Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม106-29-21

สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม106-29-21

Published by paveenascl2520, 2020-02-12 22:01:28

Description: พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และศาสนาอื่นๆ

Search

Read the Text Version

สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม หมายถงึ เป็นวชิ าที่เก่ียวกบั ความสมั พนั ธ์ ระหว่างมนษุ ย์กบั สิ่งแวดล้อม ประกอบด้วยเร่ืองราวเกี่ยวกบั ศาสนา ศีลธรรมและจริยธรรม

คำนำ หนงั สอื รายวิชาพืน้ ฐาน สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ศาสนาศลี ธรรม จริยธรรม หน้าท่ีพลเมือง วฒั นธรรม และการดาเนินในชีวิตสงั คม ผ้จู ดั ทา เดก็ หญิงภทั ราวดี สวยฉลาด เดก็ หญิงณฐั ธิดา ใจช่มุ

สำรบญั สส หน้า ก คานา ข สารบญั พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ ศาสนาอ่ืนๆในประเทศไทย

พระพทุ ธ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือ พระพุทธเจ้า เป็นพระสมญั ญานามที่ใชเ้ รียกพระบรมศาสดาของศาสนา พุทธ พระพทุ ธศาสนาท้งั ฝ่ ายเถรวาทและมหายานต่างนบั ถือพระพุทธเจา้ วา่ เป็นศาสดาของตน เหมือนกนั แต่รายละเอียดปลีกยอ่ ยต่างกนั ฝ่ ายเถรวาทใหค้ วามสาคญั กบั พระพทุ ธเจา้ พระองคป์ ัจจุบนั คือ \"พระโคตมพุทธเจา้ \" ซ่ึงเช่ือวา่ เป็นพระองคท์ ี่ 4 ในภทั รกปั น้ี และมีกล่าวถึงพระพุทธเจา้ ในอดีต กบั ในอนาคตบา้ งแต่ไม่ใหค้ วามสาคญั เท่าฝ่ ายมหายานนบั ถือพระพทุ ธเจา้ ของฝ่ ายเถรวาทท้งั หมด และเช่ือวา่ นอกจากพระพทุ ธเจา้ 28 พระองคท์ ี่ระบุในพทุ ธวงศข์ องพระไตรปิ ฎกภาษาบาลีแลว้ ยงั มี พระพุทธเจา้ อีกมากมายเพ่ิมเติมข้ึนมาจากตานานของเถรวาท ผปู้ รารถนาจะเป็นพระพทุ ธเจา้ ตอ้ งบาเพญ็ บารมีเป็นพระโพธิสตั วก์ ่อน เมื่อบารมีเตม็ แลว้ จึงจะไดต้ รัส รู้เป็นพระพุทธเจา้ ในชาติสุดทา้ ย พระพทุ ธเจา้ ทุกพระองคม์ ีลกั ษณะพเิ ศษตรงกนั คือ[2] เป็นมนุษยเ์ พศ ชายเกิดในวรรณะกษตั ริยห์ รือพราหมณ์ พระวรกายสมบูรณ์ดว้ ยมหาปุริสลกั ขณะ ก่อนออกผนวชจะ อภิเษกสมรสมีพระโอรสพระองคห์ น่ึง หลงั จากน้นั ทรงพบเทวทูตทาใหต้ ดั สินใจออกผนวช วนั ออก ผนวชจะตรงกบั วนั เพญ็ เดือนอาสาฬหะ

ควำมหมำยและคณุ ลกั ษณะ ในพระพทุ ธศาสนา พุทธะ (บาล:ี พทุ ฺธ แปลวา่ \"ผ้รู ู้ ผ้ตู ่ืน ผ้เู บกิ บาน\") หมายถงึ บคุ คลผ้ตู รัสรู้อริยสจั 4 แล้วอย่างถ่องแท้ ธชคั คสูตร กลา่ ววา่ พระพทุ ธเจ้ามคี ณุ ลกั ษณะ 9 ประการ[3] เรียกวา่ พุทธคุณ 9 ได้แก่  อรหํ หมายถึง ผ้ปู ราศจากกิเลส  สมฺมาสมพฺ ุทโฺ ธ หมายถงึ ผ้ตู รัสรู้ด้วยพระองค์  วชิ ชฺ าจรณสมปฺ นฺโน หมายถงึ ผ้มู ีความรู้และความประพฤตถิ ึงพร้อม  สุคโต หมายถึง ผ้เู สดจ็ ไปด้วยดี  โลกวทิ ู หมายถงึ ผ้รุ ู้แจ้งโลก  อนุตตฺ โร ปุริสทมมฺ สารถิ หมายถงึ ผ้ฝู ึกคนได้ดี ไมม่ ผี ้ใู ดเทียมเท่า  สตถฺ า เทวมนุสฺสานํ หมายถึง ศาสดาของเทวดาและมนษุ ย์ทงั ้ หลาย  พุทโฺ ธ หมายถงึ ผ้ตู ่ืน  ภควา หมายถงึ ผ้มู ีภคธรรม

พระธรรม พระธรรมหมายถึงธรรมะซงึ่ พระพทุ ธเจ้าทรงค้นพบและนาออกเผยแผ่ หรือคาสอนของพระพทุ ธเจ้า เก่ียวกบั ความจริงตามธรรมชาติของทกุ ข์และวิธีการดบั ทกุ ข์ ธรรมะของพระพทุ ธเจ้านนั ้ แตเ่ ริ่มสืบทอดกนั ด้วยวิธีท่องจาแบบปากต่อปาก เรียกว่า \"มขุ ปาฐะ\" สมยั ตอ่ มาจงึ ได้มกี ารบนั ทกึ ไว้เป็นลายลกั ษณ์อกั ษร คมั ภีร์ท่ีบนั ทกึ พระธรรมของพระพทุ ธเจ้านนั ้ เรียกวา่ พระไตรปิฎก และยงั มีคมั ภีร์อื่น ๆ ท่ีแตง่ ภายหลงั เพ่ือ ขยายความอีก ได้แก่ อรรถกถา ฎีกา อนฎุ ีกา ตามลาดบั

กำรศกึ ษำพระธรรมในปจั จบุ ัน ปัจจบุ นั การศกึ ษาพทุ ธธรรมหรือพระพทุ ธศาสนาในประเทศพทุ ธเถรวาทและมหายาน นิยมจดั การ เรียนการสอนแบบมหาวิทยาลยั โดยอาจจดั ควบค่ไู ปกบั การเรียนการสอนตามแบบท่ีสืบทอดกนั มา แตโ่ บราณในประเทศนนั ้ ๆ เช่น ในประเทศไทย นอกจากจะมีมหาวิทยาลยั สงฆ์แล้ว ยงั คงมีการ เรียนการสอนพระปริยตั ิธรรมแผนกธรรม และบาลอี ยู่ เป็นต้นการศกึ ษาพทุ ธศาสนาในระดบั นานาชาตใิ นปัจจบุ นั เป็นท่ีสนใจของตะวนั ตกอย่างกว้างขวาง หลงั จากมีการจดั ตงั ้ สมาคมบาลี ปกรณ์ และองค์กรพทุ ธตา่ ง ๆ ขนึ ้ มามากมายหลายแหง่ ทงั ้ ในองั กฤษ ฝร่ังเศส สหรัฐ เยอรมนี ฯลฯ เพ่ือค้นคว้าหลกั พทุ ธธรรมที่ปรากฏในคมั ภีร์ตา่ ง ๆ ไมว่ ่าจะเป็น ภาษาบาลี ภาษาสนั สกฤต ภาษา ทิเบต และ ภาษาจนี ทาให้การศกึ ษาพทุ ธธรรมขยายตวั อยา่ งรวดเร็ว ปัจจบุ นั นี ้ มหาวทิ ยาลยั ทงั ้ ยโุ รปและอเมริกาหลายแห่งอาจเปิดสอนพทุ ธธรรมทงั ้ ระดบั ปริญญาตรี ปริญญาเอก ปริญญาโท ปริญญาตรี

ธรรมคณุ ใน วตั ถปู มสตู ร และ มหานามสตู ร พระพทุ ธเจ้าตรัสถงึ คณุ ลกั ษณะ 6 อยา่ งของพระธรรม ได้แก่ -สวฺ ากฺขาโต (Svakkhato) พระผ้มู พี ระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว -สนฺทิฏฺฐิโก (Sanditthiko) ผ้ปู ฏิบตั จิ ะพงึ เหน็ ชดั ด้วยตนเอง -อกาลโิ ก (Akāliko) ไมป่ ระกอบด้วยกาล -เอหปิ สฺสโิ ก (Ehipassiko) ควรเรียกให้มาดู -โอปนยโิ ก (Opānayiko) ควรน้อมเข้ามา -ปจฺจตฺต เวทติ พฺโพ วญิ ญหู ิ (Paccattam veditabbo viññūhi) วญิ ญชู นพงึ รู้เฉพาะตน การปฏบิ ตั ิพระธรรมจะนามาซงึ่ ความสงบ และ ความสขุ แกต่ นผ้ปู ฏิบตั ิ ดงั นนั ้ จงึ เป็นความรับผิดชอบ ของตนเองในการปฏบิ ตั พิ ระธรรม

พระสงฆ์ พระสงฆ์ จดั เป็นหน่งึ ในพระรัตนตรัย ซงึ่ ได้แก่ พระพทุ ธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ โดยพระสงฆ์ในพระ รัตนตรัยหมายถงึ เฉพาะพระอริยสงฆ์ คือบคุ คลไมว่ ่าคฤหสั ถ์หรือนกั บวช และไมว่ ่ามนษุ ย์หรือเทวดา ท่ี ปฏิบตั ิธรรมจนได้บรรลมุ รรคผล แต่โดยทวั่ ไปมกั เข้าใจว่าพระสงฆค์ ือภกิ ษุหรือภิกษุณี คือมนษุ ย์ท่ีได้ฟัง คาสงั่ สอนแล้วเกิดความเลอ่ื มใสจนสละเรือนออกบวชตามพระพทุ ธเจ้า เพราะต้องการจะได้บรรลธุ รรมตาม พระพทุ ธเจ้าสง่ั สอนไว้ถือเป็นนกั บวชในพระพทุ ธศาสนาพระภกิ ษุปฏิบตั ติ าสกิ ขาบทท่ีกาหนดไว้จานวน 227 ข้อ สว่ นพระภิกษุณีรักษาสกิ ขาบท 311 ข้อ บางครัง้ เรียกว่าสงฆ์ ภกิ ษุรูปแรกในพระศาสนาของพระโค ตมพทุ ธเจ้าคือพระอญั ญาโกณฑญั ญะ

ควำมหมำย สงฆ์ หรือ สงฆ์ ในภาษาบาลแี ปลวา่ หมู่ เชน่ ในคาวา่ ภิกษุสงฆ์ แปลวา่ หมภู่ กิ ษุ ใช้ในความหมายว่า ภิกษุทงั ้ ปวงก็ได้ เชน่ \"จีวรนีเ้ป็นของสงฆ์ ควรจะจดั เป็นพธิ ีสงฆ์ถวาย\" เมื่อใช้ควบกบั คาวา่ พระ เป็น พระสงฆ์ ซง่ึ มคี วามหมายว่าภิกษุ เชน่ \"นิมนต์ภกิ ษุสงฆ์มาฉนั ในงานเมื่อวาน มีพระสงฆ์มาเป็น จานวนมาก\" ตามพระวินยั ภิกษุตงั ้ แต่ 4 รูปขนึ ้ ไปจงึ เรียกว่าสงฆ์ เชน่ ในคาวา่ สงั ฆกรรม (กรรมท่ีสงฆ์ คือภกิ ษุตงั ้ แต่ 4 รูปขนึ ้ ไปพงึ ทารวมกนั )

สังฆคณุ  สุปฏิปณฺโณ ผ้ปู ฏิบตั ดิ ีงาม  อุชุปฏิปณฺโณ ผ้ปู ฏิบตั ติ รง ถกู ต้อง  ญายปฏปิ ณฺโณ ผ้ปู ฏิบตั ิชอบ , เพ่ือธรรมเป็นเครื่องออกจากทกุ ข์  สามีจปิ ฏิปณโฺ ณ ผ้ปู ฏิบตั ิสมควร , เหมาะสม  อนุตตฺ รํ ปุญญฺ เขตตฺ ํ โลกสฺส เป็นเนือ้ นาบญุ ของโลก ไมม่ นี าบญุ อื่นย่งิ กวา่  อาหุเนยโฺ ย เป็นสงฆ์ควรแก่สกั การะที่เขานามาบชู า (นามาถวาย เชน่ นามาใสบ่ าตรขณะ บณิ ฑบาตร)  ปาหุเนยโฺ ย เป็นสงฆ์ควรแก่สกั การะที่เขาจดั ไว้ต้อนรับ (จดั ไว้รอทา่ ให้ท่านมารับ เช่น การนิมนต์ มาฉนั ท่ีบ้าน)  ทกขฺ เิ นยโฺ ย เป็นสงฆ์ควรแก่การรับทกั ษิณาทาน (การเอย่ ปากขอเองจากทา่ น)  อญฺ ชลีกรณีโย เป็นผ้ทู ี่บคุ คลทว่ั ไปควรทาอญั ชลี (การประนมมอื )

ศำสนำอ่ืนๆในประเทศไทย นบั แตส่ มยั กรุงสโุ ขทยั เป็นต้นมา ฝ่ ายอาณาจกั รมีความสมั พนั ธ์กบั ฝ่ ายศาสนจกั รอยา่ งแน่นแฟ้ น พระมหากษัตริย์ไทยและพระราชนกิ ลุ ทรงเป็นพทุ ธมามกะและหลายพระองค์ทรวงผนวชเป็นภิกษุ จงึ มกี ารอดุ หนนุ คา้ จนุ กนั ระหวา่ งสถาบนั ทงั ้ สองเร่ือยมา ในปัจจบุ นั กรมการศาสนา กระทรวง วฒั นธรรม มหี น้าที่กากบั ดแู ลและรับรองกลมุ่ ศาสนาซงึ่ รับรองเพียงห้าศาสนาหลกั เทา่ นนั ้ และไม่ รับรองกลมุ่ ศาสนาใดเพม่ิ ตงั ้ แต่ พ.ศ. 2527 เป็นต้นมา[11] กลมุ่ ศาสนาท่ีได้รับการรับรองมีสทิ ธิ์ ได้รับเงินอดุ หนนุ และสทิ ธ์ิประโยชน์ทางภาษี สว่ นสานกั งานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติเป็น หน่วยงานที่ขนึ ้ ตรงต่อนายกรัฐมนตรีมหี น้าท่ดี แู ลพทุ ธศาสนาโดยเฉพาะ ทงั ้ สองหน่วยงานรับ งบประมาณจากรัฐบาลเพื่อใช้ในกจิ การทางศาสนารวมกนั กวา่ สพ่ี นั ล้านบาทตอ่ ปี

ศำสนำอสิ ลำม ชาวมสุ ลมิ เป็นประชากรขนาดใหญ่ที่สดุ เป็นอนั ดบั ที่ 2 ในประเทศไทย ในบริเวณส่ีจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จงั หวดั ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสตลู ตลอดจนบางสว่ นของจงั หวดั สงขลา และชมุ พร มีประชากรสว่ นใหญ่เป็นชาวมสุ ลมิ ประกอบด้วยทงั ้ ผ้ทู ีม่ เี ชือ้ สายไทยและมลายู คนสว่ น ใหญ่เชื่อกนั วา่ ประชากรชาวมสุ ลมิ สว่ นใหญ่ของประเทศอาศยั อยมู่ ากที่สดุ บริเวณนี ้ อยา่ งไรก็ตามการวจิ ยั ของกระทรวงการตา่ งประเทศ ชีว้ า่ ชาวไทยมสุ ลมิ เพียงร้อยละ 18 อาศยั อยใู่ นพืน้ ที่เหลา่ นี ้สว่ นท่ีเหลือได้อาศยั อยกู่ ระจายกนั ไปทว่ั ประเทศ โดยมีอาศยั อย่ใู นกรุงเทพมหานคร มากที่สดุ และตลอดภาคใต้ของประเทศ ตามข้อมลู ของสานกั งานสถิติแหง่ ชาติ ใน พ.ศ. 2548 ชาว มสุ ลมิ ในภาคใต้ของประเทศคดิ เป็นประชากรร้อยละ 30.4 ของประชากรท่ีมีอายุ 15 ปี ขนึ ้ ไปทว่ั ประเทศ ในขณะท่ีมสุ ลมิ ในสว่ นอนื่ ของประเทศกลบั มีน้อยกวา่ ร้อยละ 3

ศำสนำพทุ ธ ประชากรสว่ นใหญ่ของประเทศไทยเป็นพทุ ธศาสนกิ ชนนิกายเถรวาท ซงึ่ ในปัจจบุ นั ศาสนาพทุ ธใน ประเทศไทยได้ผสมผสานเข้ากบั ความเชื่อพืน้ บ้าน อยา่ งเชน่ การตงั ้ ศาลพระภมู เิ จ้าท่ี การถือฤกษ์ นอกจากนีจ้ านวนประชากรชาวไทย-จีนขนาดใหญ่ที่อพยพเข้ามาในประเทศก็นบั ถือทงั ้ ศาสนาพทุ ธ และประเพณีดงั ้ เดิม[20] วดั พทุ ธในประเทศมีเอกลกั ษณ์ท่เี จดีย์สที องสงู และสถาปัตยกรรมพทุ ธใน ประเทศไทยคล้ายคลงึ กบั ในประเทศอ่นื ๆ ในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิง่ กมั พชู าและลาว ซง่ึ มภี มู หิ ลงั ทางวฒั นธรรมและประวตั ศิ าสตร์ร่วมกนั

ศำสนำครสิ ต์ ศาสนาคริสต์มีประวตั ศิ าสตร์ยาวนานในประเทศไทย ถกู นาเข้ามาเผยแผโ่ ดยมชิ ชนั นารียโุ รปตงั ้ แตส่ มยั อาณาจกั รอยธุ ยา ประมาณคริสต์ทศวรรษ 1550 (พ.ศ. 2093) ศาสนาคริสต์มบี ทบาทสาคญั ในการพฒั นา ประเทศให้ทนั สมยั โดยเฉพาะอยา่ งย่ิง ในสถาบนั สงั คม การศกึ ษา สาธารณสขุ และเทคโนโลยี

แหล่งอ้ำงองิ _____.[2562] สงั คมศกึ ษาศาสนาและวฒั นธรรม เข้าถึงได้จาก: https://th.wikipedia.org/wiki

ผ้จู ดั ทา ด.ญ.ภทั ราวดี สวยฉลาด เลขที่ 29 ชนั้ ม.1/6 ด.ญ.ณฐั ธิดา ใจช่มุ เลขที่ 21 ชนั้ ม.1/6 เสนอ ครู ประภสั สร ก๋าเขียว โรงเรียนแจ้ห่มวทิ ยา สานกั งานเขตพืน้ ท่ีมธั ยมศกึ ษาลาปางเขต35


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook