Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อุบัติเหตุ อุบัติภัย

อุบัติเหตุ อุบัติภัย

Published by gungwal2515, 2021-08-11 06:03:36

Description: วิชา สุขศึกษา พลศึกษา (ม.ต้น)

Keywords: นักศึกษา กศน.

Search

Read the Text Version

81 บทที่ 7 อุบัตเิ หตุ อบุ ตั ิภัย สาระสําคญั กกกกกกกกความรู ความเขาใจ เก่ียวกับอันตรายที่อาจเกิดข้ึนในการประกอบอาชีพตลอดจน วิธกี ารปองกันแกไ ขและวิธปี ฐมพยาบาลเมื่อเกิดอนั ตรายจากการประกอบอาชีพได ผลการเรยี นรูทค่ี าดหวงั กกกกกกกก1. อธบิ ายปญ หา สาเหตชุ องการเกดิ อุบตั ิเหตุ อบุ ตั ภิ ัยและภยั ธรรมชาติ กกกกกกกก2. วเิ คราะหพ ฤติกรรมเลี่ยงที่จะนําไปสูความไมปลอดภัยในชวี ิตและทรัพยส นิ กกกกกกกก3. บอกเทคนคิ วธิ ีการขอความชวยเหลือและการเอาชีวิตรอด เมื่อเผชิญอันตราย และ สถานการณค บั ขันได กกกกกกกก4. อธิบายวิธีการปฐมพยาบาลเม่ือไดรับอันตรายจากอุบัติเหตุ อุบัติภัยได อยา งถกู ตอง ขอบขายเน้อื หา กกกกกกกกเรื่องที่ 1 ปญ หา สาเหตุของการเกิดอบุ ตั ิเหตุ อบุ ตั ภิ ัย และภยั ธรรมชาติ กกกกกกกกเร่ืองท่ี 2 การปอ งกันอันตรายและหลกี เล่ยี งพฤติกรรมเสย่ี งที่จะนําไปสคู วาม ไมป ลอดภยั จากอบุ ตั ิเหตุ อุบัตภิ ัย และภัยธรรมชาติ กกกกกกกกเรือ่ งที่ 3 เทคนิค วธิ กี ารขอความชวยเหลอื และการเอาชวี ติ รอด เมอื่ เผชญิ อนั ตราย และสถานการณค บั ขัน กกกกกกกกเรอ่ื งที่ 4 การปฐมพยาบาลเมือ่ ไดร ับอนั ตรายจากอุบัติเหตุ อบุ ตั ิภัย จากภยั ธรรมชาติ

82 เร่ืองท่ี 1 ปญ หา สาเหตขุ องการเกิดอบุ ตั เิ หตุ อบุ ตั ิภยั และภยั ธรรมชาติ กกกกกกกกสาเหตุทท่ี าํ ใหเ กิดอบุ ตั เิ หตแุ ละอบุ ตั ภิ ยั กกกกกกกกอุบัติเหตุหรืออุบัติภัย (Accident) หมายถึง เหตุการณอันตรายที่เกิดข้ึนโดยไมได ตง้ั ใจ หรือคาดคิดมากอน ทาํ ใหเกดิ ความเสียหายแกท รัพยสิน บุคคลไดรับอันตรายทั้งรางกาย และจติ ใจ อาจบาดเจ็บ พกิ าร หรอื รนุ แรงถึงข้นั เสียชวี ติ ได การเกดิ อุบัตเิ หตหุ รอื อุบตั ิภยั ในชวี ิตประจําวนั อาจเกดิ ขึ้นไดจ ากสาเหตุ ดังนี้ 1. สาเหตุที่เกิดจากบุคคล คนอาจเปนสาเหตุทําใหเกิดอุบัติเหตุหรืออุบัติภัย ในลักษณะตา ง ๆ ดังนี้ 1.1. สภาพรางกายและจิตใจไมอยูในภาวะปกติ ผูที่รางกายทรุดโทรม เชน ออ นเพลยี เหนด็ เหนื่อย เจบ็ ปวย หรือผทู มี่ นึ เมาจากการดม่ื สุราหรือยากระตนุ ประสาท เปนตน จะมผี ลทําใหค วบคุมสติของตนเองไดไ มด ี จะมโี อกาสเกดิ อุบตั เิ หตุ อบุ ัตภิ ัยไดงา ย 1.2. เกิดจากคนขาดความรูและความชํานาญหรือประสบการณ ผูท่ีใช เครื่องจักรเคร่อื งยนตในขณะทาํ งานนน้ั ถา หากขาดความรูความชํานาญหรือมีประสบการณไม เพียงพอจะเปนเหตใุ หเกดิ อุบตั ิเหตุ อบุ ตั ิภัยไดง า ย 1.3. เกดิ จากคนมคี วามประมาท คนสวนใหญม นี สิ ัยรักความสะดวกสบาย หาก อันตราย ยังไมเกิดข้ึนมักจะคิดวา \"ไมเปนไร\" และบางคนมีนิสัยชอบความเส่ียง เชน ชอบ เผอเรอ สะเพรา ขาดความรอบคอบ เหลานี้เปนเหตใุ หเกดิ อุบตั เิ หตุ อุบตั ภิ ัยได 1.4. เกิดจากคนไมปฏิบัติตามคําเตือน กฎ ระเบียบ ขอบังคับ คนบางคน ไมเห็นความสําคัญของกฎระเบียบ ขอบังคับหรือคําเตือนตางๆ มักจะเปนเหตุใหเกิด อุบตั เิ หตุ อบุ ัติภัยได 1.5. เกิดจากคนมีความรูเทาไมถึงการณ มักเน่ืองมาจากการคาดคะเนผิด โดยไมร วู า อะไรเกดิ ขนึ้ จะเปน เหตใุ หเ กิดอบุ ตั เิ หตุ อุบตั ภิ ยั ได 1.6. เกิดจากความเช่ือในทางท่ีผิด บางคนเช่ือวาอุบัติเหตุ อุบัติภัย เกิดขึ้น เพราะโชคชะตาหรอื เคราะหก รรมไมสามารถจะหลกี เลี่ยงได ทําใหขาดความระมัดระวังจนเปน เหตุใหเกดิ อุบตั ิเหตุ อบุ ัติภยั ได

83 กกกกกกกก2. สาเหตุที่เกิดจากเครื่องจักรและอุปกรณหรือยานพาหนะในการทํางาน มหี ลายกรณี ดงั นี้ 2.1. เคร่ืองมือและวัสดุอุปกรณหรือยานพาหนะชํารุด เชน ดามมีด ดามคอน หรือดา มจอบไมแนน ลวดสลิงของเครอ่ื งจักรสกึ หรอเกอื บจะขาด สายไฟฟาเกาและฉนวนที่หุม เปอยยุย เปนตน 2.2. การใชเ คร่ืองมอื ผิดประเภท เชน ใชมดี กรรไกรหรอื ตะไบไปงัดเหล็ก ทําใหหักเปราะกระเด็นถูกบุคคลอื่นได การใชจอบแทนคอน การใชสายไฟฟาท่ีมีขนาดเล็ก ไมเหมาะสมกับกระแสไฟฟา ทม่ี วี ตั ตม ากเกนิ กาํ ลังท่จี ะทําใหเ กิดความรอ นลกุ ไหมขน้ึ ได 2.3. การใชเคร่ืองจักรโดยที่ไมมีอุปกรณปองกันอันตราย เชน การเช่ือมเหล็ก โดยไมใ สห นากากปองกัน การใชเครื่องลบั มดี ทีไ่ มม ีฝาครอบปอ งกนั เศษวัสดุ เปน ตน 2.4. สภาพของงานท่ไี มปลอดภยั 1) มีสภาพไมเ รียบรอย เชน ขรุขระ แหลมคม ลืน่ รกรุงรัง ฯลฯ 2) แสงสวา งไมเ พียงพอ 3) การระบายอากาศไมดพี อ 4) ใชเ ครอื่ งจักรที่มรี ปู รา งลกั ษณะไมป ลอดภยั 5) เคร่อื งแตงกายไมเ หมาะสมกับลกั ษณะงานท่ีปฏิบัติอยู 2.5 การปฏบิ ัติงานทไี่ มปลอดภยั 1) ปฏบิ ตั ิงานโดยไมไ ดร ับอนุญาตหรอื ไมใ ชห นาที่ 2) การยกของข้นึ ลงโดยวิธที ่ไี มป ลอดภัย 3) หยอกลอเลนกันในระหวางทํางาน หรือไมมีใจจดจอตองานที่กําลัง ปฏบิ ัติ กกกกกกกก3. สาเหตุจากสภาพแวดลอ ม 3.1 สภาพแวดลอมในบานและบริเวณบาน ท่ีกอใหเกิดอุบัติเหตุและอุบัติภัย ไดม ากท่สี ุด ไดแก หอ งครัว หองนา้ํ บรเิ วณบนั ได เปนตน 3.2 สภาพแวดลอมในโรงงานหรือสถานทีท่ ํางาน ดังน้ี 1) บริเวณภายนอกโรงงาน ควรจดั ใหเปน ระเบียบไมเ กะกะ 2) การจราจรในโรงงาน ควรกําหนดเสนทางเขา-ออกใหช ัดเจน

84 3) ความไมเปนระเบียบเรียบรอยในโรงงาน เชน วางน้ํามันเชื้อเพลิงหรือ วัสดอุ ุปกรณทีแ่ หลมคมไวเกะกะทางเดนิ อาจทําใหเกิดการหกลม ลืน่ หรอื บาดเทา ได เปนตน 4) แสงสวา งบริเวณโรงงานหรอื สาํ นักงาน มแี สงสวา งไมเ พยี งพอ 5) ฝุนละออง จะเปน อนั ตรายตอ ปอดและระบบทางเดนิ หายใจ เรือ่ งท่ี 2 การปองกนั อนั ตราย และหลีกเลีย่ งพฤตกิ รรมเส่ยี งทจ่ี ะนําไปสคู วามไมป ลอดภยั จากอบุ ตั เิ หตุ อบุ ตั ภิ ัย และภยั ธรรมชาติ 2.1. อุบัตเิ หตุในบา น อบุ ัตเิ หตุในบาน เปนภัยทเี่ กิดจากการกระทําที่ประมาทของสมาชิกในบานหรือ เกิดจากสภาพบานและบรเิ วณบานทีอ่ าจกอ ใหเ กิดอนั ตรายได อุบตั เิ หตุในบา นนน้ั เกิดจากสาเหตหุ ลายประการ ดังนี้ 1) พลดั ตกจากบนั ไดหรอื ที่สงู 2) เลนกบั ไฟ นํา้ รอ นลวก ไฟไหม จดุ ธูปเทียนทิง้ ไว 3) จมนาํ้ ในสระนํ้าหรอื ในแมนา้ํ ลําคลองใกลบ าน 4) ถกู ของมีคมทม่ิ แทงหรอื บาดมอื 5) กินยาผดิ ดมหรือกนิ สารเคมี ขอควรปฏบิ ัติในการปองกันอบุ ัตเิ หตใุ นบาน 1) ไมว ่ิงเลนขณะขึ้นหรือลงบันได 2) ใชอ ปุ กรณแ ละเคร่ืองมือ เครือ่ งใชอยางระมดั ระวัง และเก็บไวในท่ีปลอดภัย 3) ไมจ ุดไมข ดี ไฟเลน และดับไฟทกุ คร้งั หลังใชง านเสรจ็ แลว 4) ถอดปล๊กั เครอื่ งใชไ ฟฟา ทกุ ครงั้ เมื่อใชเสร็จแลว 5) ไมว ิ่งเลน ในบรเิ วณทมี่ หี ญาขน้ึ รก เพราะอาจถกู สัตวมพี ิษกดั ตอ ยได 6) ไมค วรหยิบยากนิ เอง ควรใหผ ูใหญหยิบยามาให 7) ไมปนตนไมหรอื ท่ีสงู เพราะอาจพลัดตกลงมาได 8) ไมท ้ิงเศษกระเบื้องหรือของมคี มไวตามทาง เพราะอาจถูกบาดเทา ได 9) เมอ่ื พบส่งิ ของในบา นชาํ รุด ควรแจง ใหพอ แมทราบทันที 10) ถา บา นอยใู กลแ มน ํา้ ลําคลองควรฝก วา ยนา้ํ ใหเ ปน

85 2.2. อุบัตเิ หตุในโรงเรียน อุบัติเหตใุ นโรงเรียน อาจเกิดข้ึนจากความประมาทและความคึกคะนองของตัว นกั เรยี นเอง หรือเกดิ จากสภาพแวดลอมของโรงเรยี น เชน โตะและเกาอี้ชํารุด อาคารเรียนทรุด โทรม สนามของโรงเรยี นมีหญา ขึน้ รก เปน ตน ดังนัน้ เราจึงควรเรียนรขู อ ควรปองกันตนเองจาก การเกิดอุบตั เิ หตใุ นโรงเรยี น ขอ ควรปฏบิ ตั ใิ นการปอ งกันอบุ ตั ิเหตุในโรงเรยี น 1) ไมเลน รนุ แรงกับเพอ่ื น 2) ปฏบิ ตั ติ ามกฎ ระเบียบของโรงเรียน เชน ไมหอยโหนประตูหรือหนา ตา ง 3) เก็บเครอ่ื งมือหรอื อุปกรณท ี่ใชเ สร็จแลวใหเ รียบรอย 4) ถาหากพบอปุ กรณหรือเครือ่ งมอื เครื่องใชชาํ รดุ ตองรีบแจง ใหค รทู ราบทันที 2.3. อุบัตเิ หตใุ นการเดินทาง อุบัติเหตุในการเดินทาง เปนอุบัติเหตุท่ีอาจเกิดข้ึนได จากการเดินถนนเดินทาง โดยรถยนต หรอื เดนิ ทางทางน้ํา อุบัติเหตุในการเดินทางอาจทําใหเราเสียชีวิตได ดังนั้น เราจึง ควรรขู อควรปฏิบตั ิในการปอ งกันอุบัติเหตจุ ากการเดินทาง ดังนี้ 1) ขา มถนนตรงทางขาม เชน ทางมาลาย สะพานลอย ทางขามท่ีมีสัญญาณไฟ จราจร 2) กอนขา มถนนควรมองขวา มองซา ย และมองขวาอกี คร้งั จึงขา มถนน 3) ควรเดนิ บนทางเทา ไมว ่งิ หรอื เลน กนั ขณะเดินถนน 4) ใสเสือ้ ผา สสี วางในขณะเดินทางตามถนนในตอนกลางคนื 5) ไมค วรแยงกันขนึ้ รถประจําทาง 6) ไมหอ ยโหนอยูท ่ปี ระตรู ถโดยสารประจําทาง 7) รอขนึ้ หรอื ลงเรือเมอ่ื จอดเทียบทาหรอื ริมฝงเรียบรอ ยแลว 8) ปฏิบตั ติ ามกฎ หรือระเบียบของการนัง่ เรือ เชน ไมนง่ั บนกราบเรือ ความเสยี่ งทจี่ ะนําไปสคู วามไมปลอดภัยตอชีวติ และทรัพยส นิ ภัยท่ีไมค าดคิดอาจจะเกดิ ข้นึ กับตนเองและครอบครวั ที่ควรศกึ ษา ดังนี้ 1) ไมค วรใสข องมีคาไปในทีช่ ุมชน อาจถกู จ้ี หรอื กระชากว่งิ ราวได 2) ถามีคนแปลกหนามาขอเขาบานอยาไวใจ ตองพิจารณาดูใหดีอาจเปนพวก มิจฉาชพี ได

86 3) ถึงแมจะมีคนอยูบาน ก็ควรปดประตูร้ัว ประตูบาน ซ่ึงเปนประตูเหล็กดัด เปดไวเฉพาะหนาตา งประตไู ม อยาเปด โลง เพราะมิจฉาชพี อาจเขามาลักขโมย หรือจ้ีปลน ได 4) ไมควรใชกระเปาถือในท่ีชุมชน ควรใชกระเปาสะพายจะดีกวา เพราะกระเปาถือจะถูกฉกชงิ วิง่ ราวไดงาย 5) ไมค วรเดินไปในทเ่ี ปลี่ยวตามลําพัง โดยเฉพาะผูหญิงควรมีเพอ่ื นไปดวย 6) การเดินขามสะพานลอยท่ีมีหลังคา มีแผนปายติดดานขาง ดูมืดทึบ ตอ งระวงั โจรสะพานลอย 7) ผูหญิงไมควรแตงกายโปหรือโชวสัดสวนมากเกินไป เพราะจะเปนการยั่วยุ อารมณทางเพศของผูชายได อาจถูกพวกบากาม ขาดความยั้งคิด ขมขืนไดถาอยูในสถานท่ี เปลย่ี ว 8) อยาหลงเช่ือคนท่ีติดตอคุยกันทางอินเทอรเน็ต เพราะถือวาเปนคนแปลก หนา อาจนําไปสูการลอลวง เรือ่ งที่ 3 เทคนคิ วิธกี ารขอความชวยเหลือและการเอาชวี ิตรอดเม่ือเผชิญอันตรายและ สถานการณค บั ขนั 3.1. วิธีการขอความชวยเหลือและการเอาชีวิตรอดเมื่อเผชิญอันตรายและ สถานการณคบั ขัน เมอื่ อยใู นสถานการณท ่ีอาจเปนอนั ตรายตอ ชวี ิตและความปลอดภยั ควรคํานึงถึงข้ันตอนการส่ือสารเพื่อขอความชวยเหลือดวย เพราะในบางครั้งเราจะชวยเหลือ ตัวเองไมไดแลว คอื 1) การโทรศัพทขอความชว ยเหลือ 2) การตะโกนรอ งขอความชว ยเหลอื 3) การเขียนจดหมายขอความชวยเหลอื 4) การแกป ญหาเฉพาะหนา

87 3.2. แหลงขอความชวยเหลอื และใหค าํ ปรกึ ษา ปจ จุบนั มีแหลงขอความชวยเหลอื และใหคาํ ปรึกษามากมายทั้งหนว ยงานของรัฐ และเอกชน พอจะยกเปน ตัวอยา งไดด ังน้ี 1) เหตดุ ว นเหตรุ าย กดหมายเลข 191 2) กองปราบปราม กดหมายเลข 195 3) ตํารวจทอ งเทีย่ ว กดหมายเลข 1155 4) ตํารวจทางหลวง กดหมายเลข 1193 5) สถานีวิทยุ สวพ.91 กดหมายเลข 1644 6) สถานีวิทยชุ ุมชนรวมดว ยชวยกนั กดหมายเลข 1677 หรอื 142 7) สถานีวิทยุ จส.100 กดหมายเลข 1137 8) ศูนยนเรนทรเพื่อใหมารบั ผปู ว ยฉุกเฉิน กดหมายเลข 1669 9) สายดว น กรมสขุ ภาพจิต กดหมายเลข 1323 10) เพลงิ ไหม กดหมายเลข 199 11) หนว ยกชู พี วชิรพยาบาล กดหมายเลข 1554 3.3. การตดั สินใจและปฏบิ ัตติ นในการแกปญหาเมอื่ เผชญิ กับภยั อันตราย เม่อื เผชญิ กบั ภยั อนั ตรายตองควบคมุ สติใหด ี แลว จะหาทางแกปญหาได โดยขอ เสนอแนะไวด ังนี้ 1) ถาเกดิ ภยั อันตรายเปน หมคู ณะ หากตนเองอยูในสถานะพอจะชวยผูอ่ืนไดให ชวยเหลือทันที 2) รองขอความชวยเหลือจากผูอยูใกลเคียง ไมตองอายและไมตองเกรงใจ บคุ คลทจ่ี ะมาชว ยเหลอื 3) บอกเรอื่ งราวใหผ ูท ีม่ าชวยเหลือทราบ พดู ส้ันๆ พอไดใ จความ 4) ถาตนเองหรือคนอ่ืนๆ ไดรับบาดเจ็บ ถาพอจะปฐมพยาบาลได ใหปฐมพยาบาลโดยเร็ว 5) สังเกตและจดจาํ รูปพรรณ ลักษณะเดน ๆ ของคนรา ย หรือเหตกุ ารณ ที่เกิดขึ้น เพอ่ื แจงแกเจาหนา ท่ีตาํ รวจเมอ่ื ไปแจง ความ

88 3.4. การเอาชีวติ รอดเมือ่ เผชิญอันตรายและสถานการณคับขัน ในสังคมปจจุบันน้ี มีสถานการณท่ีอาจเปนอันตรายตอชีวิตและความปลอดภัย ของคนเรามากมาย ตวั อยางดงั น้ี 1) การถูกคนรา ยจห้ี รอื ปลน มกั เกิดข้ึนในท่ีเปล่ียว ควรต้ังสติใหม่ัน พยายาม จดจําลกั ษณะรูปรา ง หนาตา บคุ ลิก ลกั ษณะ สวนสงู อายุ นาํ้ เสยี ง เพอ่ื แจง แกตาํ รวจ 2) การถกู คนรา ยจี้บงั คับขมขนื มกั เกิดในท่เี ปลีย่ วในยามวกิ าล ตอนดึกหรือเชา มดื ควรต้งั สตใิ หม น่ั พยายามจดจํารปู พรรณของคนราย เพือ่ แจง เจา หนาทตี่ าํ รวจ 3) การอยทู า มกลางคนทะเลาะวิวาทหรือยกพวกตีกัน อาจเกิดในงานเล้ียงที่มี คนดืม่ สุราจนมนึ เมา การดูคอนเสิรต 4) การถูกหาเร่ือง มักเกิดจากนักเรียน นักศึกษาตางสถาบันหรือวัยรุนท่ีชอบ เที่ยว เมื่อถูกหาเรื่องใหพยายามพูดกับคนรายดีๆ อยาโตเถียงใหคนรายโกรธ และพยายามตี จากกลมุ คนรายใหเ ร็ว ในกรณีท่ีคดิ วาตองถกู ทํารายใหวงิ่ หนเี ขา หาฝูงชน 5) การถูกสุนัขไลกัด ใหอยูน่ิงๆ ใชของในมือปองกันตัว หรือรองขอความ ชว ยเหลอื 6) รถชนกันหรอื ถกู รถชน ใหพยายามชวยตัวเอง เพือ่ ออกจากสถานการณนน้ั 7) เรือลมขณะโดยสารเรือ ถา วา ยนํา้ ไมเปน ควรใสเ สอื้ ชูชีพเตรยี มไว 8) เมื่อเกิดไฟไหม ควรหนีออกจากที่น่ันโดยเร็ว ใหหวงชีวิตมากกวาหวง ทรัพยสิน 9) เมื่อเกิดอุทกภัย ใหรีบหนีไปหาสถานที่สูงท่ีคิดวาปลอดภัย เชน ภูเขา อาคารสูง เปนตน เรื่องที่ 4 การปฐมพยาบาล เมอื่ ไดร ับอนั ตรายจากอบุ ัติเหตุ อบุ ตั ิภัย จากภยั ธรรมชาติ การปฐมพยาบาล คอื การใหก ารชว ยเหลือเบอื้ งตนตอผปู ระสบอนั ตราย หรือ เจ็บปว ย ณ สถานทเ่ี กิดเหตุกอ นท่ีจะถึงมือแพทย หรือโรงพยาบาล เพื่อปอ งกนั มใิ หเ กิด อันตรายแกชีวติ หรือเกิดความพิการโดยไมส มควร

89 4.1. วตั ถุประสงคของการปฐมพยาบาล 1) เพ่ือใหมชี ีวิตอยู 2) เพื่อไมใ หไดร บั อันตรายเพม่ิ ข้ึน 3) เพ่อื ใหก ลับคืนสสู ภาพเดิมไดโ ดยเรว็ 4.2. หลกั ท่วั ไปในการปฐมพยาบาล 1) อยา ตนื่ เตนตกใจ และอยาใหค นมุง เพราะจะแยงผูบาดเจ็บหายใจ 2) ตรวจดูวาผบู าดเจ็บยังรสู กึ ตัวหรอื หมดสติ 3) อยากรอกยาหรอื น้ําใหแกผูบาดเจ็บในขณะท่ีไมร สู ึกตวั 4) รีบใหก ารปฐมพยาบาลตอ การบาดเจบ็ ท่อี าจทาํ ใหเ กิดอันตรายถึงแกชีวิต โดยเรว็ กอน สวนการบาดเจ็บอ่ืน ๆ ที่ไมรนุ แรงมากใหดําเนินการปฐมพยาบาลในลําดับถัดมา 4.3. การบาดเจบ็ ทตี่ องไดร ับการชวยเหลอื โดยเร็ว คือ 1) การขาดอากาศหายใจ 2) การตกเลือด และมีอาการชอ็ ก 3) การสัมผสั หรอื ไดร บั ส่งิ มีพิษที่รุนแรง 4.4. การปฐมพยาบาลเมือ่ เกิดอาการบาดเจ็บ 1) ขอ เคลด็ สาเหตุ เกดิ จากการฉีกขาด หรือการยดึ ตัวของเนื้อเย่อื กลามเนื้อ หรือเสนเอ็นรอบ ขอ ตอ อาการ (1) เวลาเคลอ่ื นไหวจะรสู ึกปวดบริเวณขอตอท่ไี ดร ับอนั ตราย (2) บวมแดงบรเิ วณรอบ ๆ ขอ ตอ การปฐมพยาบาล (1) อยา ใหขอตอบรเิ วณที่เจบ็ เคลอ่ื นไหว (2) อยาใหของหนกั กดทับบริเวณขอท่ีเจ็บ (3) ควรประคบดว ยความเยน็ ไวก อ น (4) ถา มอี าการปวดรนุ แรง ใหรบี นําไปพบแพทย

90 2) ขดั ยอก สาเหตุ เกิดจากการทก่ี ลา มเน้อื ยึดตัวมากเกนิ ไป ซ่ึงเกิดขนึ้ เพราะการเคลอื่ นไหว อยา งรุนแรงและรวดเร็วมากเกนิ ไป อาการ เจ็บปวดบรเิ วณท่ีไดรับบาดเจ็บ ตอ มามอี าการบวม การปฐมพยาบาล (1) ใหผ บู าดเจบ็ น่ัง หรอื นอนในทา ทีส่ บาย และปลอดภัย (2) ถา ปวดมากอาจบรรเทาอาการโดยการประคบความเยน็ กอน แลวตอ ดวยประคบ ความรอ น 3) สารเคมีเขาตา สาเหตุ กรด หรือดา งเขา ตา อาการ ระคายเคอื งตา เจ็บปวดและแสบตามาก การปฐมพยาบาล (1) ใหลา งตาดวยนาํ้ ทสี่ ะอาดโดยวธิ ีการใหน้าํ ไหลผานลกู ตา จนกวาสารเคมีจะออกมา (2) ใชผ า ปดแผลทีส่ ะอาดปดตาหลวม ๆ แลวนําผูบ าดเจบ็ ไปพบแพทยโดยเรว็ ท่สี ดุ 4) ไฟไหมหรอื นา้ํ รอ นลวก สาเหตุ บาดแผลอาจจะเกดิ จากถกู ไฟโดยตรง ประกายไฟ ไฟฟา วตั ถทุ ่รี อ นจัด นา้ํ เดอื ด สารเคมี เชน กรด หรอื ดางทมี่ ีความเขม ขน อาการ แบง เปน 3 ลักษณะ (1) ลกั ษณะท่ี 1 ผวิ หนงั แดง (2) ลักษณะท่ี 2 เกดิ แผลพอง (3) ลักษณะที่ 3 ทําลายชนั้ ผวิ หนงั เขา ไปเปนอนั ตรายถงึ เนือ้ เยอื่ ทอ่ี ยูใ ตผ ิวหนัง บางคร้งั ผูบ าดเจบ็ จะมีอาการช็อก การปฐมพยาบาล บาดแผลในลกั ษณะท่ี 1 และ 2 ซ่ึงไมสาหสั ใหปฐมพยาบาล ดงั นี้ (1) ประคบดว ยความเย็นทันที (2) ใชนํ้ามนั ทาแผลได และปดแผลดวยผาทีส่ ะอาด ใชผ าพันแผลพันแตอยาให แนน มาก

91 บาดแผลในลกั ษณะท่ี 3 ใหปฐมพยาบาล ดังนี้ (1) ถาผูบ าดเจ็บมีอาการชอ็ ก รีบใหการปฐมพยาบาลอาการชอ็ กกอน (2) หามดึงเศษผา ท่ถี กู ไฟไหมซง่ึ ติดอยูกับรา งกายออก (3) นาํ ผูบาดเจ็บสงโรงพยาบาลโดยเรว็ ที่สุดเทาทจ่ี ะทาํ ได 5) การหามเลอื ดเมือ่ เกดิ อนั ตรายจากของมคี ม วธิ หี ามเลือดมีหลายวธิ ี ไดแ ก 1. การกดดวยนิว้ มอื มีวิธีปฏิบัตดิ งั น้ี 1.1. ในกรณีที่บาดแผลเลือดออกไมมาก จะหามเลือดโดยใชผาสะอาดปดที่บาดแผล แลวพันใหแ นน ถา ยงั มีเลือดไหลซึม ใหใ ชน ว้ิ มอื กดตรงบาดแผลดวยก็ได 1.2. ในกรณีทเ่ี สนโลหติ แดงใหญข าด หรือไดรบั อันตรายอยางรุนแรงเปนบาดแผลใหญ ควรใชนวิ้ มือกดเพื่อหามเลือดไมใหไหลออกมา และใหกดลงบริเวณระหวางบาดแผลกับหัวใจ เชน 1) เลือดไหลออกจากหนังศีรษะและสวนบนของศีรษะ ใหกดที่เสนเลือดบริเวณ ขมับดา นท่มี ีบาดแผล 2) เลอื ดไหลออกจากใบหนา ใหก ดทเ่ี สนเลือดใตขากรรไกรลางดา นทม่ี ี บาดแผลหา งจากมุมขากรรไกรไปขา งหนาประมาณ 1 นิ้ว 3) เลือดไหลออกมาจากคอ ใหกดลงไปบริเวณตนคอขาง ๆ หลอดลมดานที่มี บาดแผล แตการกดตําแหนง นีน้ านๆ อาจจะทาํ ใหผถู ูกกดหมดสตไิ ด ฉะนั้นควรใชวิธีนี้ตอเมื่อใช วธิ ีอนื่ ๆ ไมไ ดผลแลวเทานน้ั 4) เลือดไหลออกมาจากแขนทอนบน ใหกดลงไปท่ีไหปลาราตอนบนสุดใกล หัวไหลของแขนดา นท่ีมบี าดแผล 5) เลอื ดไหลออกมาจากแขนทอนลาง ใหกดที่เสนเลือดบริเวณแขนทอนบนดาน ในกึ่งกลางระหวา งหัวไหลกบั ขอ ศอก 6) เลือดออกท่ีขา ใหกดเสนเลือดบรเิ วณขาหนีบดานที่มีบาดแผล 2. การใชสายรดั หา มเลือด ในกรณที ่ีเลอื ดไหลออกจากเสน โลหิตแดงทแี่ ขนหรอื ขา ใชนว้ิ มือกดแลว เลอื ด ไมห ยดุ ควรใชส ายสําหรับหา มเลือดโดยเฉพาะ 2.1. สายรัดสาํ หรบั แขน ใหใชร ดั เสนโลหติ ท่ตี นแขน สายรัดสําหรับขาใหใชรัดเสน โลหิตทโี่ คนขา

92 2.2. อยาใชสายรัดผูกรัดใหแนนเกินไป และควรจะคลายออกเปนเวลา 3 วินาที ทกุ ๆ 10 นาที จนกวาเลือดจะหยดุ 2.3. ถาไมมีสายรัดแบบมาตรฐาน อาจใชวัตถุท่ีแบน ๆ เชน เข็มขัด หนังรัด ผาเช็ดตัว เนคไท หรือเศษผา ทําเปนสายรัดได แตอยาใชเชือกเสนลวด หรือดายทําเปน สายรดั เพราะอาจจะบาดหรือเปน อันตรายแกผวิ หนงั บริเวณที่ผกู ได 3. การยกบริเวณท่ีมีบาดแผลใหสูงกวาหัวใจ ในกรณีที่มีบาดแผลเลือดออกท่ีเทา จดั ใหผ ูบาดเจ็บนอนลงแลว ยกเทาข้ึน กกกกกกกกการปฐมพยาบาล หนา มดื เปน ลม หนามดื เปน ลม เปนสภาวะทอ่ี าจเกดิ จากสาเหตทุ ่ไี มรา ยแรง หรอื จากสาเหตุ ท่รี า ยแรงก็เปนได ดังน้ันผูท่ีอยใู กลชิดควรจะตอ งทราบและเรยี นรทู ีจ่ ะชวยเหลือผทู ่มี อี าการ หนามืดเปนลมนั้นๆ ไดทันทวงที มีอาการหมดสติไปชวั่ ขณะประมาณ 1-2 นาที ภายหลงั หนามืดเปนลมแลวรสู ึกตวั ดขี นึ้ ในเวลาตอ มา สว นใหญแสดงวาไมนา จะมอี ะไรรายแรง เชน พวกทีย่ ืนกลางแดดเปน เวลานานอาจเสยี เหงอื่ มากทาํ ใหมีอาการเปนลมแดดได แตห ากวาหมดสตไิ ปนานกวาน้ีควรพา คนไขไ ปพบแพทยจะเปนวธิ ที ี่ดีท่สี ุด การปฐมพยาบาล 1. ควรใหคนไขนอนราบลงพื้นยกปลายขาสงู เพื่อใหเลอื ดไหลไปเลย้ี งสมอง 2. คลายเส้อื ผา ใหห ลวม 3. อยใู นท่อี ากาศถายเท 4. ดมแอมโมเนียหรอื ยาหมอง (ถามี) การปฐมพยาบาล ตะคริว ตะคริว คือ ภาวะทกี่ ลามเนื้อหดเกรง็ เองโดยท่ีเราไมไดสัง่ ใหเกร็งหรือหดตวั โดยที่ เราไมส ามารถควบคุมใหก ลามเนื้อมดั น้ัน ๆ คลายตวั หรอื หยอนลงไดกวา จะหาย คนที่เปน ตะคริวก็จะมคี วามเจบ็ ปวดคอนขางมาก สาเหตุของตะครวิ อาจเกิดความลา กลา มเน้อื จากการใชงานติดตอ เปนเวลานาน หรอื อาจเกดิ จากการกระแทก ทําใหเกดิ การฟกชํา้ ตอกลา มเนอ้ื หรอื บางทา นเชอ่ื วา อาจเกดิ จาก ภาวะไมส มดุลของเกลือแรในรางกาย กลา มเน้อื ท่ีพบวา เปน ตะคริวไดบอย คอื กลา มเนอ้ื นอง กลา มเน้ือตนขาทัง้ ดานหนา และดานหลัง และกลามเนื้อหลงั

93 การปฐมพยาบาล 1. ยืดกลา มเนือ้ ออกตามความยาวปกติของกลา มเนื้อใชเ วลาประมาณ 1-2 นาที ปลอยมือดอู าการวา กลา มเนอ้ื นน้ั ยงั เกรง็ อยหู รอื ไม ถา ยังมอี ยูใหทาํ ซํา้ อกี จนไมมีการ เกร็งตัว 2. เกดิ ตะครวิ ที่นอง รบี เหยยี ดเขาใหต รง กระดกปลายเทา ขึ้นทําเองหรือใหคนที่ อยูใกลๆ ชว ยก็ได ถาทาํ เองกม เอามือดึงปลายเทา เขาหาตัว 1-2 นาที

94 แบบฝก ทา ยบทท่ี 7 1.ใหผูเรยี นอธบิ ายสาเหตุทีท่ ําใหเ กิดอบุ ัตเิ หตุ อบุ ัติภัย ไดแก อะไรบา ง ...................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. 2.ใหผเู รียนวิเคราะหพฤตกิ รรมเสย่ี งทจ่ี ะนําไปสคู วามไมปลอดภยั ในชีวติ และทรพั ยสนิ พอ สงั เขป ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................... 3.เมื่อผเู รยี นมาเรียนแลวถกู หาเรอ่ื งจากผูเรยี นตาํ บลอ่ืน ซ่งึ ในขณะนน้ั มเี พียงตัวเราคนเดยี ว ผเู รียนมีวธิ ีการปฏิบัตติ นอยา งไร ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................... 4.เมอ่ื ผเู รยี นพบเหน็ คนหนามดื เปนลมหมดสติ จะมีวธิ กี ารปฐมพยาบาลอยางไร ...................................................................................................................................................... ...............................................................................................................................................


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook