Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ศัพท์ออนไลน์ในโซเชียล

ศัพท์ออนไลน์ในโซเชียล

Published by Watcharapol Konthonpanao, 2021-03-05 16:13:19

Description: ศัพท์ออนไลน์ในโซเชียล

Search

Read the Text Version

กลมุ่ ภาษาไทย เรอ่ื ง ศพั ทอ์ อนไลนใ์ นโซเชยี ล จดั ทาโดย นาย ภรู ทิ ตั นามประเสรฐิ พร ม.5/8 เลขท่5ี นายธัญเทพ หงิ สนั เทยี ะ ม.5/8 เลขท่3ี 3 นายวชั รพล กอ้ นโทนพะเนา ม.5/8 เลขท่3ี 8 นายพีรกานต์ ชายกลาง ม.5/8 เลขท่4ี 0 เสนอ คณุ ครูสภุ ลกั ษณ์ พลเรอื ง รายงานฉบบั นเี้ ป็นส่วนหน่ึงของรายวชิ า ภาษาไทย ท32102 โรงเรียนราชสมี าวิทยาลยั ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563

คานา สงั คมเราในปัจจบุ นั นโี้ ลกเราไดม้ เี ทคโนโลยีมาเกี่ยวขอ้ งอยา่ งมากในชวี ติ ของคนไทยเรา ทาใหม้ ีความสะดวกในการใช้ ชีวิตประจาวนั รวมทง้ั การสือ่ สารดว้ ย ซง่ึ ในประเทศไทยนเี้ ยาวชนยคุ ใหมบ่ างสว่ นไดน้ าค่านิยมผดิ ๆ มาใชก้ นั นน้ั กค็ ือการใช้ ภาษาไทยท่ผี ดิ โดยเยาวชนกล่มุ นนั้ คดิ วา่ เม่ือใชแ้ ลว้ มนั เกด๋ ี มนั เทห่ ด์ ี แตห่ ารูไ้ ม่วา่ อาจจะทาใหภ้ าษาไทยของเราเปลย่ี นไปโดย สนิ้ เชิงและทาใหเ้ ยาวชนยคุ หลงั ๆใชภ้ าษาไทยไมถ่ กู ตอ้ งตามไปดว้ ย ประเทศไทยของเรามีภาษาเป็นของตนเองแสดงออกถงึ ความเป็นเอกราชและความภาคภมู ใิ จของคนไทยเรา ภาษาไทยเป็นมรดกของคนไทยมายาวนาน แตเ่ ยาวชนยคุ บางสว่ นใหม่ กลบั ไมร่ ูค้ ณุ คา่ ของมนั เลย ทางคณะผจู้ ดั ทาจึงมคี วามประสงคจ์ ดั ทารายงานฉบบั นที้ ่ีมเี นอื้ หาเก่ยี วกบั ศพั ทต์ า่ งๆ ในขอบเขตเนอื้ หาท่ีวา่ คาศพั ท์ ออนไลนใ์ นโซเชียล เพ่อื ใหผ้ ทู้ ่สี นใจใช่สาหรบั การศกึ ษาตอ่ และการอา้ งอิงในกาลต่อไป คณะผจู้ ดั ทา 5 มนี าคม 2564

สารบญั หนา้ คานา 1 ปัจจยั ท่มี ผี ลกระทบต่อการใชภ้ าษาไทยของวยั รุน่ 3 รูปแบบการใชภ้ าษาไทยของวยั รุน่ 4 ตวั อยา่ งการใชภ้ าษาโดยมีการเปลีย่ นแปลง 5 สาเหตทุ ่สี าคญั ในการเปลี่ยนแปลงภาษาของวยั รุน่ ท่ใี ชก้ นั ในปัจจบุ นั 9 แนวทางแกไ้ ขปัญหาการใชภ้ าษาไทยของวยั รุน่ 10 ผลกระทบของเรอ่ื งนีท้ ี่มีต่อวธิ ีการพูดในโลกของความเป็ นจริง 11 อา้ งอิง 12

ปัจจยั ที่มีผลกระทบต่อการใชภ้ าษาไทยของวยั รุ่น ปัญหาการใชภ้ าษาไทยไดเ้ กิดข้นึ มาเป็นระยะเวลาอนั ยาวนานหลายสิบปี แตใ่ นยคุ ปัจจบุ นั น้ีปัญหา ยงิ่ วกิ ฤติความรุนแรงมากข้นึ เรื่อยๆ ซ่ึงมีปัจจยั หนุนนาท่ีสาคญั นน่ั คอื ความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยีที่กา้ วล้า ไปอยา่ งรวดเร็ว เราจึงพบการใชภ้ าษาไทยแบบ ผดิ ๆ มากมายจนเกือบจะกลายเป็นความคนุ้ ชิน โดยเฉพาะ ในกลุ่มวยั รุ่น ยิง่ น่าเป็นห่วงมากที่สุด เป็นกลมุ่ ท่ีนิยมใชภ้ าษาที่มี วิวฒั นาการทางภาษาท่ีเฉพาะกล่มุ ซ่ึงเป็น ภาษาทเ่ี กือบจะไมม่ ีไวยากรณ์ ไมว่ ่าจะจากการรับส่งขอ้ ความส้นั (SMS) การส่ง จดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (E-mail) การสนทนาออนไลน์ (MSN) หรือแมแ้ ตก่ ารแสดงความคิดเห็นในโลกอินเทอร์เนต็ การใช้ ภาษาไทย ท่ีเกิดจากอนิ เทอร์เน็ตน้นั เร่ิมลกุ ลามมาจากโปรแกรมแชทรูมและเกมออนไลน์ ซ่ึงดคู ลา้ ยเป็นการสนทนา กนั ธรรมดา แตท่ าให้เกดิ ปัญหาข้ึนมากมาย ดงั เช่นที่พบตามหนา้ หนงั สือพิมพใ์ นปัจจุบนั และในขณะเดียวกนั ก็สร้างปัญหาใหแ้ ก่ วงการภาษาไทยดว้ ย นน่ั คือการกร่อนคา และการสร้างคาใหมใ่ หม้ คี วามหมายแปลกไป จากเดิม หรืออยา่ งท่ีเรียกวา่ ภาษาเดก็ แนวนนั่ เอง วยั รุ่นเป็นช่วงวยั ที่มีการส่ือสารกนั มากและมีรูปแบบการ ส่ือสารดว้ ยคาที่ทนั สมยั มีความหมายเฉพาะสาหรับกล่มุ และช่วงวยั วยั รุ่นจึงขาดความคานึงถึงความถูกตอ้ ง เหมาะสมของภาษาที่ใชใ้ หเ้ หมาะสม มีหลายสาเหตทุ ่ีทาใหว้ ยั รุ่นใชภ้ าษาท่ี ผดิ ๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยีเขา้ มา เกี่ยวขอ้ งอยา่ งมาก ทาใหม้ ีความสะดวกในการใชช้ ีวิตประจาวนั รวมท้งั การส่ือสาร วยั รุ่นใน ประเทศไทย ยคุ ใหมบ่ างกลมุ่ ไดส้ ร้างคา่ นิยมที่ผดิ ๆ มาใช้ คือการใชภ้ าษาไทยที่ผดิ จากคาเดิม จึงทาให้ภาษาไทยของเรา เปล่ียนแปลงไป เยาวชนยคุ หลงั ๆ จึงใชภ้ าษาไทยไมถ่ กู ตอ้ ง จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ไดจ้ ดั ทาการทดสอบวดั สมรรถภาพในการ ใชภ้ าษาไทย หวั ขอ้ ทกั ษะการ เขยี นภาษาไทยเพื่อการประกอบอาชีพ โดยนานิสิตจากจฬุ าฯ จานวน 398 คน มาทาการทดสอบ ซ่ึงพบ ขอ้ ผดิ พลาดอยหู่ ลายจดุ และพบวา่ ไมม่ ีผใู้ ดไดผ้ ลในเกณฑด์ ีมาก ในระดบั ดีมีอยเู่ พยี ง 28 คน ขอ้ ผดิ พลาดท่ี พบคือเรื่อง วรรคตอนผดิ ใชค้ าไมห่ ลากหลาย ซ่ึงมีผผู้ า่ นเกณฑก์ ารทดสอบ 250 คน ทบี่ ่งบอกวา่ เป็นผใู้ ช้ ภาษาปฏิบตั งิ านได้ ส่ือความคดิ ไดค้ รบถว้ น แต่ยงั คงตอ้ งเพ่มิ เรื่องการเชื่อมโยงความคดิ การใชค้ าเชื่อม การใชค้ าใหต้ รงความหมาย และการสะกดคา ขณะท่ีมีผู้ ทดสอบไมผ่ า่ น 120 คน ปัญหาท่ีสรุปไดค้ ือ ยงั ขาด ความสามารถในการเขียนท่จี าเป็นตอ้ งใชใ้ นการปฏิบตั ิงาน ควรแกไ้ ขการ สื่อความคดิ ท่ีไมช่ ดั เจนหรือวกวน ใชค้ าผดิ สะกดผดิ ใชภ้ าษาไม่เหมาะสมกบั ประเภทของงานเขียนผปู้ กครอง พอ่ แม่อยากจะให้ ลกู เก่งภาษา ตา่ งประเทศแต่ภาษาไทยกไ็ ม่ควรละทิ้ง หรือไมส่ นใจการใชท้ ี่ถกู ตอ้ ง เพราะภาษาทุกภาษายอ่ มมีหลกั การ ใชท้ ่ี เหมือนกนั คือ ตอ้ งใชใ้ หถ้ กู กาลเทศะ สถานที่ ถูกบคุ คล ตอ้ งชดั เจนท้งั การออกเสียงและใชป้ ระโยค ถูกตอ้ งตามความหมาย และ บริบทของภาษา นอกจากการเรียนรู้ภาษาไทยกลางและภาษาต่างประเทศแลว้ ภาษาถ่ินของไทยกม็ ีความสาคญั มาก เช่นกนั ในช่วงหลายสิบปี ที่ผา่ นมา กระแสสงั คมคนอาศยั ในต่างจงั หวดั จะสอนลกู ใหพ้ ูดภาษากลางอยา่ ง เดียว ไม่สอนภาษาถิ่น ทาให้ ลูกพดู ภาษาถิ่นไมไ่ ด้ ทาให้เดก็ ขาดความรู้ในเรื่องน้ี และสงั คมทอ้ งถ่ินกข็ าดการ สืบทอดส่ิงที่บรรพบุรุษถา่ ยทอดกนั มา ซ่ึงเป็น เรื่องละเอียดอ่อน เช่น ตาราทใี่ ชค้ าทอ้ งถ่ิน ท้งั ตารับยา ชื่อตน้ ไม้ หรือพธิ ีกรรม เป็นตน้ สื่อมวลชน ก็เป็นปัจจยั หน่ึงที่ทาใหเ้ กิด การใชภ้ าษาไทยแบบผดิ ๆ ของ ประชาชนเพราะ ส่ือมวลชนเป็นผทู้ ่ีใหข้ อ้ มลู ข่าวสารกบั ประชาชนทุกวนั สื่อมวลชนตอ้ งเป็น ผนู้ าที่ดีท่ีสุด ของการใชภ้ าษาและตอ้ งให้ขอ้ คดิ อยเู่ สมอวา่ ภาษาน้นั สะทอ้ นความเป็นตวั ของเราเอง ถา้ ใชภ้ าษาดี ภาษาที่ถูกตอ้ ง ภาษาท่ีนาสังคมไปในทางสร้างสรรค์ สร้างความสามคั คี สร้างความรัก สร้างความภูมิใจในชาติจะ ทาใหท้ ุกคนเหน็ คลอ้ ยตาม แต่ถา้ หากวา่ สื่อมวลชนนาภาษาที่ประหลาด ภาษาท่ีไมถ่ ูกตอ้ งเอามาเผยแพร่ บอ่ ยๆ คนจะคิดวา่ สิ่งทีส่ ่ือมวลขนมาเผยแพร่น้นั ถูกตอ้ ง เป็นสิ่งที่ดี มนั จะทาลายภาษาไทย โดยเฉพาะการ ใชภ้ าษาในขา่ วพาดหวั หนงั สือพิมพห์ รือโทรทศั นต์ า่ งๆ เป็นตน้

รูปแบบการใชภ้ าษาไทยของวยั รุ่น การใชภ้ าษาเป็นเรื่องของการสื่อสาร ซ่ึงผสู้ ่งสารจะตอ้ งทาใหผ้ รู้ ับสารเขา้ ใจความหมายของตน ใหม้ ากท่ีสุด แต่การสื่อสารที่มี รูปแบบแตกต่างกนั จะทาใหก้ ารใชภ้ าษามีความแตกตา่ งกนั ไปดว้ ย เช่น การสื่อสารแบบเผชิญหนา้ ยอ่ มแตกต่างจากการส่ือสาร แบบผา่ นเครื่องมือการส่ือสาร หรือการสื่อสารดว้ ย สื่อสิ่งพมิ พย์ อ่ มมีความแตกตา่ งการสื่อสารดว้ ยสื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส์ ซ่ึงมีท้งั ภาพและเสียง ในปัจจบุ นั ปัญหาที่พบเป็นอยา่ งมากเกี่ยวกบั การใชภ้ าษาไทย คอื การใชภ้ าษาในทางวบิ ตั ิและมีการ เปล่ียนแปลง รูปแบบการใชภ้ าษาอยหู่ ลายประเภท เช่น 1. รูปแบบการพดู เป็นประเภทของภาษาวบิ ตั ิท่ีใชเ้ วลาพดู กนั ซ่ึงบางคร้งั กป็ รากฏข้นึ ในการเขยี น ดว้ ย แตน่ อ้ ยกว่ากลมุ่ ท่ีใชใ้ นเวลาเขียน โดยการพูดมกั จะพูดใหม้ ีเสียงส้ันลง หรือยาวข้ึน หรือไมอ่ อกเสียง ควบกล้า เลย ประเภทน้ีเรียกไดอ้ ีกอยา่ งว่ากล่มุ เพ้ียนเสียง 2. รูปแบบการเขยี น รูปแบบของภาษาวบิ ตั ิประเภทน้ี โดยท้งั หมดจะเป็นคา พอ้ งเสียงทีจ่ ะนามา ใชผ้ ดิ หลกั ของภาษา คนที่ใชภ้ าษาวิบตั ิ เวลาเขียนน้นั จะเขยี นตามเสียงอา่ น เพราะไมต่ อ้ งการอยใู่ นกรอบ หรือ ตอ้ งการทาอะไรท่ีคดิ ว่าใหม่ ไมเ่ ลียนแบบของเก่า ไดแ้ ก่ 1. การเขียนตามเสียงพดู 2. การสร้างรูปการเขยี นใหม่ 3. รูปแบบของการเปล่ียนแปลงเสียงอา่ น 4. กลมุ่ ที่เปลี่ยนแปลงความหมาย วยั รุ่นไทยสมยั น้ีนิยมใชโ้ ซเชียลเน็ตเวริ ์คเพอื่ การ ติดต่อท่ีรวดเร็วและเน่ืองจากความเร็วในการ ส่ือสารและความยากลาบากในการพมิ พต์ วั อกั ษรทาให้วยั รุ่นทาให้คาเหล่าน้นั ส้ัน ลงจนกลายเป็นภาษา วบิ ตั ิ ภาษาวบิ ตั ิ เป็นคาเรียกของการใชภ้ าษาไทยท่ีเปลี่ยนแปลงไป และไม่ตรงกบั กบั หลกั ภาษาในดา้ น การ สะกดคาคาวา่ “ภาษาวบิ ตั ิ” ใชเ้ รียกรวมถึงการเขยี นท่ีสะกดผดิ บ่อย รวมถึงการใชค้ าศพั ทใ์ หมห่ รือ คาศพั ทท์ ี่สะกดแปลกไปจาก เดิม คาว่า “วบิ ตั ิ” มาจากภาษาบาลี หมายถึง พนิ าศ ฉิบหาย หรือความเคล่ือน ทาให้เสียหาย ในประเทศไทยมีการวพิ ากษว์ จิ ารณ์ ถึงปัญหาเด็กไทยขาดการศึกษารวมถึงปัญหาภาษาวิบตั ิทาให้ เดก็ ไทย ไมส่ ามารถใชภ้ าษาไทยไดม้ ีประสิทธิภาพเทา่ ทีค่ วร ใน ขณะเดียวกนั ไดม้ ีการใชค้ าวา่ ภาษาอุบตั ิแทนท่ี ภาษาวบิ ตั ทิ ี่มีความหมายในเชิงลบ โดยภาษาอบุ ตั หิ มายถึงภาษาท่ีเกิดข้นึ มาใหม่ ตอบสนองวฒั นธรรมยอ่ ย เช่นเดียวกบั ภาษาเฉพาะวงการที่เป็นศพั ทส์ แลง ปี ที่ 4 ฉบบั ท่ี 1 ประจาเดือน มกราคม-มิถนุ ายน 2558 349 วารส ท้งั น้ี การเปิ ดใชพ้ จนานุกรมเพอื่ คน้ หาคาท่คี วรใชใ้ หถ้ กู ตอ้ งอาจเป็นทางเลือกทีด่ ี ทางบณั ฑิตยสถาน ไดก้ าหนดคาท่ีใชอ้ ยา่ งเป็น ทางการหรืออยใู่ นรูปแบบมาตรฐาน หากใชผ้ ดิ อาจกลายเป็นคาวิบตั ิได้ ซ่ึงคาวบิ ตั ิ ไมใ่ ช่การเปล่ียนแปลงของภาษาแตอ่ ยา่ งใด เป็นเพียงการใชภ้ าษาให้แตกต่างจากปกติในช่วงระยะเวลาหน่ึง หรืออาจใชจ้ ากรุ่นสู่รุ่นไปจนกว่าคาวบิ ตั ิน้นั จะหายไปจากสงั คม น้นั ๆ นิธิ เอียวศรีวงศ์ กลา่ วว่า ภาษาวบิ ตั ิเป็นการเปลี่ยนแปลงของภาษาที่ผใู้ หญ่ในสงั คมไมช่ อบ แมภ้ าษาจะมีการเปล่ียนแปลง อยเู่ สมอ แต่ผใู้ หญไ่ ม่ชอบใหภ้ าษาเปลี่ยน การใหเ้ หตผุ ลวา่ ภาษาไทยไม่ควร เปล่ียนแปลง เพราะเป็นภาษาของชาติท่ีมีความ ศกั ด์ิสิทธ์ิ นิธิเห็นวา่ เป็นเหตผุ ลแบบไสยศาสตร์ ไม่คอ่ ยน่าฟัง นิธิยงั เห็นวา่ ปัญหาของภาษาไทยในปัจจุบนั คือ การใชภ้ าษาไมม่ ี ประสิทธิภาพ เช่น ไวยากรณ์ การใชศ้ พั ท์ หรือการเรียบเรียง เป็นตน้ และการไม่ศึกษาภาษาที่เปล่ียนแปลงไปน้ีเองที่จะเป็นเหตุ ให้เกิด “ภาษาวบิ ตั ิ”

ตวั อยา่ ง การใชภ้ าษาโดยมีการเปลี่ยนแปลง แปลงเสียงส้ันเสียงยาว อะไร แปลงเป็น อาราย ได้ แปลงเป็น ดา้ ย ไมใ่ ช่ แปลงเป็น มา่ ยช่าย ไป แปลงเป็น ปาย ใคร แปลงเป็น คราย แปลงสระ คิดถึง แปลงเป็น คดิ ถงุ กวา่ แปลงเป็น กวั่ ไม่ แปลงเป็น มะ แลว้ แปลงเป็น แระ เอา แปลงเป็น แอง แปลงคาควบกล้า จริงสิ แปลงเป็น จิงดิ เปลา่ แปลงเป็น ป่ าว,ปะ เปลา่ แปลงเป็น อ๊ะป่ าว จา้ แปลงเป็น จร้า ค่า แปลงเป็น คร่า ซ้าตวั สะกด วา้ ย แปลงเป็น วา๊ ยยยย โอย๊ แปลงเป็น โอย๊ ยยย ครับ แปลงเป็น คา๊ บบบบ รัก แปลงเป็น ร๊ากกก ซ้าสระเอา้ แปลงเป็น เอา้ าาา

จา้ แปลงเป็น จร้าาาา ค่า แปลงเป็น คร่าาาาา เขยี นแตกต่างจากเดิม ขอบใจ แปลงเป็น ขอบจยั อยา่ งไร แปลงเป็น ยงั งยั ทาให้ แปลงเป็น ทาห้ยั เธอ แปลงเป็น เทอ จริง แปลงเป็น จิง เขยี นรูปแบบหรือสญั ลกั ษณ์ เสียงหวั เราะฮ่าฮ่าฮ่า แปลงเป็น 555 ยิม้ แปลงเป็น : ) ยิม้ ขยิบตา แปลงเป็น ; ) ทาหนา้ ตาเบื่อโลก แปลงเป็น -_- การแทรกเสียง มึง แปลงเป็น มรึง กู แปลงเป็น กรู จา้ แปลงเป็น จร้า ค่า แปลงเป็น คร่า คะ่ แปลงเป็น คระ การกลมกลืนเสียง แม่มึง แปลงเป็น แมง่ ดูซิ แปลงเป็น ดูดิ กระโปรง+กางเกง แปลงเป็น กระเปรง ควาย+แรด แปลงเป็น แควด๊ แฟน+ควาย แปลงเป็น แควน โวยวาย แปลงเป็น วีน การตดั เสียง ซุปเปอร์สตาร์ แปลงเป็น ซุปตาร์

มหาวทิ ยาลยั แปลงเป็น มหาลยั คอนเฟิ ร์ม แปลงเป็น เฟิ ร์ม ไม่ไหวที่จะเคลียร์ แปลงเป็น ไม่ไหวจะเคลียร์ งอนต๊บุ ป่ อง แปลงเป็น งอนป่ อง,งอนป่ องๆ พารานอย(paranoid) แปลงเป็น นอย โอเค แปลงเป็น โอ สตรอเบอร่ี แปลงเป็น สะตอ แนบเนียน แปลงเป็น เนียน อิมพอสสิเบล แปลงเป็น อมิ สวสั ดี แปลงเป็น หวดั ดี การกร่อนเสียง ใช่ไหม กร่อนเสียงเป็น ชิมิ ตาวนั กร่อนเสียงเป็น ตะวนั หมากกรูด กร่อนเสียงเป็น มะกรูด หมากนาว กร่อนเสียงเป็น มะนาว แฟน กร่อนเสียงเป็น ฟ๊ บุ ุ กระลอ่ น กร่อนเสียงเป็น หลี ข้ีเหร่ กร่อนเสียงเป็น เหียก ช่างทาไดน้ ะ กร่อนเสียงเป็น กลา้ นะ เสียว กร่อนเสียงเป็น เซ้ียว กบั กร่อนเสียงเป็น กะ ปอด กร่อนเสียงเป็น ป๊ อด

ความหมายต่างไปจากเดิม ปวดตบั หมายถึง เครียด กลิ่นตๆุ หมายถึง เคา้ ลางของการทุจริต เกาเหลา หมายถึง ไมถ่ ูกกนั ,ไม่กินเสน้ ตู้ หมายถึง เด็กเรียน สิว-สิว หมายถึง เรื่องข้ผี ง เรื่องเลก็ ๆ ง่ายมาก ซึม หมายถึง พวกชอบทาไมร่ ู้ไม่ช้ี แตท่ ่ีแทต้ วั ดี ป๊ อด หมายถึง ไมก่ ลา้ กิ๊บ หมายถึง เจ๋งมากๆ เบๆ หมายถึง งา่ ยๆ หมูๆ ออนป้า หมายถึง ทาตวั แก่ประมาณคุณป้า เนิร์ด (Nerd) หมายถึง เด็กเรียน งานเขา้ หมายถึง ไดเ้ ร่ืองหรือมีเรื่องเดือดรอ้ นเขา้ มา ยาวไป หมายถึง เท่ียวกลางคนื จนถึงดึกด่ืนถึงเชา้ เนียน หมายถึง ทาไดก้ ลมกลืน ทาเนียบเนียนดีมาก วีนแตก หมายถึง ชอบอาละวาด ชอบโวยวาย เฟิ ร์มนะ หมายถึง ตกลงแน่นอนตามน้นั ใช่ไหม โดนใจ หมายถึง ประทบั ใจ มีคาอีกมากมายที่ถกู บญั ญตั ิข้ึนโดยกล่มุ ผใู้ ชท้ ี่เป็นวยั รุ่น จนแทบจะกลายเป็นภาษาทางการของ กลมุ่ วยั รุ่นท่ีนิยมใชก้ นั อยา่ ง แพร่หลายและนบั วนั ย่ิงขยายวงกวา้ งออกไปเร่ือยๆ ซ่ึงปัญหาเหลา่ น้ีหากทกุ ภาคส่วน ในสงั คมยงั คงปล่อยวางไม่เร่งรีบหา ทางแกไ้ ข และยงั คงมีการใชบ้ อ่ ยๆ ก็จะทาใหเ้ กิดความเคยชิน อกี ท้งั มี การนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั จนในท่ีสุดกจ็ ะกลายเป็น เร่ืองปกติ ซ่ึงน่าหวน่ั เกรงย่ิงนกั ว่าในอนาคตปัญหา วกิ ฤติภาษาไทยก็จะยิ่งยากเกินการเยยี วยาแกไ้ ข

สาเหตทุ ่ีสาคญั ในการเปลี่ยนแปลงภาษาของวยั รุ่นที่ใชก้ นั ในปัจจุบนั เน่ืองมาจาก 1. เม่ือการติดตอ่ ผา่ นเครือข่ายคอมพิวเตอร์กลายเป็นช่องทางใหมใ่ นการสื่อสาร ภาษาในยคุ น้ี จึงแปลกเปลี่ยน เกิดภาษาใหมๆ่ บางคามาจากแป้นพิมพท์ ี่อยตู่ ิดกนั พมิ พง์ ่ายกวา่ จึงเกิดคาใหมแ่ ทนคาเก่า 2. เพอ่ื ลดความรุนแรงในการใชภ้ าษาท่ีไมส่ ุภาพ 3. คาศพั ทใ์ หมๆ่ ท่ีวยั รุ่นหรือคนบางกลุม่ นามาใชจ้ นแพร่หลายน้นั ก็เพราะวา่ คาไทยที่มีอยเู่ ดิม อาจจะไมส่ ามารถส่ือถึงลกั ษณะ และรายละเอียดของสิ่งที่ตอ้ งการจะส่ือสารไดม้ ากพอ คนส่งสารก็เลยตอ้ ง พยามยามคิดคาข้นึ มาใหม่ให้สามารถบอกรายละเอียด และความรู้สึกของตนเองให้ไดม้ ากที่สุด 4. การเขยี นคาไทยในอนิ เตอร์เนต็ หรือนิตยสารเพือ่ ความบนั เทิง จะเขยี นตามเสียงอ่านเพราะ ไม่ตอ้ งการอยใู่ นกรอบ หรือ ตอ้ งการทาอะไรทคี่ ดิ วา่ ใหม่ ไม่เลียนแบบของเก่า 5. ทกุ สิ่งในโลกลว้ นเป็นอนิจจงั วฏั จกั รของชีวิตมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย ภาษากม็ ีวฏั จกั รชีวิตเช่น เดียวกนั ภาษามีเกิด คือ มีการสร้าง คาใหมๆ่ ข้ึนมา ภาษามีแก่ คอื คาที่คดิ ว่าเก๋ เท่ ในยคุ หน่ึง กก็ ลบั กลาย เป็นคาท่ีลา้ สมยั ในปัจจบุ นั ภาษามีเจบ็ คอื ความบกพร่อง ในการใชภ้ าษา ตอ้ งอาศยั การเยียวยารักษา ภาษา มีตาย คอื คาบางคาไมม่ ีการนากลบั มาใชอ้ กี อยา่ งไร ก็ตามภาษาวบิ ตั ิยงั เป็น คาพดู ที่ไม่ไดร้ บั ความยนิ ยอม ใหใ้ ชท้ วั่ ไปในระดบั สากล หากแตใ่ ชพ้ ูดกนั เองในกลมุ่ เพือ่ นฝงู หรือในกล่มุ วยั รุ่น โดยการใช้ ภาษาเหล่าน้ี มกั จะไดร้ ับการตอ่ ตา้ นจากผหู้ ลกั ผใู้ หญ่ในสงั คมอยเู่ สมอ ในปัจจบุ นั หากฝืนปลอ่ ยใหก้ ล่มุ คนท่ีชอบใชภ้ าษาแบบ ผดิ ๆ ดว้ ยค่านิยมท่ีผดิ ๆ เพยี งรู้สึกวา่ การใช้ ภาษาตามคา่ นิยมวยั รุ่นเหล่าน้นั ดเู ป็นคาท่ีน่ารักและยงั ช่วยให้พมิ พง์ ่ายข้ึน โดยท่ีไม่ คานึงถึงส่ิงท่ีจะตามมา นน่ั คือการทาลายภาษาไทยโดยทางออ้ ม และท่ีน่ากลวั ยิ่งคือวยั รุ่นบางกลมุ่ ไดน้ าคาเหลา่ น้ีไปใชใ้ นชีวติ ประจา วนั และไดแ้ พร่หลายเขา้ ไปในสถานศึกษา ซ่ึงจะเป็นหนทางท่ีจะนาพาความหายนะมาสู่วงการภาษาไทย ซ่ึงเป็น เอกลกั ษณ์ของชาติทที่ ุกฝ่ ายไม่ควรมองขา้ ม จะเห็นไดว้ ่า ปัญหาการใชภ้ าษาไทยของวยั รุ่นไทยมีความสาคญั เป็นอยา่ งมาก เพราะภาษาไทย ไมใ่ ช่มีไวเ้ พยี งแคก่ าร ติดตอ่ สื่อสารเทา่ น้นั แตภ่ าษาไทยของเราเป็นเอกลกั ษณ์ เป็นวฒั นธรรม ท่ีสืบทอดต่อ กนั มาเป็นเวลานาน ภาษาไทยจึงมี ความสาคญั กบั วยั รุ่นไทยทจ่ี ะเป็นอนาคตของชาติตอ่ ไป รักษาภาษาไทย ที่บรรพบรุ ุษของเราไดส้ รา้ งไวใ้ ห้ และใหภ้ าษาไทยอยู่ คกู่ บั ชาติไทยตลอดไปฉะน้นั การท่ีจะใหว้ ฒั นธรรมทางภาษาไทยดารงอยอู่ ยา่ งมนั่ คงคู่ชาติไทยได้ ตอ้ งอาศยั การร่วมแรง ร่วมใจ จาก ประชาชนชาวไทยผเู้ ป็นเจา้ ของวฒั นธรรมทางภาษาไทยช่วยกนั จรรโลง พฒั นาชาติให้คงความ เป็นชาติไทย ดงั พระราช ดารัสของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ที่ดารัสว่า “อิฐเพยี งแผน่ เดยี วก็มีค่าควรที่เราจะไดช้ ่วยกนั รักษาไว”้ เปรียบเหมือน วฒั นธรรมทางภาษาไทยเป็นของคนท้งั ชาติ จึงควรมีการร่วมมือกนั อนุรักษ์ พฒั นาใหเ้ จริญงอกงามทดั เทียมอารยะประเทศ ดงั ขอ้ คดิ ของ พระพรหมคุณาภรณ์ (ประยทุ ธ์ ปยตุ ตโต) ไดใ้ หค้ าจากดั ความ “วฒั นธรรม” ว่า วฒั นธรรมเป็นสิ่งที่ทาให้เจริญงอก งามสืบมา และเป็นเน้ือตวั ของความ เจริญงอกงามที่มีอยู่ ซ่ึงจะเป็นพ้นื ฐานของความเจริญงอกงามตอ่ ไป ตลอดจนเป็นเครื่องวดั ระดบั ความเจริญ

แนวทางแกไ้ ขปัญหาการใชภ้ าษาไทยของวยั รุน่ แนวทางในการแกไ้ ขปัญหาการใชภ้ าษาไทยของวยั รุ่น อาจจะตอ้ งให้หน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ งเขา้ มา ช่วยดูแลอยา่ งสม่าเสมอ แตถ่ ึง อยา่ งไรก็ตามการจดั การกบั ปัญหาน้ีไมใ่ ช่หนา้ ที่ของหน่วยงานรัฐเพียงอยา่ ง เดียว สิ่งท่ีจะช่วยจดั การกบั ปัญหาการใชภ้ าษาไทย ของวยั รุ่นไดง้ ่ายที่สุด คอื 1. สถาบนั ครอบครัว พอ่ แม่ ผปู้ กครอง นบั วา่ เป็นบคุ คลใกลต้ วั และมีบทบาทสาคญั ที่สุดทีจ่ ะ ช่วยในการแกป้ ัญหา โดยควร เป็นแบบอยา่ งท่ีดีแก่เดก็ และวยั รุ่น ควรสอนใหเ้ ด็กเขยี นหนงั สือให้ถูกตอ้ ง และปลกู ฝังนิสัยรักการอ่านกจ็ ะยิง่ ช่วยใหเ้ ด็ก คนุ้ เคยกบั การใชภ้ าษาไทยที่ถูกตอ้ งต้งั แตเ่ ด็ก 2. สถาบนั การศึกษา ทกุ สถาบนั มีการเรียนการสอนภาษาไทยอยแู่ ลว้ ต้งั แตร่ ะดบั อนุบาลจนถึง อดุ มศึกษา โดยสถาบนั ใน ทุกระดบั น้นั ควรใหค้ วามสาคญั กบั การเรียนภาษาไทย นอกจากน้ีอาจตอ้ งพจิ ารณา หลกั สูตรโดยหนั มาใชก้ ารเรียนการ สอนเดิมๆ ซ่ึงจะมีวิชาเขียนไทย อ่านไทย ยอ่ ความ หรือท่องบทอาขยาน เพื่อใหเ้ ด็กใชภ้ าษาไทยไดถ้ กู ตอ้ งมากยง่ิ ข้นึ ดงั ที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เคยมีรับสั่งว่า การที่ใหเ้ ด็ก ไดท้ อ่ งบทอาขยาน เป็นการฝึกความจาของเด็ก ดว้ ยการให้ได้ ท่องภาษาดีๆ การใชภ้ าษาของเดก็ กจ็ ะไดร้ ับ การพฒั นาไปดว้ ย อยา่ งไรกต็ าม การท่ีจะฝึกฝนและสอนเดก็ ให้ใชภ้ าษาไทยได้ ถูกตอ้ งน้นั ครูก็ตอ้ งเป็นแบบ อยา่ งท่ีดีดว้ ย หน่วยงานท่ีเกี่ยวขอ้ งจงึ ไดห้ ามาตรการในการสร้างมาตรฐานการใชภ้ าษาไทยท่ี ถูกตอ้ งของครู ดว้ ยเช่นกนั เช่น แนวคิดในการจดั ทาเกณฑม์ าตรฐานของครูโดยราชบณั ฑิตยสถาน การจดั อบรมครู ภาษาไทย ทว่ั ประเทศ และพยายามบรรจคุ รูท่เี รียนจบภาษาไทยใหม้ ากข้ึน เนื่องจากในปัจจบุ นั ครูสอนภาษาไทย จบ สาขาวชิ าอ่ืนมา เป็นตน้ 3. ส่ือ เนื่องจากเดก็ และเยาวชนอยกู่ บั ส่ือแทบตลอดเวลา มากกวา่ อยกู่ บั พ่อแม่ และสถาบนั การ ศึกษา ส่ือจึงควรมจี ิตสานึก และตระหนกั วา่ ตนเองมคี วามสาคญั ต่อสังคม มีอทิ ธิพลต่อพฤติกรรมต่างๆ ของวยั รุ่น รวมท้งั การใชภ้ าษา แมว้ า่ ส่ือมีความ จาเป็นตอ้ งใชค้ าแปลกใหม่บา้ ง เพ่ือเป็นสีสันของข่าวและ ดงึ ดูดผชู้ มผฟู้ ัง แต่ก็ตอ้ งไม่มากจนเกินไป ดงั น้นั เมื่อจะส่ือสาร สิ่งใดจึงควรมีวิจารณญาณ และใชภ้ าษาไทย ใหถ้ กู ตอ้ งเพอื่ เป็นแบบอยา่ งท่ีดีของสงั คมตอ่ ไปการท่ีจะฝึกฝนหรือสอนให้ เด็กพูด อา่ น และเขยี นภาษาไทย ให้ถกู ตอ้ งน้นั คงจะง่ายข้ึนหากเราสามารถปลกู ฝังให้พวกเขารู้สึกหวงแหนภาษาไทย ซ่ึง เป็นมรดกของชาติ เพราะเรามีท้งั ภาษาพูด และภาษาเขียนทีเ่ ป็นของเราเอง เพอ่ื ท่ีวนั ขา้ งหนา้ เขาจะเติบโตข้ึนเป็นเยาวชน ไทย ที่ใชภ้ าษาไทยถกู ตอ้ ง มบี ุคลกิ ภาพดี และสามารถแสดงเอกลกั ษณ์ความเป็นไทยไดอ้ ยา่ งเตม็ ภาคภูม 4. ครู อาจารย์ กต็ อ้ งมีการสร้างแรงจงู ใจใหก้ บั เดก็ นกั เรียนในห้องเรียน เพราะพฤติกรรมและ การออกแบบการจดั การ เรียนรู้ของครู จะมีอทิ ธิพลต่อแรงจงู ใจของนกั เรียน ครูจึงสามารถพฒั นาแรงจูงใจ ของนกั เรียนไดโ้ ดยสนบั สนุนใหน้ กั เรียน กาหนดเป้าหมายการเรียนรู้ และสร้างความเขา้ ใจวา่ ความสาเร็จ น้นั เกิดจากความพยายาม ซ่ึงเป็นสิ่งที่นกั เรียนสามารถ ควบคมุ ได้ และในการจดั กระบวนการเรียนรู้ ครูตอ้ ง พยายามเช่ือมโยงระหวา่ งสิ่งท่เี รียนกบั ชีวิตจริง กาหนดหรือ มอบหมายงานท่ีเหมาะสมและสอดคลอ้ งกบั ศกั ยภาพของนกั เรียน เพื่อให้พวกเขาเกิดความมนั่ ใจและใชก้ ารเสริมแรง ทางบวกเพอ่ื เสริมสร้างแรงจงู ใจให้ ไดม้ ากท่ีสุด

ผลกระทบของเรอ่ื งนีท้ ม่ี ีต่อวธิ ีการพูดในโลกของความเป็ นจรงิ ภาษาเป็นสงิ่ ท่วี วิ ฒั นไ์ ปเรอื่ ยๆ มนั คงไมเ่ ขา้ ทีท่จี ะคิดว่าภาษาท่ใี ชใ้ น social media ไม่ไดม้ ีผลต่อวธิ ีการใชภ้ าษาองั กฤษใน ชีวิตประจาวนั ของเรา คงเป็นการดีท่จี ะมกี ารพจิ ารณาในแง่ทว่ี ่าผลกระทบท่ี social media ( โซเชยี ลมเี ดยี ) มตี อ่ วธิ ีการในการ ติดต่อสือ่ สารนน้ั มมี ากนอ้ ยเพยี งใด มีคาจานวนมากเกิดจาก social media ( โซเชยี ลมเี ดีย ) และอนิ เตอรเ์ น็ตกแ็ พรห่ ลายจนกลายเป็นสง่ิ ปกติไปแลว้ คาเหลา่ นี้ จงึ กลายเป็นคาท่ไี ดร้ บั ความนิยมโดยท่เี ราไมท่ นั ไดร้ ูส้ กึ ตวั ตวั อย่างเลก็ ๆ นอ้ ยๆ ของคาท่นี า่ สนใจซง่ึ เกดิ จาก เทคโนโลยี ไดแ้ ก่ blogosphere (collective word สาหรบั เวบ็ ไซตส์ ว่ นตวั ทเ่ี รยี กว่าบล็อก) troll (ใครบางคนท่สี รา้ งความ ขดั แยง้ ออนไลนด์ ว้ ยการเร่มิ การโตเ้ ถียงหรือทาใหส้ าธารณชนผิดหวงั ) และ buzzword (คาหรือวลที ่ไี ดร้ บั ความนยิ มใน ชว่ งเวลาใดเวลาหน่งึ หรือในเร่ืองใดเรื่องหนึ่ง) แมแ้ ต่ acronym บางคายงั ถกู นามาใชใ้ นคาพดู ท่ใี ชก้ นั ในชวี ิตประจาวนั เชน่ ‘lol’ เป็นตน้ ปรากฏการณน์ า่ รูอ้ กี อยา่ งหนง่ึ ซง่ึ เราไดเ้ ห็นในชว่ งไม่ก่ีปีท่ผี ่านมานคี้ ือการกาหนดความหมายของคาท่ใี ชก้ นั อยขู่ นึ้ มาใหม่และ คาท่มี าจากการท่แี บรนดต์ า่ งๆกาหนดขึน้ ใชใ้ น social media ( โซเชยี ลมีเดยี ) ของพวกเขา การกาหนดความหมายของคา ขนึ้ มาใหมเ่ ป็นกระบวนการทางดา้ นวฒั นธรรมท่เี กดิ จากกลุ่มหนง่ึ ๆ อา้ งคาตา่ งๆ ท่ใี ชใ้ นความหมายหนงึ่ ขึน้ มาแลว้ กาหนด ความหมายของคาเหลา่ นน้ั ขนึ้ ใหม่ ในทานองเดยี วกนั ผคู้ นทเ่ี ขา้ มาเก่ียวขอ้ งกบั social media กม็ แี นวโนม้ ท่ีจะนาคาท่ใี ชก้ นั อยมู่ าสรา้ งคาใหม่ไปเรื่อยๆ ‘Friended’ กบั ‘unfriended’ เป็นสองตวั อยา่ งของคาท่มี กี ารกาหนดความหมายขึน้ มาใหมเ่ พ่อื ใชใ้ นสือ่ ออนไลน์ คาวา่ ‘friend’ กบั ‘befriend’ มาจากภาษาองั กฤษโบราณซง่ึ เรม่ิ มใี ชม้ าตงั้ แตศ่ ตวรรษท่ี 13 แต่มกี ารกาหนดความหมายขนึ้ มาใหมซ่ ง่ึ แตกตา่ ง จากความหมายเดมิ อยา่ งลิบลบั เพราะ Facebook (กระบวนการในการเพิม่ หรอื ตดั ใครสกั คนออกจากสารบบของการเป็นเพ่อื น กบั คณุ ) ‘Like’ กบั ‘viral’ กเ็ ป็นอกี สองตวั อย่างของคาท่นี ยิ มใชซ้ ง่ึ มีการกาหนดความหมายขึน้ มาใหม่โดย social media มีหลายครงั้ หลายคราวทแ่ี บรนดอ์ อนไลนก์ ลายเป็นผทู้ รงอทิ ธิพลและคาตา่ งๆ กค็ บื คลานเขา้ มาเป็นภาษาองั กฤษโดยมีรากฐาน อยทู่ ่แี บรนดเ์ หล่านนั้ ‘Google’ เป็น search engine ระดบั แนวหนา้ ของโลกและมกี ารนาไปใชใ้ นระดบั สากลทาใหว้ ลี ‘Google it’ เขา้ มาแทนท่วี ลี ‘search for it’ ในคาพดู ท่ใี ชพ้ ดู ท่วั ไป ตวั อย่างคาท่มี กี ารยกระดบั ขนึ้ มาจาก social media โดยตรงยงั มีอกี มาก เช่น ‘tweet it’ หมายถงึ การเขียนขอ้ ความดว้ ยการใช้ Twitter แตต่ ่อมาความหมายเพยี้ นเป็น ‘share it’

อ้างอิง https://sites.google.com/site/krutoeypanuwat/aricel?fbclid=IwAR0GdMNyYla916Z5HwvArMEyofNBl VUIiBwgnXwR-z4rc_oP49_YhUsIq7E https://sites.google.com/site/krunan094/article/bthkhwam- 1?fbclid=IwAR09GLzxdu41yhnL4f7OUgWxhwwVxnghgLsgDQB-B8V_aBD1hN-9rCf4TNM https://englishlive.ef.com/th-th/blog/language-lab/has-social-media-changed-the-way-we-speak- and-write-english/amp/?fbclid=IwAR3V91-q4- feLVX8yNBGsbbePjDJfq0324de_F4iFKgM4igvGCWm1Ed2ev8 https://today.line.me/th/v2/article/yg91Lv?fbclid=IwAR1fITlUzsGi16SJ_KMXS4I0XRm_dC_D4TfaXQp AENw5i06I8yug9Ntbcf8 https://www.matichonweekly.com/art/article_31887?fbclid=IwAR0bklmgwaCmAroWleqNOSTF4tOC gojeJA1HhChuZykEB86m7BLhFbywNo4


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook