Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ใบความรู้ วิชาเศรษฐกิจพอเพียง ทช21001 ม.ต้น

ใบความรู้ วิชาเศรษฐกิจพอเพียง ทช21001 ม.ต้น

Published by rongchangpamok, 2022-05-31 07:04:20

Description: ใบความรู้ วิชาเศรษฐกิจพอเพียง ทช21001 ม.ต้น

Search

Read the Text Version

ใบความรู้ เรื่อง“ความเปน็ มาของหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง” ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ทที่ รงปรบั ปรงุ พระราชทานเป็นทมี่ าของนิยาม “๓ หว่ ง ๒ เงื่อนไข” ที่คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แหง่ ชาติ นำมาใช้ในการรณรงคเ์ ผยแพร่ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงผ่านช่องทางสอ่ื ต่าง ๆ อยู่ในปจั จบุ ัน ซ่ึง ประกอบดว้ ยความ “พอประมาณ มเี หตผุ ล มภี มู ิคมุ้ กนั ” บนเงอ่ื นไข “ความรู้” และ “คณุ ธรรม” ระบบเศรษฐกิจพอเพียงมุ่งเน้นให้บุคคลสามารถประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน และใช้จ่ายเงินให้ได้มาอย่าง พอเพยี งและประหยดั ตามกำลังของเงนิ ของบุคคลน้ัน โดยปราศจากการกูห้ น้ียืมสนิ และถ้ามีเงนิ เหลือ ก็แบ่ง เก็บออมไว้บางส่วน ช่วยเหลือผู้อื่นบางส่วน และอาจจะใช้จ่ายมาเพื่อปัจจัยเสริมอีกบางส่วน สาเหตุที่แนว ทางการดำรงชวี ติ อย่างพอเพียง ได้ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางในขณะนี้ เพราะสภาพการดำรงชีวติ ของสงั คม ทุนนยิ มในปัจจบุ นั ไดถ้ กู ปลูกฝงั สรา้ ง หรอื กระตนุ้ ใหเ้ กิดการใชจ้ ่ายอยา่ งเกนิ ตัว ในเรอื่ งทไ่ี มเ่ ก่ียวขอ้ งหรือเกิน กว่าปัจจัยในการดำรงชีวิต เช่น การบริโภคเกินตัว ความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ ความสวยความงาม การ แต่งตัวตามแฟชั่น การพนันหรือเสี่ยงโชค เป็นต้น จนทำให้ไม่มีเงินเพียงพอเพื่อตอบสนองความต้องการ เหล่านั้น ส่งผลให้เกิดการกู้หนี้ยืมสิน เกิดเป็นวัฏจักรที่บุคคลหนึ่งไม่สามารถหลุดออกมาได้ ถ้าไม่เปลี่ยน แนวทางในการดำรงชวี ิต ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ๓ ห่วง ๒ เง่อื นไข ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ๓ ห่วง ๑. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดที ี่ไมน่ อ้ ยเกนิ ไปและไมม่ ากเกนิ ไป โดยไม่เบยี ดเบียนตนเอง และผู้อ่ืน เชน่ การผลติ และการบริโภคท่ีอยใู่ นระดบั พอประมาณ ๒. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้นจะต้องเป็นไปอย่างมี เหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อยา่ งรอบคอบ ๓. การมีภูมคิ ุ้มกันที่ดีในตวั หมายถึง การเตรียมตัวใหพ้ รอ้ มรบั ผลกระทบ และการเปลี่ยนแปลงดา้ น ต่าง ๆ ทีจ่ ะเกิดข้นึ โดยคำนงึ ถงึ ความเป็นไปได้ของสถานการณต์ ่าง ๆ ท่ีคาดวา่ จะเกิดขนึ้ ในอนาคตทั้งใกล้และ ไกล ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ๒ เงือ่ นไข ๑. เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความ รอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านน้ั มาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพ่อื ประกอบการวางแผนและความระมัดระวังใน ขัน้ ปฏิบตั ิ

๒. เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสรมิ สร้างประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความชื่อสัตย์ สุจริต และมีความอดทน มีความพากเพยี ร ใชส้ ตปิ ญั ญาในการดำเนนิ ชวี ติ ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง มหี ลักพิจารณาอยู่ ๕ ส่วน ๑. กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดำรงอยู่ และปฏิบัติตนในทางที่ควรจะเป็น โดยมี พื้นฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิง ระบบทีม่ กี ารเปลย่ี นแปลงอยู่ตลอดเวลา มุง่ เนน้ การรอดพน้ จากภัย และวิกฤตเพือ่ ความม่ันคง และความยง่ั ยืน ของการพัฒนา ๒. คุณลกั ษณะ เศรษฐกจิ พอเพยี งสามารถนำมาประยกุ ต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ โดยเน้น การปฏบิ ัตบิ นทางสายกลาง และการพฒั นาอย่างเปน็ ข้นั ตอน ๓. คำนยิ าม ความพอเพียงจะต้องประกอบดว้ ย ๓ คณุ ลักษณะ พรอ้ ม ๆ กัน ดงั น้ี ๓.๑ ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไป และไม่มากเกินไปโดยไม่ เบียดเบียนตนเองและผอู้ ่ืนเช่น การผลิตและการบริโภคที่อยูใ่ นระดับพอประมาณ ๓.๒ ความมเี หตุผล หมายถงึ การตดั สินใจเกีย่ วกบั ระดับของความพอเพยี งนั้น จะตอ้ งเปน็ ไป อย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปจั จัยที่เก่ียวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลทีค่ าดว่าจะเกดิ ขึ้นจากการกระทำ นน้ั ๆ อยา่ งรอบคอบ ๓.๓ การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการ เปลี่ยนแปลงด้านต่างๆที่จะเกิดขึ้น โดยคำนึงถึง ความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใน อนาคตทง้ั ใกลแ้ ละไกล ๔. เงื่อนไข การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้น ต้องอาศัยทั้ง ความรู้ และคณุ ธรรมเปน็ พื้นฐาน ๔.๑ เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบ ด้านความรอบคอบ ที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพ่ือประกอบการวางแผน และความ ระมดั ระวังในขั้นปฏิบัติ ๔.๒ เงื่อนไขคณุ ธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วยมีความตระหนักในคุณธรรม มีความ ซอื่ สตั ย์สุจริต และมีความอดทน มีความเพียรใช้สตปิ ญั ญาในการดำเนนิ ชีวิต

๕. แนวทางปฏบิ ตั /ิ ผลทีค่ าดว่าจะได้รับ จากการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยกุ ต์ใช้ คือ การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืนพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลง ในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความรู้และเทคโนโลยี ใบความรู้ เร่ือง“โครงการพระราชดำรขิ องในหลวงรัชกาลท่ี ๙” โครงการในพระราชดำริ เป็นโครงการที่ก่อต้งั ขน้ึ ภายใตพ้ ระราชดําริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดชฯ บรมนารถบพิตร หรือ ในหลวง ร.9 เป็นโครงการที่มีจุดประสงค์ในการช่วยเหลือ แก้ปัญหาให้กับประชาชน ในการทำมาหากิน ทั้งยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนเพิ่มขึ้น โดย โครงการในพระราชดำริท่โี ดดเดน่ ภายใต้แนวคดิ และการรเิ ริม่ ของในหลวง ร.9 มีดังตอ่ ไปน้ี โครงการพระราชดําริแกม้ ลิง โครงการแก้มลงิ น้นั เป็นโครงการในพระราชดำริ ทเ่ี กิดขึ้นจากการท่ีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดชฯ บรมนารถบพิตร ได้ทรงเล็งเห็นถึงปัญหาอุทกภัย ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ. 2538 จึงไดพ้ ระราชทานแนวคิดและทฤษฎใี นการแกป้ ัญหาดังกลา่ ว

โครงการพระราชดาํ ริโคนมสวนจิตรลดา โครงการโคนมสวนจติ รลดา น้นั เปน็ อีกหนง่ึ โครงการในพระราชดำริ ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทร มหาภูมิพลอดุลยเดชฯ บรมนารถบพิตร ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้วิสัยทัศน์กว้างไกลของพระองค์ โดยมี พระราชดำริถึงความสำคัญของการดืม่ นม โครงการพระราชดาํ รินาสาธิต โครงการนาสาธิต นั้นเป็นส่วนหนึ่ง ในแนวทางพระราชดำริ เรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่ ของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ บรมนารถบพิตร ซึ่งภายหลังจากที่พระองค์ได้ พระราชทานแนวความคดิ ในการทำเกษตรทฤษฎีใหม่แลว้ ได้ ยงั ได้ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ใหม้ ีการทดลอง การทำเกษตรสาธติ โครงการพระราชดํารชิ ั่งหัวมัน

โครงการชั่งหวั มัน เป็นโครงการในพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลย เดชฯ บรมนารถบพิตร ที่ได้ทรงเล็งเห็นถึงปัญหาความแห้งแล้งในพื้นที่ อ. ท่ายาง จ. เพชรบุรี จึงได้ทรง พระราชทานพระราชทรพั ยส์ ่วนพระองค์ เพ่ือซือ้ ทใ่ี นบรเิ วณนน้ั จำนวน 250 ไร่ โครงการพระราชดาํ รฝิ นหลวง โครงการพระราชดาํ ริฝนหลวง โครงการฝนหลวง เป็นโครงการในพระราชดําริ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ย เดชฯ บรมนารถบพิตร ทไ่ี ดท้ รงมพี ระราชดำริให้จัดตั้งขน้ึ เพื่อบรรเทาความแห้งแลง้ การขาดแคลนน้ำในการ ทำเกษตรของพสกนิกรในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ท่มี กั จะประสบกบั ปัญหาฝนฟ้าไม่ตกตอ้ งตามฤดูกาล และ ปญั หาความแหง้ แล้ง โดยโครงการนีส้ ามารถช่วยลดความแห้งแล้งในพื้นท่ภี าคตะวันออกเฉียงเหนอื อยา่ งได้

โครงการพระราชดํารกิ งั หนั ลมชยั พฒั นา โครงการกังหันน้ำชัยพัฒนานั้นเป็นอีกหนึ่งโครงการในพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระ ปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดชฯ บรมนารถบพิตร ท่ไี ดท้ รงพระราชทานแนวคิดและทฤษฎตี ่างๆ เพอื่ นำมาปรับ ใชใ้ นการแก้ปญั หาน้ำเน่าเสีย ทนี่ ับวนั จะยง่ิ สง่ ผลกระทบรนุ แรงมากข้นึ ใบความรู้ เรือ่ ง“หลักการทำงานของในหลวงรัชการท่ี ๙” ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่นอกจากจะทรงด้วยทศพิธราชธรรมแล้ว ทรงยังเป็น พระราชาทเ่ี ป็นแบบอยา่ งในการดำเนนิ ชวี ติ และการทำงานแกพ่ สกนกิ รของพระองคแ์ ละนานาประเทศอกี ด้วย ผู้คนต่างประจักษ์ถึงพระอัจฉริยภาพของพระองค์ และมีความสำนึกในพระมหากรณุ าธิคุณเป็นล้นพ้นอันหา ทส่ี ดุ มไิ ด้ ซง่ึ แนวคิดหรือหลักการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ 9 มคี วามนา่ สนใจทีส่ มควรนำมาประยุกต์ใช้กับ ชีวิตการทำงานเป็นอย่างยิ่ง หากท่านใดต้องการปฏิบัติตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ท่านสามารถนำหลักการ ทรงงานของพระองคไ์ ปปรับใชใ้ ห้เกดิ ประโยชนไ์ ด้ดังน้ี

1.จะทำอะไรต้องศึกษาขอ้ มลู ใหเ้ ป็นระบบ ทรงศึกษาข้อมูลรายละเอียดอย่างเป็นระบบจากข้อมูลเบื้องต้น ทั้งเอกสาร แผนที่ สอบถามจาก เจ้าหน้าที่ นักวิชาการ และราษฎรในพืน้ ที่ให้ได้รายละเอียดท่ีถูกตอ้ ง เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ประโยชน์ได้ จริงอยา่ งถูกต้อง รวดเร็ว และตรงตามเป้าหมาย 2. ระเบิดจากภายใน จะทำการใดๆ ต้องเริ่มจากคนที่เกี่ยวข้องเสียก่อน ต้องสร้างความเข้มแข็งจากภายในให้เกิดความ เข้าใจและอยากทำ ไม่ใช่การสัง่ ใหท้ ำ คนไม่เขา้ ใจก็อาจจะไม่ทำกเ็ ป็นได้ ในการทำงานนั้นอาจจะต้องคุยหรอื ประชุมกบั ลกู น้อง เพ่อื นร่วมงาน หรือคนในทมี เสียกอ่ น เพอ่ื ให้ทราบถงึ เปา้ หมายและวธิ กี ารต่อไป 3. แกป้ ญั หาจากจดุ เล็ก ควรมองปัญหาภาพรวมก่อนเสมอ แต่เมื่อจะลงมือแก้ปัญหานั้น ควรมองในสิ่งที่คนมักจะมองข้าม แล้วเริ่มแกป้ ัญหาจากจุดเล็กๆ เสียก่อน เมื่อสำเร็จแล้วจึงค่อยๆ ขยับขยายแก้ไปเรื่อยๆ ทีละจุด เราสามารถ เอามาประยุกต์ใชก้ ับการทำงานได้ โดยมองไปท่ีเป้าหมายใหญ่ของงานแต่ละช้ิน แลว้ เริม่ ลงมอื ทำจากจุดเล็กๆ ก่อน คอ่ ยๆ ทำ ค่อยๆ แกไ้ ปทลี ะจดุ งานแตล่ ะชน้ิ ก็จะลลุ วงไปไดต้ ามเป้าหมายทวี่ างไว้ “ถา้ ปวดหัวคิดอะไรไม่ ออก ก็ต้องแก้ไขการปวดหัวนี้กอ่ น มันไม่ได้แก้อาการจริง แต่ต้องแก้ปัญหาที่ทำให้เราปวดหัวให้ได้เสียก่อน เพื่อจะใหอ้ ยใู่ นสภาพท่ดี ีได้…” 4. ทำตามลำดับขนั้ เริ่มต้นจากการลงมือทำในสิ่งที่จำเป็นก่อน เมื่อสำเร็จแล้วก็เริ่มลงมือสิ่งที่จำเป็นลำดับต่อไป ด้วย ความรอบคอบและระมัดระวัง ถ้าทำตามหลักนี้ได้ งานทุกสิ่งก็จะสำเร็จไดโ้ ดยง่าย… ในหลวงรัชกาลท่ี 9 ทรง เรมิ่ ต้นจากส่ิงท่ีจำเปน็ ท่ีสุดของประชาชนเสียก่อน ไดแ้ ก่ สุขภาพสาธารณสุข จากนั้นจงึ เป็นเร่อื งสาธารณูปโภค ขั้นพื้นฐาน และสิง่ จำเป็นในการประกอบอาชีพ อาทิ ถนน แหลง่ นำ้ เพื่อการเกษตร การอปุ โภคบริโภค เนน้ การ ปรับใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ราษฎรสามารถนำไปปฏิบัติได้ และเกิดประโยชน์สูงสุด “การพัฒนาประเทศ จำเปน็ ต้องทำตามลำดับข้ัน ตอ้ งสร้างพ้นื ฐาน คือความพอมี พอกิน พอใชข้ องประชาชนสว่ นใหญ่เป็นเบ้ืองต้น ก่อน ใช้วิธกี ารและอุปกรณท์ ่ีประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชา เม่ือได้พนื้ ฐานทม่ี ัน่ คงพร้อมพอสมควร สามารถ ปฏบิ ตั ิได้แลว้ จึงคอ่ ยสร้างเสรมิ ความเจรญิ และฐานะเศรษฐกิจข้ันท่ีสูงข้นึ โดยลำดับต่อไป…” พระบรมราโชวาท ของในหลวงรัชกาลที่ 9 เม่ือวันท่ี 18 กรกฎาคม 2517 5. ภูมสิ งั คม ภมู ิศาสตร์ สังคมศาสตร์

การพัฒนาใดๆ ต้องคำนึงถึงสภาพภูมิประเทศของบริเวณน้ันว่าเป็นอย่างไร และสังคมวิทยาเกี่ยวกับ ลักษณะนิสัยใจคอคน ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีในแต่ละท้องถิ่นท่ีมีความแตกต่างกัน “การพัฒนาจะตอ้ ง เป็นไปตามภูมิประเทศทางภูมิศาสตร์และภูมิประเทศทางสงั คมศาสตร์ ในสังคมวิทยา คอื นสิ ัยใจคอของคนเรา จะไปบังคับให้คนอื่นคิดอย่างอื่นไม่ได้ เราต้องแนะนำ เข้าไปดูว่าเขาต้องการอะไรจริงๆ แล้วก็อธิบายให้เขา เขา้ ใจหลกั การของการพัฒนานีก้ จ็ ะเกดิ ประโยชนอ์ ย่างยิง่ ” 6. ทำงานแบบองค์รวม ใช้วิธีคิดเพือ่ การทำงาน โดยวิธีคิดอย่างองคร์ วม คือการมองสิ่งตา่ งๆ ที่เกิดอย่างเป็นระบบครบวงจร ทุกสิ่งทุกอย่างมีมิติเชื่อมต่อกัน มองสิ่งที่เกิดขึ้นและแนวทางแก้ไขอย่างเชื่อมโยง 7. ไมต่ ิดตำรา เมื่อเราจะทำการใดนัน้ ควรทำงานอยา่ งยดื หยนุ่ กับสภาพและสถานการณ์นั้นๆ ไมใ่ ช่การยดึ ติดอยู่กับ แคใ่ นตำราวิชาการ เพราะบางท่ีความรู้ทว่ มหัว เอาตัวไมร่ อด บางคร้งั เรายึดติดทฤษฎีมากจนเกนิ ไปจนทำอะไร ไมไ่ ดเ้ ลย สิง่ ท่เี ราทำบางครง้ั ต้องโอบออ้ มต่อสภาพธรรมชาติ สง่ิ แวดลอ้ ม สงั คม และจิตวิทยาด้วย 8. รจู้ กั ประหยัด เรยี บง่าย ไดป้ ระโยชน์สูงสุด ในการพัฒนาและช่วยเหลือราษฎร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงใช้หลักในการแก้ปัญหาด้วยความเรียบ ง่ายและประหยัด ราษฎรสามารถทำได้เอง หาได้ในท้องถิ่นและประยุกต์ใช้สิ่งที่มีอยู่ในภูมิภาคนั้นมาแก้ไข ปรบั ปรงุ โดยไม่ตอ้ งลงทนุ สงู หรือใชเ้ ทคโนโลยีที่ยุ่งยากมากนกั ดงั พระราชดำรัสตอนหนง่ึ ว่า “…ใหป้ ลูกป่าโดย ไมต่ อ้ งปลูกโดยปลอ่ ยใหข้ ึน้ เองตามธรรมชาตจิ ะไดป้ ระหยัดงบประมาณ…”

9. ทำใหง้ า่ ย ทรงคดิ คน้ ดดั แปลง ปรบั ปรุงและแก้ไขงาน การพัฒนาประเทศตามแนวพระราชดำรไิ ปได้โดยง่าย ไม่ ยุ่งยากซบั ซ้อนและท่ีสำคัญอย่างย่ิงคือ สอดคลอ้ งกบั สภาพความเป็นอย่ขู องประชาชนและระบบนิเวศโดยรวม “ทำให้งา่ ย” 10. การมีสว่ นร่วม ทรงเป็นนักประชาธิปไตย ทรงเปดิ โอกาสให้สาธารณชน ประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ทุกระดับได้มาร่วม แสดงความคิดเห็น “สำคัญที่สุดจะต้องหัดทำใจให้กว้างขวาง หนักแน่น รู้จักรับฟังความคิดเห็น แม้กระท่ัง ความวิพากษ์วจิ ารณจ์ ากผู้อืน่ อย่างฉลาดนัน้ แทจ้ ริงคอื การระดมสตปิ ญั ญาละประสบการณ์อนั หลากหลายมา อำนวยการปฏิบัตบิ ริหารงานให้ประสบผลสำเรจ็ ท่ีสมบูรณ์นั่นเอง” 11.ต้องยดึ ประโยชน์ส่วนรวม ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงระลึกถึงประโยชน์ของส่วนรวมเปน็ สำคัญ ดังพระราชดำรัสตอนหนึง่ ว่า “… ใครตอ่ ใครบอกว่า ขอใหเ้ สียสละสว่ นตัวเพือ่ ส่วนรวม อนั น้ฟี ังจนเบ่ือ อาจรำคาญดว้ ยซ้ำว่า ใครต่อใครมากบ็ อก ว่าขอใหค้ ดิ ถึงประโยชนส์ ว่ นรวม อาจมานึกในใจว่า ให้ๆ อยเู่ รือ่ ยแล้วส่วนตัวจะไดอ้ ะไร ขอใหค้ ดิ ว่าคนที่ใหเ้ ป็น เพือ่ ส่วนรวมนั้น มไิ ด้ใหส้ ว่ นรวมแตอ่ ยา่ งเดยี ว เป็นการใหเ้ พอ่ื ตัวเองสามารถทจี่ ะมสี ่วนรวมท่จี ะอาศยั ได้…” 12. บริการที่จดุ เดียว ทรงมีพระราชดำริมากว่า 20 ปีแล้ว ให้บริหารศูนย์ศึกษาการพัฒนาหลายแห่งทั่วประเทศโดยใช้ หลกั การ “การบริการรวมที่จุดเดียว : One Stop Service” โดยทรงเนน้ เรอื่ งร้รู กั สามัคคีและการร่วมมือร่วม แรงร่วมใจกันด้วยการปรับลดช่องว่างระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

13. ใชธ้ รรมชาติช่วยธรรมชาติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงเข้าใจถึงธรรมชาติและต้องการให้ประชาชนใกล้ชิดกับ ทรัพยากรธรรมชาติ ทรงมองปัญหาธรรมชาติอย่างละเอียด โดยหากเราต้องการแก้ไขธรรมชาติจะต้องใช้ ธรรมชาตเิ ข้าชว่ ยเหลอื เราด้วย 14. ใชอ้ ธรรมปราบอธรรม ทรงนำความจริงในเรื่องธรรมชาติและกฎเกณฑ์ของธรรมชาติมาเป็นหลักการแนวทางปฏิบัติในการ แก้ไขปัญหาและปรับปรุงสภาวะที่ไม่ปกติเข้าสู่ระบบที่ปกติ เช่น การบำบัดน้ำเน่าเสียโดยให้ผักตบชวา ซึ่งมี ตามธรรมชาตใิ ห้ดูดซมึ ส่งิ สกปรกปนเปอ้ื นในน้ำ 15. ปลูกป่าในใจคน การจะทำการใดสำเร็จตอ้ งปลกู จิตสำนกึ ของคนเสียก่อน ต้องให้เห็นคุณค่า เหน็ ประโยชน์กับส่ิงที่จะ ทำ…. “เจ้าหน้าที่ป่าไม้ควรจะปลูกต้นไม้ลงในใจคนเสียก่อน แล้วคนเหล่านั้นก็จะพากันปลูกต้นไม้ลงบน แผ่นดินและจะรักษาต้นไมด้ ้วยตนเอง” 16. ขาดทนุ คอื กำไร หลักการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่มีต่อพสกนิกรไทย “การให้” และ “การ เสียสละ” เป็นการกระทำอนั มผี ลเปน็ กำไร คือความอยู่ดีมีสขุ ของราษฎร 17. การพึง่ พาตนเอง การพัฒนาตามแนวพระราชดำริ เพื่อการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นด้วยการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพ่ือให้มีความแขง็ แรงพอทจี่ ะดำรงชวี ิตไดต้ ่อไป แลว้ ขน้ั ต่อไปก็คอื การพัฒนาใหป้ ระชาชนสามารถอยู่ในสังคม ไดต้ ามสภาพแวดล้อมและสามารถ พ่ึงตนเองไดใ้ นท่สี ุด 18. พออยู่พอกนิ ใหป้ ระชาชนสามารถอยู่อย่าง “พออยูพ่ อกิน” ให้ไดเ้ สยี กอ่ น แลว้ จงึ ค่อยขยับขยายให้มีขีดสมรรถนะ ทก่ี า้ วหนา้ ตอ่ ไป

19.เศรษฐกจิ พอเพียง เป็นปรัชญาทใี่ นหลวงรัชกาลท่ี 9 พระราชทานพระราชดำรัสชแ้ี นะแนวทางการดำเนนิ ชวี ติ ให้ดำเนิน ไปบน “ทางสายกลาง” เพื่อให้รอดพ้นและสามารถดำรงอยไู่ ด้อย่างม่ันคงและย่งั ยนื ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ และการเปลย่ี นแปลงตา่ งๆ ซง่ึ ปรัชญานส้ี ามารถนำไปประยกุ ต์ใช้ไดท้ ั้งระดับบุคคล องคก์ ร และชุมชน 20. ความซ่ือสัตยส์ ุจรติ จริงใจตอ่ กนั ผทู้ ี่มีความสุจริตและบริสุทธ์ิใจ แมจ้ ะมคี วามร้นู ้อย ก็ยอ่ มทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมได้มากกว่าผู้ที่มี ความรมู้ าก แต่ไมม่ คี วามสุจรติ ไมม่ คี วามบริสุทธ์ิใจ 21. ทำงานอย่างมีความสขุ ทำงานต้องมีความสุขดว้ ย ถ้าเราทำอย่างไม่มีความสุขเราจะแพ้ แต่ถ้าเรามีความสุขเราจะชนะ สนุก กบั การทำงานเพยี งเท่านัน้ ถือวา่ เราชนะแล้ว หรอื จะทำงานโดยคำนึงถงึ ความสขุ ท่ีเกิดจากการได้ทำประโยชน์ ให้กับผู้อื่นก็สามารถทำได้ “…ทำงานกับฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากการมีความสุขร่วมกัน ในการทำ ประโยชน์ใหก้ ับผู้อืน่ …” 22. ความเพียร การเริ่มต้นทำงานหรือทำสิ่งใดนั้นอาจจะไม่ได้มีความพร้อม ต้องอาศัยความอดทนและความมุ่งม่ัน ดังเช่นพระราชนิพนธ์ “พระมหาชนก” กษัตริย์ผู้เพียรพยายามแม้จะไม่เห็นฝั่งก็จะว่ายน้ำต่อไป เพราะถ้าไม่ เพียรว่ายก็จะตกเปน็ อาหารปู ปลาและไม่ได้พบกับเทวดาที่ช่วยเหลือมใิ ห้จมนำ้ 23. รู้ รัก สามัคคี

รู้ คอื รู้ปญั หาและรวู้ ธิ แี กป้ ญั หานั้นรัก คอื เมือ่ เรารถู้ ึงปัญหาและวธิ ีแกแ้ ลว้ เราต้องมีความรัก ที่จะลง มือทำ ลงมือแกไ้ ขปญั หาน้นั สามัคคี คือ การแก้ไขปัญหาต่างๆ ไม่สามารถลงมือทำคนเดียวได้ ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกนั ใบความรู้ เรอ่ื ง“หลักเศรษฐกจิ พอเพียงกบั ชีวิตประจำวัน” หลกั การดำเนินชวี ติ ตามแนวเศรษฐกจิ พอเพยี งกบั ชีวติ ประจำวนั การดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของ ทางสายกลางและคว ามไม่ ประมาท โดยคำนึงถึงหลักการ ๓ ประการ ดงั นี้ ๑. ความพอประมาณ ๒. ความมเี หตุผล ๓. การสรา้ งภูมิคุ้มกนั ที่ดีในตัว โดยการดำเนนิ งานเศรษฐกิจพอเพียงทดี่ ีจะตอ้ งอยู่ภายใต้เงื่อนไข ความรูแ้ ละคณุ ธรรม ตลอดจนต้องเป็นคนดี มีความอดทน พากเพียร การปฏบิ ัตติ นตามแนวทางเศรษฐกจิ พอเพียง เราสามารถมสี ว่ นร่วมในการปฏบิ ตั ติ ามแนวเศรษฐกิจพอเพยี งโดยรว่ มปฏิบตั ใิ นสิง่ ง่ายดงั น้ี ๑. ยดึ หลักประหยัด ตัดทอนคา่ ใช้จา่ ยทีไ่ ม่จำเป็นในทกุ ดา้ น ลด ละ ความฟมุ่ เฟื่อยในการดำรงชวี ิต ๒. ประกอบอาชีพดว้ ยความถกู ตอ้ ง สุจรติ แม้จะตกอยู่ในภาวะขาดแคลนในการดำรงชีพ ๓. ละเลกิ การแกง่ แยง่ ผลประโยชน์ทร่ี นุ แรงและไมถ่ กู ตอ้ ง

เรื่องเศรษฐกิจพอเพยี ง จะเปน็ เรื่องท่สี อนให้เราพึ่งตนเอง ไม่ต้องไปเบียดเบยี นคนอืน่ คือสอนในด้าน ของทางสายกลาง โดยให้เรามีความพอเพียง ไม่ฟุ้งเฟ้อมากจนเกินไป รู้จักใช้ของอย่างประหยัดและจำเป็น กอ่ นจะใช้อะไรตอ้ งมีเหตผุ ล พิจารณาใหร้ อบคอบกอ่ น สอนใหเ้ ราเตรยี มรบั มือกบั เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเสมอๆ ให้เรารูจ้ กั วางแผนชีวิตอย่างมรี ะบบระเบียบไมย่ ุ่งเหยิง และใหเ้ รามีความซ่ือสัตย์ สามคั คี และช่วยเหลือกันใน ยามลำบาก จะเหน็ ได้วา่ หากเราทำตามเศรษฐกิจพอเพยี งนี้ จะกอ่ ให้เกดิ ประโยชน์มากมายเลย ทง้ั ต่อตัวเอง และสงั คม ดังนั้นเราปวงชนชาวไทยจะไม่สามารถมีโครงการที่ดีๆแบบนี้เกิดขึ้นได้แน่นอน ถ้าหากเราไม่มี พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั พระผู้ทรงเป็นท้ังกษัตริย์ นกั ปราชญ์ และพ่อหลวงของแผ่นดนิ ไทย การนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ไดด้ ังนี้ ๑. ด้านเศรษฐกิจ ไม่ใช้จ่ายเกินตัว ไม่ลงทุนเกนิ ขนาด คิดและวางแผนอย่างรอบคอบ มีภูมิคุ้มกนั ไม่ เส่ยี งเกนิ ไป เช่น ทำบัญชีรายรับรายจา่ ยเพ่อื ท่ีจะจดั การการใชจ้ า่ ยเงินได้อยา่ งเปน็ ระบบ ๒. ดา้ นจิตใจ มจี ิตใจเข้มแข็ง มีจติ สํานกึ ทดี่ ี เอ้ืออาทร เหน็ แกป่ ระโยชน์สว่ นรวมมากกวา่ ประโยชน์ สว่ นตวั ๓. ด้านสังคมและวัฒนธรรม ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน รู้ รัก สามัคคี สร้างความเข้มแข็งให้ครอบครัว และชุมชน รกั ษาเอกลกั ษณ์ ภาษา ภูมิปญั ญา และวฒั นธรรมไทย ๔. ด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม รู้จักใช้และจัดการอย่างฉลาดและรอบคอบ ฟื้นฟูทรัพยากร เพ่อื ใหเ้ กดิ ความยง่ั ยนื และคงอยู่ ช่ัวลูกหลาน เชน่ การใชน้ ้ำอย่างประหยัด ปดิ ไฟเมือ่ ไม่ใชง้ าน ขึ้นลงช้ันเดียว ใชบ้ นั ไดแทนลฟิ ท์ ๕. ด้านเทคโนโลยี รู้จักใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการและสภาพแวดล้อม พฒั นาเทคโนโลยจี ากภูมิปัญญาชาวบา้ น การนอ้ มนําหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง มาประยกุ ต์ใช้ในทกุ ภาคสว่ นของสงั คมอย่างจรงิ จัง จะ สง่ ผลให้การพฒั นาประเทศกา้ วหน้าไป อยา่ งสมดลุ มั่นคง และยั่งยืน พร้อมรบั ตอ่ การเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ท้งั ดา้ นชีวิต เศรษฐกจิ สงั คม วฒั นธรรม สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี อันจะนําไปสู่ความอยเู่ ย็นเปน็ สุข ร่วมกัน ในสังคมไทย การดำเนนิ ชวี ิตตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ๑. การดำเนินการพัฒนาตามแนวทางปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงจักนำไปสู่ ๒. การดำรงชวี ิตทสี่ มดลุ มคี วามสุขตามอัตภาพ ๓. การพัฒนาเศรษฐกิจของตนเองและประเทศชาตมิ น่ั คง ๔. การอย่รู ่วมกนั ในสังคมเกดิ วามเอ้อื อาทรซง่ึ กนั และกัน ๕. ไม่หยุดน่งิ ท่จี ะหาทางให้ชีวิตหลุดพ้นจากความทุกข์ โดยขวนขวายหาความรู้ ให้เกิดรายได้เพิ่มพูน จนถงึ ข้นั พอเพยี งปฏิบตั ติ นในแนวทางท่ีดี ลดละส่ิงชว่ั ร้ายใหห้ มดสน้ิ ไป บทสรุป

หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงกับชีวิตประจำวนั เป็นเสมือนรากฐานของชีวติ รากฐานของชีวติ และความม่นั คงของแผ่นดิน เปรียบเสมอื นเสาเขม็ ทีถ่ ูกตอกรองรับบ้านเรือนตัวอาคารไวน้ ่ันเอง สง่ิ ก่อสรา้ งจะ มัน่ คงไดก้ ็อยทู่ ี่เสาเข็ม แตค่ นส่วนมากมองไมเ่ หน็ เสาเขม็ และลมื เสาเขม็ เสยี ดว้ ยช้าไป ใบความรู้ เร่อื ง“การทำบัญชรี ายรบั รายจา่ ย” การจดั ทำบญั ชีครัวเรือน จากสภาวะสังคมปัจจุบันท่ีเต็มไปดว้ ยกระแสวัตถุนยิ ม และความฟ่มุ เฟอื ย ฟงุ้ เฟ้อ จนทำให้คนไทยหลง เดนิ ทางผดิ ไปตามกระแสนยิ มจนกลายเปน็ ปญั หา โดยเฉพาะปัญหาหน้สี ินทไ่ี ม่มีวัน จบสิ้น อย่างไรก็ตามคน ไทยยงั มีทางออก ซง่ึ การจะดำรงชวี ติ ใหอ้ ยรู่ อดภายใตส้ งั คมในปัจจุบัน แนวทางหน่งึ ทปี่ ระชาชนไทยควรยึดถอื คือการพง่ึ ตนเอง ร้จู ักความพอประมาณ และไมป่ ระมาท ตามแนวปรชั ญา “เศรษฐกิจพอเพียง” ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู วั ทีท่ รงมองเห็นถึงความสำคัญของการสร้างภมู คิ ุ้มกนั ใหก้ บั ตวั เอง ร้จู ักความ พอมพี อกิน พอมพี อใช้ คำนึงถึงหลกั เหตุผลและการประมาณตนเอง พรอ้ มกบั ทรงเตือนสตปิ ระชาชนคนไทย ไม่ให้ประมาท โดยเฉพาะการใช้จ่ายเงินอนั เป็นปจั จยั สำคญั ในการดำเนินชวี ิต

การทำบญั ชี คือ การจดบนั ทึก ขอ้ มูลเกยี่ วกับเงือ่ นไขปัจจัยในการดำรงชีวติ ของตวั เอง และภายใน ครอบครวั ชุมชน รวมถึงประเทศ ข้อมูลที่ไดจ้ ากการบันทกึ จะเปน็ ตัวบง่ ชีอ้ ดีตปจั จบุ ันและอนาคตของชวี ิตของ ตัวเอง สามารถนำขอ้ มูลอดตี มาบอกปจั จบุ ันและอนาคตได้ ข้อมูลที่ได้ ที่บนั ทึกไว้ จะเป็นประโยชน์ต่อการ วางแผนชีวิตและกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวติ ในครอบครัว บัญชีครัวเรอื น มไิ ด้หมายถงึ การทำบญั ชีหรอื บนั ทึกรายรบั รายจ่ายประจำวนั เท่านน้ั แตอ่ าจหมายถึง การบนั ทกึ ขอ้ มลู ด้านอ่ืน ๆ ในชีวติ ในครอบครวั เปน็ ต้น ของเราไดด้ ้วย เช่น บญั ชที รัพยส์ นิ พนั ธุ์พชื พันธุ์ไม้ ใน บา้ นเราในชุมชนเรา บัญชีความรู้ความคิดของเรา บญั ชีผทู้ รงคุณ ผรู้ ู้ในชุมชนเรา บัญชีเด็กและเยาชนของเรา บัญชีภมู ิปญั ญาดา้ นตา่ ง ๆ ของเรา เป็นต้น หมายความว่า ส่งิ หรือเรื่องราวตา่ ง ๆ ในชีวิตของเรา เราจดบันทกึ ได้ทกุ เรื่อง หากประชาชนทุกคนจดบันทกึ จะมีประโยชนต์ อ่ ตนเอง ครอบครัว ชุมชนและประเทศ จะเปน็ แหลง่ เรยี นรู้ ครอบครวั เรียนรู้ ชมุ ชนเรียนรู้ และประเทศเรียนรู้การเรียนรู้เปน็ ท่มี าของปัญญา ปัญญาเป็นทีม่ าของ ความเจริญท้งั กาย สังคม ใจ และจิตวญิ ญาณของมนุษย์จะเหน็ ว่า การทำบัญชี หรือการจดบันทึกนี้สำคัญ ย่ิงใหญม่ าก บคุ คลสำคัญในประเทศหลายทา่ นเป็นตวั อย่างท่ดี ีของการจดบนั ทึก เชน่ ทา่ นพทุ ธทาส ในหลวง และสมเด็จพระเทพ ล้วนเป็นนักบนั ทกึ ทั้งสน้ิ การบนั ทกึ คือ การเขยี น เม่อื มกี ารเขยี นย่อมมกี ารคิด เม่ือมกี าร คิดยอ่ มก่อปญั ญา แก้ไขปญั หาไดโ้ ดยใชเ้ หตุผลวเิ คราะห์พจิ ารณา ได้ถูกต้อง นั่นคือ ทางเจริญของมนษุ ย์ การทำบญั ชีครวั เรอื นในด้านเศรษฐกิจ หรือการบันทึกรายรับรายจา่ ยท่ที างราชการพยายามส่งเสริมให้ ประชาชนไดท้ ำกนั นั่น เป็นเรอื่ งการบันทกึ รายรับรายจา่ ยประจำวนั ประจำเดอื นวา่ มรี ายรับจากแหล่งใดบา้ ง จำนวนเท่าใด มรี ายจ่ายอะไรบา้ ง จำนวนเทา่ ใด ในแตล่ ะวนั สัปดาห์ เดือน และ ปี เพือ่ จะไดเ้ หน็ ภาพรวมวา่ ตนเองและครอบครวั มรี ายรบั เทา่ ใด รายจา่ ยเทา่ ใด คงเหลอื เท่าใด หรอื เงนิ ไม่พอใชเ้ ทา่ ใด คอื รายจา่ ยมากกว่า รายรับ และสำรวจว่ารายการใดจ่ายนอ้ ยจ่ายมาก จำเป็นนอ้ ยจำเป็นมาก จำเปน็ น้อย อาจลดลง จ่ายเฉพาะที่ จำเปน็ มาก เชน่ ซือ้ กบั ขา้ ว ซอ้ื ยา ซ้อื เสื้อผา้ ซ่อมแซมบ้าน การศึกษา เป็นตน้ สว่ นรายจ่ายท่ีไม่จำเป็นให้ลด ละ เลิก เช่น ซอื้ บุหร่ี ซื้อเหล้า เลน่ การพนนั เป็นตน้ เมื่อนำรายรบั รายจ่าย มาบวกลบกนั แลว้ ขาดดลุ เกินดลุ ไป เทา่ ใด เมือ่ เห็นตัวเลข จะทำให้เราคิดได้ว่าสงิ่ ไม่จำเป็นนัน้ มีมากหรอื น้อยสามารถลดไดห้ รอื ไม่ เลิกได้ไหม ถา้ ไม่ ลดไมเ่ ลิกจะเกิดอะไร กบั ตัวเอง ครอบครวั ชุมชน และประเทศ หากเราวางแผนการรับการจา่ ยเงนิ ของตนเอง ได้ เทา่ กบั ว่า รูจ้ ักความเป็นคนได้พฒั นาตนเอง ใหเ้ ปน็ คนมีเหตุมีผล เปน็ คนร้จู ักพอประมาณ เปน็ คนรักตนเอง รกั ครอบครวั รักชมุ ชน และรกั ประเทศชาตมิ ากข้ึนจึงเห็นไดว้ ่า การทำบญั ชีครวั เรือน ในเร่อื งรายรบั รายจ่าย ก็ คือวถิ ีแหง่ การเรยี นรเู้ พอ่ื พฒั นาชีวติ ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง น่นั เอง เพราะปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง คอื ปรัชญาชีวิตที่ถูกต้องเหมาะสม พอดี สอดคล้องถูกตอ้ งตามกฎธรรมชาติทมี่ ที ั้งความเปน็ เอกภาพและดุลยภาพ อยู่เสมอ การทำบญั ชคี รวั เรอื นเป็นการจดบนั ทกึ รายรบั รายจา่ ยประจำวันของครัวเรอื น และสามารถนำข้อมูล มาวางแผนการใชจ้ ่ายเงนิ ในอนาคตไดอ้ ย่างเหมาะสม ทำให้เกิดการออม การใช้จา่ ยเงินอยา่ งประหยดั คมุ้ คา่ ไม่ ฟ่มุ เฟอื ย ดังนนั้ การทำบญั ชชี ีครวั เรือนมีความสำคัญดงั น้ี 1. ทำให้ตนเองและครอบครวั ทราบรายรบั รายจา่ ย หนสี้ นิ และเงินคงเหลือในแต่ละวัน

รายรบั หรอื รายได้ คือ เงนิ หรือสนิ ทรพั ย์ทวี่ ดั มลู ค่าได้ ที่ได้รับจากการประกอบอาชพี หรือ ผลตอบแทนท่ีได้รับจากการให้ผ้อู ื่นใชส้ ินทรพั ย์ หรือ ผลตอบแทนจากการลงทุนในรปู แบบตา่ งๆ เช่น รายได้ จากค่าจ้างแรงงาน เงินเดือน ดอกเบย้ี รบั จากเงินฝากธนาคาร หรือ จากเงนิ ใหก้ ยู้ ืม รายได้จากการขายสินคา้ หรอื บริการ เป็นตน้ รายจา่ ย หรอื คา่ ใช้จ่าย คอื คือ เงิน หรอื สนิ ทรพั ย์ท่วี ัดมลู ค่าได้ ที่จ่ายออกไปเพอื่ ให้ไดส้ ่งิ ตอบแทน กลบั มา สิง่ ตอบแทนอาจเปน็ สินค้าหรอื บริการ เช่น คา่ อาหาร ค่าน้ำค่าไฟฟ้า (คา่ สาธารณูปโภค) ค่าน้ำมนั คา่ หนงั สอื ตำรา เปน็ ต้น หรอื รายจ่าย อาจไม่ไดร้ ับส่งิ ตอบแทนคอื สินค้าหรอื บริการกไ็ ด้ เช่น เงินบรจิ าคเพ่ือการ กศุ ล เงนิ ทำบญุ ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า เป็นตน้ หนส้ี นิ คือ ภาระผูกพันทีต่ ้องชดใช้คืนในอนาคต การชดใช้อาจจา่ ยเปน็ เงนิ หรอื ของมีคา่ ทค่ี รอบครัว หรือตนเองมอี ยู่ หนส้ี ินเปน็ เงนิ หรอื ส่ิงของที่มคี า่ ทีค่ รอบครวั หรือตนเองไดร้ ับมาจากบุคคลหรือแหลง่ เงนิ ภายนอก เช่น การกู้ยมื เงนิ จากเพ่ือนบา้ น การกูย้ มื เงนิ จากกองทุนตา่ งๆ การซื้อสินค้าหรือบรกิ ารเปน็ เงนิ เชือ่ การซ้อื สินทรัพย์เป็นเงินผ่อนชำระ หรอื การเชา่ ซอ้ื เป็นตน้ เงนิ คงเหลือ คือ เงิน หรอื ทรัพย์สนิ ทว่ี ดั มลู คา่ ได้ หลงั จากนำรายรับลบด้วยรายจา่ ยแล้วปรากฏ รายรบั มากกว่ารายจ่ายจะทำใหม้ เี งนิ คงเหลือ หรือในหลักทางบัญชเี รียกว่า กำไร แต่หากหลังจากนำรายรบั ลบ ดว้ ยรายจ่ายแล้วปรากฏว่ารายจ่ายมากกว่ารายรับจะทำให้เงนิ คงเหลือตดิ ลบหรอื ทางบัญชเี รยี กว่าขาดทุน นั่นเอง 2. นำข้อมลู การใชจ้ ่ายเงินภายในครอบครวั มาจดั เรียงลำดับความสำคญั ของรายจา่ ย และวางแผนการ ใช้จา่ ยเงนิ โดยพจิ ารณาแต่ละรายการในแต่ละวันมรี ายจ่ายใดท่มี ีความสำคญั มาก และรายจ่ายใดไม่จำเป็นให้ ตัดออก เพ่ือใหก้ ารใช้จา่ ยเงินภายในครอบครัวมีพอใช้และเหลอื เกบ็ เพ่อื การออมทรพั ย์สำหรับใช้จ่ายสงิ่ ท่ี จำเป็นในอนาคต บัญชีครัวเรือนถอื เปน็ ส่วนสำคัญในการปฏิบัตติ ามแนวเศรษฐกิจพอเพยี ง โดยยึดหลัก 3 ข้อ คอื การพอประมาณ ถา้ รู้รายรับรายจา่ ย กจ็ ะใช้แบบพอประมาณ แต่ มเี หตผุ ล ร้วู ่ารายจา่ ยใดจำเป็นไม่จำเป็น และเมอ่ื เหลอื จากใช้จ่ายก็เกบ็ ออม น่นั คือภูมคิ ุ้มกัน ท่ีเอาไว้คมุ้ กันตวั เราและครอบครวั บญั ชคี รัวเรือนสามารถ จดั ได้หมด จงึ นับว่ามีประโยชน์มาก ขอ้ ควรระวงั ในการจัดทำบญั ชคี รัวเรือน คอื ลืมบันทึกบญั ชี ทำให้ขาดความตอ่ เนื่องในการบนั ทกึ และ ส่งผลให้ไมอ่ ยากบนั ทกึ ผู้จดั ทำเขา้ ใจผิดในรายการบญั ชี ไมเ่ ขา้ ใจรายการที่เปน็ รายรับ จึงไมไ่ ด้บนั ทกึ บัญชี เชน่ ลูกสง่ เงินมาให้พอ่ แม่สำหรับใชจ้ ่ายทกุ วนั สิน้ เดอื น แต่พ่อแมไ่ ม่ไดบ้ ันทกึ บญั ชีรายรบั เน่ืองจากเข้าใจวา่ เงินท่ี ไดร้ ับมานนั้ มิได้เกิดจากการประกอบอาชีพของตนเองหรือ เขา้ ใจผิดรายการหน้สี นิ แตบ่ ันทกึ ว่าเป็นรายรับ ทำ ให้มิไดเ้ ก็บเงินไว้สำหรับจ่ายชำระหนใี้ นอนาคต เชน่ ยมื เงินจากเพอื่ นบา้ นมาใช้จ่ายภายในครอบครวั ถึงแม้จะ ได้รบั เงินมาแต่รายการดังกล่าวไม่ถือวา่ เป็นรายรับเนอื่ งจากตนเองมภี าระผกู พนั ทีต่ อ้ งชดใชใ้ นอนาคต ซงึ่ อาจ ต้องชดใชเ้ งนิ ตน้ พรอ้ มดว้ ยดอกเบีย้ ด้วย จากสาเหตดุ ังกลา่ วอาจทำใหค้ รอบครัววางแผนการใช้จ่ายเงนิ ผดิ พลาด ส่วนขอ้ ผิดพลาดอกี ประการหนึ่งคอื การเขยี นชอ่ื รายการผิด การบนั ทึกตวั เลขผิด การบวกหรือการลบ จำนวนเงินผิดอาจเกิดจากการลืมจดบันทึกรายการบัญชี หรอื บนั ทกึ รายการซ้ำๆ กันหลายรายการ ปญั หา

ดังกลา่ วแกไ้ ขโดยการคำนวณจำนวนเงนิ กระทบยอดเงนิ คงเหลือในบญั ชกี บั ยอดเงินฝากธนาคารที่ครอบครัวมี อยจู่ ริง หรอื ยอดเงนิ ท่เี กบ็ ไว้สำหรับใช้จ่ายจริง หากพบวา่ ยอดเงนิ คงเหลอื ในบญั ชเี ทา่ กบั ยอดเงินคงเหลือใน บญั ชีเงนิ ฝากธนาคาร แสดงวา่ การจดั ทำบัญชีถกู ตอ้ ง แต่หากกระทบยอดแล้วยอดเงนิ ทง้ั สองไมเ่ ท่ากนั อาจเกดิ จากการบันทกึ บัญชผี ดิ พลาด หรอื เงินสดของครอบครวั สญู หาย นะคะ มาถงึ ตอนนี้แลว้ ท่านผฟู้ งั หลายทา่ น อาจนกึ ในใจแลว้ วา่ การจดบนั ทึกเป็นสิ่งท่ีสำคญั และจำเป็นมากสำหรบั การดำรงชวี ติ ในปัจจบุ ัน ยงิ่ เศรษฐกิจไม่ดี การเงินขาดสภาพคล่องดว้ ยแลว้ ละก็คิดวา่ หลายท่านคงอยากจะหนั มาจดบันทกึ รายรับและ รายจ่ายกันบ้าง การวางแผนการใช้จา่ ยเงินใหเ้ หมาะสมระหวา่ งรายรบั และรายจา่ ย ครอบครวั ตอ้ งมรี ายรบั มากกวา่ รายจา่ ย หากพบว่ารายรบั นอ้ ยกวา่ รายจ่าย ต้องหาแนวทางนำเงินมาใชจ้ ่ายให้เพียงพอ โดยอาจตอ้ งกยู้ มื เงนิ มา ใช้จ่าย แตก่ ารกยู้ ืมเงินไม่ใชแ่ นวทางแก้ไขปญั หาดังกลา่ วได้ เพยี งแตช่ ่วยให้การใชจ้ ่ายมีสภาพคล่องช่วั ขณะ เท่านั้น และในระยะยาวยงั สง่ ผลใหค้ รอบครัวมภี าระหนี้สินจำนวนมาทัง้ เงินตน้ และดอกเบย้ี ซึ่งจะเพิ่มจำนวน มากขึน้ ตามระยะเวลาท่ียาวนานในการกู้ยืมเงิน เปน็ ปญั หาที่แกไ้ ขไดย้ าก สำหรบั การแกไ้ ขปญั หาการขาด สภาพคลอ่ งในการใช้จ่ายเงนิ หรือปัญหารายรับไมเ่ พียงพอกบั รายจ่ายนน้ั มแี นวทางดังนี้ 1. การตดั รายจ่ายท่ไี ม่จำเปน็ ออก เพ่ือลดภาระการจา่ ยเงินออกจากครอบครัว เชน่ รายจ่าย เกยี่ วกับการพนนั สง่ิ เสพติดของมึนเมา รายจา่ ยฟุ่มเฟือย เป็นต้น เปน็ การสรา้ งนสิ ัยมใิ ห้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย 2. การลดรายจ่ายที่จำเปน็ ลง เพื่อสร้างนสิ ยั การประหยัด อดออม การใช้ทรพั ยากรท่ีมอี ยู่ จำกดั อยา่ งค้มุ ค่า เช่น การปลกู ผกั ผลไม้ไว้รับประทานเอง เพอ่ื ช่วยลดค่าอาหาร และค่าเดินทางไปตลาด อีกท้ัง ทำให้สขุ ภาพดอี ีกดว้ ย ลดการใชน้ ้ำมันเชื้อเพลงิ แล้วหนั มาออกกำลังกายโดยการป่ันจักรยาน หรอื การเดนิ การ วิง่ แทนการขบั รถจักรยานยนต์ หรอื รถยนต์ เป็นตน้ 3. การเพม่ิ รายรบั หารายได้เสรมิ นอกเวลาทำงานปกติ เช่น การใชเ้ วลาว่างรับจา้ งตัดเย็บ เสื้อผ้า การขายอาหารหลงั เลิกงาน การปลกู ผัก หรอื เลีย้ งสัตวไ์ วข้ าย เปน็ ตน้ 4. การทำความเข้าใจกันภายในครอบครวั เพื่อให้ทุกคนรว่ มมอื กนั ประหยดั รู้จกั อดออม การ ใชท้ รพั ยากรตา่ งๆ ลด ละ เลิก รายจ่ายหรือสง่ิ ท่ไี ม่จำเปน็ และช่วยกนั สร้างรายรบั ใหเ้ พยี งพอ เหมาะสมกับ เศรษฐกจิ ปัจจุบนั ตารางตัวอย่างแบบฟอร์มบัญชีครวั เรอื น (บญั ชรี ายรบั และรายจ่าย) บญั ชรี ายรับ-รายจา่ ย วนั ท่ี รายการ รับ จา่ ย คงเหลอื หมายเหตุ ยอดคงเหลอื ยกมา รวมรับ จา่ ย และยอดคงเหลือยกไป

บทสรปุ การจดั ทำบญั ชีครัวเรอื น หรือ บญั ชีรายรบั รายจ่ายนี้ ไมใ่ ชเ่ ปน็ แตเ่ พยี งการจดบันทกึ รายการ ต่างๆ ท่เี ป็นเงนิ เทา่ น้นั แตย่ ังเปน็ การสร้างความสามัคคภี ายในครอบครวั รู้จกั ชว่ ยเหลอื แบ่งปนั กนั ในสงั คม มี การเรยี นรู้ซงึ่ กนั และกนั ซ่ึงเกิดจากประสบการณต์ ่างๆ ท่ีได้รบั จากการจดบนั ทกึ ข้อมูลท่ีเป็นประโยชน์ ทำให้ ประชาชนทุกคนรู้จกั การบรหิ ารจดั การดา้ นการเงนิ และการวางแผนการทำงานทุกอย่างเพอื่ ใหบ้ รรลุเป้าหมาย ได้ การทำบัญชีครวั เรอื นทำให้ครอบครวั มีความสุขใช้ชวี ติ โดยยดึ หลักความพอเพยี ง มีเหตมุ ผี ล รู้จักพ่งึ พา ตนเอง มีความพอประมาณ การเงินมีสภาพคล่อง รู้จกั การเก็บออม ทุกคนรู้ถงึ แหล่งท่มี าของรายรับและการใช้ ไปของคา่ ใช้จ่ายในแต่ละวนั สามารถนำขอ้ มลู การใชจ้ ่ายมาวางแผนบริหารการเงนิ ในอนาคตได้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook