1โครงกระดกู อักขระ มหาสถูปการเปิดอุทยาน ‘ศรีเทพ’ อยา่ งเปน็ ทางการ และคาอา่ น-แปลจารกึ พบใหม่พนั ธ์ุทิพย์ ธีระเนตร แม้ชอื่ ‘ศรีเทพ’ จะเป็นท่ีรจู้ กั กันอยา่ งกวา้ งขวางในนามของเมอื งโบราณทเี่ ต็มไปดว้ ยรอ่ งรอยหลักฐานทางโบราณคดีโดยมฐี านะเป็นอุทยานประวตั ิศาสตร์มาตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๕๒๗ แตต่ ลอดระยะเวลาเกอื บ ๓๐ ปีทผี่ า่ นมา กลบั ยงั ไมเ่ คยมกี ารเปิดอทุ ยานดังกล่าวอยา่ งเป็นทางการ จนกระทั่งใน พ.ศ. ๒๕๕๕ หลงั บูรณะขดุ แต่งโบราณสถานตา่ งๆ มาเปน็ เวลานานทางกรมศลิ ปากรก็เตรยี มพร้อมในการเปิดเมอื งโบราณแหง่ นี้ โดยได้รับพระมหากรณุ าธคิ ุณจากสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯสยามบรมราชกมุ ารีซงึ่ จะเสด็จมาทรงเปดิ อุทยาน ในเร็วๆ น้ี ไมเ่ พียงเทา่ นัน้ ล่าสดุ ยงั มกี ารพบจารกึ ชิ้นหนึ่งหลังการบรู ณะโบราณสถานนอกเมืองอกี ด้วยจากหลมุ ฝงั ศพสู่มหาสถูป ศรเี ทพเป็นแหล่งโบราณคดีท่ีส้าคัญแหง่ หนึง่ ในล่มุ น้าลพบุร-ี ปา่ สัก ตั้งอยใู่ นตา้ บลศรีเทพ อ้าเภอศรเี ทพ จงั หวดัเพชรบรู ณ์ บรเิ วณดงั กล่าวปรากฏรอ่ งรอยการอยู่อาศัยของผ้คู นมาตง้ั แต่ ราว ๒,๐๐๐ ปีมาแลว้ โดยมกี ารพบโครงกระดกูมนุษยย์ ุคก่อนประวตั ศิ าสตร์ตอนปลาย ตอ่ เนื่องมาถงึ หลักฐานในวฒั นธรรมทวารวดแี ละขอมโบราณตามล้าดับ แลว้ ถกู ท้ิงรา้ งไปในราวปลายพทุ ธศตวรรษที่ ๑๘ - ตน้ พุทธศตวรรษที่ ๑๙ อนั เป็นช่วงเวลากอ่ นท่สี ุโขทัยและกรุงศรีอยธุ ยาจะเจริญขนึ้ มาแทนที่ โดยนักโบราณคดมี ีขอ้ สนั นิษฐานว่า อาจเกดิ จากโรคระบาดรา้ ยแรงหรือปญั หาภัยแล้ง ประการใดประการหนง่ึ หรอื ท้ังสองประการ1 ไมว่ ่าทน่ี จี่ ะร่วงโรยลงไปด้วยสาเหตใุ ด แต่ก็ไดท้ งิ้ รอ่ งรอยความรงุ่ เรืองไว้มากมายใหไ้ ดศ้ ึกษาอยา่ งเข้มขน้ เมืองโบราณแหง่ น้ีมแี ผนผงั เปน็ เมืองแฝด รปู ร่างคลา้ ยสเ่ี หลย่ี มมมุ มน ประกอบดว้ ย ‘เมอื งใน’ ซึ่งถกู สร้างขึ้นกอ่ นและ ‘เมอื งนอก’ อันเปน็ พนื้ ทีซ่ ่ึงสนั นษิ ฐานกนั ว่าถูกขยายไปทางทศิ ตะวันออกในภายหลัง ภายในเมอื งแฝดนี้ ปรากฏซากสถาปตั ยกรรมหลายแหง่ ซงึ่ ไดร้ บั การขึ้นทะเบยี นเปน็ โบราณสถานตามประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๖ อาทิเขาคลงั ใน, ปรางคศ์ รเี ทพ, ปรางค์สองพน่ี อ้ ง รวมถึงโบราณสถานนอกเมืองอยา่ งปรางคฤ์ าษแี ละเขาคลงั นอก อนั เปน็ สถูปขนาดใหญท่ ส่ี นั นษิ ฐานวา่ เปน็ ‘มหาสถปู ’ ในวฒั นธรรมทวารวดีทม่ี ีความสา้ คญั เคียงคกู่ นั กับเขาคลงั ใน นอกจากนย้ี งั พบโบราณวัตถมุ ากมายทีส่ รา้ งข้ึนเน่อื งในศาสนาตา่ งๆ ซึ่งปรากฏอยูร่ ว่ มกัน ไมว่ า่ จะเปน็ ธรรมจกั รขนาดใหญต่ ามความเชอื่ ในพุทธศาสนา รวมถงึ เทวรปู และทบั หลงั จ้าหลักภาพเทพในศาสนาพราหมณ-์ ฮินดู เช่นประติมากรรมพระสรุ ยิ เทพ และทบั หลังภาพอมุ ามเหศวร เป็นตน้ ท่ีส้าคัญ ยงั มจี ารกึ หลายหลกั ท่ีจดจารถ้อยค้าอนั เนน้ ย้าถงึ การยอมรบั นบั ถือศาสนาในแตล่ ะชว่ งเวลา โดยมคี วามสอดคล้องกบั วตั ถพุ ยานอ่ืนๆ ทพ่ี บในอุทยานประวัตศิ าสตรศ์ รเี ทพอกี ด้วย1 เอกสารนาชมอทุ ยานประวตั ศิ าสตรศ์ รีเทพ จัดท้าโดย ฝา่ ยงานวิชาการ อุทยานประวตั ิศาสตรศ์ รเี ทพ สา้ นักศิลปากรที่ ๔ ลพบรุ ี กรมศลิ ปากร กระทรวงวัฒนธรรม. (ไมป่ รากฏปีทพี่ ิมพ)์
2อทุ ยานประวตั ศิ าสตรศ์ รเี ทพ จ. เพชรบูรณ์ กา้ ลังเตรยี มความพรอ้ มสา้ หรบั การเปิดอทุ ยานอยา่ งเปน็ ทางการ(ในภาพคอื ‘เขาคลงั ใน’ โบราณสถานยคุ ทวารวดีทมี่ กี ารเปลย่ี นหลงั คาคลมุ ปูนปั้นรอบฐานเมอื่ ไม่นานมาน้ี)
3คาสรรเสรญิ -คาถา-หลักธรรม พทุ ธพบพราหมณ์ ณ ลุ่มนาปา่ สกั มีการพบจารึกหลายชิ้นท่ศี รเี ทพมาตง้ั แตก่ ่อน พ.ศ. ๒๕๐๐ ซง่ึ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดา้ รงราชานุภาพทรงมบี นั ทกึ ถึงการพบจารึกหลกั หนงึ่ ทต่ี อ่ มาร้จู กั กนั ในนาม ‘จารึกเมืองศรีเทพ’ อกั ษรปลั ลวะ ภาษาสนั สกฤต และมกี ารพบจารึกอนื่ ๆ เพิ่มเติมเร่อื ยมาเมือ่ มีการส้ารวจ ขุดแตง่ หรือบูรณะโบราณสถาน เชน่ การสา้ รวจโดย ดร. เฮช ซี ควอรทิ ซ์ เวลส์ เมอื่พ.ศ. ๒๔๘๐ ซึง่ ทา้ ให้พบจารกึ บรเิ วณปรางคส์ องพี่นอ้ ง รวมทงั้ การลกั ลอบขดุ หาโบราณวตั ถอุ ยา่ งหนกั 2 การดา้ เนนิ งานทางโบราณคดภี ายในอุทยานประวัตศิ าสตรศ์ รีเทพในยคุ แรกๆ ซงึ่ ทา้ ใหพ้ บจารึกหลายช้ิน จารกึ เป็นหลักฐานสา้ คญั ซง่ึ บง่ บอกถึงการนบั ถือศาสนาของผ้คู นท่นี ี่ โดยพบจารึกภาษาบาลีสนั้ ๆ ทปี่ รากฏหลักธรรมของศาสนาพุทธ และคาถาเยธมั มา อนั เป็นหวั ใจของพระพุทธศาสนา จารึกเหล่านไ้ี มม่ ีการระบศุ กั ราช ผู้เชีย่ วชาญดา้ นภาษาโบราณจากหอสมดุ แหง่ ชาติ จงึ กา้ หนดอายตุ ามรปู แบบตัวอักษรปลั ลวะทปี่ รากฏในจารึกไวใ้ นราวพุทธศตวรรษที่๑๒ อกั ษรดงั กลา่ ว แสดงใหเ้ หน็ เดน่ ชดั ถงึ การรับวัฒนธรรมด้านตวั อกั ษรและอกั ขรวธิ มี าจากอนิ เดยี พรอ้ มกบั ศาสนาและวัฒนธรรมความเจริญด้านอน่ื ๆ เนอื่ งจากเปน็ อกั ษรทม่ี ีลักษณะเดยี วกับอกั ษรของราชวงศป์ ัลลวะทางอินเดียใต้ ซง่ึ แพร่เข้ามา ณ ดนิ แดนอษุ าคเนยใ์ นชว่ งเวลาดงั กลา่ ว2 วชิ ัย ตันตขิ จร. จารึกทเ่ี มืองศรเี ทพ (กรงุ เทพ , กรมศิลปากร), ๒๕๓๔.
4 นอกจากน้ี ยงั มจี ารกึ อกั ษรจีนและปัลลวะบนพระพมิ พ์ อายรุ าวพุทศตวรรษท่ี ๑๒ เชน่ กนั สอดคลอ้ งกบั การพบเครอื่ งถว้ ยจนี สมัยราชวงศถ์ งั จากการขดุ คน้ ทางโบราณคดีทีแ่ สดงถงึ การตดิ ตอ่ กบั จีน รวมถงึ จารกึ ส้าคญั อีกหนงึ่ ชน้ิ คอื ‘จารึกเมืองศรเี ทพ’ อักษรปัลลวะภาษาสันสฤตซง่ึ สันนษิ ฐานวา่ เป็นคา้ กล่าวสรรเสริญบุคคลอกี ดว้ ย ‘จารึกหลกั ธรรม ๒ เมอื งศรีเทพ’ จารดว้ ยอักษรปัลลวะ ภาษาบาลี ว่าดว้ ยเร่อื งทุกข์และปฏิจจสมุปบาท (ภาพจากฐานขอ้ มูลจารึกในประเทศไทย) ธรรมจกั รขนาดใหญ่ บ่งบอกถงึ การนับถือพุทธศาสนา สอดคล้องกบั จารกึ หลกั ธรรมและคาถาเยธัมมาทพี่ บในเมอื งศรเี ทพ
5 ไมใ่ ช่เฉพาะเนื้อหาอนั ปรากฏในจารกึ เท่านั้น ทเ่ี ป็นประโยชน์ตอ่ การศึกษาเรือ่ งราวของเมอื งศรีเทพ แตจ่ า้ นวนของจารกึ ซ่งึ มกี ารพบหลายตอ่ หลายช้นิ กท็ า้ ให้ ศ. ดร. ธิดา สาระยา ลงความเห็นวา่ ที่น่ตี อ้ งไมใ่ ช่เมืองเล็กๆ แตเ่ ป็นเมอื งท่มี ีการสถาปนาระบบผู้นา้ ของเมืองมั่นคงพอสมควร เพราะสามารถสร้างศลิ ปะและใช้อกั ษรจารกึ เรื่องราว โดยแสดงใหเ้ ห็นถงึการเติบโตอย่างต่อเนอื่ งของเมอื งศรเี ทพตงั้ แตพ่ ทุ ธศตวรรษ ๑๑-๑๘ เปน็ อย่างน้อย 3 หากพิจารณาจากสภาพภูมศิ าสตรแ์ ลว้ นกั โบราณคดลี ว้ นลงความเห็นวา่ ศรีเทพอย่ใู นต้าแหนง่ ทเ่ี ป็นศูนย์กลางการคมนาคม ซงึ่ สะดวกในการตดิ ตอ่ สมั พันธร์ ะหว่างชมุ ชนในลมุ่ นา้ เจา้ พระยากับที่ราบสงู โคราช เนือ่ งจากต้งั อยู่ในหุบเขาเพชรบรู ณ์ ซง่ึ มแี มน่ ้าปา่ สกั ไหลจากเหนือลงใตท้ างด้านตะวันตก ป่าเขาและท่สี ูงกันที่ราบลมุ่ ป่าสกั ออกจากเขตทรี่ าบลุ่มเจ้าพระยา สว่ นทางตะวนั ออกมดี งพญาเย็นกน้ั ออกจากท่รี าบสงู โคราช ดว้ ยเหตนุ ้ี จงึ กลายเป็นเมอื งท่ีอยู่ระหวา่ งการแพรก่ ระจายของวัฒนธรรมจากแหลง่ สา้ คญั ๒ รูปแบบ ท้งั พุทธศาสนาแบบทวารวดีจากภาคกลาง และ พราหมณ์-ฮินดูเนือ่ งในวัฒนธรรมขอมโบราณจากฝง่ั ตะวันออกเฉยี งเหนือน่ันเอง ส้าเนาจารึกเมืองศรีเทพ ปรากฏข้อความกล่าวสรรเสริญบคุ คล จารด้วยอกั ษรปัลลวะ ภาษาสนั สกฤต อายุราวพุทธศตวรรษท่ี ๑๒ (ภาพจากฐานขอ้ มูลจารกึ ในประเทศไทย)3 เอกสารการศึกษาสารวจและวจิ ยั เล่ม ๑ : จารกึ ทีพ่ บที่ศรีเทพ ประวตั ศิ าสตร์ศรเี ทพ ศิลปประตมิ ากรรมศรีเทพ ผงั เมืองศรีเทพ สถาปตั ยกรรมศรีเทพ การสารวจโบราณสถานศรเี ทพ โดย คณะกรรมการดา้ เนินการจัดทา้ แผนแม่บท โครงการอทุ ยานประวัตศิ าสตร์ศรีเทพ, ๒๕๒๙.
6 ทับหลังสลกั ภาพ ‘อมุ ามเหศวร’ ที่ปรางคส์ องพีน่ ้อง ภายในอทุ ยานประวตั ศิ าสตรศ์ รเี ทพ อันแสดงถงึ ความเชื่อในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูจารึกพบใหมท่ ี่โบราณสถานปรางคฤ์ ๅษี ศรีเทพ ณ เวลานี้ ดูจะมีแตเ่ ร่ืองใหม่ๆ เพราะนอกจากกา้ ลงั จะเปิดตัวอย่างเปน็ ทางการ ยงั มีการโยกยา้ ย ผอ.อทุ ยานและนกั โบราณคดมี าใหมเ่ มือ่ ไมก่ เี่ ดอื นมานี้ ที่ส้าคญั คอื ยังมีการพบจารกึ ชิ้นลา่ สุดเมอ่ื พ.ศ. ๒๕๕๑ ซงึ่ แมจ้ ะเป็นเวลาถึง ๔ ปมี าแล้ว ก็ยงั ตอ้ งถอื วา่ ใหม่ ถ้าเทยี บกับจารกึ ท้งั หลายท่ีพบในบริเวณน้มี าตง้ั แต่สมยั กรมพระยาดา้ รงราชานภุ าพเสด็จเยอื นมณฑลเพชรบูรณ์และการดา้ เนนิ งานทางโบราณคดีในยุคแรกๆ เม่อื หลายสิบปีมาแลว้ จารกึ ทกี่ ลา่ วถงึ นี้ ถกู พบอยใู่ นเขตโบราณสถานปรางคฤ์ ๅษี หรือปรางคน์ อก ซ่งึ ปจั จุบนั เป็นพ้ืนที่ของวัดปา่ สระแกว้หมทู่ ี่ 5 บา้ นนาน้าโครม ต้าบลนาสนนุ่ นอกเมอื งโบราณศรเี ทพ ราว ๒-๓ กม. ที่นไี่ มใ่ ช่โบราณสถานท่ีเพง่ิ คน้ พบใหม่ แต่เคยไดร้ ับการประกาศข้ึนทะเบยี นโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษาต้ังแต่ พ.ศ. ๒๕๐๖ และไดร้ บั การดแู ลโดยกรมศลิ ปากรเรื่อยมา แต่ยงั ไมม่ ีการพบจารกึ ใดๆ จนกระทงั่ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๑ มโี ครงการอนุรักษแ์ ละพัฒนาโบราณสถานปรางคฤ์ ๅษี เพื่อดา้ เนินการศกึ ษาดา้ นโบราณคดี และการออกแบบเพ่ือบูรณะและปรบั ภมู ิทศั น์โดยรอบ เนอ่ื งจากอยใู่ นสภาพทรดุ โทรมอย่างมาก ทง้ั ยงั ถกู ใช้ติดตัง้แท้งคน์ ้าประปาของชาวบ้านท่รี เู้ ท่าไม่ถงึ การณ์ ปรากฏวา่ หลงั การขดุ แต่งโบราณสถานดงั กล่าว พบว่ามปี รางคอ์ กี ๑ หลงัตัง้ อยใู่ กล้ๆ กนั จงึ สรปุ ได้ในเบอื้ งต้นวา่ โบราณสถานปรางคฤ์ ๅษี ประกอบดว้ ยปราสาท ๒ หลงั หลงั ท่ี ๑ คอื ปรางคฤ์ าษีถือเปน็ ปราสาทประธาน ส่วนหลงั ท่ี ๒ ซงึ่ เหลือเพยี งฐานศลิ าแลง สันนษิ ฐานวา่ เป็นอาคารบริวารทใี่ ชง้ านเกี่ยวเน่ืองกับศาสนา ปราสาทหลังนเ้ี อง คอื จดุ ที่พบจารึกใหมซ่ ึง่ จดจารอยู่บนทับหลงั ช้ินหนึง่
7ปรางคฤ์ ๅษี ชอื่ นมี าจากไหน ? ช่ือปรางคฤ์ ๅษี ไม่ไดม้ ที ่ีมาจากขอ้ ความในจารกึ หรอื เอกสารใดๆ แตเ่ ปน็ ชือ่ ตัง้ ใหมเ่ ม่อื 20 กวา่ ปมี าน้ีเอง พระครูสนุ ทร ธรรมปคูณ เจา้ อาวาสวัดป่าสระแก้ว เลา่ วา่ เดิมชาวบา้ นเรยี กปรางคด์ งั กลา่ ววา่ “ปรางคห์ ลวงพอ่ ฉาว” เน่ืองจากหลวงพ่อฉาวอดีตเจา้ อาวาส เป็นผู้บกุ เบกิ พนื้ ท่ีบริเวณนน้ั ใหเ้ ปน็ ส้านกั สงฆ์ นอกจากนย้ี งั มอี ีกชอ่ื ว่า “ปรางค์นอก” เพราะอยู่นอกก้าแพงเมืองโบราณศรเี ทพ จนกระท่งั เม่ือ พ.ศ. ๒๕๓๑ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี จะเสดจ็ มายังอุทยานประวตั ศิ าสตร์ศรเี ทพ เพ่ือทอดพระเนตรโบราณสถานตา่ งๆของเมืองศรีเทพเป็นครัง้ แรก คณะสา้ รวจจากส้านกัพระราชวงั เห็นวา่ โบราณสถานแห่งนยี้ ังไมม่ ชี ่ือเรยี กอยา่ งเป็นทางการ จึงตงั้ ช่ือใหว้ า่ ปรางค์ฤาษดี ว้ ยเหตุผล ๒ ขอ้ ข้อแรกคือเปน็ ปรางค์ทอี่ ยนู่ อกเมือง ลอ้ มรอบดว้ ยปา่ เปรยี บเสมือนสถานทบี่ า้ เพ็ญตบะของฤาษี ส่วนข้อทีส่ องคอื มตี า้ นานพน้ื บ้านเกย่ี วกับการลม่ สลายของเมืองศรีเทพทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ฤาษตี าวัว ฤาษตี าไฟ ซึ่งมอี าศรมอยูใ่ นปา่ นอกเมอื งเหมือนกับปรางคแ์ ห่งนนี้ นั่ เอง ภาพถา่ ยเกา่ ปรางคฤ์ ๅษที อ่ี ยูใ่ นสภาพทรุดเอียง
8การพบจารกึ โดยบังเอิญ ขอ้ มลู ขา่ วสารจากส่ือสงิ่ พมิ พต์ า่ งๆ ระบวุ า่ จารึกน้ีถกู พบระหวา่ งการขดุ แตง่ โบราณสถาน แต่ความจรงิ แล้ว มนั ถกูพบโดยบังเอญิ ในชว่ งปลายปี ๒๕๕๑ หลงั การขดุ แตง่ โบราณสถานส้นิ สดุ ลงไปแล้ว โดยมผี ู้เยย่ี มชมทา่ นหน่ึงมองเหน็ แผน่ หินทดี่ ูเหมือนเปน็ สว่ นประกอบสถาปัตยกรรม ควา่้ หน้าอย่บู นพ้ืนดนิ หนา้ ปราสาทหมายเลข ๒ ซ่งึ เหลอื เพยี งฐาน โดยสงั เกตเห็นวา่ มีตวั อักษรอยู่ดว้ ย จึงแจง้ คณุ ธวัชชัย ชนั้ ไพศาลศิลป์ นกั โบราณคดีชา้ นาญการ ซึ่งเคยประจา้ อยู่ทีอ่ ุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ (ปจั จุบนั ยา้ ยไปประจ้าทส่ี า้ นักศิลปากรท่ี ๑๕ ภูเกต็ ) เมอื่ มกี ารตรวจสอบแน่ชดั วา่ มีอกั ษรจารกึ แนน่ อน ทางอุทยาน ฯ จงึ น้าเครนมาเคลือ่ นยา้ ยอย่างระมดั ระวงั เพ่อื ไปเก็บรักษาไวด้ า้ นหนา้ คลงั เกบ็ โบราณวัตถุเดมิ (ปจั จุบัน คือส่วนหน่งึ ของศูนยข์ อ้ มูลอุทยานประวัตศิ าสตรศ์ รีเทพ) จากนนั้ จงึถ่ายภาพแลว้ ส่งไปยังกลมุ่ หนังสอื ตวั เขยี นและจารึก ส้านักหอสมดุ แห่งชาติ ต่อมาผูเ้ ชยี่ วชาญดา้ นภาษาโบราณ น้าโดย คุณกอ่ งแกว้ วีระประจกั ษ์ ไดเ้ ดินทางมาทา้ ส้าเนาจารกึ ท่ีอทุ ยานฯ และอา่ นแปลจนเสรจ็ ส้ินเมื่อต้นปี ๒๕๕๒ 4 ฐานศลิ าแลงของปราสาทบรวิ าร ในเขตโบราณสถานปรางคฤ์ ๅษี ซง่ึ มีการพบทบั หลงั มีจารกึ จมอย่ใู ตด้ ินใกลก้ บั อาคารหลงั น้ี (ตัวปราสาทสรา้ งจา้ ลองขึ้นใหม่)4 สัมภาษณ์ ธวชั ชัย ชั้นไพศาลศิลป์ นักโบราณคดีช้านาญการ ส้านักศิลปากรที่ ๑๕ ภเู ก็ต เมื่อวันท่ี ๒๓ กนั ยายน ๒๕๕๕
9ขอ้ มลู พนื ฐานและคาอ่านแปล หลงั การศกึ ษารว่ มกันระหวา่ งนกั โบราณคดี และผู้เช่ียวชาญดา้ นอักษรโบราณ สรปุ ข้อมลู พนื้ ฐานได้ว่า ทบั หลงั ทม่ี ีจารึกน้ี ท้าขึ้นจากหินทราย ไมม่ ีลวดลายประดับ ความกวา้ ง ๐.๖๐ เมตร ยาว ๑.๖๕ เมตร หนา ๐.๒๗ เมตร ข้อความจารึกอยบู่ รเิ วณตอนล่างเกอื บกงึ่ กลางของทบั หลังจา้ นวน ๑๙ บรรทัด จารด้วยอกั ษรขอมโบราณ ภาษาเขมรและสนั สกฤตอายุราวพุทธศตวรรษท่ี ๑๖ น่าเสยี ดายท่ีแมส้ ภาพทบั หลังคอ่ นขา้ งสมบูรณ์ แตต่ วั อักษรลบเลือนเกือบทัง้ หมด จึงทราบเพยี งวา่ มเี นอ้ื หาเก่ียวขอ้ งกับผู้มตี า้ แหน่งทางราชการหรือชนชั้นปกครองทมี่ ีระดบั ชน้ั แตกตา่ งกนั ได้แก่ เสตงอัญ มรเตง และกมรเตง เขา้ ใจวา่ ในปจั จุบันยงั ไม่มกี ารตีพมิ พเ์ ผยแพรอ่ ยา่ งเปน็ ทางการ และยงั ไมม่ ชี ่ือเรยี กจารกึ น้ีอยา่ งเป็นทางการเช่นกนัขอ้ ความทอ่ี า่ นไดม้ ีดงั น้ี (อ่าน-แปลและอธิบายศัพท์ โดย ผ้เู ชยี่ วชาญจากหอสมดุ แหง่ ชาติ กรมศลิ ปากร) บรรทัดที่ ๑๔______________เสตงอญั ศรี วรปต_ิ _________________ บรรทดั ที่ ๑๕-๑๙__________ มรเตง_____กมรเตง________________อธิบายศัพท์ (โดยหอสมดุ แหง่ ชาต)ิเสตงอัญ - ตา้ แหนง่ ขนุ นาง ขา้ ราชการ (นา้ หนา้ ชอื่ บรรดาศักดิ์)มรเตง - ตา้ แหน่งขุนนาง ขา้ ราชการ (น้าหน้าชอื่ บรรดาศกั ด)ิ์กมรเตง - เจ้า พระเจา้ ใชเ้ ปน็ คา้ นา้ หนา้ ผ้มู ยี ศสงู ทับหลังมจี ารกึ อกั ษรขอมโบราณ อายุราวพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๖ พบบรเิ วณโบราณสถานปรางคฤ์ ๅษี
10อกั ษรขอมโบราณทปี่ รากฏบนทบั หลงั อยู่ในสภาพลบเลือนเกือบทงั้ หมด
11จารึกและปราสาท หลกั ฐานท่สี อดคล้อง จากการพิจารณาหลักฐานด้านตา่ งๆ ประกอบกนั จะพบวา่ ทงั้ ภาษาและขอ้ ความจากจารึกซ่งึ จารดว้ ยอกั ษรขอมโบราณ ภาษาเขมรและสันสกฤต มีความสอดคล้องกบั ตวั โบราณสถาน อันเป็นสถาปัตยกรรมแบบขอมโบราณ อ.ดร.ประภัสสร์ ชูวิเชยี ร ภาควิชาประวตั ศิ าสตรศ์ ิลปะ คณะโบราณคดี ม.ศลิ ปากร กล่าววา่ โบราณสถานแหง่ น้ี มลี กั ษณะเป็นอาคารก่ออิฐ ตง้ั อยู่บนฐานศิลาแลง ยกเกจ็ ยอ่ มุม ซ่งึ เป็นรูปแบบของปราสาทขอมสมยั เมืองพระนคร เช่นเดยี วกบั ข้อสันนิษฐานของนกั โบราณคดที วี่ า่ ปรางคฤ์ าษีน่าจะมอี ายเุ ก่าแกห่ รอื รว่ มสมัยกับปรางค์ศรเี ทพและปรางคส์ องพ่ีน้องซง่ึ ตง้ั อยใู่ นเมืองโบราณศรีเทพทถี่ กู สรา้ งขึน้ ภายใต้รูปแบบศลิ ปะบาปวน อายุราวพุทธศตวรรษท่ี ๑๖ โบราณสถานปรางคฤ์ าษีหลังการบรู ณะครงั้ ลา่ สดุ โดยกรมศลิ ปากร ซึ่งท้าให้พบจารกึ อกั ษรขอมโบราณเม่อื พ.ศ. ๒๕๕๑
12จารกึ ใหมบ่ อกอะไรกบั เรา ? แม้จารกึ นี้ จะลบเลอื นจนอา่ นจบั ใจความได้เพียงไมก่ คี่ า้ ทั้งยงั เป็นคา้ ทีพ่ บได้ในจารึกเขมรโบราณมากมาย ไมม่ ีอะไรแหวกแนวหรอื แปลกใหม่ แตถ่ งึ อยา่ งไร ข้อความในจารกึ นี้กท็ ้าใหท้ ราบวา่ โบราณสถานปรางคฤ์ าษนี ่าจะถกู สรา้ งข้นึโดยบุคคลระดบั ชนชน้ั ปกครอง และจากหลกั ฐานแวดล้อมก็ทา้ ใหส้ ันนิษฐานไดว้ า่ อาคารดงั กลา่ วสร้างเพื่อใชง้ านเกยี่ วเนอ่ื งกับศาสนาพราหมณ์ลทั ธิไศวนกิ าย เนื่องจากมกี ารพบโบราณวัตถทุ ี่แสดงถึงลัทธดิ งั กลา่ ว อาทิ ศิวลงึ ค์ สมัยเมืองพระนคร อนัเปน็ ตัวแทนของพระศวิ ะ มหาเทพในศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดูลทั ธไิ ศวนกิ ายทีน่ ับถอื พระศิวเป็นเทพสูงสดุ รวมถงึ ช้ินสว่ นของโคนนทิ พาหนะของพระองคเ์ ปน็ ตน้ นอกจากน้ี จารึกท่ีพบนอกตวั เมืองโบราณศรเี ทพก็ยงั มีไม่มากนกั นี่จงึ เป็นการคน้ พบอีกหนงึ่ หลกั ฐานลายลกั ษณ์อกั ษรท่ีเพม่ิ ขึ้นมาอกี หน่ึงช้ิน ศวิ ลึงค์ พบบรเิ วณโบราณสถานปรางคฤ์ าษี แสดงถงึ บทบาทหนา้ ที่ในการเปน็ ศาสนสถานลัทธิไศวนกิ ายการดูแลรักษาในปัจจุบัน โบราณวัตถชุ ้ินนี้ นอกจากจะเปน็ ทบั หลงั แลว้ ยังปรากฏขอ้ ความจารกึ จึงนา่ แปลกใจเลก็ นอ้ ยท่ีพบวา่ มันถูกเก็บรกั ษาไวด้ ้านนอกของอาคารที่เคยเป็นคลังเก็บโบราณวตั ถเุ ดิม ซงึ่ ปัจจบุ นั ได้รบั การปรบั ปรงุ เปน็ สว่ นหนง่ึ ของศนู ย์ข้อมูลประจา้อทุ ยาน ฯ โดยวางอยบู่ รเิ วณทางเช่ือมระหวา่ งอาคารศนู ย์ข้อมลู อีกหลงั หนึ่ง ประเด็นนี้ คุณ อนุรักษ์ ดีพมิ าย นกั โบราณคดปี ระจ้าอทุ ยานประวตั ิศาสตร์ศรเี ทพ ชแี้ จงวา่ ขณะน้ีมีขอ้ จา้ กัดดา้ นพน้ื ทซ่ี งึ่ มไี ม่เพยี งพอ แตท่ างอุทยานเองกเ็ คยหารือกนั วา่ ควรยา้ ยเขา้ ไปเก็บรกั ษาหรอื จัดแสดงไว้ภายในอาคารเพื่อไม่ให้
13โบราณวัตถเุ สอื่ มสภาพไปมากกวา่ น้ี โดยเฉพาะจารกึ ซึ่งแม้จะลบเลอื นมากแลว้ แตก่ ็ไมค่ วรปล่อยให้เสอื่ มสลายไปมากกวา่ทเี่ ปน็ อยู่ โดยในขณะนี้อยใู่ นขน้ั ตอนการวางงานตา่ งๆโดยเฉพาะการจดั แสดงในคลงั เดมิ แห่งนใี้ หน้ า่ สนใจ คุณ เจตตก์ มล วงศ์ท้าว นกั โบราณคดชี ้านาญการ ประจา้ สา้ นักศลิ ปากรที่ ๔ ลพบรุ ี ซ่ึงดแู ลพ้ืนที่ ๕ จังหวดั คอืลพบรุ ี ชัยนาท นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ และอทุ ยั ธานี ให้ข้อมูลว่า ความจริงแล้ว หากว่ากนั ตามกฎหมาย โบราณวัตถตุ ่างๆจะต้องเกบ็ รักษาไวท้ พ่ี พิ ธิ ภัณฑสถานแห่งชาติ ซ่ึงกรณขี องศรเี ทพถือวา่ อยใู่ นเขตการดูแลของพพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาตสิ มเดจ็พระนารายณ์ จ. ลพบุรี ดว้ ยเหตนุ ี้ จะเห็นไดว้ า่ ประติมากรรมรวมถงึ จารกึ ท่ีจดั แสดงอยู่ภายในศนู ยข์ อ้ มูล จึงมกั เปน็ ของจา้ ลอง อย่างไรกต็ าม คงไมใ่ ชเ่ ร่อื งเสียหายอะไร หากทางอทุ ยานจะเกบ็ รักษาโบราณวัตถบุ างสว่ นไว้ หากไดร้ ับการดูแลท่ีดีพอ เพอื่ เผยแพร่ความรูใ้ หผ้ คู้ นท่เี ข้าเย่ียมชมเช่นกนั จารกึ บนทับหลงั พบที่โบราณสถานปรางคฤ์ าษี ถกู เก็บรกั ษาไว้ดา้ นนอกของอาคารคลังโบราณวตั ถเุ ดมิ ในจดุ ทีเ่ ป็นทางเดนิ เช่ือมระหวา่ งอาคารศูนยข์ อ้ มลู อุทยานประวตั ิศาสตร์ศรเี ทพอกี หลังหนงึ่ ภายในคลงั โบราณวตั ถเุ ดิม ท่ีทางอุทยานฯ คาดว่าจะยา้ ยจารึกปรางคฤ์ าษเี ขา้ มาเกบ็ รกั ษา
14ประเด็น ‘มรดกโลก’ และอนาคตของศรีเทพ ยอ้ นกลบั ไปในปี ๒๕๕๑ มีข่าววา่ กรมศลิ ปากรมแี ผนงานผลักดนั อทุ ยานประวตั ศิ าสตรศ์ รีเทพ เขา้ สูบ่ ัญชมี รดกโลกโดยอยู่ข้นั เริ่มต้นของแผนการดา้ เนินงาน ๔ ปตี ่อมา คอื เมอ่ื เดอื นกมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๕ ท่ผี ่านมานเี้ อง ก็มขี า่ วอีกครง้ั วา่ มีการเตรยี มเสนอชือ่ เป็นมรดกโลกพรอ้ มๆ กบั แหล่งภาพเขียนสอี ทุ ยานประวัตศิ าสตร์ผาแตม้ จ.อบุ ลราชธานี ทา่ มกลางความคาดหวังของหลายฝา่ ย แต่ล่าสุด ได้ข้อมลู อย่างไมเ่ ปน็ ทางการมาวา่ คณะกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรม มมี ตไิ ม่เห็นชอบ โดยตอ้ งการใหม้ กี ารศกึ ษาในเชงิ วชิ าการให้มากกวา่ นีก้ อ่ น แมจ้ ะถกู พับไปอยา่ งนา่ เสียดาย แตใ่ นขณะนี้ กม็ ีการขดุ แตง่ โบราณสถานหลายแห่งจนเกอื บเสรจ็ ส้ินสมบรู ณ์ โดยเฉพาะปรางค์ฤๅษี และเขาคลงั นอก โดยอยรู่ ะหวา่ งก้าลงั ปรบั ปรุงภูมิทศั น์รับการเปดิ อทุ ยานอย่างเป็นทางการ ในอกี ไม่นานเกินรอ ซง่ึ ถอื เป็นอกี หน่ึงก้าวสา้ คญั ของอทุ ยานประวตั ศิ าสตร์ศรีเทพ นอกจากนี้ ยงั มขี อ้ มูลว่ารอบเขาคลงั ใน มเี นินโบราณสถานขนาดเลก็ กระจายตวั ออกไปตามแนวแกนทิศอกี ไมต่ ่้ากวา่ ๒๐ แหง่ ซงึ่ ทางอทุ ยานไดท้ ้าการสา้ รวจไว้แลว้ ในเบ้อื งตน้ แตย่ งั ไมไ่ ด้ศึกษา อนุรักษแ์ ละพฒั นา ซ่งึ ไม่แนว่ ่าในอนาคตอาจมกี ารพบจารกึ อน่ื ๆ เพม่ิ เตมิ ดงั เชน่ ทพ่ี บบริเวณโบราณสถานปรางค์ฤๅษี ทจี่ ะช่วยขยายภาพอนั ลางเลือนของเศษเส้ยี วประวัตศิ าสตรใ์ หแ้ จ่มชดั ยง่ิ ข้นึ ไมม่ ากก็นอ้ ย โบราณสถานเขาคลังนอก ระหวา่ งการบรู ณะที่ใกล้เสรจ็ สมบรู ณ์ (ถา่ ยเม่อื เดอื นกนั ยายน พ.ศ. 2555)ขอขอบคณุคุณ ธวัชชยั ช้นั ไพศาลศลิ ป์ นกั โบราณคดชี ้านาญการ ส้านกั ศลิ ปากรที่ 15 ภเู ก็ตคุณ เจตนก์ มล วงศ์ทา้ ว นกั โบราณคดชี า้ นาญการ สา้ นักศลิ ปากรที่ 4 ลพบุรีคุณ อนุรกั ษ์ ดพี มิ าย นักโบราณคดอี ทุ ยานประวัตศิ าสตรศ์ รีเทพอ. ดร. ประภสั สร์ ชูวิเชียร ภาควิชาประวัตศิ าสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี ม.ศลิ ปากรเจา้ หนา้ ท่ฝี ่ายเผยแพร่และประชาสัมพนั ธ์ กรมศิลปากรอุทยานประวตั ิศาสตร์ศรีเทพ จ.เพชรบรู ณ์
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: