ปรชั ญาตะวนั ออก(Eastern Philosophy) โดย... พรหมพสิ ฐิ พนั ธจ์ นั ทร์
บทท่ี 2 ปรัชญาตะวนั ออก ความร้เู บอื้ งต้นเก่ียวกบั ปรชั ญาตะวนั ออก ขอบเขตของปรชั ญาตะวนั ออก ความรเู้ บอื้ งต้นเกี่ยวกบั ปรชั ญาอินเดีย ความเป็นมาและวิวฒั นาการของปรชั ญาอินเดีย การแบง่ ยคุ ปรชั ญาอินเดีย ระบบปรชั ญาอินเดีย แนวคิดปรชั ญาอินเดีย ลกั ษณะรว่ มของปรชั ญาอินเดีย
ความรู้เบอื้ งต้นเก่ียวกับปรัชญาตะวนั ออก เป็นปรชั ญาท่ีเกี่ยวข้องกบั หลกั คาสอนทางศาสนา เป็นปรชั ญาที่เน้นการปฏิบตั ิ เป็นปรชั ญาที่เน้นการพฒั นาจิตใจ เป็นปรชั ญาท่ีเน้นศีลธรรม จริยธรรม ปรชั ญาชีวิต
ขอบเขตของปรัชญาตะวนั ออก ขอบเขตด้านเนื้อหา ขอบเขตด้านพืน้ ท่ี
ขอบเขตด้านเนือ้ หาอภปิ รัชญาวธิ ีหา ญาณวทิ ยา จริยศาสตร์ ปฏิบตั ิ ศีลธรรมความรู้ ตรรกศาสตร์ สุนทรียฯ
ขอบเขตด้านพนื้ ท่ี ญ่ีป่ นุ พุทธ แบบ พุทธ ญป่ี ุ่น แบบจารวาก เชน ทเิ บตพทุ ธ ทิเบต อินเดีย จีนพราหม ณ์ เต๋า ขงจอ้ื พุทธ แบบจนี
ความรูเ้ บ้อื งต้นเกย่ี วกบั อนิ เดยี คาว่า “อินเดีย (India)” เพ้ียนมาจาก “ฮินดู (Hindu, Hindus)” ซง่ึ ไดเ้ พีย้ นมาจาก “แมน่ า้ สนิ ธุ (Sindhu)” ประเทศอินเดีย มีชื่อเรยี กอกี วา่ “มหาภารตะประเทศ” ในอดตี จะเรยี กวา่ “ชมพูทวีป” ซง่ึ รวมท้งั ปากีสถาน อัฟกานิสถาน เนปาล สิกขิมภฐู าน บงั คลาเทศ อนิ เดียสามารถแบง่ ออกเปน็ 4 ส่วนตามภูมิศาสตร์ คอื1. บรเิ วณเทือกเขาหิมาลัย 2. บริเวณทีร่ าบลุม่ ภาคเหนือ3. บรเิ วณที่ราบสูงเดคขา่ น 4. บรเิ วณแหลมทมิฬ
ความเป็นมา ววิ ัฒนาการปรชั ญาอนิ เดีย ดนิ แดนอินเดยี หรือ “ดินแดนชมพทู วีป” ในอดตี มี ชนพ้นื เมอื งเดิม คอื พวกดราวเิ ดยี น, ทราวิท หรือมลิ กั ขะ อาศัยอยู่ มอี าณาจักรทีเ่ ก่าแก่ทส่ี ุดในโลกคอื อาณาจกั รฮารปั ปา ต่อมาพวกอนิ โด-ยโู รเปียน (Indo-European) หรือ “อารยนั ” ซึง่ อยู่แถบทะเลสาบแคสเปยี นได้อพยพเข้ามา พวกมลิ ักขะส้พู วกอารยนั ไมไ่ ด้จงึ ได้ถอยลน่ ลงมาทางใตข้ องอินเดียพวกมลิ กั ขะนับถอื ไฟ ส่วนพวกอารยันนับถือพระสาวติ รี (ดวงอาทิตย์)เมื่อความเชื่อคล้ายกนั พวกอารยนั จงึ ไดส้ ร้างพระอัคนีข้ึนมา เพ่อื ใหช้ นชาวชมพูทวปี นับถอื
ความเป็นมา ววิ ัฒนาการปรัชญาอนิ เดยี ชาวอารยันเมอ่ื ได้ครอบครองและเปน็ ใหญ่ในดนิ แดน ชมพทู วีปแล้ว ก็ไดพ้ ยายามผสมผสานให้เข้ากบั วัฒนธรรม ของพวกมิลักขะ โดยไดส้ รา้ งเทพเจ้าต่างๆ ขึ้นมา ต่อมาพวกอารยนั โดยกลุ่มฤาษไี ดส้ รา้ งคัมภรี ท์ างศาสนาเลม่ แรกขึ้นมาเรยี กวา่ คมั ภีรพ์ ระเวท ประกอบดว้ ย 3 คัมภีร์ คือ คัมภีร์ฤคเวท ซง่ึ ถือเปน็“ศรตุ ิ (เสยี งทพิ ยจ์ ากพระพรหม)” ตอ่ มาคอื คัมภีร์สามเวท และยชรุ เวทรวมกนั เรียกวา่ “ไตรเพท” (คมั ภีรอ์ าถรรพเวทเกิดต่อมาทหี ลัง)เน่ืองจากพวกอารยันเรียกพวกมิลกั ขะวา่ ทัสยุ หรือ ทาส ต่อมาจึงได้สรา้ งระบบวรรณะแบง่ ออกเป็น 4 คอื พราหมณ์ กษัตรยิ ์ แพศย์ ศูทร (จณั ฑาล)และตอ่ มาก็แบง่ การปกครองออกเปน็ 16 แควน้
การแบ่งยคุ ปรัชญาอินเดีย ศาสตราจารย์ ดร. ราธกฤษณนั นกั ปรัชญาคนสาคญั ของอนิ เดยี ได้แบ่งยคุ ปรชั ญาอนิ เดยี ออกเปน็ 3 ยคุ คือ 1. ยคุ พระเวท (Vedic period) เร่ิมตั้งแต่เกิดมีพระเวทข้นึ มา ราว 1,000 – 100 ปี กอ่ น พ.ศ. 2. ยุคมหากาพย์ (Epic period)เกดิ คัมภีร์ที่ยิง่ ใหญ่ คอื มหากาพยร์ ามายณะและมหาภารตะ และเป็นยุคท่ีศาสนาพุทธและเชนรุง่ โรจนด์ ้วย ราว 100 ปี กอ่ น พ.ศ. ถึงราว พ.ศ. 7003. ยุคระบบทง้ั 6 (Period of the six systems)เกิดปรชั ญาฮนิ ดู 6 สานกั ศาสนาพราหมณพ์ ัฒนาเปน็ ฮินดู ราว พ.ศ. 700เป็นตน้ มา
ระบบและแนวคดิ ปรัชญาอนิ เดยีปรชั ญาอินเดยี มี 2 ระบบ 3 แนวคดิ1. อาสติกะ นยายะ, ไวเศษิกะ, จติ นยิ ม สางขยะ, โยคะ, สจั นิยมเชอื่ ในพระเวท มมี างสา, เวทานตะ2. นาสติกะ จารวาก วตั ถนุ ยิ ม เชน จิตนยิ มเช่อื ในพระเวท พทุ ธ สจั นิยม
ลกั ษณะร่วมของปรัชญาอนิ เดยี 1. ปรัชญาอินเดยี สามารถนาไปปฏิบัติและเกิดผลตอ่ ชีวิตได้ 2. เร่ิมตน้ ดว้ ยททุ รรศนนยิ ม แล้วจบดว้ ยสทุ รรศนนิยม 3. เช่ือในกฎแหง่ กรรม กฎแห่งเหตผุ ลและกฎแหง่ ศลี ธรรม 4. อวิชชาคอื ความไม่รู้ เปน็ บอ่ เกิดของทกุ ขแ์ ละกเิ ลสต่างๆ จนตอ้ ง เวียนว่ายตายเกิดในสงั สารวัฏไมจ่ บสิน้ จึงตอ้ งกาจดั อวิชชาใหไ้ ด้ 5. การบาเพญ็ สมาธใิ ห้รแู้ จง้ เห็นจรงิ จะสามารถนาพาใหห้ ลุดพน้ ได้6. การควบคุมจิตใจเพื่อขจัดความเศรา้ หมอง สามารถเข้าถึงความสขุ ได้7. ความหลุดพ้นจากทกุ ขด์ ว้ ยการปฏบิ ัตอิ ยา่ งเขม้ งวด สามารถทาได้จรงิ
ขอบคณุ ครบั
เป็ นมนุษย์ เป็ นได้ เพราะใจสูง เหมือนหนึ่งยงู มีดี ท่ีแววขน ถา้ ใจตา่ เป็ นได้ แคเ่ พียงคน ยอ่ มเสียที ท่ีตน ไดเ้ กิดมา ใจสะอาด ใจสว่าง ใจสงบ ถา้ มีครบ ควรเรยี ก มนุสสา เพราะคิดถูก พูดถกู ทุกเวลาเปรมปรดี า ทุกคืนวนั สุขสนั ตจ์ ริงใจสกปรก มืดมวั เพราะรอ้ นเร่า ใครมีเขา้ ควรเรียก ว่าผีสิง เพราะคิดผิด ทาผิด จติ ประวิง แตใ่ นส่ิง นาตวั กล้วั อบาย...
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: