เรื่อง เยาวชนไทยห่างไกลยาเสพติด จัดทำโดย นายมาโนช ด่านขุนทศ โรงเรียนสอยดาววิทยา
ประเภทของ ยาเสพติด
ยาเสพติดธ รรมชาติ (Natural Drugs) คือยาเสพติดที่ผลิตมาจากพืช เช่น ฝิ่ น กระท่อม กัญชา เป็นต้น
ยยาเาสเสพพติตดิดสัสงัเงคเคราระาหะ์ห(์S(ySnynththeteitci c DDrurugsg)sค)ืคอืยอยาเาสเสพพติตดิดที่ทผี่ผลิตลิตขึ้ขนึ้น ด้ดว้ยวยกกรรมรมวิธวีิทธีทางาเงคเคมีมเีชเ่ชน่นเฮเโฮรโอรีนอีน แแอมอมเฟเฟตตามาีมนีนเปเ็ปน็นต้ตน้น
เสพติดให้โทษ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น ๕ ประเภท ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ ๑ ได้แก่ เฮโรอีน แอลเอสดี แอมเฟตามีน หรือยาบ้า ยาอีหรือยาเลิฟ ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ ๒ ยาเสพติดประเภทนี้สามารถนำมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้ แต่ ต้องใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์ และใช้เฉพาะกรณีที่จำเป็นเท่านั้น ได้แก่ ฝิ่ น มอร์ฟีน โคเคน หรือโคคาอีน โคเคอีน และเมทาโดน ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ ๓ ยาเสพติดประเภทนี้เป็นยาเสพติดให้โทษที่มียาเสพติดประเภทที่ ๒ ผสมอยู่ด้วย มี ประโยชน์ทางการแพทย์ การนำไปใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น หรือเพื่อเสพติด จะมีบทลงโทษกำกับไว้ ยาเสพติดประเภทนี้ ได้แก่ ยาแก้ไอ ที่มีตัวยาโคเคอีน ยาแก้ท้องเสีย ที่มีฝิ่ นผสมอยู่ด้วย ยาฉีดระงับปวดต่าง ๆ เช่น มอร์ฟีน เพทิดีน ซึ่ง สกัดมาจากฝิ่ น
ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ ๔ คือสารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ ๑ หรือประเภทที่ ๒ ยาเสพติด ประเภทนี้ไม่มีการนำมาใช้ประโยชน์ในการบำบัดโรคแต่อย่างใด และมีบทลงโทษกำกับไว้ด้วย ได้แก่น้ำยาอะเซติค แอนไฮไดรย์ และ อะเซติลคลอไรด์ ซึ่งใช้ในการเปลี่ยนมอร์ฟีนเป็นเฮโรอีน สารคลอซูไดอีเฟครีน สามารถใช้ในการ ผลิตยาบ้าได้ และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทอีก ๑๒ ชนิด ที่สามารถนำมาผลิตยาอีและยาบ้าได้
แบ่งตามการออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ซึ่งแบ่งออกเป็น ๔ ประเภท คือ ยาเสพติดประเภทกดประสาท ได้แก่ ฝิ่ น มอร์ฟีน เฮโรอีน สารระเหย และยากล่อมประสาท ยาเสพติดประเภทกระตุ้นประสาท ได้แก่ แอมเฟตามีน กระท่อม และ โคคาอีน ยาเสพติดประเภทหลอนประสาท ได้แก่ แอลเอสดี ดีเอ็มพี และ เห็ดขี้ควาย ยาเสพติดประเภทออกฤทธิ์ผสมผสาน กล่าวคือ อาจกดกระตุ้น หรือ หลอนประสาทได้พร้อม ๆ กัน ตัวอย่างเช่น กัญชา
แบ่งตามองค์การอนามัยโลก ซึ่งแบ่งออกได้เป็น ๙ ประเภท คือ ประเภทฝิ่ น หรือ มอร์ฟีน รวมทั้งยาที่มีฤทธิ์คล้ายมอร์ฟีน ได้แก่ ฝิ่ น มอร์ฟีน เฮโรอีน เพทิดีน ประเภทยาปิทูเรท รวมทั้งยาที่มีฤทธิ์ทำนองเดียวกัน ได้แก่ เซโคบาร์ปิตาล อะโมบาร์ปิตาล พาราลดีไฮด์ เมโปรบาเมท ไดอาซี แพม เป็นต้น ประเภทแอลกอฮอล ได้แก่ เหล้า เบียร์ วิสกี้ ประเภทแอมเฟตามีน ได้แก่ แอมเฟตามีน เมทแอมเฟตามีน ประเภทโคเคน ได้แก่ โคเคน ใบโคคา ประเภทกัญชา ได้แก่ ใบกัญชา ยางกัญชา ประเภทใบกระท่อม ประเภทหลอนประสาท ได้แก่ แอลเอสดี ดีเอ็นที เมสตาลีน เมลัดมอนิ่งกลอรี่ ต้นลำโพง เห็ดเมาบางชนิด ประเภทอื่น ๆ นอกเหนือจาก ๘ ประเภทข้างต้น ได้แก่ สารระเหยต่าง ๆ เช่น ทินเนอร์ เบนซิน น้ำยาล้างเล็บ ยาแก้ปวด และ บุหรี่
ความรู้เกี่ยวกับยาเสพติดและการป้องกัน ยาเสพติด หมายถึง สารเคมี หรือสารใดก็ตาม ซึ่งเมื่อบุคคลเสพ หรือรับเข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าโดยการฉีด การสูบ การกิน การดม หรือวิธีอื่น ติดต่อกัน เป็นเวลานาน หรือ ช่วงระยะเวลาหนึ่ง แล้วจะก่อให้เกิดเรื้อรัง ซึ่งจะทำให้เกิดความเสื่อมโทรมขึ้นแก่บุคคล ผู้เสพ และแก่สังคมด้วย ทั้งจะต้องทำให้ ผู้เสพแสดงออกซึ่งลักษณะ ดังนี้ ผู้เสพมีความต้องการอย่างแรงกล้า ที่จะเสพยาชนิดนั้น ๆ ต่อเนื่องกันไป และต้อง แสวงหายาชนิดนั้น ๆ มาเสพให้ได้ไม่ว่าด้วยวิธีการใด ๆ ก็ตาม ผู้เสพจะต้องเพิ่ มปริมาณของยาที่เคยใช้ให้มากขึ้นทุกระยะ ผู้เสพจะมีความปรารถนาอยากเสพยาชนิดนั้น ๆ อย่างรุนแรง ระงับไม่ได้ คือ มีการ ติดและอยากยาทั้งทาง ด้านร่างกายและจิตใจ
การติดยาเสพติดอาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจาก ความอยากรู้อยากลอง ด้วยความคึกคะนอง เพื่อนชวน หรือต้องการให้เป็นที่ยอมรับจากกลุ่มเพื่อน มีความเชื่อในทางที่ผิด เช่น เชื่อว่ายาเสพติดบางชนิด อาจช่วยให้สบายใจ ลืมความทุกข์ หรือช่วยให้ทำงานได้มากๆ ขาดความระมัดระวังในการใช้ยา เพราะคุณสมบัติของยา บางชนิดอาจทำให้ผู้ใช้ยาเกิดการเสพติดได้โดยไม่รู้ตัว หากใช้ยาอย่างพร่ำเพรื่อ สภาพแวดล้อม ถิ่นที่อยู่อาศัย มีการค้ายาเสพติด หรือมี ผู้ติดยาเสพติด ถูกหลอกให้ใช้ยาเสพติดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพื่อหนีปัญหา เมื่อมีปัญหาแล้วไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับตัวเองได้
แนวทางแก้ไข
การสังเกตผู้ติดยาเสพติด 1.ยาเสพติดเมื่อเกิดการเสพติดแล้วจะมีผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจซึ่งทำให้ลักษณะและ ความประพฤติของผู้เสพเปลี่ยนไปจากเดิมที่อาจสังเกตพบได้ คือ 2.ร่างกายทรุดโทรม ซูบผอม 3.อารมณ์ฉุนเฉียวหรือเงียบขรึมผิดปกติ จึงมักพบผู้เสพติดชอบทะเลาะวิวาทหรือทำร้ายผู้อื่น หรือในทางกลับกัน บางคนอาจชอบแยกตัว 4.ถ้าผู้เสพเป็นนักเรียนมักพบว่าผลการเรียนแย่ลงถ้าเป็นคนทำงานมักพบว่าประสิทธิภาพใน การทำงานลดลงหรือไม่ยอมทำงานเลย
5. ใส่เสื้อแขนยาวตลอดเวลา เพื่อปกปิดรอยเข็มที่ฉีดยาตรงท้องแขนด้านใน หรือรอยกรีดตรงต้นแขนด้านใน 6. ติดต่อกับเพื่อนแปลกๆใหม่ๆซึ่งมีพฤติกรรมผิดปกติ 7. ขอเงินจากผู้ปกครองเพิ่ม หรือยืมเงินจากเพื่อนฝูงเสมอเพื่อนำไปซื้อยาเสพติด 8. ขโมย ฉกชิง วิ่งราว เพื่อหาเงินไปซื้อยาเสพติด 9. ผู้ติดยาเสพติดบางชนิด เช่น เฮโรอีน จะมีอาการอยากยาบางคนจะมีอาการรุนแรงถึงขั้นลงแดง อย่างไรก็ตาม อาการดังกล่าวข้างต้น ไม่จำเป็นต้องเป็นผลมาจากการติดยาเสพติดเสมอไป อาจเกิดจากความ ผิดปกติในเรื่องอื่นก็ได้ เมื่อสงสัยว่า ผู้ใด ติดยาเสพติด จึงควรใช้การซักถาม อย่างตรงไปตรงมา ด้วยท่าทีที่ เป็นมิตร พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือ ผู้ที่ติดยาส่วนใหญ่ รู้ว่าการใช้ยาเสพติดเป็นเรื่องไม่ดี หลายรายเคยมี ความคิดที่จะเลิกแต่ทำไม่สำเร็จ การถามด้วยท่าทีเป็นมิตรจึง เป็นการช่วยให้ผู้เสพได้พู ด ตามความจริง คำถามที่ใช้ไม่ควร ถามว่าติดหรือไม่ แต่ควรถามพฤติกรรมการใ ช้ อาทิถามว่าเคยใช้หรือไม่ ครั้งสุดท้ายที่ใช้ เมื่อไหร่ ฯลฯ
ป้องกันยาเสพติด ป้องกันตนเอง ไม่ทดลองยาเสพติดทุกชนิด และพยายามปลีกตัวออกห่างจากบุคคลหรือกลุ่มที่ เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ถ้ามีปัญหาหรือไม่สบายใจ อย่าเก็บไว้คนเดียว ควรปรึกษาพ่อแม่ ครู ผู้ใหญ่ ใช้ เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เช่น อ่านหนังสือ เล่นกีฬาหรือทำงานอดิเรกต่าง ๆ ตามความสนใจและความ ถนัด ระมัดระวังในการใช้ยาต่าง ๆ และศึกษาให้เข้าใจถึงโทษภัยของยาเสพติด ป้องกันครอบครัว ควรสอดส่องดูแลเด็ก และบุคคลในครอบครัวอย่าให้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด อบรม สั่งสอนให้รู้ถึงโทษภัยของยาเสพติด ดูแลเรื่องการคบเพื่อน คอยส่งเสริมให้เขารู้จักการใช้เวลาในทางที่ เป็นประโยชน์ เช่น การทำงานบ้าน เล่นกีฬา ฯลฯ เพื่อป้องกันมิให้เด็กหันเหไปสนใจในยาเสพติด สิ่ง สำคัญก็คือทุกคนในครอบครัวควรสร้างความรัก ความเข้าใจ และความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ป้องกันชุมชน หากพบผู้ติดยาเสพติดควรช่วยเหลือแนะนำให้เข้ารับการบำบัดรักษาโดยเร็ว โดยกฎหมาย จะยกเว้นโทษให้ผู้ที่สมัครเข้าขอรับการบำบัดรักษาอาการติดยาเสพติด ก่อนที่ความผิดจะปรากฏต่อเจ้า หน้าที่ และเมื่อรู้ว่าใครกระทำผิดฐานนำเข้าส่งออก หรือจำหน่ายยาเสพติด ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้า หน้าที่ศุลกากร หรือเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.)
เยาวชนกับยาเสพติด เมื่อพู ดถึงปัญหายาเสพติด คนส่วนใหญ่ก็มักจะมุ่งความสนใจไปที่กลุ่มผู้ผลิตผู้ค้าและ ผู้เสพยาเสพติดโดยเฉพาะ ผู้เสพยาเสพติดที่เป็นเยาวชน ซึ่งเป็นผู้เสียหายโดยตรงจึงทำให้ ้ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นบิดามารดา ครู ผู้ปกครอง องค์กร ภาครัฐและภาคเอกชนตลอดจน สื่อมวลชนต่างก็ให้ความสนใจที่จะเข้ามามีส่วนร่วม ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายา เสพติดโดยเฉพาะการพยายามสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ เด็กและเยาวชน ให้มีชีวิตที่ดีงาม ห่างไกลจาก ยาเสพติด ซึ่งต้องระมัดระวังทั้งในเรื่องของการสรรหาวิธีการ ีและเลือกเฟ้นเนื้อหา ข้อความที่เข้าถึงเยาวชนได้ตรงจุด ทั้งนี้เพราะเด็กและเยาวชนนั้นจะมีลักษณะพิเศษ เช่น ไม่ชอบให้ใครว่ากล่าว ตักเตือนตรงๆ โดยเฉพาะผู้ใหญ่แต่จะรับ ข่าวสารข้อมูล ได้มากขึ้นถ้าเยาวชนด้วยกันเป็นผู้ให้ข่าวสารข้อมูลนั้น หรือตนเองเป็นผู้มีส่วนร่วมในการสื่อสารด้วย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.)
อิทธิพลของเพื่อน เพื่อนเป็นคนสำคัญของเราก็จริงอยู่แต่ถ้าเพื่อนมีอิทธิพลต่อเราในทางที่ไม่ดีพาไปเสีย ผู้เสียคน ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนก็ต้องให้สติด้วยการตักเตือน และปฏิเสธไม่ทำตามและชักจูงให้เขาได้ใช้ ชีวิตที่ถูกต้องและดีงามแต่ถ้าหากเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเหลือบ่ากว่าแรงก็คงต้องโบก มือลาเลิกคบเสียดีกว่า ถือคติที่ว่า “มีเพื่อนดีเพียงหนึ่งถึงจะต้องดีกว่าเพื่อนร้อยเพื่อนเลว” ถ้าเป็นเรื่องยาเสพติด ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ด้วยตนเองเรื่องบางเรื่องจำเป็นต้องพิสูจน์ ด้วยตนเองแล้ว จึงเชื่อแต่เรื่องยาเสพติดไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ด้วยตนเอง เพราะกาลเวลาผ่านมา กี่ยุคกี่สมัย ยาเสพติดก็ ยัง เป็นสิ่งที่มีโทษพิษภัยต่อร่างกายและมีผลกระทบทำลายครอบครัว ชุมชน และความมั่นคงของประเทศ ชาติหากลูกหลายจะลงทุนพิ สูจน์ยาเสพติดด้วยการทดลองใช้ด้วยตนเองก็เป็นการลงทุนที่สูงมากไม่คุ้มกับ กา ลงทุนเพราะยาเสพติดมีฤทธิ์ ทางเภสัชทำให้เสพติดได้และเลิกได้ยาก บางทีอาจสูญเสียเวลาและ อนาคตกับเรื่องนี้ไปตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นอย่าได้คิดทดลองเลยจะดีกว่า
เยาวชนจะต้องรู้เท่าทันผู้ค้ายาเสพติด เยาวชนส่วนใหญ่อยู่ในวัยเรียนมีเงินอยู่ในกระเป๋าเส มอสําหรับค่าขนม และค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่จำเป็นซึ่งพ่อแม่และผู้ปกครองให้มา จึงทำให้ผู้ ลักลอบค้ายาเสพติด มีความมั่นใจ ว่าการค้ายาเสพติดให้กับเยาวชน นั้นจะทำให้มีลูกค้าอยู่ สม่ำเสมอและใช้กลยุทธในการขาย แบบขายตรงในกลุ่มเพื่อนสนิทและด้วยความเป็นเพื่อน สนิท จึงไม่กล้าเปิดเผยความผิดของเพื่อนและไม่กล้าปฏิเสธเพื่อน จึงทำใหการแพ่รระบาด ยาเสพติดเป็นไปอย่างกว้างขวางและรวดเร็วจึงจำเป็นที่เยาวชนจะต้องรู้เท่าทันกลลวงของ ผู้ค้ายาเสพติดที่จ้องจะดูดเงินค่าขนมในกระเป๋าของเยาวชนตลอดมา
ติดกีฬาก็มีความสุขได้ การเล่นกีฬาไม่ใช่เป็นแต่เพียงกิจกรรมทางเลือกที่เบี่ยงเบนความ สนใจของเยาวชนให้ห่างไกลยาเสพติดเท่านั้นแต่ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์เชื่อว่า การออก กำลังกายหรือ การเล่นกีฬานั้นจะทำให้ต่อมไร้ท่อใต้สมองหลั่งสารเคมีชนิดหนึ่งชื่อ “เอนโด ฟีน” ออกมาซึ่งสารชนิดนี้จะทำให้รู้สึกสดชื่นและเป็นสุขผู้ทีออกกำาลังกายอยู่เสมอจึงมี สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์สมกับที่กล่าวว่า “กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ” ดังนั้น จึงควรที่จะช่วยกัน ส่งเสริมให้เยาวชน ได้ออกกำลังกายและเล่นกีฬา เพื่อให้มีสาร “เอนโดฟีน” อยู่ในร่างกายเกิด ความสุขได้ โดยไม่ต้องพึ่งพายาเสพติด
จบ
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: