จกั รวาลวทิ ยาในพุทธปรัชญา: ว่าด้วยโลกโลกเกดิ ขนึ้ มาได้อย่างไร?เร่ิมแรกนัน้ โลกถูกห่อหุ้มด้วยนา้ และปกคลุมด้วยความมืดมิด ไม่มีดวงจันทร์และดวงอาทติ ย์เม่อื นา้ งวดลง ได้เกิดง้วนดนิ มรี สอนั โอชะมีกล่ินหอม พวกอาภสั รพรหมจงึ ลงมาจุตแิ ละได้ชิมง้วนดนิร่างกายจงึ หยาบขนึ้ เร่ือยๆ แสงในตัวเลยหายไป จงึ เป็ นมนุษย์มีรูปร่างแต่ไม่ปรากฏเพศดวงจนั ทร์ ดวงอาทติ ย์จงึ ได้ปรากฎขนึ้ร่างกายกห็ ยาบขึน้ เร่ือยๆ จากการกนิ อาหารท่หี ยาบ เพศจงึ ปรากฏ เกิดการเสพเมถุนกนั และพฒั นาการดารง ชีพมาเร่ือยๆ จนถงึ ปัจจุบนั
จกั รวาลวทิ ยาในพทุ ธปรัชญา: ว่าด้วยโลกโลกจะสนิ้ สุดเม่ือใด?ผ่านไปด้วยกาลอนั ยดื ยาว โลกกจ็ ะถงึ กาลสนิ้ สุด โดยจะถูก ทาลายด้วยไฟ (ดวงอาทติ ย์ขนึ้ 7 ดวง) ต่อด้วยนา้ และลม ในท่สี ุดโลกกถ็ งึ จุดจบ (ไม่ได้บอกว่าโลกจะแตกสลาย หรือไม่)
ขอบคณุ ครบั
เป็ นมนุษย์ เป็ นได้ เพราะใจสูง เหมือนหนึ่งยงู มีดี ท่ีแววขน ถา้ ใจตา่ เป็ นได้ แคเ่ พียงคน ยอ่ มเสียที ท่ีตน ไดเ้ กิดมา ใจสะอาด ใจสว่าง ใจสงบ ถา้ มีครบ ควรเรยี ก มนุสสา เพราะคิดถูก พูดถกู ทุกเวลาเปรมปรดี า ทุกคืนวนั สุขสนั ตจ์ ริงใจสกปรก มืดมวั เพราะรอ้ นเร่า ใครมีเขา้ ควรเรียก ว่าผีสิง เพราะคิดผิด ทาผิด จติ ประวิง แตใ่ นส่ิง นาตวั กล้วั อบาย...
Search