中国的少 กลมุ่ ชาติพันธ์ุในจีน数民 กลมุ่ ชาติพันธ์ุไต族 傣 族
คานา E-Book เลม่ นีเ้ ป็นสว่ นหนึง่ ของรายวิชา คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีเพือ่ การสอนภาษาจีนการสอนภาษาจีน ในหวั ข้อเรอ่ื งกลุ่มชาติพนั ธใ์ุ นจีนโดยในเลม่ นก้ี ล่าวถึงชาติพันธุ์ไต โดยจะกลา่ วถึงความรู้พื้นฐานของกลุ่มชาติพนั ธุ์ในจีน ข้อมลู เบื้องต้นของกลุม่ ชาติพนั ธุ์ไตและถิ่นที่อยู่ ภาษาศิลปวัฒนธรรม เครื่องแต่งกาย อาหาร ทีอ่ ยอู่ าศยั ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี ความเชื่อ และเทศกาลสาคญั ผู้จดั ทาหวังว่า E-Book เลม่ น้จี ะเป็นประโยชน์แกผ่ ้สู นใจในชาติพันธ์ไุ ต นางสาวรงุ่ ทิวา ใจซอ้ น (ผ้จู ัดทา)
สารบัญ หน้าเรอื่ ง ก ขคำนำ 1สำรบญั 2บทที่1 ควำมรพู้ ืน้ ฐำนของกลุ่มชำตพิ ันธ์ุในจีน 3บทที2่ กลุ่มชำตพิ นั ธ์ุไตและถิ่นทีอ่ ยู่ 5บทที่3 ภำษำ 6บทที่4 ศิลปะและวัฒนธรรม 8บทที่5 เคร่อื งแตง่ กำย อำหำร และทีอ่ ยู่อำศยับทที่6 ขนบธรรมเนียม ประเพณี ควำมเชือ่ เทศกำลสำคัญ คบรรณานกุ รม
บทที1่ ความรูพ้ ืน้ ฐานของกลุ่มชาติพันธุใ์ นจีน ประเทศสำธำรณรฐั ประชำชนจีนมีอำณำเขตบรเิ วณกว้ำงใหญ่ไพศำลมเี นือ้ ที่ 9,596,960 ตำรำงกิโลเมตรซึง่ เปรียบเทียบอย่ำงครำ่ วๆคือมีอำนำเขตเท่ำกบั 22 เท่ำของประเทศไทยโดยประมำณจำกกำรสำรวจประชำกรเมือ่ ปี 2006 มีจำนวนประชำกรท้ังส้นิ 1,313,973,713 คนด้วยอำณำเขตบรเิ วณที่ครอบคลมุพนื้ ทีก่ ว้ำงใหญ่นีเ้ องทำให้ประเทศจีนรวบรวมเอำประชำกรที่ต่ำงชำตพิ ันธ์ุไว้มำกมำยถงึ 56 ชนเผ่ำดว้ ยกันรัฐบำลจนี แบ่งกลมุ่ ชำตพิ นั ธ์ุต่ำงๆโดยใช้เกณฑ์เรื่องประวตั ิศำสตร์ควำมเปน็ มำ กำรสบื เชือ้ สำย ประเพณีวฒั นธรรม ถิ่นที่อยู่ ศำสนำและโดยเฉพำะอย่ำงยิง่ ควำมเห็นชอบของกลุ่มชำตพิ นั ธ์ุเอง กำหนดกลมุ่ ชำติพนั ธ์ุในประเทศออกเป็น 56 กลุ่มจำกกำรสำรวจประชำกรจีนในปี 1996 พบว่ำประเทศจีนมีชำวฮนั่ 96.3เปอร์เซ็นต์และ 4.7 เปอร์เซน็ ต์เป็นอื่นรฐั บำลจนี จึงเรยี กกลุ่มชำติพันธุ์อืน่ ๆที่นอกเหนือจำกชำวฮน่ั ว่ำชนกลุ่มน้อยรวมท้ังส้ิน 55 กลุ่ม ชำวฮน่ั ชนกลุ่มน้อย
บทที2่ กลมุ่ ชาติพนั ธุไ์ ตและถิน่ ที่อยู่ กลุ่มชำตพิ ันธุ์ไตหรือไทลือ้ มีประชำกรประมำณ 1,158,989 คน นอกจำกนยี้ ังมีชำวไทลือ้ อีกกว่ำสำมแสนคนในประเทศไทยและลำว ชำวไทลอื้ มีวฒั นธรรมและภำษำพูดทใ่ี กล้เคียงกบั คนไทยโดยเฉพำะคนไทยในภำคเหนือมำกที่สุด จำกกลุ่มชำตพิ นั ธ์ุต่ำงๆของจีนชำวไตล้อื ในจีนสว่ นมำกอำศยั อยู่ในอำเภอปกครองตนเองซ่ือชวงปั่นน่ำ หรือสบิ สองปนั นำ (西双版纳 Xīshuānɡbǎnnà ) ทีม่ ีเมืองหลวงชื่อว่ำจิ่งหงหรือว่ำเชยี งรุ้ง ชำวไทลอื้ นบั ถือพระพุทธศำสนำนกิ ำยเถรวำทเช่นเดยี วกับคนไทยและก็มีชื่อเสยี งเกี่ยวกบั ประเพณสี งกรำนต์เช่นเดยี วกับคนไทยดว้ ย ชำวไตอำศัยอยู่ในมณฑลยูนนำนในบรเิ วณเขต ปกครองตนเองเผ่ำไต สบิ สองปันนำ เขตปกครองตนเอง เผำไตเผ่ำจิง่ โพ เมืองเต๋อหง อำเภอปกครองตนเองเผ่ำ ไต เผ่ำวำ เมืองเกงิ๋ หม่ำ อำเภอปกครองตนเองเผำ่ ไตเผ่ำ ลำหู่ เมืองเมิง่ เหลยี น และมีกระจดกระจำยอยตู่ ำมเมือง อื่นๆ อีกกว่ำ 30 เมือง ในมณฑลยูนนำน เช่น ซินผิง หยวนเจียง จินผิง เป็นต้น(แผนที่เขตปกครองตนเองเผ่าไทยสิบสองปันนา)
บทที่3 ภาษา ภำษำที่ชำวไตพูดเรยี กว่ำ“ภำษำไต”ออกเสียงตำมอักษรจีนวูำ “ไต่” ตำมทรรศนะของ นกั วิชำกำรจนี ในหนงั สือชื่อ “สงั เขปภำษำชำวต้ง - ไถ” 《侗台语族概论 Dònɡ Tái yǔzú Gàilùn》 ของผู้เขียนชื่อ เหลยี งหมิ่น และ จำงจวินหรู จัดภำษำไตอูยใ่ นตระกูลภำษำจีน-ทิเบต สำขำภำษำจ้วง -ตง้ แขนงภำษำจว้ ง-ไต และในกลุ่มภำษำไตยังแบ่งออกเปน็ 4 สำเนียงภำษำถิ่น โดยแบ่งตำมถิน่ ที่อยู่อำศัยไดแก้ 1.ถิ่นเต๋อหง (德宏傣语 Déhónɡ Dǎiyǔ)มีชื่อภำษำถิ่นวูำ ไต่น่ำ (傣那语 Dǎinàyǔ) มีประชำกร 540,000 คน 2.ถิน่ สบิ สองปันนำ (西双版纳傣语 Xīshuānɡbǎnnà Dǎiyǔ) มีชื่อภำษำถิ่นวูำ ไต่เลอ่ หรือ ไตล้อื ( 傣仂语 Dǎilèyǔ) มีประชำกร 280,000 คน 3.ถิน่ หงจิน (红金傣语 Hónɡjīn Dǎiyǔ) มปี ระชำกร 140,000 คน ภำษำไตถิ่นูนค้ ่อนขำงซับซ้อน เนื่องจำกภำษำถิน่ ของแตล่ ะอำเภอมีควำมแตกต่ำงกนั มำกบรเิ วณทีพ่ ูดภำษำไตถิน่ ูนค้ ือหูม่บ้ำน ชำวไตที่ อยู่ตำมบริเวณลมุ่ แม่น้ำหยวนเจียงและลุ่มแม่น้ำจินซำ ภำยในภำษำไตกลมุ่ ูนส้ ำมำรถ แบ่งไดอ้ ีก 5 ถิน่ ย่อย ได้แก่ถิน่ ยอ่ ยหยวนซิน ถิ่นย่อยหยงอู่ ถิน่ ยอ่ ยหม่ำกวำน ถิ่นย่อยหยวนเจียง และถิ่นยอ่ ยลวีส่ อื 4. ถิน่ จินผิง (金平傣语 Jīnpínɡ Dǎiyǔ) มีชอื่ ภำษำถิน่ ว่ำ ไต่ตวน(傣端语 Dǎiduānyǔ) มีประชำกร 10,000 คน โดยประมำณ
บทที4่ศิลปะและวฒั นธรรม ในดำ้ นศิลปวัฒนธรรมที่โดดเดน่ อย่ำงมำกได้แกก่ ำรนับปฏิทินแบบชำวไต ูซง่ เริม่ มมี ำตง้ั แตป่ ีค.ศ.638 มีตำรำปฏิทินจนั ทรคติ มีบันทึกพงศำวดำรภำษำไตทีจ่ ำรกึ เรอ่ื งรำวทำงประวัติศำสตร์ของชนเผ่ำ เพลงกลอน นิทำน และตำนำนมำกมำย ชำวไตมีวรรณกรรมขนำดยำวทีจ่ ดบนทึกไวมำกกว่ำห้ำร้อยเรอ่ื ง ถอื เป็นชนเผ่ำที่ มีอำรยธรรมและวิวัฒนำกำรทำงภำษำทที่โดดเดน่ มำกที่สดุ ในบรรดำชนกลุ่มน้อยท้งหมดของจีนวรรณกรรม ทีโ่ ดดเดน่ เป็นเร่อื งรำวของกำรกำเนิดพิภพ เช่น เรือ่ ง《 布 桑 盖 与 瓦 桑 盖 》(Bùsānɡɡài yǔ Wǎsānɡɡ ài)ยงั มีเรือ่ งรำวที่เกีย่ วกับบนั ทึกกำรทำมำหำกิน เช่น เรื่อง《叭阿拉吾射 金 鹿 ( Bāālāwú shè jīnlù )นวนยิ ำยอิงประวัตศิ ำสตร์เรอ่ื ง《 召 网 香 召 网 朔 》(Zhàowǎnɡxiānɡ Zhàowǎnɡshuò)เปน็ ต้น ศิลปะกำรร่ำยรำของชำวไตทีม่ ีชื่อเสยี งเล่อื งลืออย่ำง “ระบำนกยูง” (การระบานกยูง)(孔雀舞 Kǒnɡquè wǔ)ทเี่ ลยี นแบบท่ำทำงกำรเคลอ่ื นไหว รำแพนของนกยงกู สะท้อนวัฒนธรรมของชำวไตได้ชดั เจนและงดงำม เนือ่ งจำกในบรเิ วณสบิ สองปนั นำ มีนกยูงเป็นจำนวนมำกท้ังที่เปน็ นกยงป่ำและนกยงเล้ยี ง ชำวไตนับถือ นกยูงว่ำเป็นนำงพญำแห่งนกและนับถือว่ำเป็นสตั ว์ศกั ูด์สทิ ธิป์ ระจำชนเผ่ำจนกลำยมำเป็นสญั ลักษณ์ของชำวไต สบิ สองปันนำอย่ำงหนึง่ จนได้รับขนำนนำมวูำ “ดนิ แดนแห่งนกยูง” หหู ลเู ซียว (葫芦箫 húluxiāo) หรือ หหู ลูซอื (葫芦丝 húlusī) คือขลุ่ยน้ำเต้ำ เป็นเครือ่ งดนตรี ประเภทเป่ำชนิดหูนง่ ทีเ่ ปน็ เอกลักษณ์อนั โดดเดน่ ของชำวไต ด้วยเสียงที่ หวำนใสและกังวำนรำวกับจะบอกให้รู้ว่ำเปน็ เสยี งจำกกลุ่มชนที่มีจติ ใจซื่อตรง งดงำมและบริ สทุ ูธข์ องผู้คนเผ่ำไตหำกมีโอกำสเดนิ ทำงไปทีม่ ณฑลยูนนำนอันเป็นถิน่ ที่อยู่ของชำวไต ก็จะ(การเปา่ ขลุ่ยน้าเตา้ เกี้ยวสาว) ไดย้ นิ เสยี งขลยุ่ น้ำเต้ำอบอวนไปทั่วทกุ มมุ เมือง นอกจำกจะเป็นเครื่องดนตรี ประจำเผ่ำกลมุ่ น้อยชำวไตในสิบสองปันนำแลว้ ด้วยควำมไพเรำะของขลุ่ยน้ำเต้ำและควำมใกลช้ ดิ กันของกลุ่ม ชนเผ่ำตำ่ งๆ ทำให้มีกำรถ่ำยเททำงวัฒนธรรมกันมำตลอด ขลุ่ยน้ำเต้ำจึงไดรับควำมนิยมชมชอบของชนเผ่ำกลมุ่ น้อย แถบภำคตะวันตกเฉียงใตข้ องจีนอีกหลำยกลุ่ม เช่น ชำวเผ่ำอำชำง ชำวเผ่ำว้ำและชำวเผำจิง่ โพดว้ ย
บทที5่ เครือ่ งแต่งกาย อาหาร และทีอ่ ยอู่ าศัย กำรแตง่ กำยของชำวไตคือชำยสวมเสื้อผ่ำ อกไม่มปี กแขนยำวหรือูสน้ สวมกำงเกงขำกว้ำงฤดู หนำวคลุมทบดวั ยผ้ำสกั หลำด พันศรี ษะดว้ ยผำ้ ขำว หรือเขียวนอกจำกน้ันชำยชำวไตนิยมสกั ลวดลำย ตำมรำ่ งกำยเดก็ ชำยเมื่ออำยุสบิ เอ็ดสิบสองปีจะเชิญ(การแต่งกายของชายชาวไต) ผู้มอี ำคมมำสกั ยันตร์ตำมรำ่ งกำยลวดลำยที่นิยมสักได้แก่ลำยจำพวกสัตว์ดอกไมห้ รืออักขระภำษำไต เพศหญงิ สวมเส้ือแขนกระบอก หรือเส้ือแขนสน้ันุ่งผำ้ ถงุ ชำวไตที่สิบสองปันนำมักจะ สวมเสื้อรดั รูปสขี ำวหรือสลี ำยดอกนุ่งผ้ำถงุ สฉี ูดฉำด ส่วนหญงิ ชำวไตที่เมืองหมำง(芒市 Mánɡshì) ก่อนแต่งงำนจะสวมเส้อืผ่ำอกรัดรปู แขนูสน้ สอี ่อน กำงเกงทรงยำวขำกว้ำง พับทบชำยพกที่เอว เมื่อแต่งงำน แล้วเปล่ียนมำสวมเส้อืแขนกระบอกนุ่งผ้ำถงุ สีดำ ดว้ ยกำรแตง่ กำยที่มีสีสนัฉดู ฉำดเป็นเอกลกั ษณ์นี่เอง ชนกลุ่มอืน่ มักเรยี กชำวไตวำ่ ชำวไตเอวดอกไม้ ไตแขนกระบอก เปน็ ต้น (การแต่งกายของหญิงชาวไต)
ดำ้ นอำหำรกำรกินของชำวไต ชำวไตทีเ่ ต๋อหงกินขำ้ วเจ้ำเปน็ อำหำรหลักส่วนชำวไตที่สิบสองปันนำชอบกินข้ำวเหนียว ชอบด่มื เหลำ้ และกินอำหำรรสเผด็ชอบกินเนือ้ ปลำ กุ้ง และชอบเคี้ยวหมำก (อาหารของชาวไต) บ้ำนเรือนของชำวไตสร้ำงด้วยไมส้ องชนั้ ชำวไตชอบตง้ั บัำนเรือนอยบู่ นพื้นที่รำบลมุ่ ริม แม่น้ำ สว่ นชำวไตทีเ่ มืองเต๋อหงนิยมสร้ำงบ้ำน ดว้ ยอิฐและดนิ ชนั้ เดยี วและนิยมสร้ำงบ้ำนสีห่ ลัง ในรั้วเดยี วกัน(บ้านของชาวไต)
บทที6่ ขนบธรรมเนียม ประเพณี ความเชือ่ เทศกาลสาคัญ ขนบธรรมเนียมประเพณีของชำวไตสะท้อนถึงสังคมแบบศักดินำอย่ำงชดั เจน กำรแตง่ งำนจะแต่งกบั คนที่มีระดบั ชนั้ ทำงสังคมเท่ำเทียมกัน กำรถอื ครองกรรมสทิ ธิ์ที่ดินเป็นตัวกำหนดระดับช้ันสงู ตำ่ ทำงสงั คมชำยชำวไตที่เป็นชนชั้นสงู สำมำรถมีภรรยำหลำยคนไดส้ ว่ นชำวบ้ำนทมีระดบั ชั้นทำงสังคมตำ่ จะมีสำมีภรรยำคนเดยี ว โดยที่บิดำมสี ทิ ธิ์เดด็ ขำดในกำรเลือกคู่ครองของลูก สมำชิกในครอบครวั ประกอบด้วย พ่อ แม่และลกู ชำยลูกสำวที่ยังไมแ่ ตง่ งำน หนุ่ม สำวชำวไตมีอิสระในกำรเลอื กคู่ครอง โดย ที่หนุ่มสำวจะมีโอกำสพบปะกันในเทศกำล สำคัญๆหรือตำมงำนประเพณตี ่ำงๆ กำร พบปะกันเรียกว่ำ“ชวนผู้สำว” เมือ่ ตกลง แตง่ งำนกันแลว้ ชำวไตมี ธรรมเนียมกำร แตง่ ลูกเขยเขำ้ บ้ำน(พธิ ีแต่งงานของชาวไต)ประเพณีงานศพของชาวไตใช้วธิ ีการฝังศพ สุสานฝงั ศพของผู้มสี ถานภาพทางสงั คมสูงจะแยกออกจาก ผู้มีสถานภาพทางสังคมตา่ อยา่ งเคร่งครดั สว่ นศพพระนักบวชจะท่าพิธศี พด้วยการเผาแล้วเก็บอฐั ิบรรจุในเจดยี ์กระเบ้ืองเก็บไว้ทีวัด การนับถอื ศาสนาและความเชือของชาวไตมีความสมั พันธ์สอดคลอ้ งกับการพัฒนาของระบบเศรษฐกิจและสังคม ในอดีตชาวไตบรเิ วณชายแดนนบั ถอืศาสนาพุทธนิกายเถรวาท ในขณะเดยี วกันยังนับถอื ผีและ (การนบั ถอื ผขี องชาวไต)วญิ ญาณอันเป็นการนับถอื ทีสืบทอดมาจากบรรพบุรษุตามชนบทชาวไตสร้างวัดพุทธมากมาย โดยเฉพาะทีสิบสองปันนาเด็กชายอายุครบเกณฑ์ต้องบวชเณร ชายอายุครบพรรษาบวชต้องบวชพระเพอื เรียนรู้พระธรรมดังน้ันเทศกาลงานประเพณตี า่ งๆของชาวไตล้วนมีความเกยี วของกับศาสนาพุทธเปน็ ส่วนใหญ่
เทศกาลทีสาคัญได้แก่ เทศกาลกวานเหมนิ เจ๋ีย (关门节 Guānménjié) “เทศกาลปดิ ประตู”เทศกาลคายเหมนิ เจ๋ีย (开门节 Kāiménjié) “เทศกาลเปิดประตู” เทศกาลโพสุ่ยเจีย๋ (泼水节 Pōshuǐ jié)“เทศกาลสงกรานต์” เป็นต้น เทศกาลกวานเหมนิ เจยี๋ คอื เทศกาลเขา้ พรรษาจัดขน้ึ ในกลางเดอื นมถิ นุ ายน สว่ นเทศกาลคายเหมนิ เจี๋ยคือเทศกาลออกพรรษาจัด ขนึ้ ในกลางเดือนกันยายน นับตั้งแต่เทศกาลเขา้ พรรษาถึงเทศกาลออกพรรษาเปน็ ระยะเวลาสามเดอื น ชาวไตจะเข้าพรรษาถือศีลเขา้ วัด ไหว้พระฟงั ธรรม จนออกพรรษาจงึ จะกลับมาใช้ชวี ิตตามปกติ เทศกาลสงกรานต์เปน็ เทศกาลขน้ึ ปีใหมข่ องชาวไต ในเทศกาลน้ีชาวไตจะสรงน่้าพระเล่นสาดนา้่ สงกรานต์แข่งเรอื อย่าง (เทศกาลสงกรานต์ สิบสองปนั นา)สนุกสนาน ถือเป็นเทศกาลทีมคี วามสา่ คัญมากของชาวไต
บรรณานุกรมhttp://www.culturalapproach.siam.edu/images/magazine/w15ch27/k7.pdfชนกลุ่มน้อยเผา่ ไต : พีนอ้ งเผ่าไทในสิบสองปันนา สาธารณรัฐประชาชนจีนโดย รองศาสตราจารยด์ ร.เมชฌ สอดส่องกฤษ และ ดร.ฉววรรณี ว่องเจริญกุล
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: