หลกั การและทฤษฎี ของการส่ือสาร
วตั ถุประสงค์ของการส่ือสาร การสื่ อสารในชี วิตของแต่ ละบุคคลน้ันล้ วนมี วัตถุประสงค์ท่ีแตกต่างกันออกไป และส่งผลต่อการดาเนิน ชี วิ ต ไ ด้ คื อ ท า ใ ห้ ไ ม่ รู้ สึ ก โ ด ด เ ดี่ ย ว ท า ใ ห้ ท ร า บ การเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดขึ้น สร้างความสัมพันธ์ทางสังคม ทาให้เกิดการแสดงออก ทาให้เกิดการพักผ่อนหย่อนใ จ ทาให้เกดิ การเรียนรู้ ทาให้เกดิ กาลงั ใจ
การสื่อสาร ชีวติ เป็ นเร่ืองของการเรียนรู้และส่ิงหน่ึงทสี่ าคญั และต้องมี การเรียนรู้คือ ความสัมพนั ธ์ หรือ มนุษยสัมพนั ธ์ เพราะทุกสิ่งทุก อย่างในโลกนีม้ ักเป็ นบทเรียนของกนั และกนั ถ้าไม่ใส่ใจเรียนรู้ซ่ึงกนั และกนั กจ็ ะอยู่ในโลกนีด้ ้วยความยากลาบากเพราะชีวติ จะมีคุณค่า และรู้สึกมคี วามสุขเมื่อได้แสดงออกอย่างทร่ี ู้สึก มีโอกาสเรียนรู้เร่ืองราวและส่ิงใหม่ๆ ตามที่เราต้องการ
ความหมายของการสื่อสาร จอร์จ เอ มลิ เลอร์ : เป็ นการถ่ายทอดข่าวสารจากทห่ี นึ่งไปยงั อกี ท่ีหน่งึ จอร์จ เกริ ์บเนอร์ : เป็ นการแสดงกริยาสัมพนั ธ์ทางสังคมโดยใช้ สัญลกั ษณ์และระบบสาร วลิ เบอร์ ชแรมส์ : เป็ นการมีความเข้าใจร่วมกนั ต่อเครื่องหมาย ท่ีแสดงข่าวสาร ซ่ึงสามารถสรุปให้เข้าใจได้ง่ายๆคือ การถ่ายทอดข้อมูล ข่าวสารจากบุคคลฝ่ ายหนึ่งท่ีเรียกว่าผู้ส่งสารไปยังยังบุคคลอีก ฝ่ ายหนึ่งทเี่ รียกว่าผู้รับสารโดยผ่านช่องทางในการส่ือสาร
การส่ือสาร การส่ือสาร (communication ) คือ กระบวนการแลกเปลยี่ นข้อมูล ข่าวสารระหว่าง บุคคลต่อบุคลหรือบุคคลต่อกลุ่ม โดยใช้สัญลกั ษณ์ สัญญาณหรือพฤติกรรมท่ีเข้าใจกนั
โดยมอี งค์ประกอบทีส่ าคญั คือ ซ่ึงมักเรียกกนั ว่า Sผู้ส่งสาร( ender) SMCR Mสาร( essage) Cช่องทาง( hannel) Rผู้รับสาร( eceiver)
ผู้ส่ งสาร(Sender) ผู้ทท่ี าหน้าทส่ี ่งข้อมูล สารไปยงั ผู้รับสารโดยผ่าน ช่องทางทเ่ี รียกว่าส่ือ ถ้าหากเป็ นการสื่อสารทางเดียวผู้ส่งจะทา หน้าทสี่ ่งเพยี งประการเดียวแต่ถ้าเป็ นการสื่อสาร 2 ทาง ผู้ส่ง สารจะเป็ นผู้รับในบางคร้ังด้วย ผู้ส่งสารจะต้องมีทกั ษะในการ ส่ือสาร มีเจตคติต่อตนเอง ต่อเรื่องทจ่ี ะส่ง ต้องมีความรู้ใน เนื้อหาทจ่ี ะส่งและอยู่ในระบบสังคมเดยี วกบั ผู้รับกจ็ ะทาให้การ สื่อสารมีประสิทธิภาพ
สาร(Message) ข่าวสารที่ดี ต้องแปลเป็ นรหัส เพ่ือสะดวก ในการส่งการรับและตีความ เนื้อหาสารของสาร และการจดั สารกจ็ ะต้องทาให้การสื่อความหมาย ง่ายขนึ้
ช่องทาง(Channel) ประสาทสัมผสั ท้งั ห้า คือ ตา หู จมูก ลนิ้ และกายสัมผสั และตวั กลางทม่ี นุษย์สร้างขนึ้ มา เช่น สิ่งพมิ พ์ กราฟิ ก ส่ืออเิ ลก็ ทรอนิกส์
ผู้รับสาร(Receiver) คือ ผู้ทเ่ี ป็ นเป้าหมายของผู้ส่งสาร การส่ือสารจะมปี ระสิทธิภาพ ผู้รับสารจะต้องมปี ระสิทธิภาพ ในการรับรู้ มเี จตคตทิ ดี่ ตี ่อข้อมูล ข่าวสาร ต่อผู้ส่งสารและต่อตนเอง
ตวั อย่างแบบจาลองทางการส่ือสาร
ปี 1954 Wilber schramm และ C.E. Osgood ได้สร้าง Model รูปแบบจาลองเชิงวงกลมการ สื่อสาร เป็ นรูปแบบของการส่ือสารสองทาง (Two- way Communication)
แบบจาลอง SMCR ของเบอร์โล จะให้ความสาคญั ในปัจจยั ต่าง ๆ ทมี่ ผี ลทาให้ การสื่อสารประสบผลสาเร็จได้แก่ ทกั ษะในการส่ือสาร ทศั นคติ ระดบั ความรู้ ระบบสังคมและวฒั นธรรม ซึ่งผู้รับละ ผู้ส่งต้องมีตรงกนั เสมอ
ปี 1960 แบบจาลอง SMCR ของเบอร์โล (Berlo) ได้ให้ความสาคญั กบั สิ่งต่าง ๆ คือ 1.ผู้ส่งสาร (Source) ต้องเป็ นผู้ทม่ี ีความสามารถเข้ารหัส (Encode) เนื้อหาข่าวสารได้มคี วามรู้อย่างดใี นข้อมูลทจ่ี ะส่ง สามารถปรับระดบั ให้เหมาะสมสอดคล้องกบั ผู้รับ 2 .ข่าวสาร (Message) คือเนื้อหา สัญลกั ษณ์ และวธิ ีการส่ง 3.ช่องทางการส่ือสาร(Channel) ให้ผู้รับได้ด้วยประสาท สัมผสั ท้งั 5 4.ผู้รับสาร (Receiver) ผู้ทม่ี คี วามสามารถในการถอดรหัส (Decode) สารทร่ี ับมาได้อย่างถูกต้อง
ตามแบบจาลองของแชนนันและวเี วอร์(Shannon and Weaver) จะมองถงึ องค์ประกอบพืน้ ฐานของการส่ือสาร เช่นเดยี วกบั เบอร์โลแล้ว ยงั ให้ความสาคญั กบั \"สิ่งรบกวน\" (Noise) ด้วยเพราะในการสื่อสารหากมีสิ่งรบกวนเกดิ ขนึ้ กจ็ ะ หมายถงึ การเป็ นอปุ สรรคต่อการส่ือสาร เช่น หากอาจารย์ใช้ ภาพเป็ นสื่อการสอนแต่ภาพน้ันไม่ชัดเจนหรือเลก็ เกินไปกจ็ ะทา ให้ผู้เรียนเห็นไม่ชัดเจนทาให้เกดิ การไม่เข้าใจ
ประเภทของการสื่อสาร การสื่อสารภายในบุคคล(Intrapersonal Communication) การคดิ หรือจนิ ตนาการกบั ตวั เอง เป็ นการคดิ ไตร่ตรองกบั ตัวเอง ก่อนทจี่ ะมีการส่ือสาร ประเภทอื่นต่อไป การส่ือสารระหว่างบุคคล(Interpersonal Communication) การทบ่ี ุคคลต้งั แต่ 2 คนขนึ้ ไปมาทาการสื่อสารกนั อย่างมี วตั ถุประสงค์ เช่นการพูดคุย ปรึกษาหารือในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ประเภทของการส่ือสาร การสื่อสารกล่มุ ย่อย(Small-group) Communication) การส่ือสารทม่ี บี ุคคลร่วมกนั ทาการส่ือสารเพื่อทากจิ กรรมร่วมกนั แต่จานวนไม่เกนิ 25 คน เช่นช้ันเรียนขนาดเลก็ ห้องประชุม ขนาดเลก็ การส่ือสารกล่มุ ใหญ่(Large-group Communication) การส่ือสารระหว่างคนจานวนมาก เช่นภายในห้องประชุมใหญ่ โรงภาพยนตร์ โรงละคร ช้ันเรียนขนาดใหญ่
ประเภทของการสื่อสาร การสื่อสารในองค์กร(Organization Communication) การส่ือสารระหว่างสมาชิกภายในหน่วยงาน เพื่อปฏบิ ตั ิงานให้ สาเร็จลลุ ่วง เช่นการสื่อสารระหว่าเพื่อนร่วมงาน เจ้านายกบั ลูกน้อง การส่ือสารมวลชน(Mass Communication) การส่ือสารกบั คนจานวนมากในหลายๆพืน้ ทพ่ี ร้อมกนั โดยใช้ ส่ือมวลชน เช่น หนังสือพมิ พ์ นิตยสาร วทิ ยุกระจายเสียง วทิ ยุ โทรทัศน์เป็ นส่ือกลาง เหมาะสาหรับการส่งข่าวสารไปยังผู้คน จานวนมากๆในเวลาเดยี วกนั
ประเภทของการส่ือสาร การส่ือสารระหว่างประเทศ(International Communication) การสื่อสารระหว่างบุคคลทม่ี คี วามแตกต่างกนั ใน เชื้อชาติ ภาษา วฒั นธรรม การเมืองและสังคม เช่น การสื่อสารทางการทูต การส่ือสารเจรจาต่อรอง เพ่ือการทาธุรกจิ
การสอื่ สาร ทท่ี าใหเ้ กิด ประสทิ ธภิ าพ
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: