310 ใบความร้ทู ่ี 1 เรอื่ ง สือ่ อินเทอรเ์ นต็ ภยั เงยี บการใชก้ ัญชาและกัญชงเป็นยา วัตถุประสงค์ กกกกกกก1. เพือ่ ใหม้ ีความรู้ ความเข้าใจสอ่ื อนิ เทอร์เนต็ ภัยเงยี บการใชก้ ญั ชาและกัญชงเป็นยา กกกกกกก2. เพื่อให้มีทักษะการแสวงหาความรู้ และทักษะการคิดวิเคราะห์ข้อมูลส่ืออินเทอร์เน็ต ภยั เงยี บการใชก้ ญั ชาและกญั ชงเป็นยา 3. เพื่อให้ตระหนักถึงการรับรู้ข้อมูลจากสื่ออินเทอร์เน็ตภัยเงียบการใช้กัญชาและกัญชง เปน็ ยา เน้ือหา กกกกกกกปัจจุบันจะเห็นคนจานวนมากมีโอกาสใช้เครื่องมือออนไลน์ในการเปล่ียนแปลงตนเองให้ กลายเป็น “ส่ือ” ในการเผยแพร่ข้อมูล ความคิด ข้อคิดเห็นต่าง ๆ โดยมีผู้ชมบนโลกออนไลน์จานวน มาก สามารถเข้ามาเย่ียมชมและแสดงความคิดเห็นแลกเปล่ียนได้ บ้างเข้ามากดไลท์ หรือกดแชร์ ให้เป็นกาลังใจหรือเป็นเครื่องวัดระดับความนิยมของแต่ละเนื้อหานั้น ๆ แต่ส่ือในวันนี้ ควรทาหน้าท่ี อะไรและมบี ทบาทอะไรบ้างในสงั คม กกกกกกกการเปิดพ้นื ท่ีออนไลน์แบบอิสระน้ัน ทาใหห้ ลาย ๆ คนมีโอกาสได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ ไดม้ ชี อ่ งทางเผยแพร่ส่ิงทีส่ ่อื ทว่ั ไปอาจจะไมส่ นใจหรือไมม่ ีเวลาเพยี งพอที่จะนาเสนอได้ ซงึ่ ถ้ามองอย่าง นั้นก็คงเป็นเรื่องท่ีดี แต่ในทางกลับกันจะพบว่ามีการใช้สื่อในทางท่ีไม่ดีไปพร้อม ๆ กัน การเปิดเพจ ท่ีใช้ข้อความชักจูง เชิญชวน แสดงความคิดเห็นเพื่อสรา้ งผลประโยชน์ต่าง ๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ.2562 นายวิทัศน์ เตชะบุญ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวในพิธีเปิดอบรมเชิงปฏิบัติการ “รู้เท่าทัน เสริมพลังเครือข่าย ปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนพ้นภัยออนไลน์” ท่ีโรงแรมบางกอก พาเลส กรุงเทพมหานคร ว่า “ความรุนแรงหลากหลายรูปแบบที่เกิดข้ึนในปัจจุบันจานวนมากมาจาก ส่ือออนไลน์ ซึง่ เปน็ ภัยเงียบทส่ี รา้ งความสูญเสยี และผลกระทบมากมาย โดยเฉพาะกบั เดก็ และเยาวชน ข้อมูลการสารวจจากกระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคม พบว่าเด็กไทยมีโอกาสเส่ียงจากภัยสื่อ ออนไลน์ถึงร้อยละ 60 สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 56 ทั้งยังพบว่าเด็กไทยใช้อินเทอร์เน็ตเฉลยี่ 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สูงกว่าค่าเฉล่ียโลกถึง 3 ชั่วโมง จึงเป็นหน้าท่ีของทุกฝ่ายที่เก่ียวข้องต้องร่วมกัน ปอ้ งกนั และแก้ปญั หา โดยเฉพาะการสรา้ งการร้เู ท่าทนั สอื่ ไมใ่ หต้ กเปน็ เหย่ือส่ือที่เปน็ ภัยคกุ คาม”
311 กกกกกกกโลกของเครือข่ายสังคมออนไลน์ ก็ไม่ต่างจากโลกความเป็นจริง ที่มีท้ัง “คนดี” “คนร้าย” “ตัวจริง” “ตัวปลอม” ปะปนกันไป แต่ท่ีน่าวิตกกว่าโลกความเป็นจริง คือ เร่ืองราวบนโลกสังคม ออนไลน์ แพร่กระจายไปได้เร็วมาก และหยุดยากด้วย บางคนใช้สื่อสังคมออนไลน์ อย่าง รู้เทา่ ไม่ถึงการณ์ หรอื คาดไมถ่ ึงว่าจะเกดิ ผลเสยี หายตามมา อยา่ งกรณที ี่มีข่าวลือท่สี ร้างความเสียหาย แก่ผู้อื่น และมีการส่งต่อให้เพื่อน ๆ หลังจากน้ันไม่นานผู้เผยแพร่ข้อความได้ถูกตารวจจับกุมข้อหา กระทาความผดิ ตามพระราชบญั ญัตวิ า่ ด้วยการกระทาความผดิ เก่ียวกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2550 และมี ตวั อย่างขา่ วลกั ษณะแบบนี้อยหู่ ลายกรณี จึงปฏิเสธไม่ไดว้ ่าเมื่อเป็น “สังคม” ก็ตอ้ งมกี ฎระเบียบ มขี ้อ ควรปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นสังคมบน “โลกออนไลน์” หรือ “โลกความเป็นจริง” จึงขอกล่าวถึงข้อควร ปฏิบัตแิ ละควรระวังในการใช้เครือข่ายสงั คมออนไลน์ ดงั นี้ กกกกกกก1. พึงตระหนักเสมอว่าการโพสต์ข้อความ หรือแสดงความคิดเห็นเผยแพร่บนส่ือสังคม ออนไลน์ เป็นข้อความท่ีสามารถเข้าถึงได้โดยสาธารณะ ดังน้ันผู้เผยแพร่ต้องรับผดิ ชอบ ทั้งด้านสังคม และกฎหมาย กกกกกกก2. อย่าเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป บนส่ือสังคมออนไลน์ รวมถึงข้อมูลทางการเงิน เพราะการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเท่าไหร่ ภัยร้ายก็จะเข้าใกล้ตัวเรามากขึ้นเท่าน้ัน การระบุ วัน เดือน ปีเกิด จะทาให้มิจฉาชีพทราบถึงอายุ หากเป็นเด็ก หรือวัยรุ่น จะยิ่งเป็นเป้าหมายเพราะล่อลวง ไดง้ ่าย กกกกกกก3. ไม่ควรโพสตข์ ้อความ ท่ชี ้ีชวนใหม้ จิ ฉาชีพรับรู้ความเคล่ือนไหวส่วนตวั ของเราตลอด เช่น บอกสถานะว่าไม่อยู่บ้าน หรือเดินทางไปที่ไหน ขับรถอะไร ซึ่งทาให้ผู้ไม่หวงั ดีวางแผนมาทารา้ ย หรือ วางแผนขโมยทรพั ยส์ ินเราได้ กกกกกกก4. ใช้ความระมัดระวังอย่างย่ิงในการโพสต์ หรือ เผยแพร่ ส่งต่อ ข้อความ รูปภาพ วีดิโอ ท่ีอาจทาให้ผู้อื่นเสียหาย เช่น ภาพหลุด คลิปหลุด หรือ โพสต์รูปภาพที่สื่อถึงอบายมุขต่าง ๆ และไม่ ควรใช้ถ้อยคาหยาบคาย ถ้อยคาลามก อนาจาร ดูหมิ่น ส่อเสียด เสียดสี ให้ร้ายผู้อ่ืนในทางเสียหาย หรอื สร้างความแตกแยกในสังคม กกกกกกก5. พงึ ระมดั ระวงั อยา่ งยิ่งท่ีจะไว้ใจหรือเชื่อใจคน ท่ีรจู้ ักผา่ นอินเทอร์เนต็ ในการแลกเปลี่ยน ข้อมูลส่วนตัว เช่น ช่ือ อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ หรือชื่อสถานศึกษา เพราะอาจถูกหลอกลวง หรอื ลอ่ ลวงไปทาอันตรายได้ กกกกกกก6. ให้ระมัดระวังการเช็คอิน (Check-in) ผ่านส่ือสังคมออนไลน์ โดยใช้กล้องโทรศัพท์ ถ่ายภาพ ระบุพิกัด และเวลา เพราะภาพทุกภาพ การโพสต์ทุกอย่างจะอยู่ในอินเทอร์เน็ต ไม่มีวัน ถูกลบอย่างแท้จรงิ
312 กกกกกกกข้อควรระวังที่กล่าวมาน้ีเป็นเพยี งสว่ นหนึ่ง ของการปฏบิ ัตใิ นการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ เพื่อให้เกิดการตระหนักรู้เท่าทันภยั คุกคามตา่ ง ๆ จากการใช้ส่ือสังคมออนไลน์ เพื่อจะช่วยป้องกันภัย หรอื ลดความเสียหายลงได้ ภาพที่ 86 เลน่ โซเซียลเน็ตเวริ กใ์ ห้ปลอดภยั “รู้” ไวเ้ ลยี่ งอันตราย ภาพที่ 87 สาเหตทุ ไี่ ม่ควรให้ลกู ติดส่อื ออนไลน์
313 กรณีศึกษาท่ี 1 รวบหนุ่มปากช่องหวั ใส สกดั น้ามันกัญชาขายตลาดมืด พรอ้ มของกลางเพยี บ กกกกกกกเม่ือวันท่ี 11 มิถุนายน 2562 เจ้าหน้าท่ีชุดสืบสวน สภ.ปากช่อง นากาลังเข้าควบคุมตัว นายธนากร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ท่ีบ้านพักแห่งหน่ึงในชุมชนโรงสูบ เขตเทศบาลเมืองปากช่อง หลังสืบทราบมาว่า มีการลักลอบผลิตน้ามันกัญชาส่งขายผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค นอกจากน้ี ยังพบของกลาง กัญชาอัดแท่ง ยาเค บ้อง เขียง พร้อมส่วนผสม ท้ังแอลกอฮอล์ น้ามันมะพร้าว อ้างไปได้สูตรมาจากอาจารย์ท่านหน่ึงใน กทม. เบื้องต้นแจ้ง ข้อหา ผลิตยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 5 (กัญชา) โดยผิดกฎหมาย มียาเสพติดให้โทษประเภทท่ี 5 (กัญชา) ไว้ใน ครอบครองเพอ่ื จาหน่ายโดยผิดกฎหมาย เสพยาเสพติดให้โทษประเภทท่ี 5 (กญั ชา) โดยผดิ กฎหมาย มีวัตถอุ อกฤทธิ์ ประเภทท่ี 2 (เคตามีน) ไวใ้ นครอบครองโดยไมไ่ ด้รับอนุญาต จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าท่ีพบของกลาง ประกอบด้วย 1. กัญชาแห้งห่อด้วยกระดาษฟอยล์ สีทอง น้าหนักรวมภาชนะบรรจุประมาณ 8.6 กิโลกรัม 2. เคตามีนแบ่งเป็นถุงบรรจุในถุงพลาสติกใสชนิดกดปิดดึงเปิดได้ จานวน 8 ถุง น้าหนักรวม 97.33 กรัม 3. ขวดบรรจุน้ามันกัญชาขนาดเล็ก จานวน 80 ขวด 4. ขวดเปล่าสาหรับ บรรจนุ ้ามนั กัญชา จานวน 1 ลงั ประมาณ 1,000 ขวด 5. แกลลอนสขี าวบรรจแุ อลกอฮอล์เหลวจานวน 1 แกลลอน 6. นา้ มนั กญั ชาผสมแอลกอฮอลจ์ านวน 1 ชามสเตนเลส ทผ่ี สมแลว้ 1 ชามสแตนเลสขนาดใหญ่ นอกจากน้ี ยังพบอุปกรณ์การเสพ เช่น บ้องกัญชาทาจากไม้ไผ่ 2 บ้อง เขียงไม้ โดย นายธนากร รับว่า ได้ไป เรียนวิธี ทาน้ามันกัญชา มาจากอาจารย์ท่านหน่ึงท่ี กทม. โดยสูตรในการผลิต มีส่วนผสม ทั้งแอลกอฮอล์ กัญชา น้ามันมะพร้าว ส่วนขั้นตอนวิธีการทา ไม่ขอเปิดเผย โดยกัญชา ซื้อมาจากแหล่งซ้ือขายตลาดมดื ใน กทม. นายธนากร ยังบอกว่าน้ามันกัญชา ใช้หยดใต้ลนิ้ รักษาโรคภมู แิ พ้ คลายเครียด นอนหลับสบาย และรักษาโรคอ่นื ๆ ได้อีกหลาย โรค ซึ่งในตลาดมืด มีการจาหน่ายกันต้ังแต่ ขวดละ 500 บาท ถึง 3,000 บาท มีการลงเพจขายกันอย่างโจ๋งครึ่ม โดยตน ผลิต จาหน่าย แจกจ่าย ให้กับวัยรุ่น และกลุ่มคนทั่วไป ในราคา 300 - 500 บาท นาไปขายต่อ ในราคา 500 - 3,000 บาท ขณะท่ีเจ้าหน้าที่ฝากไปถึงประชาชนท่ี ชอบใช้น้ามันกัญชา ว่าการลักลอบผลิตนั้น ไม่มีมาตรฐาน ไม่ถูก สุขลกั ษณะ ผิดกฎหมาย เปน็ อนั ตรายต่อสขุ ภาพ และมีผลข้างเคยี งอยา่ งมาก ควรปรึกษาแพทยก์ ่อนใช้
314 ผลการวิเคราะห์กรณศี ึกษา กกกกกกกผลการวิเคราะห์ จากตัวอย่างกรณีศึกษา รวบหนุ่มปากช่องหัวใส สกัดน้ามันกัญชาขาย ตลาดมดื พร้อมของกลางเพียบ จะเหน็ ได้ว่า กกกกกกก1. ความสาคัญของกรณีศึกษา คือ การสกัดน้ามันกัญชาด้วยตนเองเป็นวิธีการท่ีผิด กฎหมาย กกกกกกก2. ความสัมพันธ์ในกรณีศึกษา คือ มีความต้องการใช้น้ามันกัญชาจากกลุ่มวัยรุ่น และคน ทัว่ ๆ ไป มีการฝา่ ฝืนกฎหมาย ลกั ลอบผลิตนา้ มันกัญชา และมกี ารโฆษณาขายผลิตภัณฑน์ ้ามันกัญชา ขายผ่านสื่อออนไลน์ที่กลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงได้ง่าย ส่งผลให้นายธนากร ตัดสินใจลักลอบผลิต น้ามันกัญชาขายผา่ นสือ่ ออนไลน์ กกกกกกก3. หลกั การสาคัญในกรณีศึกษา คอื (1) การจะเชื่อถือข้อมูลทีผ่ ่านมาจากสื่อออนไลน์ ควร มีการวิเคราะห์ข้อมูล และแยกแยะความถูกต้องของข้อมูล และ (2) ความน่าเช่ือถือของแหล่งผลิต นา้ มันกญั ชาควรมมี าตรฐานรับรอง 4. กรณีศึกษาน้ีให้ประโยชน์ในการนาไปใชค้ อื 4.1 ถ้าจาเป็นต้องใช้น้ามันกัญชา ควรรู้ถึงวิธีการท่ีถูกต้อง ปลอดภัย และมี ประสทิ ธิภาพจากแพทย์ และเภสัชกรทีไ่ ด้รบั อนุญาตใหใ้ ชร้ กั ษาโรคดว้ ยนา้ มันกญั ชา 4.2 แนะนาคนในครอบครัว และคนในชุมชน ว่าต้องมีความรู้ ความเข้าใจ วิธีการท่ี ถูกต้อง ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ถ้าจาเป็นต้องใช้ควรปรึกษาแพทย์ และเภสัชกรภายใต้การ ควบคมุ ดูแลของแพทย์ และเภสัชกรทีไ่ ดร้ ับอนุญาตใช้รักษาโรคดว้ ยนา้ มันกญั ชา
315 กรณศี กึ ษาท่ี 2 องคก์ ารเภสชั เตือน ต้อง “รู้ใหจ้ ริง” นา้ มนั กญั ชาทางการแพทย์ กอ่ นใช้! วันที่ 30 มิถนุ ายน 2562 องค์การเภสัชกรรมได้ทวิตข้อความ เตือนประชาชน โดยระบุว่า เมื่อเรารูว้ า่ กัญชามสี รรพคุณเปน็ ยา ดังนั้น เราจึงตอ้ งรู้ทจี่ ะใชใ้ ห้ถูกต้อง ปลอดภัย และมปี ระสิทธภิ าพแทจ้ รงิ ดว้ ย นะครับ
316 ผลการวิเคราะหก์ รณศี กึ ษา ผลการวเิ คราะห์ จากตวั อย่างกรณีศึกษา องคก์ ารเภสชั เตือน ตอ้ ง “รู้ให้จริง” น้ามนั กัญชาทาง การแพทย์ กอ่ นใช้! จะเห็นได้วา่ กกกกกกก1. ความสาคญั ของกรณีศึกษา คือ ความรทู้ ีถ่ กู ต้องในการใชน้ า้ มันกัญชา กกกกกกก2 ความสมั พนั ธ์ในกรณีศึกษา คอื สาเหตมุ คี วามรู้ในวธิ ีการใช้น้ามันกญั ชาไม่ถูกต้อง ส่งผล ใหใ้ ชน้ ้ามนั กญั ชาได้ไม่ปลอดภัย และไมม่ ีประสิทธิภาพ กกกกกกก3. หลักการสาคัญในกรณีศึกษา คือ ข้อมูลที่ผ่านทางสื่อออนไลน์ ถือได้ว่าเป็นข้อมูลที่มี ความน่าเชื่อถือ โดยดูจากแหล่งท่ีมาของข่าว ว่าข้อมูลที่ได้รับมีความน่าเชอื่ ถือ สามารถเข้าไปดูแหล่ง อา้ งองิ ของขอ้ มูลได้ และเกดิ ประโยชนต์ อ่ ผอู้ า่ น 4. กรณศี กึ ษานี้ใหป้ ระโยชน์ในการนาไปใชค้ ือ 4.1 ไมฝ่ า่ ฝนื กฎหมายลักลอบผลติ น้ามันกญั ชา และใชน้ ้ามนั กัญชาในทุกกรณี 4.2 แนะนาคนในครอบครัว และคนในชุมชน ว่าการฝ่าฝืนกฎหมายลักลอบผลิตน้ามัน กัญชาเปน็ สิง่ ผดิ กฎหมาย เพราะกญั ชาเป็นยาเสพตดิ ใหโ้ ทษประเภท 5 สรุป กกกกกกกเครือข่ายสงั คมออนไลน์กลายเป็นสังคมท่ีมขี นาดใหญ่มากขึ้น และมีความหลากหลายทั้งใน แง่คุณลักษณะทางเพศและอายุ ตลอดจนวัตถุประสงค์การใช้งาน ท่ีนับวันภาพของสังคมออนไลน์ ก็จะย่ิงสะท้อนภาพของคนในสังคมไทยเข้าไปทุกที ตั้งแต่เทคโนโลยีการส่ือสารพัฒนาอย่างก้าวล้า ส่ือสังคมออนไลน์กลับส่งผลไปในทางลบต่อชีวิตประจาวันและความสัมพันธ์ของคนในสังคมอย่าง ชัดเจนยิ่งข้ึน จนกลายเป็นประเด็นทางสังคม ที่ท้ังส่ือ กฎหมายและประชาชนเองจะต้องให้ ความสาคัญในการป้องกันและแก้ไข ซึ่งอาจจะนาไปสู่ปัญหาใหญ่ของสังคม ส่ิงที่เราสามารถทาได้ ในการป้องกันภัยท่ีมาจากสื่อสังคมออนไลน์ ก็คือการรู้เท่าทันสื่อ (Media Literacy) โดยต้องเข้าใจ สภาพของส่ือออนไลนว์ ่าเป็นสังคมท่ีมีทั้งพนื้ ทส่ี ่วนตัวและพน้ื ท่สี าธารณะ เรียนรูก้ ารส่ือสารและการมี ปฏิสัมพันธ์บนโลกออนไลน์กับชีวิตจริงว่า ความรอบคอบและมีสติทุกคร้ังในการส่ือสารและแสดง ความคดิ เหน็ ต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ คอื วธิ ีป้องกนั ภัยรา้ ยเงียบไดเ้ ป็นอยา่ งดี กกกกกกกกรณีศึกษาท่ี 1 จะเหน็ ได้ว่าการสกัดน้ามันกญั ชาด้วยตนเอง เป็นวิธีการทผ่ี ดิ กฎหมาย และ การโฆษณาขายผลติ ภัณฑ์น้ามันกัญชา ผ่านส่ือออนไลน์ สามารถเข้าถึงได้ง่าย แต่การจะเช่ือถือข้อมลู ท่ผี า่ นมาจากสือ่ ออนไลน์ควรมีการวเิ คราะหข์ ้อมลู และแยกแยะความถูกต้องของขอ้ มูลเสียก่อน
317 กกกกกกกกรณีศึกษาท่ี 2 จะเห็นได้ว่า การได้รับความรู้ท่ีถูกต้องในการใช้น้ามันกัญชา จะส่งผลให้ใช้ น้ามันกัญชาได้อย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ข้อมูลที่ผ่านทางสื่อออนไลน์นี้ ถือเป็นข้อมูลท่ีมี ความนา่ เชอื่ ถือสามารถเขา้ ไปดแู หล่งอ้างอิงของข้อมลู ได้ และเป็นประโยชน์ต่อผู้อา่ น
318 ใบความรู้ ท่ี 2 เร่ือง วิเคราะห์ เจาะลกึ กญั ชาและกญั ชง วตั ถุประสงค์ กกกกกกก1. เพอ่ื ใหว้ ิเคราะห์ เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างกัญชากับกญั ชงในทกุ มิติได้ กกกกกกก2. เพื่อให้มีทักษะการแสวงหาความรู้ และทักษะการคิดวิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่าง ระหว่างกญั ชากบั กญั ชง กกกกกกก3. เพ่ือให้ตระหนักถงึ คุณและโทษของสารท่ีพบในกัญชาและกัญชง เน้อื หา กกกกกกก1. ความแตกตา่ งกัญชาและกัญชงทางกายภาพ ภาพท่ี 88 ใบพชื กญั ชา (Indica) ภาพท่ี 89 ใบพืชกญั ชง (Sativa) กกกกกกก 1.1 แหล่งกาเนดิ กกกกกกก แหล่งกาเนิดของพืชกัญชาอยู่ในเขตอบอุ่น และตะวันออกกลาง ปากีสถาน อัฟกานิสถาน อินเดีย และเทือกเขาทิเบต ส่วนพืชกัญชงพบใกล้บริเวณเส้นศูนย์สตู ร ได้แก่ โคลัมเบยี แมก็ ซิโก ไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
319 ภาพที่ 90 แหล่งกาเนิดพืชกัญชาและพืชกัญชง กกกกกกก1.2 ชนิดของสายพนั ุธ์ กกกกกกก กัญชา (Cannabis) มีชือ่ ทางวทิ ยาศาสตร์ Cannabis sativa L. subsp. indica มีลักษณะ เป็นพุ่มเต้ีย ลักษณะหน้าใบกว้างและส้ัน มีสีเขียวเข้ม แผ่นใบเป็นสีเขียวถึงเขียวจัด ใบมี 5 - 7 แฉก การเรียงตัวของใบจะชิดกัน ปล้องหรือข้อสั้น และแตกกิ่งเป็นแบบสลับ เปลือกไม่เหนียวลอกได้ยาก ให้เสน้ ใยส้ันมคี ุณภาพต่า เมือ่ ออกดอกจะมียางทีช่ ่อดอกมาก เมล็ดมีขนาดเล็ก ผิวเมล็ดมันวาว ใบเม่ือ นามาสูบจะมีกลิ่นหอมคล้ายหญ้าแห้ง มีสาร tetrahydrocannabinol (THC) ประมาณร้อยละ 1 - 10 ชอง บปั ตสิ ต์ เดอ ลามารก์ (Jean Baptiste de Lamarck) นกั ชวี วิทยาชาวฝรง่ั เศสได้ค้นพบความ แตกตา่ งของแคนนาบสิ ชนดิ น้ใี นแถบอนิ เดยี จึงมตี ง้ั ชือ่ โดยมีคานาหนา้ ว่า indica ภาพท่ี 91 ตน้ กัญชา ภาพท่ี 92 ต้นกัญชง
320 กกกกกกกกัญชง หรือ เฮมพ์ (Hemp) มีช่ือทางวิทยาศาสตร์ว่า Cannnabis sativa L.. subsp. sativa ลา ต้นสงู มากกวา่ 2 เมตร ปลอ้ งหรอื ข้อยาว แตกก่งิ ก้านน้อยและแตกก่ิงไปในทางเดียวกัน เปลอื กเหนียวลอก งา่ ย ให้เสน้ ใยยาวคุณภาพสูง แผ่นใบเปน็ สีเขียวอมเหลือง ใบมแี ฉกประมาณ 7 - 9 แฉก การเรียงตัวของใบ ค่อนข้างห่าง เมื่อออกดอกจะมียางที่ช่อดอกไม่มาก เมล็ดมีขนาดใหญ่และเป็นลาย ผิวเมล็ดหยาบด้าน ใบ เมอ่ื นามาสบู จะมีกลิน่ หอมน้อยทาใหผ้ ู้เสพปวดหัว มีสาร tetrahydrocannabinol (THC) น้อยกว่าร้อยละ 1.0 ใช้ประโยชน์เพ่ือต้องการเส้นใย กกกกกกก1.3 กญั ชาตัวผู้ ตวั เมีย และกะเทย มีความโดดเด่นที่แตกต่าง กกกกกกก- กัญชาเปน็ พชื แยกเพศต่างต้น คือมีทั้งกัญชาเพศผูแ้ ละเพศเมีย กกกกกกก- กัญชาเพศผู้มีโครโมโซม XY ส่วนกัญชาเพศเมียมีโครโมโซม XX โดยตามธรรมชาติจะมี ....................สัดสว่ นอยทู่ ่ีครึ่งตอ่ คร่ึง กกกกกกก- กัญชาสามารถเป็นพืชท่ีมี 2 เพศในต้นเดียวได้ โดยมีทั้งเกสรตัวเมียและเกสรตัวผู้ในต้น เดียวกันที่เรียกว่า “กัญชากะเทย” ซ่ึงจะผลิตดอกและจะถ่ายละอองเรณูกับดอกพวกนั้น โดยกัญชา อาจเป็นกัญชากะเทยได้เองตามธรรมชาติ หรือกลายเป็นกะเทยเนื่องจากความเครียดของพืชจาก ปจั จัยอยา่ งแสงแดดท่มี ากไป นา้ ทมี่ ากไปหรอื ไม่เพียงพอ รวมไปถึงแมลงหรือโรค เป็นต้น กกกกกกก- เพศของกัญชาไม่ใช่แค่ขึ้นอย่กู บั พนั ธกุ รรม แต่กข็ ้นึ อยู่กบั ปัจจยั ส่งิ แวดลอ้ มรอบขา้ งด้วย แต่ละเพศมีความโดดเด่นที่แตกต่างกนั กัญชากะเทยมักไม่นิยมนาผลติ ผลมาใช้เน่ืองจากดอกที่เต็มไปด้วยเมลด็ แปลว่าสารแคนนาบินอยด์ มีจานวนไม่มาก จึงไม่นิยมนามาใช้ในการรักษา อีกทั้งคุณภาพของตัวต้นจะไม่ดีเท่ากัญชาตัวผู้หรือ กัญชาตัวเมีย ทั้งนี้กัญชากะเทยสามารถผสมพันธุ์เองได้ แปลว่ากัญชารนุ่ หลังจะเป็นกัญชาท่ีสามารถ เปน็ พืช 2 เพศในตน้ เดียวกนั ทจ่ี ะทาใหแ้ หลง่ รวมยีนดอ้ ยลง ไมห่ ลากหลายเพราะการผสมพนั ธกุ์ ันเอง 1.4 กระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง 1.4 กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (photosynthesis) กัญชา หรือ อินดิก้า (indica) มี คลอโรฟิลล์ (chlorophyll) สูงจึงทาให้โตเร็วกว่าสายพันธุ์ย่อย กัญชง หรือซาติวา (sativa) ซึ่งทาให้ อินดีก้ามีสีเขียวเข้มกว่า แต่จะมีรงควัตถุ (accessory pigments) ท่ีทาหน้าที่จับพลังงานแสงแดด ทน่ี ้อยกว่าจงึ มกี ารเติบโตในประเทศที่มีอากาศเย็น
321 ภาพท่ี 93 รายละเอยี ดพืชกัญชาและพชื กญั ชง
322 กกกกกกก1.5 ประโยชน์ของพืชกัญชง กัญชง หรอื เฮมพ์ (Hemp) นามาใชป้ ระโยชนไ์ ดห้ ลายมิติ โดยแบง่ เปน็ 2 กลมุ่ 1. กัญชงสาหรับอุตสาหกรรม (Industrial 2. กัญชงเพ่ือใช้เป็นยา (Medicinal Hemp) คือ Hemp) คือพันธ์ุกัญชงที่ให้เส้นใยไฟเบอร์สูง พันธุ์กัญชงที่มีวัตถุประสงค์ในการเล้ียง เพ่ือให้ได้ ปริมาณน้ามันท่ีจะผลิต THC ต่า โดยเน้นใน ดอกกัญชง โดยดอกกัญชงจะผลิตเป็นน้ามันได้ สว่ นของลาต้นกญั ชงเปน็ หลกั โดยประเทศไทย มากท่ีสุด แต่น้ามันนั้นจะให้สาร THC ต่า แต่มี ได้มีการปลูกกัญชงและตัดกัญชงก่อนท่ีจะออก ความคาดหวังที่จะให้สารแคนนาบิไดออล หรือ ดอกเพ่ือให้ได้ใยกัญชงมาผลิตในอุตสาหกรรม CBD ซึ่งเป็นสารในกลุ่มแคนนาบินอยด์ที่ช่วยลด ปัจจุบันใยกัญชงซึ่งมีคุณสมบัติท่ีเหนียว การอักเสบ ลดความเครียด และช่วยอาการเกร็ง ทนทานได้ถูกนามาใช้เป็นผลติ ภณั ฑ์หลายชนิด ผิดปกติ รวมถึงการนามาใช้ช่วยบาบัดอาการทาง เช่น ส่วนประกอบของแผงประตูรถยนต์ สมอง เช่น โรคลมชัก และโรคพาร์กินสัน ฯลฯ อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า กระเป๋า เยื่อ ปัจจุบันมูลค่าของ CBD มีราคาสูงมาก ไม่เพียง กระดาษ ไม้แปรรูป วัสดุก่อสร้าง อาหารสัตว์ นามาใช้เป็นยารักษาโรคเท่าน้ัน แต่ยังนามาใส่ใน ฯลฯ ผลิตภัณฑ์น้ามัน CBD ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อาหาร ขนม เคร่อื งดื่ม เคร่ืองสาอาง ฯลฯ กกกกกกกน กกกกกกกนอกจากนั้นแล้วยังมีส่วนท่ีเป็น “เมล็ดกัญชง” ท่ีเมื่อถูกเครื่องบีบอัดออกมาแล้วก็จะได้ “น้ามันกัญชง” จากเมล็ดซึ่งไม่มีทั้ง THC และ CBD แต่จะมีน้ามันโอเมก้า 3 ซ่ึงทาให้เลือดเหลวตัว ลดการก่อตัวเป็นล่ิมเลือด ช่วยลดการอักเสบของหลอดเลือด ซึ่งสามารถนามาใช้เป็นผลิตภัณฑ์เสริม อาหารทม่ี ีคุณค่าได้เชน่ เดยี วกนั กกกก กล่าวโดยสรุป พืชกัญชากับพืชกัญชงมีความแตกต่างกันในด้านแหล่งกาเนิด ซ่ึงมีการ ระบุว่า พืชกัญชาอยู่ในเขตอบอุ่น ส่วนพืชกัญชงพบใกล้บริเวณเส้นศูนย์สูตร โดยกัญชามีช่ือทาง วิทยาศาสตร์ว่า แคนนาบสิ ซาตวิ ่า แอล. อินดกี ้า (Cannabis sativa L. subsp. indica ) สว่ นกัญชงมีช่ือ ทางวิทยาศาสตร์วา่ แคนนาบิส ซาติว่า แอล. ซาติว่า (Cannnabis sativa L.. subsp. sativa ) พืชกัญชาใน ท่ีนหี้ มายรวมถงึ กญั ชงดว้ ย มีการแยกเพศตา่ งต้น เปน็ ตวั ผู้ ต้นตัวเมีย และยงั มีตน้ กะเทย ซงึ่ มีสองเพศ ในต้นเดยี วกนั ด้านการสงั เคราะหแ์ สงเจริญเตบิ โตกญั ชามคี ลอโรฟิลล์สูงจึงทาให้โตเรว็ กว่ากญั ชง ทาให้ กญั ชามีสเี ขียวเขม้ กว่า และเตบิ โตในประเทศที่มีอากาศเย็น
323 ภาพที่ 94 เพศของกญั ชา กกกกกกก2. ความแตกต่างของสารสกัดกัญชาและกญั ชง กกกน การกาหนดคานิยามของคาว่า “กัญชง” ของแต่ละประเทศ เพ่ือให้แยกออกจากคา นิยามจากกัญชาน้ันมีความแตกต่างกัน โดยใช้ปริมาณของสาร THC ร้อยละของน้าหนักดอกเป็น เกณฑ์ตัดสิน โดยในประเทศแคนนาดา และสหรัฐอเมริกาได้กาหนดสาร THC ต่ากว่าร้อยละ 0.3 คือ กัญชง ในขณะทส่ี หภาพยุโรปกาหนดสาร THC ตา่ กว่าร้อยละ 0.2 คอื กัญชง กกกน ในประเทศไทย ตามประกาศคณะกรรมการควบคุมยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ได้กาหนดลักษณะ ตามปรมิ าณสาร THC ในใบและช่อดอกไม่เกนิ ร้อยละ 1.0 ตอ่ นา้ หนักแห้ง คือ กญั ชง ดงั นั้น หากปรมิ าณสาร THC สงู เกนิ กวา่ ทีแ่ ต่ละประเทศกาหนด จัดได้ว่าเปน็ กญั ชา ภาพที่ 95 ภาพแสดงชวี ะสังเคราะหส์ าร THC สาร CBD และภาพครึ่งใบของพืชกัญชาและกญั ชง
324 กกกกกกก2.. การพัฒนาสายพันธ์ุกัญชาท่ีมีค่าเฉล่ียสาร CBD สูง เพ่ือใช้ทางการแพทย์ ปัจจุบัน มีหลายประเทศท่ัวโลกที่อนุญาตให้ใช้ CBD ทางการแพทย์ รวมท้ังประเทศไทยอนุญาตให้ผู้ป่วยใช้ กัญชาทางการแพทย์ได้ ถึงแม้ไม่สามารถปลูกพืชชนิดนี้อย่างถูกกฎหมายได้ในประเทศไทย สายพันธุ์ กัญชาท่ีนิยมนามาใช้ทางการแพทย์ส่วนใหญ่จะเน้นสายพันธ์ุท่ีมี CBD สูง แต่มี THC ท่ีต่า หรือ ใกล้เคียง สาเหตทุ ีม่ ีการผลักดนั ให้ใช้ CBD ทางการแพทย์ เพราะสารนม้ี ปี ระโยชน์ในการรักษาท่ีคล้าย กับ THC แต่ CBD ไม่ทาให้เกิดอาการเมาเหมือนกับ THC จึงดูเหมาะสมท่ีจะนามาใช้ทางการแพทย์ มากกว่า แต่อย่างไรก็ตามโรคบางโรคนั้นต้องใช้ท้ัง CBD และ THC ควบคู่กันไปในการรักษา เช่น โรคมะเรง็ บรรเทาอาการปลายปอกประสาทเส่ือม สาระสาคญั ตารางเปรยี บเทยี บคุณและโทษของสารกัญชาและกัญชง ทมี่ ใี น กญั ชา THC คณุ 1. ยบั ยงั้ ลดอาการปวดในการรักษาโรค โทษ 2. ใช้เปน็ ยาในการรกั ษาทางการแพทย์ 3. เปน็ ภูมปิ ัญญาการแพทย์แผนไทย ใช้ปรุงผสม สาหรับตารับยา 16 ตารับ สารสาคญั 1. มผี ลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทม่ี ีใน กญั ชง 2. รับในปริมาณมากจะทาใหเ้ กดิ การเสพตดิ และมนึ เมา เนื่องจากมปี ริมาณ สารเสพตดิ มาก 3. ผลขา้ งเคยี ง ทาใหป้ ากแห้ง กระหายน้า หวั ใจเตน้ เร็ว ตอบสนองชา้ ตาแดง หรอื ความจาลดลง 4. ผ้ใู ดครอบครอง ที่ไม่ได้รับอนุญาตมโี ทษตาม พรบ.ยาเสพให้โทษประเภทที่ 5 CBD คณุ 1. ไม่มีผลข้าง เคียงต่อระบบประสาทสว่ นกลาง 2. ใชเ้ ป็นยาในการรักษาทางการแพทย์ 3. ใช้เป็นสารต้านฤทธิ์ THC ได้ เพ่อื ลดอาการมึนเมา และเสพตดิ 4. ลดอาการความเจ็บปวด โทษ 1. ถา้ รับเข้าในรา่ งกายในปริมาณมาก อาจจะทาให้เกดิ การอาเจยี น
325 กลา่ วโดยสรุป สาร THC และ CBD ถกู นาไปใช้ประโยชนท์ างการแพทย์ สาร THC มผี ลต่อ ระบบประสาทส่วนกลาง แต่สาร CBD ไมม่ ีผลข้างเคียงต่อระบบประสาทสว่ นกลาง กกกกกกก3. สารในกัญชงและกญั ชา ตามกฎหมายกาหนด ยงั เป็นยาเสพติด 3.1 ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับท่ี 2 ยังคงยืนยันกาหนดให้กัญชาและกัญชง เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เช่นเดิม การผลิต เพาะปลูก นาเข้า ส่งออก จาหน่าย หรือมีไว้ใน ครอบครองโดยไมไ่ ด้รับอนญุ าตเปน็ ความผดิ ตามกฎหมายยาเสพตดิ ให้โทษ 3.2 ประกาศฉบับน้ีเป็นเพียงการประกาศยกเว้นให้สารสกัดจากกัญชาและกัญชงท่ีมี ปริมาณของสาร THC เพียงเล็กน้อย รวมถึงบางส่วนของพืชกัญชงไม่ถูกควบคุมเป็นยาเสพติดให้โทษ เพ่ือให้นาไปใช้ในอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ เช่น อาหาร เครื่องสาอาง ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และยา เทา่ นั้น 3.3 ผลของประกาศกาหนดให้สารสกัดและบางส่วนของพืชกัญชาและกัญชงเป็นยา หรือสมนุ ไพรเทา่ นัน้ 3.3.1 ปลอกแห้ง แกนลาต้นแห้ง เสน้ ใยแหง้ ของกัญชาและกญั ชง 3.3.2 สาร CBD บริสุทธิ์ร้อยละ 99 ท่ีมี THC ผสมไม่เกินร้อยละ 0.01 (เพื่อ นามาใชเ้ ป็นสารมาตรฐานในหอ้ งปฏิบตั ิการ) 3.3.3 สารสกัด CBD หรือผลิตภัณฑ์จากสารสกัด CBD ท่ีมีสาร THC ผสมไม่เกิน ร้อยละ 0.2 ที่เป็นยาหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพรตามกฎหมายว่าด้วยยาหรือสมุนไพร (เช่นเดียวกับใน หลายประเทศท่ยี กเว้น) 3.3.4 เมลด็ กัญชงหรือน้ามันจากเมล็ดกัญชงทเี่ ปน็ อาหารตามกฎหมายว่าดว้ ยอาหาร 3.3.5 น้ามันหรอื สารสกัดจากเมล็ดกัญชงตามกฎหมายวา่ ด้วยเครื่องสาอาง 3.4. ในระยะเวลา 5 ปีแรกนับจากวันท่ี 31 ส.ค.2562 สารสกัด CBD หรือผลิตภัณฑ์ จากสารสกัด CBD ท่ีเป็นยาหรือสมุนไพร เมล็ดกัญชง น้ามันจากเมล็ดกัญชง หรือสารสกัดจากเมล็ด กัญชงที่เป็น อาหาร หรือเครื่องสาอาง จะได้รับการยกเว้นไม่เป็นยาเสพติดให้โทษจะต้อง “ผลิตใน ประเทศเท่าน้ัน” เพ่ือป้องกันมิให้นาเข้ายาหรือผลิตภณั ฑ์สมุนไพร อาหาร หรือเครื่องสาอางสกัดจาก เมล็ดกญั ชงจากต่างประเทศอยา่ งเสรี 3.5. การดาเนินการต่อไป กระทรวงสาธารณสุขกาลังเร่งแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงว่า ด้วยการอนุญาตเกี่ยวกับกัญชง พ.ศ.2559 จากเดิมมีบทเฉพาะกาล 3 ปีท่ีให้เฉพาะหน่วยงานของรัฐ ขออนุญาตปลูกกัญชงได้ เป็นให้ภาคเอกชนสามารถขออนญุ าตปลูกได้ด้วย กลา่ วโดยสรุป ตามกฎหมาย กัญชาและกญั ชง ยงั คงเปน็ ยาเสพติด
326 สรปุ 1. ความแตกต่างกัญชาและกัญชงทางกายภาพ คือ พืชกัญชากับพืชกัญชงมีความ แตกต่างกันในด้านแหล่งกาเนิด ซึ่งมีการระบุว่า พืชกัญชาอยู่ในเขตอบอุ่น ส่วนพืชกัญชงพบใกล้ บริเวณเส้นศูนย์สูตร โดยกัญชามีช่ือทางวิทยาศาสตร์ว่า แคนนาบิส ซาติว่า แอล. อินดิก้า (Cannabis sativa L. subsp. Indica ) ส่วนกัญชงมีช่ือทางวิทยาศาสตร์ว่า แคนนาบิส ซาติว่า แอล. ซาติว่า (Cannnabis sativa L.. subsp. Sativa ) พืชกัญชาในท่ีน้ีหมายรวมถึงกัญชงด้วย มีการแยกเพศต่างต้น เปน็ ตัวผู้ ตน้ ตวั เมีย และยังมีตน้ กะเทย ซ่งึ มีสองเพศในตน้ เดียวกนั ด้านการสงั เคราะหแ์ สงเจริญเตบิ โต กัญชามีคลอโรฟิลล์สูง จึงทาให้โตเร็วกว่ากัญชง ทาให้กัญชามีสีเขียวเข้มกว่า และเติบโตในประเทศที่มี อากาศเย็น 2. ความแตกต่างของสารสกัดกัญชาและกัญชง คือ สาร THC และ CBD ถูกนาไปใช้ ประโยชน์ทางการแพทย์ แต่สาร THC มีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ส่วนสาร CBD ไม่มีผลข้าง เคยี งตอ่ ระบบประสาทสว่ นกลาง 3. สารในกญั ชงและกญั ชา ตามทกี่ ฎหมายกาหนด ยงั เป็นยาเสพตดิ
327 ใบความรทู้ ่ี 3 เรอื่ ง กัญชาและกัญชงก่อใหเ้ กดิ โรคจิตเวชได้ วตั ถปุ ระสงค์ กกกกกกก1. เพ่ือให้มีความรู้ ความเข้าใจ กัญชาและกัญชงก่อให้เกิดโรคจิตเวชได้ กกกกกกก2. เพื่อให้มีทักษะการแสวงหาความรู้เร่ือง กัญชาและกัญชงก่อให้เกิดโรคจิตเวชได้ กกกกกกก3. เพื่อให้ผู้เรียนมีความตระหนักถึงความสาคัญของ โทษกัญชาและกัญชงก่อให้เกิดโรค จิตเวชได้ เนือ้ หา กกกกกกกกัญชามีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาคล้ายกับยากระตุ้นประสาท ยากดประสาท ยาหลอนประสาท ยาแก้ปวด และยาท่ีออกฤทธิ์ทางจิตประสาท ทาให้ผู้เสพกัญชามีอาการเคล้ิมจิต โดยในข้ันต้นมักจะเป็น อาการกระตุ้นประสาท ผู้เสพจะมีอาการล่องลอย สับสน ปากแห้ง อยากอาหาร ชีพจรเต้นเพิ่มขึ้น ตาแดงขึ้นในขณะท่ีเสพ หากเสพเป็นประจา สุขภาพโดยภาพรวมจะเส่ือมลง ผู้ที่เสพติดกัญชาส่วนใหญ่ จะมีโอกาสป่วยเป็นโรคจิตในภายหลังมากกว่าคนที่ไม่สูบถึงร้อยละ 60 ยิ่งเสพมากและเสพเป็นเวลานาน ก็ย่ิงเพิ่มความเสี่ยงมาก โดยผู้เสพหนักสุดจะมีโอกาสเป็นโรคจิตมากกว่าคนปกติ 4 - 6 เท่า กรมการแพทย์ เปิดเผยการศึกษาผู้ป่วยเสพติดกัญชาท่ีเข้ารับการรักษา จากสถาบันบาบัดรักษายาเสพติดของรัฐ 6 แห่ง ทั่วประเทศ สถาบันบาบัดรักษาและฟ้ืนฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี โรงพยาบาลธัญญา รักษ์เชียงใหม่ ขอนแก่น อุดรธานี สงขลา ปัตตานี พบเป็นโรคจิตเวชสูงถึง ร้อยละ 72.3 การเสพ กัญชาเป็นการเริ่มเสพยาเสพตดิ ร้ายแรงท้ังปวง กกกกกกกโรคจิต (Psychosis) คือ ภาวะอาการทางจิตที่ผ้ปู ่วยมักมอี าการหลงผิดไปจากความเป็นจริง ประสาทหลอน หูแว่ว เห็นภาพหรือรับรู้ในส่ิงที่ไม่มีอยู่จริง อาการโรคจิตหรือวิกลจริตน้ีเป็นปัญหา สุขภาพจิตท่ีอาจเกิดข้ึนได้จากหลายสาเหตุทั้งปัจจัยภายในอย่างความผิดปกติทางจิตต่าง ๆ อาการ เจ็บปว่ ยทางรา่ งกาย และปัจจยั ภายนอกอย่างการใช้ยาหรือสารเสพตดิ กกกกกกกอาการโรคจิต แม้อาการบางอย่างของผู้ป่วยโรคจิตจะทาให้ครอบครัวและบุคคลรอบข้าง เปน็ กังวล ผู้ปว่ ยโรคจิตแตล่ ะคนอาจมีลักษณะท่าทางและอาการทป่ี รากฏแตกต่างกันไป แต่โดยทั่วไป แล้ว กลุ่มอาการหลัก ๆ ของโรคจิต ได้แก่ ประสาทหลอน ประสาทรับรูท้ ้ัง 5 ประกอบด้วย ความคิด มีความคิดหลงผิด การรับรู้ มีประสาทหลอน อารมณ์ย้ิมคนเดียว สีหน้าท่ีเรียบเฉย การพูด คาพูด สบั สน พูดเพ้อเจอ้ พฤตกิ รรมและการแสดงออก แยกตวั พูดคนเดียวคล้มุ คลั่ง
328 กกกกกกกอาการเตือนของผู้ป่วยโรคจิตเภท หากพบว่าผู้ท่ีเสพกัญชามากและใช้ระยะเวลานาน มีอาการเตือน ควรพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ เพ่ือตรวจสอบว่า กาลังจะมีอาการโรคจิตใช่หรือไม่และ จะแก้ไขอย่างไร ตัวอย่างอาการเตอื นที่พบบ่อย เช่น สมาธิหรือความจาไม่ดี อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย ความคิดช้าเกินไป นอนไม่หลับ ความคิดเร็วเกินไป รับประทานอาหารมากขึ้นหรือน้อยลง วิตกกังวล หรือตึงเครียด ไม่มีเรี่ยวแรงหรือไม่อยากทาอะไร ซึมเศร้าหรือเบ่ือหน่าย มีความรู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ รอบตวั เปล่ียนไป โกรธหรือหงดุ หงดิ ง่าย ไมไ่ วว้ างใจหรอื ระแวงผูอ้ ่นื กกกกกกกผู้ป่วยจิตเวชที่มีความเส่ียงสูงต่อการก่อความรุนแรง ทาร้ายตัวเองด้วยวิธีรุนแรงมุ่งหวัง ให้เสียชีวิต ทาร้ายผู้อื่นด้วยวิธีรุนแรงก่อเหตุการณ์รุนแรงในชุมชน มีความคิดทาร้ายผู้อื่นให้ถึงแก่ชีวิต ก่อคดีอาญารนุ แรง (ฆา่ พยายามฆา่ ข่มขนื วางเพลงิ ) กกกกกกกนายแพทย์สมศักด์ิ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าววา่ ความเส่ียงของการเสพกัญชา กับโรคจิตเภท ซึ่งมีผลทาให้อาการทางจิตและการพยากรณ์โรคแย่ลง โดยเฉพาะคนที่มีกรรมพันธ์ุ ทจี่ ะเปน็ โรคจติ หรือเคยมอี าการทางจติ มาก่อนเม่ือใช้กัญชาจะทาใหเ้ กดิ อาการทางจิตได้มากขนึ้ กกกกกกกผศ.ดร.พญ.รัศมี สังข์ทอง หน่วยระบาดวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีการออกเอกสารเผยเพร่ ผลของการใช้กัญชาต่อจิตประสาทในเด็กและเยาวชน โดยระบุวา่ เมื่อเสพกัญชา เข้าไปในระยะแรก กัญชาจะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทาให้ผู้เสพมีอาการต่ืนตัว ตื่นเต้นจาก สารเตตรา ไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol : THC) แต่เมื่อผ่านไป 1 - 2 ช่ัวโมง กัญชาจะเริม่ ออก ฤทธ์ิ กดประสาท มีโอกาสเกิดสมองเส่ือมถาวร หรือเป็นจิตเภท โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชน อารมณ์ อ่อนไหว เลื่อนลอย สมองส่ังงานช้า ไม่สนใจส่ิงแวดล้อม ร่าเริงผิดปกติ รู้สึกกังวล กลัว ไม่กล้าไว้ใจใคร ซึมเศรา้ คิดฆ่าตัวตาย ดุรา้ ยผิดปกติ มองเห็นภาพหลอน ควบคุมตัวเองไมไ่ ด้ นาไปสู่ อุบัตเิ หตุ ปัญหา การเรียน ผลการเรียนตกต่า ขาดสมาธิในการเรียน ความสามารถในการเรียนรู้แย่ลงและมีปัญหา สขุ ภาพจติ หรือวกิ ลจริตนาไปสู่โรคจติ เวชได้ สรปุ กกกกกกกกัญชาและกัญชงก่อให้เกิดโรคจิตเวช การใช้กัญชาและกัญชงส่งผลต่อจิตประสาทในเด็ก และเยาวชน เม่ือเสพกัญชาเข้าไปในระยะแรก กัญชาจะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท เมื่อร่างกายรับสาร เตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol : THC) หลังจาก 1 - 2 ช่ัวโมง จะเร่ิมออกฤทธ์ิ กดประสาท และประสาทหลอน ควบคุมตัวเองไม่ได้ ผู้ที่เสพกัญชาเป็นเวลานานทาใหเ้ สี่ยงต่อการเสพติด กัญชา มีโอกาสทาให้สมองเส่ือม และเกิดปัญหาสุขภาพจิต ซ่ึงนาไปสู่โรคจิตเวชได้ และผู้ป่วยจิตเวช มีความเส่ียงสูงต่อการก่อความรุนแรง ทาร้ายตัวเอง ทาร้ายผู้อื่นให้ถึงแก่ชีวิต รวมถึงก่อเหตุการณ์ รุนแรงในชุมชน
329 ใบความรทู้ ี่ 4 เร่ือง กรณศี กึ ษาโทษของการฝา่ ฝืนใช้กัญชาและกญั ชง วตั ถุประสงค์ กกกกกกก1. เพ่ือใหผ้ ูเ้ รียนมีความรู้ความเข้าใจในกรณศี ึกษาโทษของการฝา่ ฝนื ใช้กัญชาและกญั ชง กกกกกกก2. เพ่อื ใหผ้ ู้เรยี นมีทักษะแสวงหาความรู้และทักษะการคดิ วเิ คราะห์ กรณีศึกษาโทษของ การฝ่าฝนื ใชก้ ัญชาและกญั ชงกกกกกกก กกกกกกก3. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนตระหนักถึงโทษของการฝา่ ฝนื ใช้กัญชาและกญั ชง เนอื้ หา กกกกกกกกรณศี ึกษาโทษของการฝา่ ฝืนใชก้ ญั ชาและกัญชง กรณที ี่ 1 เปิดใจ\" แม่ถกู จับปลกู กัญชา เหตลุ ูกอา้ ง \"พืชสมุนไพร\" กกกกกกกเร่ืองดังกล่าวเปิดเผยข้ึนจาก นางเขียว อายุ 62 ปี (นามสมมุติ ) ชาวบ้าน จังหวัด สกลนคร อดีตผู้ต้องขังคดีลักลอบปลูก “กัญชา” ด้วยความไม่รู้กฎหมาย กล่าวว่า เมื่อประมาณ ปลายปี 2560 ซ่ึงมีกระแสของการผลักดันให้มีการนา “กัญชา” มาวิจัยรักษาโรค และสกัด เป็นยา ลูกชายตนเอง คือ นายแดง (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ได้นาเมล็ดพืชชนิดหน่ึง มาปลูก ลงกระถาง บอกว่า สงั่ ซือ้ ผา่ นทางอินเตอร์เน็ต เป็นพืช 'สมุนไพรรักษาโรคมะเรง็ ' และขอใหแ้ ม่ช่วย รดน้าใหด้ ้วย กกกกกกกด้วยความเชือ่ ลกู ชายจึงไม่คิดอะไร “นางเขียว” ได้ช่วยรดน้า ‘ต้นสมุนไพร’ ของลูกชาย ท่ีปลกู ลงกระถางวางปะปนไว้กับต้นผกั สวนครวั ตนเองทีป่ ลูกอยู่หนา้ บา้ น และพบวา่ ตน้ ไมส้ มุนไพร ก็เจริญงอกงามดี จนเริ่มมีใบแตกออกมา สังเกตว่า ลูกชายชอบไปเด็ดมาให้แม่ใส่ในต้มหรือแกง บอกเป็น “สมุนไพรป้องกันมะเร็ง” จนเวลาผ่านมา 3 เดือน ต้นสมุนไพร โตขึ้นสูงประมาณ 50 - 70 เซนติเมตร มีใบแตกออกมา ซึ่งตนเองไม่เคยเห็นต้นกัญชา จึงยังคิดว่าเป็นต้นสมุนไพร โดยเห็น ลูกชาย คอยยกกระถางไปวางใหไ้ ดร้ ับแสงแดด
330 ก กกกกกกกจนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตารวจ เดินทางมาที่บ้าน ขณะที่ตนเองกาลังรดน้าต้นไม้ และ ตารวจถามว่า ตนเองปลูกอะไร ตนก็ตอบว่า ปลูกต้นสมุนไพร ไว้ป้องกันรักษาโรคมะเร็ง จึงถูก เจ้าหน้าท่ีตารวจเชิญไปท่ีสถานีตารวจเพื่อสอบสวน พร้อมนากระถางต้นไม้สมุนไพรไปด้วย และ ต่อมาถูกตั้งข้อหาลักลอบปลูกยาเสพติดประเภท 5 (กัญชา) และมีครอบครองไว้โดยไม่ได้รับ อนุญาต กกกกกกกขณะนั้นตนเอง คิดอะไรไม่ออก เมื่อถูกตารวจจับและตนเองเป็นเจ้าบ้าน จึงรับผิด เป็นคนปลูกเอง เพื่อไม่ให้ลูกต้องรับผิด และจะได้ไม่เสียประวัติ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตารวจ ได้ รวบรวมหลักฐานสั่งฟ้องดาเนินคดี โดยศาล มีคาสั่งลงโทษจาคุก 1 ปี ปรับเป็นเงิน 1 แสนบาท แต่ตนเองไม่มีเงินเสียค่าปรับ จึงต้องเข้าไปคุมขังในเรือนจาแทนค่าปรับ วันละ 500 บาท ทาให้ ต้องอยู่ในเรือนจาประมาณ 6-7 เดือน และพ้นโทษออกมาเม่ือกลางปี 2561 กกกกกกกนาง “เขียว” กล่าวด้วยว่า ถือเป็นช่วงหนึ่งของชีวิตที่ไม่คิดว่าจะได้เข้าไปในเรือนจา ได้ประสบการณ์หลายอย่าง หากจะได้เข้าไปอีก..วันเดียวก็ไม่ไป เพราะลาบากในการใช้ชีวิต พร้อมเตือนผู้ท่ีจะกระทาผิดอย่าคิดจะเข้าไป ส่วนกรณีของลูกชายตนเอง เจ้าหน้าท่ีตารวจบอก ว่า ไม่สามารถสืบหาต้นตอได้ เพราะกล่องที่บรรจุเมล็ดกัญชา ส่งมาตามบ้านเลขที่ของตนเอง แต่ไม่ระบุต้นทางที่ส่งมา กกกกกกกวิเคราะห์กรณีศึกษาที่ 1 กกกกกกก1. ความสาคัญในกรณีศึกษา คือ การฝ่าฝืนกฎหมายห้ามปลูกกัญชา กกกกกกก2. ความสัมพันธ์ที่พบในกรณีศึกษา คือ สาเหตุในเรื่องของกัญชา บวกกับความเชื่อใจ บุตรชาย นางเขียวจึงได้นากัญชามาปลูกเพ่ือรักษาโรค ตามท่ีบุตรชายบอกให้ทา และรับผิดแทน บุตรชาย เพือ่ ไมใ่ หบ้ ุตรชายเสียประวัติ ทาใหน้ างเขยี ว ถกู ฟ้องดาเนนิ คดี กกกกกกก3. หลักการท่ีพบในกรณีศึกษา คือ การปลกู กัญชามีความผิดตามกฎหมายพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ในมาตรา 26/3 คือ ผู้ใดมีไว้ครอบครองซ่ึงยาเสพติดให้โทษ ในประเภท 5 (กัญชา) ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหน่ึงแสนบาท หรือทั้งจา ทัง้ ปรบั กกกกกกก4. กรณีศึกษานี้ให้ประโยชน์ในการนาไปใช้ คือ กกกกกกกกก 4.1 ตนเอง คือ กกกกกกกกก 4.2 ครอบครัว คนในชุมชน คือ
331 กรณที ่ี 2 พีช่ ายดาราดังเสพกัญชา แหกดา่ น กกกกกกกพ่ีชายดาราดังซิ่งรถฟอร์จูนเนอร์แหกด่านตรวจ ตารวจสกัดจับวุ่นต้องปิดถนนล็อกตัว พบเศษกระดาษห่อกัญชาตรวจปัสสาวะพบสาร THC เป็นผลบวก อ้างสับสนคิดว่าตารวจให้ผ่าน ทาง ขณะท่พี นกั งานสอบสวนแจ้งหลายขอ้ หา นาตวั สง่ ศาลรับโทษรอลงอาญาและคุมประพฤติ กกกกกกกพ่ีชายดาราดังเสพกัญชาแหกด่านจุดตรวจค้นอาวุธและยาเสพติดบริเวณหน้าศูนย์ ดับเพลิง พบรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ขับเข้าด่านแล้วไม่หยุด จากน้ันตารวจสายตรวจนา กาลังขับรถไล่ติดตามอย่างกระชั้นชิด ตารวจประสานงานให้ปิดถนน พร้อมสั่งการเพ่ิมความ ระมัดระวัง หากรถยนต์ไม่ยอมหยุดให้ใช้ปืนยิงยางรถ เพราะคาดว่าจะเป็นคนร้ายในคดีสาคัญ จนทาให้การจราจรตดิ ขดั กกกกกกกจากน้ันเจ้าหน้าที่นากาลังเข้าจับกุมคนขับทราบช่ือนายดา (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี ตรวจค้นในรถพบเศษกระดาษท่ีใช้ห่อกัญชาตกอยู่ และมีเศษผงกัญชาเล็กน้อยตกอยู่ในรถ เจา้ หน้าทีจ่ งึ เกบ็ ไว้เป็นหลกั ฐาน นาตวั ไปตรวจปัสสาวะพบสาร THC เป็นสารเสพติด กกกกกกกจากการสอบสวนนายดา (นามสมมุติ) อ้างว่าไปร้องเพลง และกาลังจะกลับ กทม. เม่ือเจอด่านรู้สึกสับสนนึกว่าเจ้าหน้าที่ตารวจให้ผ่านด่านไปได้จึงขับรถผ่านออกมา เบื้องต้นแจ้ง ข้อหาเสพยาเสพติดประเภทกัญชา ขับรถโดยประมาทหวาดเสียวไม่คานึงถึงความปลอดภัยผู้อื่น ขบั รถฝ่าสญั ญาณไฟจราจรและขดั คาสั่งเจ้าพนักงาน กกกกกกกต่อมาพนักงานสอบสวนคุมตัวนายดา (นามสมมุติ) ส่งฟ้องศาล ผู้พิพากษาตัดสินฐานขับ รถไม่คานึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นลงโทษจาคุก 1 เดือน ปรับ 3,000 บาท เสพกัญชาจาคุก 1 เดือน ปรับ 1,000 บาท รวมจาคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท โทษจาคุกให้รอลงอาญา 1 ปี คุมประพฤติ 1 ปี รายงานตัวต่อเจ้าหน้าท่ีคุมประพฤติ 3 เดือนต่อคร้ัง ให้บริการสังคม 12 ช่ัวโมง และงดใชใ้ บอนญุ าตขบั ข่ีรถยนต์ 6 เดอื น กกกกกกกวิเคราะห์กรณีศึกษาท่ี 2 กกกกกกก1. ความสาคัญในกรณีศึกษาดังกล่าว คือ การเสพกัญชาก่อเกดิ ปัญหาสงั คมตามมา กกกกกกก2. ความสมั พนั ธ์ทพี่ บในกรณศี กึ ษาดงั กล่าว คอื สาเหตุ นายดา (นามสมมต)ิ ฝ่าฝนื กฎหมาย แอบเสพยาเสพติดกัญชา ก่อให้สมองมีความสับสนทาให้ขับรถด้วยความประมาท หวาดเสียว เป็น อันตรายต่อผู้อน่ื
332 กกกกกก 3. หลักการที่พบในกรณีศึกษาดังกล่าว คือ การครอบครองกัญชาไม่ว่าจะมีจานวนมาก หรือน้อย ถือว่าผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ในมาตรา 26/3 คือ ผู้ใดมีไว้ครอบครองซ่ึงยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (กัญชา) ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหน่ึงแสนบาท หรือทั้งจาท้ังปรับ และ ในมาตรา 58 วรรคสอง คือ ผู้ใดเสพยาเสพติด ใหโ้ ทษในประเภท 5 ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินหน่ึงปี หรือปรบั ไม่เกนิ สองหมื่นบาท หรอื ทัง้ จาทง้ั ปรบั กกกกกกก4. กรณีนี้ให้ประโยชน์ในการนาไปใช้ คือ กกกกกกกกก 4.1 ตนเอง คือ ต้องตระหนักไม่ให้ฝ่าฝืนกฎหมายห้ามปลูกกับกัญชากกกกกกก กกกกกกก 4.2 ครอบครัว คนในชุมชน คือ แนะนา ใหค้ วามรู้ ถ้าลักลอบปลกู กัญชา เป็นการฝ่า ฝืนกฎหมายการหา้ มปลูกกัญชา สรุป กกกกกกกจากกรณีศกึ ษาโทษของการฝ่าฝนื ใช้กัญชาและกัญชง แบง่ เปน็ 2 กรณี ดังน้ี กกกกกกกกรณที ี่ 1 ความสาคัญในกรณีศึกษา คือ การฝ่าฝืนกฎหมายห้ามปลูกกัญชา ความสมั พันธ์ ที่พบในกรณศี ึกษา คอื สาเหตุในเรือ่ งของกัญชา บวกกบั ความเช่ือใจบตุ รชาย นางเขียวจึงได้นากัญชา มาปลกู เพอื่ รกั ษาโรค ตามทบ่ี ตุ รชายบอกใหท้ า และรับผดิ แทนบุตรชาย เพือ่ ไมใ่ หบ้ ุตรชายเสียประวัติ ทาให้นางเขียว ถูกฟ้องดาเนินคดี และหลักการท่ีพบในกรณีศึกษา คือ การปลูกกัญชามีความผิดตาม กฎหมายพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับท่ี 7) พ.ศ. 2562 ในมาตรา 26/3 คือ ผู้ใดมีไว้ ครอบครองซง่ึ ยาเสพติดใหโ้ ทษในประเภท 5 (กญั ชา) ต้องระวางโทษจาคกุ ไม่เกนิ ห้าปี หรือปรับไม่เกิน หนึ่งแสนบาท หรือทัง้ จาท้งั ปรบั กกกกกกกกรณีที่ 2 ความสาคัญในกรณีศึกษาดังกล่าว คือ การเสพกัญชาก่อเกิดปัญหาสังคมตามมา ความสัมพันธ์ท่ีพบในกรณีศึกษาดังกล่าว คือ สาเหตุ นายดา (นามสมมติ) ฝ่าฝืนกฎหมายแอบเสพยา เสพติดกัญชา ก่อให้สมองมีความสับสนทาให้ขับรถด้วยความประมาท หวาดเสียว เป็นอันตรายต่อ ผู้อ่ืน และหลักการท่ีพบในกรณีศึกษาดังกล่าว คือ การครอบครองกัญชาไม่ว่าจะมีจานวนมาก หรือน้อย ถือว่าผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับท่ี 7) พ.ศ. 2562 ในมาตรา 26/3 คือ ผู้ใดมีไว้ครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (กัญชา) ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือท้ังจาทั้งปรับ และ ในมาตรา 58 วรรคสอง คือ ผู้ใดเสพยาเสพติด ให้โทษในประเภท 5 ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรอื ปรบั ไม่เกินสองหม่นื บาท หรือทัง้ จาท้งั ปรบั
333 ใบความรูท้ ่ี 5 เรอ่ื ง แนวทางการเฝา้ ระวงั ความปลอดภัยการใช้ตารบั ยา แผนไทยท่มี กี ัญชาปรงุ ผสมอยู่ วตั ถปุ ระสงค์ กกกกกกก1. เพื่อให้มีความรู้ ความเขา้ ใจแนวทางการเฝา้ ระวังความปลอดภัยการใช้ตารบั ยาแผนไทย ทม่ี ีกญั ชาปรุงผสมอยู่ กกกกกกก2. เพ่ือให้มีทักษะการแสวงหาความรู้และทักษะการคิดวิเคราะห์ ข้อมูลแนวทางการเฝ้าระวัง ความปลอดภยั การใชต้ ารับยาแผนไทยทมี่ กี ัญชาปรุงผสมอยู่ กกกกกกก3. เพ่อื ใหต้ ระหนกั ถงึ ความปลอดภยั ของการใชต้ ารบั ยาแผนไทยทม่ี ีกญั ชาปรุงผสมอยู่ เนือ้ หา กกกกกกก1. แนวทางการเฝา้ ระวังความปลอดภัยจากการใชย้ า กกกกกกก1. ในปี พ.ศ. 2526 ประเทศไทยได้เริ่มพัฒนาระบบเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านยา พร้อม ทั้งได้จัดต้ังศูนย์ติดตามอาการไม่พึงประสงค์จากใช้ยา (Adverse Drug Reaction Monitoring Centre ; ADRMC) ภายใต้สานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข เพ่ือรับผิดชอบ ระบบดังกล่าว ในปีถัดมา (ปี พ.ศ. 2527) ได้สมัครเข้าเป็นประเทศสมาชิกลาดับท่ี 26 ของโครงการ เฝ้าระวังความปลอดภัยด้านยาระดับนานาชาติขององค์การอนามัยโลก (WHO Programme for International Drug Monitoring) และได้บรรจุกิจกรรมน้ีไว้ในแผนพัฒนาการสาธารณสุขแห่งชาติ ตาม แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตั้งแต่ฉบับท่ี 6 (ปี พ.ศ. 2550 - 2534) จัดต้ังศูนย์เครือข่าย ระดบั เขตในส่วนภูมภิ าค ครงั้ แรกรวม 5 แห่ง (จงั หวัดลาปาง นครสวรรค์ นครราชสมี า ขอนแกน่ และ หาดใหญ่ สงขลา) ต่อมาในปี พ.ศ. 2535 กระทรวงสาธารณสุข ให้บรรจุงานเฝ้าระวังติดตามอาการ ไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาในแผนงานพัฒนาระบบบริการของสถานพยาบาลและ หน่วยงาน สาธารณสุข (พบส.) เป็นหนึ่งในเกณฑ์มาตรฐานของงานเภสัชกรรมและได้ขยายศูนย์เครือข่ายระดับ เขตในส่วนภมู ภิ าคตามโครงสรา้ ง พบส. กกกกกกก1. ในปี พ.ศ. 2540 ได้ขยายขอบข่ายของการเฝ้าระวังไปยังผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น ภายใต้ การกากับดูแลของ คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทั้งหมด และบรรจุกิจกรรมไว้ในแผนพัฒนา การสาธารณสุขแห่งชาติ ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตั้งแต่ฉบับท่ี 8 (พ.ศ. 2540 - 2544) เปลี่ยนชื่อเป็นศูนย์ติดตามอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพ (Adverse Product
334 Reaction Monitoring Centre: APRMC) อย่างไม่เป็นทางการ ต่อมาในปี พ.ศ. 2551 ได้ขยาย ภารกิจการเฝ้าระวังครอบคลุมปัญหาอื่นท่ีเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ จึงได้เสนอกระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนช่ือศูนย์อย่างเป็นทางการเป็น “ศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ (Health Product Vigitance Centre; HPVC)” รายงานที่ได้รับได้ส่งต่อไปยังองค์การอนามัยโลกอย่าง ตอ่ เน่ือง โดยประมาณรอ้ ยละ 2.0 ของฐานข้อมลู ขององคก์ ารอนามัยโลกเปน็ รายงานจากประเทศไทย กกกกกกก1. ระบบการเฝ้าระวังของประเทศไทย ได้รับข้อมูลจากสถานพยาบาลภาครัฐ และเอกชน ทงั้ ส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค ในอดีตรูปแบบการเฝ้าระวังในส่วนภูมิภาคเป็นรูปแบบศูนย์เฝ้าระวัง ระดบั เขต ซงึ่ จดั ตัง้ ข้ึนอา้ งอิงตามระบบบรกิ าร และหนว่ ยงานสาธารณสุขในส่วนภูมภิ าค ตามโครงการ พัฒนาระบบบริการสาธารณสุขของกระทรวงสาธารณสุข มีโรงพยาบาลระดบั ตติยภมู ิทไี่ ด้รบั การแต่งตั้ง เป็นแม่ข่ายทาหน้าท่ีพัฒนาระบบเฝ้าระวัง และรวบรวมรายงานของแต่ละโรงพยาบาลส่งผ่านตามลาดับ จากระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ ไปยังโรงพยาบาลระดับตติยภูมิแม่ข่าย ก่อนส่งต่อไปยังศูนย์ HPVC ด้วย ระบบดังกล่าวน้ีทาให้เกิดความล่าช้าในการส่งรายงาน เนื่องจากต้องผ่านหลายข้ันตอน ประกอบกับ ภาระงานที่มากของแม่ข่าย ทาให้ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการเฝ้าระวังเป็นลักษณะเครือข่ายเฝ้าระวัง (Vigilance network) โดยทกุ สถานพยาบาลสง่ รายงานไปยังศูนย์ HPVC ไดโ้ ดยตรง กกกกกกก2. ระบบการเฝ้าระวงั ความปลอดภัยจากการใชต้ ารบั ยาแผนไทยที่มกี ญั ชาปรงุ ผสมอยู่ กกกกกกก1. 2.1 วัตถุประสงค์ เพื่อติดตามเฝ้าระวังความเสี่ยงจากการใช้ ตรวจจับสัญญาณประเมิน ความเส่ียง ส่ือสารแจ้งเตือนภัย และเสนอมาตรการในการลดความเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพ จากการใช้ยา ผลติ ภัณฑก์ ญั ชาที่ติดตามเฝ้าระวงั ครอบคลุมผลิตภณั ฑก์ ญั ชาทกุ ประเภท ได้แก่ กกกกกกก1. 1. 2.1.1 ผลิตภณั ฑ์กญั ชาทางการแพทย์ (กรณีการแพทยแ์ ผนปัจจุบัน) ท่ีได้รบั อนุญาต ให้ผลติ และจาหนา่ ย จากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ภายใต้รูปแบบพิเศษของการเข้าถึงยา กกกกกกก1. 1. 2.1.2 ตารับยาแผนไทยท่ีมีกัญชาผสมอยู่ (กรณีการแพทย์แผนไทย) ที่ได้รับ อนุญาตให้ผลิตและจาหนา่ ย จากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กกกกกกก1. 1. 2.1.3 กญั ชาจากแหลง่ อน่ื ๆ ทไ่ี มไ่ ด้รับอนญุ าตตามกฎหมาย (กัญชาใตด้ นิ ) 2.2 อะไรคือสิ่งทตี่ อ้ งรายงาน (What) กกกกกกก1. 1. รายงานประสทิ ธผิ ล และความปลอดภัย จากการใช้กญั ชาทางการแพทย์ของผูป้ ่วย ทกุ ราย รายงานเหตุการณไ์ มพ่ งึ ประสงค์ และพิษจากกัญชา ท่ีเกิดข้ึนกับผู้ป่วยหรือประชาชนท่ัวไป 2.3 ใครเปน็ ผู้รายงาน (Who) 3. 2.3.1 แพทย์ แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ แพทย์ทางเลือกหมอพ้ืนบ้าน หรือเภสัชกรในสถานพยาบาลทไ่ี ดร้ บั อนญุ าตให้ผลติ หรอื จาหน่ายกัญชาทางการแพทย์ 3. 2.3.2 ประชาชนทว่ั ไปทปี่ ระสบเหตุการณไ์ มพ่ ึงประสงค์จากการใช้กัญชา 3. 2.3.3 บุคลากรสาธารณสุข โรงพยาบาลเครือข่าย ของศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัย ดา้ นผลติ ภัณฑส์ ุขภาพ
335 3. 2.3.4 นกั วจิ ัยในโครงการศึกษาวจิ ยั ทางคลินิก 2.4 รายงานอยา่ งไร (How) รายงานไปที่ไหน (Where) 3. 2.4.1 รายงานผ่านระบบ online ศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยด้านผลิตภัณฑ์ สานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) http://thaihpvc.fda.moph.go.th/thaihvc/index.jsf 3. 2.4.2 ประชาชนทั่วไปรายงานได้โดยไม่ตอ้ งขอ Username/password 3. 2.4.3 โรงพยาบาลท่ีพบปัญหา จากกัญชาหรือผลข้างเคียงจากการใช้กัญชา ท่ีห้อง ฉุกเฉนิ หรือแผนกอน่ื รายงาน โดย log in เข้าระบบเครือข่าย 3. 2.4.4 สถานพยาบาลผูร้ ับอนุญาตจาหนา่ ย ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชาทาง การแพทย์ ) รายงานโดย log in เข้าระบบ SAS 3. 2.4.5 โครงการศึกษาวิจัยทางคลินิกท่ีลงทะเบียนกับ ศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัย จากการใช้ตารับยาแผนไทยที่มีกญั ชาปรุงผสมอยู่ คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รายงาน log in เข้าระบบโครงการวิจัย หรือสง่ ไปรษณีย์ เปน็ หนังสอื ราชการมายังสานักงานคณะกรรมการอาการและยา 2.5 รายงานเมื่อไหร่ (When) 3. เมื่อพบเหตุการณ์ไม่พึง่ ประสงค์จากการใช้กญั ชา 2.6 รายงานไปทไ่ี หน (Where) 3. ศนู ยเ์ ฝ้าระวงั ความปลอดภยั ดา้ นผลติ ภณั ฑส์ ขุ ภาพ คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กกกกกกก3. แนวทางการพิจารณาส่ังจา่ ยผลิตภณั ฑ์กัญชาทางการแพทย์แก่ผู้ปว่ ย 3.1 ไม่ควรใช้ผลติ ภัณฑ์กัญชาเป็นทางเลือกอันดับแรกในการรักษาโรค และภาวะใด ๆ ของผู้ป่วย แต่จะพิจารณาสาหรับผู้ป่วยซ่ึงเคยได้รับการรักษา โดยผลิตภัณฑ์ยาที่ได้รับการอนุมัติ ทะเบียนตารับจากสานักงานคณะกรรมการอาหารและยา แลว้ ไม่ประสบความสาเร็จในการรกั ษาหรือ จดั การกบั อาการปว่ ยได้ 3.2 หากพิจารณาแล้วเห็นว่าการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาอาจช่วยรักษา บรรเทา ประคบั ประคองอาการ หรือฟ้ืนฟูสุขภาพ ทาให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ ให้พิจารณาสั่งจ่ายใน รปู แบบของการเสริมการรักษา (adjuvant therapy) กับวธิ ีมาตรฐาน และให้ใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาที่ได้รับ การรบั รองตารับจากสานักงานคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวคือเป็นผลติ ภัณฑ์ท่ีผ่านการประเมิน คณุ ภาพ ประสทิ ธิผล และความปลอดภัยตามหลกั วิทยาศาสตร์ 3.3 กรณีที่ไม่มีผลิตภัณฑ์กัญชาท่ีได้รับการรับรองตารับจาก สานักงานคณะกรรมการ อาหารและยา อาจพิจารณาสั่งจ่ายผลิตภัณฑ์กัญชาที่ยังไม่ได้การรับรองตารับ จากสานักงาน คณะกรรมการอาหารและยา ให้แก่ผู้ป่วยได้ในกรณีจาเป็นในการรักษาโรคของผู้ป่วยเฉพาะราย ภายใต้รปู แบบพเิ ศษของการเข้าถงึ ยา (Speci Alaccess Scheme: SAS) 3.4. ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรม ท่ีประสงค์จะส่ังจ่าย ผลิตภัณฑ์กัญชา ที่ยังไม่ผ่านการรับรองทะเบียนตารับจาก สานักงานคณะกรรมการอาหารและยา
336 ในกรณีจาเป็นเพ่ือการรักษาโรคแก่ผู้ป่วยเฉพาะราย ภายใต้รูปแบบพิเศษของการเข้าถึงยา (Speci Alaccess Scheme: SAS) ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยหรือผู้ดูแลผู้ป่วย (บิดา มารดา หรือ ผู้แทน โดยชอบธรรมของผู้ป่วยเด็กอายุไม่เกิน 18 ปีบริบูรณ์ หรือผู้บกพร่องทางกายหรือจิต ซ่ึงไม่ สามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง) ทั้งน้ี ผู้ป่วยหรือผู้ดูแลผู้ป่วย จะต้องสามารถตัดสินใจอย่างอิสระ ปราศจากแรงกดดัน ทั้งน้ี การแสดงความยินยอมต้องเป็นลายลักษณ์อักษร ในเอกสารแสดงความ ยินยอม (Informed consent form) ตามแบบฟอร์ม และจัดเก็บไว้เป็นหลักฐานในเวชระเบียนของ ผู้ปว่ ย ภาพเอกสารแสดงความยินยอม (Information consent form )
337 กกกกกกก4. กรณศี ึกษาความปลอดภัยการใชต้ ารบั ยาแผนไทยทม่ี ีกัญชาปรุงผสมอยู่ กรณศี ึกษาที่ 1 “นา้ มนั ใต้ดนิ ” เส่ยี งทาเดก็ โง่ กกกกกกกคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เผย คนใชก้ ัญชา เขา้ ห้องฉกุ เฉินพุ่ง ทั้งวูบ ปวดหัว หมอเตอื น อย่าใช้ “นา้ มันใตด้ ิน” เสี่ยงทาเดก็ โง่ กกกกกกกนพ.สรุ โชค กลา่ วว่า จากการสังเกตผทู้ ่ีมาขอย่ืนนริ โทษกัญชา สว่ นใหญ่เปน็ กลมุ่ วยั รุ่นซ่งึ ทาง คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีระเบียบหลักเกณฑ์ท่ีแน่ชัดว่า ผู้มาย่ืนขอนิรโทษต้องไม่ใช่ เยาวชน หรือ ถา้ เป็นเยาวชนที่ปว่ ยต้องได้รับคายนิ ยอมจากผู้ปกครอง ขณะเดียวกันการใช้กัญชาเพื่อ รักษาโรค ในกฎหมายเขียนชัดว่า ต้องไม่ใช้ในเด็กอายุต่ากว่า 20 ปี เพราะจะมีปญั หาทางสมอง และ ในใบส่ังจ่ายกัญชาทางการแพทย์ กาหนดให้ใช้กัญชา ในผู้ป่วยท่ีมีอายุ 25 ปี เท่ากับประเทศออสเตรเลีย ยกเว้นโรคลมชักในเด็กที่ใช้กัญชาได้อย่างมีประสิทธิผลดี ในการรักษาเท่าน้ัน อีกท้ัง นพ.สุรโชค ได้กล่าวว่า จากการยื่นนิรโทษกัญชา ทาให้ขณะนี้ ได้รับรายงานจากหลายโรงพยาบาล ว่าพบผู้ป่วยท่ีมี อาการปวดศีรษะ วูบ สลบ คลื่นไส้อาเจียน หัวใจเต้นเร็วมารับการรักษาในห้องฉุกเฉินมากขึ้น ซึ่งเมื่อ สอบถามพบว่า เกิดการจากทดลองใช้กัญชา และคาดว่าหากเป็นเช่นน้ีต่อไป จะพบผู้ป่วยในลักษณะ อาการเชน่ น้มี ากขึน้ จงึ เตรยี มประสานใหม้ ีการเก็บข้อมลู ผูป้ ว่ ยในห้องฉุกเฉิน กกกกกกกขณะเดียวกันประสานกรมการแพทย์ ให้มีการอบรมแพทย์ เภสัชกร ให้รู้ผลขา้ งเคียงหรอื ฤทธิ์ จากการใช้กัญชา ซึ่งเชื่อว่าแต่ก่อนไม่พบผู้ป่วยมากขนาดน้ี เพราะเดิมกัญชายังไม่อนุญาตใช้ทาง การแพทย์ และอยากให้เข้าใจว่า กญั ชาไม่ใช่ยาวิเศษรกั ษาได้ทุกโรค โดยเฉพาะโรคเรื้อรัง เบาหวาน ความ ดันโลหิต หรือหัวใจ รวมถึงอาการทางจิตเวช แต่อาจได้รับผลข้างเคียง จากกัญชา เพราะการใช้กัญชา ยังไม่มีการกาหนดขนาดท่ีเหมาะสม และสายพันธ์ุของกัญชาก็ให้สาร และฤทธิ์ท่ีแตกต่างกัน บางตัว มสี าร ทีเอชซี (THC) สูง ทาให้เกิดอาการหลอนได้ ผลการวิเคราะห์กรณศี ึกษาที่1 กกกกกกก1. ความสาคัญของกรณศี กึ ษา คอื การฝ่าฝืนกฎหมายลกั ลอบใช้น้ามนั กญั ชาของกลุม่ วัยรนุ่ กกกกกกก2. ความสัมพันธ์ที่พบในกรณีศึกษา สาเหตุคือมีความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง และไม่มีความรู้ ท่ีถูกต้องในการใช้น้ามันกัญชา ผลคือทดลองใช้แล้วเกิดผลตามมา คือมีอาการแพ้ ปวดศีรษะ วูบ สลบ คลื่นไสอ้ าเจียน ประกอบกับกฎหมายมีการนิรโทษกรรม จึงกล้ามาทโ่ี รงพยาบาลมากขึ้น ทาให้สถิตสิ ูง ตามมา กกกกกกก3. หลกั การท่ีพบในกรณีศกึ ษา คือ ตอ้ งไดร้ บั อนุญาตให้ใช้นา้ มันกญั ชา แตอ่ ยภู่ ายใต้การควบคุม ของแพทย์ และเภสชั กรทไ่ี ดร้ ับอนญุ าต และพจิ ารณาว่าอายุเทา่ ไรจึงควรได้รบั การรักษาดว้ ยน้ามนั กัญชา
338 กกกกกกก4. กรณีศึกษานใี้ ห้ประโยชนใ์ นการนาไปใช้ คือ กกกกกกก4. 4.1 ตนเองตอ้ งไม่ฝ่าฝืนกฎหมายลักลอบใช้น้ามันกัญชาในทกุ กรณี กกกกกกก4. 4.2 แนะนาคนในครอบครัว และชุมชนว่าไม่ควรนาน้ามันกัญชามาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต จากแพทย์ และเภสชั กรที่ไดร้ ับอนุญาตในการควบคมุ รักษา โดยใชน้ ้ามนั กญั ชาทางการแพทย์ กรณีศกึ ษาที่ 2 การตดั สินใจในการจ่ายนา้ มันกัญชาของแพทย์ นพ.เพชร อลิสานันท์ แพทย์รังสีรักษาและมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่มียาจากน้ามันกัญชาที่มีผลต่อการรักษาโรคมะเร็งโดยตรง แต่พบผู้ป่วยมะเร็งหาน้ามัน กัญชามาใช้เองทาให้ได้รับผลข้างเคียง เช่น เมา คล่ืนไส้ นอนเยอะ การใช้น้ามันกัญชาในผู้ป่วยมะเร็ง ต้องให้แพทย์เป็นผู้พิจารณา โดยกลุ่มแรกคนไข้ท่ีไม่มีแนวทางการรักษาแล้ว สามารถใช้ได้ไม่น่าเป็นห่วง เพราะอาจจะมปี ระโยชน์ อาจจะชว่ ยให้คนไข้ พักผอ่ นได้ นอนหลบั บรรเทาปวด แตต่ อ้ งดูปรมิ าณดว้ ย หาก มากเกนิ ไปก็มผี ลกระทบ กลุ่มท่สี อง คอื ยังมีแนวทางการรักษา แต่กลับ ทิ้งการรกั ษาเพ่อื ไปใช้น้ามันกัญชา อย่างเดียว ถือว่าน่าเป็นห่วงมาก ซ่ึงพบว่ามีจานวนหนึ่ง เนื่องจากว่าผู้ป่วยเข้าใจผิดว่า กัญชาใช้รักษา มะเร็งได้ ยิ่งคนที่สนับสนุนกัญชาบอกว่าให้ใช้ควบคู่กัน ก็ยิ่งทาให้เกิดความเข้าใจผิดว่า ตกลงแล้ว การรักษาไดผ้ ลเพราะอะไร ท้งั นี้ ยืนยันว่าไม่ได้ขวางการใช้กัญชา เพราะกัญชาเป็นพืชที่มีโอกาสเอา มาใช้ทางการแพทย์ได้ แต่ต้องมองว่าคือยาตัวหน่ึง และต้องผลักดันให้ผ่านตามขั้นตอนปกติท่ี เป็นไปตามกระบวนการวิทยาศาสตร์ และกฎหมาย บางคนบอกว่ารอไม่ได้ คิดว่าไม่จริง เพราะถ้า เร็วไปแล้วไม่ได้ผล หรือมีผลกระทบใครรับผิดชอบ อยากให้สังคมคิดให้ช้าลงนิดหน่ึง ทก่ี ังวลทุกคร้ัง คือมีแพทย์ออกมาให้ข้อมูลอีกด้านหน่ึงมักถูกโจมตีว่ารับเงินจากบริษัทยา ซ่ึงยืนยันว่าไม่จริง แต่ท่ี แพทยห์ ลายคนออกมาพดู เพราะเป็นหว่ งคนไข้ กกกกกก ด้าน พญ.อาภาศรี ลุสวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กุมารประสาทวิทยา สถาบันประสาท วิทยา กล่าวว่า การใช้น้ามันกัญชาสูตร ซีบีดีสูง (CBD) หรือ ซีบีดีออยล์ (CBD Oil ) ในการรักษาโรค ลมชักในเด็ก มีผลต่อจิตประสาทน้อยมาก ไม่มีอะไรน่ากังวล แต่ถ้ามีสาร ทีเอชซี (THC) ปน เด็กซ่ึง สมองกาลงั พฒั นา อาจมีปัญหาเรือ่ งความจา พฒั นาการ และสติปัญญาทแี่ ยล่ ง ผลการวเิ คราะห์กรณศี กึ ษา กกกกกกก1. ความสาคัญของกรณีศึกษา คือ การใช้น้ามันกัญชาต้องอยู่ภายใต้การควบคุม ดแู ลจาก แพทย์ในการรกั ษา กกกกกกก2. ความสัมพันธ์ที่พบในกรณีศึกษา คอื (1) สาเหตุมีความเข้าใจผิดเก่ียวกับการใช้น้ามัน กญั ชารักษาโรค และ (2) โรคทปี่ ่วยทาให้ไม่สุขสบาย มคี ุณภาพชีวิตไม่ดี จึงทาให้หาน้ามันกัญชามาใช้ เองโดยไม่ได้รับอนญุ าตจากแพทย์ ทาใหเ้ กิดอาการขา้ งเคียง
339 กกกกกกก3. หลักการท่ีพบในกรณีศึกษา คือ แพทย์ต้องพิจารณาอาการของผู้ป่วยที่มีความจาเป็น ตอ้ งใช้กัญชาในการรักษา วา่ ควรอยใู่ นกรณที ่ีไม่มแี นวทางรักษา หรือกรณีมีแนวทางรกั ษา กกกกกกก4. กรณศี ึกษานใ้ี ห้ประโยชน์ในการนาไปใช้ คอื กกกกกกก4. 4.1 ตนเองต้องไปพบแพทย์ หรือเภสัชกรที่ได้รับอนุญาตให้ใช้น้ามันกัญชารักษาโรค ถา้ จาเปน็ ต้องใช้ กกกกกกก4. 4.2 แนะนาคนในครอบครัว และคนในชุมชนว่าไม่ควรใช้น้ามันกัญชาโดยปราศจาก การควบคมุ ดแู ลรักษาจากแพทย์ และเภสัชกรทไี่ ดร้ บั อนญุ าตในการรักษาโรค สรุป กกกกกกก1. แนวทางการรายงาน การเฝ้าระวังความปลอดภัยจากการใช้ตารับยาแผนไทยที่มีกัญชา ปรุงผสมอยู่ มีวัตถุประสงค์เพ่ือให้สถานพยาบาลรายงานการติดตามเหตกุ ารณ์ไมพ่ ึงประสงคท์ ี่เกิดจาก การใช้ตารบั ยาแผนไทยที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ตามประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรื่อง กาหนดตารับ ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ ท่ีให้เสพเพื่อรักษาหรือการศึกษาวิจัยได้ พ.ศ.2562 ซ่ึงสานักงานคณะกรรมการอาหารและยา จะนาข้อมูลที่ได้รับประมวลผล และวิเคราะห์ เพือ่ ใช้ประกอบการพฒั นาขอ้ มลู ความปลอดภัยของตารับยาแผนไทยท่มี ีกัญชาปรุงผสมอยู่ในประเทศ กกกกกกก2. ระบบการเฝ้าระวังความปลอดภัยจากการใช้ตารับยาแผนไทย ท่ีมีกัญชาปรุงผสมอยู่มีอยู่ 6 ข้ันตอน (1) วัตถุประสงค์ (2) อะไรคือสิ่งที่ต้องรายงาน (3) ใครคือผู้รายงาน (4) รายงานอย่างไร (5) รายงานเมอื่ ไหร่ และ (6) สง่ ไปทีไ่ หน กกกกกกก3. แนวทางการพิจารณาส่ังจ่ายผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์แก่ผู้ป่วย ได้แก่ (1) ไม่ควรใช้ ผลิตภัณฑ์กัญชาเป็นทางเลือกอนั ดับแรกในการรักษาโรคและภาวะใด ๆ ของผู้ป่วย (2) หากพิจารณาแล้ว เหน็ ว่าการใช้ผลิตภณั ฑ์กัญชาอาจช่วยรกั ษา บรรเทา ประคบั ประคองอาการ หรอื ฟืน้ ฟสู ขุ ภาพ ทาให้ผ้ปู ว่ ย มคี ุณภาพชีวิตทีด่ ีขึน้ (3) กรณีที่ไม่มีผลิตภัณฑ์กัญชาท่ีได้รับการรับรองตารับ จากสานักงานคณะกรรมการ อาหารและยา อาจพจิ ารณาส่งั จา่ ยผลติ ภัณฑ์กญั ชาทย่ี ังไม่ได้การรับรองตารับจากสานกั งานคณะกรรมการ อาหารและยา (4) ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรม ที่ประสงค์จะส่ังจ่าย ผลิตภัณฑ์กัญชาทีย่ ังไม่ผา่ นการรบั รองทะเบียนตารับ จากสานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา ในกรณี จาเป็นเพื่อการรักษาโรคแก่ผู้ป่วยเฉพาะราย ภายใต้รูปแบบพิเศษของการเข้าถึงขององค์การเภสัช (Special Access Scheme) ต้องได้รับความยนิ ยอมจากผู้ปว่ ย กกกกกกก4. กรณีศึกษาความปลอดภัยการใช้ตารับยาแผนไทยท่ีมีกัญชาปรุงผสมอยู่ ความสาคัญ ของกรณีศึกษา คอื (1) ผทู้ ี่สามารถใช้กัญชาทางการแพทย์ต้องมีอายุไม่ต่ากว่า 20 ปี บริบูรณ์ ยกเว้น กรณีที่แพทย์วินิจฉัยว่าจาเป็นต้องใช้กัญชาในการรักษา และ (2) ผปู้ ่วยเกิดความเข้าใจผิดวา่ กญั ชา สามารถรกั ษาไดท้ ุกโรค จงึ ปฏเิ สธแนวทางการรักษาดว้ ยวธิ กี ารอ่ืน
340 ใบความรทู้ ่ี 6 เร่ือง การพัฒนายา มาตรฐาน และรูปแบบการใชย้ าท่มี กี ัญชาและกญั ชง ในการแพทยแ์ ผนปจั จุบนั วตั ถุประสงค์ 1. เพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับการพัฒนายา มาตรฐาน และรูปแบบการใช้ยา ทมี่ ีกญั ชาและกญั ชงในการแพทยแ์ ผนปัจจบุ ัน 2. เพื่อให้มีทักษะการแสวงหาความรู้ และทักษะการคิดวิเคราะห์ การพัฒนายา มาตรฐาน และรปู แบบการใชย้ าท่ีมกี ญั ชาและกัญชงในการแพทย์แผนปจั จุบนั 3. เพื่อให้ตระหนักถึงการพัฒนายา มาตรฐาน และรูปแบบการใช้ยาที่มีกัญชาและกัญชง ในการแพทย์แผนปจั จุบัน เนือ้ หา 1. การพฒั นายาจากกัญชา ยาจากกัญชาถือเป็นยาประเภทใหม่ เน่ืองด้วยข้อกาหนดด้านกฎหมายจึงทาให้ การศึกษาวิจัยของยากัญชายังมีอยู่น้อย เนื่องจากกัญชาไม่ใช่ยาวิเศษหรือยาครอบจักรวาล ด่ังความเชื่อท่ีร่าลือกัน แพทย์จะไม่รักษาด้วยยากัญชาเป็นลาดับแรก จะเลือกใช้กับผู้ป่วยท่ี ไม่ตอบสนองต่อยาอื่น ๆ หรือได้รับผลข้างเคียงจากยา ที่ไม่สามารถยอมรับได้ ในขณะที่มีผลิตภัณฑ์ กัญชาทางการแพทย์เพียงบางส่วนเท่าน้ัน ท่ีได้รับการขึ้นทะเบียนยาอย่างเป็นทางการ และระบุว่า ใช้ได้กับเพียงบางโรค อย่างไรก็ดีการพัฒนายาจากกัญชา ยังจาเป็นต้องควบคุมคุณภาพ และสร้าง มาตรฐาน เพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัย และได้รับประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์สูงสุด นอกจากนี้แล้วข้อมูล ทางคลินิก และแนวทางการจ่ายยาก็มีความจาเป็นไม่แพ้กัน เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติให้แก่แพทย์ และบคุ ลากรทีเ่ ก่ียวข้อง เพอื่ ลดความเสี่ยงจากผลขา้ งเคียงรวมถึงการเสพตดิ ยาจากกัญชาให้น้อยที่สดุ 2. มาตรฐานการผลติ ยากญั ชาเพ่อื ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ กัญชาถูกนาไปใช้ในการศึกษาทางคลินิกในมนุษย์ และพบว่าค่อนข้างปลอดภัยสาหรับ ผู้คนส่วนใหญ่ แต่ยังมีพบในบางรายที่บริโภคกัญชากลับควบคุมอาการของโรคได้แย่ลง และเกิดผล ข้างเคียงใหม่ เช่น ความอ่อนเพลีย การทางานของตับผิดปกติ และเกิดอาการท้องร่วง ไม่มียาชนิดใด ท่ีปลอดภัยที่สุด ยาทุกประเภทสามารถก่อให้เกิดความเสี่ยงของอาการข้างเคียง และอาการ ไม่พึงประสงค์ได้ (อาจสง่ ผลใหเ้ กิดอันตราย) โดยเฉพาะอย่างย่ิงการบรโิ ภค THC และสารแคนนาบินอยด์
341 สังเคราะห์ในปริมาณมาก จะก่อให้เกิดอันตรายได้ เช่น (ความดันโลหิตต่าขณะเปล่ียนท่าทางท่ีส่งผล ให้ล้ม หรืออาการวิกลจริตระดับเบาไปจนถึงรุนแรง) การควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์เพื่อให้มีปริมาณ สารสาคัญคงที่ในทุกรอบการผลิต ควบคุมปริมาณสารปนเปื้อน มีกระบวนการผลิตท่ีถูกต้องเป็น ไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีปฏิบัติท่ีดีในการผลิตยา (GMP) จึงมีความจาเป็นอย่างย่ิง การควบคุม คุณภาพที่ดีควรจะเร่ิมตั้งแต่การควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบ โดยควบคุมต้ังแต่กระบวนการเพาะปลกู ไปจนถงึ กระบวนการผลิตให้ได้มาซ่ึงผลิตภัณฑ์สาเร็จรูป ทุกขนั้ ตอนของการผลิตยา และกระบวนการ ทดสอบจะตอ้ งมีการบนั ทึกข้อมลู อยา่ งชัดเจน บุคลากร สถานท่ี และวัตถดุ บิ ตอ้ งเป็นไปตามมาตรฐาน กระบวนการเหลา่ นีจ้ ะชว่ ยใหผ้ ู้ปว่ ย และผู้ส่ังจา่ ยยาได้รับผลติ ภัณฑท์ ่ีมีคณุ ภาพและปลอดภยั ตัวอยา่ งแผนภาพของกระบวนการผลติ ยาน้ามันกญั ชา วัตถุดิบกญั ชาชิ้นแหง้ สารสกัดกัญชา และผลติ ภัณฑส์ าเรจ็ รปู ตอ้ งผา่ นการตรวจคณุ ภาพ โดยควบคมุ มาตรฐานตาม American Herbal Pharmacopeia และ Thai Herbal Pharmacopeia (THP) มีการตรวจสอบเอกลักษณ์ของกัญชาการตรวจสอบพืชวัตถุดิบเพื่อยืนยันว่า เป็นกัญชาจริง ไม่ใช่พืชที่มีสารปลอมปนหรือพืชทดแทน การตรวจสอบเอกลักษณ์ และปริมาณของสารออกฤทธ์ิ THC และ CBD ให้เป็นไปตามที่กาหนด การตรวจสอบปริมาณเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคไม่ให้เกินที่ มาตรฐานกาหนด การตรวจสอบยาฆ่าแมลง และโลหะหนักได้แก่ สารหนู สารปรอท สารตะก่ัว แคดเมียม ซ่ึงอาจจะเหลือตกค้างมาได้ในระหว่างการเพาะปลูก ต้องไม่เกินที่มาตรฐานกาหนดเพื่อ ความปลอดภัยของผู้ป่วย
342 การควบคุมคณุ ภาพของผลิตภัณฑย์ ากัญชา 3. รปู แบบยาเตรยี ม และการให้ยา กัญชาทางการแพทย์ก็เหมือนกับยาชนิดอื่น ๆ ท่ีมีรูปแบบยาเตรียมที่หลากหลาย ประเภท (เชน่ การสูดไอระเหย การใหย้ าทางปาก การสง่ ยาผ่านผิวหนัง) เพ่อื สนองความต้องการของ ผู้ป่วยท่ีแตกต่างกันไป วิธีการบริหารยาจะขึ้นอยู่กับรูปแบบยารูปแบบยาเตรียมมีความสาคัญ อยา่ งมาก เพราะจะส่งผลต่อพฤตกิ รรมตา่ ง ๆ ของผปู้ ่วย ได้แก่ ข้อ 1 ผู้ป่วยรบั ยาเขา้ ไปตามปริมาณท่กี าหนดในแต่ละวันหรอื ไม่ ขอ้ 2 พวกเขารบั ยาเม่ือไร (ช่วงเวลาของวัน) ข้อ 3 พวกเขารบั ยาบ่อยเพยี งใด (ความถ่ใี นการใช้) ข้อ 4 พวกเขาตอ้ งไดร้ ับยาปรมิ าณเทา่ ไร (ปริมาณการรบั ยารวมในแตล่ ะวนั ) ข้อ 5 อาการข้างเคยี งท่ีเกดิ ข้ึน และจะทนอาการข้างเคียงเหล่าน้ันอย่างไร รูปแบบยาที่มีกัญชาและกญั ชงทใี่ ช้ในการแพทยแ์ ผนปจั จุบันมี 9 รูปแบบดังน้ี รูปแบบที่ 1 การสดู ไอระเหย – ดว้ ยปอด การใช้เคร่ืองพ่นไอระเหย หรือเครื่องมือสูดไอระเหยทางการแพทย์ ผู้ป่วยจะสูดดม สารแคนนาบินอยด์ (จากช่อดอกกัญชาแห้ง) ในรูปแบบไอระเหยซ่ึงจะดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด ผ่านทางปอด การสดู ไอระเหยเป็นวธิ ีการที่มีประสิทธภิ าพปอด จะสามารถดูดซึมไอระเหยท่ีสูดดมเข้า ไปได้อย่างรวดเร็ว ยาออกฤทธ์ิได้ทันที ไอระเหยจะมีสารแคนนาบินอยด์ และเทอร์ปีน ในปริมาณท่ี สม่าเสมอ และวัดค่าได้รวดเร็ว ทาให้การปรับขนาดยาง่ายขึ้น หรือการรับยาในปริมาณท่ีเหมาะสม โดยไม่เกิดอาการข้างเคียง และยังบรรเทาอาการได้อยา่ งรวดเรว็ โดยจะเห็นผลภายในไม่กี่นาที แม้ว่า
343 การสูดไอระเหยจะทาให้ระดับสารแคนนาบินอยด์ในเลือดสูง แต่ผลท่ีได้เมื่อเทียบกับการบริหารยา ทางปากแล้วจะมีระยะเวลาการออกฤทธิท์ ่ีสั้น ปริมาณแคนนาบินอยด์ที่ถูกนาส่งจะขึ้นอยูก่ ับความลึก ของการสดู ลมหายใจปริมาณในการสูบ และระยะเวลาการกล้ันหายใจ รปู แบบที่ 2 เครอื่ งพ่นไอระเหยทางการแพทย์ เครื่องที่ใช้กับช่อดอกกัญชาแห้ง แต่ไอระเหยจะไม่มีส่วนประกอบของนิโคติน กลีเซอรีน หรือโพรพิลีนไกลคอล และกลิ่นรสสังเคราะห์ รวมถึงไม่มีไรเหย และควันขนาดใหญ่ท่ีเป็นพิษ และรบกวนผู้อ่นื ถอื เป็นเครอ่ื งมอื ที่มีประสิทธภิ าพ ปลอดภัยและผู้ป่วยใช้งานง่าย รปู แบบท่ี 3 การสูบ การสูบจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้ป่วยจึงไม่แนะนาให้ใช้วิธีการน้ี สารประกอบ ไพโรไลซิส ท่ีเป็นพิษจะถูกสร้างขึ้นเม่ือมีการสูบ (หรือการเผาไหม้) โดยท่ัวไปจะมีการม้วนช่อดอก กัญชาทาเป็น (บุหร่ีสอดไส้กัญชา) และสูดสารแคนนาบินอยด์ ในรูปแบบควันเข้าไปยังปอด ยาจะ ดดู ซมึ เขา้ ไปในกระแสเลือดผ่านทางปอด รปู แบบท่ี 4 ทางปาก – ผ่านทางปาก และการหยดใตล้ ้ิน สารแคนนาบินอยด์ (สารสกดั จากพืชทงั้ ต้น หรอื สารแคนนาบินอยด์สกดั แยก) ท่ใี หท้ างปาก โดยการกลืน (ทางปาก) เมื่อกลืนยาเข้าไป ยาจะเข้าสู่กระแสเลือดผ่านทางกระเพาะอาหาร ลาไส้ และตับ เมื่อให้ยาดูดซึมทางใต้ล้ิน ยาจะไม่ผ่านตับ และเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรงยาเตรียมสาหรับ การใหท้ างปากเป็นรูปแบบยาที่คนุ้ เคยทาให้ช่วยใหก้ ารบรหิ ารยาง่ายข้นึ การใช้ยาในแต่ละครั้ง สามารถทาโดยหยดยาไว้ใตล้ ิ้น ยาจะถูกดูดซึมผ่าน ชั้นเยอื่ เมือกบุผิว ในปาก (เรียกว่า การดูดซึมใต้ลิ้น) และจะเข้าไปสู่กระแสเลือด การนาส่งยาใต้ล้ินเป็นการบริหารยาท่ี สามารถเพ่ิมปริมาณยารวมที่ร่างกายรับได้ หมายความว่าผู้ป่วยรับยาปริมาณเพียงเล็กน้อย แต่ยังคง ให้ได้ผลการรักษาเหมือนเดิมเม่ือเทียบกับการกลืนแคปซูล หรือการดื่มชา น้ามันหยดใต้ล้ินจึงเป็น รูปแบบยาท่ดี ีมปี ระสิทธภิ าพ รปู แบบท่ี 5 สเปรย์ สเปรย์ก็เป็นการบริหารยาใต้ลิ้น เช่นเดียวกับการใช้น้ามัน ตัวอย่างเช่น ซาติเวกซ์ (Sativex™) ซ่ึงเป็นรูปแบบยาเตรียม (ฉีดพ่นในช่องปาก) ท่ีได้มาตรฐานทางเภสัชกรรม ผลิตมาจาก กัญชาสองสายพันธ์ุ โดยสายพันธ์ุหน่ึงผลิต THC เป็นหลัก และอีกสายพันธุ์หนึ่งผลิต CBD เป็นหลัก สารประกอบออกฤทธิ์ THC และ CBD ในสัดส่วนที่แน่นอนจะถูกนาไปละลายในสารละลาย แอลกอฮอล์ ก่อนจะนาไปบรรจใุ นขวดยาพน่ แบบกาหนดขนาด ซงึ่ ใชพ้ น่ ใต้ลิ้น รปู แบบที่ 6 แคปซูล โดยทั่วไปแคปซูลจะประกอบด้วยสารแคนนาบนิ อยด์เด่ยี ว (คือ THC และ CBD) ในปริมาณ ความเข้มข้นท่ีแน่นอนละลายอยู่ ในน้ามันตัวพาแคปซูล เมื่อถูกกลืนแล้วจะแตกตัวออก ยาจะถูก
344 ปล่อยออกมาก่อนที่จะถูกดูดซึมในกระเพาะอาหาร และลาไส้ อัตรา (เวลา) ในการดูดซึมอาจไม่ สามารถคาดการณ์ได้ และอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยอ่ืน ๆ เช่น มีอาหารอยู่ ในระบบทางเดิน อาหาร หรือผู้ป่วยมีการเคล่ือนไหว (ออกกาลังกาย เดิน) ประเด็นท่ีน่าสนใจคือ THC มีผลให้อัตรา ความเร็วของการส่งอาหารออกจากกระเพาะช้าลง (จากกระเพาะไปสู่ลาไส้) การบริหารยาทางปาก (โดยการกลืน) ส่งผลให้เวลาการออกฤทธ์ิของยาช้าลง ความเข้มข้นของระดับยาในเลือดลดลง และ ระยะเวลาท่ียาออกฤทธ์ินานข้ึนเมื่อเทียบกับการสูดไอระเหย ปริมาณสารแคนนาบินอยด์รวม จะขนึ้ กับกระบวนการเมแทบอลิซมึ ในตับ และปรมิ าณอาหารในกระเพาะอาหาร ซ่ึงเทา่ กบั วา่ ปริมาณ การรับยาทางปากอาจไมม่ ีความแนน่ อน และไมส่ ามารถคาดการณ์ได้ รปู แบบท่ี 7 ชาหรอื สารละลาย ผู้ป่วยบางรายบริโภคกัญชาทางการแพทย์ ในรูปแบบชา โดยใช้ช่อดอกชงในน้าร้อน เมื่อด่ืมชาสารแคนนาบินอยด์ จะถูกดูดซึมในกระเพาะ และลาไส้เล็ก และเช่นเดียวกับการให้ยา ทางปาก ปริมาณสารแคนนาบินอยด์รวม จะข้ึนกับกระบวนการเมตาบอลิซึมในตับ และปริมาณ อาหารในกระเพาะอาหาร ซึ่งเท่ากับว่าปริมาณการรับยาทางปากอาจไม่มีความแน่นอน และ ไม่สามารถคาดการณ์ได้ย่ิงไปกว่านั้น ชาส่วนใหญ่มักมีความเข้มข้นของสารแคนนาบินอยด์ต่า สารประกอบในชาจะเปล่ียนแปลงตามเวลาในการต้ม ปริมาณของชาที่ใช้ และระยะเวลาในการเก็บ ซึ่งหมายความว่า การบริหารยาด้วยชาอาจทาให้ผลการรักษาโรคไม่แน่นอน แต่ในผู้ป่วยบางราย กลบั พบวา่ การใชช้ ากญั ชาด่ืมไดผ้ ลดี เพยี งแตก่ ารกาหนดปริมาณยาอาจจะทาได้ยากอาหารรูปแบบยา เตรียมจากพืชท้ังต้นอีกประเภทหนึ่ง คือ อาหาร เช่น คุกก้ี บราวนี่ การรับประทานอาหารเหล่านี้ ยากตอ่ การควบคุมปริมาณองค์ประกอบสารแคนนาบินอยด์ ท่ีได้รับให้คงที่ ผู้ป่วยอาจรับยาเกินขนาด ได้ง่าย เนื่องจากยาอาจออกฤทธิ์หลังผา่ นไปราว 2 - 3 ชั่วโมง และผูป้ ่วยอาจรบั ประทานยาคร้ังที่สอง หากพวกเขาต้องรอยาออกฤทธ์ิผลการรักษาโรคอาจไม่แน่นอนนักเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ยาให้ ทางปากที่ได้มาตรฐาน และส่วนใหญ่ต้องใช้เวลานานกว่ายาจะออกฤทธ์ิจึงทาให้อาหารไม่ถือเป็น ผลติ ภณั ฑ์สาหรับการบาบัดรักษาโรค รูปแบบท่ี 8 การส่งยาผา่ นผิวหนงั การบริหารยาผ่านทางผิวหนัง เป็นการส่งยาผ่านผิวหนัง รูปแบบยาเตรียมโดยทั่วไป ได้แก่ ครีมทาบนผิวหนังหรือเยื่อเมือกบุผิว และแผ่นแปะผิวหนัง ซึ่งเป็นการแปะแผ่นติดท่ีมียาอยู่ ลงบน ผิวหนังโดยตรงผู้ป่วยจะค่อย ๆ ได้รับยาในปริมาณท่ีเฉพาะเจาะจงในเวลาที่กาหนด ปัจจุบันมีการใช้ รูปแบบยานี้ เพือ่ รักษาอาการทางผวิ หนังบางประเภท และอาการปวดกล้ามเน้ือเฉพาะที่ หรือปวดข้อ สารแคนนาบินอยด์ ส่วนใหญ่ไม่ชอบน้า จึงทาให้ยาซึมผ่านไปสู่กระแสเลือดน้อยทาให้ระดับ ความเข้มข้นยาในเลือดอยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ยากอาจจะต้องประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น การนาส่งสารด้วยนาโนเทคโนโลยี อาจจะช่วยให้ยาเข้าสู่กระแสเลือดได้ดีข้ึน ส่วนยาในรูปแบบ
345 ครีมส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ทา และออกฤทธิ์เฉพาะที่ซ่ึงไม่จาเป็นต้องมีการส่งผ่านผิวหนังไปสู่ กระแสเลือด รปู แบบที่ 9 การสง่ ยาผ่านทวารหนกั - ยาเหน็บทวาร ยาเหน็บทวารหนักเป็นอีกรูปแบบหน่ึงที่น่าสนใจ เพราะเป็นอีกวิธีหนึ่งในการนาส่งยา เหมาะสาหรับผู้ป่วยที่ไม่รู้ตัวหรือว่ากินยาไม่ได้ เช่น ผู้ป่วยเด็กที่ไม่ยอมกลืนยา ผู้ป่วยมะเร็งท่ี ไม่สามารถกลืนยาได้ ผู้ป่วยท่ีกลืนแล้วสาลัก เนื่องจากบริเวณทวารหนักยาจะสามารถเข้าสู่กระแส เลือด ได้จากเส้นเลือดบริเวณทวารหนัก หลังจากสอดยาตัวยาจะค่อย ๆ ปลอดปล่อย โอกาสท่ีจะถูก เปล่ียนแปลงที่ตับก็จะน้อยลงกว่าการกิน การถูกเปล่ียนแปลงท่ีตับก็จะลดลง โอกาสเมายาก็จะลด น้อยลงดว้ ยเช่นกัน จึงลดอาการข้างเคยี งจากกญั ชาได้เม่ือเทียบกับการกิน สรุป 1. การพัฒนายาจากกัญชา เนื่องจากโรคบางโรคผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อยาอื่น ๆ ในการ รักษาโรคทางการแพทย์จึงได้พัฒนายาจากกัญชาและกัญชง เพื่อควบคุมคุณภาพสร้างมาตรฐาน เพื่อใหผ้ ู้ปว่ ยปลอดภัยและไดร้ ับประสิทธิภาพของผลิตภณั ฑส์ งู สุด 2. มาตรฐานการผลิตยากัญชา เพ่ือใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ในการผลิตยา จึงมีความ จาเปน็ อยา่ งย่ิง ในการควบคุมคณุ ภาพท่ีดคี วรจะเร่มิ ตง้ั แต่การควบคุมคณุ ภาพของวัตถุดิบ โดยควบคมุ คุณภาพต้งั แต่กระบวนการเพาะปลูกไปจนถงึ กระบวนการผลิตให้ได้มาซง่ึ ผลติ ภณั ฑ์สาเรจ็ รูป ทุก ขั้นตอนของการผลิตยา และกระบวนการทดสอบจะต้องมีการบันทึกข้อมูลอย่างชัดเจน วัตถุดิบต้อง เป็นไปตามมาตรฐาน กระบวนการเหล่านี้จะช่วยให้ผปู้ ่วย และผู้ส่ังจ่ายยาได้รับผลติ ภัณฑ์ท่ีมีคุณภาพ และปลอดภยั 3. รปู แบบยาที่มกี ัญชาและกญั ชงท่ีใช้ในการแพทย์แผนปัจจบุ ันมี 9 รูปแบบ ได้แก่ (1) การ สูดไอระเหย - ดว้ ยปอด (2) เคร่ืองพน่ ไอระเหยทางการแพทย์ (3) การสูบ (4) ทางปาก - ผ่านทางปาก และการหยดใต้ล้ิน (5) สเปรย์ (6) แคปซูล (7) ชาหรือสารละลาย (8) การส่งยาผ่านผิวหนัง และ (9) การสง่ ยาผ่านทวารหนัก - ยาเหนบ็ ทวาร
346 ใบความรู้ที่ 7 เรือ่ ง ขนาดของกญั ชาและกญั ชงในการรักษาโรค วตั ถุประสงค์ 1. เพือ่ ใหม้ ีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกบั ขนาดของกัญชาและกัญชงในการรักษาโรค 2. เพ่ือให้มีทักษะการแสวงหาความรู้และทักษะการคิดวิเคราะห์ขนาดของกัญชาและกัญชง ในการรกั ษาโรค 3. เพื่อให้ตระหนักถึงขนาดของกัญชาและกญั ชงในการรกั ษาโรค เน้ือหา จากการใช้กญั ชาและกัญชงในการรกั ษาโรค โดยเฉพาะขนาดของกัญชามี หลักการสาคัญ คอื “เร่มิ ทีละน้อย แล้วคอ่ ย ๆ เพมิ่ ขนาดจนควบคมุ อาการเจ็บป่วยได้ (Titration)” ปัจจัยทมี่ ผี ลต่อขนาดของกัญชาทเี่ หมาะสม มี 3 ประการ ไดแ้ ก่ ประการที่ 1 ชนดิ ของยากัญชาท่ีใช้ รวมถึง ยากัญชาจากพชื สกัดหรือไม่ สายพันธุ์ ความเข้มข้น ของยาสกัด วิธีใช้แบบสูบ แบบพ่น แบบหยอดใต้ลิ้น แบบกิน แบบสวนทวาร แบบทาภายนอก หรือ การผสมผสานหลายวิธี ยากัญชา 2 ชนิด ที่มีขนาดของ THC เท่ากัน แต่ถ้ามีส่วนผสมของ Terpenes ที่แตกตา่ งกนั ก็ให้ผลลัพธ์ในการรักษาแตกต่างกัน ประการท่ี 2 โรคที่ผู้ป่วยเป็น รวมถึงระยะของโรค ระดับความรุนแรง การรักษาแบบอ่ืน ๆ ที่ได้รับโรคร่วมอืน่ ๆ ประการท่ี 3 การตอบสนองต่อยากัญชาของแต่ละคน รวมถึงระดับ endocannabinoid เดมิ ในร่างกาย (หรอื เรียกวา่ endocannabinoid tone) และการดือ้ ยา เม่ือใชไ้ ปนาน ๆ สาหรับข้อมลู ขนาดของกัญชาและกัญชงในการรักษาโรค มีข้อมลู ท่ีไดร้ บั การศึกษาวจิ ัยและ เผยแพร่เป็นรูปธรรม คือคาแนะนาการใช้กัญชาของประเทศอิสราเอล ซึ่งเป็นผู้นาด้านการวิจัยกัญชา ทางการแพทย์ จัดต้ังองค์กรท่ีดูแลเร่ืองกัญชาโดยเฉพาะขึ้นมา คือ Israel Medical Cannabis Agency (IMCA) เมื่อปี ค.ศ. 2011 อนุญาตให้บริษัทเอกชน 6 บริษัท ผลิตกัญชาคุณภาพดีจาหน่าย (medical grade) มีกัญชาสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่มีความเข้มข้นของ THC และ CBD แตกต่างกัน แบ่งเป็น กลุ่มที่มี THC เด่น (มีขนาด THC 10, 15 และ 20%) กลุ่มท่ีมี CBD เด่น (มีขนาด CBD 10, 15, 20, 24%)
347 IMCA ออกคาแนะนาสาหรับแพทย์ล่าสุด เม่ือปี ค.ศ. 2017 เรื่องการใช้กัญชาสาหรับโรค และอาการตา่ ง ๆ ดงั น้ี (ตารางท่ี 1) ตารางที่ 1 คาแนะนาเรื่องขนาดยากญั ชา โดย อีส-รเี อล เมด-อิแคล็ แคนนาบสี เอ-เจ็นซิ (Israel Medical Cannabis Agency (IMCA)) ท่ี โรคหรืออาการ ชนดิ ของกัญชาทค่ี วรใช้ การปรบั ขนาดยาต่อมา เร่มิ ต้น คอ่ ย ๆ เพิ่ม THC จาก 10 ถึง 1 มะเรง็ (คล่ืนไส้ อาเจียน ปวด) THC เด่น, เร่มิ ชนดิ THC 20% ค่อย ๆ ลด CBD เป็นชนิด 20% 10% คอ่ ย ๆ เพิ่ม CBD จาก 10 ถึง 2 มะเรง็ ตบั (HCC) CBD เด่น, เรม่ิ ชนิด CBD 24% 24% คงสัดสว่ นนี้ไปตลอด 3 โรคลาไส้อกั เสบ CBD เดน่ , เริม่ ชนิด CBD คอ่ ย ๆ เพิ่ม THC จาก 10 ถึง 20% และลด CBD จาก 10% (Crohn’s,Ulcerative colitis) 10% เป็น 4% เหมอื นข้อ 5 4 ปวดประสาท THC และ CBD เท่ากนั ค่อย ๆ เพ่ิม THC จาก 10 ถงึ (Neuropathic pain) (THC 10% & CBD 10%) 20% เหมือนข้อ 7 5 โรคเอดส์ cachexia THC และ CBD เทา่ กนั ค่อย ๆ ลด CBD เป็นชนิด 10% (AIDS cachexia) (THC 10% & CBD 10%) คอ่ ย ๆ ลด CBD เป็นชนิด 15% 6 โรคปลอกประสาทเส่ือม เหมือนข้อ 5 ค่อย ๆ เพิ่ม THC จาก 10 ถึง (Multiple Sclerosis) 20% 7 โรคพาร์กนิ สัน THC เดน่ , เร่มิ ชนดิ THC (Parkinson’s disease) 10% 8 ทเู รต็ ต์ ซนิ โดรม เหมือนขอ้ 7 (Tourette syndrome) 9 โรคลมชัก (Epilepsy) CBD เด่น, เริ่มชนดิ CBD 20% 10 โรคลมชักที่ด้ือยา CBD เดน่ , เริม่ ชนิด CBD 24% 11 การดแู ลแบบประคับประคอง THC เด่น, เรม่ิ ชนดิ THC (Palliative care) 10%
348 ท่ี โรคหรืออาการ ชนิดของกัญชาทีค่ วรใช้ การปรบั ขนาดยาตอ่ มา เร่มิ ต้น 12 สภาวะป่วยทางจติ จาก คอ่ ย ๆ เพ่ิม CBD จาก 10 ถงึ เหตุการณ์รนุ แรง CBD เด่น , เร่มิ ชนิด CBD 20% Post-traumatic stress 10% disorder (PTSD) เร่ิมขนาดท่ีต่า และปรับเพ่ิมขนาดยาช้า ๆ ให้ยาวันละ 4-6 คร้ัง คานวณปริมาณยาท่ีได้รับ ไมค่ วรเกนิ 60 กรมั ตอ่ เดอื น ถ้าถงึ ระดับ 60 กรมั ตอ่ เดอื น ใหค้ ่อย ๆ ปรบั ขนาดลง ข้อห้าม ห้ามใช้ยากัญชาสังเคราะห์ เช่น ยา JWH-018 เพราะมีผลเสียเกิดภาวะแทรกซ้อน เกิดอาการทางจติ รุนแรงได้ จากการทบทวนวรรณกรรมงานวิจัยต่าง ๆ ที่ตีพิมพ์ โดย นายแพทย์ภาสิน เหมะจุฑา และ ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา นาเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาการใช้ประโยชน์ จากกัญชา ของกระทรวงสาธารณสุข ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับขนาดยาจากกัญชาท่ีเหมาะสม ดังนี้ (ตารางท่ี 2 และ 3) ตารางที่ 2 อาการหรือโรคท่ีหลักฐานงานวจิ ยั หนักแนน่ วา่ ใช้กญั ชารักษาไดด้ ี โรคหรอื อาการ ประเภทของ แนะนา/ปรมิ าณ ประสทิ ธภิ าพ Cannabinoid อาการปวดดีขนึ้ อาการปวดเสน้ ประสาท มีหลายสาเหตุ THC:CBD THC:CBD (1:1) (Improvement in pain) รวมถึงอาการปวดหลังผา่ ตัด อาการ (1:1) 15 – 60 mg/d ปวดจากมะเร็ง อาการปวดท่ไี ม่ใช่ มะเรง็ อาการปวดจากระบบประสาท โรคปลอกประสาทเส่ือม (Neuropathic pain (any causes including post operative pain, cancer pain, non cancer pain,neuropathic pain, Multiple sclerosis)
349 โรคหรืออาการ ประเภทของ แนะนา/ปรมิ าณ ประสทิ ธิภาพ คล่ืนไส้ และอาเจยี นในผปู้ ่วยมะเร็ง Cannabinoid (Nausea & Vomiting in cance) ผปู้ ว่ ยมากกวา่ THC:CBD THC:CBD (1:1) 60% มคี วามพงึ อาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อในโรค พอใจในการใช้ ปลอกประสาทเส่ือมแข็ง (1:1) 15 – 30 mg/d กัญชามากกวา่ (pasticity in Multiple sclerosis) การใช้ยาตา้ น โรคลมชักท่ไี ม่ตอบสนองต่อยา (เดก็ THC:CBD THC:CBD (1:1) อาเจียน และผใู้ หญ่) (Intractable epilepsy (1:1) 15 – 60 mg/d มกี ารปรบั ปรุง (children and adult) รวมถึงทา่ ทาง ภาวะการเบ่อื อาหาร ในผู้ปว่ ยตดิ เชือ้ THC:CBD THC:CBD (0:1) การเดิน HIV (Anorexia in HIV) (0:1) 100–1,000 มีอาการชกั ลดลง mg/d 36.5% โรคที่เกิดจากความผิดปกตขิ องระบบ THC:CBD THC:CBD (1:0) ประสาท โรคติกส์ และทูเร็ตต์ (1:0) 5 – 10 mg/d มนี ้าหนักเพมิ่ ขึน้ ซินโดรม (Tics and Tourette 2-5 กโิ ลกรัม syndrome) THC:CBD THC:CBD (1:0) และมีอาการ (1:0) 5 – 10 mg/d ปลายประสาท อักเสบลดลง 30% มีการปรบั ปรงุ อยา่ งเหน็ ไดช้ ดั
350 ตารางท่ี 3 อาการหรือโรคท่หี ลักฐานงานวิจยั อยบู่ ้างว่าใชก้ ัญชารักษาได้ดี โรคหรืออาการ ประเภทของ ปริมาณ ประสทิ ธภิ าพ Cannabinoid อาการสบั สน และกระวนกระวายใน เป็นผลลพั ธ์โดย ผูป้ ว่ ยอัลไซเมอร์ และความเสื่อมของ THC:CBD THC:CBD (1:0) รวมทย่ี อมรับได้ ระบบประสาทอ่นื ๆ (Agitation & Restlessness in (1:0) 5 – 8 mg/d Alzheimer Disease and other Neurodegenerative disorders) THC:CBD THC:CBD (0:1) มกี ารปรับปรงุ โรคพาร์กนิ สนั (0:1) 75 – 300 mg/d อยา่ งเหน็ ได้ชดั ใน (Parkinson’s disease) การเคลื่อนไหว THC:CBD THC:CBD (0:1) และอาการเกร็ง โรคจิตเภทเฉียบพลัน (0:1) 200 – 800 มปี ระสิทธิภาพ (Acute schizophrenia) mg/d เทยี บเท่ากับยา Amisulpride แต่มีผลข้างเคยี ง ท่ีต่ากวา่ จากการทบทวนงานวิจัยที่ตีพิมพ์ล่าสุดในปี ค.ศ. 2019 พบว่า มีการวิจัยนายากัญชาไปใช้ รักษาภาวะอื่น ๆ ได้แก่ วิตกกังวล โรคออติสติก โรคสมองเสื่อม เบาหวาน การใช้ทดแทนยาแก้ปวด ที่เป็นอนพุ นั ธข์ องฝิน่ ยาทางจติ เวช และใช้ทดแทนยาเสพตดิ แต่นาเสนอเฉพาะที่มกี ารระบุขนาดของ ยากญั ชาท่ีใช้ในการวิจยั ดังนี้ (ตารางที่ 4)
351 ตารางที่ 4 งานวจิ ัยท่ีตีพิมพ์ ปี 2019 ท่ีช้ีวา่ ใชก้ ัญชารักษาได้ดี โรคหรืออาการ ประเภทของ ปรมิ าณ ประสิทธภิ าพ Cannabinoid โรควิตกกงั วล (Anxiety) CBD 25 mg/d หลัง Anxiety score อาหารเช้า ลดลงในเดือน ถ้าเด่นเร่อื ง กังวล แรก 79% Sleep หลังอาหารเย็น score ดขี นึ้ ใน ถ้าเดน่ เรื่องนอน เดือนแรก 67% ไม่หลับ บางคน อาจต้องเพ่ิมขนาด ถงึ 50 – 75 mg/d มีรายหน่ึง ค่อย ๆ เพิ่มจนถึง 175 mg/d (trauma history and schizoaffective disorder) โรคออทิซึม (Autism) THC:CBD THC 0.8 mg/kg ทารา้ ยตนเอง (1:20) (max 40 mg/d) ลดลง 68% CBD 16 mg/kg Hyperactivity (max 600 ลดลง 68% mg/d) การนอนหลับดขี ้ึน 71% วติ กกังวล ดีขนึ้ 47% โรคลมชัก (เลนนอ็ กซ)์ กล่มุ อาการของ CBD เริม่ จาก 2.5 ความถ่กี ารชัก โรค Epilepsy (Lennox Gastaut จนถึง 30 ตอ่ เดือนลดลง syndrome) mg/kg/d ในชว่ ง 48% to 57% 2 สปั ดาห์ โดยให้ ควบคูก่ บั ยาเดิม
352 โรคหรอื อาการ ประเภทของ ปรมิ าณ ประสิทธิภาพ โรคสมองเสือ่ ม (Dementia) Cannabinoid โรคมะเรง็ ปอด โรคมะเร็งของตอ่ ม THC/CBD 7.6 mg อาการกระวน น้าเหลอื ง (รายงานผูป้ ่วย) (Lung cancer adenocarcinoma (1:2) THC/13.2 mg กระวายและ (case report) CBD daily ปญั หาเกีย่ วกบั โรคมะเร็งรังไข่ Ovarian cancer (case report) (2 weeks), พฤติกรรมลดลง โรคเบาหวาน (Diabetes) 8.8 mg THC/17.6 อาการเกร็งลดลง mg CBD (จนครบ 50% สามารถหยุด 1 เดอื น) ยาอนื่ ๆ 50% 9.0 mg THC/18.0 mg CBD (จนครบ 2 เดอื น) CBD 2% เรมิ่ 2 หยด (0.06 มีการลดลงของ Solution mL, 1.32 mg เซลลม์ ะเร็ง (200 mg CBD CBD) วันละ 2 ต่อมน้าเหลือง in 10 mL) ครงั้ นาน 1 สปั ดาห์ค่อย ๆ เพิม่ เป็น 9 หยด (0.3 mL, 6 mg CBD) วนั ละ 2 ครั้ง นาน 2 เดือน (Micro-dosing) CBD วนั ละ 1 หยดกอ่ น ก้อนยบุ จากขนาด นอน ร่วมกับกิน 5.8 x 5.0 cms. วิตามินบี 17 เหลือ 1.6 x 1.6 (Laetrile) ขนาด cms. ภายใน 500 mg. วนั ละ 4 เวลา 6 เดอื น ครง้ั THCV ครงั้ ละ 5 mg. ระดบั น้าตาล วนั ละ 2 ครงั้ ลดลงเฉล่ีย 1.2
353 โรคหรอื อาการ ประเภทของ ปรมิ าณ ประสทิ ธภิ าพ Cannabinoid mmol/L (p<0.05), เพิ่ม การทางานของ ตับอ่อน (HOMA2) 44.5 คะแนน (p<0.01) นอกจากนี้ นายแพทย์สมยศ กิตติม่ันคง ได้ให้คาแนะนาขนาดยาท่ีมีกัญชาในการรักษาโรค ไว้ว่า หลักทั่ว ๆ ไปในการให้ยา คือ เร่ิมจากน้อย ๆ ค่อย ๆ เพิ่มทีละนิด จนได้ผลตามที่ต้องการ แต่ก็ มงี านวจิ ัยจากหลายแหล่งได้สรุปขนาดทเี่ หมาะสมไว้ ซ่ึงอาจจะแตกต่างกันไปในคนไข้ในแต่ละโรค และ แต่ละคน ซง่ึ สามารถปรับได้โดยปรึกษาแพทยป์ ระจาตวั ท่ีแสดงให้เหน็ ดา้ นลา่ งนี้ เปน็ ขนาดท่ีให้ในผู้ใหญ่ อายุ 25 ปขี น้ึ ไป สาหรับอายุท่ีนอ้ ยกว่าน้ี ยงั ไม่มกี ารแนะนาขนาดท่แี น่นอน 1. รกั ษารักษาโรคกล้ามเน้ือออ่ นแรง Amyotrophic lateral sclerosis (nerve cell disease) 1.1 ให้สาร THC 10 มิลลิกรัม ทางปากทุกวัน เป็นเวลา 2 อาทิตย์ ป้องกันอาการ คลน่ื ไส้อาเจยี นจากการได้รบั เคมบี าบัด 1.2 ให้ dronabinol (Marinol) 5 มิลลิกรัม ทางปาก ก่อนให้เคมีบาบัด 1-3 ช่ัวโมง จากนนั้ ทกุ 2-4 ชัว่ โมงหลงั จากไดร้ บั เคมบี าบัด รวมแล้ววันละ 4-6 ครัง้ 1.3 ยา nabilone ให้ 2 มิลลิกรัม ในคืนก่อนให้เคมีบาบัด และ 1-3 ช่ัวโมง ก่อนและ ให้เคมหี ลงั ให้เคมบี าบัด 1.4 กินยา nabilone 2-3 มิลลิกรัม วนั ละ 2-4 คร้งั 1.5 กินยา nabilone 3 มิลลิกรัม วันละ 3 คร้ัง เป็นเวลา 4 วัน และในช่วงการให้ เคมบี าบดั 2 รอบ 1.6 กินยาในช่วง 24 ช่ัวโมง ดังนี้ ยา nabilone 1 - 8 มิลลิกรัม โดยขนาด 1 - 4 มิลลิกรัม วันละคร้ัง ขนาด 1 มิลลิกรัม วันละ 3 - 5 ครั้ง หรือ ขนาด 2 มิลลิกรัม วันละครั้ง หรือ ขนาด 2 มิลลิกรัม วันละ 2 - 4 ครั้ง หรือ 24 - 50 มิลลิกรัม วันละคร้ัง ในขนาด 10 มิลลิกรัม วันละ 4 - 5 ครง้ั 12 มลิ ลกิ รัม วันละ 2 ครง้ั หรอื 15 มิลลิกรมั วนั ละ 2 ครง้ั
354 1.7 กินยา nabilone 1 มิลลิกรัม 8 - 12 ชั่วโมง ก่อนได้รับเคมีบาบัด ตามด้วย 0.5 - 2 มิลลกิ รมั วนั ละ 2 - 3 ครง้ั หลงั ได้รับเคมบี าบัดข้ึนกับน้าหนกั ก่อนไดร้ ับเคมีบาบัด และ 4, 8, 16 และ 24 ช่ัวโมง 1.8 ฉดี ยา levonantradol 0.5 - 1 มลิ ลิกรมั วันละ 3 ครง้ั 2. รักษาผิวหนังอักเสบจากการแพ้ Atopic Dermatitis (itchy,scaly skin rashes) 2.1 ให้น้ามันกัญชาและกัญชงสกัดเย็นทางปาก เป็นเวลา 20 สัปดาห์ เพิ่มความอยาก อาหารในผู้ป่วยมะเรง็ 2.2 ให้สาร THC 2.5 มิลลิกรัม ทางปาก อาจให้สาร CBD 1 กรัม ร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้ เป็นเวลา 6 สัปดาห์ 3. รกั ษาอาการปวดเรอ้ื รัง 3.1 ให้สาร THC, benzopyranoperidine (BPP) , cannabidol (CBD), nabilone , dronabinol หรือ synthetic nitrogen THC analogs (NIB) ในรูปของแคปซูล หรือสเปรย์พ่นในปาก 2.5-20 มิลลิกรมั เป็นเวลา 25 วนั 3.2 ยาจากกญั ชา 1 - 6 สัปดาห์ 3.3 Ajulemic acid 1 สัปดาห์ 3.4 ยา nabilone 0.25 - 2 มิลลกิ รมั 3.5 ควนั กัญชา 1 - 9.4 เปอร์เซ็นต์ ระยะ 6 ชว่ั โมง ถึง 14 วัน 3.6 สูบกญั ชา วันละ 3 - 4 ครัง้ เป็นเวลา 5 วนั 3.7 ยา dronabinol 10 - 20 มลิ ลิกรมั วันละคร้งั ระยะ 6 ชวั่ โมง 6 สัปดาห์ 3.8 ในผู้ป่วยมะเร็งกินสาร THC 5 - 20 มิลลิกรัม วันละครั้ง ตามขนาดดังต่อไปนี้ : nabilone 2 - 8 มลิ ลิกรัม วนั ละคร้งั ; nabilone 0.25 - 1 มิลลกิ รัม วันละครงั้ เปน็ เวลา 4 สัปดาห์ ; nabilone 1 - 2 มิลลกิ รมั วันละ 2 ครัง้ เป็นเวลา 1 ปี ; nabilone 1 - 2 มลิ ลิกรมั วันละ 2 ครง้ั หา่ งกัน ทุก 8 ชั่วโมง ; และ 0.5 มิลลิกรัม วันละ 2 คร้ัง เป็นเวลา 7 วัน ; ตามด้วย 2 มิลลิกรัม วันละคร้ัง เป็น เวลา 3 อาทิตย์ ; ขนาด 0.5 - 1 มิลลกิ รัม วนั ละ 2 คร้ัง 3.9 กนิ สาร THC 10 มิลลกิ รัม เพ่ิมขนาดมากทส่ี ุดเทา่ ท่ที นไหว เปน็ เวลา 6 สัปดาห์ 3.10 พ่นสเปรย์ทางปากในขนาดที่แบง่ ระหว่าง 2.5 - 100 มิลลิกรัม เปน็ เวลา 2 อาทิตย์ 3.11 พ่นสเปรย์ Sativex ในปาก มากถึง 48 คร้ังต่อวัน เป็นเวลา 1 - 2 อาทิตย์ จากน้นั 10 - 15 คร้ังตอ่ วัน หรือ 4 - 8 ครงั้ 8 คร้งั เป็นจานวนสูงสดุ ต่อรอบ หรือภายในชว่ งระยะ 3 ช่วั โมง ช่วยให้ผูป้ ว่ ยโรค Cystic Fibrosis อยากอาหารมากขนึ้ 3.12 กิน dronabinol 2.5 มิลลิกรัม (ขนาดสูงสุด 10 มิลลิกรัม วันละคร้ัง เป็นเวลา 1 - 6 เดือน
355 4. รกั ษาความจาเส่อื ม 4.1 กิน dronabinol 2.5 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 6 อาทิตย์ รักษาความ ผดิ ปกตใิ นการกนิ อาหาร 4.2 กินสาร THC 7.5 - 30 มิลลิกรัม วันละครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ 5. รักษาโรคลมชักในผใู้ หญ่ กินสาร CBD 200 - 300 มลิ ลิกรัม วันละครั้ง เป็นเวลา 4 - 5 เดอื น เพ่อื ทาใหส้ ภาวะกรดไขมันในร่างกายดีขึน้ กนิ น้ามันเมล็ดกัญชาและกญั ชงสกัดเย็น 6. รกั ษาอาการเคลอ่ื นไหวผิดปกตทิ ่ีเกิดข้นึ จาก Huntington’s disease 6.1 กนิ nabilone 1 - 2 มลิ ลิกรมั วันละครง้ั เปน็ เวลา 5 สปั ดาห์ 6.2 หรือกินสาร CBD ขนาด 10 มิลลิกรัม ต่อน้าหนักตัว 1 กิโลกรัม วันละคร้ัง เป็นเวลา 6 สปั ดาห์ 7. รักษาอาการนอนไมห่ ลับ กนิ สาร CBD 40 - 160 มิลลิกรัม 8. รกั ษาอาการจากโรคปลอกประสาทเส่ือม 8.1 กิน dronabinol (Marinal) 2.5 มิลลิกรัม วันละคร้ัง เพิ่มขนาดจนถึง วันละ 10 มิลลิกรัม วันละคร้ัง เป็นเวลา 3 อาทิตย์ 8.2 หรือใช้สารสกัดกัญชาในแคปซูล เพ่ิมคร้ังละ 5 มิลลิกรัม ถ้าทนไหว เป็นเวลา 2 - 4 สปั ดาห์ 8.3 หรือใชส้ ารสกดั กัญชาที่มสี าร THC และ CBD ขนาด 2.5-120 มลิ ลกิ รมั วนั ละครัง้ เป็นเวลา 2 - 15 สัปดาห์ 8.4 หรือพ่นเปรย์ Sativex ที่มีสาร THC 2.7 มิลลิกรัม และสาร CBD 2.5 มิลลิกรัม ใช้ในขนาด 2.5 - 120 มิลลกิ รัม โดยแบง่ ให้เป็นระยะเวลา 8 สปั ดาห์ 8.5 หรือพ่นสเปรย์ 8 ครั้งในระยะเวลา 3 ช่ัวโมง อาจพ่นถึง 48 ครั้ง ในระยะเวลา 48 ชัว่ โมง ใช้ตอ่ เนื่องเป็นระยะเวลา 6 - 14 สปั ดาห์ 9. การใช้น้ามันกัญชาและกัญชงเป็นอาหารเสริม รับประทานน้ามันกัญชง 15 - 30 ซีซี วันละครง้ั 10. การรกั ษาโรคจติ เภท กินสาร CBD 40 - 1280 มิลลิกรัม วันละครง้ั เป็นเวลา 4 สปั ดาห์ 11. การรักษาโรคทูเร็ตต์ กินแคปซูลสาร THC 2.5 - 10 มิลลิกรัม วันละคร้ัง หรือกิน ขนาด 2.5 มิลลิกรัม วันละครั้ง ค่อย ๆ เพ่ิมขนาดครั้งละ 2.5 มิลลิกรัม จนได้ขนาด 10 มิลลิกรัม วัน ละครง้ั ภายในเวลา 4 วัน กนิ ตอ่ เนอื่ ง 6 สัปดาห์ 12. การรักษาโคนข้อรูมาตอยด์ ใช้สเปรย์ Sativex พ่น 6 คร้ัง ต่อเน่ือง วันละ 1 ครั้งก่อนนอน เปน็ เวลา 5 สปั ดาห์
356 13. การรกั ษาโรคตอ้ หิน 13.1 ให้สาร THC 5 มิลลกิ รมั ใตล้ ้ิน วันละคร้ัง 13.2 หรือสาร CBD 20 - 40 มิลลิกรัมใต้ล้ิน วันละคร้ัง อย่างไรก็ตาม สาร CBD ขนาด 40 มลิ ลกิ รัม อาจเพ่ิมความดันในลกู ตา จะเห็นได้ว่าการนาเสนอเรื่องขนาดของกัญชาในการรักษาโรค จากข้อมูล ผู้ทรงคุณวุฒิข้างต้น เป็นข้อมูลผลการศึกษาวิจัยในต่างประเทศยังไม่มีผลการ ศึกษาวจิ ัยขนาดของกญั ชาและกญั ชงในประเทศไทย ดังนน้ั ผใู้ ชก้ ญั ชาและกญั ชง เป็นยา ควรศึกษาติดตามผลการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่อง เพราะองค์ความรู้อาจ มีการเปล่ยี นแปลงได้ นอกจากนี้ การใช้กัญชาและกัญชงเป็นยาในขนาดท่ีถูกต้องปลอดภัยต้อง อยใู่ นการควบคุมดแู ลให้คาแนะนาจากแพทยเ์ ทา่ น้ัน สรปุ 1. ขนาดยากัญชาท่ีเหมาะสม จาเป็นต้องปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล และมีหลักสาคัญ คอื เร่ิมทลี ะน้อย แลว้ ค่อย ๆ เพ่ิมขนาดจนควบคุมอาการเจ็บป่วยได้ 2. จากตารางที่ 1 คาแนะนาเรื่องขนาดยากัญชา โดย อีส-รีเอล เมด-อิแค็ล แคนนาบีส เอ-เจ็นซิ (Israel Medical Cannabis Agency (IMCA)) ในการรักษาโรค หรืออาการดังนี้ (1) มะเร็ง (คลื่นไส้ อาเจียน ปวด) (2) มะเร็งตับ (3) โรคลาไส้อักเสบ (4) ปวดประสาท (5) โรคเอดส์ (6) โรคปลอก ประสาทเสื่อม (7) โรคพาร์กินสัน (8) ทูเร็ตต์ ซินโดรม (9) โรคลมชัก (10) โรคลมชักที่ด้ือยา (11) การดูแล แบบประคับประคอง และ (12) สภาวะป่วยทางจติ จากเหตกุ ารณร์ นุ แรง 3. จากตารางที่ 2 อาการหรือโรคทม่ี ีหลักฐานงานวิจัยหนกั แน่นว่าใชก้ ัญชารักษาได้ดี ดังนี้ (1) อาการปวดเส้นประสาท มหี ลายสาเหตุ รวมถงึ อาการปวดหลังผา่ ตัด อาการปวดจากมะเร็ง อาการ ปวดท่ไี มใ่ ชม่ ะเร็ง อาการปวดจากระบบประสาท โรคปลอกประสาทเสื่อม (2) คลน่ื ไส้ และอาเจียนใน ผู้ป่วยมะเร็ง (3) อาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อในโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (4) โรคลมชักท่ีไม่
357 ตอบสนองต่อยา (เด็กและผู้ใหญ่) (5) ภาวะการเบื่ออาหารในผู้ป่วยติดเช้ือ และ (6) โรคท่ีเกิดจาก ความผิดปกตขิ องระบบประสาท โรคตกิ ส์ และทูเร็ตต์ ซนิ โดรม 4. จากตารางที่ 3 อาการหรือโรคท่ีมีหลักฐานงานวิจยั อยู่บ้างว่าใช้กัญชารักษาได้ดี มีดังน้ี (1) อาการสับสน และกระวนกระวายในผู้ป่วยอัลไซเมอร์ และความเส่ือมของระบบประสาทอ่ืน ๆ (2) โรคพารก์ นิ สนั และ (3) โรคจติ เภทเฉียบพลนั 5. จากตารางที่ 4 งานวิจัยท่ีตีพิมพ์ ปี 2019 ท่ีชี้ว่าใช้กัญชารักษาได้ดี มีดังนี้ (1) โรควิตก กังวล (2) โรคออทิซึม (3) โรคลมชัก (4) โรคสมองเส่ือม (5) โรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งของต่อมน้าเหลือง (6) โรคมะเรง็ รังไข่ และ (7) โรคเบาหวาน 6. ขนาดยากัญชาท่ีเหมาะสม ในคนไข้ในแต่ละโรค และแต่ละคนเป็นขนาดท่ีให้ในผู้ใหญ่ อายุ 25 ปขี ึน้ ไป มีดังน้ี (1) รกั ษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (2) รกั ษาผวิ หนงั อกั เสบจากการแพ้ (3) รักษา อาการปวดเรื้อรัง (4) รักษาความจาเส่ือม (5) รักษาโรคลมชักในผู้ใหญ่ (6) รักษาอาการเคล่ือนไหว ผิดปกติ (7) รักษาอาการนอนไม่หลับ (8) รักษาอาการจากโรคปลอกประสาทเส่ือม (9) การใช้น้ามัน กญั ชาและกญั ชงเปน็ อาหารเสริม (10) การรกั ษาโรคจิตเภท (11) การรักษาโรคทเู รต็ ต์ (12) การรกั ษา โคนข้อรูมาตอยด์ และ (13) การรักษาโรคตอ้ หนิ
Search
Read the Text Version
- 1 - 48
Pages: