Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อะไรอยู่ในอวกาศ

อะไรอยู่ในอวกาศ

Published by jiblovely2003, 2021-03-02 09:25:21

Description: อะไรอยู่ในอวกาศ

Search

Read the Text Version

อะไรอยู่ใน อวกาศ

อวกาศ (Space) คืออะไร ? คอื บรเิ วณทอ่ี ยนู่ อกบรรยากาศของโลกออกไป ณ ทน่ี นั้ ไมม่ อี ากาศ ไมม่ กี ารกระเจงิ ของแสง เพราะไมม่ โี มเลกุลของก๊าซใดๆ เพอ่ื ทาใหเ้ กดิ การกระเจงิ ของแสงได้ นอกจากน้ีในอวกาศยงั เป็น สญุ ญากาศ นนั่ หมายความวา่ ไมว่ า่ จะมเี สยี งดงั แคไ่ หน แต่เรากจ็ ะไมไ่ ดย้ นิ หากอยใู่ นอวกาศ

แม้อวกาศจะเป็นพืน้ ที่เวิ้งว้างแต่กไ็ ม่ได้หมายความว่ามนั ว่างเปล่า เพราะในอวกาศมีสิ่งต่างๆ ลอยอย่ใู นพืน้ ท่ีว่างมากมาย เช่น เศษฝ่ นุ ละออง กล่มุ กา๊ ซ ดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ และอวกาศท่ีประกอบไปด้วยเทหวตั ถเุ หล่านี้เอง ที่เราเรียกมนั ว่า จกั รวาล (Universe) โดยส่ิงท่ีล่องลอยอย่ภู ายในพืน้ ที่อนั กว้างใหญ่ของอวกาศ มีทงั้ ส่ิงท่ี เกิดขึน้ เองและสิ่งที่มนุษยส์ ร้างขึน้ และส่งออกไปเพื่อประโยชน์ ในด้านต่างๆ ซึ่งได้แก่

กล้องโทรทรรศน์อวกาศ (Space Telescopes) มนุษย์ส่งกล้องโทรทรรศน์อวกาศขึ้นไปยงั นอกชัน้ บรรยากาศโลก เพ่ือทาการศึกษาสิ่งท่ีอยู่ในห้วงอวกาศ โดยในปี ค.ศ. 1990 กล้องโทรทรรศน์ ฮบั เบิล (The Hubble Space Telescope) กไ็ ด้ถกู ส่งขึน้ ไปเช่นกนั มนั เป็นเครือ่ งมือ ทางวิทยาศาสตร์ที่สาคัญอย่างหนึ่ งต่อการศึกษาดาราศาสตร์ เนื่ องจาก สามารถช่วยให้เหน็ ส่ิงต่างๆ ในอวกาศในระยะไกลได้ โดยภาพไม่ถกู รบกวน จากชัน้ บรรยากาศ ซึ่งทาให้นักดาราศาสตร์ค้นพบปรากฏการณ์สาคัญ ๆ มากมายจากกล้องตวั นี้ นอกจากนี้ยงั มีกล้องโทรทรรศน์ตวั อื่นๆ ท่ีถกู ส่งขึน้ ไป นอกชนั้ บรรยากาศอีก เช่น กล้องรงั สีแกมมาคอมป์ ตนั (Compton Gamma Ray Observatory) กล้องโทรทรรศน์อวกาศกาแลก็ ซี (Galaxy Evolution Explorer) กล้องโทรทรรศน์อวกาศสปิ ตเซอร์ (Spitzer Space Telescope)

ยานสารวจอวกาศ (Space probes) ยานลูน่า 1 เป็ นยานสารวจอวกาศลาแรกที่ถกู ส่ง ขึ้นไปโคจรผ่านดวงจนั ทร์ โดยไม่มีมนุษยถ์ กู ส่งขึ้นไปด้วย (หากเป็ นยานสารวจอวกาศที่มีมนุษย์ขึ้นไปด้วยเพ่ือการ เดิ นทางไปยังดาวดวงใดดวงหน่ึ ง เรียกว่า spacecraft) มนั เป็นยานอวกาศจากสหภาพโซเวียต แต่หลงั จากนัน้ กม็ ียานสารวจอวกาศอีกหลายลา จากหลายประเทศถกู ส่งตามขึ้นไปเพ่ือสารวจดาวเคราะห์ และดวงจนั ทร์ ตลอดจนอวกาศท่ีห่างไกล เช่น เวเนรา 4 (Venera 4) ซ่ึงเป็นยานอวกาศท่ีถกู ส่งไปลงบนดาวศกุ รห์ รือ ยานอวกาศแคสสินี (Cassini) ซึ่งถกู ส่งไปสารวจดาวเสาร์ เป็ นลาแรก

กระสวยอวกาศ (Space shuttle) กระสวยอวกาศเป็นอุปกรณ์ทถ่ี กู พฒั นาขน้ึ มา เพอ่ื ใหใ้ ชง้ านซ้าไดห้ ลายครงั้ ทดแทนจรวด ทไ่ี มส่ ามารถนามาใชใ้ หมไ่ ด้ โดยกระสวยอวกาศ โคลมั เบยี เป็นกระสวยอวกาศลาแรกทไ่ี ดบ้ นิ ขน้ึ ไปสู่ หว้ งอวกาศ เมอ่ื วนั ท่ี 12 เมษายน ค.ศ. 1981 กระสวยอวกาศเปรยี บเสมอื นรถเคล่อื นยา้ ย สงิ่ ของ เชน่ การนาดาวเทยี มออกไปสวู่ งโคจร นอกโลก หรอื การขนสง่ ชน้ิ สว่ นขนาดใหญ่ บางอยา่ ง เพอ่ื นาไปสรา้ งสถานอี วกาศ นานาชาติ

สถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station; ISS) สถานีอวกาศนานาชาติเป็นห้องทดลองอวกาศ ซ่ึงสร้างขึน้ เพื่อใช้กบั งานทดลองและงานวิจยั ท่ีไม่สามารถทดลองบนโลกได้ เนื่องจากต้องการ สภาวะท่ีมีแรงโน้มถ่วงตา่ ภายในสถานีอวกาศประกอบด้วยห้องนอน 5 ห้อง ห้องน้า 2 ห้อง ห้องออกกาลงั กาย และห้องทดลองอีกหลายห้อง โดยเป็ น ความร่วมมือกนั ระหว่างนาซ่าจากสหรฐั อเมริกา องคก์ ารอวกาศสหพนั ธรฐั รสั เซีย องค์การอวกาศแคนาดา องค์การสารวจอวกาศญี่ป่ ุน และองค์การ อวกาศยโุ รป

ดาวเทียม (Artificial Satellites) เป็นอปุ กรณ์ท่ีถกู ส่งออกไปจากโลกด้วยกระสวย อวกาศ มันจะโคจรรอบโลกและถูกใช้ในการสื่อสาร ส่ งสัญญาณโทรศัพท์ ตลอดจนสัญญาณโทรทัศน์ นอกจากนี้เรายงั ใช้ดาวเทียมในการช่วยสังเกตสภาพ อากาศ หรอื สารวจดาวเคราะหต์ ่างๆ อีกด้วย ดาวเทียมของไทยท่ีถกู ส่งออกไปเป็ นดวงแรก ได้รบั ชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภมู ิพลอดุลยเดชว่า ดาวเทียมไทยคม (THAICOM) ซึ่งมาจาก Thai Communications โดยถกู ส่งขึ้นส่วู งโคจร เม่ือวนั ท่ี 17 ธนั วาคม พ.ศ. 2536 เพื่อใช้สาหรบั การสื่อสาร ทงั้ สญั ญาณโทรทศั น์ วิทยุ และโทรศพั ท์

ดาวฤกษ์ (Star) ดาวฤกษ์ คือดวงดาวที่ส่องสว่างและ สามารถเหน็ ได้ชดั ในเวลากลางคืน ดวงดาวเหล่านี้ ก็คื อกลุ่มก้อนของก๊าซซ่ึ งส่ วนใหญ่ เป็ นก๊าซ ไฮโดรเจนและฮีเลียม ท่ีหดตัวและมีการสะสม ของมวลมากพอ จึงเกิดปฏิกิริยานิ วเคลียร์ฟิ วชัน สร้างโฟตอนและความร้อน และกลายเป็ นดาวฤกษ์ ในที่สุด ดาวฤกษ์ท่ีใหญ่และใกล้โลกท่ีสุดก็คือ ดวงอาทิตย์

ดาวเคราะห์ ดาวเคราะหน์ ้อย ยกั ษ์แดง (Planets) (Asteroids) (Red giant) ดาวเคราะหเ์ ป็นเทหวตั ถุบนฟ้า มดี วงดาวขนาดเลก็ มากมายทโ่ี คจร ดาวฤกษ์ทม่ี กี ารเผาไหมม้ านบั ทไ่ี มม่ แี สงสวา่ งในตวั เอง มวี งโคจร อยรู่ อบดวงอาทติ ย์ สว่ นใหญ่จะอยู่ พนั ลา้ นปี ทาใหก้ ๊าซของพวกมนั รอบดวงอาทติ ย์ เป็นวตั ถุทม่ี รี ปู รา่ ง ระหวา่ งดาวองั คารและดาวพฤหสั เรม่ิ หมดลง พวกมนั จงึ เปลย่ี น ใกลเ้ คยี งทรงกลม ไมใ่ ชด่ าวเทยี ม นกั วทิ ยาศาสตรเ์ รยี กพวกมนั วา่ สภาพจากสขี าวกลายเป็นสแี ดง หรอื ดวงจนั ทร์ และไมม่ เี ทหวตั ถุ ดาวเคราะหน์ ้อย และเชอ่ื วา่ ดาวเคราะห์ น้อยดวงใดดวงหน่ึงอาจเคยพงุ่ เขา้ ชน และมขี นาดใหญ่ขน้ึ กวา่ เดมิ อ่นื ๆ โคจรในบรเิ วณเดยี วกนั โลกเมอ่ื 65 ลา้ นปีทแ่ี ลว้ ซง่ึ เป็นสาเหตุ เราเรยี กมนั วา่ ดาวยกั ษแ์ ดง ใหไ้ ดโนเสารส์ ญู พนั ธุ์

ดาวเคราะหแ์ คระ (Dwarf Planets) ดาวเคราะห์แคระมีลกั ษณะหลายๆ อย่างท่ี คล้ายกบั ดาวเคราะห์ ซึ่งสหพนั ธ์ดาราศาสตร์สากล (International Astronomical Union, IAU) ได้ระบุคณุ ลกั ษณะ ของดาวเคราะห์แคระว่า ต้องเป็ นดาวท่ีโคจรรอบ ดวงอาทิตย์ มีมวลเพียงพอที่จะคงอยู่ในรูปทรงกลม ไม่มีเพ่ือนบ้านอยู่ใกล้กับวงโคจรของมนั และไม่มี ดวงจนั ทรบ์ ริวาร ตวั อย่างของดาวเคราะห์แคระ เช่น ซีรีส (Ceres) พลโู ต (Pluto) อีริส (Eris)

ดาวหาง (Comets) ดาวหางเป็ นเทหวตั ถอุ ย่างหนึ่ งในอวกาศ ใจกลางของมนั มีลกั ษณะ เป็ นก้อนหิมะสกปรกขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยฝ่ ุนและก๊าซ หากพวกมนั เข้าใกล้ ดวงอาทิตย์ น้าแขง็ ที่อยู่ใจกลางกจ็ ะค่อยๆ ละลาย และปล่อยก๊าซหรือฝ่ นุ ออกมา กลายเป็ นหางของมัน ซึ่งดาวหางที่มีชื่อเสียงมากท่ีสุดก็คือดาวหาง ฮัลเลย์ (Halley’s Comet) ท่ีมองเหน็ ได้จากโลกทุกๆ 75 - 76 ปี และครงั้ ต่อไปท่ีเราจะได้เหน็ มนั กค็ ือปี ค.ศ. 2061

สะเกด็ ดาว (Meteoroids) เป็ นก้อนหินขนาดเล็กท่ีมี อยู่มากมายในอวกาศ ซ่ึงอยู่รอบๆ ดวงอาทิตย์ ส่วนใหญ่แล้วสะเก็ด ดาวเหล่านี้ จะเกิ ดจากดาวหาง ท่ีสูญเสียก๊าซและฝ่ ุนจากการโคจร เข้าใกล้ดวงอาทิตย์ ส่วนสะเกด็ ดาว อื่นๆ กอ็ าจเป็นดาวเคราะหน์ ้อยท่ีมี ขนาดเลก็ มากๆ โดยขนาดเส้นผ่าน ศนู ยก์ ลางจะเลก็ กว่า 1 กิโลเมตร

ดาวตกหรอื ผพี ่งุ ใต้ (Meteor) ด า ว ต ก ห รื อ ผี พุ่ ง ใ ต้ เ กิ ด จ า ก สะเ ก็ด ด า ว ใ น อ ว ก า ศ ที่พ่งุ เข้าส่ชู นั้ บรรยากาศของโลก และเกิ ดความร้อนจากการ เ สี ย ด สี ร ะ ห ว่ า ง ผิ ว ส ะ เ ก็ด ด า ว กับอากาศ ปรากฏเป็ นดวงไฟ ส่องสว่างสวยงามบนฟากฟ้ า ให้ ม อ ง เ ห็น ไ ด้ ซึ่ ง โ ด ย ป ก ติ พวกมนั จะถูกเผาไหม้จนหมด ก่อนตกลงส่พู ืน้ ผิวโลก

อกุ กาบาต (Meteorite) เป็ นสะเก็ดดาวที่พุ่งเข้าสู่ ชนั้ บรรยากาศของโลก แต่เมื่อเกิด ความร้อนจากการเสียดสีระหว่าง ผิ วสะเ ก็ดดาว กับอาก าศแล้ ว ไ ม่ ส า ม า ร ถ เ ผ า ไ ห ม้ ส ะ เ ก็ ด ด า ว จนหมดได้ มนั จึงหลงเหลือชิ้นส่วน ท่ีตกลงบนพื้นผิวโลก ซึ่งเราเรียก ชิ้ นส่วนดังกล่าวที่ตกลงมาบน พืน้ ผิวโลกว่า อกุ กาบาต

เนบิวลาหรอื กล่มุ กา๊ ซ (Nebula) เนบิวลาเป็ นกลุ่มฝ่ ุนและก๊าซ เช่น ไฮโดรเจน ฮีเลียม ท่ีมีขนาดใหญ่ ในอวกาศ พวกมันเหมือนเป็ นจุด กาเนิ ดของดาวฤกษ์ เพราะดาวฤกษ์ ก็คือลูกบอลขนาดใหญ่ ที่ เกิ ดจากการ เผาไหม้ของก๊าซที่เกาะกลุ่มกนั เหล่านี้ เม่ือลูกบอลขนาดใหญ่ขึ้น กลุ่มก๊าซ ก็จะเร่ิมเรืองแสงออกมากลายเป็ น ดาวฤกษ์ท่ีสมบรู ณ์แบบ

หลมุ ดา (Black hole) ห ลุ ม ด า เ ป็ น วัต ถุข น า ด ใ ห ญ่ ที่อยู่ในห้วงอวกาศ สนั นิ ษฐานว่าหลุมดา อาจเกิดขึ้นหลงั จากท่ีดาวฤกษ์เกิดการ ระเบิด โดยมีลักษณะเป็ นลูกบอลก๊าซ ท่ีอดั แน่น และมีแรงดึงดดู มหาศาล มนั จะ ดึงดูดทุกส่ิ งทุกอย่างหายเข้าไปอย่าง ไร้ร่องรอยแม้แต่แสง จึงทาให้ไม่มีส่ิงใด เลยในบริเวณใกล้หลุมดา แต่เม่ือไม่นาน มานี้ มนุษย์มีโอกาสท่ีจะรู้จกั กับหลุมดา ม า ก ขึ้ น จ า ก ก า ร ต ร ว จ พ บ ค ล่ื น ค ว า ม โน้มถ่วง ที่เกิดจากการชนกนั ของหลมุ ดา ขนาดใหญ่ 2 หลมุ โดย LIGO

แหล่งข้อมลู https://www.trueplookpanya. com/knowledge/content/629 99/-blo-sciear-sci-

THTAHYNAOKNUYKOU ไปเร่ิมทา.. แบบทดสอบกนั เลย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook