ประเพณีทอ้ งถิ่นภาคใต้ ทิพาพร ศรีทองกุล 6401103001020 บาหลี เล็มเละ 6401103001022 หทัยรตั น์ พลายดว้ ง 6401103001032 วรี าภรณ์ โอฬาร์กจิ 6401103001214 ศริ พิ ร ดวงสวัสด์ิ 6401103001215 กลุ่มเรยี น 64005.151 รายงานนเ้ี ปน็ ส่วนหน่ึงของการศึกษาวชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่อื การศกึ ษาค้นคว้า ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎรธ์ านี
ประเพณีท้องถน่ิ ภาคใต้ ทิพาพร ศรที องกุล 6401103001020 บาหลี เล็มเละ 6401103001022 หทัยรตั น์ พลายดว้ ง 6401103001032 วรี าภรณ์ โอฬาร์กจิ 6401103001214 ศริ พิ ร ดวงสวัสดิ์ 6401103001215 กลุ่มเรยี น 64005.151 รายงานนเ้ี ปน็ ส่วนหน่ึงของการศึกษาวิชาเทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การศึกษาค้นคว้า ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 มหาวิทยาลัยราชภฏั สรุ าษฎรธ์ านี
ก คำนำ รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาสารสนเทศเพื่อการศึกษาค้นคว้า โดยมีจุดประสงค์ เพื่อ การศกึ ษาประเพณีท้องถ่นิ ภาคใต้ ซึ่งรายงานน้ีมีเน้อื หาเกีย่ วกับประเพณสี ารทเดอื นสบิ ประเพณีแห่ผ้าขึ้น ธาตุ ประเพณีชักพระ ประเพณีให้ทานไฟ ประเพณีการแข่งโพน และประเพณีแข่งว่าว ทางผู้จัดทำได้ทำ รายงาน โดยรวบเน้อื จากแหล่งสารสนเทศต่างๆ ผู้จัดทำจะต้องขอขอบคุณ นายสุพัฒน์ สีระพัดสะ ผู้ให้ความรู้ และแนวทางการศึกษา เพื่อน ๆ ทุกคนที่ให้ ความช่วยเหลือมาโดยตลอด ผู้จัดทำหวังว่ารายงานฉบับนี้จะให้ความรู้ และเป็นประโยชน์แก่ ผู้อา่ นทุก ๆ ท่าน คณะผ้จู ัดทำ 19 กันยายน 2564
ข สารบญั เรอื่ ง หนา้ คำนำ .............................................................................................................................................................................................................................. ก สารบัญ ..........................................................................................................................................................................................................................ข สารบญั ภาพ .............................................................................................................................................................................................................. ค สารบัญตาราง........................................................................................................................................................................................................... ง ประเพณีท้องถนิ่ ภาคใต้......................................................................................................................................................................................1 ประเพณสี ารทเดือนสิบ............................................................................................................................................................................1 ประเพณแี หผ่ ้าขึ้นธาตุ...............................................................................................................................................................................2 ประเพณชี ักพระ............................................................................................................................................................................................4 ประเพณใี ห้ทานไฟ......................................................................................................................................................................................5 ประเพณกี ารแข่งโพน ................................................................................................................................................................................7 ประเพณแี ข่งว่าว ..........................................................................................................................................................................................8 บรรณานุกรม......................................................................................................................................................................................................... 12
ค สารบัญภาพ ภาพท่ี หนา้ 1 ประเพณีสารทเดือนสบิ ............................................................................................................... 2 2 ประเพณแี ห่ผ้าขึน้ ธาตุ ................................................................................................................. 4 3 ประเพณีชักพระ.......................................................................................................................... 5 4 ประเพณีให้ทานไฟ...................................................................................................................... 7 5 ประเพณีการแขง่ โพน .................................................................................................................. 8 6 ประเพณีแข่งวา่ ว......................................................................................................................... 9
ง สารบัญตาราง ตารางท่ี ตารางเเสดงความเเตกตา่ งระหว่างความสำคัญ เเละระยะเวลา หนา้ 1 ของประเพณีท้องถ่ินภาคใต้……………………….…………………………………………….……... 10
ประเพณีทอ้ งถน่ิ ภาคใต้ ภาคใตเ้ ปน็ ดินแดนแหง่ ความหลากหลายทางประเพณีท่ีคนในสังคมยึดถอื ปฏิบัติสืบกันมา มีท้ัง ประสมกลมกลนื เปน็ อยา่ งเดียวกนั และมผี ิดแปลกกนั ไปบ้างตามความนิยมเฉพาะท้องถิ่น แตโ่ ดยมากย่อม มีจุดประสงค์ และวิธีการปฏบิ ัติเป็นอันหนึง่ อันเดียวกัน อีกทั้งประเพณที ้องถิ่นภาคใต้ที่มีความน่าสนใจไม่ น้อยไปกวา่ ภาคอนื่ ของไทย เพราะเปน็ เมืองท่เี ต็มไปด้วยเสนห่ ์มนต์ขลัง ชวนให้นา่ ขึ้นไปสมั ผัสความงดงาม เหล่านี้ยง่ิ นกั ประเพณีสารทเดือนสิบ ความเปน็ มา \"งานเทศกาลเดอื นสบิ ” จัดข้นึ คร้งั แรกเมื่อ พ.ศ. 2466 ที่สนามหน้าเมือง นครศรธี รรมราช โดย มีวัตถุประสงค์ เพื่อหาเงินสร้างสโมสรข้าราชการซึ่งชำรุดมากแล้ว โดยในช่วงนั้น พระภัทรนาวิก จำรูญ (เอื้อน ภัทรนาวิก) ซึ่งเป็นนายกศรีธรรมราชสโมสร และพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ ร่วมกนั จดั งานประจำปีขึ้น พรอ้ มท้งั มีการออกร้าน และมหรสพต่างๆ โดยมีระยะเวลาในการจดั งาน 3 วัน 3 คืน จนกระทั่ง ถึงปี พ.ศ. 2535 ทางจังหวัดไดย้ า้ ยสถานที่จัดงาน จากสนามหน้าเมือิ ง ไปยังสวนสมเด็จ พระศรีนครินทร์ 84 (ทุ่งท่าลาด) ซึ่งมีบริเวณกว้าง และได้มีการจัดตกแต่งสถานที่ ไว้อย่างสวยงาม (สำนกั งานวัฒนธรรมจงั หวัดนครศรีธรรมราช, 2562) ความสำคญั เปน็ ความเช่อื ของพุทธศาสนกิ ชนชาวนครศรธี รรมราช ท่เี ชื่อวา่ บรรพบรุ ษุ อนั ไดแ้ ก่ ปู่ยา่ ตายาย และญาติพีน่ ้องทีล่ ว่ งลบั ไปแล้ว หากทำความช่ัวจะตกนรกกลายเป็นเปรต ตอ้ งทนทุกขท์ รมานในอเวจี ต้อง อาศยั ผลบุญที่ลูกหลานอุทิศส่วนกุศลให้แต่ละปีมายังชีพ ดงั น้ันในวนั แรม 1 ค่ำเดอื น 10 คนบาปทั้งหลาย ที่เรียกว่าเปรตจึงถูกปล่อยตัวกลับมายังโลกมนุษย์เพื่อมาขอส่วนบุญจากลูกหลานญาติพี่น้อง และจะ กลับไปนรกในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 ในโอกาสนี้เองลูกหลานและผู้ยังมีชีวิตอยู่จึงนำอาหารไปทำบุญที่ วดั เพื่ออุทิศสว่ นกศุ ลให้แกผ่ ทู้ ีล่ ว่ งลบั ไปแลว้ เป็นการแสดงความกตญั ญูกตเวที พธิ ีกรรม 1. การจัดหฺมฺรับ เริ่มในวันแรม 13 ค่ำ ชาวบ้านจะเตรียมบรรจุและประดับด้วยสิ่งของ อาหาร ขนมเดอื นสบิ ลงในภาชนะที่เตรียมไว้ เช่น ถาด กาละมงั เข่ง กระเชอ เป็นต้น ช้นั ล่างสุดบรรจุอาหารแห้ง
2 ช้ันสองเปน็ พืชผกั ท่ีเก็บไวน้ าน ชั้นสามเป็นของใช้ในชีวิตประจำวนั ข้ันบนสดุ ประดบั ขนมสัญลักษณ์เดือน สบิ ได้แก่ ขนมพอง ขนมลา ขนมบา้ ขนมดีซำ เป็นต้น 2. การยกหฺมฺรับ ในวันแรม 14 หรือ 15 ค่ำ ชาวบ้านจะยกหฺมฺรับที่จัดเตรียมไว้ไปวัด และนำ ภัตตาหารไปถวายพระด้วย โดยเลอื กไปวดั ท่อี ยใู่ กล้บ้านหรือวัดทบี่ รรพบรุ ุษของตนนยิ มไป 3. การฉลองหฺมฺรับและบังสุกุล เมื่อนำหมฺรับไปวัดแล้ว จะมีการฉลองหฺมฺรับ และทำบุญเลี้ยง พระเสรจ็ แล้วจงึ มกี ารบงั สุกุล การทำบุญวนั น้เี ป็นการสง่ บรรพบรุ ษุ และญาติพีน่ อ้ งให้กลบั ไปยังเมืองนรก 4. การตั้งเปรต เสร็จจากการฉลองหมฺรับและถวายภัตตาหารแล้ว ชาวบ้านจะนำขนมอีกส่วน หนึ่งไปวางไวต้ ามบรเิ วณลานวดั ข้างกำแพงวัด โคนไมใ้ หญ่ เรยี กว่า ตั้งเปรต เพื่อแผ่สว่ นกุศลเปน็ ทานแก่ผู้ ลว่ งลบั ทไ่ี มม่ ีญาติ หรือญาติไม่มาร่วมทำบญุ ให้ ระยะเวลา วนั แรม 1 ค่ำถงึ แรม 15 คำ่ เดือน 10 แต่วันทนี่ ยิ มทำบญุ คอื วันแรม 13-15 ค่ำ ภาพท่ี 1 ประเพณีสารทเดอื นสิบ ท่ีมา : https://yeehwakanjana.files.wordpress.com/ ประเพณีแหผ่ า้ ขนึ้ ธาตุ ความเปน็ มา ในสมัยที่พระเจ้าศรีธรรมโศกราชเป็นกษัตริย์ครองตามพรลิงค์ (นครศรีธรรมราช) อยู่นั้น ได้มี การบูรณะปฏิสังขรณ์พระบรมธาตุเจดีย์ครั้งใหญ่และแล้วเสร็จในปี พ.ศ.1773 ขณะที่เตรียมสมโภชพระ บรมธาตุอยู่นั้น ชาวปากพนังมากราบทูลว่า คลื่นได้ซัดเอาผ้าแถบยาวผืนหนึ่งซึ่งมีภาพเขียนเรื่องพุทธ ประวัติมาขึ้นที่ชายหาดปากพนัง ชาวปากพนังเก็บผ้านั้นถวายพระเจ้าศรีธรรมโศกราช พระองค์รับสั่งให้
3 ซักผ้านั้นจนสะอาดเห็นภาพวาดพุทธประวัติ เรียกว่า ผ้าพระบฏ จึงรับสั่งให้ประกาศหาเจ้าของ ได้ความ วา่ ชาวพุทธจากหงสากลุ่มหน่ึง จะนำผ้าพระบฏไปบูชาพระพุทธบาทที่ลงั กา แตถ่ ูกพายพุ ัดพามาขึ้นชายฝ่ัง ปากพนัง เหลอื ผู้รอดชีวติ สบิ คนพระเจ้าศรธี รรมโศกราชทรงมีความเห็นว่าควรนำผา้ พระบฏไปห่มพระบรม ธาตุเจดีย์ เนื่องในโอกาสสมโภชพระบรมธาตุ แม้จะไม่ใช่พระพุทธบาทตามที่ตั้งใจ แต่ก็เป็นพระบรม สารีริกธาตุซึ่งเจ้าของผ้าพระบฏก็ยินดี การแห่ผ้าขึ้นธาตุจึงมีขึ้นตั้งแต่ปีนั้นและดำเนินการสืบต่อมา จน กลายเปน็ ประเพณสี ำคญั ของชาวนครศรธี รรมราชในปัจจบุ นั ความสำคัญ พุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช เชื่อว่า การทำบุญและการกราบไหว้บูชาที่ให้ได้ กุศลจริงจะตอ้ งปฏิบัติต่อพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า และใกล้ชิดกบั พระพุทธเจา้ ให้มากท่สี ุด เม่ือพระองค์ เสด็จปรนิ พิ พานแลว้ กย็ ังมสี ัญลักษณข์ องพระพุทธเจ้าอยู่ ได้แก่ พระธาตเุ จดีย์ พระพทุ ธรูป การกราบไหว้ บชู าส่งิ เหล่าน้ี เท่ากบั เป็นการกราบไหวบ้ ชู าต่อพระพกั ตรพ์ ระพทุ ธองค์เชน่ เดียวกนั การที่ชาวนครศรีธรรมราชนำผ้าไปบูชาพระบรมธาตุเจดีย์ ด้วยการโอบรอบองค์พระ-บรมธาตุ เจดยี ์ ถือวา่ พระบรมธาตุเจดยี ์เปน็ เสมอื นพระพทุ ธเจา้ เปน็ การบชู าทีส่ นิทแนบกับพระพทุ ธองค์ พิธีกรรม 1. การเตรียมผ้าห่มพระบรมธาตุเจดีย์ ผ้าที่นำขึ้นห่มพระธาตุมักจะนิยมใช้สีขาว เหลือง และ แดง ผา้ หม่ พระธาตุผนื พิเศษ จะเขยี นภาพพุทธประวัติทง้ั ผนื ยาว โดยชา่ งผ้ชู ำนาญเขียนภาพ ในการทำผ้า พระบฏขึ้นเพื่อเป็นพุทธบูชาองค์พระบรมธาตุเจดีย์ แต่ในปัจจุบันผ้าห่มพระธาตุส่วนใหญ่เป็นผ้าผืนยาว เรียบ ๆ ธรรมดา 2. การจัดขบวนแห่ผ้าขึ้นธาตุและการถวายผ้า ขบวนแหผ่ ้าขน้ึ ธาตุมาจากหลายทิศหลายทาง มี คณะกลองยาวเป็นดนตรีนำขบวน ทุกคนทูนชูผ้าพระบฏไว้เหนือศีรษะ เมื่อขบวนแห่ผ้าขึ้นธาตุถึงวัดพระ มหาธาตุวรมหาวหิ ารแล้ว จะทำพิธีถวายผ้าพระบฏ โดยมหี วั หนา้ คณะกลา่ วนำผ้รู ว่ มขบวน 3. การนำผ้าขึ้นห่มพระธาตุ หลังจากทุกคนกล่าวคำถวายผ้าพระบฏเรียบร้อยแล้วจะแห่ ทักษิณาวัตรรอบองค์พระบรมธาตุเจดีย์ 3 รอบ แล้วนำผ้าเข้าสู่วิหารพระทรงม้า (พระวิหาร มหาภิเนษกรมณ)์
4 ระยะเวลา การแหผ่ า้ ข้ึนธาตุมปี ีละ 2 ครั้ง คือ ในวนั มาฆบชู า ขนึ้ 15 ค่ำเดอื น 3 และวนั วสิ าขบูชา ข้นึ 15 ค่ำ เดอื น 6 ภาพท่ี 2 ประเพณีแห่ผา้ ขน้ึ ธาตุ ท่มี า : https://www.silpa-mag.com/history/article_27637 ประเพณชี ักพระ ความเปน็ มา เป็นการจำลองเหตุการณ์เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปจำพรรษาณสวรรค์ชั้นดาวดึงห์เพื่อ แสดงธรรมโปรดพุทธมารดาในช่วงเข้าพรรษาเมื่อเสด็จกลับมายังโลกมนุษย์ชาวบ้านจึงแห่แหนกันไปเฝ้า รบั เสด็จ (ธนสนั ต์ ปานแก้ว และ รงค์ บญุ สวยขวญั , 2562, น. 1-12 ) ความสำคัญ ภายในงานจะมีพิธีกรรมทางศาสนา การละเล่นและมหรสพต่างๆ ขบวนเรือพระจะ ประกอบด้วยเรือพระจากหมู่บ้านต่างๆมีการประกวดขบวนเรือพระ ประกวดเทพีชักพระประกวดขับร้อง เพลงชกั พระที่ถือไดว้ า่ เป็นศาสตรแ์ ละศิลป์ท่ีสืบทอดกันมาโดยในคำร้องในเพลงชักพระน้ันได้ส่ือถึงวิถีชีวิต ของคนภาคใต้ นอกจากนย้ี งั มกี ารแข่งขนั กีฬาพนื้ บ้านทห่ี าชมไดย้ าก
5 พธิ ีกรรม ในประเพณีชักพระพุทธศาสนิกชนจะพร้อมใจกันอญั เชิญพระพุทธรปู ขึน้ ประดิษฐานบนบษุ บก ที่วางอยู่เหนือเรือรถหรือล้อเลื่อนแล้วทำการชักเรือพนมพระออกจากวัดเพื่อไปสมโภชน์ยังสถานที่ที่นัด หมายในระหว่างการชักเรอื พนมพระจะมีการตโี พนไปตลอดทางเพ่ือประกาศให้รู้วา่ มีการชักพระแลว้ ระยะเวลา วันแรม1 คำ่ เดือน 11 ภาพท่ี 3 ประเพณีชกั พระ ทม่ี า : https://siamrath.co.th/n/3880 ประเพณีให้ทานไฟ ความเปน็ มา ประวัติความเป็นมาของประเพณีใหท้ านไฟ กล่าวถึงในขุนทกนิกายชาดก เรื่อง ความตระหนี่ถ่ี เหนียวของโกลิยะเศรษฐี ที่อยากกินขนมเบื้อง แต่เสียดายเงินไม่ยอมซื้อและไม่อยากให้ลูกเมียได้กินด้วย ภรรยาจึงทำขนมเบื้องทีบ่ ้านชั้นเจ็ดให้เศรษฐีได้รบั ประทานโดยไม่ให้ผูใ้ ดเห็น ขณะที่สองสามีภรรยากำลัง ปรงุ ขนมเบ้ือง พระพุทธเจ้าประทบั อยทู่ ่ีเชตวันมหาวิหาร ทรงทราบด้วยญาณ จงึ โปรดใหพ้ ระโมคคัลลานะ ไปแก้นิสัยของโกลิยะเศรษฐี พระโมคคัลลานะตรงไปบนตึกชัน้ เจ็ดของคฤหาสน์เศรษฐี เศรษฐีเข้าใจว่าจะ มาขอขนม จึงแสดงอาการรงั เกยี จและออกวาจาขับไล่ แต่พระโมคคัลลานะพยายามทรมานเศรษฐีอยู่นาน จนยอมละนิสัยตระหนี่ พระโมคคัลลานะได้แสดงธรรมเรื่องประโยชน์ของการให้ จนโกลิยะเศรษฐีและ ภรรยาเกิดความเลื่อมใส ได้นิมนต์มารับถวายอาหารที่บ้านตน พระโมคคัลลานะแจ้งให้นำไปถวาย
6 พระพุทธเจา้ และพระสาวก 500 รูป ณ เชตวนั มหาวิหาร โกลยิ ะเศรษฐีและภรรยาได้นำเข้าของเคร่ืองปรุง ไปทำขนมเบื้องถวายพระพุทธเจ้าและพระสาวก แต่ปรุงเท่าไหร่แป้งที่เตรียมมาเพียงเล็กน้อยก็ไม่หมด พระพุทธเจ้าจึงโปรดเทศนาสั่งสอน ทั้งสองคนเกิดความปีติอิ่มเอิบในการบริจาคทาน เห็นแจ้งบรรลุธรรม ชนั้ โสดาบัน (กรุงเทพธรุ กจิ , 2560) ความสำคัญ 1. เป็นโอกาสหนึ่งที่ได้นัดหมายพร้อมกันในตอนเช้ามืด เพื่อร่วมทำบุญเลี้ยงพระรวมทั้งร่วม รับประทานอาหารกนั เป็นท่สี นกุ สนาน ซง่ึ เป็นการสร้างสามคั คใี นหม่คู ณะไดด้ ยี ่งิ 2. ทำให้มีสุขภาพดีมีพลานามัยแข็งแรง เพราะการตื่นนอนตอนเช้าตรู่ได้รบั อากาศบริสุทธิ์ ทำ ให้มีความสดชืน่ เบิกบาน 3. เมื่อได้ปฏิบัติตามประเพณีแล้วย่อมทำให้เกิดความสุขใจเบิกบานใจในผลบุญที่ตนได้กระทำ อีกทง้ั ยังไดเ้ ป็นแบบอยา่ งแกล่ ูกหลานของตนด้วย พิธกี รรม 1. การก่อกองไฟ ชาวบ้านจะเตรียมไม้ฟืน ถ่าน หรือเตาไฟ สำหรับก่อให้เกิดความร้อนและ ความอบอนุ่ แก่พระสงฆ์ 2. การทำขนมถวายพระ ส่วนใหญ่จะนิยมขนมที่สามารถปรุงเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว ขนม ส่วนมากจะปรุงโดยใช้ไฟแรงและเป็นขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมเบื้อง ขนมครก ขนมครกข้าวเหนียว ข้าว เกรียบปากหม้อ ขนมโค ขนมพิมพ์ ขนมจาก ขนมจู่จุน ข้าวเหนียวกวนทอด ในปัจจุบันมีขนมและอาหาร เพิ่มขึ้นอีกมากมาย เช่น น้ำชา กาแฟ หมี่ผัด ข้าวต้ม ข้าวเหนียวหลาม ขนมปังปิ้ง ขณะที่ทำขนมกันไป พระสงฆ์ก็ฉันไปพร้อม ๆ กัน จะหยุดปรุงขนมก็ต่อเมือ่ เครื่องปรุงทีเ่ ตรียมมาหมด เมื่อพระสงฆ์ฉันอิ่มแลว้ ชาวบ้านจึงร่วมกันรับประทานกันอย่างสนุกสนาน หลังจากพระสงฆ์ฉันเสร็จแล้ว ก็สวดให้ศีลให้พรแก่ผู้ ทีม่ าทำบุญเป็นอันเสรจ็ พธิ ี ระยะเวลา การให้ทานไฟไม่มกี ำหนดระยะเวลาทแ่ี น่นอนตายตัวแลว้ แตค่ วามสะดวกในการนัดหมาย แต่ ส่วนใหญจ่ ะปฏิบัติในชว่ งเดอื นยี่ ซึ่งเปน็ ชว่ งทีม่ ีอากาศหนาวเยน็ ที่สุด ชาวบา้ นจะนัดหมายไปพร้อมกนั ใน เวลาย่ำรุ่งหรือตอนเช้ามืด ซ่งึ จะเปน็ วันไหนก็ได้ (นครศรธี รรมราช, 2560)
7 ภาพที่ 4 ประเพณีให้ทานไฟ ทมี่ า : https://thassanee0623548780.wordpress.com/ ประเพณกี ารแขง่ โพน ความเปน็ มา เมืองพัทลุงในอดีต เวลาพระฉันภัตตาหารเพล คือในเวลา 07.00 น. และ 11.00 น. เวลาจะ บอกเหตุร้ายแก่ชาวบ้านหรือเวลาใดที่ไม่สามารถเห็นดวงอาทิตย์เป็นเวลานาน บอกสัญญาณนัดแนะ ประชุมหรือรวมกลุ่ม เตือนการเตรียมงานของกลุ่ม เช่น ลากพระ รับกฐิน บอกเหตุร้ายหรือขอความ ช่วยเหลือ ชาวบ้านจะอาศัย “เสียงโพน” จากวัด หรือ จากหมู่บ้านเป็นสัญญาณที่รู้กันแบบสัญญา ประชาคม หรือในยามเดือน 10 ย่างเข้าเดือน 11 หรือ ก่อนออกพรรษา ราว 10 – 20 วัน ตั้งแต่พลบค่ำ ยันเที่ยงคืน เสียงโพนตามวัดต่าง ๆ ก็จะดังกระหึ่มก้องไปทั่วแทบทุกหมู่บ้านซึ่งเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่า “ใกลถ้ ึงวนั ลากพระ” และความสนุกสนานของชาวบ้านในวันลากพระ จะลากชา้ ลากเรว็ หรือจะระทึกใจ เพยี งใด ก็ข้ึนอยกู่ ับ “จงั หวะเสียงโพน” ความสำคญั การแข่งขันโพน นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวพันกับพิธีการทางศาสนาบางประการ แล้ว กิจกรรมการละเล่นชนดิ นี้ยังชว่ ยให้มองเหน็ การแสวงหาความสุข ความบันเทิงใจ อีกทั้งยังเป็นสือ่ ใน การประสานความสัมพันธ์ทางสังคม ทำให้ชาวบ้านมีโอกาสพบปะสัมพันธ์กัน เป็นกิจกรรมการละเล่นท่ี สำคัญนำมาส่กู ารสรา้ งสรรค์ ความสามัคคใี นชุมชน จึงควรอนุรักษ์ให้ การละเล่นชนดิ นค้ี งอยตู่ ลอดไป
8 พธิ กี รรม การแข่งโพนแบง่ ได้เปน็ 2 อย่าง คอื 1. แข่งมือ ตัดสินให้ผู้ตีที่มีกำลังมือดีกว่าเป็นฝ่ายชนะ โดยให้ตีจนผู้ใดอ่อนล้าก่อนเป็นฝ่ายแพ้ ปจั จบุ นั ไม่นยิ มเพราะทำให้เสยี เวลามาก 2. แข่งเสียง ตัดสินให้โพนที่มีเสียงดังกว่าเป็นฝ่ายชนะ การแข่งขันจะเป็นแบบพบกันหมดหรือ แพ้คัดออกก็ได้ จับสลากแข่งขันเป็นคู่ ๆ โดยอยู่ห่างจากสถานที่ตีไม่น้อยกว่า 150 เมตร ณ สถานที่ตี ขณะท่โี พนกำลงั ตแี ขง่ ขันอยนู่ น้ั กรรมการฟังเสยี งทงั้ หมดจะตง้ั ใจฟังเสยี งโพนแลว้ ตัดสนิ ให้โพนที่มีเสียงดัง กว่าเป็นฝา่ ยชนะ โดยถือเอาเสยี งข้างมากของกรรมการเปน็ เกณฑใ์ นการตัดสนิ ระยะเวลา ปลายเดอื นสิบ ก่อนประเพณีชกั พระ ภาพท่ี 5 ประเพณกี ารแขง่ โพน ท่ีมา : http://www.prapayneethai.com/การแข่งโพน ประเพณีแขง่ ว่าว ความเปน็ มา (พนิดา ยงพฤกษา, 2559) การแข่งขันว่าวประเพณจี งั หวดั สตลู เริม่ มีวันท่ี 19 กุมภาพนั ธ์ 2519 โดยคณะคร-ู อาจายกโรงเรยี นสตูลวิทยา และชาวบา้ นตำบลคลองขดุ อำเภอเมือง จงั หวดั สตูล รเิ รมิ่ จัดการ แข่งขัน เนื่องจากช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ลงมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ เหมาะแก่การเล่นว่าว ซึ่งเป็น การละเล่นพื้นเมืองที่ลงทุนน้อย เล่นง่าย เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่ประดิษฐ์ว่าวประเภทต่างๆ ขึ้นมา ประกอบคนชาวไทยเป็นนักประดิษฐ์ ช่างคิด ช่างทำ เห็นควายอยู่ในนาที่กำลังเก็บเกี่ยวจึงได้จำลอง หน้าตาของควายลงในตัวว่าว ขณะที่ว่าวลอยกลางอากาศส่วนหางจะอยู่บน ส่วนหัว เขา จมูก หู อยู่
9 ส่วนล่าง ว่าวมีเสียงดัง อยู่ไม่นิ่ง ส่ายไปมาเหมือนนิสัยบ้าบิ่นของควาย ชาวบ้านจึงเรียกว่าวควาย (สำนัก คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, 2553, น. 2-4) ความสำคัญ 1. เปน็ การตอบแทนบญุ คุณของควายที่ช่วยเหลือชาวนา ทำนา จึงเทอดทูนผ้มู ีพระคุณ 2. เป็นการอนรุ ักษ์ชา่ งฝีมือในการทำวา่ ว ซ่ึงนบั วนั จะหายากยิง่ ขึน้ 3. เสรมิ สรา้ งความสมั พนั ธ์ไมตรีทีด่ ตี ่อกันระหว่างรฐั ต่าง ๆ ของประเทศมาเลเซียท่มี ีชายแดน ติดต่อกับจงั หวดั สตูล 4. เป็นศูนย์รวมของวา่ วภาคใต้ 5. เปน็ การใชเ้ วลาวา่ งให้เกดิ ประโยชน์ ปลกู ฝงั ให้เยาวชนใหต้ ระหนักถึงภูมิปญั ญาไทย มรดก อนั ล้ำค่าทางวัฒนธรรม พิธกี รรม ว่าวจุฬา - ปักเป้า เป็นว่าวที่พระราชาทรงโปรด จัดให้มีการแข่งขันท้องสนามหลวง ว่าวจุฬา แต่ละตัวที่จัดทำขึ้นต้องมีพิธีกรรมหลายอย่าง เช่น การค้นหาไม้ไผ่ที่แก่จัด อยู่กลางกอไผ่ มีอายุที่กำหนด ไว้ เมื่อตัดไม้ไผ่แล้วต้องไปแช่น้ำระยะหนึ่ง จึงจะมาตกแต่ง มีการรมควันเพื่อให้ไม้ไผ่ทนทาน ไม่มีมอด แมลงมาชอนไช การตกแต่งโครงวา่ ว การผกู เชือก การตดิ กระดาษ ลว้ นแตใ่ ชภ้ ูมปิ ัญญาไทย บางครั้งต้องมี การเซน่ ไหว้ เพอื่ ให้มีชัยชนะ ระยะเวลา ต้นสัปดาห์แรกเดือนกุมภาพนั ธ์ ของทกุ ปี ภาพท่ี 6 ประเพณีแขง่ ว่าว ทม่ี า : sites.google
10 ตารางที่ 1 เเสดงความเเตกต่างระหว่างความสำคัญ เเละระยะเวลาของประเพณที ้องถ่ินภาคใต้ ประเพณี ความสำคญั ระยะเวลา ประเพณสี ารทเดือนสิบ อทุ ศิ สว่ นกุศลใหแ้ ก่ผู้ทล่ี ว่ งลับไป วนั แรม 1 ค่ำถงึ แรม 15 คำ่ ประเพณแี หผ่ ้าข้นึ ธาตุ แล้ว เป็นการแสดงความกตัญญู เดอื น 10 ประเพณชี กั พระ กตเวที การทำบญุ และการกราบไหว้ วนั มาฆบูชา ขน้ึ 15 คำ่ เดือน 3 ประเพณใี ห้ทานไฟ บูชาที่ใหไ้ ด้กุศลจริงจะต้อง และวันวสิ าขบชู า ขน้ึ 15 คำ่ ประเพณีการแข่งโพน ปฏบิ ัตติ ่อพระพักตรข์ อง เดือน 6 ประเพณีแข่งวา่ ว พระพุทธเจา้ วันแรม1 ค่ำเดือน 11 พทุ ธศาสนิกชนมารอรับเสดจ็ พระพทุ ธเจา้ ทเี่ สดจ็ ไปจำพรรษา ไมม่ ีกำหนดระยะเวลาทแี่ นน่ อน แล้วแตค่ วามสะดวกในการนัด ณ สวรรคช์ ้ันดาวดงึ ส์แลว้ หมาย แต่ส่วนใหญจ่ ะปฏบิ ตั ิ อัญเชญิ พระพุทธ เจา้ ขนึ้ ประทบั บน บุษบกแลว้ แหไ่ ปรอบเมือง ในชว่ งเดอื นย่ี ร่วมทำบุญเลยี้ งพระรวมทัง้ ร่วม ปลายเดือนสิบ รบั ประทานอาหารกนั ซ่ึงเป็น กอ่ นประเพณีชักพระ การสรา้ งสามัคคใี นหมู่คณะ ตน้ สปั ดาหแ์ รกเดือนกุมภาพันธ์ เปน็ สื่อในการประสาน ความสัมพนั ธท์ างสงั คม ทำให้ ชาวบา้ นมโี อกาสพบปะสมั พนั ธ์ กนั เปน็ การตอบแทนบุญคุณของ ควาย และเสรมิ สรา้ ง ความสมั พนั ธไ์ มตรีที่ดีต่อกัน ระหวา่ งรฐั
บรรณานกุ รม
12 บรรณานกุ รม กรุงเทพธุรกิจ. (2560). งานบุญทานไฟ. สืบค้นจาก https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/740144 จรูญ หยทู อง. (2556). เทศกาล งานประเพณี ทอ้ งถิน่ ภาคใต้ (พิมพ์คร้ังท่ี 1). สงขลา : สถาบนั สืบค้นจาก http://opac.sru.ac.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00014968 ธนสนั ต์ ปานแกว้ , รงค์ บุญสวยขวญั . (2562). ประเพณชี ักพระทางทะเล อำเภอเกาะพะงนั จงั หวดั สรุ าษฎร์ธานี. วารสารสหวิทยาการวิจัย, 4(3), 1-12. นครศรีธรรมราช. (2560). ประเพณีใหท้ านไฟ. สบื คน้ จาก http://www2.nstru.ac.th/portal/data_resource/RESOURCE/504/ พนดิ า ยงพฤกษา. 2559. ประเพณแี ข่งวา่ ว. สืบค้นจาก https://sites.google.com/site/ppuipanida/prapheni-khaeng-waw มณรี ัตน์ กำลงั เกื้อ และ วรรณนะ หนูหม่ืน. (2560, กรกฎาคม-กนั ยายน). บุญสารทเดือนสิบกับการปรับเปลีย่ นเป็นประเพณปี ระดษิ ฐ.์ วารสารวจิ ัยและพัฒนามหาวิทยาลัย ราชภัฏเลย, 12(41), 34-46. ศุภวัฒน์ สาวด.ี (2557). ประเพณภี าคใต.้ สบื ค้นจาก https://sites.google.com/site/wathnthrrmphakhti/prapheni-phakh-ti สมเกยี รติ ตันสกุล. (2533). ประเพณที ้องถิน่ ภาคใต.้ สุราษฎร์ธานี : ศูนย์ศิลปวฒั นธรรม วิทยาลัยครูสุราษฎร์ธานี สบื ค้นจาก http://opac.sru.ac.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00002489 สมปราชญ์ อมั มะพนั ธ์ุ. (2548). ประเพณีท้องถิ่นภาคใต้ (พมิ พ์ครัง้ ท่ี 2). กรงุ เทพฯ : โอเดยี นสโตร์ สบื ค้นจาก http://opac.sru.ac.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00009008 176 สำนักคณะกรรมการวฒั นธรรมแหง่ ชาติ. (2553, กนั ยายน). วฒั นธรรมไทย. วารสารวัฒนธรรมไทย, 49(6), 2-4. สบื คน้ จาก http://magazine.culture.go.th/images/stories/ebook/magazine/ebookf53/June53/fi les/assets/basic-html/page1.html สำนักงานวฒั นธรรมจังหวดั นครศรีธรรมราช. (2562). ประเพณีบญุ สารทเดอื นสิบ. สบื ค้นจาก : https://www.mculture.go.th/nakhonsrithammarat/
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก ภาพประกอบ
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: