Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore จรรยาบรรณและความสำคัญต่อผู้บริหารสถานศึกษา

จรรยาบรรณและความสำคัญต่อผู้บริหารสถานศึกษา

Published by Baw Chitchua, 2022-01-27 09:59:00

Description: จรรยาบรรณและความสำคัญต่อผู้บริหารสถานศึกษา

Search

Read the Text Version

จรรยาบรรณและความสาคญั ตํอผ๎บู รหิ ารสถานศึกษา ๔๘ (6) หน๎าทที่ ่ีต๎องปรับปรุงตนเอง (7) หน๎าท่ีที่ไมํประทษุ รา๎ ยคนอ่ืน ดังน้ัน การไดป๎ ระโยชน์จากการกระทา การพฒั นาตนเองใหม๎ คี ณุ ธรรมการมเี จตนาท่ีจะไมทํ าร๎าย ผ๎ูอืน่ ความมเี มตตา กรณุ า และความพยายามหลีกเลย่ี งไมํไหผ๎ อู๎ นื่ ได๎รับความทุกข์ ดงั นนั้ การกระทาที่ ถกู ต๎อง คอื การกระทาตามหน๎าท่ี โดยเฉพาะในกรณีทีไ่ มมํ ีทางเลือก แตํถา๎ มีทางเลอื กก็จะต๎องจัดลาดบั ทางเลอื กที่ให๎ประโยชนส์ ูงสดุ เป็นอันดบั แรกในการกระทา (จาเริญรตั น์ เจือจนั ทร์, 2548) 9) ทฤษฎอี าเวค เปน็ ทฤษฎีทกี่ ลา่ วถงึ จริยภาษา เนอื่ งจากมนุษยใ์ ช๎ภาษาเปน็ เครื่องมือสะท๎อน ความคดิ และอารมณ์ ความสาคัญของจรยิ ภาษาจึงเป็นภาษาทแ่ี สดงถึงจรยิ ธรรม การออกคาสงั่ คาขอรอ๎ ง ท้ัง ทเี่ ป็นภาษาเขยี นและภาษาพูดตํางแฝงดว๎ ยอารมณ์ทัง้ ส้นิ ดังน้นั การแสดงออกจึงเปน็ ความร๎ูสกึ ของผสู๎ ือ่ สารซึง่ อาจจาไมเํ กี่ยวกับข๎อเทจ็ จริงและไมํยังสามารถแยกภาษาและการกระทาออกจากกันได๎ ดังนั้นผูบ๎ รหิ ารตอ๎ งตระหนักวํา อารมณ์ของบคุ คลตํอสถานการณ์ในขณะนนั้ จึงมีท้ังทางบวกและทางลบใน ประเด็นเดยี วกนั ถา๎ เห็นเหตกุ ารณ์ในทางลบ การตดั สินจริยธรรมโดยอาศัยภาษาท่แี สดงอารมณ์ กจ็ ะใชภ๎ าษา แสดงอารมณ์ชกั ขวนให๎คนอ่ืนหยดุ การกระทานน้ั แล๎วผลของการกระทากเ็ ป็นความดี การแสดงอารมณใ์ น ทางบวกตํอสง่ิ ใดก็จะเกดิ อารมณ์ดีตํอส่ิงน้นั เพราะความเช่ือและความรู๎สกึ ทางอารมณเ์ ปน็ ส่งิ แยกกันไมอํ อกจงึ ทาใหเ๎ กิดอารมณ์ทร่ี นุ แรงตอํ สิ่งทไี่ มํดีและสิง่ ที่ดีไดเ๎ สมอ ขน้ึ อยูํกบั มุมมองของแตํละบคุ คล หรอื กลมุํ บุคคล 10) ทฤษฎีบัญญตั นิ ยิ ม เป็นทฤษฎีท่กี ลําวถึงเร่ืองการสื่อสารดว๎ ยการใชภ๎ าษา การบญั ญตั ิความ ใด ๆ ต๎องใช๎ภาษาเปน็ เครื่องมอื ในการสอื่ สารใหเ๎ กิดความเข๎าใจ เป็นการกาหนดหรอื ช้ีแนะท่ีเปน็ แนว ทางเลอื ก ผ๎บู รหิ ารตอ๎ งตระหนักวํา ข๎อบญั ญัตไิ มํใชํเปน็ ข๎อหา๎ มแตํเป็นขอ๎ เสนอแนะวาํ ไมํควรทา เพื่อใหก๎ ารใช๎ ลกั ษณะของการบัญญตั ิเป็นขอ๎ กาหนดตําง ๆ ท่ถี อื เป็นกติกาขององค์กรหรอื สังคมที่จะตอ๎ งรับรู๎ รวํ มกัน เนอ่ื งจากแนวทางเลอื กอาจมมี ากมายหลายประการ การมองมุมมองในเชงิ เปรยี บเทียบอยําง หลากหลาย และประเมนิ ใหไ๎ ด๎วําแนวทางท่เี ลอื กแลว๎ นีด้ ีกวําแนวทางทางเลือกอ่ืน ๆ มนุษย์มีอิสรภาพในการเลือกเปน็ อานาจที่อยํูในตนเอง นอกจากการรู๎จักตนเองแลว๎ มนษุ ยย์ ัง มี จนิ ตนาการสามารถท่จี ะพาตนเอง ใหห๎ ลดุ ไปอยํใู นสภาพวาดท่ีสร๎างขึน้ ดว๎ ยตนเอง ซง่ึ อาจจะหสํ งไกลจาก ความเป็นจริงกไ็ ด๎ แตสํ ํวนท่สี าคัญที่สุดของมนุษย์ คือ การมมี โนธรรม การตระหนักรู๎ลา้ ลึกทอี่ ยใูํ นจิต การ แยกแยะความผดิ ชอบชวั่ ดี และหลกั ของการควบคุมมโนพฤตกิ รรม และการปรับแนวทางของความคิดให๎ สอดคลอ๎ ง กบั มโนธรรมท่ีตนยึดถือและสังคมยอมรับได๎ (Covey, 2004) 2.2.2 ทฤษฎจี ริยธรรมตามแนวศาสนา ศาสนาเปน็ แหล่งกาเนดิ ดา้ นจริยธรรม ทุกศาสนามี คัมภีร์ทีใ่ ห๎ผู๎นับถอื ศรทั ธายึดถอื ไว๎เป็นแนวทางในการปฏบิ ตั ติ นตามศาสนกจิ และตามวิถีการดาเนนิ ชีวติ ใน สังคมดว๎ ย ศาสนาที่ใหญํ ๆ มผี ู๎คนนบั ถอื เปน็ จานวนมาก ไดแ๎ กํ ศาสนาพุทธ ครสิ ต์ และศาสนาฮินดูและอสิ ลาม 1) ทฤษฎีจริยธรรมตามแนวพุทธศาสตร์ พระเทวินทร์ เทวินโท (2544 หน๎า 346-349) กลําว วํา ทฤษฎีจริยธรรมตามแนวพุทธศาสตร์นี้เรียกวํา ทฤษฎีพุทธจริยศาสตร์ซ่ึงเป็นสัจจทฤษฎีแหํงธรรม โดย ประกอบด๎วยเหตุผลและผล เปน็ การศึกษาธรรมที่มีความเป็นธรรมชาตซิ ง่ึ หมายถึงส่ิงที่เป็นจริง การศึกษาด๎าน ทฤษฎที างจรยิ ศาสตร์น้ีเป็นการศึกษาด๎วยการสังเกต ทดลองด๎วยการปฏิบัติจริงและนาผลมาเป็นองค์ความร๎ู ของศาสตร์ ดังน้ัน การศึกษาด๎านจริยศาสตร์จึงเป็นการศึกษาในเชิงวิทยาศาสตร์ จากองค์ประกอบใน ด๎าน ธรรมชาติของสสาร การรวมตัวและการแยกสลายออกจากกันจนไมํมีตัวตนที่แนํนอน คือ พระอภิธรรม ปิฎก ขอ๎ ประพฤติปฏบิ ตั ิของมนุษยต์ อํ ธรรมชาติที่จะทาใหส๎ งั คมมีความสงบสขุ และวธิ ีการท่ีจะทาให๎มนุษย์หลุด พ๎ น จ า ก ค ว า ม ทุ ก ข์ ซ่ึ ง ไ ด๎ แ กํ เ กิ ด แ กํ เ จ็ บ ต า ย คื อ พ ร ะ สุ ต ตั น ต ปิ ฎ ก แ ล ะ ข๎ อ ห๎ า ม ไ มํ ใ ห๎

จรรยาบรรณและความสาคญั ตํอผ๎ูบรหิ ารสถานศึกษา ๔๙ มนุษย์ ได๎แกํ ศีล กฎ ระเบียบ คือ พระวินัยปิฎก ทฤษฎีนี้ได๎กลําวถึงสัจจธรรมท่ีเป็นธรรมชาติของ มนษุ ย์ ไว๎ 3 หลกั ธรรม คอื หลักธรรมที่ 1 ได๎แกํ อรูปธรรมและ รูปธรรม ซึ่งอธิบายได๎วํา ธรรมชาติน้ันมีอยํูสองสภาวะ สภาวะ หน่ึง คือ สภาวะท่ียังไมํรวมกันเป็นธาตุ เป็นสารเคมีชนิดใดชนิดหน่ึง มีสภาวะเป็นกลาง เป็นอยูํอยํางอัตต พิสยั ไมมํ ีปฏิกิริยาไมพํ ลงั ในตัวเอง และสภาวะสอง คอื สภาวะของธรรมชาติท่ีเป็นอัตตพิสัยแล๎ว ได๎รวมตัวกัน เป็นปรพิสยั คอื เป็นธาตุ เปน็ สารเคมีตาํ ง ๆ จนมปี ฏกิ ิริยามีพลงั งานอยูใํ นตวั เอง หลักธรรมที่ 2 ได๎แกํ อสังขตธรรมและ สังขตธรรม อธิบายได๎วํา ธรรมชาติท่ียังไมํมีปัจจัย ยังไมํ ธาตุ ยังไมํมีสารเคมีใด ๆ มาปรุงแตํง ให๎เป็นสังขาร ให๎เป็นสิ่งท่ีมีชีวิตใดชีวิตหนึ่ง ยังอยูํในสภาพที่เป็น อากาศ เป็นธาตุที่บริสุทธิ์อยํู ซ่ึงในอีกธรรมชาติหน่ึงคือธรรมชาติที่มีการปรุงแตํงของปัจจัยตําง ๆ ธาตุชนิด ตําง ๆ จนรวมกันเป็นพืชเป็นสัตว์ เป็นมนุษย์เป็นสังขาร มีชีวิต และจิตใจ มีวิญญาณ เป็นสิ่งมีชีวิตท่ีเป็นไป ตามปกติวิสยั ของธรรมชาติทัง้ ที่ดแี ละไมดํ ี หลักธรรมท่ี 3 ได๎แกํ โลกิยธรรมและโลกุตตรธรรมอธิบายได๎วํา ธรรมท่ีทาให๎ มนุษย์ สัตว์ พืช ต๎องเป็นไปตามโลกธรรม มีการเวียนวํายตายเกิด มีความไมํเที่ยง มีความทุกข์ ความสุข ตามปกติวิสัยไมํมีที่ส้ินสุด มีความเป็นอนัตตา และตกอยูํใต๎อานาจการครอบงาของธรรมชาติที่เลวซ่ึงเป็น สภาวะหนง่ึ ของธรรมชาติ ในอีกซีกหนึ่งของธรรมในหลักน้ี คือ ธรรมที่ทาให๎มนุษย์และสัตว์ได๎พ๎นจากสภาวะ ปกติของโลกธรรมและโลกิยธรรม ไมมํ ีการเวยี นวํายตายเกิด เมื่อบรรลุถึงสภาวะสูงสุดของโลกุตตรธรรม ก็จะ ไมตํ กอยูใํ ตอ๎ านาจการครอบงาของธรรมชาติทเี่ ลวทดี่ ารงอยเูํ หนือความชว่ั รา๎ ยทงั้ ปวง 2) ทฤษฎีจริยธรรมตามแนวศาสนาคริสต์ ตามความเชื่อของศาสนาศริสต์ นกิ ายโรมันคาทอลกิ มี ความเชอื่ ในความจริงหนึ่งเดียว คอื สง่ิ ศักด์ิ มพี ระเจา๎ อยํใู นหน่งึ เดียวนนั้ ความเชอ่ื หรือพระสจั จธรรม คือ ยดึ มนั่ ในพระเจา๎ องค์เดียว วาํ ทรงเปน็ จิตล๎วนดารงอยูํในนิรนั ดรภาพ ทรงสรา๎ งสรรพส่ิงท้ังทีเ่ หน็ และมอิ าจแล เห็น พระเจา๎ องค์เดียวนน้ั ประกอบด๎วย พระบดิ า พระบตุ รและพระจิตรวมแรกวาํ ตรีเอกภาพ หลักสูงสดุ ทเี่ ป็นเกณฑ์คาํ นยิ มทางศาสนาอยทูํ ี่ความรัก รูท๎ ีจ่ ะรกั การมีชวี ิตอยํู ถา๎ ไมมํ คี วามรกั กจ็ ะไมมํ ีคํา อะไร ผูท๎ ่ีอยูกํ บั ความรกั คือ ผู๎ท่ีอยกูํ บั พระเจา๎ พิธีกรรมทางศาสนา ประกอบดว๎ ยศีลศักดิ์สทิ ธ์ิ 7 ประการ คอื (1) ศลี ล๎างบาป หมายถงึ การลบล๎างบาปตาํ งๆ ของมนษุ ยท์ งั้ หมดทาให๎มนษุ ย์กลับเปน็ บุตรพระ เจา๎ เปน็ สมาชิกในศาสนจักร วญิ ญาณเกดิ มีชวี ิตเหนือธรรมชาตดิ ๎วยศีลล๎างบาป (2) ศีลอภัยบาป หมายถึง การลบล๎างบาปที่เรากระทาตง้ั แตํรู๎ความจนตลอดชีวติ เปน็ การได๎รบั อภยั บาปจาพระเจ๎า ทาให๎สามารถคืนดกี บั เพื่อน พ่ีน๎องหรอื แมก๎ ระทัง่ กับศัตรู (3) ศีลมหาสนทิ เป็นศีลที่ได๎รบั ในพิธรี าลึกหรือเข๎ารํวมในวันส้ินพระชนม์ ของพระเยซู ทาใหไ๎ ด๎รับ พรอยํางสมบูรณ์ (4) ศลี กาลงั หมายถงึ การได๎รับพละกาลงั จากพระจิตเจ๎า เพ่ือใหส๎ ามารถชนะตอํ การประจญ ลํอลวง มีความเข๎มแข็งเช่อื มัน่ ท่ีจะเอาชนะบาป กิเลส ตนั หาและความชั่วรา๎ ยตําง ๆ (5) ศลี บรรพชา หมายถึง การทาให๎บคุ คลกลายเป็นผศ๎ู กั ดิ์สิทธ์ิโดยการบวช ไดร๎ บั พระพรพเิ ศษ จากพระเจ๎าใหป๎ ระกอบศาสนกจิ และพิธี กรรม สัง่ สอนพระคัมภรี ์ โปรดศลี สิทธต์ิ าํ ง ๆ ปกครองสตั บุรุษใน ความรับผดิ ชอบ ใหค๎ วามชํวยเหลอื ทางกายและจิตใจ (6) ศลี สมรส คือ การรับพรจากพระเจา๎ โดยชายหญงิ ใหค๎ าม่ันสัญญากันวาํ จะรกั และซอื่ สัตย์ตํอ กัน ท้ังในยามสุขและในยามทุกข์ ทั้งในเวลาปวุ ยและเวลาสบาย เป็นการใหเ๎ กยี รตยิ กยอํ งกนั จนตลอด ชวี ิต ห๎ามการหยําร๎าง รวมท้ังการทาหมันและการทาแท๎ง

จรรยาบรรณและความสาคญั ตอํ ผู๎บรหิ ารสถานศกึ ษา ๕๐ (7) ศลี เจมิ คนปวุ ย หมายถึงการเพม่ิ พูนพละกาลังทง้ั กายและใจใหผ๎ ู๎ปุวยมีสขุ ภาพที่ดี ถ๎าส้ินใจก็ ขอให๎สน้ิ ใจในศลี ในพรของพระเจ๎า ทาใหไ๎ ปสํูสวรรค์ วิญญาณได๎รบั การบรรเทาเมื่อถงึ คราวลาโลก 3) ทฤษฎีจริยธรรมในศาสนา อสิ ลาม ศาสนาอสิ ลามมีข๎อปฏิบัติที่ต๎องยึดถอื 5 ประการ คอื ประการทห่ี นึง่ การปฏิญาณตน เพอื่ ยืนยนั ความเช่ือถือในเอกภาพของอลั เลาะฮ์ และเป็นการให๎ คามั่นสัญญาวํา จะเคารพภักดตี ํออัลเลาะฮ์องคเ์ ดยี ว ไมนํ าส่งิ ใดมาเปน็ ภาคีกบั พระองค์ และให๎คามั่นวาํ ศาสดามูฮัมมดั เปน็ ศาสนทูตของพระองค์ ท้ังเปน็ สัญญาโดยปรยิ ายวําจะปฏบิ ตั ิตามคาสอนของอลั เลาะฮ์ และ ศาสดาของพระองคด์ ๎วย ประการทส่ี อง การทานะหมาศ คือ ทานมสั การวนั ละ 5 ครงั้ การมนัสการการวันละ 5เวลา ในวนั หนึง่ กบั คนื หน่งึ น้นั เปน็ การยนื ยนั วาํ บุคคลนัน้ ตัง้ อยบูํ นหลักศรัทธา คาวาํ นะหมาศหรือละหมาด แปลวาํ การ ขอแสดงความจงรักภกั ดตี ํอพระผ๎ูเป็นเจา๎ ทง้ั กายและใจเป็นกญุ แจสูํสรวงสวรรค์ เหมือนชาระราํ งกายวัน ละ 5 คร้งั ยอํ มหมดสงิ่ โสมม จดุ มุํงหมายของการทานมสั การ 5 เวลา คอื (8) ให๎เกดิ การอํอนน๎อมถํอมตน (9) ขัดเกลาจิตใจและยอนใหร๎ จู๎ กั มารยาทในการแสดงความภักดี (10)ให๎ตรงตอํ หนา๎ ที่และตรงตอํ เวลา (11)ให๎ตระหนักถึงความเสมอภาค เคียงบําเคียงไหลํ ไมํแบงํ ชนั้ วรรณะ (12)ให๎เกดิ ความยาเกรงตํอความเกรียงไกรของพระผเู๎ ป็นเจา๎ รกั ษาสจั จะ ซ่อื ตรง ไมํโลภ มคี วามเป็น ธรรม (13)เครงํ ครัดตอํ ระเบียบ และเคารพกฎหมาย (14)รักษาความสะอาดท้ังสถานท่แี ละราํ งกาย มีการอาบนา้ นะหมาศ ผ๎ูใดละท้ิงนะหมาศผน๎ู ั้นไมใํ ชํมสุ ลมิ การทานะหมาศตอ๎ งหันหน๎าไปจุดเดียวกันเพือ่ ใหเ๎ กดิ เอกภาพ ประการที่สาม การบรจิ าคทาน ชะกาต คือทรัพย์สงเคราะห์ท่กี าหนดใหเ๎ ปน็ หนา๎ ท่ี ของผ๎ูมีฐานะ บริจาคให๎แกผํ ๎ยู ากจนและอน่ื ๆ ตามบญั ญตั ริ วม 6 ประเภท (1) ผย๎ู ากจน (2) ผข๎ู ัดสนอนาถา (3) ผเู๎ ปน็ เจา๎ หน๎าทช่ี ะกาต (4) ผ๎ูเข๎ารับอสิ ลามใหมํ ๆ (5) ปลดปลอํ ยทาส (6) ผู๎ท่มี ีหนส้ี ินลน๎ พน๎ ท่ีเกิดจากการทาดี (7) ให๎วิถที างแหํงอัลเลาะห์ (8) ผูเ๎ ดนิ ทางที่ขาดทนุ รอน ประเภททรัพย์สนิ ทตี่ ๎องบรจิ าค ชะกาต (1) รายได๎จากพชื ผล (2) รายได๎จากปศสุ ัตว์ (3) ทองคา เงิน (4) ทรัพย์สนิ ท่ีเกีย่ วกับการค๎า

จรรยาบรรณและความสาคัญตอํ ผู๎บรหิ ารสถานศกึ ษา ๕๑ ประการทีส่ ี่ การถอื ศีลอด การถือศีลอด คอื การงดกินงดดื่ม งดประพฤติตามอารมณ์ ฝาุ ยตา่ ใน ชวํ งเวลาระหวาํ งรํุงอรุณไปจนถงึ กระท่งั ตะวันลบั ฟาู โดยใหถ๎ ือศีลอดน้ีทกุ วันเปน็ เวลาหนง่ึ เดอื น เตม็ ในเดือน รอมมาฎอน หรือเดอื นที่เกา๎ ของปฏิทินอิสลาม จดุ ประสงคข์ องการถอื ศีลอด คือ (1) เพื่อทาให๎จิตใจบริสุทธ์ิ (2) ใหร๎ ูจ๎ กั ควบคมุ จติ ใจและละกเิ ลส (3) ใหร๎ ๎รู สของการมขี ันติ อดกล้ัน หนักแนํนและอดทน (4) ใหร๎ จ๎ู ักสภาพของคนยากจน อดอยาก หวิ โหย จะทาให๎เกิดเมตตาแกํคนทวั่ ไป ประการทห่ี า๎ การประกอบพธิ ฮี จั ย์ การประกอบพธิ ีฮจี ย์ คอื การเดนิ ทาง ไปประกอบพิธีตามศาสน บญั ญัติ ณ อัลกะอบะ เรือปัยตุลลอฮ์ ในนครมกั กะห์ มนประเทศซาอดุ ิอารเบยี (ประภาศรี สีหอาไพ (2543) จุดมงุํ หมายของการประกอบพิธีฮัจย์ คือ (1) เพอ่ื มกี ารแลกเปลย่ี นผลประโยชน์ และแลกเปล่ยี นความคิดซง่ึ กันและกนั (2) เพอ่ื แสดงใหเ๎ ห็นถงึ เอกภาพและความเทาํ เทียมกนั ของมนุษย์ท่ีมาจากสํวนตาํ ง ๆ ของโลก (3) เพือ่ แสดงให๎เหน็ วาํ แมจ๎ ะมฐี านนั ดรของสังคมตาํ งกัน แตเํ ม่ืออยํตู ํอหนา๎ พิธขี องพระเจ๎าแล๎ว ทกุ คนมฐี านะเทาํ เทียมกนั ซ่งึ จะนามาซ่ึงความงาํ ยตํอความเขา๎ ใจกนั ทฤษฎจี รยิ ศาสตร์เชงิ ศาสนา เปน็ ทฤษฎที ใี่ ช๎กุศโลบายเพ่ือใหเ๎ กิดความศรัทธาตอํ พระผเ๎ู ปน็ ศาสดาซ่ึงเป็นตวั นา ทีท่ าใหม๎ คี วามเครํงครดั ในการปฏิบัตติ นตามศาสนกจิ และตามคาสอนของพระธรรมในศาสนานน้ั ๆ ซ่งึ ใหห๎ ลัก เพ่อื นาไปประกอบคุณงามความดี ชํวยเหลือเกือ้ กูลผู๎อ่นื ละเว๎นความชว่ั เปน็ ต๎น 2.2.3 ทฤษฎจี รยิ ธรรมเชิงจิตวิทยา นักจิตวทิ ยาศกึ ษาพฤตกิ รรมของมนุษย์ทั้งที่เปน็ พฤติกรรม ภายนอกทม่ี นษุ ยแ์ สดงออกและพฤตหิ รรมภายในซึง่ เป็นพฤตกิ รรมทางจติ ทฤษฎีจริยธรรมเชงิ จิตวิทยาจึง มํุงเน๎นท่ีพฤติกรรมทางจติ ของมนุษย์ท่ีสํงผลใหม๎ นุษย์แสดงพฤตกิ รรมเพ่ือกอํ ใหเ๎ กดิ ความสมดุลของของกาย และจิต ฟรอยด์ (Freud) นกั จติ วิทยาผนู๎ าทฤษฎีจิตวิเคราะห์ ไดใ๎ ห๎แนวคดิ ในการวิเคราะหจ์ ติ ซ่งึ ฟรอยด์ และ กลํุมผูท๎ าการศึกษาได๎พน้ื ฐานความคิดมาจากพฤติกรรมการวางเงอื่ นไขและปฏกิ ิริยาสะท๎อนซง่ึ เปน็ ผลงานการ เรียนรูแ๎ บบคลาสสิกของ พาฟลอฟ ฟรอยด์ กลาํ ววาํ สิง่ ทีท่ าให๎บคุ คลเกิดการกระทาดแี ละช่ัวมาจากความดิ้นรน พยายามระหวําง พลังแรงขับและสญั ชาตญาณของตัวตนทจี่ ะสร๎างความพงึ พอใจโดยได๎รับส่ิงท่ีพึง ปรารถนา และสิ่งที่เป็นความจาเปน็ สาหรบั การสร๎างสังคมของตัวตนดว๎ ยความพยายามควบคมุ และเกบ็ กดสิ่งที เป็นกระแสความตอ๎ งการไวเ๎ พื่อใหต๎ นเองสามารถทาหนา๎ ท่ใี นสงั คมได๎ แม๎วาํ อทิ ธพิ ลทางความคดิ ของ ฟรอยด์ จะไมํไดแ๎ ทรกซึมลงสคูํ วามคดิ เชิงจรยิ ธรรมอยํางสมบรู ณ์ แตจํ ติ วิทยาของฟรอยด์ในสํวนลกึ ได๎ แสดงถงึ เรือ่ ง ความรสู๎ ึกผดิ โดยเฉพาะในเร่ืองของเพศที่เปน็ สง่ิ ท่ีได๎รับการเนน๎ หนักในเร่ืองของความดีและ ความเลว ซ่งึ มผี ลกระทบในดา๎ นความคิดเชิงจรยิ ธรรมของบุคคลในปจั จบุ นั เจมส์ (James) ซ่งึ เปน็ นกั ปรัชญาและนักจิตวทิ ยาทีเ่ ป็นนกั ปฏบิ ัตินิยมก็กลําววาํ คณุ คําของแนวคดิ ตําง ๆ จะเกิดข้ึนเมื่อมีผลลัพธข์ องการกระทาตามมา ดังนน้ั หลกั จรยิ ธรรมมคี วามเช่ือมโยงสัมพนั ธก์ ับ ปรากฏการณท์ ่หี ลากหลายทีเ่ กดิ ขนึ้ ในโลกนี้ จรยิ ธรรมตามแนวความคิดของนักจิตวทิ ยาเหลาํ น้ียังไมํไดล๎ งรากฐานสูํพฤติกรรมดา๎ นคณุ ธรรมและจรยิ ธรรม อยํางชัดเจน จนกระท่งั โคหล์ เบอรค์ (Kohlberg) ได๎ทาการศึกษาด๎านจรยิ ธรรม จากพนื้ ฐานการพัฒนาการ ด๎านความคิดและความเข๎าใจ ของเพยี เจท์ (Piaget) ซง่ึ ไดศ๎ ึกษาและอธิบายการแสดงพฤติกรรมตามแนวทาง ของคุณธรรมและจริยธรรมของเด็กในดา๎ น เจตคติของเด็กทม่ี ตี อํ กฎ การตดั สินใจของเด็กเกี่ยวกบั ความถกู ตอ๎ ง

จรรยาบรรณและความสาคัญตํอผบู๎ รหิ ารสถานศกึ ษา ๕๒ และความผิด และการประเมินคาํ ความยุติธรรมในการตัดสนิ เพยี เจท์ สรุปวํา คณุ ธรรมประกอบขนึ้ ด๎วยระบบ ของกฎและความคงอยํูของคุณธรรมจะคน๎ หาได๎จากความเชื่อถือซึง่ แตํละบคุ คลจะพยายามท่ีจะรับกานัน้ ไว๎ (ประภาศรี สหี อาไพ, 2543) 1) ทฤษฎีจรยิ ธรรมของ โคหล์ เบอรค์ (Kohlberg) มจี ุดเริม่ ตน๎ ของการเกิดคุณธรรมและจริยธรรม อยํทู ่ีตวั ตนของบุคคล (Self) โดยเร่ิมจากผลประโยชน์สวํ นตนเปรยี บเทยี บกับผลประโยชนท์ เี่ อ้อื ตอํ มวลชนใน ระดับท่มี ากข้ึนเรื่อย ๆ ตามลาดับ การศึกษาจรยิ ธรรมจากพฤตกิ รรมทค่ี วามรคู๎ วามเข๎าใจระดบั คุณธรรมเพอ่ื ใช๎ ในการแกป๎ ญั หาอยาํ งเหมาะสมได๎ เมื่อต๎องเลือก การตีคาํ และการอธบิ ายคณุ คาํ หรอื ตัดสินใจอยาํ งไร หลกั จริยธรรมของโคลเบอร์ค มี 6 ขั้น ได๎แกํ ขนั้ ท่ี 1 การลงโทษและการเช่ือฟัง ท่ีรบั ร๎เู ฉพาะตน ดังนนั้ บุคคลจะแสดงพฤติกรรมทาง จรยิ ธรรมเพ่อื หลกี เลยี่ งการถกู ลงโทษ ข้ันท่ี 2 ความแตกตํางระหวํางบุคคลและการอลกเปลีย่ นกนั เพอ่ื แสวงหารางวลั ขนั้ ท่ี 3 ความสัมพันธ์และการกระทาตามรูปแบบตามท่ีผ๎อู ่ืนเห็นชอบ ขนั้ ท่ี 4 ระบบสงั คมและความมีสตริ ับผิดชอบ ขัน้ ท่ี 5 สทิ ธแิ ละความผกู พันในสังคมทจี่ ะทาตามคามัน่ สัญญา ขน้ั ที่ 6 การยดึ มโนธรรมตามหลักสากล อยํางไรก็ตามในแนวความคดิ ทางจรยิ ธรรม การยึดอัตตาที่เขม๎ ขน๎ เปน็ ลักษณะของบคุ คลและการ กระทาทเี่ ห็นแกํตวั กเ็ ปน็ จุดศูนย์กลางที่ทาให๎บคุ คลเกดิ ความพงึ พอใจเสมอ เปาู หมายของมนษุ ย์ คอื การให๎ ประโยชนแ์ กตํ นเองท้งั โดยทางตรงและทางอ๎อม 2) ทฤษฎจี ริยธรรมของบรอนเฟรนเรนเนอร์ (Bronfenbrenner) บรอนเฟรนเรน เนอร์ (Bronfenbrenner) ไดท๎ าการศึกษาจริยธรรมของเด็กในโรงเรยี นโดยการศกึ ษาเปรียบเทียบในวฒั นธรรม ทหี่ ลากหลาย (Boeree, 2003) และสรปุ นาเสนอเป็นทฤษฎพี ฒั นาการด๎านจรยิ ธรรมในอีกแนวคิดหน่งึ โดย อธบิ าย ดงั น้ี รปู แบบท่ี 1 จริยธรรมโดยยึดถอื ตนเอง (self-oriented morality) คอื การยึดถือและให๎ความสนใจ อยํูที่ความพงึ พอใจของตนเองและจะพจิ ารณาส่ิงอื่น ๆ ออกไปจากตนเองในบรบิ ทวําตนได๎รับประโยชน์ หรอื ถูกขัดขวางผลประโยชน์ รปู แบบท่ี 2 จริยธรรมโดยยดึ ถือผมู๎ ีอานาจ (authority-oriented morality) ในขัน้ นเี้ ด็กรวมถึง ผใ๎ู หญจํ ะมีจุดท่ีตกลงรํวมกนั อยูใํ นตัวตนของอานาจนบั จากพํอแมจํ นถึงหัวหนา๎ งานและผู๎มอี านาจ ระดบั ประเทศ ศาสนา มาเป็นตวั อธิบายความถกู ตอ๎ งหรอื ความผิด รปู แบบที่ 3 จริยธรรมโดยยึดเพ่อื น (peer-oriented morality) เป็นจรยิ ธรรมที่ยึดถอื ความ สอดคล๎องกับกลมุํ ไมํใชํดว๎ ยอานาจจากใครแตํด๎วยเพอ่ื นเปน็ ผ๎ตู ดั สินวาํ ถูกหรอื ผิด สํวนใหญจํ ริยธรรมในระดบั นจ้ี ะพบมากในวยั รํนุ เนื่องจากเปน็ วัยที่ตอ๎ งการการยอมรบั จากกลุมํ เพื่อน รูปแบบที่ 4 จรยิ ธรรมโดยยดึ ถือกลํุม (collective-oriented morality) เป็นจริยธรรมท่ยี นื อยขูํ า๎ ง กลมํุ คนสวํ นใหญํทบี่ คุ คลนน้ั ดาเนินชีวิตอยูํโดยไมไํ ด๎คานึงถงึ ตัวบุคคลหนา๎ ทข่ี องบุคคลในสงั คมนัน้ เป็นเกณฑท์ ่ี กาหนดใหเ๎ ป็นจดุ ยนื ท่ีตอ๎ งคานงึ ถึง รูปแบบที่ 5 จรยิ ธรรมโดยยดึ ถอื จุดมุงํ หมาย (objectively-oriented morality) เป็นจริยธรรมที่ ไมํไดข๎ ึ้นอยูกํ ับผ๎ใู ด หรือกลมํุ สังคมใด แตจํ ะเป็นจริยธรรมท่ีเปน็ จริงในตวั เอง

จรรยาบรรณและความสาคัญตํอผ๎บู รหิ ารสถานศึกษา ๕๓ โดยสรปุ แล๎วกฎและทฤษฎีทางจริยธรรมจะเป็นหลักให๎นกั บรหิ ารการศกึ ษาไดเ๎ ข๎าใจแนวความคดิ ของ คนในสถานภาพทีแ่ ตกตาํ งกนั กฎและทฤษฎที างจริยธรรมเหลาํ นี้อาจเกิดขึน้ ได๎ตลอดเวลากับในสถานการณ์ที่ หลากหลายจงึ ขึน้ อยูวํ ําจะใช๎รูปแบบใดเป็นพิจารณาจรยิ ธรรม บทสรุปของจรรยาบรรณและความสาคญั ของจรรยาบรรณตอ่ ผบู้ รหิ าร ในการบริหารจดั การสถานศึกษาหรือองค์การทางการศึกษาน้ัน ปัจจัยที่สาคัญอีกปัจจัยหนึ่งที่ถือเป็น หลักใหญํคือ การมีผู๎บริหารสถานศึกษาหรือผ๎ูบริหารการศึกษาท่ีมีคุณธรรมและจริยธรรม พฤติกรรมด๎าน จริยธรรมในการบริหารจัดการ คือ พฤติกรรมที่ไมํใชํเพียงแตํถูกต๎องตามกฎหมายเทําน้ันแตํยังต๎องเป็น พฤติกรรมที่ถูกต๎องภายในกรอบของคุณธรรมและจริยธรรมที่บุคคลในสังคมโดยทั่วไปยอมรับได๎ นอกจากน้ี คณุ ธรรมและจรยิ ธรรมนั้นเป็นองคป์ ระกอบหนงึ่ ท่จี ะสรา๎ งศรัทธาซึง่ เปน็ แรงจงู ใจใหเ๎ กิดความสามคั ครี ํวมมือกัน ปฏิบตั ิงานเพ่ือมงํุ ไปสูเํ ปูาหมายเดยี วกันได๎ ทาให๎ผ๎ูรํวมงานทุกคนในองค์การเกิดความเช่ือถือและเชื่อม่ันในตัว ผูน๎ า ซงึ่ คณุ ธรรมและจรยิ ธรรมนั้นนาไปสํจู รรยาบรรณแหํงวชิ าชพี ผู๎บรหิ ารสถานศกึ ษา ๓ ด๎าน ด๎านการครอง ตน ครองคน ครองงาน ทุก ๆ ด๎านน้ันล๎วนต๎องนาหลักธรรมจากอิทธิพลทางศาสนาเข๎าไปประยุกต์ใช๎ในการ บริหาร เพ่ือให๎เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดในการบริหาร ยังผลดีแกํสถานศึกษา ชํวยพัฒนา การศึกษาชาติตอํ ไป

จรรยาบรรณและความสาคญั ตอํ ผบ๎ู รหิ ารสถานศึกษา ๕๔ บรรณานุกรม คารณ ลอ๎ มในเมือง, การเขยี นรายงานการวิจัยในชั้นเรียน. (กาฬสินธุ: ประสานการพมิ พ์,2547), 82. จานง กมลศิลป์ (2559) วารสารมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร๎อยเอ็ด จรรยาบรรณ ผบู้ ริหารสถานศึกษา Code of Ethics of Professional Educational Administration ปีท่ี 5 ฉบบั ท่ี 2 ประจาเดอื น กรกฎาคม-ธันวาคม 2559 หนา๎ ท่ี 260 -261 จ า เ ริ ญ รั ต น์ เ จื อ จั น ท ร์ . ( 2 5 4 8 ) . จ ริ ย ศ า ส ต ร์ : ท ฤ ษ ฎี จ ริ ย ธ ร ร ม ส า ห รั บ นั ก บ ริ ห า ร การศกึ ษา. กรุงเทพมหานคร: โอ.เอส. พร้นิ ต๎ง เฮา๎ ส์ ชาเรือง วุฒิจันทร์. (2540), จรรยาบรรณของครูผู้สอนในทัศนะของข้าราชการครูสังกัดสานักงานการ ประถมศึกษาจงั หวัดเชียงราย. วิทยานพิ นธป์ ริญญามหาบณั ฑติ , มหาวิทยาลัยหิดปาก3). ดวงเดือน พันธุมนาวิน (2538) ทฤษฎีต้นไม้จริยธรรมกับพฤติกรรมการทางานของข้าราชการ ไทย. มมป. เอกสารอัดสาเนา. ติน ปรัชญาพฤทธ์ิ. (2536). วิชาชีพนิยมของระบบราชการในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล๎า เจา๎ อยํหู วั : ววิ ัฒนาการและผลกระทบตํอสงั คมไทย. กรงุ เทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย ประภาศรี สีหอาไพ. (2543). พ้ืนฐานการศึกษาทางศาสนาและจริยธรรม. กรุงเทพมหานคร:จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั ปราชญา กล๎าผจัญ, นักบริหารการศึกษามีออาชีพ, (กรุงเทพมหานคร: สานักพิมพ์คืน ปรินท์ต้ิงจากัด, 2556)} 77. ปรีดาวรรณ วิชาธิคุณ และคณะ การประยุกต์ใช้หลักคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณตามหลัก ไตรสิกขาสู่ความเป็นผู้บริหารสถานศึกษามืออาชีพ THE APPLICATION OF MORALITY, ETHICS AND CODE OF CONDUCT WITH THE THREEFOLD TRAINING TO BE THE PROFESSIONAL SCHOOL ADMINISTRATORS บทความวิชาการ วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์ ปีท่ี 8 ฉบบั ท่ี 6 เดอื นมถิ ุนายน 2564 “ป๋าเปรม“ ยก 14 พระราชดาริ สอน “จริยธรรม” ผู้นา 10 กุมภาพันธ์ 2549 หนังสือพิมพ์ มติ ชน หน๎า 11. พระเทวนิ ทร์ เทวนิ โท. ( 2544 ). พุทธจริยศาสตร์. นนทบรุ ี : สหมติ รพร้ินตง้ิ พระเมธีธรรมาภรณ์, พทุ ธธรรม, กรุงเทพมหานคร: มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลยั , 2538, 3. พระเมธีธรรมาภรณ์. (2544). รุปแบบการปลุกฝ๎งคุณธรรมและอาชีพของคนไทยสมัยก่อนกับสภาพ ปจ๎ จบุ นั . กรุงเทพมหานคร: มหาจุฬาลงกรณร์ าชวทิ ยาลยั , 2538 ไพฑูรย์ สินลารัตน์. (บรรณาธิการ) ความรู้คู่คุณธรรม รวมบทความคุณธรรม จริยธรรมและ การศกึ ษา. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย (หนา๎ 103-117)

จรรยาบรรณและความสาคญั ตํอผบู๎ รหิ ารสถานศึกษา ๕๕ พฤทธ์ิ ศิริบรรณพิทักษ์. การบริหารและการจัดการศึกษาเพ่ือโลกใบเล็ก. กรุงเทพมหานคร: บริษัท พริก หวานกราฟฟิค จากัด, 2557. รัชวลี วรวุฒิ. (2548). ความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการสานักงานคณะกรรมการการอุดม ศึกษา บณั ฑติ วทิ ยาลัย. วทิ ยานิพนธ์ศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑติ . กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. รตั นวดี โชตกิ พนิช. (2550). จริยธรรมและจรรยาบรรณในวิชาชีพครู. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัย รามคาแหง ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554, (กรุงเทพมหานคร: ราชบัณฑติ ยสถาน, 2556), 303. วริยา ชนิ วรรโณ. (2546). บทนา : จริยธรรมในวิชาชีพ. . กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชวนพิมพ์ (หน๎า 1- 38) วิชา มหาคุณ. (2546). บทนา : จริยธรรมในวิชาชีพ. วริยา ชินวรรณโณ (บรรณาธิการ) จริยธรรมใน วิชาชพี . กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์ชวนพิมพ์ (หน๎า 134-144) ศุภมาส วิสัชนาม. (2560). คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสานักงานเลขพ้ืนที่ การศกึ ษาประถมศึกษาจันทบรุ ี. ในการประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจยั ระดับบัณฑิตศึกษา คร้ังท่ี 2; 11-12 มกราคม 2561; มหาสารคาม. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยราชภฏั มหาสารคาม. สถาบันราชภัฏเลย. (2553). ข้อบังคับมหาวิทยาลัยราชภัฏเลข ว่าด้วยจรรยาบรรณไนมหาวิทยาลัย ราชกฏั เลย มาตรฐานของจรรยาบรรณที่พึงมีในสถาบันอุคมศึกษา แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ข้าราชการพลเรอื นในสถาบนั อคุ มศึกษา. (ม.ป.ท.]. สฎายุ ธีระวนิชตระกูล.(2553). การบริหารงานบุคคลทางการศึกษาตามมาตรฐานและจรรยาบรรณ วชิ าชพี ของคุรุสภา พ.ศ. 2548 สาหรับผูบรหิ ารสถานศึกษา. ชลบรุ ี: มหาวิทยาลยั บูรพา. เสถบุตร. ( 2536). New Model English-Thai Dictionary. กรุงเทพมหานคร : ไทยวฒั นาพานชิ . สุชาดา นันทะไชย. (2554). จริยธรรมวิชาชีพสาหรับผู้บริหารทางการศึกษา. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ สามเจรญิ พาณชิ ย(์ กรุงเทพ). สภุ ัททา ปณิ ฑะแพทย์. (2527). จิตวิทยาพัฒนาการ. กรุงเทพมหานคร : หอรตั นชัยการพมิ พ์ สเุ มธ งามกนก. คุณลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษาทพ่ี ึงประสงค์ : คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณ วิชาชีพ Desirable Characteristics of School Administrators : Virtue, Merit,and Professional Ethics. ภาควิชาการบรหิ ารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา. วารสาร สมาคมพัฒนาวิชาชพี การบริหารการศกึ ษาแหงํ ประเทศไทย (69-77)

จรรยาบรรณและความสาคญั ตอํ ผ๎บู รหิ ารสถานศกึ ษา ๕๖ สวุ ิมล บุญถี. (2557). บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในการพฒั นาบุคลากรคามมาตรฐานการปฏิบัติงาน ของขอ้ บังคับคุรุสภา 2548 ในสถานศกึ ษาสงั กดั สานักงานเขดพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาเพชรบุรี เขต 1.(สาร นพิ นธ์ปรญิ ญามหาบณั ฑิต, มหาวิทยาลยั ศรนิ ครนิ ทรวิไรค) สานักเลขาธิการคณะรฐั มนตรี,ราชกิจจานุเบกษา, (กรงุ เทพมหานคร: คุรุสภา, 2556), 73. อมรา เล็กเริงสนิ ธ์ุ, คุณธรรมจรยิ ธรรมสาหรบั ผู้บรหิ าร, (กรงุ เทพมหานคร: คณะครศุ าสตร์สถาบนั ราชภัฏสวน ดุสติ , 2552), 97-103 อัจฉราพร ช๎างอินทร์, ความสัมพันธ์ระหว่างจรรยาบรรณวิชาชีพผู้บริหารกับสมรรถนะผู้บริหารตาม มาตรฐานคุรุสภา ในโรงเรียนประถมศึกษา กลุ่มกรุงเทพกลางสังกัดกรุงเทพมหานคร , (กรุงเทพมหานคร: ,มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏธนบุรี,2560), 16-17. ครูเชยี งรายดอทเนต็ . ความสาคัญของจรรยาบรรณแหง่ วชิ าชีพครู. 28/02/2020 https://www.kruchiangrai.net/2020/02/28 ค รู แ ม น ส ร ว ง , จ ร ร ย า บ ร ร ณ ผู้ บ ริ ห า ร ส ถ า น ศึ ก ษ า , [อ อ น ไ ล น์ ] แ ห ลํ ง ที่ ม า : https://mansuang1978.wordpress.com [4 มกราคม ๒๕๖5] จรัส ตั้งโซ๏ะ, จรรยาบรรณผู้บริหาร, [ออนไลน์]แหลํงที่มา : https://www.gotoknow.org/posts/210449 [4 มกราคม ๒๕๖5] ราชบัณฑิตยสถาน, ปทานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525, [ออนไลน์] แหลํงที่มา : http://rirs3.royin.go.th/word6/word-6-a0.asp [4 มกราคม ๒๕๖5] สุภัททา ปิณฑะแพทย์[ออนไลน์] แหลํงท่ีมา : http://www.supatta.haysamy.com/learn2_1.html [4 มกราคม ๒๕๖5] อัญชลี โพธ์ิทอง และสมศักด์ิ คงเท่ียง. (2564). ศึกษาวิเคราะห์คุณธรรม จริยธรรมสาหรับผู้บริหารใน ส ถ า น ศึ ก ษ า . ( อ อ น ไ ล น์ ) ( อ๎ า ง เ ม่ื อ 20 เ ม ษ า ย น 2564). จาก https://www.englishformbunsorn.blogspot.com

จรรยาบรรณและความสาคญั ตํอผ๎บู รหิ ารสถานศึกษา ๕๗


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook