Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 9 ผู้นำองค์การธุรกิจกับการจัดการความเปลี่ยนแปลง

บทที่ 9 ผู้นำองค์การธุรกิจกับการจัดการความเปลี่ยนแปลง

Published by tresirichod, 2021-07-05 08:07:27

Description: บทที่ 9 ผู้นำองค์การธุรกิจกับการจัดการความเปลี่ยนแปลง

Search

Read the Text Version

ผ้นู ำองค์กำรธุรกจิ กับกำรจดั กำรควำมเปลี่ยนแปลง ผศ.ดร.ธที ัต ตรีศริ โิ ชติ

เม่อื นกั ศกึ ษำได้ศึกษำบทนี้แล้วสำมำรถ 9.1 อธิบำยภำวะผนู้ ำกำรเปลย่ี นแปลง 9.2 อธิบำยผู้นำองค์กำรธรุ กจิ ในสถำนกำรณโ์ ลกแบบ VUCA 9.3 อธบิ ำยผนู้ ำองค์กำรธรุ กจิ กับกำรตดั สินใจด้ำนนวตั กรรม ผศ.ดร.ธที ตั ตรศี ริ ิโชติ 2

รอ็ บบนิ ส์และโคลเตอร์ (Robbins & Coulter, 2008) ใหค้ วำมหมำยของ ผูน้ ำ (Leader) ไวว้ ำ่ ผู้นำหมำยถึงผ้ทู ่มี คี วำมสำมำรถหรือศลิ ปในกำรจงู ใจใหผ้ ้อู ่นื คดิ ตำมหรอื ปฏิบตั ติ ำม และภำวะผู้นำ (Leadership) คอื สิง่ ทผี่ ู้นำกระทำ ซง่ึ ก็คือ กระบวนกำรจูงใจ ใหก้ ลมุ่ หรอื องคก์ ำรปฏบิ ัติตำมเพือ่ ใหบ้ รรลเุ ปำ้ หมำยของกลุ่มหรอื ขององค์กำร อดุ ม ทุมโฆษิต (2544) สรปุ ควำมหมำยของผู้นำไวว้ ่ำ ภำวะผู้นำ หมำยถงึ กระบวนกำรใช้อำนำจและอทิ ธพิ ลของผนู้ ำตอ่ ผูต้ ำมเพ่ือบรรลุวตั ถปุ ระสงคข์ ององคก์ ำร พชั สิรี ชมภคู ำ (2552) สรุปควำมหมำยของภำวะผนู้ ำไวว้ ่ำ หมำยถงึ กระบวนกำร ของผู้นำ ซึ่งมอี ทิ ธิพลทีส่ ำมำรถโน้มนำ้ ว สรำ้ งแรงบันดำลใจ จงู ใจ ให้คนอืน่ ทำตำม เพ่ือ บรรลตุ ำมเปำ้ หมำยขององค์กำร สรุปไดว้ ่ำ ภำวะผ้นู ำ คอื กระบวนกำรจูงใจโดยต้องมีศิลป ในกำรโน้มนำ้ ว ให้ ผูใ้ ตบ้ ังคับบัญชำหรือกล่มุ ในองคก์ ำรทำตำมเพื่อให้บรรลุเป้ำหมำยขององค์กำร ผศ.ดร.ธที ตั ตรีศริ ิโชติ 3

แนวคิดเกย่ี วกบั ผู้นำ มักจะศกึ ษำใน 3 กลุม่ ทฤษฎี ดังน้ี กำรศกึ ษำเกย่ี วกับภำวะผู้นำน้ัน มักสนใจศึกษำอยู่ 3 กลุ่มทฤษฎดี ้วยกนั คอื 1) ทฤษฎีเชิงคณุ ลกั ษณะผู้นำ (Trait Theory) เปน็ แนวคิดทแี่ สวงหำลกั ษณะ ต่ำง ๆ ของกลุ่มคนท่เี ปน็ ผ้นู ำ ว่ำมปี ระกำรใดบ้ำงทเ่ี ปน็ ลกั ษณะเฉพำะของคนที่เปน็ ผนู้ ำที่มี เหมือนกัน บำงคนเกดิ มำเปน็ ผูน้ ำโดยสำยเลือด กำรเป็นผู้นำเป็นเรอื่ งทสี่ รำ้ งขนึ้ มำไม่ได้ ในทำงปฏิบัตปิ รำกฎว่ำกำรศกึ ษำตำมแนวนี้มปี ญั หำ เพรำะผู้นำแตล่ ะคนน้นั บำงครงั้ มี ลักษณะท่แี ตกตำ่ งกนั มำกและกำรศึกษำไมค่ ำนึงถงึ อทิ ธพิ ลของปจั จัยสถำนกำรณ์ นอกจำกนี้ควำมเปน็ ผนู้ ำเปน็ เรอื่ งของควำมสมั พันธร์ ะหว่ำงคน คอื ตอ้ งมีกลมุ่ ผูต้ ำมดว้ ย ดงั น้ันกล่ำวไดว้ ่ำลกั ษณะของคนท่ีมักพบอยใู่ นตัวผู้นำ ได้แก่ ควำมฉลำด กำรชอบครอบงำ ผอู้ ืน่ ควำมมน่ั ใจในตวั เอง กำรมีพลงั สงู และกำรมคี วำมรอู้ ย่ำงดีเก่ยี วกบั งำนท่ที ำ (พิทยำ บวรวฒั นำ, 2556) ผศ.ดร.ธที ัต ตรศี ริ โิ ชติ 4

ในขณะท่ี ร็อบบนิ ส์ (Robbins, 2005) ร็อบบนิ ส์และโคลเตอร์ (Robbins & Coulter, 2008) กล่ำววำ่ คณุ ลักษณะพนื้ ฐำนของผ้นู ำทม่ี ีประสทิ ธิภำพน้ันประกอบด้วย ดงั นค้ี อื มคี วำมเฉลยี วฉลำด มคี วำมปรำรถนำทจี่ ะนำผอู้ น่ื มีควำมรอบรู้ในงำน มคี วำม เชอื่ มน่ั ในตวั เองสูง มีควำมซอ่ื สัตย์สุจริตและซื่อตรง และอนื่ ๆ ผนู้ ำจะมีคุณลักษณะ บำงอย่ำงทพ่ี เิ ศษโดดเด่นกว่ำผตู้ ำม และต้องสำมำรถเลอื กใชค้ ณุ ลักษณะตำ่ ง ๆใหถ้ กู กำลเทศะ หรอื เหมำะสมกับสถำนกำรณด์ ้วย นอกจำกนี้คุณลักษณะยงั เป็นตัวกำหนดควำม แตกตำ่ งระหว่ำงผู้นำกบั ผู้ที่มไิ ด้เปน็ ผู้นำ คณุ ลักษณะดังกล่ำวไดแ้ ก่ ขนำดของรำ่ งกำย บคุ ลิกภำพ ระดบั ชนั้ ทำงสงั คม ควำมม่นั คงทำงอำรมณ์ ควำมสำมำรถในกำรพดู และ ควำมสำมำรถทำงสงั คม เป็นต้น ผศ.ดร.ธที ตั ตรีศริ โิ ชติ 5

2) ทฤษฎีเชงิ พฤตกิ รรมของผู้นำ (Behavioral Theory) เป็นแนวควำมคดิ ท่ี แสวงหำพฤติกรรมทีค่ ลำ้ ยกนั ของผ้นู ำท้งั หลำย เพ่อื ทจี่ ะนำไปใชศ้ ึกษำและเป็นแนวทำงใน กำรจดั โครงกำรฝึกอบรมผู้นำ ซึ่งจำกกำรศึกษำของนักวิชำกำรทีม่ หำวทิ ยำลยั Ohio State ได้คน้ พบวำ่ พฤตกิ รรมของผนู้ ำมีอยู่ 2 แบบไดแ้ ก่ แบบแรก คือพฤตกิ รรมทมี่ ุง่ ไปส่กู ำรบรรลเุ ป้ำหมำยกำรทำงำน หมำยถงึ พฤตกิ รรมที่มงุ่ ปรบั ปรงุ ระบบกำรทำงำน จัดใหค้ นงำนทำงำนอย่ำงมมี ำตรฐำนตำม กำหนดเวลำทว่ี ำงไว้ แบบที่สอง ได้แกพ่ ฤตกิ รรมทมี่ งุ่ สคู่ วำมสมั พันธท์ ี่ดใี นกำรทำงำน ซึ่งเป็นเรอื่ ง เกีย่ วกับกำรสร้ำงควำมเช่ือใจซึง่ กนั และกนั กำรเคำรพควำมคิดของลกู นอ้ ง และกำร คำนึงถึงควำมรู้สกึ ของลูกน้อง ผ้นู ำประเภทนีจ้ ะเปน็ ผทู้ ช่ี ว่ ยเหลือลกู นอ้ ง มคี วำมเปน็ กนั เอง และถือวำ่ ลูกน้องมีควำมเทำ่ เทยี มกับตน โดยสรปุ แล้ว ผูน้ ำที่มลี กั ษณะเป็นแบบแรกและแบบท่ีสองอยำ่ งสูง ทง้ั สองแบบจะ เปน็ ผ้นู ำท่ใี ห้เกดิ ผลดตี อ่ องค์กำร (พิทยำ บวรวฒั นำ, 2556) ผศ.ดร.ธที ตั ตรีศิรโิ ชติ 6

จำกกำรศึกษำของมหำวทิ ยำลัยมิชิแกน ทศ่ี กึ ษำเพ่อื หำพฤติกรรมของผู้นำซ่ึง เกยี่ วขอ้ งกบั ประสิทธผิ ลในกำรดำเนนิ งำน ซ่งึ ไดข้ อ้ สรุปเกยี่ วกบั พฤติกรรมของภำวะผนู้ ำไว้ 2 มิติ คือ แบบแรก คอื ผนู้ ำทม่ี งุ่ พนกั งำน (Employee Oriented) คอื ผ้นู ำทมี่ ่งุ เน้น ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงบคุ คล ให้ควำมสนใจเกี่ยวกับบคุ คล ได้แก่ ควำมต้องกำรของ ผู้ใตบ้ งั คับบัญชำ และกำรยอมรบั ควำมแตกตำ่ งระหวำ่ งบคุ คล แบบทสี่ อง คือ ผ้นู ำทมี่ ุ่งกำรผลิต (Productivity Oriented) คอื ผูน้ ำทม่ี งุ่ บรรลผุ ลดำ้ นเทคนิคหรอื รำยละเอียดของกำรทำงำนเปน็ สำคญั (Robbins, 2005) ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศริ ิโชติ 7

3) ทฤษฎีผู้นำเชงิ สถำนกำรณ์ (Contingency Theory) ซง่ึ แนวคดิ ทฤษฎีกลุม่ นใ้ี ห้ควำมสำคญั กบั ปจั จัยสถำนกำรณต์ ำ่ ง ๆ ทีเ่ ปน็ ปจั จยั สำคัญในกำรกำหนดควำมสำเร็จ ของผูน้ ำต่ำง ๆในองค์กำร ซึ่งมนี กั วิชำกำรหลำยคนท่ใี ห้ควำมสนใจศึกษำและนำเสนอ แนวคิดไว้ ซึง่ ผเู้ ขยี นได้นำมำเสนอดังต่อไปนี้ ผู้นำแบบประชำธิปไตยและเผดจ็ กำร ซึ่งถอื หลกั วำ่ ผนู้ ำจะมีหลักษณะเผดจ็ กำร หรอื ประชำธิปไตยน้ันขึ้นอยกู่ ับว่ำผู้นำจะมสี ่วนผสมของควำมเปน็ เผดจ็ กำรและ ประชำธิปไตยมำกนอ้ ยแค่ไหน ซึ่งลกั ษณะผสมดังกลำ่ วสำมำรถวดั ได้เหมือนกบั ไมบ้ รรทัด สำมำรถดูได้วำ่ ผู้นำมีควำมเป็นประชำธิปไตยก่ีเปอรเ์ ซน็ ต์และมีควำมเปน็ เผด็จกำรกี่ เปอร์เซ็นต์ จงึ สำมำรถแยกแยะประเภทของผู้นำของผนู้ ำออกออกไดห้ ลำยประเภทขนึ้ อยู่ กับรปู แบบไหนเหมำะสมกับสถำนกำรณใ์ ด และจำกกำรศกึ ษำพบวำ่ ผนู้ ำแบบ ประชำธิปไตยทำใหล้ กู น้องเกดิ ควำมพงึ พอใจมำกกวำ่ ผูน้ ำแบบเผดจ็ กำร และสรุปไดว้ ำ่ ผนู้ ำแบบประชำธปิ ไตยจะทำใหอ้ งค์กำรมปี ระสทิ ธิภำพสูงสดุ (พทิ ยำ บวรวัฒนำ, 2556) ผศ.ดร.ธีทัต ตรศี ริ ิโชติ 8

House, Robert J. & Mitchell, R. (1977) ได้นำเสนอทฤษฎผี นู้ ำแบบคำนึงเปำ้ หมำย ของคนงำน (Path Goal Theory) มองวำ่ งำนหลกั ของผนู้ ำคอื กำรช่วยให้ผตู้ ำมเดินตำมเสน้ ทำง (Path) ทีถ่ ูกตอ้ งในกำรท่จี ะบรรลุเป้ำหมำยและมรี ำงวลั ที่มีคณุ ค่ำสำหรบั ผตู้ ำม และเฮำสย์ ังเหน็ วำ่ ผูน้ ำแตล่ ะคนสำมำรถแสดงรปู แบบของผู้นำได้มำกกวำ่ 1 รูปแบบและควรปรบั ปรงุ รูปแบบ ให้ เหมำะสมกับสถำนกำรณ์ ในปี 1996 เฮำสเ์ สนอรูปแบบของผู้นำเพิ่ม เป็น 8 รูปแบบไดแ้ ก่ (1) กำรทำให้เหน็ หนทำงไปสู่เป้ำหมำยชดั เจน (Path-goal Clarifying) (2) กำรมงุ่ เน้นควำมสำเรจ็ (Achievement Oriented) (3) กำรชว่ ยอำนวยควำมสะดวกในกำรทำงำน (Work Facilitation) (4) กำรใหก้ ำรสนับสนุน (Supportive) (5) กำรช่วยกำรประสำนตดิ ต่อปฏสิ ัมพนั ธ์ (Interaction Facilitation) (6) กำรเน้นกำรตดั สินใจดว้ ยกลุ่ม (Group-oriented Decision Making) (7) กำรเป็นตัวแทนและสร้ำงเครือขำ่ ย (Representation and Networking) (8) กำรสรำ้ งคุณคำ่ (Value Based) (พัชสิรี ชมพูคำ, 2009) ผศ.ดร.ธที ตั ตรศี ริ โิ ชติ 9

บทบำททีส่ ำคัญของผู้นำองค์กำรธรุ กจิ คือตอ้ งสำมำรถเปน็ ผูท้ มี่ ีอทิ ธิพลต่อ พฤตกิ รรมและควำมเชอ่ื มน่ั ของผูอ้ ่นื โดยมจี ดุ มงุ่ หมำยเพือ่ ให้ปฏิบตั ติ ำมไดส้ ำเรจ็ หรอื กำร สง่ ทอดควำมเป็นผู้นำให้กบั ผูท้ ีม่ ีควำมโดดเดน่ ทจี่ ะเปน็ ผนู้ ำไดต้ อ่ ไป ดงั นนั้ ผนู้ ำ จึงมคี วำม จำเป็นอย่ำงย่งิ ทจ่ี ะตอ้ งมุ่งมั่นพัฒนำและมีกำรประเมินศักยภำพของตวั เองอยตู่ ลอดเวลำ โดยผูน้ ำจะตอ้ งมแี รงกระตนุ้ จำกภำยใน มีควำมพรอ้ มท่ีจะเรียนรูแ้ ละปรับเปลยี่ น โดยมุ่ง ไปท่ีกำรมีทัศนะทีก่ วำ้ งไกล มุมมองที่สรำ้ งสรรค์และมกี ระบวนทัศน์ ในกำรพฒั นำองค์ ควำมรู้โดยเฉพำะทกั ษะใหม่ ๆ เพ่อื ใหร้ ่วมสมยั หรอื ทันต่อเหตกุ ำรณ์ในปจั จบุ นั หรือ เหตุกำรณท์ อ่ี ำจจะเกดิ ขึน้ หรือไมก่ ็ตำมในอนำคต เฉกเข่น สถำนกำรณโ์ ลกภำยใตช้ อ่ื VUCA ซ่งึ หมำยถงึ สถำนกำรณ์ทม่ี คี วำมผนั ผวน ควำมไม่แน่นอน ควำมซับซอ้ นและควำม คลมุ เครือผนู้ ำจึงต้องมีควำมกระหำยท่ีจะพัฒนำศักยภำพองค์ควำมรตู้ ่ำง ๆ ในแตล่ ะ สถำนกำรณ์นนั้ ๆ ทีอ่ ำจจะเกิดขึ้นในอนำคตตอ่ ไป ผศ.ดร.ธที ัต ตรศี ิริโชติ 10

ศักยภำพของผนู้ ำเป็นปัจจัยทชี่ ว้ี ดั ถงึ ควำมสำเรจ็ ขององค์กำร จะเห็นไดว้ ำ่ ผนู้ ำ เปน็ กลไกขับเคลื่อนทีส่ ำคัญ แตส่ ถำนกำรณ์ทไี่ มส่ ำมำรถคำดกำรณ์ไดใ้ นโลกท่ีอำจเกดิ ข้นึ หรอื ไมน่ ้นั จะเป็นหนทำงแหง่ ควำมท้ำทำยศักยภำพท่แี ท้จริงของ แต่ละผนู้ ำ ถำ้ ผนู้ ำมี ศกั ยภำพอยำ่ งแท้จริงก็จะสำมำรถชว่ ยนำพำใหอ้ งคก์ ำรผ่ำนพน้ วิกฤตไิ ปไดอ้ ย่ำงมหศั จรรย์ แตห่ ำกผ้นู ำขำดทกั ษะหรือมุมมองใหม่ ๆ กำรปรับตัวเขำ้ สูส่ ถำนกำรณท์ ีอ่ ำจจะเกดิ ขนึ้ หรือไมน่ ั้น ผู้นำอำจนำพำให้องคก์ ำรเกดิ ควำมเสียเปรียบ หรือหำยนะได้เชน่ กัน เพื่อพลงั อำนำจในกำรชว่ ยเสริมสรำ้ งควำมม่ันคงและเตบิ โตให้กับองคก์ ำรได้อยำ่ งยงั่ ยืน ผนู้ ำจำเป็น ท่จี ะต้องเช่ือมโยงวสิ ยั ทศั น์ใหเ้ ขำ้ กับกลยุทธ์และยทุ ธวิธีเพ่ือนำไปสูก่ ำรปฏิบตั ติ ำมอยำ่ ง คลอ่ งแคล่ว ภำยใตก้ ำรช้ที ิศทำงของผู้นำน้ัน จำเปน็ จะตอ้ งมกี ำรสอื่ สำรท่ีชัดเจน เพือ่ ใหผ้ ู้ ตำมไดม้ คี วำมรแู้ ละควำมเขำ้ ใจในพนั ธกิจอยำ่ งถ่องแท้และสำมำรถปฏบิ ัติตำม ทศิ ทำงที่ ผนู้ ำไดก้ ำหนดไว้ ซง่ึ กระบวนกำรเหล่ำน้จี ะเป็นเครอ่ื งพสิ จู นศ์ กั ยภำพของผูน้ ำท่ีต้อง เผชิญหน้ำหรือรับมือกบั เหตุกำรณ์ ในสถำนกำรณ์ VUCA World ดงั นน้ั ผูน้ ำจึงต้องมีควำม พรอ้ มในทกุ ๆ ดำ้ นเพื่อจะปกป้องหรือแกป้ ัญหำได้อยำ่ งทันทว่ งที ผศ.ดร.ธที ัต ตรศี ิริโชติ 11

ผู้นำถอื ว่ำเปน็ ผกู้ ระตุ้นให้เกดิ ควำมเปลย่ี นแปลง ผูน้ ำเป็นผมู้ อี ิทธพิ ล ดังนั้นผูน้ ำที่ มีศกั ยภำพจงึ ตอ้ งมีคุณสมบตั ิท่หี ลำกหลำยดงั นค้ี ือ กำรมคี วำมสำมำรถโนม้ น้ำวและผลักดนั ผอู้ นื่ ไดแ้ ละผนู้ ำทีจ่ ะมอี ิทธพิ ลไดม้ ำจำก นิสัยและตัวตนของบุคคลนัน้ ควำมสมั พันธ์ทม่ี ี ผคู้ นท่ีบคุ คลนนั้ รู้จกั ควำมรูห้ รอื ส่งิ ทบ่ี ุคคลน้นั รู้ กำรสอ่ื สำร วิธที บ่ี คุ คลนนั้ เชอ่ื มตอ่ กบั คน อน่ื ประสบกำรณ์ สถำนท่บี ุคคลน้ันเคยไป ควำมสำเรจ็ ในอดตี สงิ่ ทีบ่ ุคคลนน้ั เคยทำ ควำมสำมำรถ ส่งิ ท่ีบุคคลนั้นทำได้ ผนู้ ำต้องมีปจั จยั เหล่ำน้ี อำจแตกตำ่ งกนั แตไ่ ดผ้ ลแบบ เดยี วกนั คือ ผคู้ นยอมทำตำมผูน้ ำ เปน็ ผู้รวบรวมคน ผ้นู ำเป็นผ้เู พมิ่ คุณคำ่ (โลกนีเ้ ต็มไปด้วย ผูน้ ำ ที่ผลกั ดันคนอ่ืนลงไปเพ่อื ยกตัวเองขึน้ มำซงึ่ ส่งผลกระทบต่อโลกในเชงิ ลบ) ผู้นำเป็นผู้ ไขว่ควำ้ โอกำส ผ้นู ำคือคนทเ่ี ดินนำหนำ้ ไปยังดนิ แดนใหม่ ๆ และมีคนเดินตำม ผู้นำเปน็ คน ทท่ี ำงำนสำเรจ็ ดงั คำพูดบทกวีเกำ่ แกข่ องคุณวอลต์ เมสนั ได้กล่ำวไว้ว่ำ “ผูน้ ำเปน็ คนที่ ทำงำนสำเรจ็ ไดต้ ำมเป้ำหมำย” ทกุ สงิ่ ทกุ อยำ่ งจะรุง่ เรืองหรอื ล้มเหลวได้ตำมผนู้ ำ (Maxwell, 2014) ดงั นน้ั ผูน้ ำ ตอ้ งเริ่มจำกปรับทศั นคติของตวั เองใหม้ คี วำมต่นื ตวั ทีอ่ ยำก เรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ อย่ำงสม่ำเสมอ ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ 12

Woodson (2013) ผู้ช่วยเลขำนุกำรกลำโหมดำ้ นสำธำรณสขุ ประเทศ สหรัฐอเมริกำ คอื ดร.โจนำธำนวดู๊ สนั ได้กล่ำวไว้วำ่ ผนู้ ำองคก์ ำรธุรกิจต้องเป็นคนท่ีรู้สึก สบำย ไมก่ ระวนกระวำย แมจ้ ะอยู่ในภำวะทีอ่ ดึ อดั โดยไดต้ ้งั คำถำมว่ำเรำจะสำมำรถกิน ช้ำงไดอ้ ย่ำงไร (กินหมดในคำเดียว) ตัวอยำ่ งเช่น ผู้นำทีต่ อ้ งบรหิ ำรงำนกเ็ หมอื นกำรกินช้ำง ชำ้ งมันกนิ คำเดียวไม่หมด ตอ้ งคอ่ ย ๆ กิน กำรบริหำรงำนของผูน้ ำกเ็ ช่นกัน ต้องค่อย ๆ ไตรต่ รอง ตอ้ งคอยฝกึ ฝน จงึ จะลว่ งรู้วิธกี ำรและผำ่ นอุปสรรคได้ด้วย ควำมชำ่ ชอง จน กลำยเป็นควำมชำนำญ ค้นุ เคย ส่งผลใหผ้ ูน้ ำประสบควำมสำเร็จ ในฐำนะทีเ่ ป็นผูน้ ำ ยุทธศำสตร์ จะสำมำรถมองเหน็ ศกั ยภำพของผ้ทู เ่ี ป็นผนู้ ำไดโ้ ดยจะต้องร้จู กั หำทำงออกและ แก้ปญั หำ รวมทัง้ กำรพจิ ำรณำจำกควำมจริง ตวั แปร และทฤษฎีต่ำง ๆ เพอ่ื คดิ หำวธิ กี ำร แก้ไข ยง่ิ ถ้ำหำกผูน้ ำน้นั สำมำรถหำปัจจยั ท่ีเลก็ ๆ หรือเฉพำะเจำะจงได้ กจ็ ะชว่ ยให้ผ้นู ำ มองเหน็ ชดั ขึ้นแล้วก็จะตัดสนิ ใจเลอื กคำตอบได้ตรงประเดน็ ท่ีสดุ ผศ.ดร.ธที ัต ตรศี ริ โิ ชติ 13

ผู้นำต้องเรยี นร้ทู ีจ่ ะฟังผำ่ นเสียงของสถำนกำรณ์ VUCA World, สถำนกำรณ์ VUCA World จะทำให้อนำคตแยล่ ง, สถำนกำรณ์ VUCA World นี้จะมที ั้งควำมเส่ยี งและ โอกำส ผ้นู ำจำเปน็ ตอ้ งเรียนรู้ทกั ษะใหมเ่ พื่อจะทำให้อนำคตดขี ้ึนและต้องมกี ำรพฒั นำ ฝึกอบรมผบู้ ริหำรมำกขึ้นเพือ่ ใหส้ อดคลอ้ งกบั สถำนกำรณป์ จั จบุ นั ผศ.ดร.ธที ัต ตรีศริ โิ ชติ 14

Situation Effects Cognition/Decision Making Complexity Volatility (ควำมซบั ซอ้ น) (ควำมผนั ผวน) Ambiguity Uncertainty (ควำมคลุมเครือ) Clearly (ควำมชดั เจน) (ควำมไมแ่ นน่ อน) Agility Vision (ควำมคล่องแคลว่ วอ่ งไว) (วิสัยทัศน์) Understanding (ควำมเขำ้ ใจ) ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศริ โิ ชติ 15

จำกตำรำงที่ 9-1 จะเหน็ ได้ว่ำสถำนกำรณ์คือควำมซับซอ้ น ส่งผลให้เกดิ ควำมผนั ผวนและควำมไม่แน่นอน นำพำให้เกดิ ควำมคลมุ เครอื ดังนัน้ ผ้นู ำจงึ จำเปน็ ตอ้ งเขำ้ ใจอย่ำง ถอ่ งแท้ถงึ สถำนกำรณท์ ีเ่ กดิ ขึ้นเพื่อนำไปสกู่ ระบวนกำรค้นหำวธิ ีทีด่ ที ีส่ ดุ ใหก้ บั องค์กำร ประสบกำรณใ์ หมน่ ีถ้ ือเป็นส่งิ ทีท่ ำ้ ทำยในกำรตดั สินใจหรอื เลอื กทำอะไรทีแ่ ตกต่ำงภำยใต้ สถำนกำรณ์ VUCA World โดยผู้นำจะสำมำรถเลอื กวิธกี ำรทดี่ ที ีส่ ดุ เพอื่ กำรปกปอ้ งวกิ ฤติ ของสภำพแวดลอ้ มไดห้ รือไมใ่ นอนำคตนั้นข้นึ อยกู่ บั ควำมสำมำรถ ของผนู้ ำในกำรหยบิ จบั ขอ้ มลู ขำ่ วสำรและวิจำรณญำณในกำรวเิ ครำะหแ์ ละนำมำปรบั ใชจ้ รงิ ดว้ ยควำมชัดเจน โดย มีวิสัยทัศน์และควำมเข้ำใจภำยใตก้ ำรตัดสนิ ใจอยำ่ งมีไหวพรบิ ด้วยควำมคลอ่ งแคล่วว่องไว จะเหน็ ไดว้ ำ่ หำกผนู้ ำตระหนกั ถึงสภำวะกำรเปลย่ี นแปลงอยำ่ งรวดเร็วของโลกน้ี ผู้นำของ องคก์ ำรก็จะสำมำรถวำงแผน รับมอื กับสถำนกำรณ์นัน้ ให้ผ่ำนพ้นไปได้ ผศ.ดร.ธีทัต ตรศี ิรโิ ชติ 16

ผ้นู ำองค์กำรจะต้องสำมำรถอธิบำยถงึ กำรทำงำนท่ชี ดั เจน มีกำรเตรยี มวิธกี ำร รบั มือ เรียนรู้ท่ปี ระยุกตห์ รือปรับเปล่ยี น ควำมคิดให้ทนั สมัย โดยมองไปทีป่ ัญหำทจ่ี ะ เกิดขน้ึ จำกหลำย ๆ ทำง และเม่อื เหตกุ ำรณ์นัน้ เกิด ผ้นู ำในองค์กำรจะสำมำรถตดั สนิ ใจ เลือกใช้เครอื่ งมือทดี่ ที ่ีสดุ ซึ่ง Charles Darwin (Greatest critical thinkers) กลำ่ วไวว้ ่ำ “ผู้ทเี่ หมำะสมเทำ่ นัน้ ถงึ จะอยรู่ อด” เรำกำลังพัฒนำสูเ่ ศรษฐกจิ โลกอย่ำงแท้จรงิ และ องค์กำรตำ่ ง ๆ ตอ้ งเผชิญกับกำรแขง่ ขันท่วั โลก ควำมไดเ้ ปรียบในกำรแชง่ ขันทแ่ี ข็งแกร่งใน ตลำดปจั จุบนั ไมเ่ พยี งพอแล้ว จงึ ต้องปรับเปล่ยี น ปรบั ตวั และพฒั นำมำกขนึ้ โดยจะต้อง ริเริ่มคดิ อย่ำงจริงจงั และมวี ิจำรณญำณโดยกำรตั้งคำถำมที่ถูกตอ้ ง แตแ่ ทนที่จะมำหำ คำตอบน้นั ควรตอ้ งรูจ้ กั ถำมอยำ่ งต่อเนื่องวำ่ จะรู้ไดอ้ ยำ่ งไรวำ่ คำตอบนเ้ี ปน็ ควำมจริง? มี ขอ้ มลู อะไรใหมท่ อี่ ำจมีผลต่อกำรตัดสนิ ใจกอ่ นหน้ำนี้ เมอ่ื เรำไดร้ ปู แบบถำมคำถำมทีด่ ีแลว้ คำถำมน้ี จะเปน็ พน้ื ฐำนใชช้ ิงไหวชิงพรบิ ในกำรแกป้ ญั หำต่อไป (Gilman, 2017) ผศ.ดร.ธีทัต ตรศี ิริโชติ 17

VUCA Prime ถกู พัฒนำข้นึ โดย Bob Johansen เป็นแนวควำมคิดท่ใี ช้รบั มอื กบั ภำวะ VUCA Volatility ควำมเปล่ียนแปลงอยตู่ ลอดเวลำสำมำรถตอบโต้ด้วย Vision คือกำรมีวสิ ัยทัศน์ ผนู้ ำที่มี วสิ ยั ทัศนช์ ดั เจนจะสำมำรถมองทิศทำงขององค์กำรในอีก 3 ถึง 5 ปีขำ้ งหนำ้ และสำมำรถรบั มือกับควำม เปลีย่ นแปลงสภำพแวดลอ้ มทเ่ี ปล่ยี นแปลงอย่ตู ลอดเวลำ Uncertainty คือควำมไม่แนน่ อนสำมำรถรบั มอื ได้ด้วย Understanding คอื ควำมเข้ำใจคือ ทกั ษะในกำรหยดุ คดิ มอง และรบั ฟงั ส่งิ ต่ำง ๆ ผูน้ ำทีด่ จี ะสำมำรถสอื่ สำรกับพนกั งำนทกุ ระดับในองคก์ ำร สำมำรถพัฒนำและสำธิตทกั ษะกำรทำงำน ร่วมกันได้ Complexity คือควำมซบั ซอ้ นสำมำรถจัดกำรได้ดว้ ย Clarity คือควำมชัดเจน หมำยถงึ กำรมี กระบวนกำรคิด อยำ่ งรอบคอบในกำรจดั กำรกับปญั หำควำมย่งุ ยำกตำ่ ง ๆ ดงั นั้นผู้นำในโลก VUCA จะต้องจดั กำรปัญหำเล็กนอ้ ยท่ีเกย่ี วข้องกบั ปญั หำหลักไดอ้ ยำ่ งรวดเร็วและชัดเจน ท้งั นใ้ี นกำรตดั สินใจต่ำง ๆ นัน้ กค็ วรจะมแี จง้ ให้รับทรำบอยำ่ งท่ัวถงึ Ambiguity คือควำมคลุมเครือสำมำรถจดั กำรดว้ ย Agility คือควำมคลอ่ งแคล่วว่องไวในกำร สื่อสำรระหว่ำงองคก์ ำร และนำแนวทำงกำรแกป้ ญั หำตำ่ ง ๆ ไปใชอ้ ยำ่ งรวดเร็ว ทั้ง 4 บริบทนี้เปน็ องค์ประกอบที่เชื่อมโยงกนั ซงึ่ สำมำรถทำให้ผู้นำองคก์ ำรธรุ กิจสำมำรถทจี่ ะเป็นผนู้ ำในสถำนกำรณ์ VUCA World ท่แี ข็งแกรง่ ได้ ผศ.ดร.ธีทตั ตรีศิรโิ ชติ 18

Horney, Pasmore & O’shea, (2010) ได้กลำ่ วว่ำ ผู้นำท่ีจะประสบควำมสำเรจ็ นัน้ ต้องสรำ้ งควำมเปลี่ยนแปลงอย่ำงตอ่ เนอ่ื ง ทง้ั ในผู้คน กระบวนกำร เทคโนโลยี และ โครงสร้ำง ซ่งึ กำรจะทำเชน่ นี้ไดต้ ้องอำศัยควำมยดื หยนุ่ และไหวพรบิ ในกำรตัดสนิ ใจ ในขณะท่กี ลุม่ Boston Consulting Group (BCG) สรุปว่ำ องค์กำรในทุกวนั น้ีต้อง สำมำรถปรบั ตัวกับภำพกำรณต์ ่ำง ๆ ไดจ้ ึงจะสำมำรถสรำ้ งควำมไดเ้ ปรยี บ และยังมรี ำยงำน จำกศนู ย์ Center for Creative Leadership ระบุวำ่ สภำพแวดลอ้ มทำงธรุ กิจแบบ VUCA ต้องกำรผ้นู ำท่ีมที ักษะกำรคดิ ทป่ี รับตวั กับสภำพต่ำง ๆ และซับซ้อนมำกขนึ้ กำร บรหิ ำรทรัพยำกรบุคคลจงึ จำเปน็ ต้องพัฒนำผนู้ ำทีม่ ปี ฏิภำณไหวพรบิ รวดเรว็ (Kinsinger & Walch, 2012) นอกจำกน้ีผูน้ ำยังตอ้ งพัฒนำศกั ยภำพ โดยทำควำมเข้ำใจและพรอ้ มทีจ่ ะต้ัง รับในสถำนกำรณ์ VUCA ดงั ต่อไปนี้ ผศ.ดร.ธที ตั ตรีศิริโชติ 19

1. เม่อื เกิดกำรเปล่ียนแปลงไปอย่ำงรวดเร็วมำก ผู้นำองค์กำรธุรกจิ จะต้องรบี ปรบั กระบวนกำรคิดใหมท่ ำให้เปำ้ หมำยเปน็ หลัก ทัง้ นย้ี งั ตอ้ งพจิ ำรณำปรับยทุ ธวธิ ีแบบใหม่ เพอ่ื ให้เทำ่ ทันต่อกำรเปลย่ี นแปลง 2. เมอ่ื เกิดควำมไมแ่ น่นอนจำกสภำพแวดลอ้ มภำยนอกและภำยในทม่ี อี ยู่รอบตัว ท้ังดำ้ นเศรษฐกิจ กำรเมือง ภัยพิบตั ิ กำรลำ้ หน้ำทำงเทคโนโลยี ผนู้ ำจำเปน็ ที่จะตอ้ งใช้ สัญชำติญำณเฉพำะตัวและมีไหวพริบในกำรตัดสนิ ใจอยำ่ งฉบั ไวและทนั ทว่ งที 3. เมื่อเกิดควำมซบั ซอ้ น มเี ง่อื นงำ สบั สน วนุ่ วำย ยงุ่ เหยงิ ผนู้ ำจำเปน็ ทจ่ี ะต้องมี ข้อมูลท่ถี กู ตอ้ งเพอ่ื จะนำไปวเิ ครำะหไ์ ด้อย่ำงละเอยี ดและแมน่ ยำ โดยต้องใชว้ จิ ำรณญำณ นอย่ำงรอบคอบและถี่ถว้ น 4. ควำมคลมุ เครือ ไม่ชัดเจน กำกวม ผูน้ ำจะต้องใช้ดลุ ยพินิจมองทกุ อยำ่ งให้ทะลุ กระจำ่ งแจง้ โดยตอ้ งเลอื กขอ้ มลู ท่ีเป็นประโยชน์เพอื่ ใช้ประกอบในกำรตดั สนิ ใจไดอ้ ย่ำง เหมำะสมและนำไปกำหนดใช้อยำ่ งชัดเจน ผศ.ดร.ธีทตั ตรศี ิรโิ ชติ 20

ควำมหมำยของกำรยอมรบั Rogers (1983, อำ้ งถงึ ใน ทพิ วรรณ หลอ่ สวุ รรณรตั น์, 2546) ได้ใหค้ ำนยิ ำมไวว้ ่ำ กำรยอมรับนวัตกรรมหมำยถึงกำรตดั สนิ ใจที่จะนำนวตั กรรมน้นั ไปใชอ้ ย่ำงเต็มทเ่ี พรำะ นวัตกรรมนั้นเปน็ วิถที ำงทด่ี ีกว่ำ และมปี ระโยชน์มำกกวำ่ กำรยอมรับของบคุ คลเกดิ ข้ึนเป็น กระบวนกำร เร่มิ ตง้ั แตบ่ คุ คลไดส้ มั ผสั นวตั กรรม ถกู ชกั จงู ให้ยอมรบั นวัตกรรมตัดสินใจ ยอมรับ หรือปฏเิ สธปฏบิ ตั ติ ำมกำรตดั สินใจและยนื ยนั กำรปฏิบัตินน้ั กระบวนกำรนี้อำจจะ ใช้เวลำชำ้ หรอื เร็วข้ึนอยู่กับปัจจยั ทส่ี ำคญั คือตวั บคุ คลและลักษณะของนวัตกรรม ผศ.ดร.ธที ตั ตรศี ิริโชติ 21

1. คุณลกั ษณะประโยชน์เชิงเปรยี บเทียบ (Relative Advantage) คือ กำร รบั รูว้ ่ำนวัตกรรมดกี วำ่ มปี ระโยชนก์ วำ่ วิธีกำรปฏบิ ัติเดมิ ๆ เชน่ สะดวกกวำ่ รวดเรว็ กว่ำ มี ผลตอบแทนทดี่ ีกว่ำอ่ืน ๆ เปน็ ตน้ ในส่วนท่ีดีกว่ำ ถำ้ เหน็ ว่ำมปี ระโยชน์มำกกวำ่ เสีย ประโยชน์ก็จะทำให้กำรยอมรบั นวัตกรรมมแี นวโนม้ ในกำรยอมรบั มำกขึ้น 2. คณุ ลกั ษณะทเ่ี ขำ้ กันได้ (Compatibility) คือ กำรที่ผู้รับนวัตกรรมร้สู ึกหรือ คิดว่ำเขำ้ กนั ได้หรอื ไปด้วยกนั ไดก้ ับคำ่ นยิ มทเี่ ป็นอยู่เดมิ ถ้ำนวัตกรรมใดมลี ักษณะ สอดคล้องกับควำมคิดเดมิ ๆ กจ็ ะทำใหก้ ำรยอมรบั มแี นวโน้มสูงขน้ึ จำกประสบกำรณ์ใน อดตี ตลอดจนควำมตอ้ งกำรของผรู้ บั ควำมคิดใหม่ ๆ กำรเขำ้ กนั ไดข้ องนวตั กรรมกบั สิ่งต่ำง ๆ ทำให้ผ้ยู อมรบั รู้สึกม่ันใจและไม่ต้องเส่ียงภยั มำก ทำใหเ้ กดิ ควำมรสู้ กึ ทมี่ คี วำมหมำยมำก ขน้ึ ผศ.ดร.ธีทตั ตรศี ริ ิโชติ 22

3. คุณลักษณะควำมยงุ่ ยำกซับซ้อน (Complexity) ถำ้ นวตั กรรมทนี่ ำมำใชม้ ี ควำมยุ่งยำก สลับซับซอ้ นมำก กำรยอมรับก็จะนอ้ ยลงโดยเฉพำะถำ้ บุคลำกรทน่ี ำ นวัตกรรมเหล่ำน้ันมำใช้มีควำมยงุ่ ยำกก็ยิง่ ทำให้เกิดกำรต่อตำ้ น ดังนนั้ กำรนำนวตั กรรมมำ ใชจ้ ึงมีควำมสมั พันธใ์ นทำงตรงกันข้ำมกับกำรยอมรับ ถ้ำนวัตกรรมมคี วำมซับซอ้ นมำก อัตรำกำรยอมรบั จะลดลง แต่ถ้ำนวตั กรรมมีควำมซบั ซ้อนนอ้ ย อัตรำกำรยอมรับก็จะ เพ่มิ ขน้ึ 4. คุณลกั ษณะสำมำรถทดลองใชไ้ ด้ (Trialability) โดยกำรนำเอำนวตั กรรม สว่ นย่อย ๆ ไปทดลองใช้โดยใช้ระยะเวลำไม่มำกนัก ซึง่ อำจจะแบง่ เปน็ สว่ นเลก็ เม่ือนำไป ทดลองและประสบควำมสำเร็จตำมทีต่ อ้ งกำรกจ็ ะทำให้เกดิ กำรยอมรบั มำกข้นึ ในนวัตกรรม นั้น ๆ 5. คุณลักษณะสำมำรถสงั เกตได้ (Observability) คือ ผลของนวัตกรรมเปน็ ส่งิ ท่ี มองเห็นได้หมำยควำมวำ่ ถำ้ นวตั กรรมทำใหเ้ กิดกำรมองเห็นได้กจ็ ะทำใหก้ ำรยอมรับมี น้ำหนกั มำก ขึ้น ซงึ่ อำจมองไปถงึ ดำ้ นรปู ธรรม ถ้ำสำมำรถทำใหเ้ ปน็ รปู ธรรมได้กจ็ ะเปน็ สิง่ ทีท่ ำให้เกดิ กำรยอมรบั มำกขึน้ กวำ่ ท่ีเปน็ นำมธรรมหรอื เปน็ แคจ่ ินตนำกำร ผศ.ดร.ธที ัต ตรศี ิรโิ ชติ 23

ข้ันท่ี 1 ข้ันควำมรู้ (knowledge) กระบวนกำรตดั สินใจเก่ยี วกับนวตั กรรมเรมิ่ ตน้ เม่อื บุคคลได้สัมผสั นวัตกรรม และเร่มิ ศึกษำหำขอ้ มูลเพอ่ื ทำควำมเข้ำใจถงึ หน้ำที่ของนวตั กรรมน้ัน ควำมร้เู กยี่ วกับนวัตกรรมท่ีบคุ คลไดร้ ับในขั้นน้สี ำมำรถแบ่งได้เป็น 3 ด้ำน ดังนี้ ดำ้ นท่ี 1 ควำมรู้จักนวตั กรรม (awareness knowledge) เปน็ ควำมรู้ท่ีทำให้เกิดกำร ต่นื ตวั เกย่ี วกับนวตั กรรม เป็นควำมรู้ทร่ี วู้ ่ำมีนวัตกรรมเกดิ ขึ้นแล้ว และนวัตกรรมน้นั สำมำรถทำ หน้ำท่ี อะไรไดบ้ ำ้ ง ด้ำนที่ 2 ควำมรวู้ ิธกี ำรใชน้ วตั กรรม (how-to knowledge) ควำมรู้ประเภทน้ไี ด้จำก กำร ติดตอ่ ส่อื สำรกับส่อื มวลชน กำรตดิ ต่อกบั หน่วยงำนรำชกำรที่ทำกำรเผยแพรน่ วตั กรรม หรอื เขำ้ ร่วม ประชมุ ควำมรูป้ ระเภทนีจ้ ะชว่ ยใหใ้ ชันวตั กรรมได้อย่ำงถูกตอ้ ง นวัตกรรมย่ิงมคี วำมซบั ช้อนมำก ขึน้ เท่ำใด ควำมจำเป็นทต่ี อ้ งมีควำมร้นู น้ั ก็ยง่ิ มำกขน้ึ เทำ่ นนั้ กำรขำดควำมรู้ดำ้ นนจ้ี ะทำ ใหเ้ กิดกำรปฏิเสธนวตั กรรมได้มำก ดำ้ นท่ี 3 ควำมร้เู กย่ี วกบั หลกั กำรของนวัตกรรม (principles knowledge) ควำมรู้ ประเภทนี้ เปน็ ควำมรถู้ งึ เกณฑ์เบอื้ งหลังของนวตั กรรม ซ่งึ จะช่วยให้นวตั กรรมบรรลุผล ผศ.ดร.ธที ัต ตรศี ริ ิโชติ 24

ขนั้ ที่ 2 ขัน้ กำรจงู ใจ (persuasion) ในขัน้ นบ้ี คุ คลจะสร้ำงทัศนคตชิ อบหรือไม่ ชอบนวตั กรรม กิจกรรมในสมองของบุคคลในขัน้ ควำมรู้ เป็นเร่อื งของควำมคิด หรือกำรรู้ สว่ นกจิ กรรม ในสมองในข้ันกำรจงู ใจเป็นเรือ่ งของอำรมณ์ หรอื ควำมรู้สึก โดยบคุ คลจะมี พฤติกรรมสำคญั คอื แสวงหำขำ่ วสำรขอ้ มลู ข้อมลู ท่ไี ด้รับมำเก่ยี วกับนวตั กรรมนน้ั ว่ำ เหมำะสมกับตัวเขำท้ังในสภำพปจั จบุ ัน และในอนำคตหรอื ไมอ่ ย่ำงไร บคุ คลจะมีกำร พฒั นำแนวคิดเชิงประเมินเกีย่ วกับนวัตกรรม น้ัน ซงึ่ เปน็ กำรพิจำรณำคุณค่ำของนวตั กรรม วำ่ เมื่อรบั นวัตกรรมมำใชจ้ ะมผี ลติดตำมมำในด้ำนใด มีประโยชนต์ อ่ ตวั เขำมำกนอ้ ย เพยี งใด ถ้ำมปี ระโยชน์มำกจะมีควำมรสู้ ึกทำงบวก แต่ถ้ำคดิ วำ่ ไม่มปี ระโยชน์ หรือมี ประโยชน์น้อยตอ่ ตัวเขำ จะพฒั นำควำมคดิ ทำงลบ ผศ.ดร.ธีทตั ตรีศริ โิ ชติ 25

ข้ันท่ี 3 ขัน้ กำรตดั สนิ ใจ (decision) ในข้ันนบี้ ุคคลกระทำกิจกรรมซึ่งนำไปสู่ กำรเลอื กท่ีจะยอมรับหรอื ปฏิเสธนวัตกรรม กำรจะตัดสินใจยอมรับหรอื ไมย่ อมรบั นวัตกรรมน้นั ขึน้ อยกู่ บั 2 ขนั้ ตอนที่ผำ่ นมำดว้ ย ถ้ำบคุ คลมีควำมรเู้ กยี่ วกับนวตั กรรม มี ควำมรสู้ กึ ชอบ และเห็นประโยชนข์ องนวัตกรรมนั้น บุคคลกม็ ีแนวโน้มทีจ่ ะตัดสนิ ใจยอมรบั นวัตกรรมนัน้ นอกจำกนก้ี ำรตดั สนิ ใจท่จี ะยอมรบั หรอื ปฏเิ สธนวตั กรรมยงั ข้ึนอยู่กบั ลักษณะของนวตั กรรม ถำ้ นวัตกรรมนนั้ สำมำรถแยกสว่ นยอ่ ย ๆ ได้ ใหม้ ีกำรทดลองใชไ้ ด้ บคุ คลจะมีแนวโน้มทจี่ ะตดั สินใจยอมรับนวัตกรรมนั้น ในขั้นนี้มีควำมสำคัญมำก กำรท่ี บคุ คลจะเลือกทำงใดเป็นผลมำจำกขน้ั ควำมร้แู ละขนั้ กำรจงู ใจ และกำรพจิ ำรณำลกั ษณะ นวัตกรรมวำ่ สอดคล้องกับฐำนะทำงเศรษฐกจิ สถำนภำพทำงสงั คม และขนบธรรมเนียม ประเพณี ผศ.ดร.ธที ัต ตรศี ิรโิ ชติ 26

ข้นั ที่ 4 ขนั้ กำรนำไปใช้ (implementation) กระบวนกำรตัดสินใจยอมรับ นวัตกรรมในขั้นต้น ๆ เปน็ เรอื่ งของควำมรู้ ควำมคิด แตใ่ นขั้นน้ีเปน็ ขัน้ ของกำรปฏิบัติ เม่อื บุคคลตดั สินใจยอมรบั นวตั กรรมไปใช้ เขำจะต้องรู้วำ่ จะสำมำรถหำนวัตกรรมนน้ั มำจำก ไหน นำไปใชอ้ ย่ำงไร และเม่อื นำไปใชจ้ ะเกดิ ปัญหำอย่ำงไร และสำมำรถแกป้ ัญหำได้ อย่ำงไร บุคคลจงึ พยำยำมแสวงหำสง่ิ ต่ำง ๆ เกี่ยวกบั นวตั กรรม ดงั น้ัน ผนู้ ำกำร เปลีย่ นแปลง และวธิ กี ำรส่อื สำรจงึ มีบทบำททจี่ ะช่วยบคุ คลใหไ้ ด้รับส่ิงทเี่ ขำตอ้ งกำร ในข้ัน นีร้ วมถงึ ขน้ั ดดั แปลงแกไ้ ขด้วย กำรใช้น้ีจะดำเนนิ ไปเรอ่ื ย ๆ ขน้ึ อยกู่ บั ลักษณะของ นวตั กรรมนัน้ ซึ่งอำจไปถึงกำรทนี่ วัตกรรมใหมน่ ไ้ี ดเ้ ข้ำไปเป็นสว่ นหนงึ่ ของสถำบันนั้น ผศ.ดร.ธที ตั ตรีศริ ิโชติ 27

ขั้นท่ี 5 ข้นั กำรยนื ยัน (confirmation) ขัน้ ตอนนเ้ี กิดขน้ึ เปน็ ขน้ั สดุ ท้ำยของ กระบวนกำรตัดสนิ ใจยอมรบั นวัตกรรมในบุคคลสว่ นใหญ่ กล่ำวคือ เมอ่ื บคุ คลไดต้ ดั สนิ ใจท่ี จะยอมรบั หรือไม่ยอมรบั ไปแล้ว บคุ คลจะแสวงหำขอ้ มลู ขำ่ วสำร แรงเสริม เพอ่ื สนับสนุน กำรตดั สนิ ใจของแต่ละบคุ คล เม่อื ยอมรับนวตั กรรมแลว้ เขำจะพยำยำมศกึ ษำหำควำมรู้ เพิม่ เดมิ ให้เกดิ ควำมม่นั ใจ กำรรบั ขำ่ วสำรข้อมลู กำรได้รับคำแนะนำและไดเ้ ห็น ควำมสำเร็จของกำรใชนั วัตกรรม จะมีอทิ ธิพลตอ่ กำรยนื ยนั มำกขึน้ ผศ.ดร.ธีทัต ตรศี ิริโชติ 28

1. จงอธิบำยภำวะผนู้ ำกำรเปลย่ี นแปลง 2. ผนู้ ำองคก์ ำรธรุ กจิ ในสถำนกำรณโ์ ลกแบบ VUCA ตอ้ งเปน็ อย่ำงไร 3. แนวคดิ เก่ียวกบั ผนู้ ำมอี ะไรบ้ำง 4. ผนู้ ำองคก์ ำรธุรกจิ มีวธิ ีกำรอยำ่ งไรในกำรปรับตัว 5. ใหน้ กั ศึกษำวิเครำะห์สถำนกำรณ์ VUCA World ทเี่ กิดขน้ึ 6. ศักยภำพท่จี ำเป็นของผู้นำองคก์ ำรธรุ กิจในสถำนกำรณ์ VUCA World คืออะไร 7. นวัตกรรมท่ียอมรับไดง้ ่ำยควรมลี ักษณะอย่ำงไร 8. กระบวนกำรตดั สนิ ใจเกี่ยวกบั นวตั กรรม (A model of the innovation decision process) ประกอบดว้ ยกข่ี ้นั ตอนอะไรบำ้ ง ผศ.ดร.ธที ัต ตรีศิริโชติ 29