Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore DaivelaChumrajit

DaivelaChumrajit

Description: DaivelaChumrajit

Search

Read the Text Version

คำอทุ ศิ ผลบญุ ใด ๆ อนั เกดิ จากหนงั สอื เลม่ น้ี ผเู้ ขียนขออุทิศกศุ ลให ้ มารดา บดิ า ครบู าอาจารย์ ผู้มีพระคุณ พน่ี อ้ ง ผองเพ่ือน ภรรยา ญาติมิตร ผูม้ ีจติ ศรทั ธา ร่วมพิมพ์หนังสอื เผยแพรเ่ ป็นธรรมทาน ผมู้ สี ่วนเกี่ยวข้องในการจัดทำทกุ ทา่ น ผปู้ ระพนั ธ์แหล่งอา้ งอิงตา่ ง ๆ เทพเทวดา เจ้ากรรมนายเวร และสรรพสตั วท์ งั้ หลาย ที่เปน็ เพ่อื นรว่ มเกิดแก่เจบ็ ตายดว้ ยกันทงั้ หมดทัง้ สนิ้

สูตบิ ตั ร ชื่อ : ไดเ้ วลา ชำระจิตชำรดุ ผเู้ ขยี น : ปันยา ภาพปก ภาพประกอบ : จตุโชติ ลิมปโชต ิ ออกแบบปก : บญุ รักษ์ นริ ุกษ์ติศาสตร์ ( ) จัดรูปเลม่ : วชั รพล วงษ์อนสุ าสน ์ อรวรรณ เงินโสภา พสิ จู น์อักษร : เรือนงาม ชินไพศาล พิมพค์ ร้งั ท่ี 1 : มถิ นุ ายน 2552 จำนวน : 20,000 เล่ม ราคา : ไม่มี (เผยแพร่เป็นธรรมทาน) ISBN : 978-974-300-131-4 พมิ พ์ท่ี : บรษิ ทั ขมุ ทองอุตสาหกรรมและการพิมพ์ จำกัด 59/84 หมู่ 19 ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรงุ เทพมหานคร 10170 โทรศพั ท์ 0-2885-7871-3, โทรสาร 0-2885-7874 Dhammaintrend รว่ มเผยแพรแ่ ละแบง่ ปันเป็ นธรรมทาน

ผู้เขียนขอขอบพระคุณ พระธรรมวิสุทธิกวี (พิจิตร ฐิตวณฺโณ) และ พระอาจารยช์ ยสาโร ภกิ ขุ เปน็ อยา่ งยง่ิ ทไ่ี ดใ้ หค้ วามเมตตาอบรมสงั่ สอนทางดา้ น พุทธศาสนา โดยเฉพาะเรอ่ื งการปฏบิ ตั กิ รรมฐาน และขอบพระคณุ คณุ ประสทิ ธส์ิ ขุ - คณุ สมฤดี วฑั ฒนาธร ทไ่ี ดช้ กั ชวน ใหเ้ ข้ารว่ มการฝกึ อบรมกรรมฐานรุ่นที่ 22 ณ วดั โสมนัสวิหาร เม่ือเดอื นตุลาคม 2538 ซึ่งนับเป็นจดุ เรม่ิ ตน้ ทที่ ำให้ผ้เู ขยี นสนใจศึกษาและปฏิบัติธรรม มาจนถึง ทุกวันน ี้ ขออานุภาพคุณพระศรีรัตนตรัย และอำนาจแห่งบุญน้ี เป็นพลวปัจจัย หนุนนำให้ทุกท่าน เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ โภคะ พละ สมหวังในสิ่งท่ี ปรารถนา ทุกประการเทอญ

สารบญั 5 คำนยิ ม 7 พระไพศาล วสิ าโล 8 พระกฤช นิมมฺ โล 9 อาจารย์วศิน อนิ ทสระ 11 ผศ.นายแพทย์พรเลิศ ฉัตรแก้ว 12 คุณดนัย จนั ทรเ์ จา้ ฉาย 16 คณุ อริยาภรณ์ สิทธิธรรมพิชยั 21 คำนำ 31 บทท่ี 1 สขุ จา๋ อยหู่ นใด ? 39 เกร็ดเลก็ นอ้ ยเกย่ี วกับมะเร็ง 47 บทที่ 2 ทสี่ ดุ ในโลก 57 บทท่ี 3 รกั แกหรือรังแก ? 65 บทที่ 4 ยิง่ ยดึ ย่ิงทุกข ์ 75 บทที่ 5 สตกิ บั สตางค ์ 89 บทท่ี 6 บงั เอิญ...ซะเม่ือไหร่ ! 99 บทท่ี 7 หนา้ ที่ มีไวใ้ ห้ทำ 107 บทที่ 8 จ้างวานฆา่ 117 บทท่ี 9 นกั ลงทนุ ข้ามชาติ 126 บทที่ 10 โลกกบั ธรรม ดำกบั ขาว 128 ของแถม แหล่งอ้างองิ

คำนยิ ม ธรรมะน้ันมีอยู่ทุกหนแห่ง หากมองให้เป็นก็จะพบว่าสรรพส่ิงรอบตัว (และในตัวรวมท้ังกลางใจ) ล้วนแสดงสจั ธรรมใหเ้ ราเห็นตลอดเวลา ขณะเดยี วกม็ ี คติธรรมสอนใจเราได้ทุกเมื่อ เป็นเพราะเราหมกมุ่นอยู่กับความคิด พลัดหลง ไปอดตี หรือไม่กอ็ นาคต ใจจงึ ไมส่ ามารถเหน็ ธรรมทเี่ ผยแสดงในปจั จุบันขณะได้ ธรรมะนน้ั มใิ ชส่ ง่ิ ลกึ ลบั ซบั ซอ้ น เราจงึ สามารถพบเหน็ ไดใ้ นชวี ติ ประจำวนั สำหรับผ้ทู ่สี งสัยข้อความดังกล่าว (รวมทง้ั ย่อหน้าข้างบน) หนังสอื เลม่ น้สี ามารถ ให้คำตอบได้ ดังเห็นได้ว่าธรรมะท่ีผู้เขียนได้นำมาถ่ายทอดทุกบทน้ัน ล้วนแล้ว แตส่ กดั มาจากชวี ติ ประจำวนั หรอื จากประสบการณท์ ผ่ี คู้ นพบพานอยเู่ ปน็ ประจำ เร่ืองราวเหล่านี้เพียงแต่เปล่ียนมุมมองก็เห็นคติธรรมและสัจธรรมที่สอนใจเรา ได้มาก หากมองให้เป็น ไม่เพียงเห็นธรรมเท่าน้ัน หากยังเห็นสุขได้ด้วย เพราะ ความสุขมีอยู่รอบตัว (และอยู่กับตัวเรา) อยู่แล้ว เพียงแค่หันมาเห็นคุณค่าของ สิ่งท่ีเรามีอยู่ ใช่หรือไม่ว่าเรามักเป็นทุกข์เพราะจดจ่อกับสิ่งที่ยังไม่มีหรือส่ิงท่ี สูญหายไปแล้ว จึงมักละเลยส่ิงท่ีมีอยู่ แต่จะมาเห็นคุณค่าของสิ่งน้ันก็ต่อเมื่อ สญู เสยี ส่ิงน้นั ไปแลว้ 5

ผู้เขียนตระหนักถึงความจริงดังกล่าว มิใช่จากการอ่านตำรับตำรา แต่ จากการทไ่ี ด้ประสบกบั ความเจบ็ ป่วย มะเร็งนั้นใคร ๆ กม็ องวา่ เปน็ เคราะห์ แต่ ผเู้ ขยี นกลบั เหน็ ธรรมจากโรคน้ี ดงั เธอไดพ้ บดว้ ยตวั เองวา่ เพยี งแคไ่ ดส้ ดู ลมหายใจ เต็มปอดก็นับวา่ เป็น “ความสขุ ที่ยอดเย่ยี มของชวี ิตแล้ว” ขออนโุ มทนา “ปนั ยา” ผเู้ ขยี นหนงั สอื เลม่ นี้ ทนี่ ำธรรมะจากประสบการณ์ ชีวิต มาถ่ายทอดให้ผู้คนสัมผัสได้ เชื่อแน่ว่าสัจธรรมและคติธรรมท่ีได้รับจาก หนังสือเล่มน้ี หากนำไปใช้กับชีวิตจะช่วยให้ผู้อ่านมีจิตใจที่ปลอดโปร่ง เบิกบาน และแจ่มใส รวมทั้งมีชีวติ ท่ีเปน็ ประโยชน์เก้อื กลู แกผ่ ู้อน่ื ไปพร้อมกนั พระไพศาล วสิ าโล 6

คำนิยม โลกนี้เต็มไปดว้ ยทุกข ์ คนท่ีหนีทกุ ข์...มักจะพบแตท่ กุ ข์ คนท่ีเรยี นรู้ทุกข์...กลบั พ้นทุกข ์ นี่คือความอัศจรรย์ในคำสอนของพระพุทธองค์ ขอชื่นชมกับผลงานของโยม “ปันยา” ผู้เป็นรุ่นพี่ท่ีไม่มีใครอยากเป็น รนุ่ นอ้ ง เพราะเปน็ รนุ่ พท่ี ม่ี ปี ระสบการณก์ บั มะเรง็ แมผ้ เู้ ปน็ รนุ่ พเ่ี อง กค็ งไมอ่ ยาก จะเป็นรุ่นพี่ในแง่น้ี แต่ทุกข์ ไม่พ้นได้ด้วยใจอยาก ฉะน้ัน ไม่ว่ารุ่นพ่ี รุ่นน้อง หรอื ผไู้ มอ่ ยากร่วมรุ่น ก็ควรศึกษาไว้บ้าง  ผู้รกู้ ล่าวไวว้ ่า ทกุ ข์ทีแ่ ท้จรงิ ก็คอื กายน-้ี ใจนี้ กาย-ใจ ทคี่ ดิ วา่ เปน็ “เรา” นี้แหละ ! กายน้ีเป็นรังของโรค ยากท่ีจะไม่ป่วย ใจน้ีก็เป็นที่เกิดของเครื่อง เศร้าหมอง ยากที่จะผ่องใสไร้กิเลส แต่ใช่ว่าจะไม่มีทาง ! วิธีต่าง ๆ ทั้งเพ่ือ รักษากายและชำระใจ ผูเ้ ขียนกลา่ วไว้แลว้ ในหนังสอื เลม่ น้ี ขอย้ำให้มีสติย้อนกลับมาเรียนรู้ท่ีกาย-ใจ เรียนรู้ ดูส่ิงที่ปรากฏจริง จน “จติ ” เขา้ ใจความจรงิ ใหจ้ ติ ร-ู้ ตนื่ -เบกิ บาน มองใหถ้ กู มมุ เรยี นใหถ้ กู จดุ พฒั นาจติ อยา่ ตดิ แคท่ รงกับทรุด ถา้ พบว่า จติ ชำรุด...ก็ไดเ้ วลาแล้วทีจ่ ะชำระ ขออนโุ มทนา พระกฤช นมิ ฺมโล 7

คำนิยม หนงั สอื เรอ่ื ง “ได้เวลา ชำระจิตชำรดุ ” เล่มน้ีทำให้ผู้อ่านได้ปัญญา รูจ้ กั มองชีวิตในแง่ที่ทำให้เกิดปัญญาและความสุข ทำให้ชีวิตประเสริฐ สมพระพุทธ ภาษิตท่ีว่า “ผู้มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญาเป็นชีวิตท่ีประเสริฐ” พระเถระบางท่านใน สมยั พทุ ธกาล คอื พระมหากปั ปนิ เถระ ไดก้ ลา่ วไวว้ า่ “ผมู้ ปี ญั ญาแมจ้ ะสน้ิ ทรพั ย์ ก็พอมีชีวิตอยู่ได้ ผู้มีทรัพย์แต่ขาดปัญญามีชีวิตอยู่ไม่ได้ (หรือมีชีวิตอยู่ยาก)” พระพุทธพจน์เนน้ ไว้อีกว่า “การได้ปญั ญาทำให้ได้สขุ (สโุ ข ปฺาปฏิลาโภ)” ข้าพเจา้ ขออนุโมทนาตอ่ ผเู้ ขยี นเรื่อง “ได้เวลา ชำระจติ ชำรุด” นี้ และขอ อนโุ มทนาตอ่ ผู้ร่วมมือชว่ ยเหลือใหห้ นงั สอื เลม่ น้สี ำเร็จมาไดด้ ว้ ยดี ขออวยพรให้ ไดป้ ัญญาและความสขุ ย่งิ ๆ ขน้ึ ไป อ.วศิน อนิ ทสระ 8

คำนิยม การเป็นแพทย์ทำให้ผมได้มีโอกาสพบกับธรรมะหรือธรรมชาติของชีวิต อยู่เนือง ๆ ตอนท่ีเป็นแพทย์ใหม่ ๆ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไม บางคนเป็นโรคเพียง เล็กน้อย แต่ดทู ุกขท์ รมานเหลอื เกิน ในขณะทีบ่ างคนยงั คงย้มิ ได้แมป้ ่วยเป็นโรค ระยะสดุ ทา้ ย อะไรเป็นเหตุปัจจยั ใหใ้ ครสกั คนมีความสงบและสงา่ งามได้เชน่ น ี้ ผมไดม้ โี อกาสดแู ลผปู้ ว่ ยหญงิ วยั กลางคนคนหนงึ่ ซงึ่ ปว่ ยหนกั เปน็ มะเรง็ ลำไส้ใหญ่ทะลุ มารับการผ่าตัดฉุกเฉินและใส่เคร่ืองช่วยหายใจอยู่ในไอซียู ในคืนแรกท่านดูทุรนทุรายจากความเจ็บป่วยทรมานมาก ต้องให้ยาแก้ปวด มอรฟ์ นี มากกวา่ คนอน่ื เกอื บสองเทา่ แตเ่ ชา้ นผ้ี ปู้ ว่ ยกลบั ตอ้ งการยาแกป้ วดนอ้ ยลง จนแทบไม่ใช้เลย เมื่อเราแสดงความแปลกใจและช่ืนชมที่คุณป้าดูดีมาก คุณป้า ซง่ึ แมพ้ ดู ไมไ่ ด้ แตท่ ำมอื ในลกั ษณะของการลบู ตงั้ แตศ่ รี ษะลงไปถงึ ตน้ ขา พรอ้ มทง้ั ขยบั ปากเป็นคำว่า ดูกาย ดูเวทนา การส่ือสารพอจบั ความได้ว่าในชว่ งแรกซึ่งยงั ต้ังหลักไม่ได้ กลัวและปวดมากเป็นทวีคูณ แต่พอตั้งสติได้ ความปวดมันลดลง เหมอื นหารสอง วนั นนั้ คณุ ป้าไม่ไดเ้ ปน็ ผูป้ ว่ ยแล้ว แต่เป็นกัลยาณมิตรที่มาแสดง ธรรมะใหพ้ วกเราไดร้ บั ร้ถู งึ ในโรงพยาบาล การดูแลสุขภาพควรมีลักษณะของการเกื้อกูลผสมผสาน บุคลากรทาง การแพทย์ช่วยดูแลรักษาและบรรเทาอาการทางกาย ส่วนผู้ป่วยและครอบครัว เปน็ ผพู้ ฒั นาความเขม้ แขง็ ของจติ ใจ กา้ วขา้ มผลกระทบทางอารมณ์ ทง้ั การปฏเิ สธ โกรธ ต่อรอง หรือซึมเศร้า มาสู่ความเป็นอิสระ เป็นครูและเป็นกำลังใจให้กัน และกนั 9

ในท่ีน้ีทางโรงพยาบาลและบุคลากรทางสาธารณสุข ขออนุโมทนาใน ธรรมทานท่ีคุณ “ปันยา” ได้นำมาเผยแพร่ ณ ท่ีน้ี ธรรมะเหล่านี้มีคุณค่าย่ิง เพราะผ่านการพิสูจน์ด้วยชีวิต ว่าสามารถใช้แก้ปัญหาความทุกข์ สร้างความสุข และเกิดการเติบโตทางจิตวิญญาณไดอ้ ย่างงดงาม ผศ.นายแพทย์พรเลศิ ฉัตรแก้ว ศูนยส์ ง่ เสริมมติ รภาพบำบดั โรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ ์ 10

คำนยิ ม ชีวิตท่ีมีคณุ ค่า คือ ชีวิตแหง่ การแบง่ ปัน เฉกเชน่ หนงั สือ “ได้เวลา ชำระ จติ ชำรดุ ” ซงึ่ ถา่ ยทอดประสบการณต์ รงของคณุ “ปนั ยา” ในรปู แบบ “บญุ บนั เทงิ ” ท่ีมลี ีลานา่ อา่ น และสะกิดใจเปน็ อยา่ งยิ่ง คนส่วนใหญ่ทุ่มเทเวลาทั้งชีวิตค้นหาความสุขแท้จริง โดยมักมองไกล แถมวิ่งไล่ไขว่คว้าปัจจัยภายนอกอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่รู้จักเหน็ดเหน่ือย น้อยคนนักท่ีจะรู้ว่า การได้มีโอกาสหายใจอย่างเต็มปอดนั้น คือความสุข อันเยย่ี มยอด ทง้ั เบอ้ื งต้น ทา่ มกลาง และเบื้องปลายจนตลอดสาย  หนังสือเล่มนี้ จะทำใหเ้ ราไดต้ ระหนักถงึ ความโชคดขี องการทย่ี งั มีโอกาส หายใจ มคี วามสขุ อยกู่ บั ลมหายใจ เพยี งเทา่ นเ้ี รากไ็ ดใ้ ชช้ วี ติ อยา่ งมคี ณุ คา่ สมกบั ที่ ไดเ้ กิดมาเป็นมนุษยแ์ ล้ว ดนัย จันทรเ์ จ้าฉาย 11

คำนิยม ก่อนที่จะกล่าวถึงความนิยมที่มีต่อเนื้อหาด้านในของหนังสือ ได้เวลา ชำระจติ ชำรดุ เลม่ น้ี สง่ิ แรกทใี่ จอยากเขยี นถงึ กค็ อื ขออนโุ มทนาบญุ ตอ่ กศุ ลจติ ของผจู้ ดั พมิ พ์ ทเี่ พยี รทำกรรมดี แบบไมห่ ลอ่ เลย้ี งอตั ตา อาสาปดิ ทองหลงั พระ สงเคราะห์ สานฝัน เป็นธุระให้ผลงานคุณภาพได้ปรากฏออกมาเป็นรูปธรรม คนทคี่ ดิ และทำไดจ้ รงิ ตลอดกระบวนการน้ี จะตอ้ งมกี ำลงั กศุ ลจติ สงั่ สม มาสงู อยา่ งตอ่ เนื่อง จงึ ขอกลา่ วชนื่ ชมดว้ ยความศรัทธาจากใจจรงิ ไว้ ณ ทีน่ ี้ ส่วนเนื้อหาด้านในโดยภาพรวม บอกถึงชัยชนะของผู้เขียนที่ผ่านทุกข์ ในอดีตมาได้ โดยใช้หลักธรรมเป็นเคร่ืองเยียวยา ปัจจุบันเธอจึงมีชีวิตอยู่อย่าง ผู้มองเห็นแสงสวา่ งในอนาคต เนอื้ หาของหนงั สอื เลม่ น้ี มปี ระโยชนม์ ากไมเ่ พยี งเฉพาะเปน็ ยาใจ ใหผ้ อู้ า่ น ทกี่ ำลงั มโี รคกายรมุ เรา้ เทา่ นนั้ แตย่ งั เหมาะตอ่ การเปน็ สญั ญาณเตอื นภยั เบอ้ื งตน้ ใหผ้ คู้ นไดร้ ตู้ วั หมน่ั หนั มาสำรวจตรวจใจตนเอง วา่ วถิ ชี วี ติ ทกี่ ำลงั ดำเนนิ อยู่ด้วย ความเคยชินทกุ วนั นี้ กำลงั ปอ้ นพิษให้ตนเอง และคนรอบขา้ งหรอื ไม ่ ผู้ป่วยที่รู้ว่าตนเองเป็นโรคอะไร และมีความปรารถนาจะอยู่รอดต่อไป ย่อมให้ความร่วมมือกับหมอที่ให้การดูแลรักษา ฉันใด ผู้ที่รู้ตัวเองแล้วว่า กำลัง หลงทาง มีประพฤติวัตรบางอย่างผิดปกติ ย่อมพยายามแก้ไข หาทางออกท่ีดี 12

ให้กับตนเองได้ในทีส่ ุด สว่ นประกอบของยา มอี ยใู่ นทกุ บรรทดั และทกุ ยอ่ หนา้ ขอเชญิ พจิ ารณา นำมาปรุงให้เหมาะกับธาตุและต้นทุนคุณธรรม ตามอัธยาศัย จะได้ไม่ต้อง ทนทกุ ข์ต่อไป อกี นาน…. อรยิ าภรณ์ สทิ ธิธรรมพิชยั www.dhamaforlife.com 13

ผู้เขียนขอขอบพระคุณ พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล, พระอาจารย์ กฤช นิมฺมโล, ท่านอาจารย์วศิน อินทสระ, ท่านอาจารย์พรเลิศ ฉัตรแก้ว, คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย และ คุณอริยาภรณ์ สิทธิธรรมพิชัย เป็นอย่างย่ิง ท่ีได้ให้ความเมตตาสละเวลาอันมีค่าของท่าน เพ่ืออ่านและเขียนคำนิยมให้กับ หนังสอื เล่มนี้ โดยท่ไี มเ่ คยรจู้ ักกบั ผเู้ ขยี นมาก่อน คำนยิ มของทกุ ทา่ นนนั้ นอกจากจะชว่ ยเพมิ่ คณุ คา่ ใหก้ บั เนอื้ หาในหนงั สอื และทำใหผ้ มู้ จี ติ ศรทั ธา ทร่ี ว่ มพมิ พเ์ ผยแพรเ่ ปน็ ธรรมทาน มคี วามเชอ่ื มน่ั ในส่ิงที่ พวกเขาไดก้ ระทำมากย่งิ ขน้ึ แล้ว ยังเป็นกำลังใจให้ผู้เขยี น ตัง้ ใจในการประพฤติดี ปฏิบตั ชิ อบ ตามแนวทางของพระสมั มาสัมพทุ ธเจ้า เพ่อื ม่งุ สู่ความพน้ ทุกขด์ ้วย โอกาสน้ี ผเู้ ขยี นกข็ อขอบพระคณุ พว่ี ราภรณ์ วงศพ์ ฒั นาสนิ ผมู้ บี ทบาท สำคญั ยง่ิ และพชี่ าตรี ลวี ณชิ ย์ ทเ่ี ปน็ เสมอื นผสู้ ง่ ไมผ้ ลดั แรก ในการทำใหบ้ ทความ ของหนงั สอื นี้ ไดไ้ ปถึงผู้เขยี นคำนิยมทกุ ท่านด้วย ขออานุภาพคุณพระศรีรัตนตรัย และอำนาจแห่งบุญน้ี เป็นพลวปัจจัย หนุนนำให้ทุกท่าน เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ โภคะ พละ สมหวังในสิ่งที่ ปรารถนา ทกุ ประการเทอญ

ผู้เขียนขอขอบพระคุณ พ่ีธรรมนูญ กษีรสกุล เป็นอย่างย่ิง ที่ได้ริเริ่ม เสนอปัจจัย เพื่อพิมพ์หนังสือ “ได้เวลา ชำระจิตชำรุด” เผยแพร่เป็นธรรมทาน รวมถึงกัลยาณมิตรผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน ที่ร่วมกันบริจาคทรัพย์ จนมียอดพิมพ์ สูงถงึ 20,000 เล่ม และขอบพระคณุ พว่ี พิ ล พทิ ยธนากลุ แหง่ โรงพมิ พข์ มุ ทองอตุ สาหกรรม และการพิมพ์ ที่มกี ศุ ลจติ ร่วมบุญ โดยยนิ ดีรบั พิมพ์หนังสือในราคาตน้ ทุน ผู้เขียนขออนุโมทนากับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วมในการพิมพ์และจัดทำ ขอ อานิสงส์แห่งธรรมทานนี้ เป็นพลวปัจจัยให้ท่านถึงพร้อมด้วยมรรคมีองค์แปด เพ่ือประกอบกิจอนั สูงสุดแห่งชวี ติ นำตนใหพ้ น้ จากทุกข์ทัง้ มวลโดยเรว็ เทอญ การใหธ้ รรม ชนะการให้ท้ังปวง รสแห่งธรรม ชนะรสทง้ั ปวง ความยนิ ดีในธรรม ชนะความยนิ ดที ้ังปวง ความหมดสิน้ แหง่ ตัณหา ชนะทกุ ข์ท้ังปวง

คำนำ ตามหลักพุทธศาสนาน้ัน “คน” ประกอบด้วย 2 ส่วนสำคัญ คือ “กาย” กับ “จิต (ใจ)” แต่คนส่วนใหญ่ มักให้ความสำคัญกับเรื่องของกาย ที่เปน็ รปู ธรรมกนั มาก อาจเปน็ เพราะวา่ สามารถมองเหน็ ไดช้ ดั เจน และใชด้ งึ ดดู เพศตรงขา้ มได้ ในขณะทจ่ี ติ นนั้ เปน็ นามธรรม ไมอ่ าจเหน็ ไดด้ ว้ ยตา จบั ตอ้ งไมไ่ ด้ และจะใช้อวดโชว์ใครกไ็ ม่ไดด้ ว้ ย จึงเป็นธรรมดาที่คนท่ัวไป มักจะมีความลำเอียง (กระเท่เร่) ไปให้ ความสนใจในเร่ืองของกายมากกว่าจิต อย่างเพียงแค่ปวดหัว ตัวร้อน เป็น อะไรนดิ หนอ่ ย กต็ อ้ งรบี ไปหาหมอซอ้ื ยามากนิ เมอ่ื เปน็ สวิ -ฝา้ -กระ กก็ ระตอื รอื รน้ ไปคลินิกรักษา สรรหาเคร่ืองสำอางมาแต่งแต้มปกปิด ยามผิวหนังเห่ียวย่น ไมเ่ ตง่ ตงึ กต็ อ้ งใชศ้ ลั ยกรรมชว่ ยตกแตง่ ครนั้ รปู รา่ งไมไ่ ดส้ ดั สว่ นเพรยี วลม กต็ อ้ ง รีบหาทางแก้ไข ท้ังเอ็กเซอร์ไซส์ รีดไขมัน อดอาหาร รวมไปถึงการพิถีพิถัน หาเคร่อื งแต่งกายมาอำพราง ซื้อเคร่อื งประดบั มาสวมใส่ เพอ่ื ใหก้ ายดดู ีขนึ้ หรือ อยา่ งนอ้ ยก็ต้องคงสภาพเรดิ หรดู ูสมาร์ทไว้ใหน้ านทสี่ ดุ แต่เมื่อถึงคราวจิตมีความผิดปกติบ้าง กลับไม่ค่อยมีใครเหลียวแล ไม่เคยคิดจะหาทางแก้ไขปรับปรุง ได้แต่ปล่อยปละละเลย ให้อุดมหมักหมม ไปด้วยกิเลส โลภ โกรธ หลง จนเป็นเหตุให้ยึดเอาความต้องการของตัวเอง เปน็ หลกั กระทำในสงิ่ ทเ่ี รยี กวา่ เหน็ แกต่ วั เอารดั เอาเปรยี บ ทำรา้ ยรา่ งกาย-จติ ใจ ผอู้ นื่ สตั วอ์ นื่ ไปจนถงึ ทำลายธรรมชาติ ประพฤตผิ ดิ ศลี ธรรมจนชนิ ชา และเหน็ วา่ เปน็ เรื่องปกตขิ องการดำรงชีวติ ไป 16

ทั้งๆ ที่จริงแล้ว คุณค่าของความเป็นคนน้ัน อยู่ที่คุณภาพของจิต มากกวา่ หาใชล่ กั ษณะทางกายภาพ ทส่ี วยหลอ่ สูงเดน่ เปน็ สงา่ รปู รา่ งนำ้ หนัก ได้สัดส่วนน่ามอง ผิวพรรณขาวเนียนนุ่มนวลน่าสัมผัส หรือมีฐานะร่ำรวย ทรพั ย์สมบัติมากมาย การศกึ ษาสงู ฯลฯ อยา่ งทผ่ี ้คู นส่วนใหญ่หลงเข้าใจผดิ เลย เพราะคนเราเม่ือสิ้นอายุขัยต้องจากโลกน้ีไปแล้ว กายที่เราฟูมฟัก ประคบประหงมบำรุงบำเรออย่างดีนั้น จะต้องแตกสลายเป็นกายใหม่เอี่ยม เปลย่ี นรปู แปลงรา่ งไปตามแรงวบิ าก (ผลแหง่ กรรมทท่ี ำไวแ้ ตป่ างกอ่ น) ตลอดจน เงนิ ทองส่งิ ของมีคา่ ทง้ั หลาย ท่ีมงุ่ มน่ั สะสมเกบ็ หอมรอมรบิ มาท้ังชวี ิตนั้น ก็ตอ้ ง เปลี่ยนมือไปเป็นของคนอ่ืน เพราะอย่างมากก็เป็นได้แค่ “สมบัติผลัดกันชม” เท่านั้นเอง จะมีก็เพียงจิต ซ่ึงเราไม่ค่อยได้ใส่ใจไยดีน่ีแหละ ท่ียังคงเกิด-ดับ เกดิ -ดบั สบื เนอ่ื งจากจติ เดมิ หากใครเคยมจี รติ * ลกั ษณะนสิ ยั และพฤตกิ รรม อย่างไร ก็จะเป็นอยู่อย่างนั้น เหมือนดังมรดกท่ีถ่ายโอนให้ใครไม่ได้ จะสลัด สะบัดยังไงกไ็ มห่ ลุด ต้องติดตาม (เปน็ ตังเม) ไปในภพภมู ิใหม่ หรอื ชาติต่อๆ ไป ด้วยเสมอ * ความประพฤต,ิ พนื้ นิสยั หรือพืน้ เพแห่งจติ ของคนท้ังหลายทีห่ นกั ไปดา้ นใดดา้ นหน่งึ แตกต่างกนั ไปคอื 1. ราคจริต ผูม้ รี าคะเปน็ ความประพฤติปกติ (หนักไปทางรักสวยรกั งาม มักตดิ ใจ) 2. โทสจรติ ผูม้ ีโทสะเป็นความพระพฤติปกติ (หนักไปทางใจรอ้ นขหี้ งุดหงิด) 3. โมหจริต ผมู้ โี มหะเป็นความประพฤติปกติ (หนกั ไปทางเหงาซมึ งมงาย) 4. สัทธาจริต ผมู้ ศี รัทธาเปน็ ความประพฤตปิ กติ (หนักไปทางน้อมใจเชอื่ ) 5. พทุ ธจิ รติ ผู้มีความร้เู ปน็ ความประพฤติปกติ (หนกั ไปทางคดิ พิจารณา) 6. วติ กจรติ ผู้มวี ิตกเปน็ ความประพฤตปิ กติ (หนักไปทางคดิ จับจดฟงุ้ ซ่าน) 17

จงึ เปน็ เรอื่ งเปลอื งเวลาไรค้ า่ เปลา่ ประโยชน์ ทคี่ นเราจะใชช้ วี ติ สาละวน ทุ่มเทตกรางวัลให้กับส่ิงท่ีไม่ใช่สาระ เพราะเป็นเพียงเปลือกนอกท่ีหลอกลวง กลวงโบ๋ เป็นของเกข๊ องปลอม แตก่ ลับเฉยเมยละเลยในแก่นแทอ้ ันสำคัญย่ิง นาทนี ยี้ งั ไมส่ ายเกนิ ไปนะ หากจะลองขยบั เขยอ้ื น เคลอ่ื นจากจดุ ทเี่ คยยนื เคยยัน แล้วเบนเข็มหันมามองในมุมใหม่ โดยเริ่มจากการปรับความเห็น ให้ตรงและถกู ตอ้ งเสยี กอ่ น เหน็ คณุ คา่ ของสง่ิ ทลี่ ำ้ คา่ เหน็ โอกาสในการสรา้ ง บุญบารมีเม่ือได้เกิดเป็นคน มองให้ออกว่าส่ิงใดเป็นสาระ และควรทำควบคู่ ไปกับการดำเนนิ ชีวิตประจำวนั ยามใดที่กายป่วยเป็นโรคร้าย หากไม่รีบเยียวยารักษา ปล่อยให้ลุกลาม บานปลาย ก็ยากท่ีจะหายเป็นปกติได้... จิตท่ีชำรุดบกพร่องก็เช่นกัน หากขืน ปล่อยไว้นานวัน ไม่รีบชำระขัดเกลาให้ผ่องใสผุดผาด ก็มีแต่ทางหายนะ เทา่ น้ันเอง ! ไหนๆ กโ็ ชคดมี บี ญุ ไดเ้ ป็นคนอกี ครัง้ แล้ว ถา้ ไม่คิดจะพัฒนา ยกระดบั จิตใจของตวั เองให้ได้ดกี วา่ ชาตกิ อ่ นๆ กน็ ับวา่ ขาดทุนสูญเปลา่ พระพุทธเจ้าท่านก็ทรงตรัสเตือนแล้วว่า “...สังขารทั้งหลายมีความ เสื่อมไปเป็นธรรมดา เธอท้ังหลายจงทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด” และ “วนั คนื ล่วงไปๆ บดั น้เี ธอทำอะไรอยู่ ?” 18

ฉะนั้น จึงไม่ควรชักช้าเอ้อระเหยลอยชาย ปล่อยโอกาสอันดีให้หลุด ลอยไป เพราะกิจสำคัญเร่งด่วน ท่ีเราทุกคนต้องกระทำก่อนธุระอ่ืนใด ก็คือ... “ไดเ้ วลา ชำระจิตชำรดุ ” กันแล้ว ปนั ยา อสาเร สารมติโน ผใู้ ดเห็นสงิ่ ที่ไม่เป็นสาระ วา่ เปน็ สาระ สาเร จ อสารทสสฺ ิโน เห็นส่งิ ท่เี ป็นสาระ วา่ ไรส้ าระ เต สารํ นาธิคจฺฉนตฺ ิ ผู้นั้นมคี วามคดิ ผดิ เสยี แลว้ มจิ ฺฉาสงฺกปปฺ โคจรา ยอ่ มไมป่ ระสบสง่ิ ทีเ่ ปน็ สาระ 19





ความคิดในวัยเดก็ ของใครหลายคน คงเป็นเหมอื นกับฉัน ท่อี ยาก เร่งวันเร่งคืนให้ผ่านไปไวๆ เพื่อจะได้โตเป็นผู้ใหญ่เสียที เพราะรู้สึกไม่ว่าจะทำ อะไร ก็มกั โดนห้ามปรามวา่ อยา่ ! ไมไ่ ด้ ! ไมด่ ี ! อยู่เสมอ เมอื่ ถงึ คราวอยากจะ ได้น่ันได้น่ี ก็ต้องแบมือขอเงินพ่อแม่ไปซื้อ ซึ่งก็ได้บ้าง อดบ้าง แล้วแต่อารมณ์ ของท่านว่าจะจอยหรือจืด เวลาอยากไปไหน ก็ต้องขออนุญาตรออนุมัติ จากทา่ นอีก นาาาานๆ ถึงจะไดร้ บั สญั ญาณไฟเขียวใหไ้ ปโลดสกั ที ! ฉนั กเ็ ลยคดิ ตามประสาเดก็ วา่ การถกู ขดั ใจและไมไ่ ดส้ งิ่ ทตี่ อ้ งการนน้ั เป็นความทกุ ข์ สว่ นการไดอ้ ะไรสมใจอยาก คือความสขุ จึงได้แต่ “รอร้อรอ” และวาดฝันไว้วา่ เม่อื โตเปน็ ผูใ้ หญ่ ฉันก็คงจะมแี ต่ความสขุ เพราะว่าได้ทำอะไร ตามใจตวั เอง ไมต่ อ้ งไปพะเนา้ พะนอ ขอพง่ึ พาจากใครอีก ทุกวันนี้ เวลาเห็นเด็กทำหน้ามุ่ยมึนตึง ฉันจะเข้าใจและเห็นใจเขา แต่ก็ อดที่จะยิ้มในใจไม่ได้ เพราะย้อนไปเห็นภาพของตัวเองในอดีต ว่าเราเองก็เคย ออกอาการแบบนน้ั เหมอื นกนั เวลาทโี่ ดนพอ่ แมข่ ดั ใจ ทำใหต้ อ้ งผิดหวงั ปัจจุบนั ฉนั ได้โตเป็นผู้ใหญ่สมใจนกึ แล้ว ฉนั มงี านมกี ารทำ หาเงินเลี้ยง ตัวเองได้ จึงไม่ต้องไปง้อใคร ถึงแม้จะไม่มีทอง แต่ก็พอมีเงินไว้จับจ่ายใช้สอย ฉันมีบ้าน มีรถยนต์ มีหลายสิ่งหลายอย่างตามความต้องการ หรือจะเรียกว่ามี จนเกนิ จำเปน็ กย็ ังได้ ฉันอยากทำอะไร อยากไปไหน กโ็ ลดเลน่ ได้เลย ไม่ต้องมา นง่ั ลนุ้ นอนรอ เพอื่ ดทู ศิ ทางการเคลอ่ื นไหวของใบหนา้ พอ่ แม่ วา่ จะสา่ ยซา้ ย-ขวา เหมอื นพดั ลม หรือพยักขึ้น-ลงเหมือนลฟิ ท์ อีกต่อไป 22

ฉันก็รู้สึกว่ามีความสุขดีนะ... แต่ปัญหามันอยู่ตรงท่ีว่า ไม่ยักเหมือนกับ ทคี่ ิดไว้ในวัยเด็กเลยนนี่ า ! กเ็ พราะความสขุ ทฉี่ นั ไดร้ บั นนั้ ทแี รกกเ็ หมอื นกบั วา่ มนั เตม็ เปยี่ มจนลน้ เออ่ อยใู่ นใจ ไฉนมนั จงึ คอ่ ยๆ ลดนอ้ ยถอยลงไป ตามวนั เวลาและความสนใจ ท่ีฉันมีต่อสิ่งน้ัน ยิ่งนานวันเข้า ความสุขท่ีเคยมี “ท่วมท้น” ก็กลายเป็นความ “เคยชนิ ” จนเฉยเมย แลว้ ในทส่ี ดุ ฉนั กจ็ ะเรมิ่ หนั ไปหาสง่ิ ใหมๆ่ มาทดแทน อยรู่ ำ่ ไป ไม่รู้วา่ เธอจะเปน็ เหมอื นฉันบ้างไหมนะ ? ทมี่ ักรู้สึกวา่ ความสุขมนั พร่องได้ ! ราวกบั ว่ามรี ูรัว่ รโู หวพ่ รนุ ไปหมด เพราะมันต้องคอยเติมให้เต็มอยู่เร่ือย ไม่ต่างกับถังชักโครกที่รั่วซึม ต้องคอย รกั ษาระดบั นำ้ ใหไ้ ดป้ รมิ าณอยเู่ สมอ ดเู หมอื นวา่ ความสขุ มนั ไมเ่ คยจรงิ ใจอยกู่ บั ฉนั นานๆ เลยสักครง้ั เดียว เพราะเหตนุ ้ี จงึ ทำใหฉ้ นั ตอ้ งดน้ิ รนไขวค่ วา้ หาความสขุ ใหมๆ่ มาทดแทน บอ่ ยๆ ซง่ึ กม็ กั จะหนไี มพ่ น้ ไปจากการ “ไดใ้ นสง่ิ ทอ่ี ยาก” และ “ทำในสงิ่ ทต่ี อ้ งการ” วนเวยี นซำ้ ซากไปมาอยู่แค่นั้น จนวนั หนง่ึ มนั มเี หตทุ ท่ี ำใหก้ ารดนิ้ รนของฉนั ตอ้ งชะลอลงโดยไมต่ อ้ ง แตะเบรก เพราะจู่ๆ ก็มีก้อนเน้ือแข็งๆ ท่ีไม่ได้รับเชิญ มาโผล่หัวแสดงตัวท่ี บรเิ วณลำคอกอ้ นหนง่ึ จนหลายคนรอ้ งทกั ทำใหฉ้ นั ตอ้ งรบี ไปใหห้ มอสนั นษิ ฐาน หาสาเหตุ ซ่งึ หมอเองกไ็ มแ่ นใ่ จ เลยตอ้ งตดั เนื้อเยอ่ื บางส่วนในจมูกไปตรวจ 23

ผลแล็บท่ีออกมา ราวกับโดนฟ้าผ่าลงกลางใจ เพราะว่าไอ้เจ้าก้อนเน้ือ น้ัน ไม่ใช่ใครท่ีไหน แต่มันคือม้าเร็วท่ีส่งข่าวมาบอกว่า เซลล์มะเร็งได้ยกพล ขึ้นบกทห่ี ลังโพรงจมกู ของฉันเขา้ ใหแ้ ล้ว เพื่อความแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่าฉันได้รับเกียรติจากมะเร็งจริงๆ จึง ต้องทำการรีเช็ค ตรวจซ้ำอีกครั้งกับหมอท่านอื่นในโรงพยาบาลอีกแห่งหน่ึง ผลลัพธ์ก็ออกมาตรงกันเป๊ะ ! ไม่นา่ จะผดิ พลาดแลว้ โฮๆ ! คราวน้ีทำใจลำบาก อะไรกันนี่ ! บุหร่ีฝ่ินกัญชายามวนก็ไม่สูบ เหลา้ เบยี รไ์ วนบ์ รนั่ ดกี ไ็ มจ่ บิ สง่ิ อบายมขุ เสพตดิ มนึ เมาทง้ั หลายกไ็ มแ่ ตะ อตุ สา่ ห์ ประพฤติตัวดเี ป็นศรีแกช่ าติ ศาสน์ กษัตริย์ แล้วทำไมถึงต้องมาเจอเรือ่ งแบบนี้ * “ดู่ ดู๊ ด.ู ..ดมู นั ทำ ทำไมถงึ ทำกับฉันได้ ?” ณ เวลานัน้ ฉันไม่มอี ารมณ์มาร้องเปน็ เพลงแบบนีห้ รอกนะ เพราะสง่ิ ท่ี ต้องเร่งทำเหนืออื่นใดก็คือ รีบกำจัดเซลล์มะเร็งให้ได้เสียก่อน อย่าปล่อยให้มัน ลกุ ลามบานปลายมากไปกว่านี้ “ออกไปๆๆ” แล้วในเวลาไม่นานนัก ฉันก็ถูกความจำเป็นบังคับ ให้ต้องย้ายถ่ินฐาน ไปพำนักพักพิง อยใู่ นโรงพยาบาลแห่งหน่ึง ยา่ นพหลโยธิน ระหว่างที่นอนรักษาตัวอยู่น้ัน โลหิตเจ้ากรรมก็ดันทุรังออกมาทางจมูก * ที่จรงิ มันมสี าเหตุนะ ถ้าอยากรู้ ก็ตอ้ งตดิ ตามบทต่อๆ ไป 24

มากซะจนคุณหมอท่านต้องรีบเอาผ้าก็อซ (Gauze) มาอุดรูไว้ กันเลือดไหล ไมห่ ยดุ ซงึ่ เคา้ เรยี กเปน็ ภาษาทางการแพทยว์ า่ “แพก็ จมกู ” จากนนั้ ทา่ นกแ็ นะนำ ใหฉ้ นั “หายใจทางปาก” แทนไปพรางๆ ก่อน ก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่าปากนั้นกว้างกว่าจมูก 2 รูมาก แถมยังไม่มขี นท่ีเป็น เสมือนไส้กรองอากาศด้วย โอกาสท่ฝี นุ่ ละอองและเชอื้ โรค จะเขา้ ไปในรา่ งกายก็ มมี ากกวา่ กนั เยอะ ถงึ แมว้ า่ การใชป้ ากชว่ ยหายใจแทน มนั จะไมเ่ วริ ค์ นกั แตค่ ณุ หมอ ท่านก็คงจะพิจารณาไตร่ตรอง อย่างถี่ถ้วนรอบคอบแล้วว่า ยังดีเสียกว่าท่ีจะ ให้ฉนั ไป “ยมื จมูกคนอ่นื หายใจ” นะ เธอวา่ มย้ั ? ช่วงเวลานั้น ปากของฉันทำงานหนักมาก เพราะนอกจากจะใช้พูด ใช้กิน เป็นกิจวัตรประจำวันตามปกติแล้ว ยังต้องคอยต้อนออกซิเจนเข้า และ ไลค่ ารบ์ อนไดออกไซดอ์ อกอกี ด้วย กเ็ ปน็ ธรรมดาของคนทเี่ จบ็ ปว่ ย ความอยากตา่ งๆ ทเ่ี คยมี เชน่ อยาก รวย อยากได้โน่นได้น่ี อยากไปเที่ยวไกลๆ ทั้งหลายแหล่ มันก็แทบหายเป็น ปลิดท้ิง โดยไมต่ ้องนิมนตพ์ ระมาเทศนใ์ ห้ฟงั เลย จะเหลือไวก้ ็แคเ่ พยี ง 2 อยาก คอื อยากหายจากโรคไวๆ กับอยากกนิ ใหอ้ รอ่ ย เท่าน้นั เอง ซึ่งก็เป็นเรื่องดี ที่ช่วยให้ฉันได้หยุดพฤติกรรม “ตามล่าหาความสุข” ของตัวเองไปช่ัวคราว เพราะยังมีเร่ืองอื่นที่น่าสนใจมากกว่า คือผลที่จะได้รับ จากการรักษา โดยวธิ ฉี ายรงั สี 43 ครงั้ แถมเคมบี ำบัดอกี 7 หน 25

ถ้าผลออกมาดี ฉันก็รอดตัวไป ...แต่ถ้าออกมาแย่ ฉันก็คงหยังเขียด ไม่มีโอกาสไดม้ าบอกเลา่ ประสบการณแ์ บบนแี้ ลว้ ระหว่างการต่อสู้ปลุกปล้ำเพ่ือเอาชนะมะเร็งให้ได้นั้น ชีวิตของฉันก็ต้อง ไปๆ มาๆ ระหวา่ งบ้านกบั โรงพยาบาล อยเู่ ปน็ ประจำ แล้วคืนหนึ่ง ขณะท่ีฉันได้กลับมานอนอยู่บ้าน ก็รู้สึกว่าตัวเองหายใจ ติดขัดลำบากมาก ไม่สะดวกเหมือนแต่ก่อน คล้ายๆ กับว่ารูจมูกมันใกล้ตีบตัน เตม็ ที ครั้นจะกลับไปหายใจทางปากอีก ก็คงไม่เขา้ ท่านกั ไมน่ า่ เชอ่ื ! วา่ ในชว่ งทจี่ มกู กำลงั มปี ญั หา หตู าของฉนั กลบั สวา่ งไสวยงิ่ กวา่ สปอตไลต์ มนั ทำใหเ้ หน็ ชัดในสิ่งทเี่ คยมองขา้ มไปว่า... ท่ีจริงแล้วความสุขที่ฉันวิ่งไล่ตามมาตลอดชีวิตน้ัน ไม่ได้อยู่ไกล จากฉันเลย แต่มันเป็นเหมือน “เส้นผมบังภูเขา” ที่มีติดตัวฉันมาต้ังแต่เกิดแล้ว ต่างหาก ซ่งึ ส่งิ น้นั ก็คือ การทฉ่ี ันสามารถหายใจได้สะดวกเป็นปกตินี่เอง การไดส้ ดู ลมหายใจเขา้ ชา้ ๆ ลกึ ๆ จนเตม็ ปอด แลว้ คอ่ ยๆ ปลอ่ ยลมออก อย่างราบรน่ื ไม่มกี ารสะดดุ นั้น นับว่าเปน็ ความสุขท่ียอดเยย่ี มของชวี ติ แลว้ เธอฟังแล้วก็คงจะคิดว่าฉันเพ้ียนจนเพ้อเจ้อ สงสัยเผลอกินยาหมดอายุ อกี ทง้ั ไม่เขย่าขวดม้งั ? เอาอะไรมาพูด มนั จะเปน็ ไปได้อยา่ งไร ท่ีการหายใจของ คนเราจะกลายเป็นความสขุ ได้ ? 26

ถา้ เธอไม่เช่อื ฉนั จะลองกลั้นใจดู ไม่ใหล้ มเข้า-ออก สกั 10 วิ. ก็ไดน้ ะ ! มาวันน้ี ความคิดของฉันได้เปลี่ยนไปจากวัยเด็กแล้ว ที่เคยหลงว่า ความรำ่ รวยเงนิ ทอง การไดม้ าซง่ึ สง่ิ ของ หรอื ไดเ้ ปน็ ไดท้ ำในสงิ่ ทต่ี อ้ งการทงั้ หลาย นั้น จะนำมาซ่ึงความสุข... แต่แท้ที่จริงแล้วมันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ทั้งหมด ก็เป็นแคเ่ พียงเรื่องทีฉ่ ันคิดเปน็ ตุเป็นตะข้นึ มาเอง เพราะฉนั เรมิ่ เห็นชดั แล้วว่า ไมว่ า่ จะเปน็ เงนิ แบงกส์ ิบถึงแบงก์พนั ที่เคย ผ่านมือฉันมาตั้งแต่เด็กจนโตน้ัน อย่างมากก็ได้แค่เพียงระบุไว้ว่า… “ธนบัตร เปน็ เงนิ ทชี่ ำระหนไ้ี ดต้ ามกฎหมาย” ไมเ่ คยไดบ้ อกสกั นดิ วา่ “เปน็ สงิ่ ทสี่ ามารถซอื้ ความสุขได้” เลยสกั ใบเดยี ว บ้านหลายหลังที่ฉันเคยพักอาศัย ก็ไม่เคยมีสัญญารับประกัน จาก ผู้รับเหมาฯ คนไหน ว่าจะให้ความสุขแก่ผู้อาศัยตั้งแต่เร่ิมเข้าอยู่ หรือรถยนต์ หลายคันที่ฉันเคยขับมา ก็ไม่มีผู้ผลิตค่ายใด กล้าการันตีความสุขให้กับผู้ขับข่ี ระหว่างการใช้งาน นาฬิกาเป็นสิบเรือนท่ีฉันได้ใส่มา ก็ไม่มีเรือนใดท่ีออกใบรับประกัน ความสุขให้แม้แต่นาทีเดียว รวมไปถึงเสื้อผ้าท่ีฉันมีแทบล้นตู้ และรองเท้า อีกหลายคู่ หรือแม้แต่ทีวีจอแบน มือถือรุ่นล่าสุด กระเป๋าแบรนด์ดังแพงหูฉี่ เครอื่ งสำอางชน้ั นำ ฯลฯ กไ็ มม่ สี นิ คา้ ใดๆ เคยตดิ ปา้ ยวา่ มคี ณุ สมบตั ิ “สามารถ ใหค้ วามสขุ แกผ่ ้ซู ้อื ” แม้แต่นอ้ ย 27

แล้วทำไมฉันถึงได้หลงทึกทักเอาว่า ส่ิงเหล่านั้นจะสามารถให้ความสุข กับฉนั ได้กไ็ มร่ ู้ ? อยา่ งน้มี นั นา่ เอามะเหงกเขกกบาลตัวเองสักเปกม้ัย ? อยา่ ดกี วา่ เพราะวนั นฉ้ี นั ไดร้ ซู้ งึ้ แลว้ วา่ ความสขุ ของคนเรานนั้ มนั ไมค่ วร ไปหวังพ่ึง “สิ่งภายนอก” ท่ีได้มา มี หรือมากมายหรอก แต่มันควรอยู่กับ “ส่งิ ภายใน” ซึง่ เรียกวา่ “ใจ” (ที่รจู้ ักพอ) ของเรามากกว่า ไม่เพียงเท่านั้นนะ ! ฉันยังรู้สึกอีกว่า คนเราจะสามารถมีความสุขได้ งา่ ยดายยง่ิ ขน้ึ ขณะทกี่ ำลงั อยใู่ นหว้ งวงั วนของความทกุ ข์ เชน่ เวลาทเ่ี ธอกำลงั ท้องเสยี อย่างรุนแรง แตไ่ ม่สามารถหาทป่ี ลดทกุ ขไ์ ด้ (ลองนกึ ภาพตามไปด้วยนะ จะไดเ้ ขา้ ใจความรสู้ กึ ไดช้ ดั เจนยง่ิ ขน้ึ เพราะทกุ คนคงมปี ระสบการณเ์ ชน่ นม้ี าแลว้ ) ณ เวลานั้น คงไม่มีใครโหยหาเงินล้าน สวรรค์วิมาน หรือรถสปอร์ต คันหรูแน่ จริงม้ัย ? เพราะมัวแต่ร้องโหยหวนในใจว่า “สุขาอยู่หนใด ? สขุ าอยหู่ นใด ?” เปน็ แนแ่ ท้ คงขอเพยี งแคพ่ น้ื ทเี่ ลก็ ๆ แคบๆ ทป่ี ลอดสายตาคน และพอจะนั่งยองๆ ได้ ...เทา่ น้ีกเ็ ป็นความสุขสดุ สุดแลว้ ! ตอนน้ีฉันเร่ิมรู้สึก “สบายกาย” และ “เบาใจ” ขึ้นเยอะ เพราะไม่ต้อง เหน็ดเหนื่อยกับการว่ิงไล่ตามล่าหาความสุขอีกต่อไป ฉันตระหนักได้แล้วว่า... ความสขุ ของฉนั มนั ควรอยกู่ บั การได้ “เหน็ คณุ คา่ ” และ “รจู้ กั พอใจ” ในสงิ่ ท่ี มอี ยู่ เป็นอยู่ ตา่ งหากล่ะ ! แค่การมีร่างกายที่แข็งแรง เป็นปกติ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ไม่ต้อง 28

เสียเวลาเงนิ ทองไปกับการรักษา ค่าหยกู ยา... เทา่ นี้ก็เปน็ ความสขุ แลว้ การไดม้ คี รอบครวั ทอี่ บอนุ่ มพี อ่ แมพ่ นี่ อ้ งรกั ใครป่ รองดอง คอยเปน็ หว่ ง เป็นใย ช่วยเหลอื ดแู ลกนั ... เท่านี้กเ็ ป็นความสุขแลว้ การไดอ้ ยใู่ นสงั คมและสงิ่ แวดลอ้ มดๆี มเี พอื่ นฝงู ทร่ี ใู้ จ จรงิ ใจ ไมเ่ อารดั เอาเปรยี บกนั ... เท่านกี้ ็เป็นความสุขแลว้ การได้ทำอาชีพสุจริต หาเล้ียงตัวเองได้ โดยไม่ต้องเป็นภาระกับใคร อยกู่ นิ แบบเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ตอ้ งร่ำต้องรวย ไม่ตอ้ งมีหน้ีสนิ ... เท่านี้กเ็ ป็น ความสุขแลว้ การได้เห็นเด็กๆ ว่ิงเล่น หัวเราะสนุกสนาน เห็นผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส ทกั ทายกนั ด้วยความเป็นมติ รไมตรี ... เทา่ นกี้ เ็ ปน็ ความสขุ แล้ว การไดอ้ ยใู่ นสถานทเ่ี งยี บสงบ ไมว่ นุ่ วายโกลาหล ไดม้ เี วลาอยกู่ บั ตวั เอง บา้ งเป็นพักๆ ... เท่าน้กี ็เป็นความสุขแลว้ การได้ยินเสียงนกร้อง ได้กลิ่นดอกไม้หอม เห็นใบไม้ปลิวไหว เห็น ทุ่งหญา้ เขยี วขจี ดูรวงข้าวสที อง มองฟา้ ใสเมฆสวย เหน็ พระอาทิตยต์ กยามเย็น มองดวงจันทร์ยามค่ำ แหงนดดู าวบนทอ้ งฟา้ ... เท่านก้ี ็เปน็ ความสขุ แลว้ การได้ต่นื เชา้ มาทำบญุ ใส่บาตร ได้สวดมนตไ์ หวพ้ ระ ให้ทาน รักษาศลี 29

เจริญภาวนา ทำประโยชนใ์ หส้ ว่ นรวม ได้บริจาคโลหติ แกผ่ ู้เจบ็ ปว่ ยประสบภัย บริจาครา่ งกายอวัยวะตา่ งๆ หลังจากสน้ิ ชวี ติ เพอื่ เป็นประโยชนแ์ กผ่ ู้ทย่ี ังอยู่ ... เทา่ นกี้ เ็ ป็นความสขุ แลว้ การไม่ต้องพะวักพะวน หมกมุ่น ดิ้นรนทะยานอยาก การลด ละ เลกิ ได้ในสง่ิ ท่เี กินจำเป็น เกนิ พอด.ี .. เท่านก้ี ็เป็นความสขุ แล้ว ถา้ คนเรารจู้ กั พกั และหยดุ ไลล่ า่ ไขวค่ วา้ แลว้ หนั มาเขย่ี ผงทเ่ี ขา้ ตา ขดั สนมิ ท่ีเกาะกินใจมานานออกไป ก็จะประจักษ์ชัดแจ้งได้ด้วยตัวเองว่า ความสุข นั้นกระจายอยู่รอบตัวเราเต็มไปหมด และไม่เคยหนีหายไปไหนเลย เราเอง ต่างหากล่ะ ท่ีได้แต่หลงมัวเมามืดบอด มองข้ามส่ิงวิเศษที่อยู่ใกล้ตัวไป เหมือน อยูก่ ับเกลือแทๆ้ แตด่ ันดน้ั ดน้ ไปหาด่างกินตงั้ ไกล วนั นี้ ฉนั เรมิ่ สำนกึ รสู้ กึ ตวั แลว้ วา่ ไดค้ ดิ ผดิ และหลงทางไปไกลมาก...ทเี่ คย กล่าวโทษว่า ความสขุ ไม่เคยจรงิ ใจกบั ฉนั น้นั มันไมใ่ ช่หรอก แต่ฉันเองตา่ งหาก ละ่ ... ที่ไมเ่ คยเหลยี วแลและจรงิ ใจกบั ความสขุ ที่ไดร้ บั เลยสกั ครงั้ เดยี ว ! ในวนั ใดวนั หนง่ึ ทเ่ี ราไดร้ ชู้ ดั แจง้ ถงึ ความจรงิ เหลา่ นแ้ี ลว้ กค็ งไมม่ ใี คร ตอ้ งเสยี เวลาพรำ่ บน่ เพอ้ หาอกี ตอ่ ไปวา่ “สขุ จา๋ อยหู่ นใด ? สขุ จา๋ อยหู่ นใด ?” อตฺถมฺหิ ชาตมฺหิ สขุ สหายา มีเพ่ือนตาย กม็ คี วามสุข ตุฏฐฺ ี สุขา ยา อิตรีตเรน ยินดเี ท่าท่หี ามาได้ กม็ ีความสุข ปญุ ญฺ ํ สขุ ํ ชวี ติ สงฺขยมหฺ ิ ทำบุญไว้ ถึงคราวจะตาย ก็มีความสุข สพพฺ สฺส ทุกฺขสฺส สุขํ ปหาน ํ ละทุกข์ไดท้ ้ังหมด ก็มีความสุข 30

เกรด็ เล็กน้อยเกี่ยวกบั มะเร็ง เพื่อเป็นประโยชน์ สำหรับผู้ท่ีอาจจะกำลังป่วยหรือมีคนรู้จักใกล้ชิดเป็น มะเรง็ ฉนั ในฐานะรนุ่ พที่ ผี่ า่ นประสบการณว์ ดั ดวงวดั ใจมาแลว้ อยากจะฝากแงเ่ ดด็ เคลด็ ลบั ไว้ เพอ่ื ชว่ ยในการปฏบิ ตั ติ วั ปฏบิ ตั ใิ จใหเ้ อาชนะมะเรง็ ได้ ดงั น้ ี 1. รู้เขารูเ้ รา ต้องร้เู หตปุ จั จยั ของการเกดิ มะเร็งเสยี กอ่ นว่า อะไรเป็นตัว กระตุ้น อะไรทีช่ ว่ ยชะลอ 1.1 อาหาร • เลอื กรบั ประทานแตอ่ าหารทม่ี คี ณุ ประโยชนค์ รบถว้ นตามหลกั โภชนาการ เชน่ พวก พชื ผัก ผลไมต้ า่ งๆ เปน็ ต้น • หลีกเล่ียงเน้ือสัตว์ใหญ่ เช่น โค กระบือ สุกร เป็ด ไก่ ฯลฯ ที่มสี ว่ นผสมของสารเคมี สารเร่งเน้ือแดง เรง่ การเจริญเติบโต และเชือ้ โรคตา่ งๆ ซึ่งมีผลเสยี อยา่ งร้ายแรงต่อร่างกาย เมื่อรับประทานเข้าไป • หลีกเล่ียงอาหารที่มีส่วนผสมของวัตถุกันเสีย สารกันบูด ดินปะสิว บอแร็กซ์ ยาฆ่าแมลง สารเคมีต่างๆ รวมถึง อาหารประเภททอด ที่ใช้น้ำมัน เก่า-ซำ้ น้ำมนั สีเขยี ว-ดำ และอาหารทปี่ ้งิ ย่าง จนไหม้เกรียม • ไม่ควรรับประทานอาหารชนิดเดิมซ้ำๆ ติดต่อกันเป็นประจำ เช่น วันจันทร์ พุธ ศุกร์ กะเพราไก่ไข่ดาว อังคาร พฤหัสฯ เสาร์ ไข่ดาวกะเพราไก่ อย่างน้ไี ม่ดีแน่ ขอบอก ! 31

• ข่าวดี การรบั ประทานไข่ขาว จะชว่ ยกระต้นุ ปรมิ าณเมด็ เลือดขาวใหม้ ี จำนวนมากข้ึน * 1.2 อากาศ พยายามอยู่ในท่ีท่ีมีอากาศบริสุทธิ์ ถ่ายเท ไหลเวียนสะดวก ปราศจาก มลพษิ เชน่ ฝุ่นละออง เขมา่ ควนั ไฟ ควันบหุ ร่ี ทอ่ ไอเสยี แก๊สพษิ ต่างๆ • หลกี เลีย่ งการสดู ดมกล่นิ ท่ฉี ุนและรุนแรง เชน่ สีน้ำมัน กาว ทนิ เนอร์ น้ำมนั สน หมึกพมิ พ์ เปน็ ต้น • ข่าวไม่ค่อยดี เกสรดอกไม้ อาจทำใหป้ ริมาณเม็ดเลือดขาว ต่ำลงได้ ** 1.3 อารมณ์ • หม่ันสังเกตอารมณ์ของตัวเองอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้เกิดความเครียด บ่อยๆ หรือเกิดการสะสมต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เพราะอารมณ์แบบนี้ ช่วยปลกุ เร้ามะเรง็ ใหต้ ื่นขึน้ หรือฟ้นื คนื ชพี ไดด้ ีนกั เชยี ว • เวลาที่อยู่ในโรงพยาบาล พยายามสร้างอารมณ์ให้เหมือนดูกับว่า ตัวเองกำลังไปพกั ผ่อนอยู่ในโรงแรมท่ีไหนสักแห่ง ซึ่งมีพนักงานคอยดูแลอย่างดี ทำตัวให้เป็นเหมือนคนปกติ และควรกระหยิ่มย้ิมย่องว่า การได้ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสืออย่างสงบ โดยไม่ต้องวุ่นวายกับภารกิจการงานนั้น เป็น โอกาสท่ีหาได้ยากย่ิงนกั 2. จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว ต้องรู้ว่าตัวตนความเป็นคนของเราน้ัน ประกอบด้วยกายและใจ ซ่ึงมี “ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน” และ “สรรพส่ิง *,** เป็นคำแนะนำท่ีฉันได้รับ ขณะรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เพ่ือความแน่ใจ ควรตรวจสอบข้อมูลจาก แพทย์ของท่านอีกที 32

สำเรจ็ ได้ด้วยใจ” • ผู้ท่ีกำลังเป็นมะเร็ง ควรระลึกไว้เสมอว่า มีเพียง 2 ทางเลือกเท่าน้ัน คือ “หายจากโรค” กบั “หายจากโลก” ซึ่งมี “ใจ” เปน็ ผู้ชี้วัด ถ้ากำลังใจดเี ยีย่ ม มอี ารมณข์ นั หัวเราะได้ โอกาสรอดก็สูง แต่ถา้ ใจห่อเหยี่ ว ทอ้ แท้ สน้ิ หวัง การที่ จะตอ้ งพดู วา่ “บ๊ายบายไอลาก่อน” ก็มากตามไปดว้ ย • ความกลัวทำให้เสื่อม มะเร็งไม่ใช่เรื่องน่ากลัว เพราะเป็นเพียงเซลล์ ในร่างกายที่มีอาการผิดปกติ แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือ ความกลัวเมื่อรู้ว่าตัวเอง เป็นมะเร็ง เพราะเปน็ อุปสรรคสำคัญ ในการรกั ษาให้หายขาดอยา่ งแท้จริง 3. ทำตวั เปน็ นักสร้างภาพ วิธกี ารน้ี คิดค้นขน้ึ โดยนายแพทย์โอ.คาร์ล ไซมอนตัน นักรังสีวิทยาผู้เชี่ยวชาญทางด้านเนื้องอก แพทย์ที่มีช่ือเสียงท่ัวโลก ในด้านการใช้จิต-กายรักษาและบำบัดโรคมะเร็ง ท่านเป็นผู้อำนวยการศูนย์วิจัย และแนะนำโรคมะเรง็ แหง่ นครดลั ลาส รฐั เทก็ ซสั ซง่ึ สามารถใชไ้ ดผ้ ลมาแลว้ สำหรบั ใครหลายๆ คน รวมท้ังตัวฉันเองด้วย น่ันก็คือ “ใช้จิตในการสร้างภาพ” โดย ขณะทกี่ ำลงั ทำการรกั ษาดว้ ยการฉายรงั สนี นั้ ใหเ้ ราใชพ้ ลงั ทางจติ จนิ ตนาการ ... • สร้างภาพว่ากระสุนรังสีเล็กๆ จำนวนล้านๆ ลูก กำลังยิงถล่มไปท่ี เซลล์มะเร็งในร่างกาย ทำให้เซลล์เหล่าน้ันสับสนและอ่อนแอลงไปเร่ือยๆ ขณะท่ีเซลล์อื่นๆ ซึ่งเป็นเซลล์ปกติที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน ไม่ได้รับการกระทบ กระเทือนจากกระสุนรังสเี ลย และยังสามารถตอ่ สูก้ ับเซลลท์ เี่ ปน็ โรคอย่างแขง็ ขัน พรอ้ มกบั ซอ่ มแซมเน้ือเยอื่ ไปดว้ ย • สร้างภาพว่าเม็ดเลือดขาว กำลังต่อสู้และเอาชนะเซลล์มะเร็งท่ี อ่อนแอให้พ่ายแพ้ไป แล้วเคล่ือนย้ายเซลล์ท่ีตายแล้วเหล่านั้นไปที่ตับ-ไต และคอ่ ยๆ กำจัดออกไปจากร่างกายทลี ะนอ้ ยจนหมดสิ้น 33

ฉนั ขอเพิ่มเติมอีกนิด สำหรับผูท้ ่ีไดร้ บั ผลขา้ งเคยี งจากการฉายรงั สี หรือ เคมบี ำบัด ก็สามารถนำไปประยุกตใ์ ช้จิตชว่ ยสร้างภาพได้เหมือนกัน เชน่ • ถา้ เจบ็ คอ กส็ รา้ งภาพวา่ มลี ำธาร นำ้ ตก กำลงั ไหลรนิ สรา้ งความชมุ่ ชนื่ ในลำคอตลอดเวลา • ถา้ ผมร่วง ก็สรา้ งภาพวา่ บรเิ วณหนงั ศีรษะของเรา ผลติ ยางเหนียวๆ ขึ้นมา เพื่อยึดเกาะรากผมไว้ไมใ่ ห้หลุดรว่ งโดยง่าย • ถ้ามือเท้าชา ก็สร้างภาพว่า มีมือใครสักคนมาช่วยนวดให้ผ่อนคลาย เพอ่ื เลอื ดลมไหลเวียนไดส้ ะดวกข้นึ 4. มองโรคในแงด่ ี คดิ เสยี วา่ ยงั ดกี วา่ เปน็ โรคอนื่ ทก่ี ารแพทยย์ คุ ปจั จบุ นั ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และควรคิดต่อไปว่า ก็เพราะมะเร็งไม่ใช่เหรอ ? ทชี่ ว่ ยใหเ้ รา… • ได้ฝึกความอดทน ต่อสู้กับความเจ็บปวด ความทุกข์ยากทางกาย และใจ • ได้รู้จกั “กนิ เพ่อื อย”ู่ ไมใ่ ช่ “อยเู่ พื่อกนิ ” เนือ่ งจากประสาทการรับรรู้ ส ไดส้ ญู เสยี ไปหมดสิน้ (ยกเว้นแต่ “รสเผ็ด” เท่าน้ัน ทกี่ ลับรู้ไดไ้ วเปน็ พเิ ศษ) • ไดเ้ หน็ ความไมแ่ นน่ อนของสรรพสง่ิ และสอนใหเ้ ราเปน็ คนไมป่ ระมาท รูจ้ กั ใชช้ วี ติ อย่างมคี ุณคา่ • ไดร้ ้วู า่ ใครเปน็ ผู้ที่ “รักและห่วงใยในตวั เรา” อย่างแท้จริง 5. หม่ันทำสมาธิเป็นประจำ เพราะนอกจากจะทำให้จิตสงบใจสบาย ระบบการควบคุมสติและอารมณ์ดีข้ึน ช่วยลดความหวาดกลัววิตกกังวลได้แล้ว วงการแพทยส์ หรฐั อเมรกิ า ยงั พบวา่ มผี ลดตี อ่ สมอง เพมิ่ ภมู คิ มุ้ กนั โรคในรา่ งกาย 34

ให้สูงขึน้ และยงั ชว่ ยควบคุมอาการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ ได้อีกดว้ ย 6. สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เมื่อเกิดมาแล้ว ก็ย่อมมี แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดา ไม่มีใครจะข้ามพ้นส่ิงเหล่านี้ไปได้ ไม่ว่าผลของการรักษา จะออกมาเป็นบวกหรือลบ หัวหรือก้อย หมู่หรือจ่า ก็ควรจะปล่อยวางและ เตม็ ใจยอมรับวา่ ไม่ใช่เปน็ เพราะ “โชคด”ี หรอื “เคราะห์รา้ ย” หรอก แตม่ ันคือ “วิบาก” ท่เี กดิ จากเราเปน็ ผู้ลงมือกระทำ กแ็ คน่ ัน้ เอง หนทางที่ถูกต้องและปลอดภัยท่สี ุด ก็คือ • ไมเ่ บียดเบยี น ทำร้าย ทำลายชวี ิตผ้อู ื่นและสัตว์อ่ืน • หลีกเล่ียงให้ห่างไกลจากปัจจัยท้ังหลาย อันเป็นต้นเหตุท่ีจะก่อให้เกิด มะเร็งหรอื โรคร้ายแรงต่างๆ ตามมา • หม่ันคดิ พดู และทำแต่ในสิ่งท่ีดี มสี ตริ ตู้ วั อย่เู สมอ • ให้ทาน รกั ษาศีล เปน็ กจิ วัตรประจำวนั ความไอมา่มโรีโครคฺยปเรปมน็ าลลาาภภอาย า่ งย่งิ 35

ขอขอบพระคุณ นพ.สมศักดิ์ จันทรศร ี คุณหมออารมณ์ดี ...ท่ีดกึ ดนื่ เท่ยี งคืน ทา่ นยงั กรุณาสละเวลาส่วนตวั มาช่วยแพ็กจมูก ท่ีเลอื ดไหลไมห่ ยุดให้ฉนั ศาสตราจารยเ์ กียรตคิ ุณ พญ.พวงทอง ไกรพิบลู ย ์ ...ทีว่ างแผน จดั การเรือ่ งการฉายรังส ี และตดิ ตาม ตรวจตราไม่ใหม้ ะเรง็ แอบโผลม่ าอีกตลอด 12 ปที ผี่ ่านมา นพ.อาคม เชียรศิลป์ ...ที่ดแู ลเรอ่ื งเคมบี ำบดั กำจดั มะเรง็ ใหร้ าบคาบ ซ่งึ เมื่อรักษาหายแล้ว ท่านไดถ้ ามฉนั ว่า “ไมก่ ลัวตายเหรอ ที่เลอื ดออกมากขนาดน้ัน ?” ฉันตอบท่านวา่ “ไม.่ ..เพราะว่าเกดิ มาแลว้ กต็ อ้ งตายทกุ คน !” ศาสตราจารย์ นพ.ธรี ะวัฒน์ เหมะจฑุ า ...ทไ่ี ดร้ กั ษาอาการเส้นโลหิตในสมองตีบ (อันเปน็ วบิ ากตอ่ จากมะเรง็ ) ให้หายเปน็ ปกต ิ พยาบาล-เจ้าหน้าท่ี ในรพ.เมโย และรพ.ศนู ยม์ ะเร็งกรงุ เทพ ...ทีช่ ว่ ยดแู ล อำนวยความสะดวกในดา้ นตา่ งๆ

ผ้บู ริจาคโลหิต ...ทเ่ี ต็มใจสละส่ิงมคี า่ ให้ โดยไมห่ วงั ผลตอบแทนใดๆ มารดา บดิ า พส่ี าว พช่ี าย ภรรยา ญาติ มิตร ทกุ ท่าน ...ท่มี ีสว่ นสำคัญในการให้กำลังใจ กำลงั ทรัพย์ เพื่อบรรเทาความทกุ ขท์ างกายและใจให้ฉัน ระหว่างตอ่ สกู้ ับมะเรง็ ...ที่อุตสา่ หต์ ระเวนหาของอรอ่ ยๆ มาบำรุงร่างกายอนั ผ่ายผอม ทรุดโทรม ...ท่ีช่วยเชด็ ลา้ งทำความสะอาดหลังขับถา่ ย ในเวลาที่ฉันชว่ ยเหลือตัวเองไมค่ ่อยได้ ฯลฯ อนิจฺจา วต สงขฺ ารา สังขารท้งั หลาย ไมเ่ ท่ยี งหนอ





ใคร ทม่ี ีอายรุ นุ่ ราวคราวเดยี วกนั หรอื มากกว่าฉนั ขึ้นไป คงจะยังพอจำ คำขวญั วนั เดก็ ทวี่ า่ “เดก็ ในวนั นค้ี อื ผใู้ หญใ่ นวนั หนา้ ” กบั “เดก็ ดเี ปน็ ศรแี กช่ าติ เด็กฉลาดชาติเจริญ” กันได้ ซ่ึงคำถามยอดฮิตในสมัยน้ัน ที่เด็กแทบทุกคนจะ ต้องถกู ถามก็คือ “โตขน้ึ หนูอยากจะเป็นอะไร ?” เด็กส่วนใหญ่ก็มักจะตอบว่า อยากเป็นหมอ พยาบาล ทหาร ตำรวจ อะไรประมาณน้ี แต่ก็มีเด็กผู้ชายบางคนท่ีอินกับหนังญี่ปุ่นมาก จะบอกว่าเขา อยากเป็นหน้ากากเสือ เป็นยอดมนุษย์ หรือไอ้มดแดงมดเอ็กซ์ ส่วนเด็กผู้หญิง ก็อยากเป็น นางฟ้า สโนไวท์ เจ้าหญิง เหมือนในนิทานท่ีได้ฟังมา ซ่ึงต่างกับ ยุคสมัยนี้มาก ที่ส่วนใหญ่แล้ว อยากจะเป็นศิลปิน นักแสดง นักร้อง นางแบบ พรติ ตี้เกิรล์ กนั ซะมากกว่า สว่ นตวั ฉนั ในสมยั ทเี่ ปน็ เดก็ (ซง่ึ กด็ เู หมอื นวา่ ไมน่ านมานเี้ อง ฮิ ! ฮิ !) ก็มี ความคิดอยากจะเป็นหมอกับเค้าเหมือนกัน เพราะรู้สึกว่าได้ช่วยรักษาคนไข้ และใครๆ ในสมยั นั้นก็รกั และนับถือหมอมากดว้ ย พอโตขนึ้ มาเปน็ วยั รนุ่ แลว้ ถงึ ไดร้ วู้ า่ การจะไดเ้ ปน็ หมอนน้ั ตอ้ งเรยี นเก่ง มากๆ จึงจะสำเร็จได้ พออยู่ชั้นม.ปลาย ฉันเลยเปล่ียนความคิดอยากไปเป็น สถาปนิกแทน เพราะพอจะมีหัวทางศิลป์กับเค้าบ้าง แต่สุดท้ายก็สอบเข้า คณะสถาปัตย์ ฯ ไม่ได้ เลยเปลี่ยนความคิดอีกหน ทีน้ีก็ไม่เรื่องมากแล้ว จะ เป็นสถาปนึกหรืออะไรก็ได้ท้ังน้ัน ไม่ซีเรียส ขอให้เรียนจบมหา’ลัย มีงานทำ ก็พอใจแล้ว (เพราะความคิดมันเปลี่ยนกันได้น่ี จริงม้ัย ? และฉันก็ไม่ใช่คนท่ี ยึดตดิ กับอะไรด้วย (เพราะสง่ิ ท่ีอยากจะยดึ เขาไมใ่ หย้ ึดไง !)) 40

ส่วนใครที่ตั้งเป้าหมายไว้และสามารถทำจนสำเร็จได้ เพราะเขามีความ มงุ่ มัน่ แน่วแน่ จรงิ จัง ฉันก็พลอยชืน่ ชมยนิ ดไี ปกบั เขาด้วย ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีอีกหลายคนที่รู้สึกว่า การเป็นหมอ เป็นวิศวกร หรืออาชีพอะไรก็ตามแต่ มันเป็นเร่ืองธรรมดาข้ีปะต๋ิวเกินไป ที่ใครก็เป็นกันได้ ซึ่งมันไม่น่าท้าทายสักนิด จึงอยากจะทำอะไรท่ีพิเศษยากยิ่งไปกว่าน้ัน เช่น การเปน็ ผ้พู ิชติ ยอดเขาท่สี ูงที่สุดในโลก เปน็ ตน้ น่ันจึงเป็นที่มาของหนังสือช่ือดังท่ีมีการรวบรวมเร่ืองราว การกระทำ หรือ เหตกุ ารณท์ ี่แปลก นา่ ทง่ึ พิลกึ พลิ น่ั จนได้ชือ่ วา่ เป็นท่ีสุดในโลกบันทกึ ไว้ มากมาย เช่น เรือสำราญขนาดใหญ่... หนังสือลึกลับ... หม้อพะโล้ยักษ์... ขวดไวนเ์ ลก็ ... โรงเรยี นเงยี บ... กาแฟแพง... รอ้ งแรพ็ เรว็ ... เรอเสยี งดงั ... ขนหยู าว... เล่นสเก็ตถอยหลังนาน... อมดาบคาบของหนัก... กินโลหะ&แก้วได้มาก... กิน แมลงสาบเยอะ... เจาะตามเน้ือตัวแยะ... ตากถุงเท้าเพียบ... หย่อนก้นลงบน เกา้ อไ้ี ดเ้ รว็ ... (...ท่ีสดุ ในโลก) และอ่นื ๆ อกี มากมายนับไม่หวาดไหว ถ้าเธอลองสังเกตดู จะพบว่าความเป็นที่สุดในโลกเหล่านั้น เป็นเรื่อง ที่สามารถเห็นได้ด้วยตา ได้ยินด้วยหู และใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์วัดค่าได้ ซึง่ ก็หนีไม่พ้นเรื่อง เลก็ ใหญ่ ยาวนาน เรว็ ไว แปลกพิสดาร อลังการมาก และฉนั เองกค็ ดิ วา่ ยงั ขาดทสี่ ดุ ในโลกอกี ประเภทหนง่ึ ทวี่ ดั กนั ดว้ ยใจ ดว้ ยความรสู้ ึก ซึ่งไม่ได้มกี ารบนั ทกึ ไว้ น่นั ก็คือเร่ืองทีฉ่ ันกำลงั จะเล่าตอ่ ไปน้ี... 41

ครงั้ หนง่ึ ในการอบรมปฏบิ ตั กิ รรมฐาน โดยทา่ น “ชยสาโรภกิ ข”ุ เปน็ พระ อาจารย์ผู้ฝึกสอน ท่านได้ถามคำถามกับผู้มาปฏิบัติธรรมว่า “กล้วยอะไร อร่อยทีส่ ุดในโลก ?” หลายคนในท่ีนั้นก็คงคิดไปถึงกล้วยพันธ์ุต่างๆ ที่ตัวเองเคยกินและชอบ มากท่ีสุด เช่นกล้วยหอม กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ กล้วยหักมุก เป็นต้น และคงมี บางคนทน่ี กึ ถงึ แบบทแ่ี ปรรปู แลว้ อยา่ งกลว้ ยแขก กลว้ ยตาก กลว้ ยบวชชี กล้วย เชือ่ ม ขา้ วเมา่ ทอด รวมไปถงึ เบรกแตก ท่ีอร่อยจนเกือบหยดุ ไมไ่ ด้ด้วยซ้ำไป แต่ก็ไม่มีใครกล้าตอบออกมา เพราะก็รู้ๆ กันอยู่ว่า คำถามของท่าน อาจารย์ ตอ้ งไมใ่ ชเ่ รอื่ งเกย่ี วกบั รสนยิ มของแตล่ ะบคุ คล ทใี่ ครๆ กต็ อบไดแ้ น่ แต่ ต้องใช้ความคิดหลายชั้น ใช้ปัญญาซับซ้อนหลายตลบ ในการกล่ันกรองหา คำตอบท่ถี ูกต้องตรงกบั ปริศนาของท่านได้ เมื่อเวลาผ่านไปพักหนึ่งก็ยังไม่มีเสียงตอบ (เพราะมัวแต่ตอบในใจดังๆ) ท่านอาจารย์จึงได้เฉลยว่า “กล้วยที่อร่อยที่สุดในโลก ก็คือ กล้วยที่แบ่งให้ เพ่อื นกนิ ” เป็นยังไงละ่ เธอกบั คำเฉลยของทา่ น ? สำหรบั ตัวฉนั น้ันได้ยินแล้ว รูส้ ึก องึ้ กมิ กี่ ไปเลย เพราะชา่ งเปน็ คำตอบทลี่ กึ ซง้ึ และสรา้ งสรรคจ์ รงิ ๆ ซง่ึ ฉนั เชอ่ื มนั่ วา่ กลว้ ยทอ่ี รอ่ ยทส่ี ดุ ในโลกน้ี ยงั ไมไ่ ดร้ บั การบนั ทกึ ไวใ้ นหนงั สอื เลม่ ใดอยา่ งแนน่ อน 42

ฉนั รสู้ กึ ขอบพระคณุ ทา่ นอาจารยช์ ยสาโรภกิ ขเุ ปน็ อยา่ งยง่ิ ทไ่ี ดก้ รณุ า เปิดเผยสุดยอดเคล็ดลับวิชา ในการสร้างสถิติของความเป็นท่ีสุดในโลกอย่าง งา่ ยๆ ไว้ เพื่อให้ฉันและผู้ปฏิบัติธรรมคนอืน่ ๆ ไดล้ องไปทำกนั เพราะถ้ากล้วยที่อร่อยท่ีสุดในโลกน้ัน ไม่จำเป็นจะต้องมีเปลือกสวย เนอ้ื เหลือง กล่ินหอม รสหวาน หรือต้องอิมพอร์ต ราคาแพงแลว้ หละก็ มนั อาจ เปน็ กลว้ ยทีเ่ ติบโตขึน้ เองภายในบา้ นของใครก็ได้ เพียงแค่คนๆ นน้ั รู้จักนำ ไปแบ่งปนั ใหผ้ อู้ ื่นได้ลองลิ้มชมิ รสชาติของมัน ถ้าอย่างนั้น มะเฟือง มะไฟ มะกรูด มะนาว มะพร้าว ส้มโอ ฟักแฟง แตงโม ของใครหลายๆ คน กก็ ลายเปน็ ผลไมอ้ รอ่ ยทส่ี ดุ ในโลก ไดน้ ะ่ ซ่ิ ไชโยโหฮ่ วิ้ ! รวมไปถงึ ขา้ วเหนยี วทเุ รยี น ขนมหมอ้ แกง ทองหยบิ ทองหยอด เมย่ี งคำ สลมิ่ ทบั ทมิ กรอบ บวั ลอยเผอื ก ทฉ่ี นั ชอบซอ้ื มากนิ กเ็ ปน็ ขนมอรอ่ ยทส่ี ดุ ในโลก ไดด้ ว้ ย เงินในบัญชีธนาคารของเศรษฐีนักธุรกิจ ท่ีเขามีอยู่ท่วมท้น จะแปลงไป เป็นเงนิ สกุลท่มี คี า่ ท่สี ุดในโลก ได้นะ่ ซ่ิ ว้าว ! ทองคำแทง่ ทห่ี ลายคนซอื้ ตนุ ไว้ จะเอาไปเพม่ิ มลู คา่ เปน็ ทนุ การศกึ ษาท่ีมี คา่ ท่สี ดุ ในโลก แก่เด็กนกั เรียนท่ีขาดแคลนยากไร้ กไ็ ดเ้ หมือนกัน 43

แหวนเพชร กำไลหยก ของพวกไฮซ้อไฮโซ ท่ีไม่ค่อยได้ใส่ เพราะกลัว โดนจนี้ ะ่ จะเอาไปเปลยี่ นเปน็ ปจั จยั สที่ ด่ี ที สี่ ดุ ในโลก อนั ไดแ้ ก่ อาหาร ทอี่ ยอู่ าศยั เครื่องนงุ่ ห่ม ยารักษาโรค แกผ่ ูป้ ระสบภยั ธรรมชาติก็ได้ดว้ ย ทด่ี นิ นบั รอ้ ยไรท่ ร่ี กรา้ งวา่ งเปลา่ ของพอ่ คา้ นายทนุ จะแปลงไปเปน็ ผนื ดนิ ท่ีมีค่าท่ีสุดในโลก โดยการสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล วัดวาอาราม สถาน ปฏิบัติธรรม ใหก้ บั ชาวบา้ นก็น่าจะดนี ะ ! สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ท่ีมีอยู่อย่างเหลือเฟือเกินความจำเป็น ในชีวิต ประจำวันของเราๆ ท่านๆ ท้ังหลาย ก็สามารถเอามาแปลงให้เป็นสิ่งที่มีค่า มี ประโยชน์ที่สดุ ในโลกไดอ้ ย่างดี วีซดี ี ดวี ีดี หนังสือเก่า ที่ ฟัง ดแู ละอา่ นจบแล้ว ก็แปลงไปเปน็ ส่ือสาระ ความรู้ ความบันเทงิ ทม่ี ีประโยชนท์ ่ีสดุ ในโลกแก่เด็กดอ้ ยโอกาสได ้ หรอื แมแ้ ตเ่ ศษอาหารทเี่ รากนิ ไมห่ มดในแตล่ ะมอ้ื เชน่ กา้ งปลา กระดกู หมู เนอ้ื ตดิ มนั จะแปลงเป็นอาหารยอดอร่อยท่สี ดุ ในโลกสำหรับแมว หมา กย็ ังได ้ การจะทำส่ิงใดให้เป็นท่ีสุดในโลกนั้น ไม่ใช่เร่ืองยากเลย ใครๆ ก็ สามารถทำได้ เพราะไม่จำเปน็ ต้องสร้างความแปลกใหม่ ใหญ่ยาวนาน พสิ ดาร มากให้เกิดขึ้นก็ได้ อีกทั้งยังไม่ต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดสักนิดเดียว ไม่ ต้องหม่ันฝึกฝนให้มีทักษะความสามารถพิเศษเหนือใครเลย และไม่ต้องอาศัย ระยะเวลา ความอดทนใดๆ ทง้ั ส้นิ ดว้ ย 44

เพียงแค่เรารู้จักสละแบ่งปัน เห็นอกเห็นใจในความทุกข์ยากของ ผู้อ่ืน กส็ ามารถสร้างส่งิ ท่เี ปน็ ที่สดุ ในโลกให้เกิดขึ้นได้งา่ ยๆ แลว้ ถงึ แมว้ า่ สง่ิ ทไี่ ดก้ ระทำนนั้ จะไมช่ ว่ ยใหไ้ ดร้ บั การยกยอ่ ง ใบประกาศ เกียรติคุณ โล่รางวัล หรือถูกบันทึกไว้ในหนังสือเล่มใดๆ เลยก็ตาม แต่ อย่างนอ้ ย... ก็ได้มีการประทบั ไวใ้ นใจของผ้ใู ห้และผรู้ ับ ตราบนานเทา่ นาน แล้ว มใิ ช่หรอื ? เธอคดิ เหมอื นฉนั มั้ยละ่ ? น เว กทรยิ า เทวโลกํ วชนฺติ แน่นอน คนตระหน่ีไมม่ โี อกาสไปเทวโลก พาลา หเว นปฺปสํสนตฺ ิ ทาน ํ แนน่ อน คนโง่ ไม่สรรเสรญิ การให้ ธโี ร จ ทานํ อนโุ มทมาโน แตค่ นฉลาด ยนิ ดใี หท้ าน เตเนว โส โหติ สขุ ี ปรตถฺ นี่แลทบ่ี นั ดาลใหเ้ ขาได้รบั สุขในปรภพ 45





กาล คร้ังหนึ่งเม่ือไม่นานมานี้ ฉันได้ดูสารคดีของ BBC ประเทศ อังกฤษ ในตอนท่ีมีชื่อว่า “Murder In The Family ตระกูลเพชฌฆาต” เป็น เร่ืองราวของสัตว์หลายชนดิ ท้งั นก หนู หมาปา่ เต่าทอง หอยทาก หนอนผีเสอื้ กบ ฯลฯ ทเี่ กดิ มาในช่วงฤดูขาดแคลนอาหาร ตัวที่แข็งแรงกว่าหรือฟักเป็นตัวก่อน จะรีบลงมือกำจัดตัวท่ีอ่อนแอกว่า โดยการจกิ ตกี ัดกิน หรอื ไมก่ ็เขีย่ ไขท่ ีย่ ังไม่ฟกั เปน็ ตวั ท้งิ ให้หลน่ ไปจากรัง เพ่อื เป็น การลดจำนวนคู่แข่งในการแย่งชิงอาหาร ขนาดเป็นพี่น้องท้องเดียวที่คลานตาม กนั มาแทๆ้ ยังทำกนั ได้ลงคอ ดแู ล้วชา่ งน่าสลดหดหูใ่ จย่งิ นัก การกระทำของสัตว์เหล่านี้อาจมองได้หลายแง่มุม จะว่าเป็นเร่ืองของ ธรรมชาติ เป็นสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดก็ได้ จะมองว่าเป็นความโหดร้าย หรืออาจเป็นเพราะความเห็นแก่ตัว ที่สัตว์ส่วนใหญ่น้ันรักตัวเองมากจนเกินเหตุ โดยยึดเอาความอยู่รอดของตนเป็นท่ีต้ัง จึงไม่ได้สนใจไยดีต่อความเป็นไปของ ชวี ิตผอู้ ่นื แม้แตน่ อ้ ย กไ็ ด้ ฉนั เลยได้แตห่ วงั ว่า คนเราคงไม่เป็นเช่นน้ันนะ เพราะเมอ่ื ถึงยคุ ขา้ วยาก หมากแพง ถงึ คราวโลกขาดแคลนอาหาร จะได้ไม่ตอ้ งมาคอยเหลยี วซ้ายแลขวา เสยี วสันหลงั วูบวาบ เพราะกลัวโดนเชอื ดโดนเฉือน เอาเนอ้ื หนงั มังสาและตับไต ไส้พุงไปต้มยำทำแกง ให้บางคนได้กินเพ่ือมีชีวิตรอดต่อไป เหมือนอย่างสัตว์ บางประเภททีเ่ ลา่ มาหรอกนะ โบราณท่านว่า ดูหนังดูละครแล้วให้ย้อนมาดูตัว เม่ือได้ดูสารคดีแล้ว 48

ฉนั ก็เลยยอ้ นมาดตู ัวเองบ้าง รสู้ กึ ว่าเปน็ ผ้ทู ่ีโชคดมี าก มากกวา่ ถึงมากทสี่ ุดเลย ท่ีได้เกิดมาเป็นคน เพราะไม่งั้นอาจโดนพ่ีๆ เล่นงานไปให้พ้นทางตั้งแต่แรกแล้ว กฉ็ นั ดนั โผล่ออกมาตามหลงั เคา้ เพื่อนน่ี ! นอกจากพวกเขาจะไมเ่ ขยี่ ฉนั ทงิ้ ดว้ ยความรงั เกยี จรงั แกแลว้ ยงั ใหค้ วามรกั และคอยช่วยเหลอื ฉันอย่างเตม็ ท่ีด้วย จงึ ทำให้ยงั มีตวั ตนเปน็ ๆ กระโดดโลดเตน้ ไปมาได้ จนถงึ ทุกวันนไ้ี งล่ะ ! ในทัศนะของฉัน ความรักจึงมีความสำคัญอย่างย่ิง รักเป็นส่ิงที่ช่วย หล่อเลี้ยงให้คนเราเจริญเติบโตขึ้นมาได้ จากทารกกลายเป็นเด็ก แล้วก้าวสู่ ความเปน็ วยั รนุ่ เปน็ ผใู้ หญ่ จนยา่ งเขา้ สคู่ วามเปน็ สว. (สงู วยั ) รกั ชว่ ยใหส้ รรพสง่ิ พัฒนาไปในทางท่ีดี และทำใหส้ รรพสัตวใ์ นโลก อยู่กนั อยา่ งรม่ เย็นเป็นสขุ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ หากปราศจากซึ่งความรักท่ีมีให้แก่กันแล้ว คงยากท่ีจะดำรงชีวิตอยู่ในโลกใบน้ีได้ หรือทว่าอยู่ได้ ก็ต้องเต็มไปด้วยความ ลำบากแสนสาหสั อยา่ งยง่ิ ซง่ึ ครอบครวั ชมุ ชนและสงั คมใด ทม่ี คี วามรกั แผก่ วา้ ง ออกไปมากเทา่ ใด ผคู้ นทมี่ สี ว่ นร่วมอยู่ในที่แห่งนนั้ ก็ยอ่ มมคี วามสุขมากข้นึ ตาม ไปด้วย โดยหลักสัจธรรม (ความจริงแท้) สิ่งใดมีคุณอนันต์ สิ่งนั้นก็อาจเป็น โทษมหันต์ได้ ถ้าไม่รู้จักนำไปใช้ให้ถูกทาง “รัก” ซึ่งมีความหมายว่า “มีใจ ผกู พนั ด้วยความห่วงใย” ก็เช่นกัน สมควรระวังอยา่ งยิง่ ท่จี ะต้องรู้จักนำไปใชใ้ ห้ เกดิ ประโยชน์ ให้มคี วามเหมาะสมพอดบิ พอดี ไม่มากและไมน่ อ้ ยเกนิ ไป 49


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook