ฃชดุ กจิ กรรมการเรียนรวู ทิ ยาศาสตร แบบสืบเสาะหาความรู 7 ข้ันตอน ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี 6 หนวยการเรยี นรูที่ 3 สารในชวี ติ ประจาํ วัน ชุดกจิ กรรมการเรียนรูที่ 1 เรอื่ ง สารและสมบตั ขิ องสาร นางวิไลลกั ษณ ผองศรี โรงเรยี นบา นมะเมยี งสํานกั งานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษาสุรนิ ทร เขต 3 สาํ นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
ก คํานํา ชดุ กจิ กรรมการเรียนรูว ทิ ยาศาสตรแ บบสบื เสาะหาความรู 7 ขั้นตอน สรา งขึ้นเพือ่ ใชประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน รายวิชาวิทยาศาสตร ชั้นประถมศึกษาปที่ 6 เรื่อง สารในชีวิตประจําวันตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ใชในการจัดการเรียนรูเพื่อพัฒนาผูเรียนประกอบดว ย 8 ชุดกจิ กรรมการเรียนรู ดังนี้ ชุดกจิ กรรมการเรียนรูท ่ี 1 เรื่อง สารและสมบัติของสาร ชุดกจิ กรรมการเรยี นรทู ี่ 2 เรอ่ื ง การจําแนกสาร ชุดกิจกรรมการเรียนรูท่ี 3 เรอ่ื ง การแยกสาร ชุดกจิ กรรมการเรยี นรทู ่ี 4 เร่ือง สารเจอื ปนในอาหาร ชุดกิจกรรมการเรียนรูท่ี 5 เร่ือง สารทําความสะอาด ชุดกิจกรรมการเรยี นรูท ่ี 6 เรอ่ื ง สารกาํ จดั แมลงและสารกําจดั ศัตรูพชื ชุดกิจกรรมการเรยี นรูที่ 7 เรอ่ื ง การเปล่ยี นแปลงของสาร ชดุ กิจกรรมการเรียนรูท่ี 8 เรื่อง ผลกระทบสารตอสง่ิ มชี วี ติ และสิง่ แวดลอม การจัดกิจกรรมการเรียนรูโดยใชชุดกิจกรรมในชั้นเรียนเนนใหนักเรียนฝกอาน ฝกคิด ฝกปฏิบัติสรา งองคความรดู วยตนเองจากสื่อที่หลากหลาย โดยพยายามใชภาษาทง่ี า ยและรดั กุม เพอื่ ใหนกั เรียนไดอานและทําความเขาใจไดดว ยตนเอง ชุดกิจกรรมการเรียนรูฉบับนี้ เปนชุดกิจกรรมการเรียนรูชุดท่ี 1 เรื่อง สารและสมบัติของสารซ่ึงผูจัดทําหวังเปนอยางย่ิงวา ชุดกิจกรรมการเรียนรูวิชาวิทยาศาสตรแบบสืบเสาะหาความรู 7 ขั้นตอนเรือ่ ง สารในชีวติ ประจาํ วนั จะมผี ลตอการพัฒนาการเรียนรูวิทยาศาสตรของนักเรียน เกิดทักษะการเรียนรูอนั จะสงผลใหน ักเรียนมผี ลสัมฤทธท์ิ างการเรียนสูงข้ึน มีความสามารถในการแกปญหาในประจําวัน และมีเจตคติที่ดตี อการเรียนการสอนวทิ ยาศาสตร วไิ ลลกั ษณ ผอ งศรี
ขสารบญั หนาคํานํา ................................................................................................................................ กสารบัญ............................................................................................................................ ของคประกอบของชุดกิจกรรมการเรียนรทู ่ี 1 .................................................................. 1โครงสรางชุดกจิ กรรมการเรยี นรทู ี่ 1 ............................................................................. 2คูมือสาํ หรับนกั เรยี น ..................................................................................................... 3 6 แบบทดสอบกอ นเรยี น .......................................................................................... 8 แบบบันทกึ ผลแบบทดสอบกอนเรยี น .................................................................... 9 บัตรเนอ้ื หาท่ี 1 เรื่อง สสารและสาร ..................................................................... 10 บตั รใบงานท่ี 1 เรอื่ ง มารูจักสารกันเถอะ .............................................................. 11 บัตรกจิ กรรมที่ 1 เรอ่ื ง ของแขง็ ของเหลว และแกส มสี มบตั อิ ยางไร ................ 14 บัตรเนือ้ หาท่ี 2 เร่ือง สมบัตขิ องสารในสถานะของแขง็ ของเหลว และแกส .... บตั รใบงานท่ี 2 เรอื่ ง มารจู กั สมบัตขิ องสารในสถานะของแข็ง ของเหลว 16 และแกสกนั เถอะ.............................................................................................. 18 แบบทดสอบหลงั เรียน ........................................................................................ 20 แบบบนั ทึกผลแบบทดสอบกอน-หลงั เรยี น ........................................................ 21 สรปุ ผลการประเมินชดุ กจิ กรรมการเรยี นรทู ี่ 1 .................................................. 22 บรรณานุกรม .....................................................................................................
1 ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรูชุดนี้เปนชุดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตรแบบสืบเสาะหาความรู 7ขั้นตอนเร่ือง สารในชีวิตประจําวัน สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปท่ี 6 ชุดกิจกรรมการเรียนรูท่ี 1เรอ่ื ง สารและสมบตั ิของสาร ประกอบดวย 1. โครงสรา งชดุ กิจกรรม 2. คมู อื สาํ หรบั นกั เรียน - คําแนะนาํ ในการปฏิบัติ - กิจกรรมทนี่ กั เรยี นตองปฏบิ ัติ - การประเมนิ ผล 3. แบบทดสอบกอ นเรยี น 4. แบบบนั ทึกผลแบบทดสอบกอ นเรยี น 5. บัตรเนอ้ื หาที่ 1 เรอ่ื ง สสารและสาร 6. บัตรใบงานท่ี 1 เร่อื ง มารจู กั สารกันเถอะ 7. บัตรกจิ กรรมที่ 1 เรอ่ื ง ของแข็ง ของเหลว แกส มีสมบัตอิ ยา งไร 8. บตั รเนอื้ หาท่ี 2 เร่ือง สมบตั ิของสารในสถานะของแขง็ ของเหลว และแกส 9. บตั รใบงานที่ 2 เร่อื ง มารจู ักสมบตั ขิ องสารในสถานะของแขง็ ของเหลว และแกส กันเถอะ 10. แบบทดสอบหลังเรียน 11. แบบบันทึกผลแบบทดสอบหลังเรียน 12. บรรณานกุ รม
22 มาตรฐานการเรียนรู /ตัวชี้วัด ว 3.1 ป.6/1 ทดลองและอธิบายสมบตั ขิ องของแข็ง ของเหลว และแกส ว 8.1 ป.6/1 ตง้ั คําถามที่กําหนดประเด็นหรือตัวแปรท่ีสําคัญในการสํารวจตรวจสอบหรือศึกษาคนควาเร่ืองทส่ี นใจไดอ ยา งครอบคลุม และเชอื่ ถอื ได ป.6/2 สรางสมมุติฐานท่ีสามารถตรวจสอบได และวางแผนการสํารวจตรวจสอบหลาย ๆ วธิ ี ป.6/3 เลอื กเทคนิควิธกี ารสํารวจตรวจสอบทั้งเชงิ ปรมิ าณและเชิงคุณภาพที่ไดผลเที่ยงตรงและปลอดภยั โดยใชว ัสดแุ ละเครื่องมือท่ีเหมาะสม ป.6/4 รวบรวมขอมลู จดั ทําขอ มูลเชิงปริมาณและคุณภาพ ป.6/5 วิเคราะหและประเมินความสอด คลองของประจักษพยานกับขอสรุ ปทง้ั ที่สนับสนุนหรอื ขดั แยงกับสมมุตฐิ านและความผดิ ปกติของขอมลู จากการสาํ รวจตรวจสอบ ป.6/6 สรา งแบบจาํ ลองหรือรปู แบบท่อี ธบิ ายผลหรอื แสดงผลของการสํารวจตรวจสอบ ป.6/7 สรา งคําถามที่นําไปสูการสํารวจตรวจสอบในเรอื่ งที่เกีย่ วขอ ง และนาํ ความรูทไ่ี ดไ ปใชใ นสถานการณใหม หรืออธบิ ายเกย่ี วกับแนวคดิ กระบวนการผลของโครงงานหรอื ช้นิ งานใหผอู ื่นเขา ป.6/8 บนั ทึกและอธบิ ายผลการสังเกต การสาํ รวจคนควาเพิ่มเติมจากแหลงความรูตาง ๆใหไดขอมูลท่เี ช่อื ถือได และยอมรบั การเปลีย่ นแปลงความรูท่คี นพบเม่ือมีขอ มูลและประจักษพ ยานใหมเ พิ่มข้ึนหรือโตแ ยง จากเดิม ป.6/9 จดั แสดงผลงาน เขียนรายงาน และ/หรอื อธิบายเกี่ยวกับแนวคิดกระบวนการและผลงานของโครงงานหรือช้นิ งานใหผอู ืน่ เขา ใจ จุดประสงคการเรยี นรู 1. สืบคน วิเคราะห และระบสุ ารท่เี ปนองคป ระกอบของสงิ่ ตา ง ๆ 2. อภิปรายและบอกสมบตั ขิ องสารแตล ะชนดิ วาเหมอื นกนั หรอื แตกตา งกนั เมือ่ ทราบ องคป ระกอบของสารเหลาน้ัน 3. ทดลอง และอธิบายสมบตั ขิ องของแขง็ ของเหลว และแกส พรอมทงั้ เปรยี บเทยี บ สมบตั ทิ ี่เหมอื นกันและแตกตางกนั ของสารทง้ั สามสถานะ สาระการเรยี นรู 1. สสารและสาร 2. สมบัตขิ องสารในสถานะของแขง็ ของเหลว และแกส เวลาเรยี น จํานวน 2 ชั่วโมง
3 คมู ือสําหรับนกั เรียนนใ้ี ชสําหรบั ประกอบการใชช ุดกิจกรรมการเรียนรูชุดท่ี 1 เร่ือง สารและสมบตั ิของสาร ชน้ั ประถมศึกษาปท่ี 6 ประกอบดวย 1. คําแนะนําในการปฏบิ ตั ิ 1.1 ใหนักเรียนศกึ ษาโครงสรางชุดกิจกรรมการเรียนรูท่ี 1 เรื่อง สารและสมบตั ิของสาร ใหเ ขาใจ 1.2 กอ นการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมทกุ ครงั้ ใหน กั เรียนฟง ครูอธิบายและศึกษารายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติกิจกรรมใหครบถวนตามที่ครูระบุไวในขั้นตอนการเรียน เพ่ือใหการดําเนินกิจกรรมเปนไปตามอยางตอ เนื่องและบรรลตุ ามวตั ถุประสงค 1.3 ในการดาํ เนินกจิ กรรมใหนกั เรียนทุกคนไดมสี วนรว มในการปฏิบตั กิ ิจกรรมเพ่อื เปนการฝก ฝนใหนักเรียนเกิดการเรียนรูในการทํางานรว มกนั ชว ยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั 1.4 หลงั จากการจัดกิจกรรมการเรียนรนู ักเรยี นเกบ็ เอกสารการประเมินผลการจดั กิจกรรมการเรียนรูทุกคร้งั 1.5 เม่ือนกั เรียนศกึ ษาและปฏบิ ัตกิ จิ กรรมจากชุดกจิ กรรมการเรียนรทู ี่ 1 เรยี บรอ ยแลว ใหนักเรียนเก็บส่อื และอปุ กรณการเรยี นเขาท่ใี หเ รียบรอย 1.6 กอนการปฏิบตั ิกิจกรรมทกุ ครั้งใหนกั เรยี นฟง ครูอธบิ ายและศึกษารายละเอียดขั้นตอนการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมใหครบถวนตามท่ีครรู ะบไุ วใ นขนั้ ตอนการเรียน เพอื่ ใหก ารดําเนนิ กจิ กรรมเปน ไปตามอยางตอ เนือ่ งและบรรลตุ ามวัตถุประสงค 1.7 ในการดาํ เนินกิจกรรมใหนักเรยี นทุกคนไดมีสว นรว มในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมเพื่อเปน การฝกฝนใหน ักเรยี นเกดิ การเรียนรูใ นการทํางานรว มกัน ชว ยเหลือซึ่งกนั และกนั 1.8 หลังจากการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู ใหนักเรยี นเก็บเอกสารการประเมินผลการจดั กิจกรรมการเรียนรูทุกครั้ง 1.9 เมอ่ื นักเรียนศกึ ษาและปฏิบตั ิกจิ กรรมจากชุดกจิ กรรมการเรยี นรทู ี่ 1 เรียบรอยแลวใหนกั เรียนเกบ็ สอื่ และอปุ กรณก ารเรียนเขา ทใี่ หเรียบรอย 2. บทบาทของผเู รียน 2.1 ข้ันตอนการดาํ เนินกิจกรรม ขน้ั กอนใชชุดกจิ กรรมการเรยี นรู - ทาํ การศกึ ษาคนควาในเรือ่ งทตี่ นเองจะเรยี นหรือปฏบิ ตั ิกจิ กรรมมากอ นลวงหนาเพ่ือใหเ ขา ใจในบทเรียนไดด ีและรวดเรว็ ยิ่งขึ้น - เตรยี มความพรอ มทางรางกายและอารมณของตนเองใหพ รอ มสาํ หรบั การปฏิบัติกิจกรรมรว มกบั เพอื่ นในหองเรยี นและเพ่อื นรวมกลุม
4 ข้นั ใชชดุ กิจกรรมการเรยี นรู - รว มกจิ กรรมตอบคําถามและอภปิ รายแลกเปลี่ยนเรยี นรู - ทําแบบทดสอบกอนเรียน - ศกึ ษาเน้ือหาจากบตั รเน้ือหาที่ 1 เรอื่ ง สสารและสาร - นักเรียนเขา กลุม ๆ ละ 4 คน โดยคละ เกง กลาง ออน ละกี่คนกไ็ ด เลอื กประธานกลมุ เพ่อื เปน ผนู ําในการดําเนนิ กจิ กรรมตามชดุ กจิ กรรมการเรยี นรูแ ละเลขานกุ ารกลมุ เพอ่ื บนั ทึกขอ มูล - นักเรียนแตล ะกลุม ศึกษาบตั รกิจกรรมท่ี 1 และทดลองกิจกรรมที่ 1 เร่อื ง ทดสอบสมบตั ิของแกส ฟงคําอธิบายเพ่ิมเติมจากครู เม่ือเขาใจตรงกันแลว ใหแตละกลุมลงมือปฏิบัติกิจกรรมตามลําดับขน้ั ตอนเสร็จแลว ใหเก็บอปุ กรณใหเรียบรอ ย - นกั เรียนแตล ะกลมุ ศึกษาบตั รกิจกรรมที่ 1 และทดลองกจิ กรรมที่ 2 เรอ่ื ง ทดสอบสมบัติของของเหลว ฟง คําอธิบายเพิม่ เติมจากครู เม่อื เขา ใจตรงกนั แลว ใหแตละกลุมลงมือปฏิบัติกิจกรรมตามลําดับขน้ั ตอนเสร็จแลว ใหเกบ็ อุปกรณใหเ รยี บรอย - นกั เรียนแตละกลมุ ศกึ ษาบตั รกิจกรรมท่ี 1 และทดลองกจิ กรรมท่ี 3 เร่อื ง ทดสอบสมบัติของของแขง็ ฟงคาํ อธิบายเพิ่มเตมิ จากครู เม่ือเขาใจตรงกันแลวใหแตละกลุมลงมือปฏิบัติกิจกรรมตามลําดับขนั้ ตอนเสร็จแลว ใหเ ก็บอุปกรณใ หเ รียบรอย - นักเรยี นรว มกบั ครู ในการชว ยกันตรวจคําตอบ อภิปรายสรปุ ผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมโดยใหแ ตล ะกลมุ มีสว นรวมในการนําเสนอคําตอบในแตละขอ - นักเรียนแตล ะคนศึกษาบัตรเนอ้ื หาที่ 2 เรอ่ื ง สมบัตขิ องสารในสถานะของแขง็ของเหลว และแกส - ปฏิบตั บิ ัตรใบงานท่ี 1- 2 และรว มกับครชู ว ยกนั ตรวจคาํ ตอบ ขั้นหลังใชชดุ กิจกรรมการเรยี นรู - นกั เรยี นทาํ แบบทดสอบหลงั เรียน เม่อื เสรจ็ แลว ใหตรวจคําตอบรว มกนั กบั ครู - นกั เรยี นแตล ะคน บันทึกสรปุ ผลการประเมินในทุกกจิ กรรมการเรียนรูในแบบสรปุ ผลการประเมิน เพือ่ ทราบผลการพฒั นา - นกั เรยี นแตล ะกลุมนําเสนอการนาํ ความรเู รอื่ ง สารและสมบตั ขิ องสาร ไปใชในชวี ิตประจาํ วัน กลุม ละ 1 ตัวอยา ง 2. ประเมินผลกิจกรรมการเรียนรู ประเมินผลดา นความรู - ทําแบบทดสอบหลังเรยี น - บตั รใบงาน a. ประเมนิ ผลดานทกั ษะกระบวนการ - บตั รกจิ กรรม - บตั รบันทกึ กจิ กรรม b. ประเมนิ ผลดานคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค - พฤตกิ รรมการเรียนรู
5 3. เกณฑการประเมินผลกจิ กรรมการเรยี นรู c. ประเมนิ ผลดา นความรู - แบบทดสอบหลงั เรยี นจาํ นวน 15 ขอ 15 คะแนน เกณฑการผาน ทําถูกตองอยา งนอย 80 % หรือ จํานวน 12 ขอ - บตั รใบงานท่ี 1 และ ใบงานท่ี 2 คะแนนเตม็ ทงั้ หมด 30 คะแนน เกณฑก ารผานทาํ ถกู ตอ งอยางนอ ย 80 % หรือ 24 คะแนน d. ประเมินผลดานทกั ษะกระบวนการ - บตั รกิจกรรมท่ี 1 และกิจกรรมที่ 2 คะแนนเตม็ ท้ังหมด 20 คะแนน เกณฑการผา น ทําถกู ตอ งอยา งนอย 80 % หรอื 16 คะแนน e. ประเมินผลดา นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค - พฤตกิ รรมการเรยี นรู ประเมิน จาํ นวน 2 ครัง้ ๆ ละ 15 คะแนน รวม 30 คะแนนเกณฑการผาน ไดระดับคณุ ภาพ 2 ขนึ้ ไป
6คาํ ช้แี จง : ใหนักเรยี นทําเคร่ืองหมาย ขอ ท่ถี กู ที่สุดเพียงขอเดยี วลงในแบบบันทกึ ผล การทดสอบหลงั เรยี น1. สารชนดิ หน่งึ มมี วล ปรมิ าตรและรูปรา งไมค งที่ เปนสมบตั ิของสารใด ก. แกส ข. ของไหล ค. ของเหลว ง. ของแข็ง2. ขอ ใดเปนสารทง้ั หมด ก. ดิน นํา้ อากาศ ข. สมตํา เสียงคอ ย ไฟฟา ค. ปากกา ดนิ สอ เสียงดัง ง. แกว น้ํา ความรอน อาหาร3. ขอ ใดตรงกับความหมายของสาร ก. ไมมีมวล ไมมีนํ้าหนัก สมั ผสั ได ข. มลี กั ษณะเฉพาะ สามารถบอกไดว า คอื สาร ค. มตี ัวตน มนี ้าํ หนัก ไมตอ งการทอ่ี ยู ง. มีตวั ตน มีน้าํ หนกั ตองการที่อยู สมั ผสั ได4. คอนกรีตมสี ารใดเปนสารองคประกอบ ก. เหล็กเสน ปนู ทราย ข. ลวด ปนู ซีเมนต ทราย ค. ปนู ซเี มนต หิน ทราย ง. ปนู ซีเมนต หิน ทราย น้าํ5. สารใดสามารถเปลย่ี นรูปรางไปตามภาชนะท่ีบรรจุ ก. นํา้ แข็ง ข. นํ้าผลไม ค. ดนิ น้าํ มัน ง. นาํ้ ตาลทราย
76. ขอ ใด ไมใ ช ขอมลู ท่ีไดจ ากการสงั เกต ก. เกลือมสี ีขาว ข. เกลอื มีรสเคม็ ค. เกลอื ละลายนํ้า ง. เกลอื นาจะเคม็ กวานํา้ เกลือ7. สารใดตอ ไปน้เี ปนของแข็ง ของเหลว และแกสตามลาํ ดับ ก. น้ําแขง็ น้าํ ปลา ออกซเิ จน ข. นาํ้ ปลา น้ําตาล ออกซเิ จน ค. นาํ้ แขง็ แหง น้ําปลา ออกซเิ จน ง. น้ําปลา ออกซเิ จน นํ้าแขง็ แหง8. จากตาราง ใหน กั เรียนตอบคาํ ถามตอไปน้ีสาร A B C ไมค งที่รปู ราง คงท่ี ไมคงท่ี ไมคงที่ ฟุงกระจายปรมิ าตร คงที่ คงที่อนุภาค เรียงชิดกัน อยูหางกนัขอ ใดกลา วถูกตองก. A คอื ของเหลว B คือ ของแขง็ C คือแกสข. A คือของเหลว B คอื แกส C คือของแขง็ค. A คอื ของแขง็ B คอื ของเหลว C คือแกสง. A คอื ของแข็ง B คอื แกส C คือของเหลว9. ขอใดคอื สมบตั ิของทเ่ี หมอื นกนั ของของแขง็ และของเหลวก. รูปรา งข. ปริมาตรค. เปนของไหลง. การจดั เรียงของอนุภาค10. ขอ ใดตอไปนก้ี ลาวถูกตอ งก. ของเหลวและแกส เปน ของไหลข. ของแข็ง ของเหลวมีรปู รางคงที่ค. ของแข็ง ของเหลวมีปริมาตรไมค งที่ง. ของแข็ง ของเหลว มีมวล แกส ไมมีมวล
8ช่อื .......................................................................................... ช้นั ................ เลขที่ ............. ขอ ที่ ก ข ค ง 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10รวมคะแนน ลงชอื่ ...........................................ผูต รวจ
9 ในชีวิตประจาํ วันเราพบเหน็ สง่ิ ตาง ๆ มากมายทง้ั มชี ีวิตและไมม ชี วี ิต ไดแก พชื มนษุ ย และสตั วต า ง ๆสวนส่ิงไมม ีชีวิต เชน รถยนต บา นเรือน โตะ เกาอ้ี เปน ตน ทกุ ๆ สิ่งรอบตัวเรา ประกอบไปดวยสสาร ภาพที่ 1 สิง่ ของเครอ่ื งใช http://www.apcbkk.com/know_details.php?txtNo=73&page=1สสาร (Matter) คือ สิง่ ทีม่ ตี วั ตน มมี วล และ ตองการที่อยู สามารถสัมผัสไดโ ดยประสาทสมั ผสัทัง้ 5 แตยงั ไมท ราบสมบตั ทิ ่ีแนนอน เชน ดนิ น้ํา อากาศ หรือ สิง่ มีชวี ติ เชน สตั ว พชื และมนุษยสาร (Substance) คอื สวนยอ ย ๆ ท่เี ปนองคป ระกอบในสสาร หรือเนอื้ ของสาร น่ันเอง สสาร สารทเ่ี ปนองคประกอบ โตะ ไม + เหลก็ (ตะปู + กุญแจ) นํา้ อดั ลม นํา้ + สีผสมอาหาร+ นํ้าตาล +แกส อากาศ แกสไนโตรเจน + แกส ออกซิเจน + แกสคารบอนไดออกไซด + แกส เฉ่อื ย + ฝุนละออง ทองคํา ถานไม ทองคาํครมี แตง หนาเคก คารบอน ควันไฟ เนย + สผี สมอาหาร+ น้ําตาล +เกลือ +ไขข าว ทองเหลอื ง แกส คารบอนไดออกไซด + ไอน้าํ + แกสคารบ อนมอนนอกไซด + เขมา ทองแดง + สังกะสีจากตารางสรปุ ไดวา ส่งิ ตางๆ มสี ารองคป ระกอบแตกตา งกนั บางอยา งมสี ารองคป ระกอบเพยี งชนิดเดียว แตบางอยา งมสี ารองคประกอบมากกวา หน่ึงชนิด
10ชอื่ ................................................................................................. ชนั้ .............. เลขที.่ ...............จุดประสงค เพอ่ื วิเคราะห และระบุสารทเ่ี ปน องคป ระกอบของสง่ิ ตาง ๆคาํ ชแี้ จง 1. ใหนักเรยี นวิเคราะหส ่ิงทก่ี าํ หนดใหต อ ไปนี้วา สงิ่ ใดจัดเปนสารหรอื ไมใชส าร โดยทําเครอื่ งหมายลงในตารางใหถูกตอ ง ( 5 คะแนน) สงิ่ ท่ีกาํ หนดให สาร ไมใ ชสาร เสยี งนกหวีด ตก๊ั แตน ความรอ น ตนไม เสื้อผา 2. ใหนักเรยี นระบสุ ารทเ่ี ปนองคประกอบของสง่ิ ตา ง ๆ ที่กาํ หนดให ( 10 คะแนน) รายการ สารที่เปนองคป ระกอบนํ้าเชอื่ มนํา้ สมสายชูเกาอี้กาํ ไลเงินไสด นิ สอ
11คาํ ชแ้ี จง : ใหนกั เรียนแตละกลุมชว ยกนั ศกึ ษาบตั รกจิ กรรม แลวรว มกันปฏบิ ัตกิ ิจกรรมการทดลอง สงั เกตบนั ทกึ ผล ตอบคาํ ถามและสรปุ ผลเปน ความรลู งในบตั รบนั ทกึ กิจกรรม (30 คะแนน) กจิ กรรมที่ 1 เร่อื ง ทดลองสมบตั ิของแกสจุดประสงคของกจิ กรรมที่ 1 1. เพอ่ื บอกปรมิ าตรของแกส ตามสมบัตทิ ปี่ รากฏได 2. เพือ่ บอกรปู รางของแกส ตามภาชนะไดวัสดอุ ุปกรณแ ละสารเคมี 1. ขวดแกว 2. ลูกโปง 3. ชุดตะเกยี งแอลกอฮอล 4. ไมข ดี ไฟวิธปี ฏิบตั ิกิจกรรม 1. นาํ ขวดแกวครอบลกู โปง ปด ขวดตามรปู ท่ี 2 2. นําขวดรูปที่ 2 ไปต้ังไฟตะเกยี งแอลกอฮอล สกั ครสู งั เกตผล 3. นาํ ลูกโปง ออก แลว ครอบเขา ไปใหมตามรปู ท่ี 4 -5 ทงิ้ ไว 30 นาที สงั เกตผลสรปุ ผลการทดลอง.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
12 กจิ กรรมที่ 2 เรื่อง ทดลองสมบตั ขิ องของเหลวจดุ ประสงคของกิจกรรมท่ี 2 1. เพ่ือบอกการเปลยี่ นแปลงรูปรางไปตามภาชนะทใ่ี สไว 3. เพ่ือบอกปริมาตรหลงั การทดลองไดวสั ดอุ ปุ กรณแ ละสารเคมี 1. กระบอกตวง 2. นา้ํ 3. กอ นหนิ 4. สายยางวิธปี ฏิบตั ิกิจกรรม 1. เทนา้ํ ใสก ระบอกตวง และจดบันทึกปรมิ าตรทไี่ ด 2. เทนาํ้ จากกระบอกตวงใสภาชนะที่ 1 สังเกตรูปราง แลวนําน้าํ เทกลบั ใสกระบอกตวงเพื่อวดั ปริมาตรบันทกึ ผล 3. เทนาํ้ จากกระบอกตวงใสภาชนะท่ี 2 สังเกตรปู ราง แลว นาํ นาํ้ เทกลบั ใสกระบอกตวงเพื่อวดั ปริมาตรบนั ทกึ ผล 4. เทน้ําจากกระบอกตวงใสภ าชนะท่ี 3 สังเกตรูปรา ง แลวนําน้ําเทกลับใสก ระบอกตวงเพอ่ื วดั ปริมาตรบันทกึ ผล 5. เทนา้ํ จากกระบอกตวงใสภ าชนะท่ี 4 สังเกตรปู ราง แลว นาํ นาํ้ เทกลบั ใสกระบอกตวงเพอ่ื วัด ปริมาตรบนั ทึกผล 6. อภปิ ราย วิเคราะห และสรุปผล บนั ทึกผลสรปุ ผลการทดลอง............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
13กจิ กรรมที่ 3 เร่อื ง ทดลองสมบตั ิของของแข็งจดุ ประสงคของกจิ กรรมที่ 1 1. เพ่ือบอกปริมาณของกอ นหนิ ในนาํ้ ได 2. เพ่อื บอกรปู รางของกอ นหินไดวสั ดอุ ุปกรณแ ละสารเคมี 1. กระบอกตวง 2. เชอื กผกู กอ นหนิ 3. นํ้า 4. กอ นหินวธิ ปี ฏิบัติกิจกรรม 1. สังเกตลกั ษณะรูปรา งของกอ นหนิ บนั ทกึ ผล 2. เทน้ําใสก ระบอกตวง ทําเครอื่ งหมายบอกระดับน้ําไว บันทกึ ผล 3. นาํ กอนหินผูกเชือกใสใ นกระบอกตวง สังเกตการเปลีย่ นแปลง บนั ทกึ ผล 4. อภิปราย วิเคราะห และสรปุ ผล บนั ทกึ ผลสรปุ ผลการทดลอง......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... สมาชิกในกลุม ................................................................................................................ ................................................................................................................ ................................................................................................................ ................................................................................................................ ...............................................................................................................
14 สารตา ง ๆ รอบตัวเรามีอยู 3 สถานะ คือ ของแข็ง ของเหลว และแกส สารในแตละสถานะจะมีการจดั เรียงตัวของอนภุ าคที่เปนองคประกอบแตกตา งกนั ซึ่งมีผลทําใหสารในสถานะของแข็ง ของเหลว และแกสมีสมบตั ติ า งกนั สารรอบตัวเราจําแนกออกได 3 สถานะ คือ สถานะของแข็ง ของเหลวและสถานะแกส โดยสมบตั ขิ องสารท้ัง 3 สถานะ มดี ังน้ี 1. ของแข็ง ( solid ) คือ สถานะของสสารที่มีอนุภาคอยูชิดกัน มีชองวางระหวางอนุภาคนอยอนภุ าคของสารจึงเคลื่อนไหวไดยาก ดังนั้นสารจึงมีรูปรางคงท่ีเกิดการเปล่ียนแปลงไดยาก สสารที่มีสถานะเปน ของแขง็ เชน สมดุ ดินสอ กลอ ง รม โตะ เปน ตน ภาพที่ 2 อนภุ าคของของแขง็ http:// www.sahavicha.com/ 2. ของเหลว ( liquid ) คือ สถานะของสารทม่ี อี นภุ าคอยหู างกนั มากกวาของแขง็ จงึ อยูกันอยางหลวม ๆ อนภุ าคของสสารจึงเคลอ่ื นไหวไดง า ยขน้ึ ดงั น้ันสสารจงึ มรี ปู รา งไมแนน อน เปลี่ยนแปลงไปตามภาชนะทบี่ รรจุ สสารมีสถานะเปน ของเหลว เชน นม น้าํ อัดลม น้าํ ฝน เปนตน ภาพท่ี 3 อนภุ าคของของแขง็ http:// www.sahavicha.com/
15 3. แกส ( gas ) คือ สถานะของสสารท่ีมีอนุภาคอยูหางกันจึงมีแรงยึดเหนี่ยวระหวางกันนอยมากทําใหอนุภาคเคล่ือนทไ่ี ดอยา งอสิ ระ ดังนนั้ สสารจึงมีรูปรางไมแนนอน เม่ือสสารอยูในภาชนะใด อนุภาคของสสารจะฟุงกระจายเต็มภาชนะ สสารที่มีสถานะแกส เชน แกสหุงตม แกสออกซิเจน แกสฮีเลียมแกส คารบอนไดออกไซด แกสไฮโดรเจน เปนตน ภาพท่ี 4 อนภุ าคของแกส http:// www.sahavicha.com ความรเู พมิ่ เตมิ 1. ของแข็งและของเหลวมปี รมิ าตรคงท่ีแตแ กส มปี รมิ าตรไมคงท่ี 2. ของแข็งมีรปู รางคงที่ แตข องเหลวและแกส มรี ูปรา งไมค งท่ี จะเปลี่ยนแปลงไป ตามรปู รา งของภาชนะท่ีบรรจุ 3. ของเหลวจะรกั ษาระดบั พ้ืนผิวไดเรยี บเสมอกันตลอด ใชป ระโยชนเพื่อหาแนวระดบั ในการกอสราง 4. ของเหลวจะไหลจากทสี่ งู ลงสทู ่ีต่ําเสมอ และแกส จัดเปนของไหลเชน กนั สังเกตไดจ าก การหมุนของกงั หนั ลม ดงั นั้นของเหลวและแกสจัดเปน ของไหล
16 ชอ่ื – สกลุ ...................................................................................... ช้นั ............ เลขท่.ี ...................... จุดประสงค 1. เพือ่ วิเคราะหแ ละจาํ แนกสมบตั ขิ องสารทงั้ 3 สถานะ 2. เพือ่ สรปุ ความเขา ใจสมบตั ขิ องสาร คําช้ีแจง 1. ใหน กั เรยี นศกึ ษาภาพตอไปนี้แลว อธิบายเกี่ยวกบั คุณสมบตั ขิ องของแขง็ ของเหลว และแกส ( 5 คะแนน) ลกั ษณะการจดั เรียงตวั อนุภาคของของแขง็ .................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ลักษณะการจัดเรียงตวั อนภุ าคของของเหลว................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................. ลักษณะการจัดเรียงตวั อนภุ าคของแกส ..........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
172. ใหนักเรยี นทําเครอื่ งหมาย ในตารางใหต รงกบั สถานะของสารท่ีกาํ หนดใหใ หถกู ตอ ง ( 10 คะแนน) สาร ของแขง็ สถานะของสาร แกส ของเหลว1. ดนิ นาํ้ มนั2. ปรอท3. นาํ้ สมสายชู4. แกส ออกซิเจน5. อากาศ6. นํา้ ตาลทราย7. นํ้าเกลือ8. แกสหงุ ตม9. พดั ลม10. ชาเขยี ว3.ใหน ักเรยี นทําเครื่องหมาย หนา ขอ ความทถ่ี กู ตอง และเตมิ เคร่อื งหมาย หนา ขอ ความท่ีผิด( 10 คะแนน)1. สสารเปนสารชนดิ หนงึ่2. สารทุกชนดิ ตอ งการท่อี ยูมีนํา้ หนกั และสามารถสัมผัสได3. อากาศจดั เปนสารชนิดหนงึ่4. สารอยใู นสถานะแกส และของเหลวเทา นนั้5. สารเปนสว นประกอบของสงิ่ ตาง ๆ รอบตัวเรา6. สารแบง ออกได 3 สถานะ คอื ของแขง็ ของเหลวและแกส7. ของแข็ง ของเหลวและแกส มปี รมิ าตรคงท่ี8.ของเหลวและแกสมีรปู รา งไมค งที่ เปลี่ยนไปตามรปู รา งของภาชนะทีบ่ รรจุ9. ของเหลวเทา นน้ั ทจ่ี ดั เปนของไหล10.ของเหลวใชป ระโยชนเพื่อหาแนวระดบั ในการกอ สรา ง
18คาํ ชแ้ี จง : ใหน ักเรียนทาํ เครอื่ งหมาย ขอทถ่ี ูกที่สุดเพียงขอเดยี วลงในแบบบันทกึ ผล แบบ ทดสอบหลังเรยี น1. ขอ ใดตรงกับความหมายของสารก. ไมมมี วล ไมม ีนา้ํ หนกั สัมผสั ไดข. มีลักษณะเฉพาะ สามารถบอกไดวาคือสารค. มีตัวตน มนี ํา้ หนกั ไมต องการท่อี ยูง. มีตวั ตน มีน้ําหนกั ตอ งการที่อยู สัมผสั ได2. คอนกรีต มีสารใดเปน สารองคป ระกอบก. เหล็กเสน ปนู ทรายข. ลวด ปูนซเี มนต ทรายค. ปนู ซเี มนต หนิ ทรายง. ปนู ซเี มนต หิน ทราย นํ้า3. ขอใด ไมใ ช ขอมลู ทไ่ี ดจ ากการสงั เกตก. เกลือมสี ขี าวข. เกลือมรี สเคม็ค. เกลอื ละลายน้ําง. เกลอื นา จะเคม็ กวา นาํ้ เกลือ4. สารใดตอ ไปนเี้ ปนของแข็ง ของเหลว และแกส ตามลาํ ดบัก. นํ้าแข็ง น้ําปลา ออกซิเจนข. นาํ้ ปลา น้ําตาล ออกซเิ จนค. น้ําแขง็ แหง นํา้ ปลา ออกซเิ จนง. น้ําปลา ออกซเิ จน นาํ้ แข็งแหง5. จากตาราง ใหน กั เรยี นตอบคาํ ถามตอ ไปนี้สาร A B C ไมค งท่ีรูปรา ง คงท่ี ไมคงที่ ไมคงท่ี ฟงุ กระจายปรมิ าตร คงท่ี คงที่อนภุ าค เรยี งชดิ กนั อยูหางกนัขอ ใดกลา วถูกตอง ก. A คอื ของเหลว B คือ ของแขง็ C คือแกส ข. A คอื ของเหลว B คือ แกส C คอื ของแขง็ ค. A คือของแข็ง B คือ ของเหลว C คือแกส ง. A คือของแข็ง B คือ แกส C คือของเหลว
196. สารชนดิ หน่งึ มีมวล ปรมิ าตรและรปู รางไมค งที่ เปน สมบตั ขิ องสารใด ก. แกส ข. ของไหล ค. ของเหลว ง. ของแข็ง7. ขอ ใดเปน สารทงั้ หมด ก. ดิน น้าํ อากาศ ข. สมตาํ เสยี งคอย ไฟฟา ค. ปากกา ดินสอ เสียงดงั ง. แกวนํ้า ความรอน อาหาร8. ขอใดคอื สมบตั ทิ เี่ หมอื นกนั ของ ของแขง็ และของเหลว ก. รูปรา ง ข. ปริมาตร ค. เปนของไหล ง. การจดั เรยี งของอนุภาค9. ขอใดตอ ไปนี้กลาวถูกตอง ก. ของเหลวและแกส เปนของไหล ข. ของแข็ง ของเหลว มีรปู รา งคงท่ี ค. ของแข็ง ของเหลว มปี ริมาตรไมค งที่ ง. ของแข็ง ของเหลว มมี วล แกสไมม มี วล10. สารใดสามารถเปล่ยี นรูปรา งไปตามภาชนะทบ่ี รรจุ ก. นํา้ แขง็ ข. นาํ้ ผลไม ค. ดนิ นํา้ มนั ง. นํา้ ตาลทราย
20ช่อื -สกลุ ...................................................................................... ชนั้ ............ เลขท่ี ............. ขอที่ ก ข ค ง 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10รวมคะแนน ลงช่ือ......................................................ผูต รวจ
21 กิจกรรม บัตรใบงาน บัตรกิจกรรม แบบทดสอบ ผลตา งการเรยี นรู 1 2 รวม 1 รวม กอน หลงั กอ นเรียน-หลงั เรยี น 15 25 40 30 30 10 10คะแนนเต็มคะแนนที่ได
22นคร มีแกว. คมู ือเตรยี มสอบรวู ทิ ยาศาสตร ป6. กรุงเทพฯ: บริษทั ภมู บิ ัณฑติ ยก ารพิมพ.เทพฤทธิ์ ยอดใส. (2554) เกง วิทยาศาสตร ป.6 เลม 2. กรุงเทพฯ : สํานักพมิ พพ ฒั นาศกึ ษา.ศิริรัตน วงศศ ิรแิ ละคณะ. (2551) เอกสารประกอบคมู อื ครู กลมุ สาระการเรยี นรูวทิ ยาศาสตร รายวชิ า วิทยาศาสตร ชั้นประถมศึกษาปท ี่ 6. กรงุ เทพฯ : บรษิ ัทอักษรเจรญิ ทัศนอ จท. จาํ กดั .สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลย.ี (2555) หนังสอื เรยี นรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร ช้นั ประถมศึกษาปท่ี 6 . กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ สกสค.ลาดพราว._________. (2555) คมู ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ช้นั ประถมศึกษาปที่ 6 กลมุ สาระการเรยี นรู วิทยาศาสตร. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ สกสค.ลาดพรา ว.ชนยั กานต พรมเกต.ุ (2554) บทเรยี นสําเร็จรปู กลุมสาระการเรยี นรวู ิทยาศาสตร ช้ันประถมศกึ ษา ปท ่ี 6 หนวยที่ 4 สารในชวี ิตประจําวัน เลม ท่ี 1 เรือ่ ง สารและสมบตั ขิ องสาร. สบื คน htpp://www.kroobannok.comรัชนี พรหมรศ. (2553) ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรแู บบการเรียนรู 4 MAT เรอื่ ง สารในชีวติ ประจาํ วนั กลุม สาระการเรยี นรูวิทยาศาสตร ช้ันประถมศกึ ษาปท ่ี 6. สืบคน htpp://www.kroobannok.comhtpp://www.myfirstbrain.com/student สืบคนเมอ่ื วันท่ี 1 ตลุ าคม 2554http://www.thaigoodview.com สบื คน เมื่อวนั ที่ 1 ตุลาคม 2554htpp://www.trueplookpanya.com สบื คน เมื่อวันท่ี 1 ตุลาคม 2554htpp:// www.sahavicha.com สบื คน เมื่อวนั ท่ี 1 ตลุ าคม 2554
Search
Read the Text Version
- 1 - 25
Pages: