การนาเขา้ เทคโนโลยแี ละการสร้างนวัตกรรมเองในบริบทของ คณุ ภาพนวตั กรรม ผศ.ดร.ธที ัต ตรีศิริโชติ
เม่อื นกั ศกึ ษาได้ศกึ ษาบทน้ีแลว้ สามารถ 5.1 เขา้ ใจการนาเขา้ เทคโนโลยีเพอ่ื สร้างนวตั กรรม 5.2 อธบิ ายการสรา้ งนวตั กรรมเองภายในองค์การ 5.3 อธิบายธุรกจิ เรมิ่ ต้นใหม่กับนวัตกรรม ผศ.ดร.ธที ัต ตรศี ริ ิโชติ 2
สามารถจาแนกออกไดเ้ ป็น 3 ลักษณะ คือ (Heinich , Molenda and Russell, 1993) 1. เทคโนโลยใี นลกั ษณะของกระบวนการ ( process) เป็นการใช้อยา่ งเป็นระบบ ของวิธกี ารทางวิทยาศาสตรห์ รอื ความรู้ตา่ ง ๆ ทไ่ี ด้รวบรวมไว้ เพือ่ นาไปส่ผู ลในทางปฏบิ ตั ิ โดยเช่อื วา่ เป็นกระบวนการท่ีเชื่อถือได้และนาไปสูก่ ารแก้ปญั หาต่าง ๆ 2. เทคโนโลยีในลักษณะของผลผลติ (product) หมายถึง วัสดุและอปุ กรณท์ ีเ่ ป็น ผลมาจากการใชก้ ระบวนการทางเทคโนโลยี 3. เทคโนโลยใี นลักษณะผสมของกระบวนการและผลผลติ (process and product) เช่น ระบบคอมพวิ เตอร์ซึ่งมีการทางานเปน็ ปฏิสมั พนั ธ์ระหว่างตัวเครื่องกับ โปรแกรม ผศ.ดร.ธีทตั ตรศี ริ ิโชติ 3
ครรชิต มาลยั วงศ์ (2548) ได้กลา่ วไวว้ ่า หนว่ ยงานตา่ ง ๆ ลวนใชเทคโนโลยี ใน การดาเนนิ งานเทคโนโลยีท่ีใชมากก็คอื เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร (ICT) เทคโนโลยีเหลานเ้ี ป็นทรพั ยากรทสี่ าคัญและจาเป็นตอ้ งไดร้ บั การจดั การอยา่ งถูกต้องและ เหมาะสม มิฉะนน้ั แทนทีเ่ ทคโนโลยจี ะเป็นประโยชน์กลบั จะเป็นภาระหรอื ตัวถว่ งทาให้ หน่วยงานไมส่ ามารถปฏบิ ัตงิ านตามพนั ธกจิ ได้ ผศ.ดร.ธที ัต ตรีศริ ิโชติ 4
องค์การท่ีใช้เทคโนโลยเี ปน็ หลักนัน้ เทคโนโลยมี ีความสาคญั ตอ่ การปฏิบัติงาน อยา่ งแนน่ อน ในทุก ๆ ดา้ น หากองค์การไมร่ ู้จักใชเ้ ทคโนโลยใี ห้เปน็ ประโยชนแ์ ลว้ ย่อมจะ ไม่สามารถบริหารจัดการใหอ้ งคก์ ารประสบความสาเรจ็ ได้ เทคโนโลยนี นั้ เป็นทง้ั กลยุทธใ์ น การดาเนนิ งาน เปน็ ทัง้ เครือ่ งมือสาหรับการปฏบิ ัติงาน เปน็ ทงั้ ระบบท่สี นับสนุนให้ ผู้ปฏิบัตงิ านสามารถให้บรกิ ารแกล่ ูกคา้ อกี ทงั้ ยงั ชว่ ยในการสร้างเสริมพันธมิตรทางธรุ กจิ ให้ มนั่ คงมากขึน้ ดว้ ย สาหรบั องคก์ ารทไี่ มไ่ ด้ใช้เทคโนโลยีเปน็ หลกั ในการปฏิบัติงานนน้ั จะพบวา่ กลบั ต้องพง่ึ พาอาศัยเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารค่อนขา้ งมาก ไม่วา่ จะเปน็ องคก์ าร ประเภทใด ผศ.ดร.ธที ตั ตรีศิรโิ ชติ 5
• เปน็ เคร่อื งมอื ในการจดั เกบ็ ขอ้ มูลตา่ ง ๆ ท่อี งค์การจะต้องใช้ ณ เวลาทีเ่ กิดขอ้ มูลนัน้ ข้อมลู น้ี เรียกว่า transaction • เปน็ เครอื่ งมือในการบนั ทกึ ข้อมลู ท่ีจดั เกบ็ ไวเ้ ป็นหมวดหมูท่ เี่ รียกวา่ Database เพือ่ ใหง้ า่ ยต่อ การจดั การ และการคน้ คืนข้อมลู ออกมาใชง้ าน รวมทั้งเปน็ เครอื่ งมอื ในการเก็บขอ้ มูลท่นี ิง่ แล้ว เปน็ คลังข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Data warehouse • เป็นเครอ่ื งมอื ในการประมวลผลข้อมลู ในแบบต่าง ๆ เช่นระบบ MIS ระบบ EIS ระบบ DSS นอกจากน้ัน ยังเป็นเครื่องมอื ในการวเิ คราะห์ขอ้ มลู แบบออนไลน์ หรือทเ่ี รียกวา่ OLAP (Online Analysis Processing) ดว้ ย • เปน็ เครอ่ื งมอื ในการปฏิบตั งิ านกบั เอกสารต่าง ๆ เพอ่ื ลดการใช้และการจดั เกบ็ กระดาษทไี่ มจ่ าเปน็ ดว้ ย ระบบ Document Management System ระบบ Office Automation ระบบประชุมทางไกล (Tele Conference) รวมไปถงึ ระบบกระแสงาน หรอื Work Flow และ ระบบกลุ่มงาน (Work Group) • เป็นเครอ่ื งมอื ในการจัดเก็บและจัดการความรู้ (Knowledge management system) เพอ่ื บนั ทกึ ทักษะ และประสบการณข์ องผู้บรหิ ารและผ้ปู ฏิบัตงิ านของหน่วยงานเอาไว้ • เปน็ เคร่อื งมือในการสือ่ สารประชาสมั พนั ธ์ดว้ ยระบบอนิ เทอร์เน็ต อึนทราเน็ต เอ็กซทราเน็ต และ เวิลดไ์ วดเ์ ว็บ และการประยุกต์ระบบนก้ี น็ าไปส่งู านอื่น ๆ อกี มากเช่น การทาธุรกจิ อิเล็กทรอนกิ ส์ (E-business) และ พาณิชยอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ (E-Commerce) การจดั ฝึกอบรมและการเรยี นการสอนอเิ ล็กทรอนิกส์ (E-Learning) • เป็นเครอ่ื งมอื และอุปกรณ์อตั โนมตั ิ เช่น Computer Numerical Control หรือ CNC ระบบหนุ่ ยนต์ อุตสาหกรรม ฯลฯ ผศ.ดร.ธที ัต ตรศี ริ ิโชติ 6
เทคโนโลยที งั้ หลายมกี ารเปล่ียนแปลงตลอดเวลา เทคโนโลยีบางอยา่ งท่เี คยได้รับ ความสนใจ ใชก้ ันมากมายมาระยะหนงึ่ ตอ่ มาก็อาจลา้ สมยั และไมม่ ใี ครใช้ตอ่ ไป ขณะเดียวกันกม็ ผี ้คู ดิ ค้น เทคโนโลยีใหม่ ๆ ขน้ึ และนาไปผลิตเปน็ อุปกรณ์ออกจาหน่ายใน ตลาด เทคโนโลยที เ่ี กดิ ขน้ึ ใหม่น้ัน ปกตยิ ังไม่สามารถทาให้ลกู ค้าจานวนมากสนใจได้ใน ทนั ทที นั ใด ลูกค้าอาจยงั ไม่แนใ่ จในประสิทธภิ าพของเทคโนโลยหี รอื อปุ กรณน์ ้นั หรืออาจ ยงั ไมพ่ รอ้ มทีจ่ ะเปลย่ี น มาใช้เทคโนโลยใี หม่ ดังน้ันการยอมรบั ของตลาดในระยะแรกจะ เป็นไปอยา่ งชา้ ๆ ตอ่ มาเม่อื เทคโนโลยใี หม่นั้นเป็นท่รี จู้ กั มากขึ้น และมีผู้ยอมรับมากขนึ้ อตั ราการขายเขา้ สตู่ ลาดกเ็ พมิ่ มากขึน้ ตามไปดว้ ย เทคโนโลยนี ้นั อาจไดร้ ับการปรับปรุงใหด้ ี มากยง่ิ ข้ึนหลังจากเขา้ สู่ตลาด ได้ระยะหนง่ึ ผลก็คอื เสน้ แสดงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งการ ยอมรบั ในแต่ละชว่ งเวลาเริ่มชันมากขึน้ ผศ.ดร.ธที ตั ตรศี ิริโชติ 7
อย่างไรกต็ าม เม่ือเทคโนโลยีนัน้ ไดเ้ ข้าสู่ตลาดระยะหนึง่ จนทาให้ตลาดเร่ิมอมิ่ ตวั แลว้ เทคโนโลยนี ้นั กเ็ ร่มิ จะมอี ตั ราการจาหนา่ ยที่ช้าลง ซง่ึ เป็นไปตามวงจรชวี ติ ผลิตภัณฑ์ ซ่ึงเปน็ เหตกุ ารณ์ท่ีอาจเกดิ ข้นึ ไดจ้ ากสาเหตหุ ลาย ประการ เช่น ตลาดเร่ิมอ่ิมตัว หรอื ลกู คา้ คาดหมายวา่ จะมเี ทคโนโลยใี หม่เข้ามาแทนท่ี เม่ือเป็นเช่นนี้ เสน้ แสดงความสมั พันธก์ ็ เริ่มจะลาดเอยี งในแนวนอนมากขนึ้ สดุ ทา้ ย เม่ือเกิดเทคโนโลยีใหม่ทอ่ี าจดกี ว่า หรอื มี ประสิทธภิ าพสงู กวา่ เข้าสู่ตลาด ลกู ค้ากอ็ าจ ตัดสนิ ใจไปใชเ้ ทคโนโลยีใหมก่ ันหมด ดงั นนั้ เทคโนโลยที ่ีเคยเป็นเรอ่ื งใหมใ่ นอดตี ก็เร่ิมจะจาหน่าย ไม่ได้ และตอ้ งยตุ กิ ารจาหน่ายใน ตลาดลง ผศ.ดร.ธที ตั ตรศี ริ ิโชติ 8
การที่จะทาความเขา้ ใจเทคโนโลยไี ดด้ ี จาเปน็ ต้องเร่ิมดว้ ยการทาความเขา้ ใจส่ิงแวดลอ้ ม ทางเทคโนโลยีกอ่ น ในทางทฤษฎแี ล้ว เราอาจพจิ ารณาส่ิงแวดลอ้ มทางเทคโนโลยีไดเ้ ปน็ สามระดบั คือ ระดบั แรก หมายถึงส่งิ แวดลอ้ มทางการปฏบิ ตั งิ านขององคก์ าร ได้แก่ ลกู คา้ ซัพพลายเออร์ คแู่ ขง่ ธนาคาร องค์การของรฐั องคก์ ารเอกชน สมาคมทางดา้ นธุรกิจทห่ี นว่ ยงาน หรอื บริษัท เกี่ยวข้อง ระดับทีส่ อง หมายถึง สงิ่ แวดลอ้ มที่เปน็ อตุ สาหกรรมหรอื คู่แข่งท่ีหนว่ ยงานหรอื บริษัท จะตอ้ งปฏบิ ัตงิ านอยู่ สง่ิ แวดลอ้ มนีเ้ ก่ียวขอ้ งกบั การร่วมมือ การกาหนดมาตรฐาน การจัดหา ชิ้นส่วนหรือวตั ถุดบิ สาหรบั นามาใช้งาน การก้าวเข้าสอู่ ตุ สาหกรรมของบริษทั ใหม่ ๆ การแข่งขัน และกดี กันของ บรษิ ัทท่ีอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน สิ่งแวดลอ้ มเหลา่ นี้มลี กั ษณะแตกตา่ งกันไปสดุ แท้แต่อตุ สาหกรรม และขณะเดียวกนั แมจ้ ะเปน็ บริษทั ในอุตสาหกรรมเดยี วกนั กอ็ าจจะตกอยูใ่ น ส่ิงแวดลอ้ มทีต่ า่ งกันได้ ระดับทส่ี าม หมายถึง สง่ิ แวดลอ้ มระดับมหภาคสงิ่ แวดล้อมนี้ ครอบคลุม อตุ สาหกรรมตา่ ง ๆ หมดทุกด้าน ผศ.ดร.ธีทตั ตรีศิรโิ ชติ 9
• สังคมโลกได้เปล่ยี นไป จากยคุ เกษตร ไปสู่ยคุ อุตสาหกรรม ยคุ สารสนเทศ และ กาลังกา้ วไปสู่ยคุ ความรู้ การเปลีย่ นสงั คมในแตล่ ะยุคเกิดชิน้ เพราะการพัฒนาเทคโนโลยี และนวตั กรรมใหม่ ขณะเดียวกันความกา้ วหนา้ ของสังคมในแตล่ ะยคุ กเ็ ปน็ ตัวการผลกั ดนั ให้มีการคดิ ค้นเทคโนโลยี และนวตั กรรมเพิ่มช้ิน • การศึกษาระดบั ตา่ ง ๆ ไดเ้ ปลี่ยนไป เช่น การศกึ ษาทางระดบั อดุ มศกึ ษาซึ่งแต่ กอ่ นเนน้ การรแู้ ละ การคิดคน้ ทางทฤษฎี โดยเฉพาะทางดา้ นศิลปศาสตร์ นิตศิ าสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และเปลยี่ นไปเปน็ การเน้นการปฏบิ ตั ิ และการใชเ้ ครื่องมือทางเทคโนโลยี มากขึ้น เชน่ วิชาการทางดา้ น วิศวกรรมศาสตร์ และ ดา้ นเทคโนโลยี แขนงตา่ ง ๆ การ เปล่ยี นแนวทางน้ีในทางหน่งึ มีสว่ นส่งเสริม ให้เกิดผู้สนใจท่ีจะพฒั นาเทคโนโลยีและอปุ กรณ์ ต่าง ๆ มากขึ้น ผศ.ดร.ธที ตั ตรศี ริ ิโชติ 10
• การนาเทคโนโลยสี ารสนเทศไปใช้ในกจิ การต่าง ๆ ของหน่วยงาน ไดท้ าใหเ้ กดิ การ จดั เก็บขอ้ มูล สารสนเทศ และความรูต้ ่าง ๆ เอาไวอ้ ยา่ งมากมายมหาศาล อาจกลา่ วได้ว่า ความรขู้ องมนุษย์เพ่ิมพูน ข้นึ เท่าตวั ในเวลาเพยี งสบิ ปี การเพิ่มพนู ความรู้ ผสมผสานกับ ความสะดวกสบายในการค้นคืน ความรู้ ทาใหม้ นุษยส์ ามารถคดิ ค้นเทคโนโลยใี หม่และ ประดษิ ฐ์อุปกรณ์ใหม่ ๆ ออกมาได้อย่างรวดเรว็ มาก • ความจาเป็นทางด้านการแข่งขันขององค์การตา่ ง ๆ ทาใหแ้ ตล่ ะองคก์ ารตอ้ งขวนขวาย พฒั นา เทคโนโลยีและอปุ กรณ์ใหม่ ๆ ออกมาจาหนา่ ย และใชง้ านกันอยา่ งมากมาย นอกจากน้นั ยังเกดิ ความจาเป็นท่ีจะตอ้ งรบี เร่งจัดกระบวนการให้สามารถออกแบบ และ ผลิตสนิ คา้ ต่าง ๆ ไดอ้ ย่าง รวดเรว็ ยิ่งขึ้น อันเป็นแนวโนม้ ทเ่ี รยี กว่า การบบี อัดเวลา ขณะเดยี วกนั ก็มีความ พยายามท่ีจะพัฒนาให้อปุ กรณ์ทผ่ี ลติ นั้นทางานได้ดว้ ยความเร็วสงู มากขึน้ ผศ.ดร.ธีทตั ตรศี ริ โิ ชติ 11
• ความพยายามทจี่ ะแขง่ ขนั ให้เหนือกว่าผอู้ ื่นทาใหบ้ รษิ ทั อตุ สาหกรรมขนาดใหญ่ ดาเนินการทาวจิ ยั ค้นคว้ามากขนึ้ บางแหง่ ได้จดั ต้งั ห้องปฏิบตั ิการวจิ ัยของตนเองขนึ้ และ ดาเนนิ การวจิ ัยเปน็ ความลบั เพี่อไมใ่ หค้ ู่แขง่ ทราบ หรือคาดคะเนถกู ว่าบรษิ ทั กาลงั ทาอะไร สว่ นบางแห่งใช้วธิ วี า่ จ้างสถาบนั การศึกษาระดบั สงู ให้ทาวิจยั ให้ การทาวจิ ัยนัน้ ถือวา่ สาคญั มากตอ่ การพัฒนาประเทศและ เสรมิ สร้างความเขม้ แข็งในด้านการทาธรุ กจิ ดังนนั้ หนว่ ยงานระดบั โลกท่คี อยตรวจสอบ ความก้าวหนา้ ของประเทศตา่ ง ๆ จึงนิยมใชร้ ะดับ การลงทุนในดา้ นการวจิ ัย และ ผลการวิจัยเปน็ เครื่องชวี้ ัดระบุความเจริญของประเทศ • ความกา้ วหน้าทางดา้ นเทคโนโลยสี าขาต่าง ๆ ได้ทาให้เกิดการบรู ณาการทาง เทคโนโลยอี ยา่ งกว้างขวาง การบูรณาการนี้หมายความถงึ การท่ีอุปกรณ์หรอื เทคโนโลยีหนง่ึ สามารถทางานรว่ มกับอุปกรณ์หรอื เทคโนโลยอี ่นื ๆ ไดอ้ ยา่ งไรต้ ะเขบ็ นัน่ คอื สามารถ ทางานต่อเน่ืองกนั ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ความจาเป็นทางด้านบูรณาการน้ไี ดน้ าไปสกู่ ารกาหนด มาตรฐานตา่ ง ๆ ทางดา้ นอตุ สาหกรรมออกมามากมาย ตวั อยา่ งทีเ่ หน็ ชดั เม่ือขาดมาตรฐาน ก็คือปลั๊กไฟฟา้ ของอปุ กรณใ์ นประเทศหน่ึง ไม่สามารถใชก้ ับเตา้ เสยี บไฟฟ้าในอกี ประเทศ หน่ึงได้ เพราะแต่ละประเทศก็มีมาตรฐานทางดา้ นปล๊กั และเต้าเสียบตา่ งกัน ผศ.ดร.ธที ตั ตรศี ริ โิ ชติ 12
นวัตกรรม โดยความหมายของคาแลว้ กค็ อื สิ่งใหม่ หรอื สิ่งประดษิ ฐใ์ หม่ อันเปน็ ผลมาจาก การ คดิ ค้นทางด้านเทคโนโลยี เราอาจกล่าวได้วา่ นวัตกรรมประกอบดว้ ย 1. การเปล่ยี นแปลงทางด้านเทคโนโลยีซง่ึ เป็นของใหมท่ ้ังตอ่ องคก์ ารและตอ่ วงการอตุ สาหกรรมนนั้ 2. การเปลย่ี นแปลงท่กี ระจายไปล่วงการ และมบี ริษทั นาไปใช้จรงิ แตถ่ ้าหากพิจารณาองคป์ ระกอบของนวัตกรรมแตล่ ะอยา่ งแล้ว อาจกลา่ วไดว้ ่าประกอบดว้ ย 1. ฮาร์ดแวร์ หรอื สว่ นท่ีเป็นกายภาพของนวัตกรรม 2. ซอฟต์แวร์ หรอื ส่วนที่เปน็ สารสนเทศสาหรบั ใชง้ านนวตั กรรมนน้ั 3. สารสนเทศสาหรบั ประเมิน หรือสว่ นท่เี ป็นสารสนเทศสาหรบั ใชใ้ นการประเมินวา่ สมควรใช้ นวัตกรรมนั้นหรอื ไม่ กระบวนการที่ทาใหเ้ กิดนวตั กรรมมสี องอย่างดว้ ยกนั คือ 1. Market-pull ความก้าวหน้าทางดา้ นเทคโนโลยซี ่งึ ส่วนมากเนน้ ในการตอบสนองความตอ้ งการ เฉพาะของตลาดอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงเป็นเรอ่ื งหลกั สว่ นการพยายามเพ่มิ ระดับความสามารถทางดา้ น เทคโนโลยีเป็นเรอื่ งรอง 2. Technology Push ความกา้ วหน้าทางดา้ นเทคโนโลยซี ึ่งสว่ นมากเนน้ ในด้านการเพม่ิ ระดบั ความสามารถทางด้านเทคโนโลยเี ป็นเรอ่ื งหลัก สว่ นการสนองตอบต่อตลาดด้านใดด้านหนงึ่ เปน็ เรอื่ งรอง ผศ.ดร.ธที ัต ตรศี ิริโชติ 13
มรกต จนั ทรก์ ระพอ้ และกฤษดา เชียรวฒั นสุข (2562) ได้กลา่ ววา่ องคก์ ารแห่ง นวตั กรรมนนั้ เป็นองค์การท่ีมงุ่ เน้นให้เกดิ การสรา้ งนวัตกรรมในองคก์ าร โดยมกี ารบรหิ ารจดั การ ด้วยการรเิ ริม่ สิง่ ใหม่หรือการพัฒนาปรบั ปรุงวิธกี ารปฏบิ ัติ ผลิตภัณฑ์ บริการ โครงสร้างองค์การ และกระบวนการดาเนินงาน ซงึ่ มอี งคป์ ระกอบท่ีสาคญั จากการขบั เคลื่อนองค์การด้วยผู้นาแหง่ การ เปลี่ยนแปลงทีส่ ง่ เสริมความคิดสร้างสรรค์ การสรา้ งบรรยากาศแหง่ นวตั กรรม การบริหาร ทรพั ยากรมนษุ ย์ ทีมงานและการจดั การความรู้ มีโครงสร้างองค์การแบบแนวราบและยืดหย่นุ สามารถกระจายอานาจไดอ้ ย่างทัว่ ถึง รวมไปถึงการวิเคราะหป์ ัจจยั ภายนอกองคก์ ารที่เปน็ ส่วนประกอบสาคัญในการขับเคล่อื นองค์การสูค่ วามเปน็ เลิศ เป็นการปฏิรูปองค์การเพอ่ื ประเมนิ ผลและปรับปรงุ การดาเนนิ งานขององค์การภายใต้แนวคดิ ของการบรหิ ารจัดการคุณภาพ โดยรวม ให้เกดิ ผลลัพธด์ า้ นลูกค้า ด้านบคุ ลากร ด้านสงั คมและดา้ นธุรกจิ นอกจากนี้ การ ประเมินผลดา้ นนวัตกรรมควรมีการจดั กระทาท่ีรวดเรว็ และง่ายต่อการใช้งาน ทาให้เข้าใจถงึ ภาพรวมดา้ นรูปธรรม เช่น รายได้จากลูกคา้ ใหม่ งบประมาณดา้ นนวัตกรรม เปน็ ตน้ และภาพรวม ด้านนามธรรม เชน่ ความร้คู วามเขา้ ใจของพนกั งาน สภาพแวดล้อมในการทางานและนวตั กรรม ทางวัฒนธรรม เปน็ ต้น เพื่อสร้างองคก์ ารแหง่ นวตั กรรมที่มคี วามแตกตา่ งและมคี วามเป็นเลิศใน การแข่งขันและย่ังยนื ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศริ ิโชติ 14
องคป์ ระกอบของการสร้างองคก์ ารแห่งนวัตกรรม แนวคิดของ Tidd,Bessant,and Pavitt (2005) โดยแบ่งเป็น 10 องคป์ ระกอบ ได้แก่ 1) การมีวิสัยทัศน์รว่ มผ้นู าและการมงุ่ ไปสนู่ วตั กรรม (shared vision, leadership and the will to innovation) หมายถงึ ผู้นาที่มบี ทบาทสาคัญในการถา่ ย ถอดวิสยั ทัศนท์ ่ีชัดเจนและกลยุทธ์ใหมแ่ กพ่ นักงานในองค์การ โดยใชภ้ าวะผนู้ าแหง่ การ เปลี่ยนแปลง (transformational leadership) ซึง่ เป็นปจั จัยท่ีสาคญั ในการเรียนรู้ การ จดั การความรู้ และการสรา้ งนวตั กรรมในองคก์ าร จากการสนบั สนนุ ให้พนักงานมสี ว่ นร่วม ในการกาหนดวสิ ยั ทัศน์ ส่งเสริมใหเ้ กิดบรรยากาศในการสร้างนวตั กรรมและให้อิสระทาง ความคิดสร้างสรรค์ของพนกั งาน นอกจากน้ี หากพนกั งานมกี ารรบั รู้ถึงความสามารถของ ตนเองสูงขนึ้ ผ่านบรรยากาศนวัตกรรม จะทาใหค้ วามสามารถในการคดิ สรา้ งสรรคข์ อง พนักงานสูงขึ้นตาม ผศ.ดร.ธที ัต ตรีศิรโิ ชติ 15
2) โครงสร้างองค์การท่เี หมาะสม (appropriate organization structure) หมายถึง โครงสรา้ งองคก์ ารทีม่ ีความยืดหยุน่ หรอื แบบแนวราบ (flat organizational structure) เป็นโครงสร้างทีเ่ หมาะสมและสนับสนุนให้องคก์ ารประสบความสาเรจ็ ในการ สร้างนวัตกรรม ผา่ นการสื่อสารและการกระจายอานาจ อกี ท้ังตอ้ งใหค้ วามสาคญั กบั การ สร้างเครือขา่ ยซ่ึงทาใหเ้ กดิ การแลกเปลี่ยนขอ้ มลู ขา่ วสารและทรพั ยากร โดยจะช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพในการทางานทาใหม้ ีอานาจในการต่อรองมากข้นึ 3) บุคลากรหลกั ขององคก์ าร (key individual) หมายถงึ บคุ ลากรที่มี ความสาคญั เชน่ ผู้ให้การสนบั สนนุ องคก์ าร ผู้นาองค์การสู่ความสาเร็จ ผู้กลัน่ กรองข้อมูล และทรัพยากรทส่ี าคญั ขององค์การ หรือกลมุ่ ทีน่ าพาองค์การไปสู่ความสาเรจ็ พร้อมทจี่ ะ ทุม่ เทและปรารถนาทจ่ี ะชว่ ยองค์การ โดยจะต้องออกแบบการบริหารทรัพยากรมนษุ ย์ การ วางแผน การสรรหาการฝกึ อบรมและพฒั นา การประเมินผลการปฏิบัติงานและการบรหิ าร จัดการคา่ ตอบแทน ผศ.ดร.ธที ตั ตรศี ิริโชติ 16
4) ทีมงานทีม่ ปี ระสิทธภิ าพ (effective team working) หมายถึง การลงทนุ ในการ สร้างและเลือกทมี งานใหม้ กี ารทางานเปน็ กลุ่มหรอื ทีม เพื่อผลักดนั ให้เกดิ ความคิดสร้างสรรคแ์ ละ พฒั นาแนวทางการแก้ไขปญั หา โดยเฉพาะทมี ข้ามสายงาน (cross-functional team) ท่ีเปน็ ทีมงานช่ัวคราวหรอื ตามโครงการทมี่ ีความเชย่ี วชาญที่แตกต่างกนั โดยร่วมกันทางานไปส่เู ปา้ หมาย รว่ มกนั ทาใหเ้ กดิ การแบง่ ปนั ข้อมูล ประสบการณ์ ท่ชี ่วยแกป้ ัญหาได้มปี ระสิทธภิ าพและรวดเร็ว แตจ่ ะตอ้ งระบภุ าระงานอย่างชัดเจน และผนู้ าทีมงานทีม่ ีประสิทธภิ าพจะรักษาความสมดุล ระหวา่ งพฤตกิ รรมของแตล่ ะสมาชิกในทมี งานใหท้ างานรว่ มกันได้อย่างราบรื่น 5) การฝกึ อบรมและพัฒนาบคุ คลท่ียืดหยุน่ และต่อเน่อื ง (continuing and stretching individual and development) หมายถงึ ความร้แู ละทักษะที่มีความสาคญั ต่อการสรา้ ง นวตั กรรม จากการฝกึ อบรมและพัฒนาบคุ ลากรในองค์การ ดว้ ยการสง่ เสริมให้เกิดความคิด สรา้ งสรรคแ์ ละพฤติกรรมนวัตกรรม ในการทดลองทาในสงิ่ ใหม่ โดยมีระบบงานทสี่ นับสนนุ การ จดั ระบบงานและกระบวนการทางานให้เกดิ ความคดิ ใหม่ๆ และมแี รงจูงใจในการสรา้ งนวตั กรรมท่ี มีประสทิ ธภิ าพ เชน่ การสร้างแรงจูงใจทเี่ นน้ การ ยอมรบั ทางสงั คม และการประเมนิ ผลท่ใี ห้ ความสาคญั กับกระบวนการสรา้ งสรรคน์ วตั กรรม ผศ.ดร.ธีทตั ตรีศริ ิโชติ 17
6) การขยายตวั การส่อื สาร (extensive communication) หมายถึง การสรา้ ง รปู แบบการส่ือสารท่คี รอบคลมุ โดยต้องมที ศิ ทางและช่องทางในการส่ือสารทีห่ ลากหลาย ระหว่างภายในและภายนอกองค์การ ทงั้ แนวดงิ่ และแนวราบ 7) การมีส่วนร่วมในนวัตกรรมสงู (high involvement in innovation) หมายถงึ การปฏบิ ตั ภิ ายในองคก์ ารและการมสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมการปรบั ปรุงทั่วทั้ง องค์การอย่างตอ่ เน่อื ง ซึ่งมคี วามเกยี่ วข้องกบั ผูท้ ่ีมีความเชย่ี วชาญทางด้านเทคนคิ วิศวกร นักออกแบบและความคิดสร้างสรรคท์ ี่ซ่อนอยู่ในแตล่ ะบคุ คล นอกจากน้ี การกระจาย อานาจ (decentralization) ในการตดั สินใจช่วยให้เกิดการตดั สนิ ใจร่วมกนั และมอี ิสระใน การการมอบหมายหน้าท่ี (delegation) และความรบั ผิดชอบให้แต่ละบุคคล โดยจะต้องมี โครงสรา้ งอานาจที่เปดิ กว้างและมกี ารกระจายอานาจความเป็นผ้นู าให้พนักงานทง้ั องคก์ าร ทาใหอ้ งค์การมศี กั ยภาพในการสร้างนวัตกรรมมากขน้ึ ผศ.ดร.ธที ัต ตรีศิรโิ ชติ 18
8) ปจั จัยภายนอก (external focus) หมายถึง สญั ญาณของภัยคุกคามหรือ โอกาสขององค์การเป็นการเปิดรบั และเขา้ ใจมมุ มองภายนอกองค์การ เป็นวิธกี ารพฒั นา จากภายนอกสู่ภายใน (outside-in approach) ซงึ่ เปน็ กระบวนการท่บี ูรณาการความรู้ จากภายนอก หรือความต้องการของลูกคา้ และค่คู า้ ทางธุรกิจ มาเพ่มิ ความสามารถในการ สร้างนวัตกรรมขององคก์ าร ไดแ้ ก่ การพฒั นาทางด้านเทคโนโลยี ความสามารถในการรบั รู้ และเขา้ ใจความต้องการของลูกค้าและตลาด การสอื่ สารทีช่ ัดเจนสม่าเสมอ การแกป้ ัญหา และการสร้างนวตั กรรมท่ีใชร้ ว่ มกัน 9) บรรยากาศทีส่ ่งเสรมิ ความคิดสร้างสรรค์ (creative climate) หมายถงึ ความคดิ สรา้ งสรรคท์ ่เี กดิ จากบรรยากาศการทางานทช่ี ว่ ยสง่ เสรมิ ใหบ้ ุคลากรมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ ในการสรา้ งนวัตกรรมใหก้ ับองคก์ าร ได้แก่ โครงสร้างองคก์ าร นโยบาย ระบบ รางวัลและการช่นื ชม การฝกึ อบรมและการวดั ผลปฏิบัติงาน การจดั ทีท่ างานท่เี อ้อื ต่อการ สรา้ งสรรคน์ วัตกรรม การสอ่ื สารแบบเปิดกวา้ งและการไว้วางใจซ่งึ กันและกนั ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศิรโิ ชติ 19
10) องค์การแหง่ การเรียนรู้ (Learning Organization: LO) หมายถงึ การเรยี นรู้ และการถ่ายโอนความรู้ที่เปน็ ปัจจัยพืน้ ฐานของการสรา้ งนวตั กรรม ซึง่ เป็นกระบวนการ ของการเรยี นรขู้ ององคก์ าร (Organizational Learning: OL) และการจดั การความรู้ (Knowledge Management: KM) จากความสามารถในการจัดการวงจรการเรียนรู้ใหอ้ ยู่ ในรปู ทีช่ ัดแจ้ง เช่น การพฒั นาผลิตภัณฑห์ รอื การนาเทคโนโลยีมาใช้ เป็นตน้ ในการจัดการ กระบวนการเรียนรจู้ ะตอ้ งสร้างเงื่อนไขภายใตโ้ อกาสในการเรียนรู้และการแสวงหาความรู้ เพม่ิ ขึ้น นอกจากน้ี ยงั ต้องสนบั สนนุ ใหเ้ กิดการสร้างและปรบั ปรุงกระบวนการเรยี นรูใ้ นการ ทางานประจาดว้ ยวธิ ีการท่ีหลากหลาย เชน่ การสรา้ งหลกั สตู ร การควบคุม การทดลอง และการแบง่ ปันขอ้ มลู หรือการสะท้อนกลบั จากการเรียนรูใ้ นอดีตและมกี ารเช่อื มโยง ระหว่างทีมงานและองคค์ วามรู้จากท้ังภายในและภายนอกเขา้ ดว้ ยกนั ผศ.ดร.ธีทตั ตรศี ริ โิ ชติ 20
Porter and Tanner (2004) ได้เสนอแนวทางการกา้ วสู่ความเปน็ เลศิ ตามโมเดล องคก์ ารแหง่ ความเปน็ เลิศโดยแบ่งออกเป็นคา่ นยิ มหลักเปน็ เลศิ ไดแ้ ก่ ภาวะผู้นา (leadership) การม่งุ เนน้ ทลี่ กู คา้ (customer focus) การบรู ณาการกลยทุ ธ์ (strategic integration) การ เรียนรขู้ ององค์การ (organizational learning) นวัตกรรมและการปรับปรุง (organization learning, innovation and improvement) การมงุ่ เนน้ ที่แรงงาน (workforce focus) การ พฒั นาความรว่ มมือ (partnership development) การจดั การด้วยความจรงิ (management by facts) การมุ่งเน้นผลลพั ธ์ (results orientation) และความรับผิดชอบตอ่ สงั คม (social responsibility) นอกจากนี้ ความเปน็ เลิศขององค์การน้ันยังสามารถประเมนิ ค่าบางส่วนโดยใช้ อัตราส่วนทางการเงิน (Jankal, 2014) ซง่ึ มเี ครื่องมอื หรอื การวัดท่ีช่วยใหอ้ งค์การสามารถวัดและ ประเมนิ ระดบั ความเปน็ เลศิ ขององค์การที่สาคัญ 3 เคร่ืองมอื ทแ่ี ตกตา่ งกนั ในบริบทและวิธีการวดั และประเมนิ ผล โดยเปน็ เครอ่ื งมือถกู พัฒนามาจากหลักการบริหารจดั การคณุ ภาพทว่ั ทัง้ องค์การ (Total Quality Management: TQM) ที่เป็นการวางแผนทม่ี ีประสทิ ธิภาพและกลยทุ ธ์ท่ใี ช้ใน การแกป้ ญั หา เช่น ทรพั ยากรมนษุ ย์และทรัพยส์ ินไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพและต่อเน่ืองทว่ั ทง้ั องคก์ าร ได้แก่ ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศริ โิ ชติ 21
1) รางวัลเดมม่ิง (Deming Prize Award) ไดร้ บั การพฒั นาโดย W. Edward Deming เปน็ การใหร้ างวัลแรกของโลกในดา้ นการวดั และประเมินผลองคก์ ารและเพม่ิ คุณภาพการใหบ้ รกิ ารแก่องค์การท่ีสามารถรกั ษาระดบั ความสามารถในดา้ นการบริหาร จดั การคณุ ภาพและผลกาไรได้อย่างสมา่ เสมอ ด้วยหลักคณุ ภาพ 14 ขอ้ ไดแ้ ก่ (1) การ สร้างความสม่าเสมอในการปรบั ปรุงคณุ ภาพ (2) ปฏเิ สธการยอมใหเ้ กิดข้อบกพรอ่ ง (3) ยตุ ิ การตรวจสอบเพือ่ ให้ได้คณุ ภาพ (4) ลดจานวนคู่คา้ โดยซ้ือจากหลกั ฐานทางสถิติไม่ใช่ราคา (5) ปรบั ปรงุ ทุกกระบวนการอย่างสมา่ เสมอ (6) จัดฝึกอบรมเกย่ี วกับการทางานท่ีทนั สมัย (7) การดูแลและชว่ ยใหเ้ กดิ การทางานทีด่ ีขนึ้ (8) ขจดั ความกลัว (9) ทาลายกาแพงทขี่ วาง กัน้ ระหวา่ งหนว่ ยงาน (10) ขจัดคาขวัญ คาแนะนาและเปา้ หมายท่ีกาหนดใหพ้ นกั งานทา (11) ขจดั โควตาทีใ่ ห้พนักงานทาและเปา้ หมายทางตัวเลขทางการบรหิ าร (12) ขจดั อุปสรรคท่ีทาลายความภาคภูมใิ จของพนกั งานและการประเมินผลประจาปี (13) จดั ทา แผนการศึกษาและการฝกึ อบรมทีเ่ ขม้ แขง็ ให้แกพ่ นักงาน และ (14) กาหนดความมงุ่ มัน่ ใน ทางานใหบ้ รรลุเปา้ หมายอย่างมคี ณุ ภาพและผลิตภาพ ผศ.ดร.ธที ตั ตรีศริ โิ ชติ 22
2) รางวัลคุณภาพแห่งชาติ สหรฐั อเมรกิ า (Malcolm Baldrige National Quality Award: MBNQA) เปน็ รางวัลคุณภาพแหง่ ชาตทิ ี่ได้รับการยอมรบั ท่ัวโลกวา่ แสดงถึงความเปน็ เลศิ ในการบรหิ ารจดั การองคก์ ารในระดับมาตรฐานสากลโลก โดยพจิ ารณาจากเกณฑค์ วามเปน็ เลศิ ทง้ั 7 ด้าน ได้แก่ (1) การนาองค์การ (2) การวางแผนกลยทุ ธ์ (3) การมุ่งเน้นผมู้ ีสว่ นไดส้ ว่ นเสียและ ตลาด (4) สารสนเทศและการวิเคราะห์ (5) การให้ความสาคัญแก่บคุ ลากรและหน่วยงาน (6) กระบวนการบรหิ าร และ (7) ผลการดาเนนิ งาน กลายเปน็ ตน้ แบบของรางวัลคณุ ภาพต่าง ๆ เชน่ รางวลั คุณภาพแห่งชาตขิ องประเทศไทย (Thailand Quality Award: TQA) รางวลั คณุ ภาพการ บรหิ ารจดั การภาครฐั (Public Sector Management Quality Award: PMQA) ระบบการ ประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ (State Enterprise Performance Appraisal: SEPA) และเกณฑ์ คุณภาพการศึกษาเพอื่ การดาเนินการที่เป็นเลิศ (Educational Criteria for Performance Excellence: EdPEx) เป็นต้น และการออกแบบรางวัลให้แก่ องคก์ ารที่มคี วามเปน็ เลศิ ทางธรุ กิจ จะได้รบั การส่งเสรมิ และเปน็ ท่รี ูจ้ กั ในด้านนวัตกรรมทางธุรกิจ ไดร้ ับการยอมรับและช่นื ชมใน ความสาเรจ็ ของธรุ กจิ เพอื่ เป็นตัวอยา่ งท่ีดแี ละสามารถสรา้ งแรงบันดาลใจใหก้ ับธุรกิจอืน่ ผศ.ดร.ธีทตั ตรีศิริโชติ 23
3) ตัวแบบมูลนิธยิ ุโรปเพือ่ การจดั การคณุ ภาพ (European Foundation for Quality Management: EFQM) เป็นองค์การท่ีทาหนา้ ทีร่ บั รองมาตรฐานการปฏิบตั งิ าน ขององค์การ โดยอาศยั เกณฑค์ วามเปน็ เลศิ 9 ขอ้ โดยแบง่ เป็น 2 กลุ่ม ไดแ้ ก่ (1) ดา้ น ปัจจยั ต้น(enablers) ประกอบไปดว้ ย ภาวะผนู้ า(leadership) กลยุทธ์ (strategy) บุคลากร (people) ความร่วมมือและทรัพยากร (partnerships and resources) และ กระบวนการสร้างผลิตภณั ฑ์และบริการ (processes products and services) และ (2) ดา้ นผลลพั ธ์ (results) ประกอบไปด้วย ผลลพั ธด์ ้านลกู คา้ (customer results) ผลลพั ธ์ บุคลากร (people results) ผลลพั ธ์ทางสังคม (society results) และผลลัพธ์ทางธรุ กิจ (business results) นอกจากน้ี ผู้บรหิ ารระดับสูงทัว่ โลกมคี วามทา้ ทายในการสร้าง นวตั กรรม จงึ ทาให้ตัวแบบ EFQM มกี ารปรบั ปรุงโครงสรา้ งท่ีเป็นนวัตกรรม เพ่อื ให้เปน็ ส่วนหนง่ึ ของกลยทุ ธ์และสรา้ งเปา้ หมายและวัตถุประสงค์ทช่ี ดั เจนสาหรบั นวัตกรรม ทาให้ องคก์ ารสามารถปรับปรุงและสรา้ งสรรค์ผลิตภณั ฑ์ บรกิ ารกระบวนการและสร้าง วัฒนธรรมแห่งนวตั กรรมได้อย่างมีคณุ ภาพ ผศ.ดร.ธีทตั ตรศี ริ โิ ชติ 24
ณฤทธ์ิ วรพงษด์ ี (2562) กล่าวว่า ธรุ กจิ ทเ่ี รม่ิ ต้นจากจดุ เลก็ ๆ เชน่ เกดิ จากไอเดยี เพื่อ แก้ปัญหา เห็นโอกาสทางธุรกจิ ทยี่ งั ไม่มคี นทามากอ่ น สามารถเติบโตได้อย่างรวดเรว็ (Growth) ออกแบบใหม้ กี ารทาซา้ ได้ง่าย (Repeatable) ขยายกจิ การได้ง่าย (Scalable) มีการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมเป็นหัวใจหลักตอ้ งทาซา้ ได้ (Repeatable) และขยายตวั (Scalable) หรือเตมิ โต แบบกา้ วกระโดด โดยไมต่ อ้ งใช้ตน้ ทุนในการขยายกิจการจานวนมหาศาล พันธุ์อาจ ชยั รตั น์ (2560) กลา่ วว่า “ธรุ กจิ เกิดใหม่ทีต่ ้องการสร้างความเปลย่ี นแปลงด้วย แนวคดิ ท่ีแตกต่าง โดยใช้กระบวนการและนวตั กรรมที่ไม่เหมือนใคร เพ่อื สรา้ งความเปลี่ยนแปลง น้นั ๆ ทาใหธ้ รุ กจิ สามารถทาซา้ (Repeatable) ขยายตลาด (Scalable) เพอ่ื สร้างมูลค่าเพ่ิมและ เติบโตไดอ้ ย่างกา้ วกระโดด (Exponential Growth)” ชัยวัฒน ใบไม้ (2560) หมายถงึ ผปู้ ระกอบการรายใหมท่ ใี่ ช้นวตั กรรมหรือเทคโนโลยี เปน็ ตัวหลักในการขับเคลอื่ นธรุ กจิ เพอ่ื สรา้ งสนิ คา้ หรอื บริการท่ีเกดิ มูลค่าเพ่ิม จนกลายเปน็ ธรุ กจิ เชงิ พาณชิ ยท์ ีเ่ ติบโตไดอ้ ย่างรวดเรว็ ผศ.ดร.ธที ัต ตรศี ิริโชติ 25
ธรุ กิจเกิดใหม่ หรือ Startup คือ กลุมบุคคล หรือองคกรธุรกจิ ขนาดเล็กท่ีเคยทา ธรุ กิจมากอ่ นหรอื ผู้ประกอบรายใหมท่ ไ่ี ดจ้ ดั ตัง้ ข้ึน ดว้ ยบุคลากรและทรพั ยากรจานวนน้อย ใชน้ วัตกรรมหรือเทคโนโลยเี ปน็ ตัวหลกั ในการขบั เคลือ่ นธุรกจิ โดยธรุ กิจเรม่ิ ตน้ จากจดุ เล็ก ๆ เช่น เกดิ จากไอเดียเพอ่ื แกป้ ญั หา เห็นโอกาสทางธุรกิจทย่ี งั ไม่มคี นทามาก่อน สามารถ เติบโตไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ (Growth) ออกแบบให้มีการทาซา้ ได้งา่ ย (Repeatable) ขยาย กจิ การได้ง่าย (Scalable) เพ่ือสรา้ งสินค้าหรือบริการท่ีเกดิ มลู คา่ เพม่ิ ภายใตค้ วามมงุ่ มน่ั ที่ จรงิ จงั และตอ่ เนอ่ื ง เพ่ือเปา้ หมายของชีวติ ทั้งในดา้ นทรพั ยส์ นิ และการเป็นท่ียอมรบั ถึง อทิ ธพิ ลตอ่ การเปล่ียนแปลงโลก ผศ.ดร.ธที ตั ตรศี ริ ิโชติ 26
ThaiTuykeyClub (2560) ได้เขยี นข้ันตอนการเรมิ่ ทาทาธรุ กจิ Startup (สตาร์ทอัพ) ไวด้ งั น้ี ขนั้ ตอนท่ี 1 ถ้าหากคุณต้องการท่จี ะสร้างธุรกจิ Startup คณุ จะต้องมองไปในอนาคตวา่ มี อะไรเกดิ ขึ้นบา้ ง มีเทรนดห์ รือแนวโนม้ ในด้านตา่ ง ๆ ไปตามทศิ ทางไหน เพอ่ื ที่คณุ จะได้มองหาสง่ิ ท่ียงั ขาด อยู่ ขัน้ ตอนที่ 2 ยังมีผลติ ภณั ฑ์หรอื บรกิ ารที่ยงั ไม่ไดถ้ กู สร้างขนึ้ มาและมีความต้องการมหาศาล เมื่อ มองไปยงั อนาคตแลว้ เราเหน็ สิ่งท่ีสามารถสรา้ งข้นึ มาใหม่ได้ ไมว่ า่ จะเป็น ผลิตภณั ฑด์ ้านการบริการหรอื ผลติ ภัณฑ์ อะไรก็แล้วแต่ ลองคิด แลว้ จงึ ลงมอื ทาดู เชอ่ื เถอะวา่ คุณอาจจะเป็นผู้ทีท่ ีป่ ระสบความสาเรจ็ ใน อนาคตก็เป็นได้ ข้นั ตอนท่ี 3 เอาสิ่งทีเ่ ราเห็นในอนาคต Product Service ทน่ี า่ จะสรา้ งขน้ึ มาและเตบิ โตอยา่ ง รวดเร็ว นามาเขยี นผงั ความคิด เพอ่ื ให้สามารถออกแบบและพัฒนาต่อไปไดง้ ่ายข้ึน ขัน้ ตอนที่ 4 สร้างตวั Prototype ขึน้ มา เป็นตวั ต้นแบบในการนาไปทดสอบความตอ้ งการของ ลูกค้าในอนาคต ข้นั ตอนที่ 5 เมื่อไดต้ ัว Prototype มาแล้ว กจ็ ะถงึ ข้นั ตอนการนาเสนอ ทาไมเราต้องนาเสนอ ? เราต้องนาเสนอเพอ่ื ใหไ้ ด้ Input มา โดยการไปนาเสนอคนอ่ืน 100 คน ความคดิ เห็นจากคนทฟ่ี งั เรา กจ็ ะ เปน็ Feedback กลบั มา ผศ.ดร.ธที ัต ตรีศริ ิโชติ 27
ขั้นตอนที่ 6 นา Feedback ท่ไี ดจ้ ากคน 100 คน มาพัฒนา Product Prototype ใหม้ นั ตอบสนองความตอ้ งการของผใู้ ชม้ ากย่ิงข้ึน ขัน้ ตอนท่ี 7 สรา้ งทมี หาผรู้ ่วมงาน Co-founder การทาธรุ กิจไมค่ วรทาแค่คนเดียว เพราะมงี านหลายอย่างท่ีจะตอ้ งดาเนินการ ข้นั ตอนที่ 8 เม่ือมที ีมงานแล้ว เราก็มาจดทะเบียนบรษิ ทั ใหเ้ ป็นนติ ิบุคคล ข้นั ตอนที่ 9 มองหาเงนิ ทุน และยงั คงพฒั นา Service ไปในเวลาเดียวกนั ขนั้ ตอนท่ี 10 เรมิ่ ปลอ่ ย Prototype ท่ีผ่านการวิเคราะหว์ จิ ารณ์ มาในระดับหนึง่ แล้ว และคอ่ นข้างแน่ใจว่ามันใชไ้ ด้ ขน้ั ตอนท่ี 11 ตดิ ตามดวู า่ ตัว Prototype ท่ีเราปล่อยออกไป มลี กู คา้ กลับเขา้ มาใช้ หรือไม่ ? ข้นั ตอนท่ี 12 ถ้ามีลูกคา้ เข้ามาใช้ เราดวู า่ มลี กู คา้ ถึง 1,000 คน หรอื ไม่ ? ข้ันตอนที่ 13 เมอ่ื มลี ูกคา้ ถงึ 1,000 คน เราจะต้องทาใหม้ นั โตประมาณ 5% ตอ่ สปั ดาห์ ข้ันตอนที่ 14 ถา้ หากเราสามารถทาใหม้ ีลูกค้า 5 % ตอ่ สัปดาห์ ภายใน 4 ปี จะทาให้ เรามีลูกค้าถึง 25 ลา้ นคนและเมอ่ื เรามลี กู ค้ามากถึง 25 ลา้ นคน เราก็จะเปน็ ธุรกจิ Startup ที่ ประสบความสาเรจ็ นั่นเอง ผศ.ดร.ธที ัต ตรศี ริ โิ ชติ 28
ณฤทธ์ิ วรพงษด์ ี (2562) ได้เขยี นชว่ งการเตบิ โตของสตาร์ทอพั ไว้ 3 ช่วง ดังน้ี ช่วงที่ 1 เป็นช่วงเริ่มต้นที่เน้นการพสิ ูจน์ว่าปญั หาท่เี รากาลงั นกึ ถงึ มอี ย่จู รงิ มีกล่มุ ลูกคา้ ท่ตี ้องการการแกไ้ ข และทาให้เราพอจะคดิ ผลติ ภัณฑต์ ง้ั ตน้ ทส่ี ามารถแกป้ ญั หานนั้ ได้ ชว่ งท่ี 2 เปน็ ขน้ั ตอนของการพฒั นาผลติ ภัณฑ์ใหไ้ ดส้ ง่ิ ท่ตี อบโจทย์กับความ ต้องการของตลาด ช่วงท่ี 3 เป็นชว่ งของการขยายการเตบิ โต หลงั จากผลติ ภัณฑ์สามารถตอบโจทย์ ตลาด เพอ่ื ใหไ้ ดฐ้ านลกู คา้ ทมี่ ากขึน้ และได้โมเดลทางธรุ กิจท่ีเหมาะสม ผศ.ดร.ธที ัต ตรศี ริ ิโชติ 29
ไกรวิทย์ โพธด์ิ ม และ ขวัญฤดี พรชัยทวิ ตั ถ์ (2562) ได้ศกึ ษาเรอื่ ง “ปจั จยั แหง่ ความสาเร็จของธุรกจิ ซอฟต์แวร์สตารท์ อพั ” พบว่ามี 8 ปจั จยั ไดแ้ ก่ ทกั ษะพนื้ ฐานของการ ประกอบธุรกจิ ซอฟต์แวรส์ ตาร์ทอพั ความสามารถในการสรา้ งผลิตภัณฑ์ไดร้ วดเรว็ ผลติ ภณั ฑด์ งึ ดูดและจงู ใจให้ลกู ค้าใชง้ าน ติดตามเทคโนโลยแี ละเทรนของผลิตภัณฑ์ การ สง่ เสรมิ และสนับสนุนการทาสตารท์ อพั จากรัฐบาลและเอกชน คุณภาพขององคก์ ารและ ผลิตภัณฑ์ ความสามารถในการบริหารของผกู้ อ่ ตั้ง และพัฒนาผลิตภณั ฑใ์ หส้ อดคลอ้ งต่อ ความต้องการของลูกคา้ ผศ.ดร.ธีทตั ตรีศิริโชติ 30
สุพเนตร แสนเสนา และคณะ (2561) ได้ศึกษาในเรื่อง “ปจั จยั แหง่ ความสาเร็จ ของธรุ กจิ Startup” จากการศึกษาพบวา่ ปัจจัยท่สี ่งผลให้ธุรกจิ Startup ประสบ ความสาเร็จมอี ยหู่ ลกั ๆ 5 ปจั จัย คือ ปัจจัยดา้ นจงั หวะเวลา ปจั จัยด้านทมี งาน ปจั จยั ด้าน แนวความคดิ ใหม่ๆ ปจั จยั ดา้ นแผนธรุ กจิ และปจั จยั ดา้ นเงินทนุ ซึ่งปจั จยั แต่ละดา้ นกข็ ึ้นอยู่ กบั ประเภทของธุรกจิ Startup นน้ั ๆด้วยวา่ จะใหค้ วามสาคัญกบั ปจั จยั ดา้ นไหนเป็นอนั ดับ แรก ดังนน้ั ธุรกิจ Startup จะประสบความสาเร็จได้นั้นจะตอ้ งมหี น่งึ ใน 5 ปัจจยั น้ีเป็นหลัก อยา่ งไรก็ตามธุรกจิ Startup ท่ีจะประสบความสาเรจ็ ไดค้ อื ธรุ กิจตอ้ งสามารถตอบโจทย์ และแก้ปญั หาได้ตามความตอ้ งการของผูบ้ รโิ ภคได้ ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศริ ิโชติ 31
กฤษยา มะแอ และ กฤษณา ฝังใจ (2561) ได้ศกึ ษาเรื่อง “ปจั จยั สคู่ วามสาเรจ็ ของวสิ าหกิจเรม่ิ ต้น (สตารท์ อพั ) ในประเทศไทย” ผลการศึกษาพบวา่ ปจั จัยสูค่ วามสาเร็จ ของสตาร์อัพในประเทศไทย ขึน้ อยกู่ บั ลกั ษณะการดาเนินงาน และกลมุ่ เป้าหมายที่ แตกต่างกนั โดยสามารถสรุปได้ดังนี้ ประเภทพาณิชยอ์ ิเล็กทรอนกิ ส์ จะใหค้ วามสาคัญกับ ปัจจัยดา้ นจังหวะเวลาเป็นสาคญั ธรุ กจิ ประเภท User-Generated Content จะให้ ความสาคญั กับปจั จัยดา้ นทีมเป็นสาคัญ ธุรกจิ สตาร์ทประเภทบริการจะใหค้ วามสาคัญกบั ปจั จยั ดา้ นแนวความคดิ ใหม่ ๆ ความคดิ สรา้ งสรรค์ท่สี ามารถเรียกความสนใจใหค้ นมาใช้ บรกิ ารได้ โดยหัวใจสาคัญของการดาเนินธุรกจิ ในทุกประเภทคือ รูปแบบในการดาเนิน ธรุ กิจ (Business Model) ผศ.ดร.ธีทัต ตรศี ริ ิโชติ 32
Engineering Today (2562) ได้ศึกษาเรอื่ ง ปัจจัยแห่งความสาเรจ็ ในการสตารท์ อัพ โดย บลิ กรอส (Key Success Factors in Startup by Bill Gross) เครื่องมือทางการบรหิ ารสมัยใหม่ (New Management Tools) โดยท่ี บลิ กรอส (Bill Gross) เป็นนกั ลงทุนและผู้กอ่ ตั้งบริษัท Idealab ใน ประเทศสหรฐั อเมริกา ได้ทาการวิจยั และศึกษา พบว่าการทีบ่ ริษทั เกดิ ใหม่จะประสบความสาเรจ็ นัน้ ตอ้ งมี ปัจจัย 5 อย่าง ซ่งึ ประกอบไปดว้ ย 1. แนวคิดหรือไอเดยี ในการทาธรุ กิจ ต้องมคี วามแปลกใหมม่ คี วาม น่าสนใจ ตอบโจทยป์ ัญหา หรือ Pain Point ของผูบ้ รโิ ภคได้ และสร้างความเปล่ียนแปลงบางสงิ่ บางอย่าง ทจี่ ะทาให้เกิดความสะดวกสบายมากข้ึน 2. ทมี งาน เม่ือมีไอเดียท่ีดีแล้ว คณุ จาเปน็ ต้องหาผ้ทู ีม่ าร่วมกนั ทางานเปน็ ทมี เพราะธรุ กจิ ไมส่ ามารถประสบความสาเรจ็ ได้ด้วยตวั คนเดียว การคดั เลือกคนมารว่ มในทีม ทางานจึงเปน็ เรอ่ื งสาคัญมาก 3. แผนธรุ กจิ ที่ชัดเจน ว่าสินคา้ หรอื บรกิ ารของธรุ กจิ คืออะไร กลมุ่ ลกู ค้า เป้าหมายเปน็ ใคร จะสรา้ งรายไดจ้ ากจุดไหนได้บา้ ง แผนธุรกจิ ทช่ี ัดเจนจะเปน็ ตัวขับเคลอ่ื นธรุ กจิ ให้เดินไป ในทางทถี่ กู ตอ้ ง ธรุ กจิ ที่คณุ ทาจะต้องสามารถตอบโจทยค์ วามต้องการของผบู้ ริโภคได้ และสามารถสร้าง ความแตกต่างให้เกิดข้นึ ในใจผู้บรโิ ภคดว้ ย เพอื่ การเตบิ โตของธรุ กิจที่ยัง่ ยนื 4. เงนิ ทนุ เปน็ ปัจจยั สาคัญใน การเรม่ิ ต้นทาธุรกิจ เพราะหากไมม่ เี งนิ ทนุ แลว้ ธรุ กิจคงไปไดย้ าก แต่หากวิเคราะห์ให้ลึกกวา่ นี้ การมเี งนิ ทนุ ทม่ี ากพอ กไ็ ม่ไดร้ บั รองว่าธรุ กิจของคุณจะไปรอด เพราะนอกจากมีเงินทนุ แล้ว การบริหารเงินทนุ รวมถงึ การจัดทาบัญชอี ย่างรอบคอบกเ็ ป็นสว่ นสาคัญในการทาธรุ กจิ เช่นกนั 5. จังหวะเวลา การทาธรุ กิจนน้ั ตอ่ ให้ มปี จั จัยท้ัง 4 ท่กี ล่าวมาข้างตน้ เพยี บพรอ้ มแลว้ แตถ่ า้ ธุรกจิ เปดิ ตัวและดาเนินการในช่วงเวลาทีไ่ ม่เหมาะสม เช่น ในชว่ งตลาดอม่ิ ตัว หรือมตี วั เลือกมาก ก็จะทาให้ธุรกจิ ไมป่ ระสบความสาเร็จ ผศ.ดร.ธที ตั ตรีศิรโิ ชติ 33
การทาธรุ กิจเกิดใหมใ่ ห้ประสบความสาเรจ็ ประกอบดว้ ยปัจจัยดงั ต่อไปน้ี แนวคดิ ในการทาธรุ กิจท่ีแปลกใหม่ สรา้ งสรรคแ์ ละตอบโจทย์ปญั หาได้ ทีมงานท่ีดี เขา้ ใจกัน มี แนวคดิ การทางานท่ีตรงกนั และใหค้ วามรว่ มมือที่ดี แผนธรุ กจิ การวางแผนท่ชี ดั เจนเพอ่ื ให้ ธุรกจิ ไปในทิศทางทีต่ ้องการ เงินทุนและแหลง่ ทนุ ทงั้ ทเ่ี ป็นทุนตวั เองและระดมทุน จงั หวะ เวลาการทาธรุ กิจ ดาเนินการในช่วงเวลาทเ่ี หมาะสม ผศ.ดร.ธีทตั ตรศี ริ ิโชติ 34
1. เทคโนโลยีแบง่ ออกได้กี่ลกั ษณะ อะไรบา้ ง 2. บทบาทของเทคโนโลยตี ่อการปฏิบัตงิ านขององค์การเป็นอย่างไร 3. เทคโนโลยีท่เี กิดข้นึ ใหมม่ าสาเหตอุ ะไร 4. กระบวนการทื่ทาให้เกดิ นวตั กรรมมกี ีอ่ ย่างอะไรบา้ ง 5. องค์ประกอบของการสร้างองคก์ ารแหง่ นวตั กรรมเปน็ อย่างไร 6. ทาอย่างไรจึงจะขบั เคลื่อนองค์การแห่งนวตั กรรมสูค่ วามเปน็ เลิศขององคก์ าร 7. ธุรกจิ เริม่ ตน้ ใหมค่ อื อะไร 8. ขัน้ ตอนการทาธรุ กจิ เกดิ ใหม่มีกี่ขน้ั ตอนอะไรบ้าง 9. ปัจจยั ความสาเร็จของธุรกจิ เริม่ ต้นใหม่ 10. ใหย้ กตัวอย่างธรุ กิจเรมิ่ ต้นใหมท่ ี่เก่ียวขอ้ งกบั นวัตกรรม ผศ.ดร.ธที ัต ตรีศริ โิ ชติ 35
Search
Read the Text Version
- 1 - 35
Pages: