Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ปรัชญาตะวันออก บทที่ 4 ปรัชญาจารวากและเชน

ปรัชญาตะวันออก บทที่ 4 ปรัชญาจารวากและเชน

Published by Ppphrom Phan, 2018-02-12 02:19:11

Description: ปรัชญาตะวันออก บทที่ 4 ปรัชญาจารวากและเชน

Keywords: ปรัชญา,ตะวันออก,บท4

Search

Read the Text Version

ปรชั ญาตะวนั ออก(Eastern Philosophy) โดย... พรหมพสิ ฐิ พนั ธจ์ นั ทร์

บทท่ี 4 ปรัชญาจารวากและปรัชญาเชน ความรเู้ บอื้ งต้นเกี่ยวกบั ปรชั ญาจารวาก แนวคิดทางอภิปรชั ญา แนวคิดทางญาณวิทยา แนวคิดทางจริยศาสตร์ ความรเู้ บอื้ งต้นเก่ียวกบั ปรชั ญาเชน แนวคิดทางอภิปรชั ญา แนวคิดทางญาณวิทยา แนวคิดทางจริยศาสตร์

ความรู้เบือ้ งต้นเก่ียวกับปรัชญาจารวากเป็ นปรัชญาอนิ เดยี ระบบสายนาสตกิ ะ“จารวาก” เป็ นภาษาสันสกฤตมาจาก “จารุ+วาก”“จารุ” แปลว่า งาม น่ารัก เหมาะสม“วาก” แปลว่า ถ้อยคา คาพดู“จารวาก” แปลว่า คาพดู ท่ไี พเราะอ่อนหวานถือเป็ นปรัชญาปากหวานมีช่อื อกี อย่างหน่ึงว่า “โลกายตั ” เพราะ เป็ นปรัชญาท่ดี งึ ดดู ความสนใจของชาวโลก

ความรู้เบอื้ งต้นเก่ียวกับปรัชญาจารวากปรัชญาวตั ถุนิยมท่เี ก่าแก่ท่สี ุดของโลก (อเทวนิยม)โน้มเอยี งไปในกาม (กามสุขัลลกิ านุโยค)สาเหตุของการเกดิ ปรัชญานี้ พอสรุปได้ดังนี้ 1. ความไม่พอใจในพธิ ีกรรมทางศาสนาพราหมณ์ 2. เข้าใจว่า เป็ นปรัชญาของพวกดราวเิ ดียนท่ี คิดขนึ้ เพ่อื คัดค้านปรัชญาจติ นิยมของชาวอารยัน 3. ปรัชญาอุปนิษัทเน้นทางจติ เกนิ ไป ปรัชญานีจ้ งึ เกิดเพ่อื สามัญชน

แนวคดิ ทางด้านอภปิ รัชญาโลกและสรรพส่งิ เกดิ ขนึ้ มาเพราะการรวมตวั ท่พี อเหมาะ ของธาตุทงั้ 4 คือ ดนิ นา้ ลม ไฟธาตุทงั้ 4 เป็ นอมตะ อยู่นิรันดร์การรวมตวั กนั ของธาตุทงั้ 4 เรียกว่า การเกดิการแยกตวั กันของธาตุทงั้ 4 เรียกว่า การตายจติ หรือวญิ ญาณไม่มีอย่จู ริงเหมือนรถยนต์ และเหมอื นสีแดงเกิดจากการเคยี้ วหมากพระเจ้าไม่มีอยู่จริง เพราะไม่สามารถสัมผัสได้ไม่เช่ือนรก สวรรค์ไม่เช่ือบุญคุณพ่อแม่ ครูอาจารย์

แนวคิดทางด้านญาณวิทยาแหล่งท่มี าของความรู้ในปรัชญาอนิ เดยี มี 6 ประการแต่ปรัชญาจารวากเช่ือเฉพาะแหล่งท่มี าเดยี ว นัน้ คอื ประจักษประมาณประจักษประมาณ เป็ นความรู้ท่ไี ด้จาก ประสาทสัมผสั ทงั้ 5 เท่านัน้

แนวคดิ ทางด้านจริยศาสตร์ปรัชญาจารวากเป็ นวัตถุนิยม หรือสสารนิยมคตชิ ีวติ ของปรัชญานี้ “จงกนิ จงด่มื จงร่ืนเริง เสียแต่วนั นี้ พรุ่งนีอ้ าจตาย”“ด”ี คอื ได้ความสุข “ความสุข” คอื ความดีเน้นความสุขทางเนือ้ หนังผ่านสัมผัสทงั้ 5ความช่ัว คือ ความทกุ ข์ ไม่ว่าจะทุกข์จากอะไรก็ตามความตาย คือ ความหลุดพ้น (จากสุขและทกุ ข์)โลกหน้าไม่มี กรรมและผลกรรมไม่มีอยู่จริงสวรรค์อย่ใู นโลกนี้ จงกนิ จงด่มื จงสนุกให้เตม็ ท่ี นีค้ อื เป้าหมายสูงสุดของชีวติ

ปรัชญาเชนความร้เู บอื้ งต้นเก่ียวกบั ปรชั ญาเชนแนวคิดทางอภิปรชั ญาแนวคิดทางญาณวิทยาแนวคิดทางจริยศาสตร์

ความรู้เบือ้ งต้นเก่ียวกับปรัชญาเชนปรัชญาเชนเป็ นปรัชญาอนิ เดยี สายนาสตกิ ะเป็ นปรัชญาจติ นิยม สัจนิยม (อเทวนิยม)โน้มเอียงไปในทางทรมานตนเอง จงึ เรียกว่า “อัตตกลิ มถานุโยค”“เชน” แผลงมาจาก “ไชนะ” “ชินะ” แปลว่า ผู้พชิ ติ หรือผู้ชนะกเิ ลสผู้ก่อตงั้ ปรัชญาเชนคือ “พระมหาวรี ะ”ศาสนาพุทธเรียกท่านว่า “นิครนถนาฏบุตร”(ประวัตชิ ีวติ คล้ายกับพระพุทธเจ้ามากจน อาจสับสนได้ว่าเป็ นคนเดยี วกนั )

ความรู้เบือ้ งต้นเก่ียวกับปรัชญาเชนพระมหาวรี ะ เดมิ ช่ือว่า วรธมาน เป็ นโอรสกษัตริย์แคว้นไพศาลีเกดิ ก่อนพระพุทธเจ้าราว 50-60 ปีวรธมาน แต่งงานกบั นางยโสธรา มธี ิดา 1 องค์ช่ือ ปริยทศั นาอายุ 30 ปี ได้ออกบวชเปลือยกายอย่ใู นป่ าใช้เวลา 12 ปี ได้บรรลุไกรวลั ย์สนิ้ ชีพท่เี มืองปาวาบุรี รวมอายุได้ 72 ปีเหตุท่ชี ่ือว่า พระมหาวรี ะ เพราะเป็ นผู้กล้าหาญมาก สามารถอดทนต่อความเจบ็ ปวดและทกุ ข์ได้

แนวคดิ ทางอภปิ รัชญาอภปิ รัชญาเชนมีลักษณะเป็ นพหุสัจนิยม คอื ส่งิ จริงแท้มีหลาย ส่งิ มากมายนับไม่ถ้วน (ชีวะ)สามารถเรียกแนวคดิ นีอ้ ีกว่า “อเนกันตวาท”และเรียกว่า “อมราวเิ ขปิ กะ” เพราะพดู ซัดส่ายเหมือนปลาไหลโลกประกอบมาจากส่งิ ท่เี ป็ นจริง 2 อย่าง คอื ชีวะ และ อชีวะทงั้ สองอย่างนีเ้ ท่ยี งแท้ นิรันดร์

แนวคิดทางอภปิ รัชญา1. ชีวะ หรือ วญิ ญาณ (ชีวาตมันในอุปนิษัท) มีมากมาย นับไม่ถ้วน มี 2 ชนิด คอื มุกตชีพ และ พทั ธชีพมุกตชีพ คือ วญิ ญาณท่บี ริสุทธ์ิ หมดกเิ ลสแล้วพทั ธชีพ คือ วญิ ญาณท่ยี ังเวยี นว่ายตายเกดิ ด้วย อานาจกรรมมี 2 ชนิด คือ ชนิดเคล่ือนท่ไี ม่ได้ เป็ นชีพชัน้ ต่า สัมผสั ได้ทางเดียว เท่านัน้ คอื ทางกาย เช่น ต้นไม้

แนวคดิ ทางอภปิ รัชญาชนิดเคล่ือนท่ไี ด้ มรี ่างกายเป็ นท่อี าศัยมีสัมผัส 2 ทางคอื กายและลนิ้ เช่น พวกหนอนมีสัมผัส 3 ทางคือ กาย ลิน้ และจมูก เช่น พวกมดมีสัมผสั 4 ทางคอื กาย ลนิ้ จมูก และตา เช่น พวกผงึ้ และแมลงภู่มีสมั ผสั 5 ทางคอื กาย ลิน้ จมูก ตา และหู เช่น มนุษย์ และสัตว์ต่างๆสัมปชัญญะเป็ นคุณลักษณะสาคัญของชีพ ท่ใี ห้แต่ละชีพ แตกต่างกนั

แนวคดิ ทางอภปิ รัชญา2. อชีวะ เป็ นส่งิ ไร้สัมปชัญญะและไม่มชี ีวติ (อวิญญาณ)เป็ นส่วนประกอบท่กี ่อให้เกดิ ปรากฏการณ์ต่างๆ ในโลกมี 5 ชนิดคือ วัตถุ คอื สสาร เลก็ ท่สี ุดคือ ปรมาณู อากาศ คือ โลกากาศ (โลก) อโลกากาศ (อวกาศ) กาล คอื อนั ตรฐานท่บี อกถึงการสืบต่อ เปล่ียนแปลง เคล่ือนไหว ความใหม่-เก่า ธรรม คอื อาการของการเคล่ือนไหว ไม่หยุดน่ิง อธรรม คือ สภาพท่ไี ม่เคล่ือนไหว หยุดอย่กู บั ท่ี

แนวคดิ ทางญาณวทิ ยาปรัชญาเชนถอื ว่า ความรู้ (ญาณ) เป็ นสารัตถะสาคญั ของชีพธาตุแท้ของชีพคือรู้ความรู้แจ้งแทงตลอดแฝงอยู่แล้วในทกุ ชีพแต่ความรู้ไม่ปรากฏออกมาเพราะกรรมเป็ นอุปสรรคกีดกนัผู้ท่กี าจัดกรรมได้ จงึ ถอื เป็ นผู้ชนะกเิ ลสชนิดความรู้มี 2 คอื ความรู้ท่ถี กู ต้อง ความรู้ท่ไี ม่ถูกต้อง

แนวคิดทางญาณวทิ ยาความรู้ท่ถี ูกต้อง แบ่งได้เป็ น 2 คอื ความรู้โดยตรง เป็ นความรู้ท่เี กดิ ขึน้ ภายในจติ โดยตรง -ขัน้ ทาลายอิทธิพลของกรรมได้บางส่วน -ขัน้ หย่ังรู้ภาวะจติ ใจผู้อ่นื ได้ (ทาลายโทสะ พยาบาท ฯลฯ) -ขัน้ รู้แจ้งแทงตลอด (ทาลายกรรมและกเิ ลสได้) ความรู้โดยอ้อม เป็ นความรู้อาศัยส่ิงอ่นื จงึ รู้ได้ -ความรู้เกดิ จากประสาทสัมผัส -ความรู้เกดิ จากคัมภรี ์ คาสอน คาบอกเล่า

แนวคดิ ทางญาณวทิ ยาความรู้ท่ไี ม่ถกู ต้อง มี 3 คือ ความรู้ท่เี จือด้วยความสงสัย ความรู้จากความเข้าใจผดิ หรือสาคัญผิด ความรู้ท่ผี ดิ พลาดเพราะขาดการใส่ใจประมาณหรือแหล่งเกดิ ความรู้ มี 3 คือ ประจกั ษประมาณ อนุมานประมาณ ศัพทประมาณ

แนวคิดทางญาณวิทยาหลักการตดั สนิ หรือสยาทวาทเชนถอื ว่า ความจริงแท้มีแง่หรือนัยมากมาย จงึ ไม่ควรตดั สนิ แบบแน่นอนตายตวัหลักการตดั สินมี 7 ประการ คอื อาจเป็ นไปได้ อาจเป็ นไปไม่ได้ อาจเป็ นไปได้และอาจเป็ นไปไม่ได้ ไม่อาจพรรณนาได้ อาจเป็ นไปได้และอาจพรรณนาไม่ได้ อาจเป็ นไปไม่ได้และอาจพรรณนาไม่ได้ อาจเป็ นไปได้ อาจเป็ นไปไม่ได้และอาจพรรณนาไม่ได้

แนวคิดทางจริยศาสตร์เชนถอื ว่า จริยศาสตร์เป็ นหลักท่สี าคญั ท่สี ุดชีวะ (ชีพ) ต้องหลุดพ้นให้ได้จากเคร่ืองพนั ธนาการกรรม คอื เคร่ืองปิ ดกัน้ ความสมบรู ณ์ของชีพไว้ชีพเดมิ เป็ นอมตะ แต่อยู่เป็ นอสิ ระไม่ได้ ต้องอาศัยร่างกายชีพจงึ หลงผิด (อวทิ ยา) ว่า ร่างกายคือชีพด้วยหลงผิด จงึ ยดึ ตดิ ร่างกาย ด้วยกเิ ลสตัณหาต่างๆแล้วกระทากรรมทงั้ ดชี ่ัว จงึ เวียนว่ายตายเกดิ ไม่รู้จบกรรมจงึ มีอทิ ธิพลต่อชีพมาก ผูกชีพให้อย่ใู นสังสารวฏั

เกดิ -ตาย แนวคิดทางจริยศาสตร์ กรรม ร่ างกาย ชีพ อวทิ ยา กรรม กิเลสตณั หากายทณั ฑะ โกรธะ, โลภะ, มานะ, มายาวจีทณั ฑะมโนทณั ฑะ

แนวคดิ ทางจริยศาสตร์โมกษะ (นิรวาณ, ไกรวลั ย์) สังวร คือ ปิ ดกัน้ กรรมใหม่ท่จี ะเข้าสู่ชีพ นีรชรา คือ กาจัดกรรมเก่าท่มี ีอยู่ให้หมดรัตนตรัย สัมมาทสั สนะ ความเช่ือหรือเข้าใจท่ถี กู ต้อง สัมมาญาณะ ความรู้ท่ถี ูกต้อง สัมมาจาริตะ ความประพฤตทิ ่ถี กู ต้อง

แนวคดิ ทางจริยศาสตร์มหาพรต 5 (ข้อปฏบิ ัตขิ องนักบวชท่เี คร่งมาก)อหงิ สา การไม่เบยี ดเบยี นทงั้ คดิ พดู และทาสัตยะ ความสัตย์จริงทงั้ คดิ พดู และทาอัสเตยะ การไม่ขโมยทงั้ คดิ พดู และทาพรหมจรรย์ เว้นจากการตามใจตนเองทงั้ คดิ พดู และทาอปริครหะ การไม่ยดึ ตดิ ในวัตถุและอารมณ์ใดๆอนุพรต 5 (ข้อปฏบิ ตั ขิ องคฤหสั ถ์ท่ไี ม่เคร่งมาก)ไม่ทารายส่งิ มีชีวติ ไม่พดู ปดไม่ขโมยของผู้อ่นืเว้นประพฤตผิ ิดคู่ครองคนอ่นืไม่อยากได้ของคนอ่นื



ขอบคณุ ครบั

เป็ นมนุษย์ เป็ นได้ เพราะใจสูง เหมือนหนึ่งยงู มีดี ท่ีแววขน ถา้ ใจตา่ เป็ นได้ แคเ่ พียงคน ยอ่ มเสียที ท่ีตน ไดเ้ กิดมา ใจสะอาด ใจสว่าง ใจสงบ ถา้ มีครบ ควรเรยี ก มนุสสา เพราะคิดถูก พูดถกู ทุกเวลาเปรมปรดี า ทุกคืนวนั สุขสนั ตจ์ ริงใจสกปรก มืดมวั เพราะรอ้ นเร่า ใครมีเขา้ ควรเรียก ว่าผีสิง เพราะคิดผิด ทาผิด จติ ประวิง แตใ่ นส่ิง นาตวั กล้วั อบาย...


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook