คานา หนงั สือวทิ ยาศาสตร์เล่มน้ีเป็นส่วนหน่ึงของวชิ า การสร้างหนงั สือ อิเลก็ ซ้ึงขา้ พเจา้ ไดร้ ับมอบหมายจากคณูครูไหจ้ ดั ทาหนงั สือเร่ืองน้ีข้ึน ตามความสนใจ โดยบรู ณากบั วชิ าวทิ ยาศาสตร์ เน้ือหาในหนงั สือเล่มน้ี ประกอบไปดว้ ยเร่ือง สิงโต หมีแพนดา้ ปลาการตนู เสือ กวางผา ฮิปโป กระต่าย นกแกว้ ฃ้ึงขพเจา้ ไดร้ วบรวมไวใ้ นหนงั สือเล่มน้ี ขอบคุณครู ประภสั สร ก๋าเขียว ที่ใหแ้ นะนา ปรึกษา และเพือนๆ ที่ชวยใหค้ าแนะนาจนตลอดหนงั สือเล่มน้ีเสร็จลุรวงไปดว้ ยดี หาก ผดิ พลาดประการไดก้ ข็ อออภยั ณ ที่น้ีดว้ ย
สารบญั หน้า ก คานา ข สารบญั 1 สิงโต 2 หมแี พนด้า 3 ปลาการ์ตูน 4 เสือ 5 กวางผา 6 ฮิปโป 7 กระต่าย 8 นกแก้ว
สิงโต สิงโต (องั กฤษ: Lion) จดั อยใู่ นไฟลมั สตั วม์ ีกระดกู สนั หลงั ช้นั สัตวเ์ ล้ียงลกู ดว้ ยนม อยใู่ นวงศ์ Felidae ซ่ึงเป็นวงศ์ เดียวกบั แมว สิงโตมีชื่อวทิ ยาศาสตร์วา่ Panthera leo มีขนาด ลาตวั ใหญ่ ขนาดไลเ่ ล่ียกบั เสือโคร่งทวั่ ไป (P. tigris) ซ่ึงเป็น สตั วใ์ นสกลุ Panthera เหมือนกนั จดั เป็นสัตวใ์ นวงศ์ Felidae ที่มีขนาดใหญ่ท่ีสุ
หมแี พนด้า แพนดา้ ยกั ษ์ (องั กฤษ: Giant panda; ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Ailuropoda melanoleuca) หรือที่นิยมเรียกวา่ แพนดา้ (องั กฤษ: Panda เป็นสัตวเ์ ล้ียงลกู ดว้ ยนมซ่ึงปัจจุบนั จดั อยใู่ น วงศห์ มี (Ursidae) ถิ่นอาศยั อยทู่ างตอนใตข้ องสาธารณรัฐ ประชาชนจีน [1] อาหารโปรดของแพนดา้ ยกั ษค์ ือใบไผ่ นอกน้นั จะเป็นหญา้ ชนิดอ่ืน ๆ ลกั ษณะเฉพาะของแพนดา้ ยกั ษค์ ือมีขนสีดารอบดวงตา, ใบหู, บ่า และขาท้งั ส่ีขา้ ง ส่วน อ่ืนประกอบดว้ ยขนสีขาว
ปลาการ์ตูน เป็นปลามีสีสันสวยงาม โดยทว่ั ไปประกอบดว้ ยสีส้ม, แดง, ดา, เหลือง และมีสี ขาวพาดกลางลาตวั 1-3 แถบ อยา่ งไรกต็ าม แมจ้ ะเป็นชนิดเดียวกนั กจ็ ะมีสี แตกต่างกนั เลก็ นอ้ ยเสมอ ซ่ึงความแตกต่างน้ีทาใหจ้ ดจาคู่ได้ นอกจากน้นั แหลง่ ท่ีอยอู่ าศยั ที่แตกต่างกนั ทาใหเ้ กิดการแปรผนั ดว้ ย ปลาการ์ตูนอยกู่ นั เป็น ครอบครัว กินแพลงกต์ อนเป็นอาหาร เป็นปลาที่หวงถิ่นมาก มีเขตท่ีอยขู่ อง ตนเองสามารถอยใู่ นใตท้ อ้ งทะเลไดด้ ว้ ยนะ การกระจายพนั ธุ์และถิ่นอาศยั พบอาศยั อยตู่ ามแนวปะการังในบริเวณเสน้ ศนู ยส์ ูตรทวั่ โลก อาศยั อยตู่ ามแนว ปะการังกบั ดอกไมท้ ะเล อนุกรมวิธาน ปลาการ์ตูนแบ่งออกไดเ้ ป็น 2 สกลุ คือ Amphiprion และ Premnas ซ่ึงมีอยเู่ พยี ง ชนิดเดียว
เสือ เป็ นสัตว์เลยี้ งลูกด้วยนมในวงศ์ฟิ ลดิ ซี ึ่งเป็ นวงศ์เดยี วกบั แมวโดย ชนิดท่ีเรียกว่าเสือมักมีขนาดลาตัวค่อนข้างใหญ่กว่า[1]และอาศัย อยู่ภายในป่ า ขนาดของลาตัวประมาณ 168 - 227 เซนติเมตรและ หนักประมาณ 180 - 245 กโิ ลกรัม[2] รูม่านตากลม เป็ นสัตว์กนิ เนือ้ กลุ่มหน่ึง มลี กั ษณะและรูปร่างรวมท้งั พฤตกิ รรมท่ีเป็ น เอกลกั ษณ์ แตกต่างจากสัตว์ในกล่มุ อน่ื หากนิ เวลากลางคนื มีถ่นิ กาเนิดในป่ า เสือส่วนใหญ่ยงั คงมคี วามสามารถในการปี นป่ าย ต้นไม้ ซ่ึงยกเว้นเสือชีต้า เสือทุกชนิดมกี รามท่สี ้ันและแขง็ แรง มี เขยี้ ว 2 คู่สาหรับกดั เหยอื่ ทวั่ ท้งั โลกมสี ัตว์ทอ่ี ยู่ในวงศ์เสือและแมว ประมาณ 37 ชนิด ซ่ึงรวมท้งั แมวบ้านด้วย[
กวางผา าถกู คน้ พบและศึกษาคร้ังแรกในทางสัตววทิ ยา เมื่อปี ค.ศ. 1825 ในแถบเทือกเขาหิมาลยั ประเทศเนปาล มีลกั ษณะคลา้ ย แอนทีโกวางผลปที่พบในทวปี แอฟริกา จึงไดร้ ับการจาแนก และต้งั ช่ือวิทยาศาสตร์วา่ Antilope goral ตอ่ มาพบวา่ มี ลกั ษณะและนิสยั แตกตา่ งกนั เด่นชดั จึงจาแนกออกเป็นสกลุ ใหม่ในปี ค.ศ. 1827 โดย ชาลส์ แฮมิลตนั สมิท นกั ธรรมชาติ วิทยาและทหารชาวองั กฤษ คือ Naemorhedus[1]
ฮิปโป ฮิปโปโปเตมสั หรือที่เรียกส้นั ๆ วา่ ฮิปโป (องั กฤษ: Hippopotamus; Hippo) เป็นสตั วเ์ ล้ียงลกู ดว้ ยนมกินพชื ชนิดหน่ึง ในอนั ดบั สตั วก์ ีบคู่ จดั อยใู่ นวงศฮ์ ิปโปโปเตมสั (Hippopotamidae) โดยเป็นสตั วเ์ พียง 1 ใน 2 ชนิดของวงศน์ ้ีท่ียงั สืบทอดเผา่ พนั ธุ์มาจนถึงปัจจุบนั (อีกชนิดน้นั คือ ฮิปโปโปเตมสั แคระ (Choeropsis liberiensis) ที่พบในป่ าดิบช้ืนของ แอฟริกาตะวนั ตก[2]) ชื่อ \"ฮิปโปโปเตมสั \" มาจากภาษากรีกคาวา่ ἵππος (hippos) หมายถึง \"มา้ \" และ ποταμός (potamos) หมายถึง \"แม่น้า\" รวมแลว้ หมายถึง \"มา้ แม่น้า\" หรือ \"มา้ น้า\" (ἱπποπόταμος) เน่ืองจากมีส่วน หวั คลา้ ยมา้ มาก โดยเฉพาะยามเม่ืออยใู่ นน้า[3][4]
กระต่าย ช้นั สตั วเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนม อนั ดบั กระต่าย (Lagomorpha) ในวงศ์ กระต่าย (องั กฤษ: Rabbit) เป็นสตั วท์ ่ีจดั อยใู่ นไฟลมั สตั วม์ ีกระดูกสนั หลงั Leporidae กระต่ายแมจ้ ะมีฟันแทะเหมือนกบั อนั ดบั สตั วฟ์ ันแทะ (Rodentia) แต่ถกู จดั ออกมาเป็นอนั ดบั ต่างหาก เน่ืองมีจานวนฟันท่ีไม่เท่ากนั เพราะ กระต่ายมีฟันแทะท่ีขากรรไกรบน 20 แถว เรียงซอ้ นกนั แถวละ 20 ซ่ี ฟันกรามบนขา้ งละ 6 ซี่ และฟันกรามล่างขา้ งละ 5 ซี่ เมื่อเวลาเค้ียว อาหาร กระต่ายจะใชฟ้ ันท้งั 2 ดา้ นเค้ียวสลบั กนั ไป ต่างจากสตั วฟ์ ันแทะ โดยทว่ั ไปท่ีเค้ียวเคล่ือนหนา้ เคล่ือนหลงั
นกแก้ว นกแก้ว หรือ นกปากขอ (ภาษาไทยถิ่นเหนือ: นกแล) เป็น อนั ดบั ของนกอนั ดบั หน่ึง ใชช้ ื่อวทิ ยาศาสตร์วา่ Psittaciformes เป็นนกท่ีมีความแตกต่างกนั มากทางสรีระ คือมีต้งั แต่ขนาด เลก็ จนถึงใหญ่ (19-100 เซนติเมตร) มีหวั กลมโต ลาตวั มีขนอุยปก คลุมหนาแน่น ขนมีแกนขนรอง ต่อมน้ามนั มีลกั ษณะเป็นพมุ่ ขน ผวิ หนงั ค่อนขา้ งหนา มีลกั ษณะเด่นท่ีแตกต่างจากนกอนั ดบั อ่ืน ๆ คือ จะงอยปากที่ส้นั หนา และทรวดทรงงอเป็นตะขอหุม้ ปากล่าง มีความคมและแขง็ แรง อนั เป็นท่ีของชื่อสามญั ใชส้ าหรับกดั แทะ อาหารและช่วยในการปี นป่ าย เช่นเดียวกบั กรงเลบ็
หมีโคอล่า โคอาลา (องั กฤษ: koala) เป็นสตั วเ์ ล้ียงลกู ดว้ ยนมมี กระเป๋ าหนา้ ทอ้ ง จาพวกพอสซมั (ไม่ใช่หมี) ตวั เมียจะมี กระเป๋ าหนา้ ทอ้ ง สาหรับใหล้ กู อ่อนอาศยั อยู่ จากการที่มี ลกั ษณะรูปร่างหนา้ ตาคลา้ ยสัตวใ์ นตระกลู หมี ทาใหส้ ่วน ใหญ่นิยมวา่ \"หมีโคอาลา\" หรือ \"หมีตน้ ไม\"้ [2][3] โคอาลา นบั เป็นซากดึกดาบรรพม์ ีชีวิตอีกชนิดหน่ึง เน่ืองจากพบหลกั ฐานเป็นฟอสซิลอายนุ านกวา่ 20 ลา้ นปี มาแลว้ ในออสเตรเลียตอนใต้ เป็นโคอาลาขนาดยกั ษ์
จงิ โจ จงิ โจ้ (องั กฤษ: Kangaroo) จดั อยใู่ นไฟลมั สตั วม์ ีแกนสนั หลงั ช้นั สตั วเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนมประเภทสตั วม์ ีกระเป๋ าหนา้ ทอ้ งในตวั เมียสาหรับ แพร่ขยายพนั ธุ์และเป็นท่ีอยอู่ าศยั ของลูกอ่อน นบั เป็นสตั วใ์ นประเภทน้ี ท่ีมีขนาดใหญ่ และเป็นสตั วป์ ระจาทอ้ งถิ่นของประเทศออสเตรเลีย จิงโจน้ ้นั จดั ออกไดเ้ ป็นแหลกหลายประเภท ในหลายวงศ,์ หลาย สกลุ แต่ท้งั หมดจดั อยใู่ นอนั ดบั Macropodiformes หรือท่ีเรียกในช่ือ สามญั วา่ \"แมคโครพอด\" (Macropod) ท่ีหมายถึง \"ตีนใหญ่\" แต่ท้งั หมด กม็ ีรูปร่างคลา้ ยกนั (แต่โดยปกติแลว้ จิงโจจ้ ะหมายถึงแมคโครพอดที่อยู่ ในสกุล Macropus) คือ มีขาหลงั ท่ียาวแขง็ แกร่ง ทรงพลงั ใชใ้ นการ กระโดด และมีส่วนหางที่แขง็ แรง ใชใ้ นการทรงตวั และใชใ้ นการ กระโดด
จดั ทาโดย ด.ญ ทรรศนีย์ ศรีบริบรู ณ์ เลฃที่24 ด.ช พงศพ์ ิพฒั ฒน์ สารขดั เลขที่18 เสนอ คุณครุ ประภสั สร ก๋าเขียว
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: