ธรรมศึกษา ธรรม (อา่ นว่า ทา หรือ ทามะ) หมายถงึ ความดี ความจรงิ พระธรรม หมายถึง คาสอนของพระสัมมาสมั พทุ ธเจา้ ศึกษา (สิกขา) หมายถึง การเลา่ เรยี น ฝกึ ฝนและอบรม ธรรมศึกษา หมายถงึ ขอ้ ปฏิบตั ทิ เี่ ปน็ หลกั ของชีวิต LOGO
หลกั เกณฑ์การเขียนเรยี งความแกก้ ระทธู้ รรม ธรรมศึกษาช้ันตรี เรียงความแก้กระทู้ธรรม คอื การแสดงความคิดความรูส้ ึกของ ผู้เขียนออกมา โดยการพูดหรือเขียนเป็นหนังสอื เพื่อใหผ้ ้อู ่านผฟู้ งั ได้เขา้ ใจ ความคิด ความรู้สึกทผี่ ู้เขยี นไดแ้ สดงออก เรียงความจะดหี รอื ไมเพียงไร ข้นึ อยู่ กบั ความรู้ความสามารถของผเู้ ขยี น การเขา้ ใจหลักเกณฑก์ ารเรยี งความอย่าง เดยี วยังไม่เพียงพอที่จะทาใหผ้ ู้เขียนเรียงความไดด้ ี เพราะการเรียงความเปน็ ศลิ ปะอย่างหนึง่ จงึ จาเปน็ จะตอ้ งอาศยั ความชานาญของผ้เู ขยี นอีกด้วย อยา่ งไร ก็ตามการเข้าใจหลักเกณฑย์ ่อมจะช่วยใหเ้ รยี งความดีข้ึนกว่าโดยไม่เขา้ ใจใน หลักเกณฑ์
การเขยี นเรยี งความกระทธู้ รรม จาต้องคานึกถงึ หลักเกณฑ์สาคัญ ๓ ประการ คอื ๑. ตคี วามหมาย คอื การให้คาจากดั ความของธรรมน้นั วา่ มี ความหมายอย่างไร เชน่ พทุ ธภาษติ ว่า กลฺยาณการี กลยฺ าณ ปาปการี จ ปาปก ผู้ทากรรมดยี อ่ มได้ผลดี ผู้ทากรรมชั่วย่อมได้ผลชั่ว ดังนี้ ก็ให้คาจากัดความคาวา่ กรรมดี คอื อะไร กรรมช่ัว คืออะไร ใน ท่ีน้ี กรรมดี หมายถึง กศุ ลกรรมบถ ส่วนกรรมชั่ว หมายถึง อกุศลกรรมบถ เป็นต้น
การเขยี นเรยี งความกระทธู้ รรม จาตอ้ งคานึกถงึ หลกั เกณฑ์สาคญั ๓ ประการ คือ ๒. ขยายความใหช้ ัดเจน ได้แก่ การขยายเนอ้ื ความของคา ซึง่ ไดใ้ ห้ ความหมายไว้แล้ว คือ กุศลกรรมบถ และอกศุ ลกรรมบถ วา่ มีอย่างละ ๑๐ ประการ เป็นตน้ ๓. ตัง้ เกณฑอ์ ธิบาย ได้แก่ การวางโครงร่างทีจ่ ะอธบิ ายเน้อื ความ ของข้อ ๒ ว่า มอี ะไรบา้ ง มอี ะไรเป็นมูลเหตุทาใหเ้ กิดขึ้น มผี ลดีผลเสยี อย่างไร มีข้อเปรียบเทยี บหรอื มีตวั อย่างมาประกอบใหเ้ ห็นเด่นชัดไดห้ รอื ไม่ และควรจะ นบั ถงึ ผลกรรมนน้ั ๆ อยา่ งไร จงึ จะทาให้ผอู้ า่ น ผฟู้ ังคลอ้ ยตาม โดยเรียงเป็น ลาดบั ขั้นตอนก่อนหลังไมส่ บั สนวกไปวนมา
เรยี งความโดยทัว่ ไปจะต้องมอี งค์ประกอบท่ีสาคัญ ๓ ประการ คอื ๑. คานา นับว่าเป็นตอนเร่ิมต้นท่ีสาคัญที่สุด เพราะการเขียนคานาท่ีดี ก็จะ สามารถชักจูงจิตใจของผู้อ่านให้ติดตามอ่านเรียงความต่อไปจนจบ หากเริ่มต้นคานาแบบ จืดชืด ก็จะไม่เกิดประทับใจผู้อ่าน แต่คานาของเรียงความแก้กระทู้ธรรม โดยมากจะเขียน ไปในแนวอารัมภบทพจนาคาถา เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติของผู้อ่าน คานาของเรียงความแก้ กระทู้ธรรมนนั้ ควรเขยี นประมาณ ๓-๔ บรรทดั กาลังพอดี ๒. เน้ือเร่ือง หมายถึง เรียงความแก้กระทู้ธรรมน้ันๆ จะต้องให้เนื้อหาสาระท่ี สาคัญแก่ผู้อ่าน ทาให้ผู้อ่านได้คุณค่าในด้านต่างๆ เช่น การศึกษา ความรู้ ความคิดริเร่ิม สร้างสรรค์ ฯลฯ โดยลาดับเน้ือหาสาระให้ต่อเนื่อง เป็นเหตุเป็นผลกันไป ไม่ทาให้ผู้อ่าน สับสนไขว้เขว เน้ือเรื่องของเรียงความแก้กระทู้ธรรมนั้น ควรเขียนประมาณ ๑๕-๒๐ บรรทัด กาลังพอดี เม่ือเขียนอธิบายความของเน้ือเร่ืองมาพอสมควรแล้วก็นาเอาข้อธรรม หรือ กระทู้รับ ที่มีเนื้อความเก่ียวเน่ืองสัมพันธ์กัน กับ เน้ือเรื่องที่เขียนมาอ้างรับรองเป็น หลักฐานแล้ว อธิบายความของกระทู้รับน้ันต่อไป โดยกระทู้รับควรเขียนประมาณ ๕-๗ บรรทัดกาลงั พอดี
Search
Read the Text Version
- 1 - 5
Pages: