วิวฒั นาการปรชั ญาตะวนั ตก โดย... พรหมพสิ ฐิ พนั ธจ์ นั ทร์
วิวัฒนาการของปรชั ญาปรชั ญาเกิดข้นึ มาพรอ้ มๆ กบั การท่มี นุษย์รจู้ กั คดิส่วนวิชาปรัชญาเกิดข้ึนราว 3,000 ปีมาแล้ว จากหลักฐานคือคัมภรี ์พระเวทววิ ัฒนาการปรัชญา สามารถแบง่ ออกไดเ้ ป็น 5 ยุคด้วยกนั คือ1. ยคุ ดึกดาบรรพ์หรือยุคก่อนประวตั ิศาสตร์เนื่องจากปรัชญาเกิดมาจากความสงสัย ในยุคน้ีแม้ไม่มีหลักฐานแน่ชัดแต่ความสงสัยของมนษุ ยก์ ส็ ามารถทาใหเ้ กิดความเชื่อคอื -วญิ ญาณนิยม (Animism) -เทวนยิ ม (Theism)
วิวฒั นาการของปรัชญา2. ยคุ ประวตั ิศาสตรห์ รอื ยคุ กรีกโบราณปรัชญาตะวันตกเกิดคร้ังที่ประเทศกรีกราว 600 ปี ก่อน ค.ศ. โดยเรียกว่า ยคุ กรกี โบราณ ซง่ึ สามารถแบง่ ออกได้เปน็ 3 ยุค คอื 1) กรกี ยุคแรก ยุ ค นี้ จ ะ ส ง สั ย แ ล ะ ส น ใ จ เ ร่ื อ ง ข อ ง ธ ร ร ม ช า ติ ข อ ง ส ร ร พ ส่ิ งโดยเฉพาะปฐมธาตุของโลกวา่ คืออะไร ซึ่งก็คดิ เห็นแตกต่างกัน เชน่ -ธาเลส บอกว่า น้า และโลกนแ้ี บนกลมโดยลอยอยบู่ นนา้ -อะแนกซมิ านเดอร์ บอกวา่ สสารไร้รูป -อแนกซมิ ินสิ บอกว่า อากาศ -เฮราคลติ สุ บอกวา่ ไฟ
วิวฒั นาการของปรัชญา -เอมพโี ดเคลส บอกวา่ ดิน น้า ลม ไฟ -ไพธากอรัส บอกวา่ ตัวเลขหรอื จานวน -เดโมคลติ ุส บอกวา่ ปรมาณู (Atom) 2) กรีกยคุ รุง่ เรือง ยุคน้ีสนใจเรื่องญาณวิทยาและจริยศาสตร์เป็นสาคัญ มีนักปรัชญาท่สี าคญั 3 คน คือ -โสเครตีส มองวา่ ความดีเป็นสากล มมี าตรการแนน่ อนตายตวั คาพูดทโ่ี ดดเดน่ คือ “ความรู้คือคุณธรรม”
วิวฒั นาการของปรชั ญา -เพลโต มองวา่ ความจรงิ และความดมี ีมาตรการแน่นอนตายตัว บ่อเกิดความร้มู ี 2 คอื จากประสบการณแ์ ละเหนอื ประสบการณ์ โลกมี 2 คือ โลกแห่งประสบการณ์ และโลกแห่งแบบ จิตมี 3 ภาค คือ จติ ภาคตณั หา ภาคน้าใจ และภาคปญั ญา -อริสโตเติล มองว่า โลกแห่งประสบการณ์และโลกแห่งแบบไม่ได้แยกกนั อยู่ แตแ่ ฝงอยู่รว่ มกันในโลกน้นี ้ีเอง สสารของพระเจา้ คือแบบทปี่ รากฏ ความดคี ือความสุข ซ่งึ ความสขุ ท่นี ี้คอื กจิ กรรมทางศลี ธรรม เป็นคนแรกท่ีคิดพิสจู น์สง่ิ ต่างๆ ดว้ ยตรรกวิทยาแบบนริ นยั
ววิ ัฒนาการของปรัชญา 3) กรีกยุคเสื่อม ยุคน้ีโรมันเรืองอานาจ แผ่อิทธิพลมาถึงกรีก และอนุญาตให้นับถือศาสนาไดอ้ สิ ระ เริ่มมีการนาปรชั ญาผสมกบั แนวคิดทางศาสนาบา้ ง เน้นสนใจเร่ืองจริยศาสตร์ว่าด้วยจุดหมายปลายทางของชีวิต คือความสุข -ลัทธิสขุ นิยม ถือว่า จงแสวงหาความสขุ ใหเ้ ต็มท่ดี ว้ ยความฉลาด -ลัทธิสโตอิก ถือว่า ความสุขเกิดขึ้นได้เพราะไม่ตกเป็นทาสความอยาก ตัดส่ิงทไี่ ม่จาเป็นในชีวติ ท้ิงเสยี -ลัทธซิ ีนิค ถือว่า ความสขุ อยู่ทกี่ ารตัดทุกสิ่งทกุ อยา่ งแมเ้ สือ้ ผา้ อาหารกม็ แี ละกนิ แต่นอ้ ยๆ และดาเนินชวี ติ เย่ยี งสุนขั
ววิ ฒั นาการของปรัชญา3. ยุคกลางยุคน้ีเกิดราวคริสต์ศตวรรษที่ 5-15 โดยศาสนาคริสต์เรืองอานาจและได้ผสมผสานกับปรัชญากรีก เกิดเป็นปรัชญาศาสนาขึ้น จึงเรียกยุคนี้ได้ว่า “ยุคคาทอลิก” หรือ “ยุคมืด” ก็ได้ เพราะแนวคิดทางปรัชญาต่างๆ ตกอยู่ภายใต้อิทธพิ ลศาสนาคริสต์ ยุคน้ีมีนักปรัชญาทสี่ าคัญ คือ-เซนตอ์ อกัสติน มองวา่ ปรชั ญามีหนา้ ที่ทาให้มนุษยเ์ ข้าใจสิ่งท่ีตนเอง ศรทั ธา หรือชว่ ยเสริมศรทั ธาให้แกร่งขึ้น พระเจ้าคอื ความจรงิ พระองคส์ ร้างโลกจากความว่างเปล่า การทาดคี อื การทาตามทีพ่ ระเจา้ ส่ัง อานาจทางการเมอื งของรัฐมาจากพระเจ้า พยายามผสมปรชั ญาเพลโตเข้ากบั คาสอนคริสต์ใหไ้ ด้
วิวฒั นาการของปรชั ญา-เซนต์โทมัส อาไควนัส มองว่า -พระเจ้าสร้างโลกจากความว่างเปล่า ซ่งึ พระองค์จะสร้างหรือไม่กไ็ ด้ -มนุษย์มีความรู้เร่ืองพระเจ้าเฉพาะจากประสบการณ์ แล้ วคอยเปรียบเทยี บเอา -วิธีการพิสูจน์การมีอยู่ของพระเจ้าจากประสบการณ์คือ พิสูจน์จากการเคล่ือนไหว จากการเป็ นสาเหตุ จากความไม่ย่ังยืน จากระดับความสมบูรณ์ และจะต้องอาศัยการสังเกตถึงจุดหมายหรือความเป็ นระเบียบท่เี รียกว่า พสิ ูจน์จากแบบแผน -ความสุขท่สี ูงสุดและดสี ุดคือ ความสุขแบบนักบุญท่ใี ช้ปัญญาในการแสวงหาพระเจ้า -พยายามผสมปรัชญาอริสโตเตลิ เข้ากบั คาสอนคริสต์
วิวฒั นาการของปรัชญา4. ยคุ สมยั ใหม่ (นวยคุ )ยคุ น้เี ร่ิมต้นราวคริสต์ศตวรรษท่ี 15-16 ซึ่งสนใจคน้ คว้าหาวิธีคดิ ท่ีถูกต้องด้วยอาศยั หลักทางวิทยาศาสตร์ ไม่เก่ียวขอ้ งกับศาสนา เกดิ ศาสตร์ตา่ งๆ มากมาย -ฟรานซิล เบคอน มองว่า อคติคืออุปสรรคในการคิดที่ถูกต้อง จาเป็นต้องกาจดั อคตใิ ห้ได้ (ถือเป็นบิดาปรัชญาตะวันตกสมยั ใหม่) -เรเน เดการ์ตส์ มองว่า ความรู้เกิดจากการคิดหาเหตุผล มนุษย์มีความรู้ติดตัวมาแตก่ าเนิดเนน้ การคดิ สงสัยเปน็ เบอ้ื งต้นแลว้ ค้นหาความจริงดว้ ยเหตผุ ล -จอร์น ล๊อค มองว่า ความรูท้ ีแ่ ท้จรงิ เกิดจากประสบการณ์มนษุ ยไ์ มม่ ีความรตู้ ิดตวั มาแตก่ าเนดิสร้างทฤษฏสี ญั ญาประชาคมตน้ แบบระบอบประชาธปิ ไตย
ววิ ัฒนาการของปรชั ญา-อิมมานูเอล ค้านท์ พยายามประนีประนอมระหว่างเหตุผลนิยมและประสบการณ์นิยม โดยมองวา่-ความรู้เกิดจากการคดิ หาเหตผุ ลจากประสบการณ์ (ความรู้เดิม+ความรูใ้ หม่)-ความดสี งู สุดคือ การทาตามหน้าที่ซึ่งมาจากเจตจานงที่ดี (Good will)-ความคิดทางจริยศาสตร์จะเน้นที่การกระทา ไมเ่ นน้ ที่ผลของการกระทา
ววิ ัฒนาการของปรชั ญา5. ยุคปจั จุบนั (หลังนวยุค)เร่ิมต้นหลังการสิ้นชีวิตของอิมมานูเอล ค้านท์ โดยพยายามอธิบายวิเคราะห์แนวคดิ ของค้านทเ์ ปน็ สาคญั เกดิ แนวคดิ ปรชั ญาต่างๆ สรปุ ได้ ดงั นี้-อัชฌัตติญาณนิยม มองว่า ความรู้หรือความจริงต้องเกิดจากการฝึกตน และหยั่งรู้ เหน็ แจ้งดว้ ยตนเองเทา่ นั้น-ปฏิบัตินิยม มองว่า ทุกทฤษฏีต้องสามารถปฏิบัติได้และให้ผลเป็นประโยชน์ได้ จึงจะดที ีส่ ดุ-ปฏฐิ านนิยม มองว่า ความรแู้ ละความจริงแทต้ ้องสามารถพิสูจนไ์ ด้ดว้ ยวธิ ที างวทิ ยาศาตรเ์ ท่านั้น-อตั ถิภาวนิยม มองว่า มนุษยท์ กุ คนมีเสรภี าพในตนเองทจี่ ะคดิและทาอะไรก็ได้ ไมเ่ ก่ยี วข้องใดๆ กบั พระเจา้
ขอบคณุ ครบั
เป็ นมนุษย์ เป็ นได้ เพราะใจสูง เหมือนหนึ่งยงู มีดี ท่ีแววขน ถา้ ใจตา่ เป็ นได้ แคเ่ พียงคน ยอ่ มเสียที ท่ีตน ไดเ้ กิดมา ใจสะอาด ใจสว่าง ใจสงบ ถา้ มีครบ ควรเรยี ก มนุสสา เพราะคิดถูก พูดถกู ทุกเวลาเปรมปรดี า ทุกคืนวนั สุขสนั ตจ์ ริงใจสกปรก มืดมวั เพราะรอ้ นเร่า ใครมีเขา้ ควรเรียก ว่าผีสิง เพราะคิดผิด ทาผิด จติ ประวิง แตใ่ นส่ิง นาตวั กล้วั อบาย...
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: