มีกำรสง่ ผ่ำนค่ำใดๆ ลงไป ข. ฟังกช์ ันทมี่ ีกำรส่งผำ่ นคำ่ ทำงเดยี ว ค. ฟงั กช์ ันทม่ี ีกำรสง่ ค่ำสองทำง ง. ฟงั กช์ ันทีส่ ง่ ผำ่ นค่ำไปและคนื ค่ำกลับมำ

7. กรณีใดตอ่ ไปนที้ ่ีตอ้ งประกำศฟงั กช์ ันต้นแบบ ก. กรณนี ำฟังกช์ ันที่สร้ำงขึน้ เอง วำงอยู่ก่อนตำแหนง่ ฟังก์ชัน main() ข. กรณีนำฟังก์ชนั ท่สี รำ้ งขึ้นเอง วำงอยูห่ ลังตำแหน่งฟังกช์ ัน main() ค. กรณีโปรแกรมใช้หน่วยควำมจำหลักมำกกว่ำปกติ ง. กรณีต้องประมวลผลโปรแกรมครั้งเดียว 8. ค่ำทเี่ กบ็ อย่ใู นตัวแปรชนดิ พอยนเ์ ตอร์ คือ คำ่ ใด ก. ค่ำทร่ี ะบุลงไปซง่ึ เหมอื นกับตัวแปรทวั่ ไป ข. ค่ำคงท่ี ท่ีไม่สำมำรถเปลยี่ นแปลงได้ ค. ตำแหน่งท่อี ยู่ท่ใี ชจ้ ดั เก็บข้อมูลของตัวแปรอน่ื ง. ตัวแปรชนดิ อำรเ์ รย์ จำกชดุ คำสัง่ ต่อไปนี้ ให้นักเรียนนำไปใช้กบั ข้อที่ 9-10 1: int digit = 100; 2: int *pointer; 3: pointer = &digit; 4: 5: printf(\"%d\", &pointer); 6: printf(\"%d\", *pointer); 9. ผลลพั ธ์ท่ีไดจ้ ำกชดุ คำสัง่ ในบรรทดั ท่ี 5 คือคำ่ ในขอ้ ใด ก. ทีอ่ ยู่ของตัวแปร digit ข. 100 ค. ทอ่ี ยขู่ องตัวแปร pointer ง. ตำแหน่งหน่วยควำมจำของ pointer 10. ผลลัพธ์ท่ไี ด้จำกชดุ คำสงั่ ในบรรทัดที่ 6 คือคำ่ ในขอ้ ใด ก. ท่อี ยขู่ องตัวแปร digit ข. 100 ค. ที่อย่ขู องตัวแปร pointer ง. ตำแหนง่ หนว่ ยควำมจำของ pointer

คาช้แี จง ใหน้ ักเรยี นเลือกคำตอบท่ีถกู ท่ีสุดเพยี งคำตอบเดียวแลว้ ทำเคร่อื งหมำย X ลงใน กระดำษคำตอบ ข้อ ก ข ค ง 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. สรุปคะแนน สรุปผล ผา่ น ไม่ผ่าน คะแนนเต็ม คะแนนท่ีได้ ……………...…. …………………. 10 คะแนน ………………. คะแนน

กำรออกแบบโปรแกรมเป็นส่วนๆ หรือทเี่ รยี กวำ่ “โมดูล” เพือ่ ให้แต่ละโมดูลทำงำนเฉพำะ ส่วนน้นั ๆ ซ่งึ สง่ิ เหล่ำนีจ้ ะชว่ ยลดควำมซับซ้อนของโปรแกรมลงได้ อีกทัง้ ยังช่วยใหก้ ำรตรวจสอบ และแก้ไขโปรแกรมทำได้งำ่ ยขนึ้ จำกตัวอยำ่ งโปรแกรมท่ผี ่ำนมำ ไมไ่ ด้มกี ำรแตกกระบวนกำรออกเปน็ โมดูลย่อย ซ่งึ จะพบวำ่ ชุดคำส่ังทำงำนทั้งหมด จะอยู่ภำยในฟงั ก์ชัน main() ทง้ั สิ้น กระบวนกำรทำงำนของโปรแกรม ล้วนรวมอยทู่ ีเ่ ดียวกัน และหำกมีกระบวนกำรที่ต้องทำซ้ำ แทนท่ีจะเรยี กใชง้ ำนส่วนทซี่ ำ้ ได้ กลบั ต้อง เขยี นโปรแกรมส่วนนั้นซ้ำอีก ส่งผลใหเ้ กิดควำมซำ้ ซอ้ น และนบั วำ่ เปน็ แนวทำงท่ไี ม่ถูกต้อง ดังนั้นจึงมีจุดประสงคเ์ พ่ือฝึกแนวคิดกำรเขียนโปรแกรมใหม่ ด้วยกำรแตกกำรทำงำนออกเป็น โมดลู ทภ่ี ำษำซเี รียกว่ำ “ฟังก์ชนั ” ซึ่งโปรแกรมเมอรจ์ ะตอ้ งสร้ำงขน้ึ เอง โดยรปู แบบกำรถงึ ฟังก์ชัน ก็จะมีหลำยวธิ ีดว้ ยกัน อีกท้ังภำษำซกี ็ยงั อนญุ ำตสรำ้ งฟงั ก์ชนั เพ่ือใชง้ ำนเองไดโ้ ดยไมจ่ ำกัด ฟังก์ชนั หมำยถึง ชุดคำสั่งท่ีสัง่ ใหค้ อมพวิ เตอรท์ ำงำนโดยจะทำงำนหนึ่งๆ ใหส้ ำเรจ็ ภำยในตวั มนั เองไม่ว่ำจะเปน็ กำรรับข้อมลู กำรประมวลผลรวมถึงกำรแสดงผลข้อมลู และทสี่ ำคัญ เรำสำมำรถ เรยี กใชง้ ำนฟังก์ชันไดบ้ ่อยตำมทตี่ ้องกำร ดงั น้นั ชุดคำสั่งใดๆ ที่มกั เรยี กใช้งำนซำ้ ๆ เม่อื นำมำเขียนเป็น ฟงั กช์ ัน ย่อมช่วยลดเวลำในกำรเขยี นโปรแกรมลงได้ ดังน้ัน ในกำรเขยี นโปรแกรมภำษำซที ดี่ ีจงึ จำเป็นตอ้ งออกแบบโปรแกรมใหเ้ ปน็ โมดลู หรือ ทเ่ี รยี กว่ำ “ฟงั ก์ชนั ย่อยๆ” จำแนกได้ดังนี้ 1. เพอื่ เป็นไปตำมหลักกำรของกำรโปรแกรมเชิงโครงสรำ้ ง 2. เพ่ือง่ำยต่อกำรตรวจสอบ และกำรบำรุงรักษำ 3. เพอื่ หลกี เลี่ยงกำรเขยี นชดุ คำสง่ั เดมิ ที่ทำงำนซ้ำๆ 4. เพอื่ สรำ้ งกลุ่มคำส่งั ประมวลผลเฉพำะงำน สำหรับกำรสร้ำงฟังก์ชนั ในภำษำซี คือ โพรซเี ยอร์ (Procedure) อย่ำงไรกต็ ำมคำวำ่ ฟังก์ชัน จะมรี ำยละเอียดมำกกว่ำคำว่ำ โพซเี ยอร์ อยเู่ ล็กน้อย กลำ่ วคอื ฟังก์ชันจะต้องมกี ำรคืนคำ่ กลับเสมอ โดยชนดิ ขอ้ มูลที่คนื ค่ำกลับไปอำจมชี นิดข้อมลู ประเภท int, float หรือ char เป็นต้น จำกตวั อย่ำงโปรแกรมท่ผี ำ่ นมำ จะพบว่ำ มีกำรประกำศฟังก์ชัน main() โดดๆ โดยไม่ได้ระบุ ข้อมูลให้คืนค่ำกลบั แต่อย่ำงใด ซึ่งควำมจริงแล้วถือว่ำผดิ หลกั กำร แต่อย่ำงไรกต็ ำมคอมไพเลอรข์ อง Dev C++ ก็อนุญำตใหค้ อมไพล์ผำ่ นและยังคงรนั โปรแกรมต่อไปได้ เพียงแตจ่ ะมขี ้อควำมแสดงเตือน (Warning) ให้เรำรับทรำบเท่ำนัน้ วำ่ ในโปรแกรมมิไดร้ ะบุค่ำท่คี ืนกลบั ไปยังฟงั กช์ ัน ให้พจิ ำรณำจำกโปรแกรมตวั อยำ่ งภำพท่ี 1 ต่อไปนี้

1: #include <stdio.h> 2: 3: main() //มไิ ดร้ ะบชุ นิดขอ้ มลู เพ่ือคืนค่ากลบั ไปยงั ฟังกช์ นั 4: { 5: printf(\"Testing for return value...\\n\"); 6: } ภำพที่ 1 ตัวอยำ่ งโปรแกรมทดสอบฟังกช์ ัน main() ทไ่ี ม่ได้ระบชุ นิดข้อมูลให้คนื ค่ำกลบั 1: #include <stdio.h> 2: 3: int main() //ระบใุ หค้ ืนค่าเป็นเลขจานวนเต็ม 4: { 5: printf(\"Testing for return value...\\n\"); 6: 7: retuen 0; //การคืนคา่ ปกติกลบั ไปยงั ฟังกช์ นั 8: } ภำพท่ี 2 ตัวอย่ำงโปรแกรมทดสอบฟงั ก์ชนั และกำรคืนค่ำกลบั ด้วยกำรคืนคำ่ ปกตกิ ลับไปยงั ฟงั ก์ชัน จำกตวั อย่ำงภำพที่ 2 จะพบว่ำ ไดม้ ีกำรประกำศชนิดข้อมูลของค่ำทคี่ ืนกลบั ไปของฟงั ก์ชัน main() ใหเ้ ปน็ เลขจำนวนเต็ม ดังนัน้ ใหส้ ังเกตบรรทดั ที่ 7 ท่ีมชี ดุ คำสงั่ return 0; หมำยควำมว่ำ มีกำรสง่ั คนื ค่ำปกตกิ ลับไป (ค่ำศูนย์ หมำยถึง ไม่พบข้อผิดพลำด) และเม่ือนำโปรแกรมนไ้ี ปคอมไพล์ โปรแกรมนกี้ ็จะไมพ่ บขอ้ ควำมเตือนแตอ่ ยำ่ งใด 1: #include <stdio.h> 2: 3: void main() //ระบวุ า่ ไมต่ อ้ งมีการคืนค่าใดๆ 4: { printf(\"Testing for return value...\\n\"); 5: 6: } ภำพท่ี 3 ตัวอยำ่ งโปรแกรมทดสอบฟงั ก์ชนั โดยระบุ void เพอื่ ไม่ต้องคนื คำ่ กลบั เมื่อไดเ้ ข้ำใจถึงกำรระบชุ นดิ ข้อมลู เพ่ือคนื คำ่ กลับไปยงั ฟังก์ชนั แลว้ ยังไม่เพยี งพอเพรำะ ฟงั ก์ชนั นอกจำกคืนค่ำแล้วยงั สำมำรถสง่ ฝำนข้อมลู ไดอ้ ีก หรือท่ีเรียกว่ำ “กำรสง่ ผ่ำนอำร์กิวเมนต์ (พำรำมิเตอร์)” โดยภำษำชไี ด้กำหนดรปู แบบกำรเข้ำถึงอยู่ 3 รปู แบบดว้ ยกัน คือ 1. ฟังก์ชันท่ีไม่มีการสง่ ผา่ นคา่ ใดๆ จัดเปน็ ฟงั กช์ ันท่ีมุ่งเน้นให้ทำงำนใดๆ จนสำเร็จเท่ำนั้น โดยมไิ ดม้ ีกำรส่งผำ่ นค่ำใดๆ ลงไป และไม่มีกำรคืนคำ่ ใดๆ กลบั ไปยังฟังก์ชนั ทัง้ นภี้ ำษำซีจะใช้คำว่ำ void โดยให้ระบลุ งไปตรงส่วนชนดิ ข้อมูลที่คืนคำ่ และระบุ void ลงไปในอำร์กิวเมนต์ที่อยู่ใน

เครอื่ งหมำยวงเล็บโดยคำว่ำ void เปน็ ตัวแจง้ ใหค้ อมไพเลอรร์ ำบว่ำ ฟงั ก์ชนั นีจ้ ะไมม่ ีกำรคืนค่ำหรือ ไม่มีกำรสง่ ผำ่ นข้อมูลใดๆ ทง้ั ส้นิ รปู แบบ void functionName (void) { statement_1; statement_2; statement_n; } 1: #include <stdio.h> //ฟังกช์ นั ท่ีไมม่ กี ารสง่ ผา่ นค่าใดๆ 2: 3: void prnLine(void) 4: { 5: puts(\"=========================); 6: } //ฟังกช์ นั หลกั 7: 8: int main() 9: { prnLine(); //เรยี กใชง้ านฟังกช์ นั prnLine() 10: 11: printf(\"\\tHeading\\n\"); 12: printf(); //เรียกใชง้ านฟังกช์ นั prnLine() 13: } ภำพท่ี 4 กำรสร้ำงฟงั กช์ นั ทไ่ี ม่มีกำรส่งผ่ำนค่ำใดๆ ตำรำงที่ 1 คำอธบิ ำยโปรแกรมกำรสร้ำงฟงั ก์ชันที่ไมม่ ีกำรส่งผำ่ นค่ำใดๆ บรรทัดที่ ความหมาย 3-6 ฟังกช์ นั ชอ่ื prnLine() ซง่ึ ไม่มีกำรสง่ ผ่ำนอำร์กิวเมนต์ และไม่มีกำรคืนคำ่ กลบั ไปยัง ฟงั ก์ชนั โดยภำยในชุดคำสัง่ ได้สง่ั ใหต้ ีเสน้ คู่จำนวน 1 เส้น 8-13 ฟงั กช์ ันหลกั ทีร่ ะบุไมต่ ้องคนื ค่ำกลับ โดยภำยในชุดคำสัง่ จะมกี ำรเรยี กใช้งำนฟังก์ชัน prnLine() เพือ่ ตีเส้นทำให้ไม่ต้องเขียนชดุ คำสั่งเดิมๆ ซำ้ อีก ภำพท่ี 5 ผลลัพธ์จำกกำรรนั โปรแกรมกำรสร้ำงฟงั กช์ นั ท่ีไม่มีกำรสง่ ผำ่ นคำ่ ใดๆ

จำกภำพท่ี 4 จะพบว่ำ ฟงั ก์ชัน prnLine() ทสี่ ร้ำงขน้ึ จะเขียนอยู่ทีต่ ้นโปรแกรม และ ฟงั กช์ ัน main() ซง่ึ เป็นฟังกช์ ันหลัก จะเขยี นอยู่ขำ้ งใตแ้ ล้วจะนำฟังกช์ นั main() เขยี นอย่กู อ่ นฟังกช์ ัน prnLine() ไมไ่ ดห้ รือใหท้ ดลองยำ้ ยตำแหน่งและคอมไพล์โปรแกรมดู จะพบว่ำ คอมไพล์ไม่ผ่ำนในท่นี ้ี ให้นกั เรียนดำเนินกำรตำมตัวอย่ำงแบบง่ำยๆ นไ้ี ปก่อน ซ่ึงเนอ้ื หำต่อไปจะบอกถงึ เหตผุ ลว่ำทำไมต้อง ทำเช่นน้นั พร้อมวธิ ีแกไ้ ข 2. ฟงั ก์ชันท่ีมีการส่งผา่ นค่าทางเดียว เป็นฟังก์ชนั ท่ีมกี ำรสผ่ำนค่ำผำ่ นอำร์กิวเมนต์ และ ภำยหลงั เสร็จสิ้นกำรทำงำนของตัวฟงั กช์ ันแล้ว จะไม่มกี ำรคนื คำ่ ใดๆ กลับไป ดงั นนั้ อำกิวเมนตภ์ ำยใน วงเลบ็ จึงตอ้ งระบุชนดิ ข้อมูลลงไป ซงึ่ จะมกี ีต่ วั กไ็ ด้ ในขณะท่ชี นดิ ข้อมูลที่คืนค่ำกลับ ใหร้ ะบุเป็น void รูปแบบ void function_name (type1 age1, type2 age2,...) { statement_1; statement_2; statement_n; } 1: #include <stdio.h> //ฟังกช์ นั แบบสง่ ผา่ นค่าทาง 2: 3: void prnDigit(int from, int to) เดียว 4: { 5: for(int x = from; x <= to; x++) 6: printf(\"%d \", x); 7: putchar('\\n'); 8: } 9: //เรยี กใชง้ านฟังกช์ นั พรอ้ มสง่ ผา่ นอารก์ ิวเมนต์ 10: void main() 11: { 12: prnDigit(1, 5); 13: prnDigit(11, 20); //เรยี กใชง้ านฟังกช์ นั พรอ้ มสง่ ผ่านอารก์ ิวเมนต์ 14: } ภำพท่ี 6 กำรสร้ำงฟงั กช์ ันเพ่ือส่งผำ่ นทำงเดียว บรรทัดท่ี ตำรำงท่ี 2 คำอธิบำยโปรแกรมกำรสร้ำงฟงั ก์ชันเพ่อื ส่งผำ่ นทำงเดียว 3-8 ความหมาย 10-14 ฟงั กช์ นั ช่อื prnDigit() ซึง่ เป็นแบบสง่ ผำ่ นคำ่ ทำงเดียว โดยไม่มกี ำรคืนค่ำกลบั สำหรบั ชดุ คำสัง่ ภำยในเป็นกำรสงั่ พิมพค์ ่ำตัวเลขตั้งแต่ from ถงึ to ทสี่ ่งผำ่ นมำ ฟงั ก์ชนั หลกั ทรี่ ะบุวำ่ ไม่ต้องคืนคำ่ กลับ โดยภำยในชุดคำสั่งจะมกี ำรเรียกใช้งำน ฟงั กช์ นั prnDigit() พร้อมส่งผ่ำนคำ่ ไปยงั from ถงึ to เพอ่ื พิมพ์ช่วงของค่ำตัวเลข ดงั กลำ่ ว

ภำพท่ี 7 ผลลพั ธ์จำกกำรรนั โปรแกรมกำรสรำ้ ง ฟังก์ชันเพอื่ สง่ ผำ่ นทำงเดียว 3. ฟงั ก์ชันที่ส่งผ่านค่าและคืนค่ากลบั เปน็ รปู แบบฟังก์ชันทีน่ อกจำกจะมกี ำรส่งผ่ำนคำ่ แลว้ ยังมีกำรคนื คำ่ กลบั ไปดว้ ย พจิ ำรณำจำกภำพที่ 6 จะพบว่ำฟังกช์ ัน add() จะมีอำร์กิวเมนต์อยู่ 2 ตัวแปร และมกี ำรคนื ค่ำกลับดว้ ยเลขจำนวนเตม็ รูปแบบ data_type functionName(type1 age1, type2 age2,...) { statement_1; statement_2; statement_n; return (expression); } 1: #include <stdio.h> //ฟังกช์ นั ที่สง่ ผา่ นคา่ และมกี ารคืนคา่ กลบั 2: 3: int add(int var1, int var2) 4: { 5: return (var1 + var2); 6: } 7: 8: int main() 9: { 10: int ans; 11: ans = add(10, 40); //เรยี กใชง้ านฟังกช์ นั add พรอ้ มสง่ ผา่ นคา่ 10 และ 40 ลงไป 12: //จากนนั้ คา่ ท่ีคนื กลบั มาจะเก็บไวท้ ่ีตวั แปร ans 13: printf(\"Answer = %d\", ans); 14: } ภำพที่ 8 ตัวอย่ำงโปรแกรมทดสอบฟังกช์ ันทีส่ ่งผำ่ นคำ่ และคืนคำ่ กลับ ตำรำงท่ี 3 คำอธบิ ำยโปรแกรมโปรแกรมทดสอบฟังก์ชนั ท่ีส่งผ่ำนค่ำและคนื ค่ำกลบั บรรทัดท่ี ความหมาย 3 ประกำศฟงั ก์ชนั ชื่อ add ซึ่งอำร์กวิ เมนต์ 2 ตัวแปร โดยชนิดขอ้ มลู ท่ีคนื ค่ำกลบั เปน็ แบบเลขจำนวนเต็ม 5 กำรคนื คำ่ กลบั ซึ่งคำ่ ที่คืนกลับไปกค็ ือผลรวมของอำรก์ วิ เมนต์ var1 และ var2 8 ฟังกช์ นั หลกั ทรี่ ะบุวำ่ ไมต่ ้องคืนค่ำกลับ 10 ประกำศตัวแปร ans มชี นิดข้อมลู เป็นเลขจำนวนเต็ม 11 เรียกใช้งำนฟังกช์ นั add() ด้วยกำรส่งผ่ำนค่ำ 10 และ 40 ลงไป จำกนั้นผลลพั ธ์ที่ได้ จะนำไปเก็บไว้ท่ีตวั แปร ans 13 พมิ พผ์ ลลพั ธ์ออกมำทำงจอภำพ

ภำพที่ 9 ผลลพั ธจ์ ำกกำรรนั โปรแกรมทดสอบฟงั ก์ชันท่สี ่งผ่ำนคำ่ และคนื ค่ำกลบั จำกโปรแกรมกำรสรำ้ งฟังกช์ ันใชง้ ำนเอง จะพบว่ำ ได้มกี ำรวำงตำแหน่งฟังก์ชนั ทีส่ รำ้ งขึ้นไว้ ก่อนฟงั ก์ชนั main() ทงั้ น้ีก็เพ่ือให้คอมไพเลอร์ได้แปลชุดคำสงั่ ของฟังกช์ ันท่ีสร้ำงข้นึ เองก่อน แตอ่ ย่ำงไรก็ตำมกรณีต้องกำรวำงตำแหน่งฟังก์ชัน main() ไว้ก่อนฟังก์ชนั อื่นๆ ท่สี ร้ำงขน้ึ เอง จำเป็นต้องประกำศฟังกช์ นั ต้นแบบไวท้ สี่ ่วนหวั ของโปรแกรม (ก่อนฟังกช์ นั main() เพอ่ื ให้ คอมไพเลอร์ไดร้ จู้ ักกับฟังกช์ นั เหล่ำนั้นก่อน 1: #include <stdio.h> 2: #include <conio.h 3: #define RATE 0.07 //ประกาศฟังกช์ นั ตน้ แบบ input() 4: #define N 5 5: 6: void input(void); 7: void report(void); //ประกาศฟังกช์ นั ตน้ แบบ report() 8: 9: /* ตวั แปรชนิดภายนอก (Global) */ 10: char prod[N][15]; 11: float price[N], vat[N], net[N]; 12: 13: int main() //เรยี กใชฟ้ ังกช์ นั input() 15: input(); 16: printf(\"Press any key to print report...\\n\"); 17: getch(); 18: report(); //เรยี กใชฟ้ ังกช์ นั report() 19: } 20: 21: void input(void) 22: { 23: for(int i = 0; i < N; i++) 24: { 25: printf(\"Enter product name : \"); 26: scanf(\"%s\", &prod[i]); 27: 28: printf(\" price : \"); 29: scanf(\"%s\", &price[i]); 30: 31: vat[i] = price[i] * RATE; 32: vat[i] = price[i] + vat[i]; 33: } 34: } 35: 36: void report(void) 37: { 38: clrscr(); 39: printf(\"Seq. Product Price vat 7 %% Net \\n\"); 40: printf(\"===========================================\\n\"); 41: for(in ti = 0; i < N; i++) 42: { 43: printf(\" %2d. %-15s %10.2f %8.2f %10.2f\\n\", 44: i+1, prod[i], price[i], vat[i], net[i]); 45: } 46: } ภำพท่ี 10 กำรสร้ำงฟงั กช์ นั เพอื่ ใชง้ ำนเอง และกำรประกำศฟังก์ชันต้นแบบ

ตำรำงท่ี 4 คำอธบิ ำยโปรแกรมกำรสร้ำงฟงั กช์ ันเพ่ือใช้งำนเอง และกำรประกำศฟังก์ชนั ต้นแบบ บรรทดั ท่ี ความหมาย 6-7 ประกำศฟงั กช์ ันตน้ แบบท่ีประกอบด้วยฟังก์ชัน input() และฟงั กช์ ัน report() ซ่งึ ท้ังสองต่ำงก็เป็นฟังก์ชันในรปู แบบไม่มีกำรสง่ ผำ่ นคำ่ ใดๆ 10-11 ประกำศตวั แปรชนิดภำยนอก (ตวั แปรสำธำรณะ) ที่ทุกฟังก์ชันในโปรแกรมสำมำรถ อ้ำงอิงหรือใช้งำนได้ 13-19 ฟังก์ชนั หลักซึ่งเรียกใช้ฟังกช์ นั input() เพื่อรับข้อมลู และฟงั กช์ ัน report() เพ่ือ พิมพร์ ำยงำน 21-34 ฟงั กช์ ัน input() ทท่ี ำหน้ำท่ีรับชอื่ และรำคำสินคำ้ เพ่ือคำนวณหำ VAT และรำคำ ขำยสทุ ธิ จำกน้นั จดั เก็บขอ้ มลู เหลำ่ นนั้ ไว้ในตวั แปรอำร์เรย์ 36-45 ฟังก์ชนั report() ทที่ ำหนำ้ ท่ีนำขอ้ มูลทั้งหมดท่ีอยูใ่ นตัวแปรอำร์เรยอ์ อกมำพิมพ์ เปน็ รำยงำน สำหรบั โปรแกรมภำพที่ 7 นี้ ก็คือ กำรนำโปรแกรมมำปรับปรงุ ให้ดีย่ิงข้นึ ดว้ ยกำรแบ่ง โปรแกรมออกเป็นสว่ นๆ ซงึ่ ประกอบด้วยฟงั กช์ นั input() และฟงั กช์ นั report() ซง่ึ กำรกระทำ ดังกล่ำวทำให้โปรแกรมอ่ำนง่ำย และสำมำรถเขำ้ ไปจดั กำรแกไ้ ขโปรแกรมในสว่ นทีต่ อ้ งกำรไดง้ ่ำย และสะดวกยิ่งขนึ้ สงั เกตวำ่ ตัวโปรแกรมไดว้ ำงตำแหนง่ ฟงั ก์ชนั ท่สี ร้ำงขน้ึ เอง ซึ่งประกอบดว้ ยฟังกช์ นั input() และ report() อยูใ่ ต้ฟังก์ชัน main() ดังนั้นทีต่ น้ โปรแกรมในบรรทัดที่ 6 และ 7 จงึ ต้องมีกำรประกำศ ฟังก์ชันต้นแบบของทั้งสองด้วย โดยกำรประกำศฟังกช์ นั ตน้ แบบสำมำรถทำได้โดยคัดลอกชอ่ื ฟงั ก์ชนั นั้นมำได้เลย แต่จะแตกต่ำงกันตรงทใี่ ห้ใสเ่ ครื่องหมำย ; ปิดทำ้ ยดว้ ย ทัง้ นหี้ ำกมิได้ประกำศฟังก์ชนั ตน้ แบบ กจ็ ะทำใหค้ อมไพล์โปรแกรมไม่ผำ่ น ซง่ึ สำมำรถทดลองตดั คำสงั่ ในบรรทดั ท่ี6-7 นอี้ อกไป และคอมไพล์ใหม่ กจ็ ะพบข้อผิดพลำด ขอ้ ผิดพลำดดงั กล่ำว หมำยควำมวำ่ คอมไพเลอร์ไมร่ ้จู กั ฟังก์ชนั input() และ report) น่ันเอง ดังนั้นกรณที ว่ี ำงตำแหน่งฟังก์ชนั ทส่ี ร้ำงขน้ึ เองไวห้ ลังตำแหนง่ ฟังก์ชัน main() จงึ จำเป็นต้อง ประกำศฟงั ก์ชันตน้ แบบทุกคร้ัง เพอ่ื ให้คอมไพเลอร์ทำควำมรู้จกั กับฟังกช์ นั เหล่ำน้ีกอ่ น คณุ สมบัตหิ นงึ่ ของภำษำซี ที่มีควำมโดดเด่นกวำ่ ภำษำระดับสงู อ่นื ๆ ก็คือ ภำษำซีมพี อยน์ เตอร์หรอื ตัวซี ซง่ึ จัดเป็นตัวแปรประเภทหนึ่งแตเ่ ป็นตัวแปรทแ่ี ตกต่ำงจำกตัวแปรเก็บข้อมูลทว่ั ไป กลำ่ วคอื แทนทจ่ี ะจัดเก็บข้อมูลกลับเกบ็ ท่ีอยู่ของตวั แปรตัวอืน่ แทนด้วยกำรใช้ท่ีอยู่นี้ไปชี้ระบุตำแหนง่ ท่ีเก็บคำ่ ตวั แปรเหลำ่ นั้นแทน สำหรบั เครื่องหมำยทีน่ ำมำใช้กับตัวแปรชนดิ พอยนเ์ ตอร์นั้น ประกอบด้วย 1. เครือ่ งหมำย & มคี วำมหมำยว่ำ “ที่อยู่ของ” (Address of) ตัวอยำ่ งเช่น

float var = 9.99; printf(\"%d\", &var); โดยที่ &var กค็ ือ กำระบทุ ี่อยู่ของตัวแปร var นัน่ เอง ผลท่ีไดค้ ือจะไดห้ มำยเลขแอดเดรส ทจ่ี ัดเกบ็ ข้อมูลน้นั ซ่ึงไม่ใช่ค่ำขอ้ มูลของตัวแปร var แตอ่ ยำ่ งใด โดยหมำยเลขแอดเดรสดังกล่ำว สำมำรถแสดงให้เป็นเลขฐำนสบิ (%d) หรือฐำนสิบหำ (%x) กไ็ ด้ 2. เครื่องหมำย * float var = 9.99; printf(\"Value of var is %f\", *(&var)); โดยท่ี *(&var) ก็คือ ให้ดึงข้อมูลที่บรรจอุ ยู่ในแอดเดรสน้ันมำ ซ่งึ ก็คอื 9.99 นน่ั เอง หรอื กรณี ประกำศตัวแปรให้เปน็ ชนิดพอยนเ์ ตอร์ก็จะเป็น int *p; ซ่ึงหมำยควำมวำ่ p เป็นตวั แปรชนิดพอยน์เตอร์ 1: #include <stdio.h> 2: 3: int main() 4: { 5: float var = 0.00; 6: 7: printf(\"Address of variable var = %p\\n\", &var);//พิมพพ์ อยนเ์ ตอรข์ อง var 8: printf(\"Address of variable var = %d\\n\", &var); //พิมพท์ ่ีอยขู่ อง var (เลขฐานสิบ) 9: printf(\"Address of variable var = %X\\n\", &var); //พิมพท์ ่ีอย่ขู อง var (เลขฐานสิบหก) 10: } ภำพที่ 11 โปรแกรมทดสอบกำรอำ้ งอิงท่ีอย่ขู องตัวแปร (ยงั มิไดป้ ระกำศตัวแปรเป็นชนิดพอยน์เตอร์) บรรทดั ท่ี ตำรำงท่ี 5 คำอธบิ ำยโปรแกรมทดสอบกำรอ้ำงอิงท่ีอยู่ของตวั แปร 7 ความหมาย 8 9 พมิ พค์ ำ่ ข้อมลู ด้วยรูปแบบ %p พอยน์เตอร์) ของที่อยู่ &var ซงึ่ ผลท่ไี ด้คือ 24FF:244A หมำยควำมว่ำจดุ เริม่ ตน้ ของพอยนเ์ ตอร์ คอื แอดเดรส 24FF โดยจะเก็บ คำ่ 244A ซึ่งเป็นตำแหน่งท่เี ก็บข้อมูลของตัวแปร var พมิ พ์ท่อี ยู่ของ var ด้วยรปู แบบเลขฐำนสบิ พมิ พ์ท่อี ยู่ของ var ด้วยรูปแบบเลขฐำนสบิ หก

ภำพที่ 12 ผลลัพธจ์ ำกกำรรันโปรแกรมทดสอบกำรอำ้ งอิงที่อยู่ของตัวแปร แตถ่ ำ้ จะให้ส่ังพิมพ์คำ่ ของตวั แปร var ดว้ ยกำรใช้พอยนเ์ ตอร์โดยใชค้ ำสง่ั printf(\"Value of var is %f\", *var); ผลทีไ่ ดถ้ ือวำ่ ผิดซงึ่ จะต้องเขียนใหม่เปน็ printf(\"Value of var is %f\", *(&var)); หมำยควำมว่ำให้ชไ้ี ปยังตำแหนง่ ทอี่ ยู่ของตวั แปร var แล้วดึงขอ้ มูลออกมำซ่ึงผลลพั ธท์ ี่ได้กจ็ ะ เหมือนกับชุดคำสง่ั ต่อไปนี้ printf(\"Value of var is %f\", var); 1: #include <stdio.h> 2: 3: int main() 4: { 5: float num = 1.00; 6: float *p; //ประกาศตวั แปรชนิดพอยนเ์ ตอรท์ ่ีมชี นิดขอ้ มลู เป็นเลขจานวนจรงิ 7: p = &num; //กาหนดให้ p เก็บที่อยขู่ อง num 8: 9: printf(\"Value of num is %.2f\\n\", num); 10: printf(\"Value of num is %.2f\\n\", *p); 11: printf(\"\\nAddress of num is %X\\n\", &num); 12: printf(\"Address of num is %X\\n\", p); 13: } ภำพท่ี 13 โปรแกรมทดสอบกำรใช้งำนตวั แปรพอยน์เตอร์

บรรทดั ที่ ตำรำงที่ 6 คำอธบิ ำยโปรแกรมทดสอบกำรใชง้ ำนตวั แปรพอยน์เตอร์ 5 ความหมาย 6 7 ประกำศตวั แปร num มีชนิดข้อมลู เปน็ float เกบ็ คำ่ เรมิ่ ต้นเทำ่ กบั 1.00 9 กำหนดให้ p เปน็ ตัวแปรชนิดพอยนเ์ ตอร์ 10 กำหนดให้ p เกบ็ ท่ีอยขู่ องตัวแปร num พิมพค์ ่ำของ num ในรูปแบบปกติทว่ั ไป 11 พมิ พ์ค่ำของ num ด้วยกำรดึงขอ้ มูลทีเ่ ก็บอยูใ่ นพอยน์เตอร์ p (ผลทีไ่ ด้เหมือนกับ 12 บรรทดั ที่ 9) พิมพ์ทอี่ ยู่ของ num แบบปกติด้วยกำรใชเ้ คร่ืองหมำย & นำหนำ้ ตวั แปร พมิ พท์ ีอ่ ยู่ของ num แตใ่ ช้ตัวแปรพอยน์เตอร์แทน (ผลที่ไดเหมอื นกับบรรทัดที่ 11) ภำพท่ี 14 ผลลัพธจ์ ำกกำรรันโปรแกรมทดสอบกำรใชง้ ำนตัวแปรพอยนเ์ ตอร์ จำกผลลัพธ์จะพบวำ่ ผลลัพธ์ทไี่ ด้จะเหมอื นกันแตจ่ ะแตกต่ำงกันตำมแตล่ ะวิธี ซงึ่ สำมำรถทำ ควำมเขำ้ ใจย่ิงข้ึนด้วยกำรศึกษำจำกคำอธิบำยโปรแกรมข้ำงต้น ตัวอย่ำงที่ 8.10 โปรแกรมทดสอบกำร ใช้พอยนเ์ ตอร์เปลีย่ นแปลงค่ำทำงอ้อมให้กบั ตวั แปรอ่นื 1: #include <stdio.h> 2: int main() 3: { 4: int num = 555; 5: int *p; 6: 7: printf(\"Value of num (Before) = %d\\n\", num); 8: 9: p = &num; //กาหนดให้ p เก็บท่ีอยขู่ อง num 10: *p = 999; //เปล่ยี นคา่ ใหก้ บั num ทางออ้ มโดยท่ี num ไมร่ ูต้ วั 11: printf(\"value of num (After) = %d\\n\", &num); 12: } ภำพท่ี 15 โปรแกรมทดสอบกำรใช้พอยน์เตอร์เปล่ียนแปลงค่ำทำงอ้อมให้กบั ตัวแปรอน่ื

ตำรำงท่ี 6 คำอธิบำยโปรแกรมทดสอบกำรใชพ้ อยนเ์ ตอรเ์ ปลย่ี นแปลงคำ่ ทำงอ้อมให้กับตัวแปรอืน่ บรรทดั ท่ี ความหมาย 4 ประกำศตวั แปร num มขี ้อมูลเปน็ int และกำหนดค่ำเริ่มตน้ เท่ำกบั 555 5 กำหนดตวั แปร p เป็นพอยนเ์ ตอร์ 7 พมิ พค์ ำ่ ของ num ซึง่ กค็ ือคำ่ 555 9 กำหนดให้ p เกบ็ ที่อยหู่ รือแอดเดรสของ num (พอยน์เตอรช์ ไ้ี ปยังแอดเดรสของ num) 10 กำหนดใหค้ ำ่ ท่ีอยู่ในแอดเดรส p (ซึง่ ก็คอื num) มีคำ่ เป็น 999 11 พิมพ์ค่ำ num ซ่งึ จะได้คำ่ ทเ่ี ปลยี่ นไปคอื 999 ภำพที่ 16 ผลลพั ธจ์ ำกกำรรนั โปรแกรมโปรแกรมทดสอบกำรใช้พอยน์เตอรเ์ ปล่ียนแปลงค่ำทำงอ้อม จำกผลลพั ธ์ข้ำงตน้ หำกพิจำรณำเพยี งคร่ำวๆ แลว้ จะพบว่ำเกดิ อะไรข้นึ กับตวั แปร num ทำไมจึงมีค่ำเป็น 999 ได้โดยไมร่ ตู้ ัวที่เปน็ เชน่ นีก้ ็เพรำะว่ำมีกำรนำพอยน์เตอรเ์ ขำ้ ไปเปล่ยี นแปลงค่ำ ทำงอ้อมน่ันเอง จุดสำคัญอยู่ที่ไดก้ ำหนดให้ p เปน็ ตัวแปรพอยนเ์ ตอร์ และเกบ็ ที่อยู่ของ num (บรรทดั ท่ี 9) เอำไว้ต่อจำกนั้นกก็ ำหนดให้ค่ำท่ีอยใู่ นแอดเดรส p มีคำ่ เป็น 999 (บรรทดั ที่ 10) น่นั หมำยควำมวำ่ ค่ำ num ได้ถูกกำหนดค่ำใหมผ่ ำ่ นตัวแปรพอยนเ์ ตอรโ์ ดยปริยำย ซง่ึ สำมำรถสรปุ เปน็ ขน้ั ตอนเพื่อให้เกิดควำมเขำ้ ใจได้ง่ำยขึ้นดงั นี้ ประกำศตวั แปร num ให้มีค่ำเท่ำกบั 555 ซง่ึ ค่ำดงั กล่ำว ในท่ีนไี้ ด้บันทกึ อยทู่ ีแ่ อดเดรส 221C ของหนว่ ยควำมจำหลกั

กำหนดตวั แปรพอยน์เตอรช์ ่ือ *p เพือ่ เกบ็ ท่ี อยูเ่ พ่ือช้ีไปยงั แอดเดรส ของตัวแปร num จำกน้ันใหค้ ่ำท่บี รรจอุ ย่ใู นแอดเดรสน้นั ถกู กำหนด เป็น 999 (มิได้กำหนดโดยตรงผำ่ นตัวแปร num) อย่ำงไรก็ตำมในกำรเขยี นโปรแกรมตำมปกติทวั่ ไป มักไม่ได้ใชป้ ระโยชน์จำกพอยน์เตอร์เลย แต่พอยน์เตอร์มกั จะนำไปใชจ้ ดั กำรกับขอ้ มูลที่ซบั ซ้อน โดยเฉพำะในเร่อื งของโครงสร้ำงข้อมลู เชน่ โครงสรำ้ งขอ้ มลู แบบสแตก็ (Stack), ควิ (Queue) และลงิ ก์ลสิ ต์ (Linked List) เป็นต้น สรปุ ทา้ ยบท กำรเขยี นโปรแกรมในภำษำซีจำเปน็ ตอ้ งแบ่งโปรแกรมออกเปน็ ฟงั ก์ชนั ย่อยๆ ดงั น้ี 1. เพอื่ เป็นไปตำมหลักกำรของกำรโปรแกรมเชิงโครงสรำ้ ง 2. เพื่องำ่ ยต่อกำรตรวจสอบและกำรบำรุงรักษำ 3. เพ่อื หลีกเลี่ยงกำรเขียนชดุ คำสั่งเดิมที่ทำงำนซ้ำๆ 4. เพอ่ื สร้ำงกลุ่มคำสัง่ ประมวลผลเฉพำะงำน ฟังกช์ ันมีควำมแตกตำ่ งกับ โพรซีเยอร์ คือ ฟงั ก์ชันจะต้องมีกำรคืนคำ่ กลับเสมอ โดยชนิด ข้อมูลท่ีคืนค่ำกลบั ไป อำจมีชนิดขอ้ มูลประเภท int, float หรอื char เปน็ ตน้ ปกติชนดิ ข้อมูลทค่ี ืนคำ่ กลับไปยังฟงั ก์ชนั main() คือเลขจำนวนเต็ม หรือ int กำรเข้ำถึงฟังกช์ ัน โดยปกตจิ ะมอี ยู่ 3 รปู แบบดว้ ยกันคือ 1. ฟงั กช์ นั ที่ไมม่ ีกำรสง่ ผำ่ นค่ำใดๆ ลงไป 2. ฟังกช์ นั ทม่ี ีกำรส่งผำ่ นค่ำทำงเดยี ว 3. ฟังกช์ ันท่ีสูงผ่ำนค่ำไปและคนื ค่ำกลับมำ กรณีทโี่ ปรแกรมไดน้ ำฟังกช์ ันทีส่ ร้ำงข้ึนเองอยู่ ถัดจำกฟังก์ชัน main() จำเป็นต้องประกำศฟังก์ชันตน้ แบบทีต่ น้ โปรแกรมด้วย พอยน์เตอรห์ รือตวั ช้ีเปน็ ตัวแปรประเภทหน่ึงท่ีมคี วำมแตกตำ่ งจำกตวั แปรเกบ็ ข้อมูลทวั่ ไป ซงึ่ แทนท่ีจะจัดเก็บข้อมลู กลบั เกบ็ ท่ีอยขู่ องตัวแปรอ่นื แทน เครอ่ื งหมำย & ท่ใี ชก้ ับพอยน์เตอร์ หมำยควำมวำ่ “ทอ่ี ยู่ของ” เคร่อื งหมำย * ทีใ่ ช้กบั พอยน์เตอร์ หมำยควำมวำ่ “ค่ำทบี่ รรจุอย่ใู นแอดเดรสน้ัน” ตำมปกติโปรแกรมทว่ั ไปมไิ ดใ้ ชป้ ระโยชน์จำกพอยนเ์ ตอร์ แต่พอยน์เตอร์มักนำไปใช้จัดกำร กับโครงสร้ำงข้อมลู ทซ่ี ับซ้อนอย่ำงสแต็ก คิว และลิงก์ลสิ ต์ เปน็ ต้น

คาชีแ้ จง ให้นักเรยี นเตมิ คำในชอ่ งวำ่ งตอ่ ไปน้ีให้ถูกต้อง 1: #include <stdio.h> 2: c3: int main() 4: { 5: float var = 0.00; 6: 7: printf(\"Address of variable var = %p\\n\", &var); c8: printf(\"Address of variable var = %d\\n\", &var); 9: printf(\"Address of variable var = %X\\n\", &var); 10: } บรรทดั ที่ ความหมาย 7 พิมพค์ ่ำข้อมลู ด้วยรูปแบบ %p พอน์เตอร์) ของท่ีอยู่ &var ซึ่งผลทีไ่ ดค้ ือ 24FF:244A หมำยควำมวำ่ จดุ เร่มิ ตน้ ของพอยนเ์ ตอร์คือแอดเดรส 24FF โดยจะเกบ็ คำ่ 244A ซง่ึ 8 เป็นตำแหนง่ ทเ่ี กบ็ ข้อมลู ของตวั แปร var 9 พมิ พ์ทีอ่ ยู่ของ var ดว้ ยรปู แบบเลขฐำนสิบ พมิ พ์ท่อี ยู่ของ var ด้วยรปู แบบเลขฐำนสิบหก สรปุ คะแนน สรุปผล ผา่ น ไม่ผ่าน คะแนนเต็ม คะแนนทไี่ ด้ ……………...…. …………………. 10 คะแนน ………………. คะแนน อย่าลืมทวนคาตอบ นะคะนกั เรียน

คาชี้แจง ให้นักเรียนอ่ำนข้อควำมแต่ละข้อแล้วทำเคร่ืองหมำยถูก  หน้ำข้อที่ถูกและ ทำเครื่องหมำยผิด  หน้ำข้อท่ีผิดต่อไปนี้ให้ถูกต้อง …………… 1. ควรออกแบบโปรแกรมเป็นสว่ นๆ หรอื ทเ่ี รยี กว่ำ โมดูล …………… 2. ชดุ คำสัง่ งำนทงั้ หมดจะอย่ภู ำยในฟังก์ชัน main() ทง้ั สนิ้ …………… 3. เพื่อยำกตอ่ กำรตรวจสอบและกำรบำรงุ รกั ษำ …………… 4. เพื่อต้องกำรเขียนคำสงั่ เดิม ที่ทำงำนซ้ำๆ …………… 5. เพือ่ สรำ้ งกลุ่มคำสัง่ ประมวลผลงำนท้งั หมด …………… 6. เพ่อื เป็นไปตำมหลกั กำรของกำรโปรแกรมเชิงโครงสร้ำง …………… 7. เครอ่ื งหมำยแอนดท์ ี่ใชก้ ับพอยน์เตอร์ หมำยควำมว่ำ คำ่ บรรจอุ ย่ใู นแอดเดรสนั้น …………… 8. กำรสร้ำงฟงั กช์ ันในภำษำซี กค็ ือ โพรซีเยอรน์ ่ันเอง …………… 9. พอยนเ์ ตอร์หรือตัวชเ้ี ป็นตวั แปรประเภทหน่ึง …………… 10. ฟงั ก์ชนั เหมือนกันกับโพรซเี ยอร์ คือ ฟงั กช์ ันจะมีกำรคนื ค่ำกลบั เสมอ สรปุ คะแนน สรปุ ผล ผา่ น ไม่ผา่ น คะแนนเต็ม คะแนนท่ไี ด้ ……………...…. …………………. 10 คะแนน ………………. คะแนน สู้ๆ นะคะนักเรียน

คาชี้แจง ให้นกั เรียนปฏบิ ัติกิจกรรมกล่มุ ดังตอ่ ไปนี้ 1. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น กลุ่มละ 4-5 คน เพ่ือปฏิบัติกจิ กรรมกลมุ่ 2. ใหน้ ักเรยี นฝึกเขียนโปรแกรมตำมตัวอย่ำงทกี่ ำหนดให้ เพอื่ ไล่โปรแกรม 3. ใหน้ กั เรียนวเิ ครำะห์หำผลลัพธ์ 1: #include <stdio.h> 2: 3: int add(int var1, int var2) //ฟังกช์ นั ที่สง่ ผา่ นคา่ และมีการคืนค่ากลบั 4: { 5: return (var1 + var2); 6: } 7: 8: int main() 9: { 10: int ans; 11: ans = add(10, 40); //เรยี กใชง้ านฟังกช์ นั add พรอ้ มสง่ ผา่ นคา่ 10 และ 40 ลงไป 12: //จากนน้ั ค่าท่ีคืนกลบั มาจะเก็บไวท้ ่ีตวั แปร ans 13: printf(\"Answer = %d\", ans); 14: } ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................ ................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................................................. ... ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... สรปุ คะแนน สรุปผล ผ่าน ไมผ่ ่าน คะแนนเต็ม คะแนนทไี่ ด้ ……………...…. …………………. 15 คะแนน ………………. คะแนน

คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนปฏบิ ตั ิกิจกรรมกลมุ่ ดังต่อไปนี้ 1. ให้นักเรยี นแบ่งกลุ่มออกเป็น กลุม่ ละ 4-5 คน เพ่อื ปฏบิ ตั ิกิจกรรมกลุ่ม 2. ใหน้ กั เรียนเขยี นโปรแกรมหำแฟคตอเรยี ล ดว้ ยกำรเขยี นใหอ้ ยใู่ นรูปแบบของฟังกช์ นั ท่ีส่งผำ่ นค่ำทำงเดยี ว โดยใหแ้ สดงผลลพั ธ์ทำงหนำ้ จอ ตัวอย่างการแสดงผลลัพธ์ Enter any number : 25 Factorial value : 2076180488 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… สรปุ คะแนน สรปุ ผล ผ่าน ไม่ผ่าน คะแนนเต็ม คะแนนท่ไี ด้ ……………...…. …………………. 15 คะแนน ………………. คะแนน

คาชีแ้ จง ให้นักเรยี นปฏิบตั ิกิจกรรมกลุ่มดังตอ่ ไปน้ี 1. ให้นักเรียนแบง่ กลุ่มออกเป็น กลมุ่ ละ 4-5 คน เพื่อปฏบิ ัติกิจกรรมกลมุ่ 2. ให้นักเรียนนำโปรแกรมหำแฟคตอเรียลที่เขยี นขึ้นจำกกิจกรรมที่ 4 มำปรับปรุงใหม่ ด้วยกำรเขยี นในรูปแบบของฟังกช์ ันท่สี ่งผ่ำนค่ำไปและคืนค่ำกลบั ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… สรปุ คะแนน สรุปผล ผ่าน ไมผ่ ่าน คะแนนเต็ม คะแนนท่ีได้ ……………...…. …………………. 15 คะแนน ………………. คะแนน

คาช้แี จง ใหน้ กั เรยี นปฏบิ ัติกิจกรรมดังต่อไปน้ี 1. ชว่ ยกันสรปุ องค์ควำมรู้ 2. สร้ำงแผนทีค่ วำมคดิ จำกกำรสรุปองคค์ วำมรู้ 3. สรปุ องค์ควำมรใู้ นสมุดบันทึกสว่ นตัว 4. นำเสนอแผนที่ควำมคดิ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................ ................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................................................. ... ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................ ................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................................................. ... ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................ ................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................................................. ... ............................................................................................................................. ................................... สรุปคะแนน สรุปผล ผา่ น ไมผ่ ่าน คะแนนเต็ม คะแนนทไี่ ด้ ……………...…. …………………. 15 คะแนน ………………. คะแนน

คาชแ้ี จง ให้นกั เรยี นเลอื กคำตอบที่ถูกทสี่ ดุ เพียงคำตอบเดียวแลว้ ทำเครื่องหมำย X ลงใน กระดำษคำตอบ 1. ขอ้ ใดต่อไปน้ีไมใ่ ช่จุดประสงค์ของกำรเขียนโปรแกรมแบบโมดลู ก. เพือ่ งำ่ ยต่อกำรตรวจสอบและบำรงุ รกั ษำ ข. เพือ่ ประมวลผลชุดคำสัง่ น้ันซำ้ ๆ ค. เพ่อื สร้ำงกลุ่มคำสง่ั ประมวลผลเฉพำะงำน ง. เพ่ือเปน็ ไปตำมหลกั กำรของโปรแกรมเชงิ โครงสรำ้ ง 2. ชนดิ ขอ้ มลู ท่ีคืนคำ่ กลบั ไปยงั ฟังก์ชนั ของฟังกช์ นั main() ปกติเปน็ ขอ้ มลู ชนดิ ใด ก. เลขจำนวนจริง ข. เลขจำนวนเต็ม ค. ตัวอกั ขระ ง. รูปภำพ 3. กรณีทไ่ี ม่ต้องกำรให้ฟังกช์ ัน main() คนื ค่ำใดๆ ควรระบุชนิดข้อมลู ให้เปน็ ไปตำมข้อใด ก. void ข. int ค. float ง. Array 4. ข้อใดต่อไปน้เี ปน็ กำรเรียกใชง้ ำนฟงั ก์ชันท่ีไม่มกี ำรสง่ ผ่ำนค่ำใดๆ ก. prnLine(80); ข. ans = income(); ค. void prnLine(void); ง. prnLine(); 5. ข้อใดต่อไปนีเ้ ป็นกำรประกำศฟงั ก์ชันต้นแบบท่ีมีกำรส่งผ่ำนค่ำทำงเดียว ก. int prnLine(void) ข. void prnLine(int n) ค. void prnLine(void) ง. prnLine (int void) 6. ขอ้ ใดต่อไปนี้ไมใ่ ช่กำรเข้ำถึงฟังกช์ นั ข. ฟังก์ชันทม่ี ีกำรส่งผำ่ นค่ำทำงเดยี ว ก. ฟังกช์ นั ที่ไม่มีกำรสง่ ผำ่ นค่ำใดๆ ลงไป ง. ฟงั ก์ชันทมี่ ีกำรส่งค่ำสองทำง ค. ฟังกช์ ันที่สง่ ผ่ำนค่ำไปและคืนคำ่ กลับมำ

7. กรณีใดต่อไปนี้ที่ต้องประกำศฟงั ก์ชันต้นแบบ ก. กรณนี ำฟังกช์ ันทสี่ ร้ำงขึ้นเอง วำงอยู่หลังตำแหน่งฟังก์ชัน main() ข. กรณนี ำฟังก์ชนั ท่สี รำ้ งข้นึ เอง วำงอยู่ก่อนตำแหนง่ ฟงั ก์ชัน main() ค. กรณีโปรแกรมใชห้ น่วยควำมจำหลกั มำกกวำ่ ปกติ ง. กรณตี ้องประมวลผลโปรแกรมครัง้ เดยี ว 8. ค่ำทีเ่ กบ็ อยูใ่ นตวั แปรชนิดพอยน์เตอร์ คือ ค่ำใด ก. คำ่ ท่รี ะบลุ งไปซ่ึงเหมือนกับตัวแปรท่ัวไป ข. คำ่ คงท่ี ท่ีไม่สำมำรถเปลี่ยนแปลงได้ ค. ตวั แปรชนิดอำร์เรย์ ง. ตำแหนง่ ท่อี ยู่ที่ใช้จัดเกบ็ ข้อมูลของตัวแปรอน่ื จำกชดุ คำสงั่ ต่อไปนี้ จงนำไปใช้กบั ข้อที่ 9-10 1: int digit = 100; 2: int *pointer; 3: pointer = &digit; 4: 5: printf(\"%d\", &pointer); 6: printf(\"%d\", *pointer); 9. ผลลัพธท์ ไ่ี ดจ้ ำกชุดคำสง่ั ในบรรทัดที่ 5 คือค่ำใด ก. ท่อี ยขู่ องตวั แปร digit ข. 100 ค. ตำแหน่งหนว่ ยควำมจำของ pointer ง. ทีอ่ ยู่ของตัวแปร pointer 10. ผลลพั ธ์ทไ่ี ด้จำกชุดคำสง่ั ในบรรทดั ท่ี 6 คือคำ่ ใด ก. 100 ข. ทอ่ี ยูข่ องตวั แปร digit ค. ที่อยู่ของตวั แปร pointer ง. ตำแหนง่ หน่วยควำมจำของ pointer

คาช้แี จง ใหน้ ักเรยี นเลือกคำตอบท่ีถกู ท่ีสุดเพยี งคำตอบเดียวแลว้ ทำเคร่อื งหมำย X ลงใน กระดำษคำตอบ ข้อ ก ข ค ง 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. สรุปคะแนน สรุปผล ผา่ น ไม่ผ่าน คะแนนเต็ม คะแนนท่ีได้ ……………...…. …………………. 10 คะแนน ………………. คะแนน



คาชี้แจง ให้นักเรยี นเลอื กคำตอบที่ถกู ทส่ี ดุ เพยี งคำตอบเดียวแลว้ ทำเคร่อื งหมำย X ลงใน กระดำษคำตอบ ขอ้ ก ข ค ง 1.  2.  3.  4.  5.  6.  7.  8.  9.  10.  ตอบถกู กีข่ อ้ คะ

คาช้ีแจง ให้นกั เรยี นเตมิ คำในช่องวำ่ งต่อไปนีใ้ ห้ถูกต้อง 1: #include <stdio.h> 2: c3: int main() 4: { 5: float var = 0.00; 6: 7: printf(\"Address of variable var = %p\\n\", &var); c8: printf(\"Address of variable var = %d\\n\", &var); 9: printf(\"Address of variable var = %X\\n\", &var); 10: } บรรทัดที่ ความหมาย 7 พิมพค์ ่ำข้อมลู ดว้ ยรปู แบบ %p พอน์เตอร์) ของที่อยู่ &var ซ่งึ ผลทไ่ี ด้คือ 24FF:244A 8 หมำยควำมว่ำจดุ เริ่มตน้ ของพอยน์เตอร์คือแอดเดรส 24FF โดยจะเก็บค่ำ 244A ซง่ึ 9 เป็นตำแหน่งท่ีเก็บข้อมูลของตวั แปร var พมิ พท์ ่อี ยู่ของ var ด้วยรูปแบบเลขฐำนสิบ พิมพท์ ่อี ยู่ของ var ดว้ ยรปู แบบเลขฐำนสบิ หก ไม่ยากเลยใชไ่ หมคะ นักเรยี น

คาชแ้ี จง ให้นักเรียนอ่ำนข้อควำมแต่ละข้อแล้วทำเคร่ืองหมำยถูก  หน้ำข้อที่ถูกและ ทำเครื่องหมำยผิด  หน้ำข้อที่ผิดต่อไปนี้ให้ถูกต้อง ................. 1. ควรออกแบบโปรแกรมเป็นสว่ นๆ หรือทเ่ี รยี กวำ่ โมดูล ................. 2. ชดุ คำส่งั งำนทงั้ หมดจะอยูภ่ ำยในฟงั กช์ นั main() ทั้งสิน้ ................ 3. เพื่อยำกตอ่ กำรตรวจสอบและกำรบำรุงรักษำ ................ 4. เพ่อื ต้องกำรเขยี นคำสั่งเดมิ ที่ทำงำนซ้ำๆ ................ 5. เพือ่ สรำ้ งกลมุ่ คำสั่งประมวลผลงำนทง้ั หมด ................. 6. เพือ่ เป็นไปตำมหลกั กำรของกำรโปรแกรมเชิงโครงสร้ำง ................ 7. เครอ่ื งหมำยแอนดท์ ่ีใช้กับพอยนเ์ ตอร์หมำยควำมวำ่ ค่ำบรรจุอยู่ในแอดเดรสนน้ั ................. 8. กำรสรำ้ งฟังกช์ นั ในภำษำซีก็ คือ โพรซเี ยอร์นัน่ เอง ................. 9. พอยนเ์ ตอร์หรือตวั ช้เี ปน็ ตัวแปรประเภทหนง่ึ ................ 10. ฟังก์ชันเหมอื นกนั กบั โพรซีเยอร์ คือ ฟงั ก์ชนั จะมีกำรคนื ค่ำกลบั เสมอ อยา่ ลมื ทวนคาตอบ นะคะนักเรียน

คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิกิจกรรมกลุ่มดังต่อไปนี้ 1. ให้นกั เรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น กลุ่มละ 4-5 คน เพ่ือปฏิบตั ิกจิ กรรมกลมุ่ 2. ให้นกั เรียนฝกึ เขยี นโปรแกรมตำมตวั อย่ำงที่กำหนดให้ เพ่ือไล่โปรแกรม 3. ให้นกั เรยี นวิเครำะหห์ ำผลลัพธ์ เกณฑ์การประเมิน คาชีแ้ จง โปรดทำเคร่อื งหมำย  ลงในช่องว่ำงตำมระดบั คะแนนท่เี ปน็ จริง ระดบั คะแนน 3 ระดบั ดงั นี้ 3 คะแนน หมำยถึง ดี 2 คะแนน หมำยถึง พอใช้ 1 คะแนน หมำยถงึ ควรปรบั ปรุง รายการประเมนิ ระดบั คะแนน หมายเหตุ 321 1. ปฏิบตั ิตำมขัน้ ตอนอย่ำงถกู ต้องและครบถ้วน 2. อธิบำยข้ันตอนได้อย่ำงถูกต้องและชัดเจน 3. แกไ้ ขปัญหำและสถำนกำรณไ์ ด้อยำ่ งสรำ้ งสรรค์ 4. ทำงำนเสรจ็ เรยี บรอ้ ยตำมเวลำกำหนด 5. สนใจศกึ ษำหำควำมรเู้ พ่ิมเตมิ ด้วยตนเอง รวม เกณฑ์การประเมิน ต้องผำ่ นร้อยละ 80 ขึน้ ไป หรือ 12 คะแนนข้ึนไป  ผ่ำน  ไมผ่ ่ำน ลงช่อื ..........................................ผู้ประเมิน (..........................................)

คาชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นปฏบิ ตั กิ ิจกรรมกลุ่มดังต่อไปน้ี 1. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น กลมุ่ ละ 4-5 คน เพอื่ ปฏบิ ัติกิจกรรมกลุม่ 2. ให้นกั เรยี นเขยี นโปรแกรมหำแฟคตอเรยี ล ดว้ ยกำรเขียนใหอ้ ยูใ่ นรูปแบบของฟังกช์ นั ทส่ี ง่ ผ่ำนคำ่ ทำงเดียว โดยใหแ้ สดงผลลพั ธ์ทำงหนำ้ จอ เกณฑ์การประเมิน คาชแี้ จง โปรดทำเครอ่ื งหมำย  ลงในช่องวำ่ งตำมระดับคะแนนท่ีเปน็ จรงิ ระดบั คะแนน 3 ระดับ ดงั น้ี 3 คะแนน หมำยถงึ ดี 2 คะแนน หมำยถึง พอใช้ 1 คะแนน หมำยถงึ ควรปรับปรงุ รายการประเมิน ระดบั คะแนน หมายเหตุ 321 1. ปฏบิ ัติตำมขนั้ ตอนอยำ่ งถกู ต้องและครบถว้ น 2. อธบิ ำยขน้ั ตอนได้อย่ำงถูกต้องและชัดเจน 3. แกไ้ ขปัญหำและสถำนกำรณไ์ ด้อยำ่ งสร้ำงสรรค์ 4. ทำงำนเสร็จเรยี บร้อยตำมเวลำกำหนด 5. สนใจศึกษำหำควำมรเู้ พ่ิมเตมิ ด้วยตนเอง รวม เกณฑก์ ารประเมนิ ต้องผ่ำนร้อยละ 80 ข้นึ ไป หรอื 12 คะแนนขนึ้ ไป  ผำ่ น  ไมผ่ ่ำน ลงช่อื ..........................................ผ้ปู ระเมิน (..........................................)

คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนปฏบิ ัตกิ ิจกรรมกลุ่มดังต่อไปนี้ 1. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น กลมุ่ ละ 4-5 คน เพอื่ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมกล่มุ 2. ให้นักเรยี นนำโปรแกรมหำแฟคตอเรียลที่เขียนขน้ึ จำกกิจกรรมท่ี 4 มำปรบั ปรุงใหม่ ด้วยกำรเขยี นในรูปแบบของฟังก์ชันท่ีส่งผ่ำนคำ่ ไปและคนื ค่ำกลับ เกณฑ์การประเมิน คาชแี้ จง โปรดทำเคร่ืองหมำย  ลงในชอ่ งวำ่ งตำมระดับคะแนนท่เี ป็นจริง ระดบั คะแนน 3 ระดับ ดังน้ี 3 คะแนน หมำยถงึ ดี 2 คะแนน หมำยถึง พอใช้ 1 คะแนน หมำยถงึ ควรปรับปรงุ รายการประเมนิ ระดับคะแนน หมายเหตุ 321 1. ปฏบิ ตั ิตำมข้นั ตอนอย่ำงถูกตอ้ งและครบถ้วน 2. อธบิ ำยขั้นตอนได้อย่ำงถูกต้องและชัดเจน 3. แก้ไขปัญหำและสถำนกำรณ์ได้อยำ่ งสร้ำงสรรค์ 4. ทำงำนเสร็จเรียบรอ้ ยตำมเวลำกำหนด 5. สนใจศกึ ษำหำควำมรู้เพิ่มเติมดว้ ยตนเอง รวม เกณฑ์การประเมนิ ตอ้ งผำ่ นร้อยละ 80 ขึ้นไป หรอื 12 คะแนนขน้ึ ไป  ผ่ำน  ไมผ่ ่ำน ลงชอ่ื ..........................................ผ้ปู ระเมนิ (..........................................)

คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนปฏิบัตกิ ิจกรรมดังต่อไปนี้ 1. ชว่ ยกันสรุปองคค์ วำมรู้ 2. สรำ้ งแผนท่ีควำมคดิ จำกกำรสรปุ องค์ควำมรู้ 3. สรุปองคค์ วำมรใู้ นสมดุ บันทึกสว่ นตัว 4. นำเสนอแผนท่คี วำมคดิ เกณฑ์การประเมิน คาชี้แจง โปรดทำเครอ่ื งหมำย  ลงในช่องวำ่ งตำมระดับคะแนนที่เป็นจรงิ ระดับคะแนน 3 ระดบั ดงั น้ี 3 คะแนน หมำยถึง ดี 2 คะแนน หมำยถึง พอใช้ 1 คะแนน หมำยถึง ควรปรับปรงุ รายการประเมิน ระดบั คะแนน หมายเหตุ 321 1. ปฏบิ ตั ิตำมขนั้ ตอนอย่ำงถูกตอ้ งและครบถว้ น 2. อธบิ ำยขน้ั ตอนได้อยำ่ งถูกต้องและชัดเจน 3. แก้ไขปัญหำและสถำนกำรณ์ได้อยำ่ งสรำ้ งสรรค์ 4. ทำงำนเสรจ็ เรียบรอ้ ยตำมเวลำกำหนด 5. สนใจศึกษำหำควำมรเู้ พ่ิมเตมิ ดว้ ยตนเอง รวม เกณฑ์การประเมิน ตอ้ งผำ่ นร้อยละ 80 ขึน้ ไป หรือ 12 คะแนนขน้ึ ไป  ผำ่ น  ไมผ่ ำ่ น ลงช่ือ..........................................ผูป้ ระเมนิ (..........................................)

คาช้แี จง ให้นกั เรยี นเลอื กคำตอบท่ีถูกที่สดุ เพยี งคำตอบเดียวแลว้ ทำเคร่อื งหมำย X ลงใน กระดำษคำตอบ ขอ้ ก ข ค ง 1.  2.  3.  4.  5.  6.  7.  8.  9.  10.  ตอบถกู ก่ีข้อคะ

การประเมนิ คะแนนเต็ม คะแนนที่ได้ ความก้าวหนา้ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น แบบทดสอบหลังเรียน 10 เกณฑ์การประเมิน 10 ตอ้ งผำ่ นรอ้ ยละ 80 ขึน้ ไป หรือ 8 คะแนนขน้ึ ไป  ผ่ำน  ไมผ่ ำ่ น การประเมิน คะแนนเตม็ คะแนนทีไ่ ด้ คา่ เฉลยี่ S.D. ร้อยละ กิจกรรมที่ 1 10 กจิ กรรมท่ี 2 10 กิจกรรมท่ี 3 15 กิจกรรมท่ี 4 15 กิจกรรมที่ 5 15 กิจกรรมท่ี 6 15 รวม 80 เกณฑ์การประเมนิ ตอ้ งผ่ำนรอ้ ยละ 80 ข้ึนไป หรือ 64 คะแนนขึ้นไป  ผ่ำน  ไมผ่ ำ่ น ลงชื่อ..........................................ผู้ประเมิน (..........................................)

กรมวิชำกำร กระทรวงศึกษำธิกำร. (2545). หลกั สตู รการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2544. กรงุ เทพฯ : ครุ ุสภำลำดพรำ้ ว. กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร (2551) หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้นั พนื้ ฐำน กรุงเทพฯโรงพิมพช์ ุมชมุ สหกรณ์ ________. (2552). มาตรฐานและตวั ชว้ี ดั ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. กรงุ เทพฯ : ชุมนมุ สหกรณ์ กำรเกษตรแหง่ ประเทศไทย. ________. (2560). มาตรฐานและตัวช้วี ัด ตามกลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560. กรุงเทพฯ : ชมุ นุมสหกรณก์ ำรเกษตรแห่งประเทศไทย. ครรชิต มำลยั วงศ์ และวชิ ติ ปุณวัตร์. (2532). เทคนิคการออกแบบโปรแกรม. กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยูเคชนั่ . ธีรวฒั น์ ประกอบผล. (2562). คู่มือการเขียนโปรแกรมภาษา C ฉบับสมบูรณ์. กรงุ เทพฯ : ซเี อ็ดยูเคช่ัน. นรำธร สังข์ประเสริฐ. (2562). การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอรด์ ้วยภาษาซ.ี กรุงเทพฯ : ซเี อด็ ยูเคช่ัน. พิสณุ ฟองศรี. (2556). การสร้างและพัฒนาเคร่ืองมือวิจัย. กรงุ เทพฯ : ด่ำนสุทธำกำรพมิ พ์. ______. (2556). การวิจยั การศึกษา. กรุงเทพฯ : ด่ำนสทุ ธำกำรพิมพ.์ ฝำ่ ยตำรำวิชำกำรคอมพิวเตอร์. (2558). การเขียนโปรแกรมเบื้องตน้ (ภาษาซี). กรุงเทพฯ : ซเี อ็ด ยูเคช่นั . วรรณวิภำ จำเรญิ ดำรำรัศมี. (2539). วิทยาการคอมพิวเตอร์เบอ้ื งต้น. กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยูเคชน่ั . สำลี รักสุทธ.ี (2553). การจดั ทาส่ือนวัตกรรมและแผนประกอบสื่อนวัตกรรม. นนทบุรี : เพมิ่ ทรพั ย์ สุพจน์ สงำ่ กอง และปิยะ นำกสงค์. (2561). คู่มือการเขียนโปรแกรมภาษา C++. กรงุ เทพฯ : ซีเอด็ ยเู คช่ัน. สวุ ิทย์ มูลคำ. (2550). กลยุทธก์ ารสอนคดิ วิเคราะห.์ กรุงเทพฯ: ภำพพิมพ.์ โอภำส เอ่ยี มสิริวงศ์. (2552). การเขียนโปรแกรมด้วยภาษา C (Programming with C). กรุงเทพฯ : ซเี อด็ ยูเคชัน่ . ______. (2557). การเขียนโปรแกรมด้วยภาษา C. กรุงเทพฯ : ซเี อด็ ยเู คชั่น.

ขอ้ มูลท่ัวไป ช่อื – สกลุ นำงรพพี ร นำมมุลตรี วัน เดือน ปีเกดิ 19 มนี ำคม พ.ศ. 2515 ทอี่ ยู่ปัจจุบัน 110 หมูท่ ่ี 20 ตำบลเขวำ อำเภอเมือง จงั หวดั มหำสำรคำม รหสั ไปรษณีย์ 44000 E-mail [email protected] เบอรโ์ ทร 081-975-2310 การปฏบิ ตั ิงานปัจจบุ ัน ตาแหนง่ ครู วิทยฐำนะ ครูชำนำญกำรพเิ ศษ สถานท่ที างานปัจจุบนั โรงเรียนนำโพธ์ิพิทยำสรรพ์ ตำบลนำโพธ์ิ อำเภอกุดรงั จงั หวัดมหำสำรคำม รหัสไปรษณยี ์ 44130 สำนักงำนเขตพนื้ ท่ีกำรศึกษำมัธยมศกึ ษำ เขต 26 ประวตั ิการศึกษา จบ พ.ศ. 2537 หลกั สตู รวทิ ยำศำสตรบณั ฑิต สำขำวชิ ำวิทยำกำรคอมพิวเตอร์ มหำวทิ ยำลยั ศลิ ปำกร (วทิ ยำเขตพระรำชวังสนำมจันทร์) อำเภอเมือง จังหวดั นครปฐม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook