Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 6 กิจกรรมด้านการจัดการเทคโนโลยีทางธุรกิจ

บทที่ 6 กิจกรรมด้านการจัดการเทคโนโลยีทางธุรกิจ

Published by tresirichod, 2021-07-05 08:06:31

Description: บทที่ 6 กิจกรรมด้านการจัดการเทคโนโลยีทางธุรกิจ

Search

Read the Text Version

กจิ กรรมดา้ นการจัดการเทคโนโลยที างธุรกจิ ผศ.ดร.ธที ตั ตรีศิรโิ ชติ

เม่อื นกั ศกึ ษาได้ศกึ ษาบทน้แี ล้วสามารถ 6.1 เขา้ ใจการไดม้ าของเทคโนโลยที างธรุ กิจ 6.2 อธิบายการใช้ประโยชน์ 6.3 อธิบายการจาแนก 6.4 อธบิ ายการเรยี นรู้ 6.5 อธิบายการปอ้ งกัน 6.6 อธิบายการเลอื กสรร ผศ.ดร.ธที ัต ตรศี ริ ิโชติ 2

ริทช่ี (Ritchie) มาร์แชล (Marshal) และ อาร์ดเลย์ (Eardley) (1998) ไดก้ ลา่ วถงึ ประโยชน์ ของเทคโนโลยีสารสนเทศที่มตี ่อองค์การในดา้ นต่าง ๆ ดงั น้ี 1. พัฒนาประสทิ ธภิ าพการดาเนนิ งานทั้งในด้านเวลา ด้านการใชท้ รัพยากรบคุ คล และ ตน้ ทุน 2. พฒั นาคุณภาพของสารสนเทศทไ่ี ด้รบั ได้แก่ ความเทีย่ งตรง ความชัดเจน การ ประหยดั เวลา ฯลฯ 3. ผใู้ ช้สามารถเขา้ ถึงสารสนเทศไดจ้ ากแหล่งตา่ ง ๆ ทัง้ ภายในและภายนอกองคก์ าร 4. เพิ่มประสิทธภิ าพการทางานดว้ ยการใช้ฐานข้อมูลรว่ มกนท้งั ภายในและภายนอก องคก์ าร 5. พฒั นาประสิทธิภาพการติดต่อส่ือสารท้งั ภายในและภายนอกองค์การ 6. เปน็ เคร่ืองมือเพื่อพัฒนาโครงสร้างพ้นื ฐานของความร้ใู นองค์การ ให้เป็นความร้ทู ่เี กิด ประโยชนต์ อ่ บุคคล กลุ่มบคุ คล องคก์ าร เรยี กวา่ ระบบการจัดการความรู้ ซึง่ เป็นระบบสารสนเทศ รปู แบบหน่ึงทเี่ กี่ยวกับการสรา้ ง การเกบ็ รกั ษา และแบง่ ปนั ถา่ ยทอดความรทู้ ัง้ ภายในและภายนอก องค์การ ผศ.ดร.ธที ตั ตรีศริ ิโชติ 3

1. เพอื่ ให้สว่ นตา่ ง ๆ ของหนว่ ยงานหรอื องค์การ สามารถเช่อื มโยงแลกเปลย่ี น ขอ้ มลู สารสนเทศ และความรรู้ ะหวา่ งกนั ได้ 2. เพื่อเชื่อมโยงแลกเปลยี่ นขอ้ มลู สารสนเทศและความรกู้ บหนว่ ยงานอ่นื ๆ ท่ี เก่ียวข้องได้สะดวก 3. เพอ่ื ปรบั ปรุงระบบการปฏิบัติงานโดยลดขัน้ ตอนงานท่ีซา้ ซ้อน 4. เพ่อื ใหส้ ามารถรายงานผลไดอ้ ยางรวดเร็ว ถกู ต้อง และทันเหตกุ ารณ์ 5. เพื่อให้สามารถนาสารสนเทศและความรูม้ าใชใ้ นการบรหิ าร จัดการ การ ตัดสินใจ ผศ.ดร.ธที ตั ตรีศริ ิโชติ 4

เพอื่ ใหไ้ ดส้ ารสนเทศท่ตี ้องการ จงึ จาเป็นตอ้ งรู้บางส่ิงบางอย่างเก่ยี วกับสารสนเทศนน้ั สิง่ ที่ควรรู้ ไดแ้ ก่ 1. แหลง่ ที่อยู่ของสารสนเทศ กล่าวคือ หากเราต้องการรู้สารสนเทศอยา่ งหนึ่งเราควรรวู้ ่า สารสนเทศนนั้ มีอย่ทู ใี่ ด หรอื นา่ จะมอี ยู่ท่ใี ด เช่น ถ้าอยากรูว้ า่ ราคาซ้ือขายทองคาในวนั นี้ราคาเทา่ ไร แหล่ง ของสารสนเทศในกรณีนีไ้ ดแ้ กห่ นงั สอื พิมพ์ ข่าวทางโทรทัศน์ รา้ นขายทอง และอินเตอรเ์ นต็ 2. วิธีเข้าถึงแหล่งสารสนเทศ แหล่งสารสนเทศแต่ละแห่งยอ่ มมขี ้อจากัดในการเปดิ โอกาสให้ บุคคลเขา้ ไปใช้ เช่น มกี าหนดวนั เวลาบริการ กาหนดประเภทของบุคคลท่ีจะเขา้ ใช้ เป็นต้น เราควรรู้ รายละเอยี ดเหล่านกี้ ่อนเพอ่ื ป้องกนั อปุ สรรคและความไม่สะดวกท่จี ะเกดิ ขึ้น 3. ขอบข่ายเน้อื หาสาระของสารสนเทศ น่นั คือตอ้ งรวู้ า่ สารสนเทศทีม่ ีอย่นู นั้ มเี นอ้ื หาเกี่ยวกับ อะไร ให้รายละเอียดในลักษณะใด 4. วธิ คี น้ หาและ/หรือคน้ คืน (Retrieval) ผู้ใช้จะตอ้ งรู้วิธีการจดั เก็บสารสนเทศของแหล่ง สารสนเทศทจ่ี ะเขา้ ใช้ เชน่ รูว้ ิธกี ารเรียงเลขเรยี กหนงั สือ รู้วิธีใชบ้ ัตรรายการ วิธใี ช้ OPAC รู้วธิ ีค้นหา เรอ่ื งราวจากหนังสอื วารสาร ฐานข้อมูล รวู้ ธิ คี ้นจาก Internet เปน็ ต้น การจะใชส้ ารสนเทศใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุด นอกเหนอื จากจะต้องมคี วามร้ทู ้ัง 4 ประการ ดงั กล่าวมาแล้ว เราจะตอ้ งตระหนักถึงธรรมชาตขิ องสารสนเทศด้วยเสมอ ผศ.ดร.ธีทัต ตรศี ิริโชติ 5

องค์ประกอบของระบบสารสนเทศทท่ี าให้การจัดการข้อมูลมปี ระสิทธิภาพ และไดส้ ารสนเทศท่ี นามาใชป้ ระโยชนไ์ ด้ มีดงั น้ี 1. ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถึง เครือ่ งมือหรืออุปกรณ์ตา่ ง ๆ ทใ่ี ชง้ านในระบบสารสนเทศ เชน่ อปุ กรณส์ านักงาน และเครื่องมืออเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ตา่ ง ๆ โดยฮารด์ แวร์ทส่ี าคัญที่สดุ ในระบบสารสนเทศ คือ เครือ่ งคอมพิวเตอร์ ฮารด์ แวร์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถแบ่งได้ตามหน่วยการทางาน ดงั นี้ หน่วยรับข้อมลู (Input Unit) เป็นฮารด์ แวร์ทที่ าหนา้ ทใี่ นหน่วยรบั ข้อมูล เรยี กวา่ อุปกรณร์ ับขอ้ มูล (Input Devices) ไดแ้ ก่ แป้นพิมพ์ (Keyboard) เมาส์ (Mouse) กลอ้ งดิจทิ ลั (Digital Camera) สแกนเนอร์ (Scanner) และไมโครโฟน (Microphone) หนว่ ยประมวลผลกลางหรือซพี ียู (CPU : Central Processing Unit) มลี กั ษณะเปน็ วงจรอเิ ล็กทรอนกิ สห์ รือชปิ (Chip) ภายในประกอบด้วยทรานซสิ เตอร์ (Transistor) และอปุ กรณ์อน่ื ๆ รวมอยดู่ ว้ ยกันจานวนมากภายในคอมพวิ เตอร์ หนว่ ยความจา (Memory Unit) เปน็ หนว่ ยท่ที างานในเครอื่ งคอมพิวเตอรด์ ว้ ย ความเรว็ มากทีส่ ุด มหี ลายแบบทัง้ แบบที่ติดต้งั ในเครอื่ งคอมพวิ เตอร์และแบบพกพาหนว่ ยความจาแบง่ ตามลักษณะการทางานเป็น 2 ประเภท ได้แก่ หน่วยแสดงผล (Output Unit) ทาหนา้ ทีแ่ สดงผลท่ีไดจ้ าก การประมวลผลขอ้ มลู ไดแ้ ก่ เครื่องพมิ พ์ และจอภาพ ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ 6

2. ซอฟตแ์ วร์ (Software) หรอื โปรแกรม คอื ชุดคาสั่งทีเ่ รยี งเป็นลาดบั ขน้ั ตอนเพื่อสัง่ ให้ คอมพิวเตอร์ทางานและประมวลผลข้อมลู ให้ได้สารสนเทศทตี่ ้องการ ปจั จุบันซอฟตแ์ วรท์ ี่ ใชใ้ นการทางานระดบั บุคคล ระดับกล่มุ และระดับองค์การ มี 2 ประเภท ดังน้ี 1) ซอฟต์แวร์ระบบ ทาหนา้ ทีค่ วบคมุ การทางานของคอมพิวเตอร์ ต้ังแต่การรับ ขอ้ มลู การประมวลผลขอ้ มลู การจดั เกบ็ ขอ้ มูล และการแสดงผลขอ้ มลู ซอฟต์แวร์ระบบ ประกอบดว้ ย ระบบปฏิบตั กิ ารและตัวแปรภาษา เช่น Microsoft Windows, Macintosh, Linux, Open Solaris, Chrome OS 2) ซอฟต์แวรป์ ระยกุ ต์ ทาหนา้ ท่ีอานวยความสะดวกในการทางานให้แกผ่ ู้ใช้งาน ระดบั บุคคลอยา่ งกว้างขวาง และสง่ เสริมการทางานกลุ่มใหม้ ปี ระสิทธภิ าพ สาหรบั ในระดบั องคก์ าร มักจะมกี ารพัฒนาซอฟต์แวร์ให้เหมาะสมกบั ลกั ษณะงานของแต่ละองคก์ าร โดย นักเขยี นโปรแกรมในฝ่ายคอมพิวเตอร์ขององคก์ ารนน้ั ๆ ผศ.ดร.ธที ตั ตรีศิริโชติ 7

3. บคุ ลากร คือบุคคลท่ใี ช้งาน จดั การ และควบคมุ ระบบสารสนเทศ ซง่ึ หากบคุ ลากรมคี วามรู้ ความสามารถในการใชฮ้ าร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และปฏบิ ตั ิงานตามขน้ั ตอนทถ่ี กู ตอ้ ง สง่ ผลใหร้ ะบบ สารสนเทศทางานไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพและได้ผลงานทม่ี คี ณุ ภาพ บคุ คลทเี่ ก่ยี วข้องในการจัดการระบบ สารสนเทศ มีดังน้ี 1) นกั วิเคราะหร์ ะบบ (System Analyst) คอื ผู้ทาหนา้ ทวี่ ิเคราะหร์ ะบบการทางานของเครอ่ื ง คอมพวิ เตอรห์ รอื ระบบสารสนเทศที่ตอ้ งการ โดยศกึ ษาปญั หาทีเ่ คยเกิดขน้ึ ในระบบสารสนเทศ ตลอดจน หาแนวทางในการแกไ้ ขและปรับปรุงระบบสารสนเทศให้มปี ระสิทธภิ าพมากข้ึน โดยนกั วิเคราะหร์ ะบบ แบ่งเป็น 2 ประเภท ดงั นี้ 1.1 นักวิเคราะห์ระบบทีเ่ ป็นบคุ ลากรภายในองค์การ (Staff employee within the organization) 1.2 นักวเิ คราะห์ระบบท่ีเปน็ ทป่ี รกึ ษาจากภายนอก (Outside or external consultant) 2) โปรแกรมเมอร์ (Programmer) คอื ผ้ทู ี่ทาหนา้ ทรี่ บั ระบบสารสนเทศจากนกั วเิ คราะห์ระบบท่ไี ด้ จัดทาไว้มาเขียนหรอื สร้างใหเ้ ปน็ โปรแกรม เพือ่ สงั่ งานเครอื่ งคอมพวิ เตอรใ์ ห้ทาหนา้ ทไ่ี ดผ้ ลลัพธต์ ามท่ี ออกแบบมา 3) เจา้ หนา้ ท่ีฝา่ ยปฏิบตั ิงานเครอ่ื ง (Operator) คอื ฝ่ายทที่ าหนา้ ทตี่ ิดต้ังโปรแกรมคอมพวิ เตอรล์ ง ในเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ เพ่ือใหเ้ ครื่องคอมพิวเตอรส์ ามารถใชง้ านไดต้ รงตามความต้องการอย่างมี ประสทิ ธิภาพ 4) ผใู้ ช้ (User) เป็นผูใ้ ชง้ านระบบสารสนเทศโดยตรง ผู้ใชร้ ะบบสารสนเทศทดี่ ีจะต้องมีความรู้ เกี่ยวกบั การใช้เครอื่ งคอมพวิ เตอร์และซอฟต์แวรท์ ใี่ ช้ ผศ.ดร.ธีทตั ตรศี ิริโชติ 8

4. ขอ้ มูล คือ องคป์ ระกอบทชี่ ี้วัดความสาเรจ็ หรอื ความล้มเหลวของระบบสารสนเทศ ขอ้ มูลทดี่ ซี ่ึงเหมาะแกก่ ารนาไปใช้งานต้องเป็นขอ้ มลู ท่ถี ูกตอ้ ง ทันสมัย และมีความ น่าเชอื่ ถือ โดยผ่านกระบวนการกลน่ั กรองและตรวจสอบแล้ว นอกจากน้รี ะบบต้องมกี าร จัดเก็บข้อมลู ให้เปน็ ระเบียบเพ่อื ความสะดวกต่อการค้นหา 5. ขั้นตอนการปฏิบตั ิงาน คือ ระเบียบ วธิ กี ารปฏบิ ัติงาน ลาดบั ข้นั ตอนในการปฏบิ ตั งิ าน หรอื กระบวนการในการจดั การข้อมลู ใหเ้ ป็นสารสนเทศทส่ี ามารถนาไปใช้ประโยชนไ์ ด้ ไดแ้ ก่ - การรวบรวมขอ้ มลู - ตรวจสอบขอ้ มูล - ประมวลผลข้อมูล - จดั เกบ็ และดูแลรักษาข้อมูล ผศ.ดร.ธที ตั ตรีศริ ิโชติ 9

1. ระบบสารสนเทศระดับบุคคล คอื ระบบขอ้ มลู ท่เี สรมิ ประสิทธิภาพและเพิม่ ผลงานใหบ้ ุคลากรในแตล่ ะคนในองคก์ าร ระบบสารสนเทศระดบั บคุ คลนมี้ แี นวทางในการ ประยกุ ต์ทชี่ ว่ ยใหก้ ารทางานในหน้าที่รบั ผิดชอบและสว่ นตวั ของผู้น้ัน มคี ณุ ภาพและ ประสิทธภิ าพปจั จบุ นั คอมพิวเตอร์ส่วนบคุ คลมขี นาดเล็กลงราคาถูกความสามารถในการ ประมวลผลดว้ ย ความเร็วสูงขนึ้ ประกอบกับมีโปรแกรมสาเรจ็ ที่ทาให้ผู้ใชส้ ามารถใชง้ านได้ งา่ ย กวา้ งขวางและและคมุ้ ค่ามากขึ้น โปรแกรมสาเร็จในปจั จุบนั เร่มิ มคี วามลงตวั และมกี าร รวบรวมไว้เป็นชดุ โปรแกรม เชน่ โปรแกรมประมวลคา (Word Processing) ท่ชี ว่ ยในการ พมิ พเ์ อกสาร ผศ.ดร.ธีทตั ตรศี ริ ิโชติ 10

2. ระบบสารสนเทศระดับกลมุ่ คอื ระบบสารสนเทศทช่ี ่วยเสรมิ การทางานของ กล่มุ บุคคลทม่ี เี ป้าหมายการทางานรว่ มกัน ใหม้ ีประสทิ ธภิ าพมากขึ้น ตวั อย่างของการใช้ ระบบสารสนเทศเพ่อื สนับสนุนงานของแผนก คาว่า การทางานเปน็ กลุม่ (Workgroup) ใน ทีน่ ้ีหมายถึง กลุม่ บุคคลจานวน ๒ คนขึ้นไปทร่ี ่วมกันทางานเพ่ือให้บรรลุเป้าหมายเดยี วกนั โดยท่วั ไป บคุ ลากรในกลุม่ เดยี วกันจะรจู้ ักกันและกันและทางานเคียงบา่ เคียงไหล่เป้าหมาย หลกั ของการทางานเปน็ กลุม่ คือการเตรยี มสภาวะแวดลอ้ มท่จี ะเอือ้ อานวยประโยชนใ์ น การทางานรว่ มกนั เป็นกลุ่มไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพและชว่ ยเหลือเก้อื กูลซ่งึ กนั และกนั โดย ทาให้เปา้ หมายของธรุ กิจดาเนินไปไดอ้ ย่างมีประสิทธผิ ล ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศิรโิ ชติ 11

3. ระบบสารสนเทศระดบั องคก์ าร คือ ระบบสารสนเทศที่สนับสนุนงานของ องค์การในภาพรวมระบบในลักษณะ น้ีจะเกยี่ วข้องกบั การปฏบิ ัติงานรว่ มกันของหลาย แผนกโดยการใชข้ ้อมูลทีเ่ กี่ยวข้องและส่งผ่านถงึ กนั จากแผนก หนึง่ ขา้ มไปอกี แผนกหนง่ึ ได้ ระบบสารสนเทศดังกล่าวนี้จงึ สามารถสนบั สนนุ งานการใชข้ ้อมลู เพอื่ การบรหิ าร งานใน ระดับผู้ปฏิบัตกิ ารและสนับสนนุ งานการบรหิ ารและจดั การในระดบั ที่สูงข้นึ ได้ดว้ ยเนอ่ื งจาก สามารถ ใหข้ อ้ มลู จากแผนกต่าง ๆ ทเ่ี ก่ยี วข้องมาประกอบการตัดสินใจ โดยอาจนาข้อมลู มาแสดงในรปู แบบสรปุ หรอื ในแบบฟอร์มทตี่ ้องการไดบ้ ่อยครง้ั ทีก่ ารบริหารงานในระดับสูง จาเป็นต้องใชข้ อ้ มลู ร่วมกนั จากหลายแผนก เพ่ือประกอบการตัดสินใจ ระบบการ ประสานงานเพอื่ การสรา้ งรายได้ให้กบั ธรุ กิจการค้า ผศ.ดร.ธที ตั ตรีศริ ิโชติ 12

ระบบสารสนเทศของหน่วยงานย่อย(Departmental IS) เป็นระบบสารสนเทศที่ออกแบบมาสาหรับหน่วยงานใดหน่วยงานหน่งึ ของ องค์การ โดยแตล่ ะหน่วยอาจมีโปรแกรมประยุกต์ใช้งานในงานใดงานหนง่ึ ของตน โดยเฉพาะ เช่น ฝา่ ยบุคลากรอาจมีโปรแกรมสาหรบั คัดเลอื กบคุ คลหรือติดตามผลการ โยกย้ายงานของเจ้าหน้าทใี่ นหนว่ ยงานซง่ึ โปรแกรมทงั้ หมดของระบบอาจเรียกวา่ Human resources information system ระบบสารสนเทศขององค์การ(Enterprise IS) ระบบสารสนเทศของหนว่ ยงานี่มกี ารเชอื่ มโยงกับหน่วยงานอนื่ ทง้ั หมดภายใน องคก์ าร หรืออกี นยั หน่ึงกค็ อื องค์การนั้นมีระบบสารสนเทศท่เี ชื่อมโยงท้งั องคก์ าร ผศ.ดร.ธีทัต ตรศี ริ ิโชติ 13

ระบบสารสนเทศระหวา่ งองค์การ(Interorganizational IS) เปน็ ระบบสารสนเทศที่เช่ือมโยงกบั องค์การอน่ื ๆ ภายนอกต้งั แต่ 2 องคก์ ารขนึ้ ไป เพื่อช่วยให้การตดิ ต่อสอื่ สารหรอื การประสานงานรว่ มมือมปี ระสิทธิภาพมากขึ้น ตลอด จนถงึ ใชเ้ พื่อการวางแผน ออกแบบ พัฒนา การผลติ และการสง่ สินคา้ และบรกิ าร ปจั จุบัน สารสนเทศระหวา่ งองค์การน้มี ขี อบข่ายเชื่อมโยงเปน็ GIS เชน่ ระบบการจองต๋ัวเคร่ืองบิน ผศ.ดร.ธีทัต ตรศี ริ โิ ชติ 14

ระบบสารสนเทศทางธรุ กจิ (business information systems) เป็นระบบสารสนเทศที่ ถูกพัฒนาขน้ึ เพอื่ สนับสนุนใหก้ ารดาเนนิ งานของธุรกจิ ให้ดาเนนิ การอย่างเป็นระบบ โดยถกู ออกแบบและพัฒนาใหป้ ฏบิ ตั ิงานตามหน้าท่ีทางธุรกจิ ตลอดจนชว่ ยสง่ เสรมิ ให้ท้ังองค์การ สามารถประสานงานและใช้ขอ้ มูลรว่ มกนั อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพท้ังในระดับปฏิบตั ิงานและระดบั บริหาร โดยเราสามารถจาแนกระบบสารสนเทศตามหนา้ ทที่ างธรุ กจิ ตามหนา้ ท่ดี งั ตอ่ ไปนี้ 1. ระบบสารสนเทศด้านการบัญชี (accounting information system) 2. ระบบสารสนเทศด้านการเงิน (financial information system) 3. ระบบสารสนเทศดา้ นการตลาด (marketing information system) 4. ระบบสารสนเทศดา้ นการผลิตและการดาเนนิ งาน (production and operations information system) 5. ระบบสารสนเทศด้านทรพั ยากรบุคคล (human resource information system) ผศ.ดร.ธีทัต ตรศี ิริโชติ 15

ปจั จุบนั งานของนกั บญั ชีมีการเปล่ยี นแปลงจากเดมิ อย่างมาก เนอ่ื งจากเทคโนโลยี สารสนเทศทท่ี ันสมยั ทาให้มกี ารพัฒนาชดุ คาสั่งสาเร็จรูปหรือชดุ คาสั่ง เฉพาะสาหรับช่วย ในการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูล ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาและเพมิ่ ความถูกต้องใน การทางานแก่ผใู้ ช้ ทาให้นักบญั ชีมเี วลาในการปฏิบัตงิ านเชงิ บรหิ ารมากข้ึน เช่น การ ออกแบบและพฒั นาระบบงาน พฒั นาระบบงบประมาณและระบบข้อมลู สาหรับผู้บรหิ าร เป็นตน้ โดยท่ีระบบสารสนเทศด้านการบญั ชี (Accounting information systems) หรือ ท่เี รยี กวา่ AIS จะเปน็ ระบบทร่ี วบรวม จดั ระบบ และนาเสนอสารสนเทศทางการบญั ชที ี่ ชว่ ยในการตดั สินใจแกผ่ ู้ใชส้ ารสนเทศท้ังภายในและภายนอกองคก์ าร โดยระบบ สารสนเทศทางการบญั ชจี ะใหค้ วามสาคญั กับสารสนเทศทสี่ ามารถวดั ได้ หรอื การ ประมวลผล เชิงปรมิ าณมากกว่าการแกป้ ญั หาเชงิ คุณภาพ โดยระบบสารสนเทศดา้ นการ บญั ชจี ะมสี ว่ นประกอบหลกั 2 ส่วนคือ ผศ.ดร.ธีทตั ตรศี ิรโิ ชติ 16

1. ระบบบญั ชีการเงิน (financial accounting system) บัญชกี ารเงินเปน็ การ บนั ทึกรายการคาทเ่ี กิดขนึ้ ในรูปตัวเงิน จดั หมวดหม่รู ายการตา่ ง ๆ สรปุ ผลและตคี วามหมายในงบ การเงิน ได้แก่ งบกาไรขาดทนุ งบดลุ และงบกระแสเงนิ สด โดยมวี ัตถปุ ระสงคห์ ลกั คอื นาเสนอ สารสนเทศแก่ผใู้ ชแ้ ละผู้ทส่ี นใจขอ้ มูลทางการเงินขององค์การ เชน่ นกั ลงทุนและเจ้าหน้ี นอกจากนย้ี งั จัดเตรียมสารสนเทศในการตัดสนิ ใจของผู้บรหิ าร ซ่งึ นักบัญชีสามารถนาเทคโนโลยี สารสนเทศใชใ้ นการประมวลข้อมลู โดยจดบนั ทกึ ลงในส่อื ต่าง ๆ เชน่ เทปหรือจานแม่เหล็ก เพือ่ รอเวลาสาหรบั ทาการประมวลและแสดงผลข้อมลู ตามตอ้ งการ 2. ระบบบัญชีบรหิ าร (managerial accounting system) บญั ชบี รหิ ารเปน็ การ นาเสนอขอ้ มลู ทางการเงินแก่ผู้บริหาร เพอ่ื ใชใ้ นการตดั สินใจทางธรุ กิจ ระบบบญั ชจี ะประกอบดว้ ย บญั ชตี น้ ทุน การงบประมาณ และการศกึ ษาระบบ โดยมลี ักษณะสาคญั คอื * ให้ความสาคัญกบั การจดั การสารสนเทศทางการบญั ชแี กผ่ ูใ้ ช้ภายในองคก์ าร * ให้ความสาคัญกบั การดาเนินงานในอนาคตของธุรกจิ * ไมต่ ้องจัดทาสารสนเทศตามหลักการบัญชที ่รี ับรองทว่ั ไป * มขี อ้ มลู ทัง้ ทีเ่ ปน็ ตัวเงินและไม่เปน็ ตวั เงิน * มคี วามยืดหยุน่ และสามารถปรับใหส้ อดคลอ้ งกับความต้องการใช้งาน ผศ.ดร.ธีทัต ตรศี ิรโิ ชติ 17

ระบบการเงนิ (financial system) เปรียบเสมอื นระบบหมุนเวยี นโลหิตของ รา่ งกายทส่ี บู ฉดี โลหติ ไปยังอวยั วะตา่ ง ๆ เพ่อื ให้การทางานของอวยั วะแตล่ ะสว่ นเปน็ ปกติ ถ้าระบบหมนุ เวยี นโลหติ ไมด่ ี การทางานของอวยั วะกบ็ กพร่อง ซึ่งจะสง่ ผลกระทบโดยตรง ตอ่ ระบบรา่ งกาย ระบบการเงินจะเกยี่ วกับสภาพคล่อง (liquidity) ในการดาเนินงาน เก่ียวข้องกบั การจัดการเงนิ สดหมนุ เวียน ถ้าธุรกิจขาดเงนิ ทนุ อาจก่อใหเ้ กิดปญั หาขึน้ ท้งั โดยตรงและทางออ้ ม โดยทีก่ ารจัดการทางการเงนิ จะมีหน้าท่ีสาคญั 3 ประการ ดังต่อไปนี้ ผศ.ดร.ธีทตั ตรศี ิรโิ ชติ 18

1. การพยากรณ์ (forecast) การศึกษา วิเคราะห์ การคาดกราณ์ การกาหนดทางเลือก และการวางแผนทางดา้ นการเงินของธุรกจิ เพือ่ ใชท้ รพั ยากรทางการเงินใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุด โดยนักการเงนิ สามารถใชห้ ลกั การทางสถติ ิและแบบจาลองทาง คณติ ศาสตรม์ าประยุกต์ การ พยากรณ์ทางการเงิน จะอาศยั ข้อมลู จากท้งั ภายในและภายนอกองค์การ ตลอดจนประสบกราณ์ ของผ้บู รหิ ารในการตัดสินใจ 2. การจดั การด้านการเงิน (financial management) เกี่ยวข้องกบั เรื่องการบรหิ ารเงิน ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สดุ เชน่ รายรับและรายจ่าย การหาแหลง่ เงินทนุ จากภายนอก เพ่ือทจ่ี ะเพม่ิ ทนุ ขององค์การ โดยวธิ ีการทางการเงิน เช่น การกูย้ ืม การออกห้นุ หรอื ตราสารทางการเงินอน่ื เปน็ ต้น 3. การควบคุมทางการเงนิ (financial control) เพือ่ ติดตามผล ตรวจสอบ และ ประเมนิ ตวามเหมาะสมในการดาเนินงานวา่ เป็นไปตามแผนทก่ี าหนดหรือไม่ ตลอดจนวางแนว ทางแก้ไขหรือปรับปรุงใหก้ ารดาเนินงานทางการเงนิ ของธุรกจิ มปี ระสิทธภิ าพ โดยทกี่ ารตรวจสอบ และการควบคุมการทางการเงินของธรุ กจิ สามารถจาแนกออกเปน็ 2 ประเภทดังตอ่ ไปน้ี * การควบคุมภายใน (internal control) * การควบคมุ ภายนอก (external control) ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศริ ิโชติ 19

การตลาด (marketing) เป็นหนา้ ท่สี าคัญทางธรุ กจิ เนือ่ งจากหนว่ ยงานด้าน การตลาดจะรบั ผดิ ชอบในการกระจายสินคา้ และบริการไปสู่ลูกค้า ต้งั แต่การศกึ ษา และ วิเคราะห์ความตอ้ งการ การวางแผนและการสรา้ งความตอ้ งการ ตลอดจนส่งเสรมิ การขาย จนกระท้งั สนิ ค้าถงึ มอื ลูกคา้ ปกติการตัดสินใจทางการตลาดจะเกย่ี วข้องกับการจดั สว่ น ประสมทางการตลาด (marketing mix) หรอื ส่วนประกอบที่ทาให้การดาเนินงานทาง การตลาดประสบความสาเรจ็ ซงึ่ ประกอบด้วยปจั จยั หลัก 4 ประการ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ (product) ราคา (price) สถานที่ (place) และการโฆษณา (promotion) หรอื ทีเ่ รียกวา่ 4Ps โดยสารสนเทศทีน่ ักการตลาดตอ้ งการในการวเิ คราะห์ วางแผน ตรวจสอบ และ ควบคมุ ใหแ้ ผนการตลาดเปน็ ไปตามทต่ี อ้ งการมาจากแหลง่ ขอ้ มลู ดังต่อไปน้ี ผศ.ดร.ธที ตั ตรศี ริ ิโชติ 20

1. การปฏิบตั ิงาน (operations) เปน็ ข้อมลู ท่ีแสดงถึงยอดขายและการ ดาเนนิ งานด้านการตลาด ตลอดชว่ งระยะเวลาที่ผ่านมา โดยข้อมูลการปฏิบัติงานจะเป็น ข้อเท็จจรงิ ทีเ่ กดิ ข้ึนจากการดาเนินงานท่ีชว่ ยในการตรวจสอบ ควบคมุ และวางแนวทาง ปฏบิ ัติให้มปี ระสิทธิภาพสงู ขึน้ ในอนาคต 2. การวิจัยตลาด (marketing research) เปน็ ข้อมูลท่ไี ด้จากการศกึ ษาและ วิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาด โดยเฉพาะพฤตกิ รรมและความสัมพนั ธข์ องผบู้ รโิ ภคทมี่ ีต่อ ผลติ ภัณฑ์หรือบริการของธรุ กจิ โดยนกั การตลาดจะทาการวิจัยบนสมมตฐิ านและการเก็บ ข้อมลู จากกล่มุ ตวั อยา่ ง ปกตขิ ้อมลู ในการวจิ ยั ตลาดจะได้มาจากการรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิ เชน่ การสงั เกต การสมั ภาษณ์ และการใชแ้ บบสอบถาม การวจิ ยั ตลาดช่วยผู้บรหิ ารในการ วางแผนและการตดั สนิ ใจทางการตลาด แตอ่ าจมขี ้อจากัดของความถูกตอ้ งและความ น่าเช่อื ถอื ในการอธบิ ายพฤตกิ รรมของกลุ่มเปา้ หมาย ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ 21

3. คู่แขง่ (competitor) คากลา่ วท่วี า่ “ร้เู ขารู้เรา รอบร้อยครัง้ ชนะทัง้ ร้อยคร้ัง” แสดงความสาคัญทีธ่ ุรกจิ ตอ้ งมีความเขา้ ใจในคแู่ ขง่ ขันท้งั ด้านจานวนและศกั ยภาพ โดย ข้อมลู จากการดาเนนิ งาน ของค่แู ข่งขันช่วยให้ธรุ กจิ สามารถวางแผนการตลาดอยา่ ง เหมาะสม ปกตขิ อ้ มลู จากคแู่ ขง่ ขันจะมีลกั ษณะไม่มโี ครงสร้าง ไม่เป็นทางการ และมแี หลง่ ทมี่ ีไม่ชดั เจน เชน่ การทดลองใชส้ นิ ค้าหรอื บริการ การสัมภาษณล์ กู คา้ และตวั แทนจาหนา่ ย การติดตามข้อมลู ในตลาด และข้อมลู จากสื่อสารมวลชน เปน็ ตน้ 4. กลยทุ ธ์ขององคก์ าร (corporate strategy) เป็นข้อมลู สาคญั ทางการตลาด เนือ่ งจากกลยทุ ธจ์ ะเป็นเคร่อื งกาหนดแนวทางปฏบิ ัตขิ องธรุ กิจ และเป็นฐานในการกาหนด กลยุทธ์ทางการตลาดขององค์การ 5. ขอ้ มูลภายนอก (external data) การเปลย่ี นแปลงท่ีเกดิ ข้ึนทางเศรษฐกิจ การเมอื ง สังคม และเทคโนโลยี ซ่งึ จะสง่ ผลตอ่ โอกาสหรอื อุปสรรคของธรุ กจิ โดยทาให้ ความตอ้ งการของผบู้ ริโภคที่มตี ่อผลติ ภณั ฑห์ รือบริการของลูกคา้ ขยายหรือหดตัว ตลอดจน สร้างคู่แข่งขนั ใหมห่ รือ เปลยี่ นข้ันตอนและรูปแบบในการดาเนินงาน ผศ.ดร.ธที ัต ตรีศิรโิ ชติ 22

สารสนเทศด้านการตลาดอาจจะมคี วามแตกตา่ งกันตามประเภทของธุรกิจซึง่ เราสามารถ จาแนกระบบย่อยของระบบสารสนเทศด้านการตลาดได้ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ระบบสารสนเทศสาหรับการขาย สามารถแบ่งออกเปน็ ระบบย่อย 3 ระบบ ดงั ต่อไปน้ี 1. ระบบสารสนเทศสาหรับสนบั สนุนการขาย จะรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เพอ่ื สนับสนนุ การดาเนินงานของฝ่ายขาย เพ่ือใหก้ ารขายเปน็ ไปอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ซ่งึ ข้อมูลทร่ี ะบบ ตอ้ งการจะเกีย่ วกับผลิตภัณฑ์ท่ีจะทาการขาย รูปแบบ ราคา และการโฆษณาต่าง ๆ เพอื่ ดึงดูด ความสนใจของลกู คา้ นอกจากนีอ้ าจเก่ียวกบั ชอ่ งทางและ วธิ กี ารขายสินคา้ ผ่านตัวแทนจาหน่าย ในเร่อื งของความสัมพันธ์ระหว่างบรษิ ัทกบั ลูกค้า ตลอดจนคแู่ ข่งของผลิตภณั ฑ์ทีจ่ ะขายและ จาหน่ายสินคา้ คงคลงั ของบริษทั 2. ระบบสารสนเทศสาหรบั วเิ คราะหก์ ารขาย จะรวบรวมสารสนเทศใน เรือ่ งของกาไรหรอื ขาดทนุ ของผลิตภัณฑ์ ความสามารถของพนักงานขายสินคา้ ยอดขายของแต่ละ เขตการขาย รวมทง้ั แนวโน้มการเตบิ โตของสินค้า ซึง่ สามารถหาขอ้ มูลได้จากรายงานต่าง ๆ เชน่ รายงานการขาย รายงานของตน้ ทุนสนิ คา้ และวตั ถุดบิ เป็นต้น 3. ระบบสารสนเทศสาหรบั การวิเคราะห์ลกู คา้ จะช่วยในการวิเคราะห์ ลกู ค้าเพือ่ ให้ทราบถึงรปู แบบของการซอ้ื และประโยชน์ทล่ี กู ค้าจะไดร้ บั เพ่อื ทธ่ี ุรกจิ จะสามารถ ใหบ้ ริการลกู ค้าไดอ้ ย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ผศ.ดร.ธที ตั ตรศี ิรโิ ชติ 23

2. ระบบสารสนเทศสาหรบั การวจิ ัยตลาด สามารถแบ่งออกเปน็ ระบบยอ่ ยตาม หนา้ ทีไ่ ด้ 2 ระบบ ดังตอ่ ไปนี้ 1. ระบบสารสนเทศสาหรับการวิจัยลูกค้า การวิจยั ลูกคา้ จะตา่ งกบั การวิเคราะห์ลูกคา้ ตรงท่ีวา่ การวิจยั ลูกคา้ จะมขี อบเขต ของการใชส้ ารสนเทศกว้างกว่าการ วเิ คราะหล์ ูกค้า โดยการวจิ ัยลกู ค้าจะต้องการทราบสารสนเทศ ที่เก่ียวกบั ลูกค้าในดา้ น สถานะทางการเงนิ การดาเนนิ ธรุ กิจ ความพอใจ รสนยิ มและพฤตกิ รรมการบรโิ ภค 2. ระบบสารสนเทศสาหรับการวจิ ยั ตลาด การวจิ ยั ตลาดจะให้ ความสาคญั กบั การหาขนาดของตลาดของแตล่ ะผลติ ภัณฑ์ท่ีจะนาออกจาหนา่ ย ซึ่งอาจ ครอบคลุมทัง้ ในระยะส้ันและระยะยาว หลงั จากนั้นกจ็ ะกาหนดส่วนแบ่งตลาดของ ผลิตภณั ฑ์เพ่อื ทาการวางแผน กาหนดเปา้ หมาย กาหนดกลยทุ ธ์และวางแผนกลยุทธ์ สารสนเทศทีเ่ ปน็ ที่ตอ้ งการของการวจิ ยั ตลาดคอื สภาวะและแนวโนม้ ทาง เศรษฐกิจ ยอดขายในอดีตของอตุ สาหกรรมหรือผลิตภณั ฑ์ชนดิ เดียวกนั ในตลาด รวมท้ังสภาวะการ แข่งขนั ของผลติ ภณั ฑน์ ้ีด้วย ผศ.ดร.ธีทัต ตรศี ริ ิโชติ 24

2. ระบบสารสนเทศสาหรับการวจิ ยั ตลาด การวจิ ยั ตลาดจะให้ความสาคญั กบั การหาขนาดของตลาดของแตล่ ะผลติ ภัณฑ์ท่จี ะนาออกจาหน่าย ซง่ึ อาจครอบคลมุ ทง้ั ใน ระยะสน้ั และระยะยาว หลังจากน้นั ก็จะกาหนดสว่ นแบง่ ตลาดของผลติ ภณั ฑเ์ พอ่ื ทาการ วางแผน กาหนดเป้าหมาย กาหนดกลยทุ ธแ์ ละวางแผนกลยทุ ธ์ สารสนเทศทเี่ ปน็ ท่ีต้องการ ของการวจิ ัยตลาดคือสภาวะและแนวโน้มทาง เศรษฐกจิ ยอดขายในอดีตของอุตสาหกรรม หรอื ผลิตภณั ฑช์ นดิ เดยี วกนั ในตลาด รวมทง้ั สภาวะการแข่งขันของผลติ ภัณฑ์นดี้ ว้ ย 3. ระบบสารสนเทศสาหรบั การสง่ เสรมิ การขาย เป็นระบบท่ีให้ความสาคัญ กับแผนงานทางดา้ นการโฆษณาและสง่ เสรมิ การขาย โดยมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อส่งเสรมิ การ ขาย เพ่มิ ยอดขายสนิ คา้ และเพ่มิ สว่ นแบง่ การตลาดให้สงู ขน้ึ สารสนเทศทเี่ ปน็ ทีต่ ้องการ คือยอดขายของสนิ ค้าทกุ ชนิดในบริษัท เพอ่ื ใหร้ ู้วา่ สินค้าใดตอ้ งการแผนการสง่ เสริมการ ขาย และสารสนเทศทีเ่ กยี่ วกับผลกาไรหรือขาดทุนของสินคา้ แตล่ ะชนดิ เพอ่ื ให้ความสาคญั กบั สินค้าตวั ทีท่ ากาไร ผศ.ดร.ธที ัต ตรีศิริโชติ 25

4. ระบบสารสนเทศสาหรบั การพัฒนาผลิตภณั ฑแ์ ละบริการ เป็นระบบ สารสนเทศที่วิเคราะห์ถงึ ความเปน็ ไปได้ของผลติ ภณั ฑใ์ หม่ ๆ ลักษณะและความตอ้ งการ ของลกู คา้ ตอ่ ผลติ ภัณฑใ์ หม่ หรือผลิตภัณฑท์ ่ีเปน็ ทตี่ ้องการของลกู ค้าแตย่ งั ไมม่ ตี ลาด โดย สารสนเทศทเ่ี ปน็ ที่ตอ้ งการของระบบไดแ้ ก่ ยอดขายของผลิตภณั ฑป์ ระเภทเดียวกนั ในอดตี เพอื่ ใหท้ ราบถึงขนาดและลกั ษณะของตลาด และการประมาณการต้นทุน เพอื่ ตอบคาถาม ให้ได้วา่ สมควรทีจ่ ะออกผลติ ภัณฑใ์ หม่หรอื ไม่ 5. ระบบสารสนเทศสาหรบั พยากรณ์การขาย เปน็ ระบบทใ่ี ช้ในการวาง แผนการขาย แผนการทากาไรจากสินค้าหรือบริการในชว่ งเวลาใดเวลาหนง่ึ ของบรษิ ัท ซง่ึ จะสง่ ผลไปถงึ การวางแผนการผลติ การวางกาลงั คน และงบประมาณทจี่ ะใชเ้ ก่ยี วกับการ ขาย โดยสารสนเทศทเ่ี ปน็ ท่ีตอ้ งการคือ ยอดขายในอดีต สถานะของคแู่ ข่งขนั สภาวการณ์ ของตลาด และแผนการโฆษณา ผศ.ดร.ธีทัต ตรศี ริ ิโชติ 26

6. ระบบสารสนเทศสาหรบั การวางแผนกาไร เป็นระบบสารสนเทศท่ใี ห้ ความสาคัญกบั การวางแผนทากาไรทง้ั ในระยะสน้ั และระยะยาวของธุรกจิ โดยสารสนเทศ ทเี่ ป็นที่ตอ้ งการคอื สารสนเทศจากการวิจยั ตลาด ยอดขายในอดตี สารสนเทศของคแู่ ข่งขนั การพยากรณก์ ารขาย และการโฆษณา 7. ระบบสารสนเทศสาหรบั การกาหนดราคา การกาหนดราคาของสนิ ค้านบั ว่า เป็นจิตวทิ ยาอย่างหนง่ึ ทางการตลาด เพราะต้องคานึงถงึ ความตอ้ งการของลูกคา้ คูแ่ ขง่ ขัน กาลังซ้อื ของลูกค้า โดยปกติแล้วราคาสนิ คา้ จะตง้ั จากราคาต้นทนุ รวมกับรอ้ ยละของกาไรที่ ตอ้ งการ โดยสารสนเทศที่ต้องการได้แก่ ตวั เลขกาไรของผลติ ภัณฑ์ในอดีต เพ่อื ทาการ ปรบั ปรงุ ราคาให้ไดส้ ดั ส่วนของกาไรคงเดิม ในกรณที ีต่ น้ ทนุ มกี ารเปลย่ี นแปลง 8. ระบบสารสนเทศสาหรบั การควบคุมค่าใช้จ่าย บคุ คลทเี่ ปน็ ผู้ควบคมุ คา่ ใชจ้ า่ ยสามารถควบคุมไดโ้ ดยดูจากรายงานของผลการทากาไร กับค่าใช้จา่ ยทเี่ กิดขึน้ จรงิ หรือสาเหตขุ องการคลาดเคล่ือนของค่าใชจ้ ่าย คา่ ใชจ้ ่ายท่เี ก่ยี วกับการขายรวมถงึ ค่าใช้จา่ ย ตา่ ง ๆ เชน่ เงนิ เดือน ค่าโฆษณา คา่ ส่วนแบง่ การขาย เป็นต้น ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ 27

การผลติ (production) เปน็ กระบวนการแปรรูปทรพั ยากรการผลิต เชน่ วตั ถดุ บิ แรงงาน และ พลงั งาน ให้เปน็ ผลติ ภณั ฑท์ พี่ ร้อมในการจัดจาหนา่ ยแก่ลูกคา้ โดยผู้ผลิตตอ้ ง พยากรณ์ปริมาณของผลติ ภัณฑ์ทเ่ี หมาะสมกับความตอ้ งการของลกู ค้า โดยไมใ่ ห้มจี านวน มากหรอื น้อยจนเกินไป ตลอดจนควบคมุ คณุ ภาพของผลติ ภัณฑเ์ ปน็ ท่ตี ้องการของลกู ค้า โดยมีต้นทุนการผลติ ทเ่ี หมาะสม ปจั จบุ นั การขยายตวั ของธรุ กจิ จากการผลติ เขา้ สสู่ งั คม บริการ ทาให้มกี ารประยุกต์หลกั การของการจัดการผลิตกับงานดา้ นบรกิ าร ซ่งึ เราจะเรยี ก การผลิตในหนว่ ยบรกิ ารวา่ “การดาเนินงาน (operations)” โดยท่ีแหล่งขอ้ มูลในการผลิต และการดาเนนิ งานขององค์การมีดังตอ่ ไปน้ี ผศ.ดร.ธที ัต ตรศี ิรโิ ชติ 28

1. ข้อมลู การผลิต/การดาเนินงาน (production/operations data) เป็นข้อมลู จากกระบวนการผลิตหรอื การให้บรกิ าร ซึ่งจะแสดงภาพปัจจุบันของระบบการผลติ ของ ธุรกิจว่ามปี ระสทธิภาพมากนอ้ ยเพยี งใด และมีปญั หาอยา่ งไรในการดาเนินงาน ซง่ึ จะเปน็ ประโยชนต์ ่อการวางแผนในการแกป้ ัญหาและการพัฒนาประสิทธิภาพการดาเนินงานใน อนาคต 2. ข้อมูลสนิ ค้าคงคลัง (inventory data) บนั ทกึ ปรมิ าณวตั ถุดิบและสนิ คา้ สาเร็จรปู ที่เก็บไวใ้ นโกดัง โดยผูจ้ ดั การตอ้ งพยายามจัดให้มสี ินค้าคงคลงั ในปรมิ าณไมเ่ กิน ความจาเป็นหรอื ขาดแคลนเมือ่ เกิดความตอ้ งการข้ึน 3. ขอ้ มลู จากผขู้ ายวัตถดุ บิ (supplier data) เป็นข้อมลู เก่ยี วกับปรมิ าณ คุณสมบัติ และราคาวัตถดุ ิบ ตลอดจนชว่ งทางและตน้ ทุนในการลาเลยี งวัตถดุ บิ ปัจจบุ นั การพฒั นาระบบแลกเปลย่ี นข้อมลู อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (electronic data interchange) หรือท่ี เรียกว่า EDI ช่วยใหก้ ารประสานงานระหว่างผขู้ ายวัตถุดบิ ธรุ กจิ และลูกคา้ มปี ระสทิ ธภิ าพ มากขนึ้ ผศ.ดร.ธที ัต ตรศี ิริโชติ 29

4. ข้อมลู แรงงานและบคุ ลากร (labor force and personnel data) ขอ้ มลู เกยี่ วกับพนักงานในสายการผลิตและปฏบิ ัตกิ าร เช่น อายุ การศกึ ษา และประสบการณ์ เปน็ ตน้ ซง่ึ จะเปน็ ประโยชนใ์ นการจดั บุคลากรใหส้ อดคลอ้ งกับงาน ขณะท่ขี อ้ มลู ภายนอก เก่ียวกับตลาดแรงงานจะเปน็ ประโยชน์ในการวางแผนและจดั หาแรงงานทดแทน และการ กาหนดอัตราค่าจา้ งอย่างเหมาะสม 5. กลยทุ ธ์องค์การ (corporate strategy) แผนกลยุทธข์ ององคก์ ารจะเปน็ แม่บทและแนวทางในการกาหนดกลยทุ ธก์ ารผลติ แลการดาเนนิ งานให้มีประสทิ ธภิ าพ การประยุกตเ์ ทคโนโลยสี ารสนเทศในการดาเนินงานขององคก์ าร นอกจากจะ ส่งผลต่อการพฒั นาผลิตผล (productivity) ของธรุ กิจ โดยเฉพาะการปฏิบัติ ตัง้ แตก่ าร ตัดสินใจเก่ียวกับการออกแบบและการพัฒนาผลิตภัณฑห์ รอื บริการ การปรับปรุง กระบวนการผลิต การควบคุมสนิ คา้ คงคลัง การวางแผนคณุ ภาพ การเพมิ่ ผลผลติ และการ ควบคุมต้นทนุ ขององคก์ ารให้มีประสทิ ธิภาพข้ึน ทาใหร้ ะบบอุตสาหกรรมและระบบ เศรษฐกจิ โดยรวมเตบิ โตแล้ว ยังส่งผลตอ่ ความคล่องตัวในการปฏบิ ตั งิ านและการ จดั รปู แบบความสัมพันธท์ างสงั คมโดยทางตรงและทางออ้ ม ผศ.ดร.ธีทตั ตรศี ริ ิโชติ 30

การวางแผนความต้องการวัสดุ การบรหิ ารทรพั ยากรการผลิต โดยเฉพาะวัตถดุ บิ (raw materials) เป็นหัวใจสาคญั ของการจดั การด้านการดาเนนิ งานการผลิต ถ้าธุรกจิ มี ปริมาณวัตถดุ บิ มากเกนิ ไปจะทาให้คา่ ใชจ้ ่ายในการเกบ็ รักษาสูง แตถ่ า้ มีปรมิ าณวตั ถดุ ิบ น้อยเกินไปก็จะก่อให้เกดิ ผลกระทบตอ่ แผนและกระบวนการผลิต ตลอดจนก่อให้เกิดค่า เสยี โอกาสทางธรุ กิจ การวางแผนความตอ้ งการวัสดุ (material requirement planning) หรือท่ีเรียกวา่ MRP เป็นระบบสารสนเทศท่รี วบรวมข้อมูลเกยี่ วกบั ระบบการผลติ เพ่อื ประกอบการวางแผนความตอ้ งการวัสดเุ พ่อื ให้ธรุ กิจสามารถจัดการวัตถุดบิ อย่างมี ประสิทธิภาพ โดย MRP ใหค้ วามสาคญั กบั สง่ิ ต่อไปนี้ 1. ไม่เกบ็ วตั ถดุ บิ เพอื่ รอการใช้งานไวน้ านเกนิ ไป ซึ่งกอ่ ใหเ้ กดิ ค่าใชจ้ ่ายในการเกบ็ รักษาและความเสยี่ งในการสญู หายหรือสูญเสยี 2. รายงานผลการผลติ และความเสยี หายทเี่ กดิ ขึน้ ตามระยะเวลาทก่ี าหนด 3. ควบคุมสนิ ค้าคงคลงั อย่างเป็นระบบ 4. มกี ารตรวจสอบ แก้ไข และตดิ ตามผลข้อผดิ พลาดท่ีเกิดข้ึน ผศ.ดร.ธที ัต ตรศี ริ ิโชติ 31

โดยที่ MRP มบี ทบาทตอ่ ระบบการผลิตขององคก์ ารตั้งแต่การจัดหาวัสดุ เพ่อื ทา การผลติ โดยการกาหนดปริมาณและระยะเวลาในการส่ังทีป่ ระหยัดค่าใช้จ่าย ตลอดจน จดั เตรยี มรายละเอียดของการผลติ ในอนาคตซ่ึงเราสามารถสรุปวา่ MRP มขี ้อดีดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ลดการขาดแคลนวัตถุดิบทจี่ าเปน็ ในการผลติ 2. ลดค่าใช้จา่ ยในการเก็บรักษาวตั ถุดบิ และสนิ ค้าคงคลัง 3. ชว่ ยให้บุคลากรมีเวลาในการปฏบิ ตั ิงานอน่ื มากขน้ึ 4. ประหยดั แรงงาน เวลา และค่าใชจ้ ่ายในการตดิ ตามวตั ถดุ ิบ 5. ช่วยให้องคก์ ารสามารถปรบั ตวั อยา่ งรวดเรว็ ตามการเปลยี่ นแปลงท่ีเกดิ ข้ึน นอกจากระบบ MRP แล้ว ได้มผี ้พู ฒั นาเทคโนโลยีการผลติ และการดาเนินงาน เช่น การจัดการคุณภาพโดยรวม (total quality management) หรอื ท่เี รยี กวา่ TQM และการผลติ แบบทนั เวลาพอดี (just-in-time production) หรอื ท่ีเรียกว่า JIT เพ่อื ใหไ้ ด้ การผลติ ที่มปี ระสทิ ธภิ าพและประสิทธิผลสงู ขนึ้ ซึง่ ตา่ งตอ้ งอาศัยระบบสารสนเทศท่ีมี ประสิทธภิ าพ เก่ยี วข้องกับผ้ขู ายวตั ถดุ ิบ (supplier) และลกู คา้ ภายนอกองค์การ ตลอดจน บุคลากรตอ้ งมคี วามรู้และความสามารถใน การใชง้ านระบบสารสนเทศด้านการผลติ ของ องค์การอย่างเตม็ ท่ี ผศ.ดร.ธีทตั ตรศี ิริโชติ 32

ระบบสารสนเทศดา้ นทรัพยากรบุคคล (human resource information system) หรอื HRIS หรอื ระบบสานสนเทศสาหรับบรหิ ารงานบคุ คล (personnel information system) หรือ PIS เป็นระบบสารสนเทศท่ถี ูกพัฒนาใหส้ นับสนุนการดาเนินงานดา้ นทรพั ยากรบคุ คล ต้งั แต่ การวางแผน การจา้ งงาน การพัฒนาและการฝึกอบรม ค่าจ้างเงนิ เดือน การดาเนินการทางวนิ ัย ช่วยให้การบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คลเกิดประสทิ ธิภาพ โดยทีข่ อ้ มูลที่เก่ยี วข้องกับทรัพยากรบคุ คลจะ มีดังน้ี 1. ข้อมูลบุคลากร เปน็ ข้อมูลของสมาชิกแตล่ ะคนขององค์การ ซ่ึงประกอบด้วย ประวตั เิ งินเดอื นและ สวัสดกิ าร เปน็ ต้น 2. ผังองค์การ แสดงโครงสร้างองค์การ การจดั หน่วยงานและแผนกาลังคน ซ่ึงแสดง ทง้ั ปรมิ าณและการจดั สรรทรพั ยากรบุคคล 3. ข้อมูลจากภายนอก ระบบบรหิ ารทรัพยากรบคุ คลมิใชร่ ะบบปดิ ที่ควบคมุ และ ดูแลสมาชิกภายในองค์การเทา่ นั้น แตจ่ ะเกย่ี วข้องกับสภาพแวดลอ้ มทางเศรษฐกจิ สงั คม และ การเมือง ซึ่งตอ้ งการข้อมลู จากภายนอกองคก์ าร เชน่ การสารวจเงินเดอื น อัตราการวา่ งงาน อัตราเงนิ เฟอ้ เป็นต้น ผศ.ดร.ธีทตั ตรศี ิรโิ ชติ 33

การจัดการทรัพยากรบุคคลเปน็ งานสาคญั ทีม่ ิใช่เพยี งแตก่ ารปฏบิ ตั ิงาน ประจา วนั ที่เกีย่ วกับการควบคุมดูแลบคุ ลากรและค่าจ้างแรงงานเท่านั้น แต่ต้องเปน็ การ ดาเนินงานเชงิ รุก (proactive) การประยกุ ต์เทคโนโลยีสารสนเทศในการดาเนินงานช่วย ให้งานทรัพยากรบคุ คลมปี ระสิทธภิ าพข้ึน โดยท่กี ารพัฒนาระบบสารสนเทศดา้ นทรัพยากร บคุ คลต้องพจิ ารณาปัจจยั สาคัญ 5 ประการดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ความสามารถ (capability) หมายถงึ ความพรอ้ มขององค์การและบุคคล ในการประยุกตเ์ ทคโนโลยีสารสนเทศ โดยต้องพจิ ารณาความสามารถของบุคลากร 3 กลุ่ม คือ 1. ผบู้ รหิ ารระดบั สูงตอ้ งพร้อมท่จี ะสนับสนุนด้านนโยบาย กาลังคน กาลงั เงนิ และวัสดุอปุ กรณใ์ นการพฒั นาระบบสานสนเทศขององคก์ าร 2. ฝ่ายทรพั ยากรบคุ คลต้องมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และต่นื ตัวในการนา เทคโนโลยสี ารสนเทศมาประยุกต์ เพอื่ ใหก้ ารทางานในหน่วยงานมคี วามคลอ่ งตัวข้นึ 3. ฝ่ายสารสนเทศทตี่ อ้ งทาความเขา้ ใจและออกแบบระบบงานให้ สอดคล้องกบั ความต้องการของผู้ใช้ในแตล่ ะกลุ่ม ผศ.ดร.ธที ัต ตรีศริ โิ ชติ 34

2. การควบคมุ (control) การพัฒนา HRIS จะให้ความสาคญั กบั ความปลอดภัย ของสารสนเทศโดยเฉพาะการเขา้ ถงึ และความถูกต้องของขอ้ มูล เน่อื งจากขอ้ มลู ดา้ น ทรพั ยากรบุคคลจะเก่ยี วข้องกบั ความเปน็ สว่ นตัวของสมาชิกแตล่ ะคน ซึง่ จะมีผลต่อ ช่ือเสียงและผลได้-ผลเสยี ของบคุ คล จึงต้องมกี ารจัดระบบการเข้าถงึ และจดั การขอ้ มลู ท่ี รัดกุม โดยอนุญาตใหผ้ มู้ ีหนา้ ท่แี ละความรบั ผดิ ชอบในแตล่ ะหนว่ ยงานสามารถ เขา้ ถงึ และ ปรับปรงุ สารสนเทศในสว่ นงานของตนเทา่ นน้ั 3. ต้นทุน (cost) ปกติการดาเนินงานด้านทรัพยากรบคุ คลจะมตี ้นทุนทส่ี งู ขณะเดียวกันก็จะไม่เห็นผลตอบแทนท่ีชดั เจน ตัวอย่างเชน่ การเปลี่ยนแปลงขององคก์ าร ท้งั ในดา้ นการขยายตวั และหดตวั ซง่ึ จะมผี ลกระทบต่อบคุ ลากร ดังน้นั ฝ่ายบริหารและ ทรพั ยากรบุคคลสมควรมีขอ้ มลู ท่ีเหมาะสมในการตดั สนิ ใจ เป็นตน้ ขณะเดียวกนั การ ลงทนุ ในด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศจะมีคา่ ใช้จ่ายสงู ซึง่ ฝา่ ยบรหิ ารสมควรต้องพจิ ารณา ผลตอบแทนท่ีได้รบั จากการพฒั นาระบบว่าคุม้ คา่ กบั ต้นทนุ ที่ใชไ้ ปหรอื ไม่ ผศ.ดร.ธที ตั ตรีศริ โิ ชติ 35

4. การตดิ ต่อส่อื สาร (communication) หมายถงึ การพัฒนาระบบสารสนเทศ ตอ้ งศกึ ษาการไหลเวยี นของสารสนเทศ (information flow) ภายในองคก์ ารและ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งองค์การกบั สภาพแวดล้อมภายนอก ตลอดจนเตรียมการในการ ส่อื สารขอ้ มูล เพื่อใหผ้ ู้เก่ยี วข้องรับทราบ เกิดความเขา้ ใจและทัศนคตทิ ่ีดีกบั การนาระบบ สารสนเทศมาประยุกต์ใช้ 5. ความได้เปรยี บในการแขง่ ขัน (competitive advantage) ปจั จบุ นั การ พฒั นา HRIS ไม่เพยี งแต่ชว่ ยให้การดาเนนิ งานขององคก์ ารมปี ระสิทธิภาพข้นึ แต่ยงั มสี ว่ น สาคญั ในการสรา้ งศกั ยภาพและความไดเ้ ปรยี บในการแขง่ ขนั ให้แกธ่ รุ กจิ ปัจจบุ ันเราตา่ งยอมรับว่า คนเปน็ หัวใจสาคัญของธรุ กิจ แตท่ รัพยากรบคุ คล เป็นทรพั ยากรมีค่าใชจ้ ่ายสูงที่ธุรกจิ ตอ้ งรับภาระท้ังทางตรงและทางอ้อม เชน่ เงินเดือน สวัสดกิ าร และข้อมลู ผกู พนั ในสญั ญาจา้ งงาน HRIS เปน็ ระบบสารสนเทศทน่ี าเสนอขอ้ มูล การตัดสนิ ใจซง่ึ เกดิ ประโยชน์แก่องค์การและสมาชกิ แตล่ ะคน ซ่ึงจะช่วยใหผ้ ้บู ริหาร สามารถตัดสนิ ใจเก่ียวกบั งานดา้ นทรพั ยากรบคุ คลอยา่ งถกู ตอ้ งข้ึน ผศ.ดร.ธที ัต ตรศี ิริโชติ 36

ระบบสารสนเทศสามารถจาแนกตามลกั ษณะการดาเนินงานได้ดงั น้ี 1. ระบบสารสนเทศประมวลผลรายการธุรกรรม (TPS : Transaction Processing System) เปน็ ระบบสารสนเทศทเี่ กีย่ วกับการบันทกึ และประมวลผลข้อมูลที่ เกดิ จากการทาธุรกรรม หรอื การปฏิบตั งิ านประจา เชน่ การบันทึกรายการขายประจา รายการสง่ั ซ้อื สินค้า หรือวตั ถุดิบ การฝากถอนเงินจากธนาคาร เปน็ ตน้ 2. ระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการ (MIS : Management Information System) เปน็ การนาข้อมูลจากระบบสารสนเทศประมวลผลรายการธรุ กรรม มา ประมวลผล เพื่อนาไปใชใ้ นการควบคุมการทางาน หรอื ตดั สนิ ใจในระดับการปฏิบัตกิ าร เชน่ ราบงานตามระยะเวลาทก่ี าหนด รายงานสรุป รายงานเมอื่ มเี ง่ือนไขเฉพาะเกดิ ข้นึ รายงานความต้องการ เป็นต้น ผศ.ดร.ธที ตั ตรศี ิริโชติ 37

3. ระบบสารสนเทศเพื่อสนบั สนุนการตดั สินใจ (DSS : Decision Support System) เปน็ การรวบรวมขอ้ มลู จากทง้ั ภายในและภายนอกองค์การ เพ่อื นามาประมวลผล ใหไ้ ดส้ ารสนเทศทช่ี ่วยผู้บรหิ ารระดับสงู ในการตดั สนิ ใจเชงิ กลยุทธ์ เช่น การตดั สินใจสรา้ ง โรงงานผลิตแห่งใหม่ หรอื การตัดสนิ ใจเร่ืองการคิดโปรโมช่นั สนิ ค้า เป็นต้น 4. ระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนนุ การตัดสนิ ใจแบบกลุ่ม (GDSS : Group Decision Support System) เปน็ ระบบสารสนเทศท่ีสนบั สนุนการแลกเปลี่ยน กระตุ้น ระดมความคิด และแกไ้ ขปญั หาความขัดแย้งภายในกลุ่ม มกั ใช้ในการประชุมทางไกล การ ลงคะแนนเสยี ง เป็นตน้ 5. ระบบสารสนเทศทางภมู ศิ าสตร์ (GIS : Geographic Information System) เปน็ ระบบสารสนเทศทีท่ าการจกั เกบ็ ขอ้ มลู ทางภมู ิศาสตร์ แล้วนามาจดั แสดงในรปู ของ แผนท่ดี ิจทิ ลั ซึ่งระบทุ ่ีต้งั ทางภมู ิศาสตร์ เช่น นามาใชพ้ จิ ารณาการกระจายตวั ของ ประชาชน หรอื ทรพั ยากรทางธรรมชาตทิ างภมู ิศาสตร์ การตรวจสอบเส้นทางการคน้ สง่ สนิ คา้ เปน็ ตน้ ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศริ โิ ชติ 38

6. ระบบสารสนเทศสนบั สนุนการตดั สนิ ใจของผู้บริหารระดับสงู (EIS : Executive Information System) เปน็ ระบบสารสนเทศท่ีชว่ ยสนับสนนุ การวเิ คราะห์ ปัญหา ศกึ ษาแนวโนม้ ในเร่อื งทีส่ นใจ ส่วนใหญ่จะนาเสนอสารสนเทศในรปู แบบรายงาน ตาราง กราฟ เพื่อสรุปสารสนเทศใหผ้ ูบ้ ริหารเข้าใจไดง้ า่ ย 7. ปัญญาประดษิ ฐ์ (AI : Artificial Intelligence) คอื การพฒั นาระบบ คอมพวิ เตอรใ์ ห้มพี ฤติกรรมเหมอื นมนษุ ย์ โดยเฉพาะความสามารถในการเรียนรู้ และ ความสามารถทางประสาทสัมผัส ซ่งึ เรียนแบบการเรยี นรู้ และการตดั สนิ ใจของมนุษย์ 8. ระบบสารสนเทศสานักงาน (OIS : Office Information System) เป็นระบบ สารสนเทศทน่ี าเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ เพอื่ ชว่ ยเพม่ิ ประสิทธภิ าพในการทางานของ ผปู้ ฏิบัตงิ านและผูบ้ ริหาร เช่น การจัดทาเอกสาร รายงาน จดหมาย ธรุ กิจ เปน็ ต้น ผศ.ดร.ธที ตั ตรีศิริโชติ 39

หน่วยงานและบรษิ ทั ทใี่ ชเ้ ทคโนโลยใี นการดาเนินงานทั้งในสว่ นที่เป็นงานหลัก และสว่ นที่เป็นงานสนับสนุนนั้น จาเป็นจะต้องมผี ูร้ ับผิดชอบต่อการพัฒนาและการใช้ เทคโนโลยี ผรู้ บั ผิดชอบนจี้ ะเป็น Chief Technology Officer หรอื CTO สว่ นหนว่ ยงานท่ี ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร เปน็ หลกั ผู้รบั ผดิ ชอบ น่าจะเปน็ Chief Information Officer หรอื CIO ไม่ว่าผรู้ บั ผิดชอบจะเปน็ CTO หรือ CIO หนา้ ทหี่ ลักควร จะมีดังนี้ ผศ.ดร.ธที ัต ตรศี ิริโชติ 40

1. การวางแผน การทางานใด ๆ ก็ตามจะประสบความสาเรจ็ ไดก้ ต็ อ่ เม่อื มแี ผนที่ เหมาะสมและ คานงึ ถงึ เรือ่ งต่าง ๆ ท่จี าเปน็ ครบถว้ น แผนที่จะตอ้ งพัฒนาข้ึน มหี ลายแผน เช่นแผนยทุ ธศาสตร์ อนั เป็นแผนหลกั ทพ่ี จิ ารณาในด้านกลยุทธทจ่ี ะช่วยใหห้ น่วยงาน ดาเนินการไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ และประสิทธผิ ล แผนระยะสัน้ หรอื แผนปฏิบตั ิงาน ประจาปี (หรืออีกนยั หนึง่ กค็ อื แผนงานตาม งบประมาณ) แผนการจดั การความเสย่ี ง เพ่อื พจิ ารณาว่าการดาเนินงานของหน่วยงานท่เี กย่ี วข้อง กบั เทคโนโลยีนัน้ มีอะไรบ้าง และควร จะดาเนินการอยา่ งไรในการแก้ปญั หาที่เกิดจากความเส่ียง นั้น แผนการชดั ซ้ือ อนั เป็น แผนงานท่เี ก่ยี วข้องกับการเลอื กนวัตกรรมมาใช้ในหนว่ ยงาน 2. การจัดสรรทรัพยากร ทาหน้าท่พี จิ ารณาอนมุ ัตโิ ครงการตา่ ง ๆ ทีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั เทคโนโลยตี ่าง ๆ ของ หนว่ ยงาน โดยดวู ่าโครงการน้ัน ๆ สอดคล้องกบั แผนยุทธศาสตร์ หรอื ไม่ มคี วามเหมาะสมและ เปน็ ไปได้หรอื ไม่ จะให้ประโยชนต์ อบแทนได้จริงหรอื ไม่ จากนั้นกจ็ ดั สรรทรัพยากรใหแ้ ก่ โครงการตา่ ง ๆ อยา่ งพอเพยี งทจี่ ะดาเนนิ การน้ัน ผศ.ดร.ธที ัต ตรศี ริ โิ ชติ 41

3. การพัฒนาบุคลากร การทห่ี น่วยงานจะสามารถพัฒนาและประยุกต์เทคโนโลยี หรือนวัตกรรมได้ อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพนนั้ จาเปน็ อยา่ งยิ่งที่จะต้องมีบุคลากรทมี่ ีความรู้และ ทกั ษะเป็นจานวนมากพอ ผ้บู ริหารเทคโนโลยจี ะต้องสารวจว่านวัตกรรมทจ่ี ะใช้นั้น จาเปน็ ตอ้ งใช้บคุ ลากรทมี่ ีความรแู้ ละ ทักษะทางดา้ นใดบา้ ง หากหนว่ ยงานไม่มีบคุ ลากร เชน่ น้มี ากพอ กจ็ ะตอ้ งวางแผนพัฒนาบคุ ลากร ใหพ้ อเพียงโดยอาจวา่ จา้ งมาเพิม่ หรอื อาจจะวา่ จา้ งเปน็ ท่ีปรกึ ษาแลว้ แตก่ รณี แต่ถา้ หากมบี คุ ลากรบ้างแล้ว แต่บคุ ลากรไม่ได้มี ประสบการณ์หรือมีความรู้ทางด้านท่ีตอ้ งการ ก็จะตอ้ งจดั ฝกึ อบรมให้บคุ ลากรมคี วามรู้ พอเพยี ง 4. การอานวยการ หมายถงึ การดูแลให้การปฏบิ ตั ิงานกบั เทคโนโลยเี ป็นไปอยา่ ง เรียบร้อยและมี ประสทิ ธผิ ล ผู้บริหารเทคโนโลยอี าจจะไม่ใชผ่ ู้ที่ลงไปปฏิบัติงานกบั นวัตกรรม หรอื อุปกรณต์ ่าง ๆ โดยตรง แต่เปน็ ผู้ที่ทาหนา้ ทก่ี ากับการปฏิบตั ิงานผา่ น ผ้บู ริหารอืน่ ๆ อย่างไรก็ตามผบู้ ริหาร เทคโนโลยีจะตอ้ งรว่ มพิจารณาแนวทางการ ปฏบิ ตั งิ านกับผู้บริหารอ่นื ๆ ใหแ้ น่ใจวา่ งานตา่ ง ๆ จะ เปน็ ไปตามแผนงาน และมกี าร ควบคมุ ใหก้ ารปฏบิ ตั งิ านเปน็ ไปอยา่ งเหมาะสม ผศ.ดร.ธีทตั ตรศี ิริโชติ 42

5. การจดั เก็บข้อมูล คอื การสั่งการใหม้ ีการจดั เกบ็ ข้อมลู เกี่ยวกบั การปฏบิ ัตงิ าน และผลท่ีเกดิ ข้ึน แล้ว นาขอ้ มูลมาพจิ ารณาวา่ การดาเนินงานนน้ั ให้ผลตามทคี่ าดการณ์ไว้ หรอื ไม่ หากพบว่าการปฏิบตั งิ านมปี ญั หา ก็ใหน้ ารายละเอียดมาพิจารณาหาทางแก้ไข แลว้ นาไปปรับปรงุ กระบวนการ ทางานเดิมให้ดีขนึ้ 6. การจัดการความรู้ คือการสนับสนนุ ให้บรษิ ัทสะสมจดั เกบ็ ความรแู้ ละ ประสบการณ์ทไ่ี ด้จากการ ดาเนินงานตา่ ง ๆ ทง้ั ท่ีเป็นงานประจาและงานโครงการ เพอื่ ให้ เกิดองคค์ วามรสู้ าหรบั นาไปใชใ้ นอนาคต 7. การจดั ทารายงาน ผบู้ ริหารเทคโนโลยียงั ไม่ใช่ผบู้ ริหารสูงสุดของบริษทั ดงั น้ัน จงึ ตอ้ งจัดทารายงานผลการปฏบิ ัติงานต่าง ๆ เกยี่ วกบั เทคโนโลยีเพ่อื นาเสนอตอ่ ผบู้ รหิ าร และผ้เู กี่ยวข้องเปน็ ระยะ ๆ ผศ.ดร.ธที ตั ตรศี ิรโิ ชติ 43

กรมส่งเสรมิ อตุ สาหกรรม (2561) กล่าววา่ วิถชี ีวติ ของเทคโนโลยีเรมิ่ มบี ทบาทต่อ ผู้คนมากขึ้นเร่อื ย ๆ ด้วยความกา้ วหนา้ รวดเรว็ และเทย่ี งตรง ทาใหเ้ ทคโนโลยีที่มี หลากหลาย เริ่มเป็นท่นี ่าจบั ตามมองที่จะพลิกโฉมอตุ สาหกรรมและธรุ กจิ ในอนาคต ผลการ สารวจผลจาก Tech Breakthroughs Megatrend ซง่ึ ทาการสารวจรูปแบบเทคโนโลยกี ว่า 150 แบบทวั่ โลกจากกลุ่มประเทศพฒั นาแลว้ และกาลงั พฒั นา เพ่ือคน้ หาเทคโนโลยีทจี่ ะ เข้ามามบี ทบาทในการพลกิ โลกเขา้ สู่อตุ สาหกรรมเทคโนโลยีในอนาคตอกี 3-7 ปขี า้ งหนา้ ผศ.ดร.ธที ตั ตรีศริ ิโชติ 44

Ai เรยี กงา่ ยๆ กค็ อื คอมพิวเตอรท์ ส่ี ามารถคิดและวิเคราะหส์ ง่ิ ตา่ ง ๆ ดว้ ยเหตแุ ละผล จน สามารถตอบโตก้ ารสนทนาได้อย่างดีเยยี่ ม นอกจากนั้นยงั สามารถเรียนรู้และจดจาสิ่งทผี่ ่านมาเป็น บทเรียนไดอ้ ยา่ งลึกซงึ้ ซึง่ การพัฒนาเทคโนโลยนี ้ีถูกแบ่งออกเป็นหลายรปู แบบเพราะการนาไปใช้ งานของแต่ละองค์การนน้ั แตกตา่ งกนั ซึ่งแนน่ อนวา่ การบรกิ ารทม่ี อี ย่ใู นปัจจบุ ันน้ันเป็นเพียง บางสว่ นของเทคโนโลยีปญั ญาประดษิ ฐ์เท่านนั้ แตใ่ นอนาคต ความกา้ วหน้าและผลสาเร็จของ เทคโนโลยีปญั ญาประดษิ ฐจ์ ะช่วยให้ฐานขอ้ มลู ขนาดใหญ่ของโลกอินเทอร์เน็ตถูกนามาใช้ ประโยชนม์ ากกวา่ ในปจั จุบัน นอกจากนนั้ ยังสามารถช่วยเหลือมนุษยไ์ ดท้ กุ เรอื่ งจากการ ประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งมนุษย์ไม่มวี นั ทาได้ แตถ่ งึ กระนน้ั ความกงั วลใจเกี่ยวกับการคิด วิเคราะหเ์ องได้อยา่ งอสิ ระของปัญญาประดษิ ฐก์ ็ถูกมองว่าอาจจะเปน็ ภยั ตอ่ มนุษย์ เพราะกรอบ จริยธรรม ความคิด หรอื แมก้ ระท่ังการตอบสนองจะต้องถกู ควบคุมอย่างดี เพ่อื ให้ปลอดภัยกับ มนุษยม์ ากท่ีสดุ ก่อนทจ่ี ะเร่มิ การปฏวิ ัตวิ งการด้วยเทคโนโลยปี ัญญาประดษิ ฐ์นั่นเอง ผศ.ดร.ธีทตั ตรีศริ โิ ชติ 45

AR เทคโนโลยโี ลกกงึ่ เสมือนจริง ดว้ ยรปู แบบการผสมผสานเทคโนโลยกี าร มองเหน็ กบั โลกของความเป็นจริงมาเปน็ หนึ่งเดยี ว ด้วยการซ้อนเทคโนโลยเี ข้ากับการมอง ของมนษุ ยป์ กติ ทาใหเ้ กิดมมุ มองใหม่ของการเรยี กใชเ้ ทคโนโลยีและจัดการระบบไดอ้ ยา่ ง เปน็ รูปธรรมมากขึน้ โดยปัจจบุ ันแมว้ ่าจะยังเปน็ แค่การทางานอย่างงา่ ย ๆ เชน่ การออก กาลงั กายในลู่วิ่ง เมื่อสวมแว่น VR เขา้ ไปจะทาให้การว่งิ นน้ั มองเหน็ วิวทวิ ทัศนใ์ นสถานท่ที ่ี เราตอ้ งการได้อยา่ งเปน็ ธรรมชาติ หรอื จะเป็นการสวมใส่ VR ในการจดั ของเพอื่ ตรวจนบั ส ต๊อกสินค้าไปในตวั เปน็ ตน้ ซึ่งอีกไม่นานเราจะเหน็ การนา AR ไปใชใ้ นรปู แบบต่าง ๆ ทั้ง ด้านความบันเทิงและกจิ กรรมต่าง ๆ อย่างแพร่หลายในอนาคต ผศ.ดร.ธีทัต ตรศี ิริโชติ 46

บลอ็ กเชนเป็นเทคโนโลยกี ารรอ้ ยตอ่ ข้อมูลเขา้ ไวด้ ว้ ยกนั ท้งั หมด โดยขอ้ มลู ทุก บล็อกจะเปน็ เหมือนสาเนาของตัวเอง เม่อื เกดิ การแกไ้ ขจะทาให้ทกุ บล็อกรบั รูก้ ารแก้ไขนน้ั ๆ และมปี ระวตั ิเก็บไวอ้ ย่างซบั ซ้อน โดยเนื้อแท้ของเทคโนโลยีจงึ มีความปลอดภยั จาก โครงสรา้ งท่เี กิดขน้ึ ซงึ่ ความสามารถของบล็อกเชนเริ่มเป็นทีร่ จู้ ักเมอ่ื ถกู นามาใช้งานในรปู ของ Bitcoin หรือเงนิ เสมือนจริงทมี่ กี ารใชง้ านอย่างแพร่หลาย ดว้ ยรูปแบบการบันทกึ ทุก กลอ่ งเปน็ สาเนาข้อมูลเหมอื นกนั หมด ทาให้บลอ็ กเชนมคี วามปลอดภัยมากกว่าการบันทึก ด้วยมนุษยห์ รอื เครอ่ื งมอื บนั ทึกใด ๆ ทม่ี อี ยู่เดิม และนนั่ กท็ าให้บล็อกเชนไดร้ ับความสนใจ กบั กลมุ่ ธรุ กิจการเงนิ เช่นธนาคารเปน็ อย่างมาก โดยเชือ่ วา่ บลอ็ กเชนจะเปน็ นวตั กรรมทาง การเงินทมี่ ีความปลอดภยั และรวดเร็วมากกว่าเทคโนโลยกี ารเงนิ ท่ีใช้กนั อยู่ในปัจจบุ นั ผศ.ดร.ธีทตั ตรศี ิรโิ ชติ 47

โดรนเปน็ หนงึ่ ในเทคโนโลยกี ารบินทีไ่ ดร้ ับการพฒั นาให้มขี ดี ความสามารถของ การบนิ หลายระยะด้วยระบบอัตโนมัติ ทาให้โดรนเข้ามาแทนทใ่ี นการบินหลากหลายระบบ ทัง้ เล็กและใหญ่ เช่น จากเดมิ ทใี่ ชเ้ ครอื่ งบินใส่ปุ๋ยและยาพชื ไร่ ก็สามารถเปล่ยี นเปน็ เครือ่ ง โดรนท่ีบรรทุกปุย๋ และยาบนิ เข้าพืน้ ท่ีแบบอัตโนมตั ิตามการวางโปรแกรมการบนิ เพอื่ จดั การ พ้นื ท่ีได้อยา่ งไมห่ ลงลมื ซงึ่ ในปจั จุบนั มกี ารใช้โดรนในหลายรูปแบบ ทั้งทางการทหาร การ ช่วยเหลือผู้ประสบภยั รวมทั้งการขนสง่ ทาใหโ้ ดรนกลายเปน็ เครอื่ งมอื ขนส่งท่ตี ้ังเปา้ วา่ จะ เพมิ่ ประสิทธภิ าพการขนส่งทางอากาศระยะไกลได้มากขนึ้ ไมว่ ่าจะเปน็ ขนส่งคนหรือ สง่ิ ของก็ตาม แนวคิดดงั กล่าวยังไม่สามารถเกิดข้ึนจริงในเชงิ พาณชิ ย์ แตก่ ระนัน้ กเ็ ริม่ มกี าร ทดลองอย่างจรงิ จงั ในหลายประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มอคี อมเมิรซ์ ทก่ี ลายมาเป็นระบบค้าขาย ที่ได้รบั ความนิยมสูงสุดในปัจจบุ ัน ผศ.ดร.ธที ตั ตรศี ริ ิโชติ 48

เทคโนโลยี IoT เปน็ สิง่ ที่หลายคนพูดถึงกันมากท่สี ุด เพราะสามารถแทรกตัวเขา้ ไปไดแ้ ทบทุกอุตสาหกรรม เนอื่ งจากเป็นเทคโนโลยีของการสอ่ื สารอุปกรณเ์ ท่านัน้ โดย คาดหวงั กันวา่ IoT จะชว่ ยลดเวลาการจดั การทงั้ หมดของมนษุ ย์ รวมไปถงึ การดูแลความ เปน็ อยขู่ องมนษุ ยใ์ หม้ คี วามปลอดภยั สะดวก และรวดเร็วมากย่ิงข้นึ นอกจากนี้ IoT ยงั เปน็ อุปกรณ์ทจี่ ะเก็บขอ้ มลู รายงานสิ่งท่จี าเป็นใหก้ บั ผูท้ เ่ี ก่ียวข้อง รวมไปถงึ การตรวจสอบ ในระบบสินค้าคงคลงั ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ นับไดว้ ่าการแทรกตวั เขา้ ไปของทกุ อุตสาหกรรมยงั มตี น้ ทนุ ที่ราคาไม่แพงเกินไป ดว้ ยอปุ กรณข์ นาดเลก็ ท่ีฝังเขา้ กับ เครอื่ งใช้ไฟฟ้าเพื่อช่วยในการสอื่ สารระหว่างอุปกรณ์ แตห่ วั ใจของการประมวลผลและคดิ วิเคราะหย์ ังคงใช้งานจากสว่ นกลางเพื่อสนองตอบพฤติกรรมน่นั เอง ผศ.ดร.ธที ัต ตรีศริ โิ ชติ 49

หุ่นยนต์เป็นเป้าหมายใหม่ของการทดแทนแรงงานในอนาคต เนอื่ งจากงานบาง ชนิดเป็นการใช้แรงงานท่ีต้องทางานซา้ ๆ จนเกดิ ภาวะขาดแคลนแรงงาน ด้วยค่าแรงทีต่ า่ หรือปญั หาของพ้นื ที่ก็ตามแต่ ซ่ึงในโลกอตุ สาหกรรมหุน่ ยนตแ์ ขนกลที่ทาหน้าที่แทนหนุ่ม สาวโรงงาน ท้งั การยกของจากจดุ หน่ึงไปอีกจุดหนง่ึ หรอื ทางานซ้า ๆ แบบเดิมตามไลนก์ าร ผลติ มักใช้หุ่นยนต์แขนกลท่มี ีเพยี งจงั หวะหมุนของการผลิตเท่าน้ัน และนอกจาก อตุ สาหกรรมการผลิตแลว้ ห่นุ ยนต์ยงั สามารถเขา้ ไปแทนที่การทางานในแง่มมุ ท่ีมีความ เสี่ยงสูง เชน่ ห่นุ ยนตด์ บั เพลิง กูภ้ ยั หรอื แม้กระทัง่ หุ่นยนตใ์ ห้บริการ ทาใหใ้ นอนาคต หนุ่ ยนตจ์ ะถกู นามาใช้เพ่ือลดความเสี่ยงที่จะเกดิ ขึ้นกับมนษุ ยม์ ากขน้ึ ผศ.ดร.ธีทตั ตรศี ริ โิ ชติ 50


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook