Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิทยาศาสตร๋

วิทยาศาสตร๋

Published by kruyok nampleeksuksa, 2019-06-02 15:36:05

Description: วิทยาศาสตร๋

Search

Read the Text Version

๔๙ ชน้ั ท่ี รหสั ตัวชี้วดั ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.4 - 6 39 ว 5.1 ม.4 - 6/4 อธิบายคล่นื แม่เหล็กไฟฟ้า - คลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า ประกอบด้วย สนามแมเ่ หล็ก  สเปกตรัมคลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟา้ และสนามไฟฟา้ ท่ีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สเปกตรมั และนาเสนอผลการสบื ค้น คล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้ามีความถต่ี ่อเนอื่ งกนั โดยคลน่ื ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ประโยชน์ แมเ่ หล็กไฟฟา้ ชว่ งความถ่ีต่าง ๆ มลี กั ษณะเฉพาะตวั และการป้องกันอนั ตราย ซง่ึ สามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้แตกตา่ งกัน เช่น จากคลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟา้ การรบั ส่งวิทยุ โทรทศั น์ การป้องกันอันตราย จากคลื่นแม่เหล็กไฟฟา้ เช่น ไม่อยูใ่ กลเ้ ตาไมโครเวฟ ขณะเตาทางาน 40 ว 5.1 ม.4 - 6/5 อธบิ ายปฏกิ ริ ิยานิวเคลยี ร์ - ปฏกิ ริ ยิ านวิ เคลียรเ์ ปน็ ปฏิกิรยิ าท่ที าใหน้ ิวเคลียส  ฟชิ ชนั ฟิวชนั และ เกดิ การเปล่ียนแปลง ปฏกิ ิริยาท่นี วิ เคลียสของธาตุ ความสัมพันธ์ระหวา่ ง ที่มีเลขมวลมากแตกตัว เรียกวา่ ฟชิ ชัน ปฏิกิริยา มวลกับพลังงาน ทเี่ กิดจากการหลอมรวมนวิ เคลยี สของธาตุท่ีมี เลขมวลน้อย เรียกว่า ฟวิ ชนั ความสมั พันธ์ระหวา่ ง มวลและพลังงานเปน็ ไปตามสมการ E  mc2 41 ว 5.1 ม.4 - 6/6 สบื คน้ ข้อมูลเกยี่ วกบั - ปฏิกริ ยิ านวิ เคลียร์ทาให้เกิดผลกระทบ  พลังงานที่ไดจ้ ากปฏิกริ ยิ า ต่อส่งิ มีชวี ิตและสิ่งแวดล้อม นิวเคลียรแ์ ละผลต่อ ส่งิ มีชวี ติ และสิ่งแวดล้อม 42 ว 5.1 ม.4 - 6/7 อภปิ รายผลการสบื คน้ - โรงไฟฟ้านวิ เคลียร์เปน็ โรงไฟฟา้ พลงั งาน  ข้อมูลเกี่ยวกบั โรงไฟฟ้า ความร้อนประเภทหน่ึง ซ่ึงได้พลังงานความร้อน นิวเคลียร์ และนาไปใช้ จากพลงั งานนิวเคลยี ร์ ประโยชน์ 43 ว 5.1 ม.4 - 6/8 อธบิ ายชนิดและสมบตั ิ - รงั สจี ากธาตกุ มั มนั ตรังสีมี ๓ ชนดิ คือ แอลฟา  ของรังสจี ากธาตุ บีตา และแกมมา ซ่ึงมีอานาจทะลผุ า่ นตา่ งกนั กัมมันตรงั สี 44 ว 5.1 ม.4 - 6/9 อธิบายการเกดิ - กมั มันตภาพรังสีเกิดจากการสลายของไอโซโทป  กัมมันตภาพรังสี และ ของธาตทุ ่ไี มเ่ สถียร สามารถตรวจจบั ได้ บอกวธิ ีการตรวจสอบ โดยเครอ่ื งตรวจวัดรงั สี ในธรรมชาตมิ รี งั สี รงั สีในสง่ิ แวดล้อม แตส่ ว่ นใหญอ่ ยใู่ นระดับต่ามาก การใช้ประโยชน์ - รงั สีมปี ระโยชนใ์ นด้านอุตสาหกรรม การเกษตร ผลกระทบต่อส่งิ มชี ีวติ การแพทย์ โบราณคดี รังสีในระดบั สงู มอี ันตราย และสิ่งแวดลอ้ ม ต่อสิ่งมีชีวิต 45 ว 6.1 ม.4 - 6/1 สบื ค้นและอธิบาย - โลกเปนดาวเคราะหหินดวงหนงึ่ ในระบบสุรยิ ะ  หลักการในการแบง่ ภายในโลกยังคงมีอุณหภูมิสูงมาก และมี โครงสร้างโลก การเปล่ียนแปลงตลอดเวลานบั ต้งั แตโลกเรม่ิ เกิด จนถึงปจจบุ นั - นักวิทยาศาสตรแบงโครงสรางโลกโดยใช้ขอ้ มูล และหลกั ฐานต่าง ๆ ทางธรณวี ทิ ยา และทางฟสิ ิกส์ ขอ้ มลู ณ วันท่ี 15 สิงหาคม 2559

๕๐ ช้นั ที่ รหัสตัวชี้วัด ตัวช้ีวดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.4 - 6 46 ว 6.1 ม.4 - 6/2 ทดลองเลยี นแบบ และ - การเปลย่ี นแปลงของโลกสามารถอธิบายไดดวย  อธิบายกระบวนการ ทฤษฎกี ารแปรสัณฐานแผ่นธรณีภาค เปล่ยี นแปลงทาง - การเปลี่ยนแปลงทางธรณภี าคของโลกสวนใหญ ธรณีภาคของโลก จะเกิดในชนั้ ธรณีภาค และชั้นฐานธรณภี าค - ชั้นธรณีภาคแตกออกเปนแผนใหญ ๆ หลายแผน เรียกวา แผนธรณภี าค ซง่ึ มีการเคล่ือนท่ี อยูต่ ลอดเวลา ทาใหเกดิ ปรากฏการณตาง ๆ ทางธรณวี ทิ ยาบนผวิ โลกท่สี ามารถศึกษาไดจาก รองรอยหลกั ฐานทีป่ รากฏอยู่ในปจจุบัน เชน รอยตอ รอยแยกของแผนธรณภี าค เทอื กเขา ใตมหาสมทุ ร และซากดึกดาบรรพ เปนตน 47 ว 6.1 ม.4 - 6/3 ทดลองเลียนแบบ และ - จากการศึกษาทฤษฎกี ารแปรสัณฐานแผนธรณี  อธบิ ายกระบวนการเกิด ภาคและปรากฏการณทางธรณวี ิทยาตั้งแตอดตี ภเู ขา รอยเล่ือน รอยคดโคง จนถึงปจจุบัน ทาใหพบวาแผนดินไหวและภเู ขาไฟ แผนดินไหว ภูเขาไฟปะทุ สวนใหญจะเกดิ อยูตามแนวรอยตะเข็บของ ขอบแผนธรณภี าคทเ่ี รยี กวา วงแหวนแหงไฟ - รอยเลื่อน เปนแนวรอยแตกของหินท่ีเคล่อื นท่ี สมั พนั ธกนั และขนานไปกับรอยแตก ซ่ึงอาจ สัมพนั ธกับการเกิดแผนดินไหวและภเู ขาไฟปะทุ - รอยคดโคง เปนรอยท่ปี รากฏในหนิ เกิดจาก การแปรสณั ฐานแผนธรณีภาค - กระบวนการเกิดรอยเลื่อน รอยคดโคง การแปร สัณฐานแผนธรณภี าค เปนสวนหน่ึงของการเกิด เทือกเขาบนโลก 48 ว 6.1 ม.4 - 6/4 สืบค้นและอธิบาย - ปรากฏการณทางธรณวี ทิ ยาท่สี าคัญและมีผล  ความสาคัญของ ตอสิง่ มีชีวติ ทีเ่ หน็ ไดชัดเจน ไดแก แผนดนิ ไหว ปรากฏการณทาง ภูเขาไฟปะทุ ธรณวี ิทยาแผ่นดนิ ไหว - แผนดนิ ไหวและภเู ขาไฟปะทเุ ปนปรากฏการณ ภเู ขาไฟปะทุที่สง่ ผล ทางธรณีวทิ ยาทที่ าใหเกิดธรณพี บิ ตั ภิ ยั รูปแบบอ่ืน ตอสิ่งมีชวี ติ และ ตามมา ทาใหสูญเสียชวี ิตและทรัพยสินของมนุษย สง่ิ แวดลอม เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะธรณีสัณฐาน ชนดิ หนิ และสภาพแวดลอม ข้อมูล ณ วันท่ี 15 สิงหาคม 2559

๕๑ ชนั้ ท่ี รหสั ตวั ช้ีวดั ตัวช้วี ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.4 - 6 49 ว 6.1 ม.4 - 6/5 สารวจ วิเคราะห์ และ - สภาพเหตุการณ์ท่ีเกิดข้นึ ในอดีตของโลก  อธบิ ายการลาดับชนั้ หิน สามารถอธิบายได้จากร่องรอยตา่ ง ๆ ทปี่ รากฏ จากการวางตัวของชน้ั หนิ เป็นหลกั ฐานอยบู่ นหิน ซากดึกดาบรรพ และ - ขอ้ มลู ทางธรณีวิทยาทใ่ี ช้อธิบายความเป็นมา โครงสรางทางธรณีวทิ ยา ของโลก ไดแ้ ก่ ซากดึกดาบรรพ์ ชนดิ ของหนิ เพื่ออธิบายประวตั ิ โครงสรา้ งทางธรณีวิทยา และการลาดับช้นั หิน ความเป็นมาของพนื้ ที่ - ประวัตคิ วามเปนมาของพื้นท่ี ไดจากการลาดับ ชน้ั หนิ ตามอายกุ ารเกดิ ของหินจากอายุมากขน้ึ ไป สูหนิ ท่ีมอี ายุนอย ตามมาตราธรณกี าล 50 ว 6.1 ม.4 - 6/6 สบื คน้ วิเคราะห์ และ - การเปลย่ี นแปลงตา่ ง ๆ ทเี่ กิดขึน้ ต้ังแต่ในอดีต  อธิบายประโยชน์ของ จนถึงปจั จบุ ันจะบอกถงึ ววิ ัฒนาการของ ข้อมูลทางธรณวี ิทยา การเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก ซงึ่ จะให้ ประโยชน์ ทงั้ ทางดา้ นวิวฒั นาการและ การสารวจค้นหาทรพั ยากรธรณี 51 ว 7.1 ม.4 - 6/1 สืบค้นและอธบิ ายการเกิด - เอกภพกาเนดิ ณ จุดที่เรียกวาบกิ แบง เปนจุดที่  และววิ ฒั นาการของระบบ พลังงานเร่ิมเปลยี่ นเปนสสาร เกดิ เปน็ อนุภาค ควารก์ สุริยะ กาแลก็ ซี และ อเิ ลก็ ตรอน นวิ ทรโิ น พร้อมปฏอิ นภุ าค เมอื่ อณุ หภูมิ เอกภพ ของเอกภพลดตา่ ลง ควาร์กจะรวมตวั กนั เปน็ อนุภาค พื้นฐาน คอื โปรตรอน และนิวตรอน ต่อมาโปรตรอน และนวิ ตรอนรวมตัวกนั เปน็ นิวเคลียสของฮเี ลียม และเกดิ เป็นอะตอมของไฮโดรเจนและฮเี ลยี ม อะตอมของไฮโดรเจนและฮีเลียมซ่ึงเปน็ องคป์ ระกอบ สว่ นใหญข่ องเนบิวลาดง้ั เดิม เนบิวลาด้งั เดิมกระจาย อยเู่ ปน็ หยอ่ ม ๆ กลายเป็นกาแล็กซ่ี ภายในกาแล็กซ่ี เกิดเปน็ ดาวฤกษ์ ระบบดาวฤกษ์ 52 ว 7.1 ม.4 - 6/2 สืบค้นและอธบิ ายธรรมชาติ - ดาวฤกษ เปนกอนแกสรอนขนาดใหญ  และวัฒนาการของดาวฤกษ์ กาเนดิ มาจากเนบวิ ลา ที่มีองคประกอบสวนใหญ่ เปนธาตไุ ฮโดรเจน ที่แกนกลางของดาวฤกษ จะเกิดปฏิกิรยิ าเทอรโมนวิ เคลยี ร หลอมนวิ เคลียส ของไฮโดรเจนเปนนวิ เคลยี สของฮเี ลียม ไดพลงั งาน ออกมา - อนั ดับความสวางของดาวฤกษที่สังเกตเหน็ ไดม้ าจากความสวางปรากฏที่ข้ึนอยูกบั ความสวางจรงิ และระยะหางจากโลก - สขี องดาวฤกษมคี วามสัมพันธกบั อุณหภูมิผวิ ของดาวฤกษและอายขุ องดาวฤกษ - ดาวฤกษมีอายุยาวหรอื สัน้ มจี ุดจบเปนหลุมดา หรือดาวนิวตรอน หรอื ดาวแคระขาว ขนึ้ อยูกบั มวลของดาวฤกษ ขอ้ มลู ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2559

๕๒ ชนั้ ที่ รหัสตัวช้ีวัด ตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.4 - 6 53 ว 7.2 ม.4 - 6/1 สบื คน้ และอธิบายการสง - การสงดาวเทียมไปโคจรรอบโลก ณ ระดบั  และคานวณความเร็วในการ ความสงู จากผวิ โลกตาง ๆ กัน จรวดตองมีความเรว็ โคจรของดาวเทียมรอบโลก ที่แตกตางกัน 54 ว 7.2 ม.4 - 6/2 สบื คน้ และอธิบายประโยชน - ดาวเทยี มถูกนามาใชประโยชนใน  ของดาวเทียมในดานตาง ๆ ดานอตุ ุนยิ มวทิ ยา สารวจทรัพยากรโลก การส่ือสารและบอกตาแหนง่ ของวตั ถุบนโลก 55 ว 7.2 ม.4 - 6/3 สืบค้นและอธบิ ายการส่ง - ระบบยานขนสงอวกาศถกู พัฒนาข้ึนมาใชสง  และสารวจอวกาศโดยใช ดาวเทียม และยานอวกาศ แทนการใชจรวด ยานอวกาศและสถานี อยางเดียว เนอื่ งจากสามารถนากลบั มาใชใหมได อวกาศ - ในการสงยานอวกาศไปสารวจอวกาศ จรวด ที่พายานอวกาศ ตองมีความเรว็ มากกวาความเร็ว หลุดพนจึงจะสามารถออกจากวงโคจรของโลกได - ยานอวกาศและสถานีอวกาศมภี ารกิจ ในการสารวจโลกและวตั ถุท้องฟ้าอนื่ ๆ สาระที่ 8 ธรรมชาตขิ องวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มาตรฐาน ว 8.1 ใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละจิตวทิ ยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปญั หา รวู้ ่าปรากฏการณท์ างธรรมชาตทิ ี่เกดิ ข้นึ ส่วนใหญ่มรี ปู แบบทแ่ี น่นอน สามารถอธบิ ายและตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูลและเคร่ืองมือท่มี ีอยู่ในชว่ งเวลานนั้ ๆ เข้าใจวา่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สงั คม และสิง่ แวดล้อม มีความเกี่ยวข้องสมั พนั ธ์กนั 56 ว 8.1 ม.4 - 6/1 ตง้ั คาถามท่ีอยบู่ นพ้นื ฐาน -  ของความรู้และความเข้าใจ ทางวิทยาศาสตร์ หรอื ความสนใจ หรือจากประเด็น ทเ่ี กิดข้นึ ในขณะน้นั ทส่ี ามารถทาการสารวจ ตรวจสอบหรือศึกษาค้นควา้ ได้อยา่ งครอบคลุม และ เชื่อถอื ได้ 57 ว 8.1 ม.4 - 6/2 สร้างสมมติฐานท่ีมีทฤษฏี -  รองรับหรอื คาดการณ์ สง่ิ ที่จะพบ หรือสร้าง แบบจาลอง หรอื สร้าง รปู แบบ เพอื่ นาไปสู่การ สารวจตรวจสอบ ขอ้ มูล ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2559

ชน้ั ที่ รหัสตัวช้ีวัด ตัวช้วี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๕๓ - ต้องรู้ ควรรู้ ม.4 - 6 58 ว 8.1 ม.4 - 6/3 คน้ ควา้ รวบรวมขอ้ มูลท่ีต้องพิจารณา  ปจั จยั หรอื ตัวแปรสาคัญ ปัจจัยทม่ี ี ผตอ่ ปจั จยั อ่นื ปัจจยั ท่ีควบคุมไม่ได้ และจานวนครัง้ ของการสารวจ ตรวจสอบ เพอื่ ให้ไดผ้ ลทีม่ ี ความเช่อื ม่ันอย่างเพยี งพอ - - 59 ว 8.1 ม.4 - 6/4 เลือกวัสดุ เทคนิควิธี อปุ กรณ์ทใี่ ชใ้ น การสงั เกต การวดั การสารวจ ตรวจสอบอย่างถกู ต้อง ท้งั ทางกวา้ ง และลึกในเชงิ ปริมาณและคุณภาพ 60 ว 8.1 ม.4 - 6/5 รวบรวมข้อมูลและบนั ทึกผล การสารวจตรวจสอบอย่างเป็นระบบ ถกู ต้อง ครอบคลุมท้งั ในเชิงปรมิ าณ และคณุ ภาพ โดยการตรวจสอบ ความเป็นไปได้ ความเหมาะสม หรอื ความผดิ พลาดของข้อมูล - - 61 ว 8.1 ม.4 - 6/6 จดั กระทาข้อมลู โดยคานึงถึง - การรายงานผลเชิงตวั เลขที่มรี ะดับ - - ความถกู ตอ้ ง และนาเสนอขอ้ มลู ดว้ ยเทคนิควธิ ที เี่ หมาะสม 62 ว 8.1 ม.4 - 6/7 วิเคราะหข์ ้อมูล แปลความหมาย ขอ้ มลู และประเมนิ ความสอดคลอ้ ง ของข้อสรุป หรือสาระสาคัญ เพอ่ื ตรวจสอบกับสมติฐานที่ต้ังไว้ 63 ว 8.1 ม.4 - 6/8 พิจารณาความนา่ เชอ่ื ถือของวิธีการ และผลการสารวจตรวจสอบโดยใช้ หลกั ความคลาดเคลอ่ื นของการวดั และการสสังเกต เสนอแนะ การปรับปรงุ วิธกี ารสารวจตรวจสอบ 64 ว 8.1 ม.4 - 6/9 นาผลของการสารวจตรวจสอบ ท่ีได้ ทั้งวธิ ีการและองค์ความรู้ทไ่ี ด้ ไปสรา้ งคาถามใหม่ นาไปใชแ้ ก้ปญั หา ในสถานการณใ์ หม่และในชีวิตจริง 65 ว 8.1 ม.4 - 6/10 ตระหนกั ถึงความสาคัญในการ ที่จะต้องมีสว่ นรว่ ม รบั ผิดชอบ การอธิบาย การลงความเหน็ และ การสรุปผล การเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ท่ีนาเสนอต่อสาธารณชน ดว้ ยความถูกต้อง ข้อมูล ณ วันท่ี 15 สงิ หาคม 2559

ชัน้ ท่ี รหัสตัวช้ีวัด ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๕๔ - ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.4 - 6 66 ว 8.1 ม.4 - 6/11 บันทึกและอธบิ ายผลการสารวจ  - ตรวจสอบอยา่ งมีเหตุผล ใช้พยาน  67 0 หลักฐานอ้างอิงหรือค้นคว้าเพ่ิมเตมิ 339 6 เพือ่ หาหลักฐานอ้างองิ ท่เี ชอื่ ถือได้ และยอมรับว่าความร้เู ดิมอาจมี การเปล่ยี นแปลงได้ เม่ือมีข้อมลู และประจักษ์พยานใหมเ่ พ่มิ เติม หรือโต้แย้งจากเดิม ซ่งึ ท้าทาย ใหม้ กี ารตรวจสอบอยา่ งระมัดระวัง อนั จะนามาสู่การยอมรบั เป็น ความรู้ใหม่ 67 ว 8.1 ม.4 - 6/12 จดั แสดงผลงาน เขยี นรายงาน และ/หรอื อธิบายเกยี่ วกบั แนวคดิ กระบวนการ และผลของโครงงาน หรือชิ้นงานใหผ้ ู้อน่ื เข้าใจ รวม 67 ตัวช้ีวัด รวมทั้งหมด 345 ตวั ชวี้ ัด ขอ้ มลู ณ วันที่ 15 สงิ หาคม 2559


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook