ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 By ครูจอย
คำนำ หนังสือเล่มน้ีเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา เทคโนโลยี 3 ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เพ่ือให้ได้ศึกษาหาความรู้ใน เร่ือง การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งรู้เทา่ ทนั และไดศ้ ึกษาอย่าง เข้าใจเพ่อื เป็นประโยชนก์ ับการเรียนการสอน ผู้จัดทาหวังว่า หนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน หรือนักเรียน ที่กาลังหาข้อมูลเรื่องน้ีอยู่ หากมีข้อแนะนาหรือ ข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดทาขอน้อมรับไว้และขออภัยมา ณ ที่นดี้ ว้ ย สพุ ิณญา หมนั่ ตรอง
สำรบญั เรอ่ื ง หน้ำ คานา ก สารบัญ ข การใช้เทคโนโลยอี ย่างรู้เท่าทัน 1 การประเมนิ ความนา่ เช่อื ถอื ของข้อมูล 2 การตรวจสอบความน่าเชอ่ื ถอื ของแหลง่ ทีม่ าของขอ้ มลู 4 เหตผุ ลวบิ ัติ 7 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั 17 กฎหมายเก่ยี วกบั คอมพวิ เตอร์ 20 การใช้งานลิขสิทธิ์ท่ีเป็นธรรม 23
กำรใช้เทคโนโลยีอย่ำงร้เู ทำ่ ทัน ในชีวิตประจาวันของเรา เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาท กับการดาเนินชีวิตในปัจจุบันเป็นอย่างมาก ในขณะท่ีในทุกๆวัน เทคโนโลยีมีการเปล่ียนแปลงตลอดเวลา เราเองก็ต้องเรียนรู้และ ปรับตัวให้ทันต่อการเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนั้นมีท้ังคุณประโยชน์และโทษในเวลาเดียวกัน เพื่อให้ เรามีความรู้และสามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างมีประโยชน์และ ปลอดภัย ก็จาเป็นที่จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับความรู้ทางด้านต่าง ๆ ต่อไปนี้ ➢ การประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถือของข้อมูล ➢ เหตผุ ลวิบัติ ➢ การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั ➢ รเู้ ท่าทนั สื่อและข่าวลว่ ง ➢ กฎหมายเก่ียวกบั คอมพิวเตอร์ ➢ การใชง้ านลขิ สิทธท์ิ ่ีเปน็ ธรรม
กำรประเมินควำมนำ่ เช่อื ถือของข้อมูล การนาข้อมูลมาใช้ในการเรียน การทางานและการ ตดั สนิ ใจต่างๆ จะต้องพิจารณาความถูกต้องของข้อมูลท่ีนามาจาก หลายแหล่งข้อมูล โดยต้องเป็นแหล่งข้อมูลท่ีมีความน่าเชื่อถือ มีความถูกต้องสมบูรณ์ สอดคล้องตรงตามความต้องการ และมี ความทนั สมัย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีคุณภาพนักเรียนอาจใช้การประเมิน ความน่าเช่ือถือของข้อมูลโดยใช้ประเด็นการพิจารณาของ “พรอมท”์ ไดแ้ ก่
❑ Presentation การนาเสนอข้อมูลต้องชัดเจน ตรงตาม เนอื้ หา กระชบั ❑ Relevance การพจิ ารณาความสมั พนั ธ์ ความสอดคลอ้ งของ ขอ้ มูลกับสิง่ ทต่ี ้องการ ❑ Objectivity ข้อมูลที่นามาใช้ต้องมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ไมม่ ีเจตนาแอบแฝง หรือเป็นขอ้ มลู ทีแ่ สดงความคดิ เหน็ ❑ Method มีการวางแผนการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างเป็น ระบบ ❑ Provenance มีการระบุแหล่งที่มาของข้อมูลอย่างชัดเจน เชอ่ื ถือได้ ❑ Timeliness ขอ้ มูลต้องเปน็ ปัจจุบนั ทันสมยั
กำรตรวจสอบควำมนำ่ เชอ่ื ถอื ของแหลง่ ที่มำของข้อมลู การตรวจสอบความน่าเช่ือถือของแหล่งท่ีมาของข้อมูลใน การค้นหาขอ้ มูลจากเว็บไซตห์ รอื แหลง่ ทม่ี าของข้อมูลเพื่อนาข้อมูล ไปใช้งานและอ้างอิงจาเป็นต้องมีการตรวจสอบความน่าเช่ือของ แหล่งที่มาของข้อมูลก่อนไม่เช่นน้ันอาจจะสร้างความเสียหายได้ วิธีการตรวจสอบความน่าเชื่อถอื ของแหลง่ ขอ้ มูลสามารถทาไดด้ ังน้ี 1 เว็บไซตห์ รอื แหลง่ ท่มี าของข้อมูลต้อง บอกวตั ถปุ ระสงค์ในการสร้างหรือ เผยแพร่ข้อมลู ไวใ้ นเวบ็ ไซต์ อยา่ งชัดเจน 2 การนาเสนอเนอื้ หาต้องตรงตาม วตั ถปุ ระสงคใ์ นการสร้างหรือ เผยแพร่ขอ้ มูลของเวบ็ ไซต์ 3 เนอื้ หาเว็บไซต์ไมข่ ัดข้องต่อกฎหมาย ศีลธรรม และจริยธรรม
4 มีการระบุชื่อผเู้ ขยี นบทความ หรือผู้ให้ขอ้ มลู บนเวบ็ ไซต์ 5 มกี ารอา้ งองิ แหล่งที่มาหรือแหลง่ ตน้ ตอของขอ้ มลู ทีม่ ีเนื้อหาปรากฏ บนเวบ็ ไซต์ 6 สามารถเชอ่ื มโยง (link) ไปเวบ็ ไซต์อ่นื ที่อา้ งถึงเพื่อตรวจสอบ แหลง่ ตน้ ตอของขอ้ มลู ได้ 7 มกี ารระบวุ นั เวลาในการเผยแพร่ ข้อมูลบนเว็บไซต์ 8 มกี ารใหท้ ีอ่ ยู่หรืออีเมล ท่ีผูอ้ า่ น สามารถตดิ ตอ่ ผดู้ แู ลเว็บไซต์ได้
9 มชี อ่ งทางให้ผู้อ่านแสดง ความคิดเหน็ 10 มีข้อความเตอื นผูอ้ ่านใหใ้ ช้ วจิ ารณญาณในการตัดสนิ ใจใช้ ขอ้ มลู ท่ปี รากฏบนเว็บไซต์
เหตุผลวิบตั ิ เหตุผลวิบัติ (fallacy) เป็นการอ้างเหตุผลที่บกพร่องอัน เกิดจากความผิดพลาดในกระบวนการคิดหาเหตุผล (reasoning process) ท้ังแบบอุปนัยเละนิรนัยซึ่งส่งผลให้การอ้างเหตุผลน้ัน เป็นการอ้างหตผุ ลท่วี ิบตั ิ (fallacious argument) ในส่วนท่ีเก่ียวกับเหตุผลวิบัตินี้ มีส่ิงที่ควรสังเกตอยู่อย่าง หนึ่งคอื การพบว่ามีเหตุผลวิบัตใิ นการอา้ งเหตุผลใดนน้ั มันไม่ไดท้ า ให้เราสามารถสรุปได้ว่าข้อสรุปน้ันเท็จ ในกรณีท่ีการหาเหตุผล บกพร่องหรือวิบัติน้ัน มันหมายถึงว่า การอ้างเหตุผลนั้นจะไม่เป็น เหตผุ ลทท่ี าให้เราเช่อื ได้ว่าข้อสรปุ นน้ั ถกู เหตผุ ลวิบตั ิแบง่ ได้ 2 ประเภท 1. เหตุผลวบิ ัติแบบเป็นทางการ 2. เหตุผลวบิ ตั แิ บบไมเ่ ป็นทางการ
1. เหตผุ ลวิบตั แิ บบเปน็ ทำงกำร เกิดจากการให้เหตุผลท่ีใช้หลักตรรกะท่ีไม่ถูกต้อง แต่เขียนใน รูปแบบที่เป็นทางการทาให้ดสู มเหตสุ มผล นกั เรยี นอาจตีความว่า ถ้าเลือก แล้วจะมีการพัฒนาหมูบ้าน แต่ใน ความเปน็ จรงิ ถึงแมจ้ ะถูกเลอื กกอ็ าจจะไม่มีการพฒั นาหมบู า้ นกไ็ ด้
2. เหตุผลวิบัติแบบไม่เปน็ ทำงกำร ▪ การให้เหตุผลโดยอ้างถึงผู้พูดว่า มีพฤติกรรมขัดแย้งกับส่ิงท่ี พูดเพราะส่งิ ที่พูดเชอ่ื ถอื ไม่ได้ เหตผุ ลท่พี ่อใหเ้ ป็นเหตผุ ลทถี่ กู ตอ้ ง แตล่ ูกไม่ไดส้ นใจความถกู ตอ้ ง แต่กลับไปสนใจพฤติกรรมของพ่อท่ีขดั แย้งกบั สง่ิ ทพี่ อ่ กาลงั สอน
▪ การให้เหตุผลโดยอ้างอิงถึงลักษณะของตัวบุคคลโดยไม่สนใจ เน้ือหาสาระของขอ้ ความ ความคดิ เห็นของผู้พูดเปน็ ความคิดทด่ี ี แต่คนฟงั ไม่สนใจประเด็นท่ี พดู แต่มุ่งประเด็นไปท่ผี พู้ ูดเป็นเดก็
▪ การให้เหตุผลโดยอ้างถึงความน่าสงสาร หรือความเห็นอก เห็นใจแล้วเปลย่ี นเปน็ ความถกู ต้อง สงิ่ ที่เกิดขน้ึ เปน็ ความผดิ ทางกฎหมาย แต่คนที่แสดงความเหน็ กลบั มุง่ ประเดน็ ไปทเี่ หตุผลของการกระทา ซงึ่ ไมเ่ ก่ยี วข้องกัน
▪ การให้เหตุผลโดยอ้างถึงคนส่วนใหญ่ท่ีปฏิบัติเหมือนกัน ดังนน้ั สิ่งทีท่ าจงึ ถูกต้อง ผพู้ ดู รอู้ ยู่แลว้ ว่าสงิ่ ทที่ าไม่ถูกต้อง แต่กลบั อ้างถึงสง่ิ ทค่ี นอนื่ ทาแลว้ ไม่ถูกตอ้ งเหมอื นกัน เพื่อเป็นเหตุผลใหต้ นเองไม่ต้องทาในสงิ่ ทถ่ี ูกต้อง
▪ การใหเ้ หตผุ ลโดยสร้างทางเลือกไว้แค่ 2 ทาง แต่ในความเป็น จรงิ อาจมที างเลอื กอ่ืนๆ อกี การใหเ้ หตผุ ลอาจมปี ัจจยั อนื่ ๆ มาประกอบ ไมไ่ ดม้ แี ค่ 2 ทางเลือก เท่านัน้ การทเ่ี ราไมเ่ ห็นดว้ ยกบั ทางเลือกแรก ไมจ่ าเปน็ ตอ้ งเลอื ก ทางเลอื กท่ี 2 อาจมีทางเลอื กอน่ื ๆ อีก
▪ การให้เหตุผลเกินจริง โดยบอกเหตุผลว่าเม่ือสิ่งน้ีเกิดจะมีอีก สงิ่ หนง่ึ เกดิ ขนึ้ ตามมาซง่ึ เกนิ ความจรงิ ไปมาก การโต้แยง้ ของนาย ข เกนิ ความเปน็ จรงิ ไปมาก ซึ่งนาย ก มเี จตนา ให้นกั เรยี นใสแ่ คห่ น้ากากอนามยั เฉพาะชว่ งเวลาทมี่ ฝี นุ่ จานวนมากเท่านน้ั
▪ การให้เหตุผลโดยเบี่ยงประเด็นการโต้แย้งของผู้อื่นให้ กลายเป็นอีกเรื่องหน่งึ แลว้ ค่อยโจมตปี ระเด็นทถ่ี กู บิดเบือน เจตนาของนาย ก ตอ้ งการสนับสนนุ ใหน้ กั เรียนนา SmartPhone มาใชใ้ นการเรยี นแต่นาย ข โต้แย้งโดยเบี่ยงไป ประเด็นอนื่ เพื่อโจมตีนาย ก
▪ การให้เหตุผลโดยอ้างว่าสิ่งใดส่ิงหน่ึงเป็นส่ิงพิเศษไม่เหมือน ใคร ดังน้ันจะเอาไปเปรียบเทียบกับส่ิงอ่ืนไม่ได้ ทั้งท่ีประเด็น ที่อา้ งน้ันไมไ่ ด้เกยี่ วข้องกับสง่ิ ทโ่ี ต้แย้งกนั อย่เู ลย ส่งิ ที่ลงุ ทานนั้ ไม่ถกู ตอ้ ง แต่ใหเ้ หตผุ ลโดยอา้ งถงึ ความพเิ ศษคือ ตนเองเปน็ ผู้ใหญซ่ ่ึงไมต่ อ้ งท้ิงขยะลงถังกไ็ ด้
กำรใช้เทคโนโลยสี ำรสนเทศอย่ำงปลอดภัย การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศมีวัตถุประสงค์หลาย อย่างเช่นการใช้งานเพ่ือทาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (electronic transaction) การใช้งานเพ่ือสนับสนุนการทางานและการใช้งาน ทว่ั ไปซงึ่ จะตอ้ งคานงึ ถึงความปลอดภยั ในการใชง้ าน กำรทำธุรกรรมอเิ ล็กทรอนิกสอ์ ยำ่ งปลอดภยั ก า ร ท า ธุ ร ก ร ร ม ผ่ า น อิ น เ ท อ ร์ เ น็ ต ห รื อ ธุ ร ก ร ร ม อิเล็กทรอนิกส์นั้นกลายเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวคนไทยมากข้ึนหลังจาก รัฐบาลไทยได้ให้ธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ เปิดโครงการพร้อมเพย์ (prompt pay) เพอ่ื ใหท้ าธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ได้สะดวกมาก ยิ่งข้ึนเช่นการโอนเงินการชาระค่าสินค้าและบริการในการทา ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ต้องระมัดระวังและมีความรอบคอบ เช่น การซื้อสินค้าออนไลน์ผู้ซ้ือสินค้าไม่เห็นสินค้าจริง และไม่ได้รับ สินค้าทันทีหลังจากชาระเงินซึ่งอาจเป็นช่องทางให้เกิดการฉ้อโกง เช่น ไมไ่ ดร้ บั สินคา้ สินค้าไม่มีคุณภาพหรือสินค้าไม่ตรงตามข้อมูลท่ี ปรากฏ
กำรร้ทู ันสือ่ การรู้เท่าทันส่ือ หมายถึง ความสามารถในการป้องกัน ตนเองจากการถูกโน้มนา้ วดว้ ยเนอื้ หาทเ่ี ปน็ เทจ็ และมผี ลกระทบต่อ ผู้รับสื่อ เพ่ือไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือทางการตลาดหรือผลประโยชน์ ท่ีส่ือนาเสนอการรู้เท่าทันสื่อนั้น ผู้รับสารต้องสามารถตีความ วิเคราะห์ แยกแยะเนื้อหาสาระของสื่อ คิดก่อนนาสื่อไปเผยแพร่ สามารถต้ังคาถามว่าสื่อนั้นมีท่ีมาอย่างไร ใครเป็นเจ้าของสื่อ ใครผลิต และผลิตภายใต้ข้อจากัดใด ควรเช่ือหรือไม่ มีความเช่ือ อะไรที่แฝงมากับสื่อน้ัน ผู้สร้างหรือผู้เผยแพร่สื่อนั้นหวังผลอะไร ดังนนั้ ควรเลือกแนวปฏบิ ัตอิ ย่างเหมาะสม โดยท่ัวไปแล้วการเข้าถึงเน้ือหาหรือข้อมูลข่าวสารจากสื่อ ต่าง ๆ น้ันสามารถก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้รับสาร แต่ต้องสร้าง การตระหนักรู้ถึงภัยคุกคามของส่ือที่มากับความอยากรู้อยากเห็น ดว้ ย
ข่ำวลวงและผลกระทบ ข่าวลวง (fake news) เปน็ รปู แบบหนง่ึ ของการก่อกวนซึ่ง ข่าวลวงจะนาเสนอเร่ืองราวท่ีเป็นเท็จมีวัตถุประสงค์แอบแฝงท่ี แตกต่างกัน เช่น เพื่อขายสินค้า ทาให้เกิดความเข้าใจผิด สร้างความสบั สนให้แกผ่ ู้รับข้อมูล ข่าวลวงอาจแพร่ผ่านอีเมล หรือ เครอื ขา่ ยทางสงั คม โดยจะส่งผลใหเ้ กดิ ความเสียหายท้ังส่วนบุคคล ทางด้านเศรษฐกจิ การเมืองการปกครอง ฯลฯ ลักษณะของขา่ วลวง เชน่ ▪ สรา้ งเรอื่ งราวเพ่อื ให้เปน็ จุดสนใจของสังคม ▪ สร้างความหวาดกลวั ▪ กระต้นุ ความโลภ ▪ สร้างความเกลยี ดชัง ▪ สง่ ตอ่ กนั มาผ่านเครอื ข่ายทางสังคม ▪ ไมร่ ะบุแหลง่ ทม่ี า ▪ ขยายความต่อจากอคติของคนทั่วไปที่มีอยกู่ ่อนแล้วเพ่ือหวังให้ ตนเองไดร้ ับผลประโยชนห์ รอื ใชเ้ พ่อื โจมตคี ู่แข่ง
กฎหมำยเก่ยี วกบั คอมพิวเตอร์ การออกข้อกาหนดระเบียบและกฎหมายต่าง ๆ ท่ี เก่ียวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้การใช้งาน เทคโนโลยสี ารสนเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อยประเทศไทยมีการ ออกพระราชบัญญัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ และมีการปรับปรงุ ใหท้ ันสมยั อย่างสมา่ เสมอโดยรายละเอยี ดต่าง ๆ สามารถศึกษาไดจ้ ากพระราชบัญญัตแิ ตล่ ะฉบบั ดังนี้ ▪ พระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและ สังคม พ.ศ. 2560 ▪ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และแก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2560
ตวั อยำ่ งกำรกระทำท่ีมีควำมผิดตำมพระรำชบัญญัตวิ ่ำด้วย กำรกระทำควำมผิดเกี่ยวกับคอมพวิ เตอร์ เชน่ ▪ ส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรืออีเมลให้บุคคลอ่ืนซึ่งก่อให้เกิดความ เดือดรอ้ นหรอื ราคาญโดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้รับสามารถบอกเลิก หรือปฏเิ สธการตอบรับไดโ้ ดยงา่ ยเช่นส่งอีเมลสแปมส่งข้อความ โฆษณามาทโี่ ทรศพั ทม์ อื ถือฝากร้านในเครอื ขา่ ยทางสงั คม ▪ กดไลค์ (Like)เก่ยี วกบั การหม่ินสถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ ▪ กดแชร์ (Share) ข้อมูลที่มีผลกระทบต่อผู้อื่นทาให้เกิดความ เสียหาย ▪ พบข้อมูลผิดกฎหมายในระบบคอมพิวเตอร์หรือในบัญชี เครือข่ายทางสังคมถึงแม้ไม่ได้เป็นเจ้าของข้อมูลก็ตามแล้ว เพิกเฉยโดยไม่แจ้งไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบและลบข้อมูล ออกจากระบบ
▪ ผู้ดูแลเพจหรือแอดมินเพจพบข้อความแสดงความคิดเห็นท่ีผิด พ.ร.บ. แล้วเพิกเฉย ▪ โพสต์สอื่ ลามกอนาจารท่ที าให้เกิดการเผยแพรส่ ูป่ ระชาชนได้ ▪ โพสต์เกย่ี วกบั เด็กเยาวชนแล้วไม่ปดิ บังใบหน้ายกเว้นกรณที ี่เปน็ การเชดิ ชหู รือช่นื ชมอยา่ งให้เกยี รติ ▪ ใหข้ อ้ มูลเก่ยี วกับผู้เสยี ชวี ติ แลว้ ทาใหเ้ กดิ ความเส่ือมเสียชื่อเสียง ถกู ดูหมินเกลยี ดชงั ญาติสามารถฟอ้ งร้องไดต้ ามกฎหมาย ▪ การโพสต์ด่าว่าผอู้ นื่ หรอื ขอ้ ความเทจ็ เป็นความผิดทางอาญา ▪ ละเมิดลิขสิทธิผ์ ู้อน่ื เชน่ ข้อความเพลงรปู ภาพวีดิทัศน์ ▪ แชร์รูปภาพของผ้อู น่ื ในเชิงพาณชิ ยเ์ พ่อื หารายได้
กำรใชง้ ำนลขิ สทิ ธทิ์ เ่ี ป็นธรรม “ ลิขสิทธ์ิ สิทธิแต่เพียงผู้เดียวท่ีจะกระทาการใด ๆ เก่ียวกับงานท่ีผู้สร้างสรรค์ได้ริเร่ิมโดยการใช้สติปัญญาความรู้ ความสามารถและความวิริยอุตสาหะของตนเองในการสร้างสรรค์ ไม่ลอกเลียนงานของผู้อื่นโดยงานที่สร้างสรรค์ต้องเป็นงานตาม ประเภทท่ีกฎหมายลิขสิทธิ์ให้ความคุ้มครองโดยผู้สร้างสรรค์จะ ได้รับความคุ้มครองทันท่ีที่สร้างสรรค์โดยไม่ต้องจดทะเบียน” กรมทรัพยส์ นิ ทางปัญญา ตวั อย่ำงกำรใชง้ ำนลิขสทิ ธ์ทิ ่เี ปน็ ธรรม การวิจัยหรอื ศกึ ษางาน โดยไม่แสวงหากาไร เช่น นักเรยี น สาเนาขอ้ ความบางส่วนในบทความเพอื่ ทาแบบฝกึ หดั การคัดลอกคากลา่ วหรือบทความโดยย่อ และมีการอ้งองิ ในการรายงานข่าว การคดั ลอกคากลา่ วหรอื บทความโดยยอ่ และมีการอง้ องิ ในการรายงานข่าว
ตัวอย่ำงกำรใชง้ ำนลิขสทิ ธทิ์ ่ีไมเ่ ป็นธรรม การดาวน์โหลดเพลงผูอ้ น่ื ไปขาย ผู้สอนถา่ ยเอกสารหนงั สือเรียนเพื่อขายกบั ผู้เรยี นจานวน มาก ทาใหเ้ จ้าของลิขสทิ ธิ์สูญเสยี รายได้ ผู้นาไปใช้มเี จตนาทุจรติ โดยการนางานที่มีลขิ สิทธิ์ไปใช้โดย ไมอ่ า้ งอิงหรอื ใช้ในลกั ษณะทีท่ าใหผ้ ูอ้ นื่ เขา้ ใจวา่ ผลงาน ลิขสิทธ์นัน้ เป็นของตนเอง ก า ร ใ ช้ ง า น โ ป ร แ ก ร ม ค อ ม พิ ว เ ต อ ร์ แ บ บ ท ด ล อ ง ใ ช้ (shareware) อยา่ งตอ่ เนือ่ งแม้วา่ จะหมดอายุการใช้งาน
สานักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษา มัธยมศึกษาลาปาง ลาพูน
Search
Read the Text Version
- 1 - 28
Pages: