เอกสารคาํ สอน วชิ า ศ. 362 เศรษฐกจิ ประเทศในเอเชีย หนังสือ “เศรษฐกจิ จนี และเศรษฐกจิ เพอ่ื นบ้านอาเซียน” บทที่ 2 เศรษฐกจิ จีน โดย รองศาสตราจารย์ ดร.อกั ษรศรี พานิชสาส์น จัดพมิ พ์โดย คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ตุลาคม 2557 1
บทที่ 2 เศรษฐกจิ จนี ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน (People’s Republic of China : PRC) หรือประเทศจีน ไดก้ า้ ว ข้ึนมาเป็นประเทศท่ีโดดเด่นในการพฒั นาเศรษฐกิจอยา่ งรวดเร็วจนมีการกล่าวถึงวา่ เป็น “โมเดลจีน” ในขณะน้ี เศรษฐกิจจีนไดก้ ลายเป็นตวั จกั รสาํ คญั ในการขบั เคล่ือนเศรษฐกิจโลก ท้งั ดา้ นการผลิต การบริโภค การลงทุน และการคา้ ระหวา่ งประเทศ เศรษฐกิจจีนสามารถเติบโตและขยายตวั จนมีขนาด เศรษฐกิจ GDP เป็นอนั ดบั 2 ของโลกไดอ้ ยา่ งรวดเร็วภายในระยะเวลา 30 กวา่ ปี นบั จากปี ที่เร่ิมปฏิรูป เศรษฐกิจและเปิ ดติดต่อกบั เศรษฐกิจโลกในปี 1979 ตลอดจนบทบาทต่างๆ ท่ีโดดเด่นของจีนในเศรษฐกิจ โลกและเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย I พฒั นาการระบบเศรษฐกจิ ของจีน ในอดีต ประเทศจีนภายใตก้ ารนาํ ของเหมาเจ๋อตุงเคยใชร้ ะบบเศรษฐกิจแบบวางแผนจากส่วนกลาง (Centrally Planned Economy) และมีการควบคุมจากรัฐอยา่ งเขม้ งวด แต่ปรากฏวา่ ระบบดงั กล่าวไดส้ ร้าง ปัญหาและมีจุดอ่อนของระบบวางแผนจากส่วนกลางหลายดา้ น โดยเฉพาะปัญหาของรัฐวสิ าหกิจ เช่น -รัฐวิสาหกิจในระบบวางแผนฯ จะถูกกาํ หนดใหต้ ้งั ราคาขายแบบคงท่ีตายตวั ใบบางกรณีที่ราคาต่าํ เกินไปกจ็ ะทาํ ใหเ้ กิดอุปสงคม์ ากเกินและเกิดปัญหาขาดแคลนสินคา้ อีกท้งั ผผู้ ลิตของรัฐจะขาดแรงจูงใจใน การปันส่วนสินคา้ ใหก้ บั ผบู้ ริโภคท่ีจะจ่ายใหใ้ นราคาที่สูงกวา่ -ตลาดท่ีดาํ เนินไปโดยวสิ าหกิจท่ีไม่ใช่ของรัฐตอ้ งดาํ เนินไปบนกฎเกณฑแ์ ละขอ้ บงั คบั ท่ีเขม้ งวด ภาคการผลิตถูกควบคุม และการคา้ ต่างประเทศกถ็ กู ควบคุมโดยส่วนกลาง การแบ่งปันและจดั สรร ทรัพยากรเป็นไปอยา่ งไร้ระบบ และรัฐวสิ าหกิจไม่ตอ้ งเผชิญกบั แรงกดดนั ดา้ นการแขง่ ขนั อยา่ งแทจ้ ริง เพราะไดร้ ับการโอบอุม้ จากภาครัฐ ทาํ ใหไ้ ม่เกิดการแขง่ ขนั ท้งั ในตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ จน ทาํ ใหข้ าดแรงจูงใจท่ีจะต่ืนตวั และมุ่งพฒั นาภาคการผลิตของรัฐวิสาหกิจเหล่าน้นั -ในระบบวางแผนจากส่วนกลางฯ รัฐวิสาหกิจไม่สามารถกาํ หนดอตั ราคา่ จา้ งแรงงานของตนได้ อตั ราค่าจา้ งแรงงานกย็ งั คงอยภู่ ายใตก้ ารควบคุมของรัฐ อตั ราคา่ จา้ งแรงงานจะเพ่มิ ข้ึนไดต้ ่อเม่ือผลกาํ ไรของ วสิ าหกิจเกินระดบั ท่ีกาํ หนดไวเ้ ท่าน้นั 2
-ในบางกรณี การเพิ่มค่าจา้ งแรงงานทาํ ใหเ้ กิดการขาดแคลนสินคา้ อยา่ งรุนแรง ทาํ ใหต้ อ้ งมีการ นาํ เขา้ สินคา้ บางประเภท และสร้างภาระหน้ีต่างประเทศ ตลอดจนความเสี่ยงในการเกิดภาวะเงินเฟ้ อตามมา เป็ นตน้ ดงั น้นั ต่อมา ผนู้ าํ จีนนกั ปฏิรูป คือ เติ้งเส่ียวผงิ ไดป้ ระกาศใหม้ ีการปฏิรูปเศรษฐกิจโดยใชก้ ลไก ตลาดมาต้งั แตป่ ี 1979 ในลกั ษณะการทดลองนาํ ระบบเศรษฐกิจตลาดมาใชใ้ นบางพ้ืนท่ีของประเทศ (ตวั อยา่ งเช่น การจดั ทาํ เขตเศรษฐกิจพเิ ศษ Special Economic Zone ในมณฑลชายฝ่ังทะเลบางแห่ง) ก่อนที่ จะขยายผลและนาํ ระบบเศรษฐกิจตลาดไปใชใ้ นภูมิภาคอ่ืนของประเทศ รูปแบบการพฒั นาเศรษฐกิจของจีนจึงเป็นการปฏิรูปแบบคอ่ ยเป็นคอ่ ยไป (gradualism) ดว้ ยการ ทยอยเปิ ดกวา้ งและปฏิรูปเศรษฐกิจในดา้ นต่างๆ โดยแนวทางของจีนเอง จนทาํ ใหเ้ สน้ ทางพฒั นาเศรษฐกิจ ของจีนมีลกั ษณะเฉพาะที่เป็นเอกลกั ษณ์ของจีนเอง และมีระบบเศรษฐกิจที่มีช่ือเรียกอยา่ งเป็นทางการวา่ \"Socialist Market Economy with Chinese Characteristics\" หรือ “เศรษฐกิจกลไกตลาดแบบจีน” การปฏิรูปและปรับโครงสร้างเศรษฐกิจจีนต้งั แต่ปี 1979 -2013 สามารถแบ่งพฒั นาการออกเป็น ช่วงเวลาต่างๆ ดงั ที่สรุปในตาราง ตารางที่ 2-1 เส้นทางการปฏริ ูปและปรับโครงสร้างเศรษฐกจิ จนี ปี วนั /เดอื น สถานการณ์ 1978 ธนั วาคม - มติที่ประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสตจ์ ีน(Communist Party of China : CPC) ประกาศการปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิ ดประเทศของจีน จึงนบั เป็นจุด เปล่ียนสาํ คญั ของระบบเศรษฐกิจจีน 1980 กนั ยายน -ท่ีประชุมคณะกรรมาธิการประจาํ สภาผแู้ ทนประชาชนแห่งชาติ (National People’s Congress :NPC) มีมติใหท้ ดลองนาํ ระบบเศรษฐกิจตลาดมาใช้ โดยการ จดั ต้งั “เขตเศรษฐกิจพิเศษ \"(Special Economic Zones : SEZs) ข้ึน 4 แห่ง คือ เสิ่นเจิ้น จไู ห่ ซ่านโถว (ซวั เถา)และเซี่ยเหมิน 3
ปี วนั /เดอื น สถานการณ์ 1984 มีนาคม - รัฐบาลจีนทยอยขยายผลการทดลองนาํ ระบบตลาดไปใชใ้ นส่วนอ่ืนๆ ของ ประเทศ เช่น การประกาศเปิ ดพ้นื ท่ีตามแนวชายฝั่งดา้ นตะวนั ออก 14 เมืองเพื่อรับ การคา้ การลงทุนจากต่างชาติ 1988 เมษายน - จีนประกาศใหม้ ณฑลไหหลาํ เป็นเขตเศรษฐกิจพเิ ศษ (SEZ) แห่งที่ 5 ซ่ึง ครอบคลุมท้งั เกาะและจดั เป็นเขต SEZ ท่ีมีขนาดใหญ่ที่สุดของจีน 1990 พฤศจิกายน - จดั ต้งั ตลาดหลกั ทรัพยแ์ ห่งแรกของจีนข้ึนท่ีมหานครเซี่ยงไฮ้ 1991 มิถุนายน - ประกาศพฒั นาพ้ืนท่ีเขตผตู่ ง (Pu Dong) ในมหานครเซ่ียงไฮ้ โดยเรียกวา่ New Area ในลกั ษณะเดียวกบั SEZs ท่ีเคยใชใ้ น 5 แห่งแรกของจีน 1992 มกราคม - เติ้งเส่ียวผงิ เดินทางเยอื นภาคใตข้ องจีน โดยเฉพาะการดูงานในเมืองเส่ินเจิ้น เพือ่ ยนื ยนั การปฏิรูปและเปิ ดประเทศของจีน 1993 1994 (หลงั จากเกิดเหตุการณ์เทียนอนั เหมิน กระทบความมนั่ ใจของต่างชาติ) ส่งผลให้ สามารถสร้างความมนั่ ใจและนกั ลงทุนต่างชาติเริ่มกลบั เขา้ มาลงทุนในจีนอีกคร้ัง เริ่มใชค้ าํ วา่ ระบบ \"Socialist Market Economy with Chinese Characteristics\" หรือ “เศรษฐกิจกลไกตลาดแบบจีน” -การปฏิรูปดา้ นการเงินคร้ังสาํ คญั ดว้ ยการประกาศยกเลิกหน่วยเงินตราจีนที่เคยมี 2 หน่วยเงิน ใหม้ ีเพยี งหน่วยเงินตราแบบเดียว คือ เงินหยวน (Renminbi : RMB) และประกาศใชร้ ะบบอตั ราแลกเปลี่ยนแบบคงท่ี (Fixed Exchange Rate System) โดยผกู ค่าเงินไวก้ บั เงินดอลลาร์สหรัฐแบบคงที่ในระดบั 8.62 หยวนเท่ากบั 1 ดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลใหใ้ นปี 1994 ค่าเงินของจีนไดอ้ ่อนคา่ ลงอยา่ งมาก (เงิน หยวนลดค่า) 4
ปี วนั /เดอื น สถานการณ์ 1994 มกราคม -การปฏิรูประบบภาษี โดยนาํ ระบบการบริหารจดั การการคลงั “แบบแยกคาํ นวณ ภาษี” มาใช้ ทาํ ใหร้ ัฐบาลทอ้ งถ่ินของจีนในระดบั ต่างๆ สามารถมีอาํ นาจในการ บริหารจดั การการคลงั ในพ้ืนที่ของตน และเป็นการกระจายอาํ นาจใหร้ ัฐบาล ทอ้ งถิ่น (DECENTRALIZATION) และแบ่งแยกรายไดท้ างการคลงั ของส่วนกลาง และส่วนทอ้ งถิ่น 1997 มีนาคม - จีนประกาศให้ ฉงช่ิง เป็นมหานครแห่งที่ 4 ต่อจากมหานครปักก่ิง เซ่ียงไฮ้ และ เทียนจิน และเป็นจุดเร่ิมตน้ ของการมุ่งพฒั นาจีนตะวนั ตก (GO-WEST POLICY) 1997 กรกฎาคม -ฮ่องกงกลบั คนื สู่จีน ภายใตน้ โยบาย “หน่ึงประเทศ สองระบบ” ในสถานะ “เขต บริหารพิเศษ” (Special Administrative Region : SAR) ของจีน 1999 ธนั วาคม - การรับมอบมาเก๊าจากโปรตุเกสกลบั คืนสู่จีน ภายใตน้ โยบาย “หน่ึงประเทศ สอง ระบบ” เช่นเดียวกบั ฮ่องกงโดยต้งั เป็น “เขตบริหารพิเศษ” (Special Administrative Region : SAR) อยา่ งนอ้ ย 50 ปี เช่นกนั 2001 ธนั วาคม - จีนเขา้ เป็นสมาชิกขององคก์ ารการคา้ โลก (World Trade Organization) หลงั จาก ท่ีตอ้ งใชค้ วามพยายามนานถึง 15 ปี 2004 มีนาคม -ที่ประชุม NPC มีมติให้บรรจุแนวคิด “สามตวั แทน” เขา้ ไปในรัฐธรรมนูญปี 1982 โดยปรับแก้ และเพ่ิมเติมข้อความให้ความคุ้มครองทรัพย์สินเอกชน ( private property) เป็นคร้ังแรก 2004 กรกฎาคม -การประกาศใช”้ กฎหมายการคา้ ระหวา่ งประเทศฉบบั ปี 2004” ซ่ึงปรับปรุงแกไ้ ข จากกฎหมายการคา้ ระหว่างประเทศฉบบั เดิมปี 1994 เพื่อให้ทนั สมยั และ สอดคลอ้ งกบั พนั ธกรณีของจีนในฐานะสมาชิก WTO เช่น การเพิ่มเติมเน้ือหาว่า ดว้ ย “การปกป้ องสิทธิทรัพยส์ ินทางปัญญาท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การคา้ ระหว่างประเทศ” ตามหลกั การของ WTO เป็นตน้ 5
ปี วนั /เดือน สถานการณ์ 2005 กรกฎาคม -ประกาศเปลี่ยนมาใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวแบบมีการจัดการ (Managed Floating Exchange Rate) โดยใชต้ ะกร้าอา้ งอิงหลายสกลุ และใหม้ ีการ แกว่งของค่าเงินไดไ้ ม่เกินร้อยละ 0.33 ต่อวนั โดยเปล่ียนจากระบบอตั รา แลกเปลี่ยนแบบคงท่ี ท่ีใชม้ าต้งั แต่ปี 1994 ท้งั น้ี จีนยงั คงเป็นสมาชิก IMF ตามมาตรา 8 (ยงั มิไดเ้ ขา้ มาตรา 14 ของ IMF1) จึงยงั คงสามารถใชม้ าตรการควบคุมการเคล่ือนยา้ ยบญั ชีทุน (Capital Account Control) 2005 ธนั วาคม -การยกเลิกการเก็บภาษีเกษตรฯ โดยมติที่ประชุมคณะกรรมการประจาํ สภา NPC คร้ังท่ี 19 สมัยที่ 10 ได้ผ่าน “ข้อตกลงเกี่ยวกับการยกเลิกรัฐบัญญัติภาษี เกษตรกรรมของสาธารณรัฐประชาชนจีน” ซ่ึงเป็นการยกเลิกการเกบ็ “ภาษีเกษตร ฯ” ท่ีใชม้ าเป็นเวลา 50 ปี ต้งั แต่มีการสถาปนาประเทศจีนในปี 1949 2007 พฤษภาคม -ประกาศขยายช่วงของการเคล่ือนไหวค่าเงินเป็นร้อยละ 0.5 ต่อวนั เพ่ือเพ่ิมความ ยืดหยนุ่ ให้กบั ค่าเงินหยวนมากข้ึน และลดแรงกดดนั จากต่างประเทศที่เรียกร้อง ใหเ้ งินหยวนแขง็ ค่าข้ึน 2007 มีนาคม -ท่ีประชุม NPC ลงมติผา่ น “กฎหมายว่าดว้ ยทรัพยส์ ินของสาธารณรัฐประชาชน จีน” (Property Law of the People's Republic of China) โดยใหม้ ีผลต้งั แต่วนั ท่ี 1 ตุลาคม 2007 2008 กลางปี -จีนประกาศตรึงค่าเงินหยวนกบั เงินดอลลาร์สหรัฐ ท่ี 6.28 หยวน ต่อ 1 ดอลลาร์ สหรัฐ เน่ืองจากวกิ ฤตเศรษฐกิจการเงินโลก 2008 ธนั วาคม - เพ่ือผลกั ดนั ให้เงินหยวนเขา้ มามีบทบาทในดา้ นการเงินโลก และเพื่อการทาํ RMB Trade Settlement รัฐบาลจีนทยอยลงนามในสัญญา Swap เงินกบั ธนาคาร 1 จีนยงั ไม่ไดเ้ ขา้ เป็นสมาชิกในมาตรา 14 ของ IMF จึงไม่จาํ เป็นตอ้ งปฏิบตั ิตามเง่ือนไขมาตรา 14 ของ IMF กล่าวคือ การเปิ ดตลาดทุนเสรี และ การลดการควบคุมการเคล่ือนยา้ ยของเงินทุน การปล่อยใหม้ ีการนาํ เงินเขา้ -ออกไดอ้ ยา่ งเสรี และการเปิ ดเผยขอ้ มลู ทางการเงินอยา่ งโปร่งใส และ ธนาคารพาณิชยไ์ ม่วา่ จะเป็นรัฐวสิ าหกิจ หรือของเอกชน ตอ้ งอยใู่ นกฎเกณฑข์ องธนาคารเพอื่ การชาํ ระเงินระหวา่ งประเทศ (BIS) 6
ปี วนั /เดือน สถานการณ์ กลางของเขตเศรษฐกิจ/ประเทศต่างๆ 2010 มิถุนายน -ธนาคารกลางของจีนกลบั มาประกาศเปิ ดให้เงินหยวน “มีความยืดหยุ่น”ไดเ้ มื่อ เทียบกบั เงินดอลลาร์สหรัฐอีกคร้ัง 2011 ธนาคารกลางจีนไดท้ ยอยจดั ทาํ ขอ้ ตกลงสองฝ่ าย Swap Currency Agreement กบั เขตเศรษฐกิจและประเทศต่างๆ กว่า 20 ประเทศ วงเงินรวมกวา่ 2,016.2 พนั ลา้ น หยวน (ในกลุ่มอาเซียนมี 4 ประเทศ คือ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย) 2012 จีนผลกั ดนั การจดั ต้งั ศูนยก์ ลางเงินหยวนในภูมิภาคต่างๆ และผลกั ดนั ให้สาขา ธนาคารพาณิชยข์ องจีนท่ีอยู่ในต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง ไตห้ วนั สิงคโปร์ ทาํ หนา้ ท่ี RMB Clearing Operation เพ่ือส่งเสริมการคา้ และการลงทุนดว้ ยเงินหยวน รวมท้งั การจดั ต้งั RMB Clearing Bank ในประเทศต่างๆ ทว่ั โลก 2013 กนั ยายน รัฐบาลจีนไดอ้ นุมตั ิจดั ต้งั การเปิ ดเขตการคา้ เสรีนาํ ร่องแห่งแรกของจีนท่ี \"เซ่ียง ไฮ\"้ ไดแ้ ก่ “เขตการคา้ เสรีเซ่ียงไฮ”้ (Shanghai Free Trade Zone : SFTZ) โดย เน้นการเป็ นพ้ืนที่เฉพาะในการ“ทดลอง”เปิ ดเสรีด้านเงินทุน และทดลองการ บริหารเปิ ดกวา้ งและเปิ ดเสรีใน 4 ดา้ นหลกั คือ การลงทุน การคา้ การเงิน และ ระบบกฎหมายการบริหารงานของภาครัฐ ท่ีมา : ปรับปรุงและรวบรวมโดย อกั ษรศรี พานิชสาส์น , 2556 การปฏริ ูปเศรษฐกจิ ของจนี ในภาคเกษตร : ระบบการรับผดิ ชอบสัญญาการผลติ ครัวเรือน ต้งั แต่ปี 1979 รัฐบาลจีนเริ่มตระหนกั วา่ \"การปลดปล่อยพลงั การผลติ \" เป็นสิ่งสาํ คญั ระหวา่ งการ เปล่ียนผา่ นระบบเศรษฐกิจวางแผนจากส่วนกลางไปสู่ระบบเศรษฐกิจการตลาด และไดเ้ กิดระบบการ รับผดิ ชอบสญั ญาการผลิตครัวเรือน ( Household Contract Responsibility System) โดยไม่ไดเ้ ป็นความริเร่ิม หรือสงั่ การโดยรัฐ หากแต่มีจุดเร่ิมตน้ มาจากหม่บู า้ นเลก็ ๆ ในมณฑลอนั ฮุย ความคิดริเริ่มในระบบรากหญา้ ของระบบน้ีเกิดข้นึ ในช่วงตน้ ปี 1978 โดยมีชาวนา 18 คนที่อาศยั อยู่ ในหม่บู า้ นเสี่ยวกงั มณฑลอนั ฮุย (จากเดิมตอ้ งพ่ึงพาการช่วยเหลือจากรัฐ จนข้ึนชื่อวา่ เป็นหมู่บา้ นขอทาน) 7
ชาวนาในกลุ่มน้ีไดแ้ อบลงนามใน “ขอ้ ตกลงลบั ” ระหวา่ งกนั เพือ่ แบ่งที่ดินคอมมูน เพอ่ื แยกยอ่ ยลงเป็นแปลง เลก็ ๆ สาํ หรับแต่ละครอบครัว และประกาศเจตนารมณ์ร่วมกนั วา่ จะขอแบ่งผนื ท่ีดินทาํ นาไปยงั ทุกครัวเรือน และรับประกนั วา่ หากแต่ละครัวเรือนไดผ้ ลผลิตกจ็ ะนาํ มาส่งใหส้ ่วนกลางของหมู่บา้ นตามภาระหนา้ ที่เดิม ตลอดท้งั ปี และจะไม่ขอความช่วยเหลือจากรัฐอีก แตห่ ากมีผลผลิตส่วนเกินจากน้นั แต่ละครัวเรือนก็ สามารถเกบ็ ไวเ้ อง ท้งั น้ี หากขอ้ ตกลงลบั น้ีทาํ ไม่สาํ เร็จ จะขอติดคุกหรือถูกตดั หวั กย็ อม ทา้ ยท่ีสุด ชาวนาในหมู่บา้ นเส่ียวกงั กป็ ระสบผลสาํ เร็จ มีผลผลิตมากเกินกวา่ ท่ีจะตอ้ งส่งมอบให้ ส่วนกลางตามเงื่อนไข ส่งผลต่อเนื่องในเชิงสญั ลกั ษณ์ และดว้ ยความสาํ เร็จที่เกิดข้ึน ชาวนาเสี่ยวกงั จึง ไดร้ ับการสนบั สนุนจากภาครัฐในเวลาตอ่ มา ที่สาํ คญั กรณีประสบการณ์แบ่งปันการผลิตของชาวนาเส่ียวกงั ไดถ้ กู หยบิ ยกนาํ มาใชเ้ ป็น “ตวั แบบ” ในการพฒั นาปฏิรูปท่ีดินเพอื่ เกษตรกรรม ภายใต้ “ระบบความรับผดิ ชอบของครัวเรือน” โดยครอบครัว เกษตรกรจีนแต่ละครอบครัวจะไดร้ ับจดั สรรท่ีดินเป็นของตนเพือ่ ทาํ การผลิต ต่อมา หม่บู า้ นเส่ียวกงั ไดร้ ับ การยกยอ่ งวา่ เป็นจุดเร่ิมตน้ ของการปฏิรูปภาคเกษตรของจีนนนั่ เอง จะเห็นไดว้ ่า ในการปฏิรูปภาคเกษตรของจีนในยคุ ของเติ้งเสี่ยวผงิ รัฐบาลจีนไดล้ ดหน่วยการผลิตลง เป็ น “ครัวเรือน” โดยใชร้ ะบบ “สัญญารับผิดชอบครัวเรือน” โดยเฉพาะหลงั จากท่ีเกิดวิกฤติการเกษตร ในช่วงปี 1959-1961 รัฐบาลจึงได้ตดั สินใจเลิกเน้นในการผลิตบนที่ดินแปลงใหญ่เพ่ือหวงั ให้เกิดการ ประหยดั ต่อขนาด แต่กลบั ผดิ พลาด และยกเลิกการใชร้ ะบบคอมมูน แต่หนั มามุ่งเนน้ การพฒั นาเทคโนโลยี ทางการเกษตร เช่น การคิดคน้ พนั ธุ์ขา้ วใหม่ซ่ึงช่วยให้มีผลผลิตเพิ่มสูงข้ึน นอกจากน้ัน ในทศวรรษ 70 รัฐบาลยงั ออกนโยบายสนบั สนุนใหเ้ กษตรกรหนั มาใชเ้ คร่ืองมือทางการเกษตรใหม้ ากข้ึน ดงั น้นั การปฏิรูปภาคเกษตรโดยหันมาใช้ “ระบบการรับผิดชอบสัญญาการผลิตครัวเรือน” ไดร้ ับ ผลลพั ธ์ท่ีดีเกินคาด สถิติต้งั แต่ปี 1978 – 1984 ท่ีมีการขยายระบบดงั กล่าว พบว่า อตั ราการเติบโตของ ผลผลิตทางการเกษตรไดเ้ พ่มิ ข้ึนกวา่ สองเท่าจากร้อยละ2.9 เป็นร้อยละ 7.7 การปฏริ ูปเศรษฐกจิ ของจนี ในภาคการผลติ ทไ่ี ม่ใช่เกษตร : วสิ าหกจิ รวมหมู่ในท้องถ่ิน สาํ หรับการปฏิรูปในภาคการผลิตนอกภาคเกษตรที่สาํ คญั ของจีน คือ การเกิดข้ึนของ“วิสาหกิจรวม หมู่ในทอ้ งถ่ิน” (Township and Villages Enterprises: TVEs ) ซ่ึงมีรัฐบาลทอ้ งถ่ินจีนเป็นเจา้ ของและมี อาํ นาจในการบริหารจดั การกิจการ จนสามารถ สร้างรายไดจ้ ากกิจการ TVEs ในพ้ืนที่ของตนเอง รวมท้งั 8
สามารถเก็บรายไดเ้ ขา้ กองคลงั ของรัฐบาลทอ้ งถ่ินน้ันได้ นอกจากน้ี TVEs ยงั มีการจ่ายค่าตอบแทนให้ แรงงานในอตั ราตลาด เพ่ือสร้างแรงจูงใจและกระตุน้ ให้มีความขยนั ทาํ งานเพ่ือผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่ มากข้ึน จึงแตกต่างไปจากระบบวางแผนจากส่วนกลางที่เป็นอยเู่ ดิม รูปแบบความเป็นเจา้ ของ (Ownership) ในกิจการ TVEs ของจีนจึงมีลกั ษณะเฉพาะ เน่ืองจาก มิใช่ รัฐวิสาหกิจของรัฐบาลกลาง และก็ไม่ใช่ธุรกิจเอกชน หากแต่เป็ น “ธุรกิจของชุมชน”โดยมีรัฐบาลทอ้ งถิ่น และชุมชนในชนบทเป็นเจา้ ของ ขอ้ ไดเ้ ปรียบสาํ คญั ของ TVEs ไดแ้ ก่ การเป็นธุรกิจท่ีอุดหนุนโดยรัฐบาลทอ้ งถ่ิน เช่น กิจการ TVEs เหล่าน้ี ไม่ตอ้ งจ่ายสิทธิในการใชท้ ่ีดิน เน่ืองจากเป็นกิจการของรัฐบาลทอ้ งถ่ินเอง2 นอกจากน้ี ผลจากการแข่งขนั ระหว่าง TVEs ในแต่ละทอ้ งถิ่น/มณฑล ไดน้ าํ ไปสู่การพฒั นาและ ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และมีการขยายตวั ของ TVEs ในเมือง/มณฑลต่างๆ ทาํ ให้การพฒั นา อุตสาหกรรมการผลิตของจีน โดยเฉพาะการผลิตสินคา้ ที่ใชแ้ รงงานเขม้ ขน้ ของกิจการ TVEs เหล่าน้ี ส่วน หน่ึงเติบโตได้ เน่ืองจากไดร้ ับการช่วยเหลือจากรัฐบาลทอ้ งถ่ินซ่ึงเป็ นเจา้ ของ TVEs เหล่าน้นั จนสามารถ เกิดการประหยดั ต่อขนาด (Economies of Scales) และขยายการผลิตจนสามารถส่งออกไปตลาด ต่างประเทศ จุดเด่นของการจดั องคก์ รธุรกิจแบบ TVEs ในจีน คือการช่วยสร้างแรงจูงใจและช่วยปรับปรุง ประสิทธิภาพในการผลิต ของ TVEs ในช่วงแรกของการเปล่ียนผา่ นนาํ กลไกตลาดมาใช้ ซ่ึงภายใตบ้ ริบทใน ขณะน้นั ประเทศจีนยงั ไม่มีระบบอิงกฎหมาย (Rules of the Game) ท่ีสมบูรณ์แบบ และเป็นช่วงที่จีนยงั คง ขาดความชดั เจนในระบบกรรมสิทธ์ิ (Well-defined Property Rights) นอกจากน้ี การถือหุน้ โดยรัฐบาลทอ้ งถิ่นในวิสาหกิจ TVEs ช่วยสร้างรายรับใหก้ บั รัฐบาลเหล่าน้นั โดยไม่ตอ้ งพ่ึงพารัฐบาลกลางมากนกั จึงเป็ นการกระจายอาํ นาจจากส่วนกลางในดา้ นการบริหารจดั การท่ี เรียกวา่ Decentralization 2 ดว้ ยระบบการปกครองประเทศแบบคอมมิวนิสตข์ องจีน ในหลกั การแลว้ ที่ดินในประเทศจีนจะเป็นของประชาชนทุกคน โดยมีรัฐบาลเป็นผดู้ แู ลให้ ดงั น้นั เอกชนหรือปัจเจกบุคคลในจีนจะไม่สามารถมีกรรมสิทธิครอบครองท่ีดินส่วนบุคคล แต่ สามารถจะขอสิทธิในการใชท้ ี่ดิน โดยการจ่าย “ค่าเช่าสิทธิในการใชท้ ี่ดิน” ใหแ้ ก่รัฐบาลจีน ซ่ึงจะมีระยะเวลาการทาํ สัญญา ประมาณ 15-50 ปี ข้ึนอยกู่ บั วตั ถุประสงคใ์ นการใชท้ ่ีดินน้นั ๆ 9
โดยสรุป ผลการปฏิรูปและเปิ ดกวา้ งทางเศรษฐกิจ ทาํ ใหม้ ีการขยายตวั ทางเศรษฐกิจอยา่ งต่อเน่ือง สาํ หรับอตั ราการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนในช่วง 10 ปี ล่าสุด มีดงั น้ี ตารางท่ี 2-2 อตั ราการเติบโตทางเศรษฐกจิ ของจีน ระหว่างปี 2003 – 2013 ช่วงเวลา อตั รา (ร้อยละ) ปี 2003 10.0 ปี 2004 10.1 ปี 2005 9.9 ปี 2006 10.4 ปี 2007 13.0 ปี 2008 9.0 ปี 2009 8.7 ปี 2010 10.4 ปี 2011 9.2 ปี 2012 7.8 ปี 2013 7.7 ท่ีมา : China Statistical Yearbook 10
เคร่ืองชี้วดั เศรษฐกจิ จีน : ดัชนีเค่อเฉียง (Keqiang Index) ในขณะน้ี แวดวงนกั วชิ าการต่างๆ ไดใ้ หค้ วามสนใจเคร่ืองช้ีวดั เศรษฐกิจแนวทางใหม่ท่ีริเร่ิมโดย นายกรัฐมนตรีของจีน นายหลี่ เคอ่ เฉียง ซ่ึงเร่ิมเขา้ มาเป็นนายกรัฐมนตรีของจีนในเดือนมีนาคม 2013 และ เป็นนายกฐั มนตรีของจีนคนแรกท่ีสาํ เร็จการศึกษาท้งั ระดบั ปริญญาตรี โทและเอกทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ โดยไดร้ ิเริ่มกล่าวถึงเคร่ืองช้ีวดั เศรษฐกิจแนวทางใหม่ จนถกู เรียกวา่ เป็น “ดัชนีเค่อเฉียง” (Keqiang Index) นิตยสาร The Economist ไดเ้ ริ่มใชค้ าํ วา่ “ดชั นีเค่อเฉียง” มาต้งั แต่ปี 2010 เพอื่ ใชป้ ระเมินช้ีวดั การ เติบโตทางเศรษฐกิจของจีน โดยนายหล่ี เคอ่ เฉียง ไดร้ ิเร่ิมพดู ถึงตวั ช้ีวดั เศรษฐกิจใหมน่ ้ีเป็นคร้ังแรกในปี 2007 เม่ือคร้ังที่ดาํ รงตาํ แหน่งเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสตข์ องมณฑลเหลียวหนิง และเคร่ืองมือน้ีถกู นาํ มาใชป้ ระเมินช้ีวดั อตั ราการเติบโตทางเศรษฐกิจของมณฑลเหลียวหนิง ภายใตก้ ารบริหารของนายหล่ี เค่อเฉียงในสมยั น้นั เอกสารของวกิ ิลีกส์ เปิ ดเผยวา่ มีคนเคยไดย้ นิ คาํ กล่าวจากปากของนายหล่ี เค่อ เฉียงพดู กบั ทูต สหรัฐฯ วา่ “ตวั เลข GDP ของเหลียวหนิงเชื่อถือไม่ได้ เป็นตัวเลข man-made ป้ันขึน้ มา” ตวั เขาเองจึง จาํ เป็นตอ้ งหนั ไปใชด้ ชั นีอ่ืนในการประเมินขอ้ มูลเศรษฐกิจเหลียวหนิง โดยดูจากตวั ช้ีวดั สาํ คญั 3 ดา้ น รวมกนั คือ (1) ปริมาณของสินคา้ ขนส่งผา่ นทางรถไฟ (2) การบริโภคกระแสไฟฟ้ า และ (3) ปริมาณ สินเชื่อรวมของธนาคาร โดยเฉพาะตวั ช้ีวดั เกี่ยวกบั ปริมาณของสินคา้ ขนส่งผา่ นทางรถไฟ มีความน่าสนใจ เน่ืองจากการ ขนส่งทางรถไฟเป็นรูปแบบการขนส่งหลกั ในแผน่ ดินจีนซ่ึงมีโครงขา่ ยเสน้ ทางรถไฟมากกวา่ 98,000 กิโลเมตร มากเป็นอนั ดบั 3 ของโลก ยง่ิ กวา่ น้นั จีนมีปริมาณขนส่งสินคา้ ทางรถไฟมากที่สุดเป็นอนั ดบั ท่ี 1 ของโลกดว้ ย ท่ีผา่ นมา กระทรวงรถไฟเดิมของจีนเป็นผผู้ กู ขาดในการขนส่งสินคา้ ทางรถไฟในจีน ก่อนที่จะถูก ปรับยบุ กระทรวงรถไฟ โดยดึงงานบางส่วนไปไวท้ ่ีกระทรวงคมนาคมจีน และงานส่วนใหญ่ไปไวก้ บั หน่วยงาน China Railway Corporation ซ่ึงเพ่ิงจะต้งั ข้ึนมาใหม่ในสมยั ของรัฐบาลนายหล่ีเคอ่ เฉียง ในภาพรวม “ดชั นีเคอ่ เฉียง” มีจุดเด่นหลายดา้ น โดยเฉพาะในแง่ของความถกู ตอ้ งของขอ้ มลู และ สอดคลอ้ งกบั สภาพความเป็นจริงในจีนมากกวา่ วิธีการแบบเดิม จึงสามารถสะทอ้ นภาพการเติบโตทาง 11
เศรษฐกิจของจีนไดด้ ีกวา่ วธิ ีการด้งั เดิมที่ทางการจีนเคยใชม้ านาน ที่สาํ คญั ตวั ชี้วดั ใหม่นีจ้ ะไม่ถูกบดิ เบอื น โดยรัฐบาลท้องถน่ิ จนี ซ่ึงมกั จะชอบป้ันตวั เลขทางเศรษฐกจิ จนสวยงามเกนิ จริง นิตยสาร The Econonomist เคยลองเกบ็ ขอ้ มลู ตามแนวทาง “ดชั นีเคอ่ เฉียง” ดว้ ยตวั ช้ีวดั 3 ดา้ น ดงั กล่าว พบวา่ แมว้ า่ ดชั น้ีใหม่น้ีจะสะทอ้ นการมีพลวตั รของเศรษฐกิจจีนไดไ้ ม่แตกต่างกบั ดชั นีแบบเดิม แต่ กส็ ามารถช้ีใหเ้ ห็นภาวะการผนั ผวนของเศรษฐกิจไดช้ ดั เจนกวา่ โดยเฉพาะในช่วงปลายปี 2008 และตน้ ปี 2009 มีการหดตวั ของการปริมาณสินคา้ ท่ีขนส่งผา่ นทางรถไฟ และการลดลงของคา่ ใชจ้ ่ายบริโภค กระแสไฟฟ้ าอยา่ งชดั เจน สะทอ้ นวา่ เศรษฐกิจจีนถกู กระทบอยา่ งรุนแรงจากวกิ ฤตเศรษฐกิจโลก มากกวา่ ที่ เห็นจากตวั เลขในรายงานของทางการจีนท่ีใชก้ ารประเมินดว้ ยดชั นีแบบเดิม นอกจากน้ี ตวั เลขในปี 2009 ยงั สามารถสะทอ้ นใหเ้ ห็นการฟ้ื นตวั ไดอ้ ยา่ งชดั เจนกวา่ ดชั นีของ ทางการ โดยวดั ดูจากปริมาณสินเช่ือรวมของธนาคารในจีนที่เพ่มิ ข้ึนมากและรวดเร็ว เป็นตน้ ในอีกแง่หน่ึง “ดชั นีเคอ่ เฉียง” ไดช้ ่วยยนื ยนั ในส่ิงท่ีมีคนสงสยั และต้งั คาํ ถามเก่ียวกบั ความ น่าเชื่อถือของตวั เลขสถิติท่ีรายงานโดยทางการจีน เพราะอยา่ งนอ้ ยผู้บริหารคุมทศิ ทางเศรษฐกจิ จนี เองกย็ งั ไม่เช่ือใจในตวั เลขทร่ี ายงานโดยบรรดาหน่วยงานราชการจีนท้งั หลายเช่นกนั ภาพที่ 2-1 ภาพแสดงอตั ราการเปลยี่ นแปลงของ GDP จีน ปี 2000 – 2010 ภาพแสดงอัตราเปลี่ยนแปลงของ GDP จีนในช่วงปี 2000-2010 โดยเปรียบเทียบระหว่างดัชนีแบบ ด้ังเดิมของทางการจีนและดชั นีเค่อเฉียง 12
อยา่ งไรกด็ ี ไดม้ ีการการวิเคราะห์วิพากษว์ จิ ารณ์“ดชั นีเค่อเฉียง” โดยนกั วชิ าการของประเทศต่างๆ มากข้ึน รวมท้งั การช้ีถึงจุดอ่อนของตวั ช้ีวดั แต่ละดา้ นของ “ดชั นีเค่อเฉียง”ตวั อยา่ งเช่น จุดอ่อนของขอ้ มูล “ค่าใชจ้ ่ายการบริโภคกระแสไฟฟ้ า” ที่อาจจะไม่สะทอ้ นความจริง เนื่องจาก รัฐบาลของมณฑลจีนหลายแห่งมกั จะนิยมใหเ้ งินอดุ หนุนหรือใหค้ วามช่วยเหลือกิจการภายในมณฑลของ ตนในช่วงขาดแคลนพลงั งานหรือเกิดวกิ ฤตพลงั งาน เพ่อื ใหส้ ามารถควบคุมการใชพ้ ลงั งานได้ แตก่ ลบั ทาํ ใหไ้ ม่สามารถเห็นภาพการบริโภคกระแสไฟฟ้ าในมณฑลจีนไดอ้ ยา่ งแทจ้ ริง ส่วนขอ้ มูล“ปริมาณของสินคา้ ท่ีขนส่งผา่ นทางรถไฟ” กม็ ีจุดอ่อนเช่นกนั มีผวู้ จิ ารณ์วา่ สินคา้ ที่ นิยมขนส่งทางรถไฟในจีนเป็นเพยี งสินคา้ ในภาคการผลิตราวร้อยละ 40 ของเศรษฐกิจจีนท้งั หมด ในกรณีขอ้ มลู “ปริมาณสินเชื่อรวมของธนาคาร” กเ็ ช่นกนั แมจ้ ะสามารถสะทอ้ นใหเ้ ห็นวา่ บริษทั จีนหรือโรงงานจีนไดใ้ ชเ้ งินสินเช่ือเพื่อไปลงทุนทางธุรกิจ แต่กอ็ าจจะมีบางส่วนของสินเชื่อจากภาค ธนาคารท่ีถูกใชไ้ ปในทางท่ีไม่เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจไดเ้ ช่นกนั โดยเฉพาะการกเู้ งินไปทาํ สารพดั โครงการอสงั หาริมทรัพยใ์ นเมืองต่างๆ จนเกิดอุปทานลน้ เกิน และกลายเป็นการสร้างเมืองร้าง ดว้ ยภาพ ตวั เลขทางเศรษฐกิจที่สูงเกินจริง เป็นตน้ อยา่ งไรกด็ ี แมจ้ ะมีจุดอ่อนอยบู่ า้ ง หากแต่“ดชั นีเค่อเฉียง” ยงั คงมีประโยชนแ์ ละเป็นอีกตวั ช้ีวดั ทาง เศรษฐกิจที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการนาํ มาใชเ้ ป็นอีกทางเลือกเพื่อประเมินการเติบโตของเศรษฐกิจจีน โดย การนาํ เคร่ืองมือทางเศรษฐกิจท่ีหลากหลายมาใชใ้ นการวเิ คราะห์ต่อไป II กลไกและระบบเศรษฐกจิ ปัจจุบนั ของจนี ตารางที่ 2-3 ดัชนีเศรษฐกจิ จีน ปี 2013 Major Economic Indicators 2013 Jan-Aug 2014 Value Growth (%) Value Growth (%) Area (sq km, mn) Population (mn) 9.6 9.6 Gross Domestic Product (RMB bn) Urban per Capita Disposable Income (RMB) 1,360.7 1,360.7 7.41 Rural per Capita Disposable Income (RMB) 56,884.5 7.71 26,904.44 7.71 Fixed Assets Investment (RMB bn) 7.01 14,9594 9.81 26,955 9.31 5,3964 Added Value of Industrial Output 8,896 Consumer Goods Retail Sales (RMB bn) 43,652.8 19.6 30,578.6 16.5 Consumer Price Index 23,438.0 9.71 8.51 13.1 16,610.8 12.1 2.6 2.2 13
Major Economic Indicators 2013 Jan-Aug 2014 Value Growth (%) Value Growth (%) Exports (US$ bn) 2,210.0 7.9 1,483.4 3.8 Import (US$ bn) 1,950.3 7.3 1,282.9 0.6 Trade Surplus (US$ bn) 259.7 200.5 Utilized Foreign Direct Investment (US$ bn) 117.6 5.3 71.11 -0.4 Foreign Currency Reserves (US$ bn) 3,821.30 15.4 3,990.06 14.1 ที่มา: The National Bureau of Statistics, Ministry of Commerce, and General Administration of Customs. Note: 1 Real growth 2 Urban investments in fixed assests 3 All state-owned and other types of enterprises with annual sales over RMB 20 million 4 Jan-Jun 2014 5 Jan-Jul 2014 6 As of Jan 2014 ระบบเศรษฐกิจจีนมีลกั ษณะเฉพาะที่เป็นเอกลกั ษณ์ของจีนเอง \"Socialist Market Economy with Chinese Characteristics\" หรือ “เศรษฐกิจกลไกตลาดแบบจีน” มีท้งั ความเหมือนและความแตกตา่ งจาก ระบบเศรษฐกิจกลไกตลาดโดยทวั่ ไป นกั วิชาการต่างๆ ไดห้ นั มาใหค้ วามสาํ คญั ในการศึกษารูปแบบการ พฒั นาเศรษฐกิจจีนท่ีมีลกั ษณะเฉพาะ จนมีคาํ เรียกวา่ “โมเดลจีน” (China Model) รวมท้งั มีความพยายามท่ี จะเสนอเป็นแนวทางเลือกในการพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศในลกั ษณะท่ีแตกต่างจากฉนั ทามติวอชิงตนั (Washington Consensus) โดยมีการบญั ญตั ิคาํ วา่ ฉนั ทามติปักก่ิง (Beijing Consensus)3 เพ่อื ใชเ้ ป็นอีกแนว ทางเลือกในการพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ประเทศจีนมีการขบั เคล่ือนเศรษฐกิจโดยอิงกบั แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คม โดยไดเ้ ริ่มใช้ แผนพฒั นาฯ ฉบบั แรกต้งั แต่ปี 1953 ซ่ึงในยคุ น้นั เนน้ การพฒั นาประเทศดว้ ยระบบการวางแผนจาก ส่วนกลางตามแบบของอดีตสหภาพโซเวยี ต ท้งั น้ี เม่ือเวลาผา่ นไป และสภาพแวดลอ้ มและบริบททาง เศรษฐกิจและสงั คมของประเทศเปล่ียนไป รูปแบบและจุดเนน้ ของแผนพฒั นาฯ ในแต่ละฉบบั ก็ เปลี่ยนแปลงตามไปดว้ ย สาํ หรับแผนพฒั นาฯ ฉบบั ล่าสุด ไดแ้ ก่ แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ที่ 12 (2011-2015) 3 โจชวั คูเปอร์ ราโม (Joshua Cooper Ramo) เป็นผเู้ ร่ิมใชค้ าํ ศพั ท์ “ฉนั ทามติปักกิ่ง” ในวงวชิ าการอยา่ งเป็นทางการข้ึนเป็นคร้ังแรกปี 2004 14
แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาตขิ องจีน สาระสาํ คญั ของการพฒั นาประเทศของจีนตามแนวทางในแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ของจีน สามารถแบ่งแผนพฒั นาฯ ออกเป็น 2 ช่วง คือ ก่อนและหลงั มีการปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิ ดประเทศ ดงั น้ี ก. แผนพฒั นาฯ: ช่วงก่อนเปิ ดประเทศและปฏริ ูปเศรษฐกจิ 1953-1978 ไดแ้ ก่ (1) แผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 1 (1953-1956): เพิม่ อตั ราเร็วใหแ้ ก่อุตสาหกรรม ไล่ใหท้ นั องั กฤษและ สหรัฐอเมริกา (2) แผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 2 (1958-1962): กา้ วกระโดดใหญ่ (3) แผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 3 (1966-1970): เตรียมรับมือภยั อดอยาก (4) แผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 4 (1971-1975): เสียศนู ยร์ ุนแรง ปรับยทุ ธศาสตร์ ข. แผนพฒั นาฯ: ช่วงหลงั เปิ ดประเทศและปฏริ ูปเศรษฐกจิ 1978-ปัจจุบัน ไดแ้ ก่ (5) แผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 5 (1976-1980): ปรับเปลี่ยน จดั ระเบียบใหม่ ปฏิรูป ยกระดบั โดยเฉพาะช่วงหลงั เปิ ดการประชุมคณะกรรมการกลางเตม็ คณะ คร้ังท่ี 3 สมยั ที่ 11 ของพรรคฯ ใน เดือนธนั วาคม 1978 ซ่ึงเป็นการประกาศนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิ ดประเทศจีน (ก่ายเก๋อ ไคฟ่ าง) อยา่ ง จริงจงั นบั ต้งั แต่น้นั มา (6) แผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 6 (1981-1985): เดินไปสู่การเปิ ดประเทศ ปฏิรูป โดยเพ่ิมเน้ือหาการพฒั นา สงั คม และปรับช่ือแผนพฒั นาฯ ของประเทศจีน เป็น “แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ” จากเดิมท่ี เคยเนน้ เพยี งแผนพฒั นาเศรษฐกิจเท่าน้นั (7) แผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 7 (1986-1990): ระบบเศรษฐกิจใหม่ในระบบสงั คมนิยมที่มีเอกลกั ษณ์จีน (8) แผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 8 (1991-1995): เปิ ดประเทศ ปฏิรูปรอบใหม่ โดยเติ้ง เสี่ยวผงิ สาํ รวจภาคใต้ และประกาศระบบเศรษฐกิจจีนที่เรียกวา่ \"Socialist Market Economy with Chinese Characteristics\" 15
(9) แผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 9 (1996-2000): การปรับคุมเศรษฐกิจมหภาค ระบบเศรษฐกิจกลไก การตลาดท่ีมีเอกลกั ษณ์ของจีน (10) แผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 10 (2001-2005): แผนพฒั นาแบบออกคาํ สง่ั ถอยฉาก ใชก้ ารตลาดจดั สรร ทรัพยากร เร่ิมใหค้ วามสนใจลดช่องวา่ งทางรายได้ มุ่งเนน้ พฒั นาภาคตะวนั ตก นโยบาย Xibu Da Kaifa (11) แผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 11 (2006-2010): สร้างใหจ้ ีนเป็นสงั คมกลมกลืนปรองดอง และเนน้ การ พฒั นาอยา่ งเป็นวิทยาศาสตร์ ประกาศแกไ้ ขปัญหา “สามเกษตร” (San Nong) (12) แผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 12 (2011-2015) : เนน้ ขยายเศรษฐกิจภายในประเทศ ลดการพ่ึงพาตลาด ต่างประเทศ และเนน้ การพฒั นาที่เป็นมิตรกบั สิ่งแวดลอ้ มและพฒั นานวตั กรรม เทคโนโลยใี หม่ สาํ หรับแผนพฒั นาฯ ล่าสุด ฉบบั ท่ี 12 (2011-2015) ของจีน รัฐบาลจีนไดห้ นั มาเนน้ “เศรษฐกจิ ภายในประเทศ” ของจีนเอง จากเดิมที่มีการพ่ึงพาภาคการคา้ การลงทุนกบั ต่างประเทศมานานร่วม 30 กวา่ ปี ในดา้ นการคา้ ระหวา่ ง จะหนั มามุ่งเนน้ ส่งเสริมการส่งออกสินคา้ คุณภาพ และการพฒั นาตราสินคา้ ของจีน เองเป็นสาํ คญั จะไมใ่ ช่เป็นเพยี งการผลิตเชิงปริมาณหรือใชเ้ พียงแรงงานเขม้ ขน้ ในการผลิตเหมือนที่ผา่ นมา นอกจากน้ี ยงั ตอ้ งการเน้นพฒั นาเทคโนโลยแี ละมุ่งเป็ นมติ รกบั ส่ิงแวดล้อม โดยเฉพาะการประกาศ ส่งเสริม 7อุตสาหกรรมยทุ ธศาสตร์ใหม่ภายใตแ้ ผนพฒั นาฯ ฉบบั น้ี ไดแ้ ก่ (1) อุตสาหกรรมประหยดั พลงั งาน เป็นมิตรกบั สิ่งแวดลอ้ ม (Energy Saving and Environmental Protection) (2) อุตสาหกรรมสารสนเทศรุ่นใหม่ (Next Generation Information Technology) (3) อุตสาหกรรมเทคโนโลยชี ีวภาพ (Biotechnology) (4) อุตสาหกรรมการผลิตช้นั สูง (High-end Manufacturing) เช่น การบิน รถไฟความเร็วสูง (5) อุตสาหกรรมพลงั งานใหม่ (New Energy) เช่น นิวเคลียร์ แสงอาทิตย์ พลงั ลม ชีวมวล (6) อุตสาหกรรมวสั ดุใหม่ (New Materials) (7) อุตสาหกรรมยานยนตพ์ ลงั งานสะอาด (Clean Energy Vehicles ) 16
นอกจากน้ี ภายใตแ้ ผนพฒั นาฉบบั 12 น้ี ยงั ไดเ้ น้นพฒั นา “ภาคบริการ” ให้มากขนึ้ โดยต้งั เป้ าท่ีจะ ใหภ้ าคการคา้ บริการของจีนมีมูลค่ามากติดหน่ึงในสามของโลกใหไ้ ดภ้ ายใน 5 ปี จากน้ี รวมท้งั เป้ าหมายท่ี จะสร้างมลู ค่าเพมิ่ ของภาคบริการใหม้ ีสดั ส่วนราวร้อยละ 47 ของGDPจีนภายในปี 2015 ตารางที่ 2-4 เป้ าหมายตามแผนพฒั นาฯ ฉบับ 12 ของจนี (2011-2015) ดชั นี 2010 2015 เป้ าหมาย เปลย่ี นแปลง % GDP (ลา้ นลา้ นหยวน) 39.8 55.8 7 สดั ส่วนของมลู ค่าเพิม่ ภาคบริการต่อGDP 43 47 4 อตั ราความเป็นเมือง 47.5 51.5 รายไดข้ องคนในเมือง 19,109 มากกวา่ มากกวา่ 7 26,810 รายไดข้ องคนในเมือง 19,109 มากกวา่ มากกวา่ 7 26,810 รายไดข้ องคนในชนบท 5,919 มากกวา่ มากกวา่ 7 8,310 อตั ราการวา่ งงานท่ีข้ึนทะเบียนไว้ 4.1 5 เพ่ิมการจา้ งงาน (หม่ืนคน) 4,500 เขา้ โครงการประกนั เบ้ียยงั ชีพแก่ชรา (ร้อยลา้ นคน) 2.57 3.57 1 เขา้ โครงการประกนั สุขภาพ 3 17
ดชั นี 2010 2015 เป้ าหมาย เปลยี่ นแปลง % บา้ นเอ้ืออาทร (หม่ืนชุด) ประชากร ( หม่ืนคน) 3,600 134,100 139,000 นอ้ ยกวา่ 0.72 อายคุ นโดยเฉล่ีย 73.5 74.5 1 วทิ ยาศาสตร์ การศึกษา 2010 2015 เปลยี่ นแปลง % อตั ราส่วนสาํ เร็จการศึกษาภาคบงั คบั 9 ปี 89.7 93 3.3 อตั ราส่วนการเขา้ เรียนในมธั ยมตอนปลาย 82.5 87 4.5 สดั ส่วนของงบ R&D ต่อGDP 1.75 2.2 0.45 สิทธิบตั ร / หมื่นคน 1.7 3.3 1.6 ทรัพยากร สิ่งแวดล้อม 2010 2015 % 0 พ้นื ท่ีเพาะปลกู (ร้อยลา้ นหม่)ู 18.18 18.18 30 3.1 ลดการใชน้ ้าํ ตอ่ มลู ค่าเพ่ิมของอุตสาหกรรมการผลิต สดั ส่วนของพลงั งานที่มิใช่ Fossil ต่อการใชพ้ ลงั งาน 8.3 11.4 อตั ราส่วนลดของการใชพ้ ลงั งานต่อGDPแต่ละหน่วย 16 การลด CO2 17 สดั ส่วนพ้นื ท่ีป่ า 20.36 21.66 1.3 ที่มา : รวบรวมโดย อกั ษรศรี พานิชสาส์น 18
ท้งั น้ี การมุ่งพฒั นาสาขาบริการของจีน นบั เป็นประเดน็ ทา้ ทาย เพราะที่ผา่ นมา แมจ้ ีนจะมีจุดแขง็ ใน ดา้ นการคา้ สินคา้ แต่สาํ หรับภาคบริการกลบั เป็นจุดดอ้ ยที่สาํ คญั ของจีน ดงั น้นั การมุ่งเป้ าเพ่อื พฒั นาภาค บริการ จึงเป็นเร่ืองใหม่ ตวั อยา่ งเช่น แผนพฒั นาฯ ฉบบั 12 ระบุวา่ จีนจะเนน้ การพฒั นาเพือ่ การ ส่งออก “บริการใหม่” (New Services) เช่น วฒั นธรรม แพทยจ์ ีนแผนโบราณ ซอฟตแ์ วร์และสารสนเทศ โล จิสติกส์เพ่อื การพาณิชย์ และการประกนั ทางการเงิน รวมไปถึงสาขาบริการด้งั เดิม เช่น การท่องเท่ียว การ ขนส่ง และบริการแรงงาน เป็น การผลกั ดนั บทบาทเงินหยวน รัฐบาลจีนพยายามท่ีจะผลกั ดันให้มีการใช้เงินหยวนในการชาํ ระเงินระหว่างประเทศมากข้ึน สาํ หรับรูปแบบในการผลกั ดนั RMB Internationalization เช่น การเร่งพฒั นาตลาดซ้ือขายเงินหยวนใน ต่างประเทศ (offshore) ได้แก่ ฮ่องกง สิงคโปร์ และลอนดอน รวมท้งั การพฒั นาตลาดเงินหยวน ภายในประเทศจีน (onshore) ควบคู่ไปดว้ ย เช่น การผลกั ดนั ใหม้ หานครเซ่ียงไฮเ้ ป็นศนู ยก์ ลางเงินหยวนของ โลก ศูนยก์ ลางการ trade เงินหยวน ออกผลิตภณั ฑเ์ งินหยวนใหม่ๆ ศูนยก์ ลางการกาํ หนดอตั ราแลกเปลี่ยน เงินหยวน และศูนยก์ ลางการชาํ ระเงินหยวนของโลก จะเพ่ิมธุรกรรมการชาํ ระเงินหยวนเพื่อการคา้ ให้มี สัดส่วนสูงข้ึน พร้อมสนบั สนุนการลงทุนดว้ ยเงินสกุลหยวนเพ่ิมข้ึน เร่งอาํ นวยความสะดวกการเคลื่อนยา้ ย เงินทุน และส่งเสริมการปฏิรูประบบอตั ราแลกเปล่ียนมากข้ึน พร้อมกบั การลงนาม Swap Currency Agreement กบั ธนาคารประเทต่างๆ ทวั่ โลก โดยในกลุ่มอาเซียนมี 4 ประเทศ คือ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย นอกจากน้ี ไดม้ ีการผลกั ดนั ใหส้ าขาธนาคารพาณิชยข์ องจีนท่ีอยใู่ นต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง ไตห้ วนั สิงคโปร์ ทาํ หนา้ ที่ RMB Clearing Operation เพื่อส่งเสริมการคา้ และการลงทุนดว้ ยเงินหยวน และการจดั ต้งั RMB Clearing Bank ในประเทศต่างๆ ทวั่ โลก ดว้ ยความพยายามดงั กล่าวของทางการจีนทาํ ใหม้ ีการหนั มาใชเ้ งินหยวนมากข้ึน จากสถิติในช่วงตน้ ปี 2012 การใชเ้ งินหยวนมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 0.3 ของการชาํ ระเงินทวั่ โลก หรืออนั ดบั ท่ี 20 ของสกุลเงินท่ี ใชช้ าํ ระกนั ต่อมา ในปี 2013 ไดม้ ีการใชเ้ งินหยวนมากข้ึน โดยเพิม่ ข้ึนเป็นร้อยละ 0.8 หรืออนั ดบั ที่ 13 ของ สกุลเงินทว่ั โลก ประเทศต่างๆ เริ่มนิยมใชเ้ งินหยวนกนั มากข้ึน ในเอเชียมีการใชเ้ งินหยวนในหลายประเทศ เช่น ฮ่องกง มาเก๊า ไตห้ วนั เกาหลี ญ่ีป่ ุน สิงคโปร์ มาเลเซีย เป็นตน้ 19
ตามสถิติการชาํ ระเงินผา่ น The Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication (SWIFT) รายงานวา่ ฮ่องกงมีการใชเ้ งินหยวนมากที่สุด ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2013 มีเงินฝากสกุลหยวน ในฮ่องกง (สะสม) 698.5 พนั ลา้ นหยวน และมีการชาํ ระเงินหยวน (สะสม) 6,342.6 พนั ลา้ นหยวน โดยใน เดือนมิถุนายน 2013 มีสดั ส่วนการชาํ ระเงินหยวนระหวา่ งฮ่องกงกบั จีนมากถึงร้อยละ 80 ของการคา้ ระหว่าง กนั ในขณะที่ ในยุโรปมีการใช้เงินหยวนมากในเยอรมนี (อันดับ 8 ของโลก) เดือนเมษายน - พฤษภาคม 2013 เยอรมนีชาํ ระเงินหยวนเพิ่มข้ึนจากระยะเดียวกนั ปี ก่อนถึงร้อยละ 71 การชาํ ระเงินหยวน ท้งั หมดระหว่างเยอรมนีกบั จีนและฮ่องกง โดยในเดือนพฤษภาคมคิดเป็ นสัดส่วนถึงร้อยละ 8.2 ของการคา้ ระหว่างกนั เพ่ิมข้ึนจากเดือนเมษายนที่มีสัดส่วนร้อยละ 4.8 และเพิ่มข้ึนมากหากเทียบกบั เดือนเดียวกนั ปี ก่อนท่ีมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 2.4 ปัจจุบนั จีนทาํ การคา้ กบั เยอรมนีมากถึง 1 ใน 3 ของการคา้ กบั ประเทศใน กลุ่มยโู ร นอกจากน้ียงั มีการใชเ้ งินหยวนมากในฝร่ังเศส อิตาลี และรัสเซีย สําหรับการทําธุรกรรมเงินหยวน จากสถิติปี 2009 จีนเริ่มชําระธุรกรรมเป็ นเงินหยวนกับ ต่างประเทศเพียง 3.6 พนั ลา้ นหยวน ปี 2012 ขยายตวั เพิ่มข้ึนจากปี ก่อนถึงร้อยละ 41.3 เป็ น 2,940 พนั ลา้ น หยวน และในช่วง 5 เดือนแรก ปี 2013 ยง่ิ ขยายตวั สูงมาก ถึงร้อยละ 70.8 เป็น 1,695.2 พนั ลา้ นหยวน ณ สิ้น เดือนพฤษภาคม 2013 จีนชาํ ระเงินหยวนเพ่ือการคา้ บริการ และการลงทุนกบั ประเทศต่างๆ (สะสม) แลว้ 12,297.4 พนั ลา้ นหยวน นอกจากน้ีเฉพาะการชาํ ระเงินหยวนเพื่อการคา้ ระหว่างจีนกับต่างประเทศยงั ขยายตวั สูงมาก โดยในช่วงตน้ ปี 2012 มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 7.4 เดือนพฤษภาคม 2013 ขยายตวั เป็นร้อยละ 16.9 ปัจจุบนั ผปู้ ระกอบการในประเทศคู่คา้ ของจีน เร่ิมเปล่ียนมาชาํ ระเงินสกุลหยวนกบั ผปู้ ระกอบการจีน เพิ่มข้ึน ท้งั น้ี จากการรวบรวมขอ้ มูลของธนาคารกลางจีนพบว่า มีการเปิ ดให้บริการทาํ ธุรกรรมเงินหยวน แลว้ 181 ประเทศ/พ้นื ท่ี จาก 263 ประเทศ/พ้ืนท่ี ทว่ั โลก III เศรษฐกจิ ระหว่างประเทศของจนี จนถึงขณะน้ี เศรษฐกิจจีนไดม้ ีขนาดใหญ่เป็นอนั ดบั 2 ของโลกในแง่ GDP โดยมีการขยายตวั เติบโตทางเศรษฐกิจไดอ้ ยา่ งรวดเร็วภายในระยะเวลา 30 กวา่ ปี นบั จากปี ท่ีเริ่มปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิ ดติดต่อ กบั เศรษฐกิจโลกในปี 1979 จนทาํ ใหป้ ระเทศจีนกา้ วข้ึนมาเป็นตวั จกั รสาํ คญั ในการขบั เคล่ือนเศรษฐกิจโลก ท้งั ดา้ นการผลิต การบริโภค การลงทุน และการคา้ ระหวา่ งประเทศ ตลอดจนบทบาทต่างๆ ที่โดดเด่นของ จีนในเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย ท้งั หมดน้ีเป็นผลจากการเปิ ดประเทศเพือ่ ติดต่อกบั ตลาดโลก 20
มาต้งั แต่ปี 1979 จากเดิมที่รัฐบาลยคุ เหมาเจ๋อตงเคยปิ ดประเทศและแยกตวั (Isolation) จากการติดต่อคา้ ขายกบั โลกภายนอก เนน้ นโยบายการคา้ แบบพาณิชยนิยม (Merchantism) เปล่ียนมาเป็นการเนน้ การส่งออก (Export- Oriented) ในยคุ ปฏิรูปเศรษฐกิจนาํ โดยเติ้งเสี่ยวผงิ หลงั จากที่จีนไดเ้ ขา้ ร่วมเวทีการคา้ พหุภาคี (Multilateral Trading System : MTS) ภายใตก้ รอบองคก์ าร การคา้ โลก (World Trade Organization :WTO) ในปี 2001 บทบาทดา้ นการคา้ ระหวา่ งประเทศของจีนก็ยงิ่ โดด เด่นมากข้ึน เมื่อวนั ที่ 10 พฤศจิกายน2001 ประเทศสมาชิกของ WTO ท้งั หมดไดอ้ นุมตั ิขอ้ ตกลงเก่ียวกบั เง่ือนไขในการเขา้ ร่วม WTO ของประเทศจีนอยา่ งเป็นทางการ ในการประชุมระดบั รัฐมนตรีคร้ังท่ี 4 ของ WTO ที่จดั ข้ึนที่เมืองโดฮา ประเทศกาตาร์ และในวนั ถดั มาประเทศจีนไดล้ งนามในขอ้ ตกลงดงั กล่าวพร้อม ให้สัตยาบนั ต่อผอู้ าํ นวยการ WTO ทาํ ใหจ้ ีนเขา้ ร่วมเป็นสมาชิกลาํ ดบั ที่ 143 ของ WTO เมื่อวนั ที่ 11 ธนั วาคม 2001 สาํ หรับสถานะของจีนใน WTO คือ ประเทศกาํ ลงั พฒั นาท่ีมีสถานะ Non-Market Economy Status ซ่ึงรัฐบาลจีนไดย้ อมตกลงที่จะดาํ เนินการตามข้นั ตอนต่างๆ ในการการเปิ ดตลาดใหก้ บั บริษทั ต่างชาติและ สินคา้ นาํ เขา้ โดยมีผลบงั คบั ครอบคลุมทุกภาคสินคา้ และบริการดา้ นต่างๆ และจีนไดต้ กลงท่ีจะดาํ เนินการ เปลี่ยนแปลงท่ีสําคญั ของโครงสร้างระบบกฎหมาย โดยมีความมุ่งหมายในการเพ่ิมความโปร่งใสและการ คาดการณ์ในการดาํ เนินธุรกิจได้ จีนตอ้ งปฏิบตั ิตามขอ้ ผกู พนั กว่า 20 ขอ้ ตามขอ้ ตกลงพหุภาคีท่ีมีอย่ขู อง WTO ซ่ึงมีเน้ือหา ครอบคลุมการคา้ ทุกดา้ น ท้งั ในส่วนของหลกั การสําคญั ของ WTO ไดแ้ ก่ การประติบตั ิเย่ียงชาติที่ไดร้ ับ ความอนุเคราะห์ยงิ่ (Most-Favored Nation Treatment :MFN) การประติบตั ิเยี่ยงคนในชาติ (National Treatment :NT) ความโปร่งใส และขอ้ ผกู พนั ในเรื่องอื่นๆ เช่น สินคา้ เกษตร มาตรการดา้ นสุขอนามยั และ สุขอนามยั พืช (SPS) มาตรการดา้ นอุปสรรคทางเทคนิคต่อการคา้ (TBT) มาตรการการลงทุนท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การคา้ (TRIMs) กฎวา่ ดว้ ยแหล่งกาํ เนิดสินคา้ การออกใบอนุญาตนาํ เขา้ มาตรการต่อตา้ นการทุ่มตลาด (AD) มาตรการตอบโตก้ ารอุดหนุน (Countervailing Duty : CVD) ทรัพยส์ ินทางปัญญา (IP) และการคา้ บริการ (GATS) เป็นตน้ อยา่ งไรกด็ ี ในกระบวนการเปิ ดเสรีและปฏิบตั ิตามขอ้ ผกู พนั ของ WTO ไดเ้ ปิ ดช่องใหร้ ัฐบาล จีนไดม้ ีระยะเวลาในการปรับตวั เช่นกนั 21
ท้งั น้ี หากการเขา้ เป็นสมาชิก WTO ของจีนไดก้ ่อใหเ้ กิดผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและคนงานของ ประเทศสมาชิกเดิมของ WTO เช่น การไหลทะลกั เขา้ มาของสินคา้ จากจีน หรือการปฏิบตั ิทางการคา้ ท่ีไม่เป็น ธรรม องคก์ าร WTO ไดม้ ีกลไกบางประการที่ประเทศสมาชิกอ่ืน นาํ มาใชไ้ ด้ เช่น บทบญั ญตั ิเฉพาะของ มาตรการปกป้ องการนาํ เขา้ สินคา้ ท่ีอนุญาตให้ประเทศสมาชิกเดิมของ WTO สามารถควบคุมการนาํ เขา้ สินคา้ จากจีนที่เพ่ิมข้ึนอยา่ งมากจนส่งผลกระทบต่อตลาดภายในประเทศ (มีผลบงั คบั เป็นเวลา 12 ปี นบั จาก วนั ที่จีนไดเ้ ขา้ เป็นสมาชิก WTO) และยงั มีบทบญั ญตั ิเฉพาะเกี่ยวกบั การนาํ เขา้ สินคา้ ส่ิงทอ (มีผลบงั คบั เป็นเวลา 7 ปี ) และรวมถึงการยอมอนุญาตใหม้ ีการออกขอ้ ปฏิบตั ิพิเศษกรณีระบบเศรษฐกิจท่ีไม่ใช่ตลาด (non-market economy) ในการพิจารณากรณีพพิ าทการตอบโตก้ ารทุ่มตลาดกบั บริษทั ของจีน (มีผลเป็นเวลา 15 ปี ) เป็นตน้ ดว้ ยสถานะทางการคา้ ท่ีเรียกวา่ “สถานะเศรษฐกจิ ท่มี ิใช่ระบบตลาด” (Non-Market Economy) ตามมาตรา 15 ของพธิ ีสารเพอ่ื เขา้ เป็นสมาชิกองคก์ ารการคา้ โลก (WTO Protocol on Accession) จีนจะตอ้ ง ยอมใหม้ ีการประเมินผลการดาํ เนินการของรัฐบาลจีนเพ่ือใหส้ อดคลอ้ งกบั พนั ธกรณี WTO เป็นประจาํ ทุกปี และเป็นเวลานาน 8 ปี นบั ต้งั แต่จีนเขา้ เป็นสมาชิก WTO (ปี 200 1) โดยจะมีการประเมินผลข้นั สุดทา้ ยภายใน ปี ท่ี 10 ( ปี 2011) หลงั จากทีไดเ้ ขา้ เป็นสมาชิก WTO จีนไดเ้ ขา้ ไปเรียนรู้และมีส่วนร่วมกบั WTO มากข้ึน เช่น การส่ง ตวั แทนชาวจีนเขา้ ไปดาํ รงตาํ แหน่งสาํ คญั ในองคก์ าร WTO ดงั น้ี -ผปู้ ฏิบตั ิหนา้ ที่ในองคก์ รอุทธรณ์ (Appellate Body) คือ นาง Yuejiao Zhang ซ่ึงเริ่มปฏิบตั ิหนา้ ท่ี ต้งั แต่วนั ที่ 1 มิถุนายน 2008 โดยท่ีมีวาระดาํ รงตาํ แหน่ง 4 ปี โดยที่นาง Zhang เป็นศาสตราจารย์ ทางดา้ น กฎหมายที่มหาวทิ ยาลยั ซานตง และเป็นผตู้ ดั สินในอนุญาโตตุลาการของคณะกรรมการบงั คบั ใชก้ ฎหมาย การคา้ และเศรษฐกิจตา่ งประเทศของจีนและดาํ รงตาํ แหน่งรองประธานสมาคมกฎหมายการคา้ ระหวา่ ง ประเทศของจีน -ตาํ แหน่งประธานประธานคณะกรรมการอุปสรรคการคา้ ทางดา้ นเทคนิค (Committee on Technical Barriers to Trade) คือ นาย Xueyan GUO -ตาํ แหน่งประธานคณะทาํ งาน เกี่ยวกบั บรรษทั การคา้ (Working Party on State Trading Enterprises) คือ นาย Haitao ZHU 22
-ตาํ แหน่งประธานคณะทาํ งาน เก่ียวกบั การคา้ หน้ีสินและการเงิน (Working Group on Trade, Debt and Finance) คือ นาย Martin GLASS (จากฮ่องกง) บทบาทจีนในเวทรี ะหว่างประเทศ ในดา้ นการคา้ ระหวา่ งประเทศ ในขณะน้ี จีนเป็นประเทศผสู้ ่งออกอนั ดบั 1 ของโลก และในปี 2012 จีนไดแ้ ซงหนา้ สหรัฐฯ กลายมาเป็นประเทศที่มีมูลคา่ การคา้ รวมสูงท่ีสุดในโลก สาํ หรับบทบาทจีนในดา้ นการคา้ ระหวา่ งประเทศ นอกจากการเป็นสมาชิกที่เริ่มมีบทบาทนาํ ใน องคก์ ารการคา้ โลกแลว้ รัฐบาลจีนไดใ้ หค้ วามสนใจและเขา้ มาเกี่ยวขอ้ งกบั กระบวนการเจรจาจดั ทาํ ความตก ลงการคา้ เสรี (Free Trade Agreement :FTA) มากข้ึน ต้งั แต่ปี 2002 และจนถึงปัจจุบนั จีนไดล้ งนามในความตกลงการคา้ เสรีหลายฉบบั ดงั น้ี 1- ความตกลง Closer Economic Partnership Agreement (CEPA) กบั ฮ่องกง (29 มิถุนายน 2003) 2-ความตกลง Closer Economic Partnership Agreement (CEPA) กบั มาเก๊า (18 ตุลาคม 2003) 3-ความตกลงการคา้ เสรี ASEAN-China FTA : ACFTA กบั อาเซียน (29 พฤศจิกายน2004) 4- ความตกลงการคา้ เสรี China-Chile FTA กบั ชิลี (18 พฤศจิกายน2005) 5- ความตกลงการคา้ เสรี China-Pakistan FTA กบั ปากีสถาน (24 พฤศจิกายน 2006) 6-ความตกลงการคา้ เสรี China-New Zealand กบั นิวซีแลนด์ (1 ตุลาคม 2008) 7-ความตกลงการคา้ เสรี China-Singapore กบั สิงคโปร์ (23 ตุลาคม 2008) 8-ความตกลงการคา้ เสรี China-Peru กบั เปรู (28 เมษายน 2009) 9-ความตกลงการคา้ เสรี China-Costa Rica กบั คอสตราริกา (กมุ ภาพนั ธ์ 2010) 10-ความตกลงกรอบงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจ China-Taiwan ECFA (Economic Cooperation Framework Agreement) กบั ไตห้ วนั (มิถุนายน 2010) จะเห็นไดว้ า่ นอกเหนือจากฮ่องกงและมาเก๊า ซ่ึงเป็นส่วนหน่ึงของจีนในฐานะเขตบริหารพิเศษ (Special Administrative Region) แลว้ รัฐบาลจีนไดเ้ ริ่มกลยทุ ธ์ดา้ นการทาํ ความตกลงการคา้ เสรี FTA โดย 23
มุ่งเนน้ ไปที่ประเทศเพอื่ นบา้ นในเอเชีย โดยเฉพาะในกลุ่มอาเซียน ซ่ึงผนู้ าํ จีน คือ นายกรัฐมนตรีจหู รงจี ได้ เป็นผเู้ สนอใหม้ ีการจดั ทาํ ความตกลงการคา้ เสรีระหวา่ งจีนกบั ประเทศในกลุ่มอาเซียน (ASEAN-China FTA) โดยมีเหตุผลจูงใจท้งั ดา้ นภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจและการเมือง นอกเหนือจาก FTA ที่ไดล้ งนามไปแลว้ จีนยงั มีความตกลง FTA อีกจาํ นวนมากท่ีอยใู่ นข้นั ตอน การเจรจากบั ประเทศและภูมิภาคต่างๆ กวา่ 27 ประเทศ สาํ หรับความสมั พนั ธ์ทางการคา้ กบั ไทย หลงั จากท่ีไดม้ ีการเปิ ดตลาดและเปิ ดการคา้ เสรีระหวา่ ง ไทย-จีน และภายใตค้ วามตกลงการคา้ เสรีอาเซียน-จีน (ASEAN-China FTA :ACFTA) ส่งผลใหก้ ารลงทุน และการคา้ ระหวา่ งไทย-จีน ขยายตวั มากข้ึน นบั ต้งั แต่ปี 2010 จีนไดข้ ยบั ข้ึนเป็นตลาดส่งออกอนั ดบั ที่ 1 และต่อมา กไ็ ดก้ ลายเป็นแหล่งนาํ เขา้ อนั ดบั ท่ี 1 ของไทยเช่นกนั ท่ีผา่ นมา ดว้ ยความเช่ือมโยงของห่วงโซ่การผลิต การขยายตวั ของอุตสาหกรรมการผลิตเพอื่ การ ส่งออกของจีนไปยงั ตลาดโลก มีผลต่อเนื่องใหม้ ีความตอ้ งการสินคา้ ข้นั กลางจากไทยเพอื่ เขา้ ไปรองรับการ ผลิตเพือ่ การส่งออกของจีน เช่น เมด็ พลาสติก เป็นตน้ นอกจากน้ี ดว้ ยโครงสร้างอุตสาหกรรมการผลิตของจีนท่ีเปลี่ยนไปและเศรษฐกิจจีนที่เริ่มปรับตวั ดี ข้ึน ทาํ ใหส้ ินคา้ ส่งออกไทยไปจีนมีการกระจายตวั มากข้ึน เช่น เคมีภณั ฑ์ เมด็ พลาสติก ผลิตภณั ฑย์ าง รวมถึง สญั ญาณการขยายความเป็นเมือง (urbanization) ตามแนวทางการพฒั นาเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนชุดใหม่ช่วย ผลกั ดนั ความตอ้ งการในกลุ่มไมแ้ ละผลิตภณั ฑเ์ พอ่ื การก่อสร้างและผลิตเฟอร์นิเจอร์ และเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ า เติบโตไปพร้อมกนั สาํ หรับสินคา้ เกษตรที่ส่งออกไปจีนท่ีสาํ คญั เช่น ยางพารา ผลิตภณั ฑม์ นั สาํ ปะหลงั และ ผลไมเ้ มืองร้อน ในอนาคต การส่งออกของไทยไปยงั ตลาดจีนมีหลากหลายกลุ่มสินคา้ มากข้ึน ไม่เพยี งมีมูลค่าเพิม่ ข้ึนเท่าน้นั แต่ยงั มีบทบาทต่อสดั ส่วนการคา้ ในภาพรวมการส่งออกของไทยดว้ ยเช่นกนั ซ่ึงการกระจาย โครงสร้างกลุ่มสินคา้ ยงั ช่วยลดการกระจุกตวั พ่งึ พาสินคา้ บางกลุ่มและเสริมศกั ยภาพการส่งออกสินคา้ จาก ไทยไปยงั ตลาดจีนต่อไปในระยะยาวได้ การออกไปลงทุนในต่างประเทศของจนี (Outward FDI) ดา้ นการออกไปลงทุนในต่างประเทศ (Outward FDI) จีนไดก้ า้ วกระโดดข้ึนมาเป็นนกั ลงทุน ต่างชาติติดอนั ดบั ตน้ ของโลก จากรายงานกระทรวงพาณิชยจ์ ีน ในปี 2012 มีมูลค่าการลงทุนในต่างประเทศ 24
ของจีนโดย รวมอยรู่ าว 87,800 ลา้ นดอลลาร์ เพิม่ ข้ึนร้อยละ 17.6 ทาํ ใหจ้ ีนกลายเป็นประเทศผลู้ งทุนที่ใหญ่ เป็นอนั ดบั 3 ของโลก (รองจากสหรัฐฯ และญ่ีป่ ุน) โดยท่ีรัฐบาลจีนเพง่ิ จะปรับทิศทางมุ่งออกไปลงทุนในต่างประเทศในช่วงปลายของแผนพฒั นา เศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติฉบบั ท่ี 11 (2006-2010) โดยเฉพาะในปี 2000 รัฐบาลจีนไดม้ ี “นโยบายเดิน ออกไป” เพอื่ เนน้ การออกไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศของจีน (Go Global Strategy) และมีมาตรการ สนบั สนุนต่างๆ ทาํ ใหม้ ีการออกไปลงทุนโดยตรงในตา่ งประเทศของจีนขยายตวั อยา่ งรวดเร็ว จากรายงานของกระทรวงพาณิชยข์ องจีนและรายงานของ World Investment Report 2013 ในปี 2013 นกั ลงทุนของจีนไดอ้ อกไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศท้งั หมด 5,090 รายใน 156 ประเทศและ ภูมิภาคอ่ืนๆทว่ั โลก จากรายงานสถิติการออกไปลงทุนโดยตรงที่มิไดเ้ ก่ียวขอ้ งกบั ทางการเงิน (Non – Financial Direct Investment) เฉพาะในปี 2013 มีมูลคา่ 907,000 ลา้ นดอลลาร์ เพิม่ ข้ึนร้อยละ 16.8 จากปี ก่อนหนา้ ปัจจยั ที่จูงใจใหม้ ีการออกไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศของจีนมีหลายดา้ น ท้งั ปัจจยั ภายในและ ปัจจยั ภายนอกประเทศ ภาพท่ี 2-2 มูลค่าของการออกไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศของจนี ปี 2000– 2013 Millions of Dollars 120 000.0 101 000.0 100 000.0 87 804.0 74 654.0 80 000.0 68 811.0 60 000.0 56 530.0 55 910.0 40 000.0 21 160.206 510.0 20 000.0 6 885.4 2 854.7 12 261.2 - 915.8 2 518.4 5 498.0 2000 2001 2002 2003 2004 2005 2006 2007 2008 2009 2010 2011 2012 2013 YEARS ที่มา: UNCTAD ; http://unctad.org/en/pages/DIAE/World%20Investment%20Report/Annex-Tables.aspx 25
ประเทศเป้ าหมายการลงทุนของจีนส่วนใหญ่อยใู่ นทวีปเอเชีย เป้ าหมายการลงทุนของจีนเรียง ตามลาํ ดบั คือ ฮ่องกง เกาหลีใต้ มาเลเซีย เวยี ดนาม และลาว เป็นตน้ IV ปัญหาและจุดอ่อนการพฒั นาเศรษฐกจิ จนี แมว้ า่ แนวทางในการพฒั นาเศรษฐกิจของจีนท่ีผา่ นมาจะประสบความสาํ เร็จในแง่ของการขยายตวั ทางเศรษฐกิจอยา่ งรวดเร็วและต่อเนื่อง หากแต่ยงั คงมีจุดอ่อนของโครงสร้างและรูปแบบการพฒั นา เศรษฐกิจดงั กล่าว โดยเฉพาะจุดอ่อนของรูปแบบการพฒั นาท่ีมุ่งเนน้ การขยายตวั ทางเศรษฐกิจ (growth oriented) เป็นสาํ คญั และมีการแทรกแซงโดยภาครัฐบาลจีนในรูปแบบต่างๆ เช่น การกาํ หนดอตั ราดอกเบ้ีย ใหต้ ่าํ เพอ่ื กระตุน้ การขยายตวั ทางเศรษฐกิจ รวมท้งั การแทรกแซงอตั ราแลกเปลี่ยนเพอ่ื สนบั สนุนการส่งออก เป็นตน้ ดงั น้นั แมเ้ ศรษฐกิจจีนเติบโตอยา่ งกา้ วกระโดด แต่กส็ ร้างบางปัญหาตามมา ตวั อยา่ งเช่น -ปัญหาช่องวา่ งทางรายไดแ้ ละความไม่เท่าเทียมในสงั คม -ปัญหาการประเมินมูลคา่ ท่ีดินในเมือง และชนบทไม่เท่าเทียมกนั เน่ืองจากโครงสร้างที่มีอยใู่ น ปัจจุบนั ทาํ ใหร้ าคาที่ดินเส่ือมลง และทาํ ใหเ้ กิดความไม่เท่าเทียมกนั ในการจดั สรร -ปัญหารัฐวิสาหกิจ เช่น รัฐวสิ าหกิจหรือบริษทั ในเครือของรัฐยงั คงมีบทบาทหรือผกู ขาดใน กิจการสาํ คญั ของประเทศ เช่น รถไฟ น้าํ มนั และกา๊ ซธรรมชาติ และไฟฟ้ า -ปัญหาอ่ืนๆ เช่น การคอรัปชนั่ ปัญหาส่ิงแวดลอ้ ม ปัญหาช่องว่างทางรายได้ระหว่างมณฑลจนี จากขอ้ มูล IMF ปี 2013 เม่ือเปรียบเทียบกบั ประเทศต่างๆ ทว่ั โลก รายไดเ้ ฉลี่ยต่อคนต่อปี ของจีนติด อนั ดบั 83 ของโลก ดงั น้นั แมว้ า่ จีนจะมีขนาดเศรษฐกิจ ใหญ่ติดอนั ดบั 2 ของโลก แต่ความจริงกค็ อื ชาวจีน ส่วนใหญ่ยงั คงมีรายไดเ้ ฉลี่ยในระดบั ต่าํ 26
ตารางที่ 2-5 รายได้เฉลยี่ ต่อหัวต่อปี 5 อนั ดับแรก และ 5 อนั ดบั ร้ังท้ายของจีน (ปี 2013) อนั ดับ (จาก 31 มณฑล) มหานคร/มณฑล รายได้เฉลยี่ ต่อหัวต่อปี รายได้เฉลย่ี ต่อหัวต่อปี (หยวน) (ดอลลาร์สหรัฐ) 1 เทียนจิน 99,607 16,083 2 ปักกิ่ง 93,213 15,051 3 เซี่ยงไฮ้ 90,092 14,547 4 เจียงซู 74,607 12,047 5 เจอ้ เจียง 68,462 11,054 5 อนั ดับร้ังท้าย มหานคร/มณฑล รายได้เฉลย่ี ต่อหัวต่อปี รายได้เฉลยี่ ต่อหัวต่อปี (หยวน) (ดอลลาร์สหรัฐ) 27 กวางสี 30,588 4,939 28 ทิเบต 26,068 4,209 29 ยนู นาน 25,083 4,050 30 กานซู่ 24,297 3,923 31 กยุ้ โจว 22,922 3,701 ท่ีมา : IMF, 2014 27
นอกจากน้ี จีนยงั คงประสบกบั ปัญหาช่องวา่ งทางรายไดแ้ ละความเหลื่อมล้าํ ทางสงั คม สะทอ้ นจาก ระดบั รายไดเ้ ฉล่ียที่แตกต่างกนั ระหวา่ ง “มหานครเทียนจิน” ซ่ึงอยชู่ ายฝ่ังทะเลและมีรายไดเ้ ฉลี่ยต่อหวั ต่อปี สูงท่ีสุดในจีนถึง 16,083 ดอลลาร์ ในขณะที่ มณฑลจีนยากจนท่ีสุดของจีน คือ “กยุ้ โจว” ซ่ึงอยทู่ างจีน ตะวนั ตกตอนในและมีรายไดเ้ ฉล่ียต่อหวั ตอ่ ปี เพียง 3,701 ดอลลาร์ ผลกระทบทางลบที่เกิดจากปัญหาความแตกต่างและเหล่ือมล้าํ ทางรายไดใ้ นจีนเร่ิมปรากฏชดั เจนข้ึน เช่น การออกมาประทว้ งแสดงความไม่พอใจในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะแรงงานจีนจากมณฑลตอนในตอ้ ง อพยพโยกยา้ ยถ่ินไปทาํ งานกบั เจา้ ของโรงงานจีนตามมณฑลชายฝ่ัง และหลายคร้ังเกิดมีปัญหา กระทบกระทงั่ กนั จนถึงข้นั ประทว้ ง จนทางการจีนตอ้ งส่งตาํ รวจติดอาวธุ ออกมาปราบจลาจลยอ่ ยๆ เหล่าน้นั นอกจากน้ี ชาวจีนทวั่ ไปเริ่มมีกระแสความไม่พอใจและตอ้ งการประทว้ งเรียกร้องความเป็นธรรมมากข้ึน เช่น การเรียกร้องใหเ้ พ่ิมคา่ จา้ งแรงงานและสวสั ดิการต่างๆ พรรคคอมมิวนิสตจ์ ีนและผนู้ าํ จีนเร่ิมมีความกงั วลและพยายามที่จะแกป้ ัญหาน้ี โดยมติการประชุม ใหญ่พรรคคอมมิวนิสตจ์ ีนเม่ือปลายปี 2012 มีการต้งั เป้ าหมายวา่ ภายในปี 2020 จะตอ้ งทาํ ใหร้ ายไดเ้ ฉล่ีย ต่อหวั ต่อปี ของคนจีนเพม่ิ ข้ึนจากเดิมใหไ้ ดห้ น่ึงเท่าตวั สาเหตุหน่ึงท่ีทาํ ใหม้ ีความเหลื่อมล้าํ ทางรายไดร้ ะหวา่ งมณฑลชายฝั่งและมณฑลตอนในของจีนเกิด จากผลพวงของการปฏิรูปเศรษฐกิจในระยะแรกที่เนน้ เปิ ดโอกาสทางเศรษฐกิจใหแ้ ก่ภูมิภาคชายฝั่งก่อน เมื่อยอ้ นไปดูช่วงแรกของการเปิ ดประเทศและปฏิรูปเศรษฐกิจจีนหลงั ปี 1979 ที่เริ่มนาํ ระบบ เศรษฐกิจตลาด (ทุนนิยม) มาใชก้ บั บางมณฑลชายฝ่ังก่อน โดยหวงั จะใหเ้ ป็น “พ้นื ท่ีทดลอง”ก่อนจะขยาย ผลไปยงั ภูมิภาคอ่ืนๆ ของประเทศจีน อยา่ งไรกด็ ี ดว้ ยแนวนโยบายเช่นน้ี เอ้ือใหม้ ณฑลชายฝั่งเหล่าน้นั ไดร้ ับ โอกาสทางเศรษฐกิจมากกวา่ มณฑลตอนใน จึงเกิดผลกระทบทางลบตามมา (แมจ้ ะไม่ไดต้ ้งั ใจ) จนทาํ ใหม้ ี ปัญหาความแตกต่างและเหลื่อมล้าํ ทางรายไดร้ ะหวา่ งมณฑลชายฝั่งกบั มณฑลตอนในของจีนทวคี วาม รุนแรงมากข้ึน แมว้ า่ ในระยะต่อมา รัฐบาลจีนไดต้ ระหนกั ถึงปัญหาน้ีและหนั มาเนน้ พฒั นามณฑลตอนในทาง ตะวนั ตกมากข้ึนตามนโยบาย Go-West Policy ซ่ึงสามารถช่วยทาํ ใหช้ าวจีนตะวนั ตกตอนในมีรายไดเ้ พมิ่ มากข้ึน แต่ เนื่องจากมณฑลจีนชายฝั่งยงั คงเติบโตต่อไปอยา่ งต่อเน่ืองเช่นกนั จึงทาํ ให้ “ช่องวา่ ง” ทางรายได้ ของมณฑลจีนตอนในและจีนชายฝั่งยงั คงถ่างกวา้ งมากข้ึน 28
ปัญหาหนีส้ าธารณะของรัฐบาลท้องถ่ินจนี ดว้ ยระบบบริหารปกครองแบบกระจายอาํ นาจออกจากส่วนกลาง (Decentralization) ทาํ ใหร้ ัฐบาล ทอ้ งถิ่นและรัฐบาลมณฑลจีนค่อนขา้ งมีอิสระในการสร้างรายได้ โดยเฉพาะการแขง่ ขนั กนั ดึงดูดการลงทุน จากต่างประเทศ เพือ่ จะไดเ้ กบ็ ภาษีและค่าธรรมเนียมต่างๆ มาเป็นรายไดเ้ ขา้ รัฐบาลของตน และมีอิสระใน การใชจ้ ่ายเงินงบประมาณท่ีหามาไดใ้ นทอ้ งถิ่นตนเองในระดบั หน่ึง (แมว้ า่ บางส่วนจะตอ้ งส่งไปใหร้ ัฐบาล กลาง) สาํ หรับแหล่งรายไดข้ องรัฐบาลมณฑลจีน เช่น การเรียกเกบ็ เงินค่าสิทธิในการใชท้ ่ีดินในทอ้ งถ่ินที่ รัฐบาลน้นั ๆ ดูแล โดยเฉพาะเกบ็ จากบรรดาโรงงาน หรือโครงการอสงั หาริมทรัพยต์ ่างๆ ท่ีเขา้ ไปลงทุนใน พ้ืนท่ีซ่ึงรัฐบาลทอ้ งถ่ินจีนเหล่าน้นั ดูแล จึงเป็นแหล่งรายไดห้ ลกั ของรัฐบาลทอ้ งถ่ินจีน นอกจากน้ี รัฐบาลทอ้ งถิ่นจีนหลายแห่งยงั นิยมท่ีจะลงทนุ พฒั นาโครงการก่อสร้างสินทรัพยถ์ าวร ต่างๆ ดว้ ยตนเอง เช่น การก่อสร้างศูนยธ์ ุรกิจ หา้ งสรรพสินคา้ ตึกอาคาร อพาร์ตเมนตใ์ หเ้ ช่า หล่งรายไดอ้ ีก ทางของรัฐบาลทอ้ งถ่ินจีน จึงมาจากผลกาํ ไรจากการลงทุนโครงการก่อสร้างสินทรัพยถ์ าวรและ อสงั หาริมทรัพยต์ ่างๆ เหล่าน้นั อยา่ งไรกด็ ี รัฐบาลทอ้ งถิ่นจีนหลายแห่งไดใ้ ชจ้ ่ายงบประมาณออกไปอยา่ งฟ่ ุมเฟื อยเกินจาํ เป็น เช่น การก่อสร้างอาคารที่ทาํ การของรัฐบาลตนเองอยา่ งยง่ิ ใหญ่ และแข่งขนั กนั สร้างความเจริญในทางวตั ถุ เช่น การก่อสร้างสะพาน ถนน ตึกสูงระฟ้ า และสญั ลกั ษณ์ประจาํ เมืองต่างๆ เพือ่ ใชเ้ ป็นเสมือนสิ่งสะทอ้ น หนา้ ตาและภาพลกั ษณ์ของมณฑล รวมไปถึงการอดั ฉีดโฆษณาและสร้างจุดขายของเมืองหรือมณฑลของ ตนผา่ นสื่อโทรทศั น์ เพ่อื โชวศ์ กั ยภาพของทอ้ งถ่ินตน ยง่ิ ไปกวา่ น้นั ในช่วงวกิ ฤติการเงินโลกต้งั แต่ปี 2008 ภายใตม้ าตรการกระตุน้ เศรษฐกิจของรัฐบาล กลางในการอดั ฉีดเศรษฐกิจจีนใหเ้ ติบโตและมีการสงั่ การใหธ้ นาคารของรัฐต่างๆ เร่งปล่อยสินเชื่อเพอ่ื หนุน การลงทุนจาํ นวนมาก จึงเป็นเสมือนการเปิ ดช่องทางใหร้ ัฐบาลทอ้ งถิ่นจีนไดไ้ ปขอกยู้ มื และใชเ้ งินไปกบั โครงการต่างๆ เพอื่ ตอบสนองต่อนโยบายกระตุน้ เศรษฐกิจภายในของจีน ในช่วงวิกฤติดงั กล่าว ซ่ึงมีท้งั โครงการที่จาํ เป็นและไม่จาํ เป็น จนเกิดการใชจ้ ่ายเกินตวั และก่อหน้ีสะสมมหาศาล ดงั น้นั ดว้ ยความมีอิสระในการบริหารจดั การเงินรายไดแ้ ละรายจ่ายของทอ้ งถิ่นตน ประกอบกบั พฤติกรรมการใชจ้ ่ายเงินท่ีฟ่ มุ เฟื อยไม่จาํ เป็นของรัฐบาลทอ้ งถิ่นจีนหลายแห่ง ไดท้ าํ ใหเ้ กิดปัญหาการก่อ หน้ีสินของรัฐบาลทอ้ งถิ่นจีนสะสมพอกพนู เป็นมลู ค่ามหาศาล เมื่อปลายเดือนมกราคม 2014 มีการเปิ ดเผยรายงานการตรวจสอบบญั ชีของรัฐบาลระดบั ทอ้ งถ่ิน 30 จาก 31 แห่งในจีน (สาํ หรับ อีกแห่งที่ไม่ไดเ้ ปิ ดเผยรายงานการตรวจสอบบญั ชี คือ ทิเบต) พบวา่ รัฐบาล มณฑลเจียงซู มณฑลกวางตุง้ และมณฑลเสฉวนเป็น 3 มณฑลที่มีหน้ีสินสูงสุด โดยเฉพาะรัฐบาลเจียงซู ครองอนั ดบั 1 ดว้ ยหน้ีสิน 1.5 ลา้ นลา้ นหยวน 29
หากวดั จากสดั ส่วนหน้ีต่อ GDP แลว้ มณฑลท่ีครองอนั ดบั สูงสุดคือ มณฑลกยุ้ โจว มหานครฉงช่ิง และมณฑลยนู นาน นอกจากน้ี รัฐบาลกรุงปักกิ่งครองอนั ดบั 1 ในดา้ นสดั ส่วนหน้ีสินเม่ือคิดเป็นร้อยละของ รายไดท้ างการคลงั ต่อปี โดยอยทู่ ่ีร้อยละ 100 ส่วนอนั ดบั 2 คือ มหานครฉงชิ่งที่ระดบั ร้อยละ 93 และ อนั ดบั 3 คือมณฑลกยุ้ โจวท่ีระดบั ร้อยละ 92 รายงานการตรวจสอบบญั ชีของรัฐบาลทอ้ งถ่ิน ยงั แสดงใหเ้ ห็นวา่ หน้ีทอ้ งถิ่นพงุ่ ข้ึนร้อยละ 67 ในช่วงปี 2011-2013 และพบวา่ มีจาํ นวนไม่นอ้ ยท่ีถกู ใชไ้ ปอยา่ งฉอ้ ฉล และไม่ชอบมาพากล เช่น การแอบ นาํ ไปลงทุนอยา่ งผดิ กฎหมายในตลาดอสงั หาริมทรัพย์ ตลาดหุน้ และยงั พบความผดิ ปกติในการรับประกนั เครดิต และการหมุนเวยี นที่ผดิ ปกติในบญั ชีของรัฐบาลทอ้ งถิ่นจีน เป็นตน้ ที่สาํ คญั หน้ีรัฐบาลทอ้ งถ่ินจีน ส่วนใหญ่เป็นการกยู้ มื มาจากธนาคารของรัฐในจีน และจะถึงกาํ หนด ตอ้ งชาํ ระคืนภายในปี 2015 จึงเกิดการต้งั คาํ ถามถึงความสามารถในการชาํ ระหน้ีของรัฐบาลทอ้ งถ่ินจีน เหล่าน้นั โดยเฉพาะโอกาสที่รัฐบาลทอ้ งถ่ินจีน หลายแห่งจะผดิ นดั ชาํ ระหน้ี ไม่สามารถจ่ายคืนหน้ีตาม กาํ หนดเวลา นอกจากน้ี ในช่วง 1-2 ปี ท่ีผา่ นมา รัฐบาลกลางหนั มาเขม้ งวดกบั โครงการอสงั หาริมทรัพยแ์ ละ ควบคุมการเกิดภาวะฟองสบู่ทาํ ใหร้ าคาอสงั หาริมทรัพยล์ ดลง จึงส่งผลต่อเนื่องใหร้ ัฐบาลทอ้ งถิ่นจีนหลาย แห่งตอ้ งสูญเสียรายไดห้ ลกั จากการเรียกเกบ็ สิทธิในการใชท้ ี่ดินเพือ่ ระดมเงิน เป็นตน้ ดงั น้นั หากปัญหาภาระหน้ีสินของรัฐบาลทอ้ งถ่ินยงั คงยดื เย้อื ต่อไปและไม่สามารถจดั การได้ ใน ท่ีสุด กย็ อ่ มจะส่งผลดา้ นลบต่อระบบการธนาคารและการเงินโดยรวมของประเทศจีน ปัญหาเศรษฐกจิ ฟองสบู่ภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ผา่ นมา มีสาเหตุหน่ึงท่ีทาํ ใหม้ ีการขยายตวั ของภาคอสงั หาริมทรัพยจ์ ีนจนลน้ เกิน คือแหล่งเงินทุน ราคาถูกสาํ หรับการลงทุนในโครงสร้างพ้นื ฐานในประเทศ โดยธนาคารของรัฐไดใ้ หส้ ินเชื่อในอตั ราดอกเบ้ีย ต่าํ ทาํ ใหผ้ ปู้ ระกอบการสามารถเขา้ ถึงเงินทุนที่มีตน้ ทุนต่าํ สาํ หรับการลงทุนเพอื่ เกง็ กาํ ไร ดงั น้นั ดว้ ยวิธีการดงั กล่าว แมว้ า่ จะทาํ ให้ GDP ของจีนขยายตวั แต่กเ็ กิดเศรษฐกิจฟองสบ่ใู นภาค อสงั หาริมทรัพย์ และอุปทานส่วนเกินของสิ่งก่อสร้าง เช่น อาคารหน่วยงานรัฐที่โอ่อ่าเกินความจาํ เป็น จาํ นวนโรงงานท่ีไม่มีกิจกรรมการผลิต และโรงแรมที่วา่ งเปล่า V ทศิ ทางและอนาคตการพฒั นาเศรษฐกจิ จีน สาํ หรับทิศทางและอนาคตการพฒั นาเศรษฐกิจจีนจะเป็นอยา่ งไรต่อไป สามารถพจิ ารณาไดจ้ ากผล การประชุมคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสตจ์ ีน เม่ือเดือนพฤศจิกายน 2013 โดยประกาศจะมุ่งเนน้ บทบาท ของกลไกตลาด ในการจดั สรรทรัพยากรภายในประเทศมากยง่ิ ข้ึน 30
เมื่อยอ้ นไปดูในช่วงแรกของการปฏิรูปเศรษฐกิจจีน พบวา่ กลไกตลาดในระบบเศรษฐกิจจีนเป็น เพยี งพ้นื ฐาน ( basic role) โดยภาครัฐบาลมีบทบาทแทรกแซงและกาํ กบั ควบคุมกลไกตลาด ไม่วา่ จะท้งั ทางตรงและทางออ้ ม หากแตใ่ นการประชุมคร้ังล่าสุดน้ี ผนู้ าํ จีนตดั สินใจที่จะปรับเพม่ิ บทบาทของกลไกตลาดใหม้ ากข้ึน เพื่อใหม้ ีบทบาทชดั เจน ( decisive role) จะหนั มามุ่งเนน้ การใชก้ ลไกตลาด ในการจดั สรรทรัพยากรมาก ยงิ่ ข้ึนไปอีก แกนหลกั สาํ คญั คือ จะเนน้ การทาํ งานของกลไกตลาด ใชก้ ลไกตลาดในการขบั เคล่ือนเศรษฐกิจ อยา่ งจริงจงั มากข้ึน โดยเฉพาะการปฏิรูปภาคการเงิน จะใชก้ ลไกตลาดเป็นตวั ขบั เคล่ือนภาคการเงินอยา่ งมี นยั สาํ คญั การเปิ ดกวา้ งมากยง่ิ ข้ึนของภาคการเงิน ตวั อยา่ งเช่น จะเปิ ดกวา้ งจะใหภ้ าคเอกชนจดั ต้งั สถาบนั การเงินต่างๆ ใหม้ ากข้ึน เช่น ธนาคาร พาณิชยข์ นาดเลก็ ไม่ไดม้ ีเฉพาะธนาคารของรัฐหรือเก่ียวพนั กบั รัฐเป็นส่วนใหญ่ รวมท้งั การจะเปิ ดใหม้ ีการ ออกหุน้ การทาํ IPO ไดง้ ่ายข้ึน ตลอดจนการเปิ ดใหม้ ีการทาํ direct financing ระบบการเงินโดยตรงเขา้ มาสู่ ตลาดเงินตลาดทุนโดยตรงของจีนไดม้ ากข้ึน ทิศทางการปรับนโยบายเพ่อื เปิ ดเสรีมากข้ึนดงั กล่าวเป็นสิ่งจาํ เป็น หากตอ้ งการรักษาระดบั การ ขยายตวั ทางเศรษฐกิจของจีนต่อไป เนื่องจากในขณะน้ี กลไกภาคการเงินการธนาคารของจีน ยงั คงถูก ควบคุมโดยภาครัฐอยมู่ าก ตวั อยา่ งเช่น กรณีการควบคุมตลาดหุน้ ในขณะน้ี ประเทศจีนยงั คงแยกตลาด หุน้ ออกเป็น 2 ตลาดยอ่ ยในลกั ษณะทวลิ กั ษณะ คือ กระดานเอ และกระดานบี -กระดานเอ เนน้ เฉพาะคนจีน ส่วนต่างชาติท่ีจะมาลงทนุ ในกระดานเอได้ จะตอ้ งมีใบอนุญาต เท่าน้นั -กระดานบี สาํ หรับต่างชาติเขา้ มาลงทุนโดยการใชเ้ งินดอลลาร์ฮ่องกง หรือดอลลาร์สหรัฐ กรณีตลาดซ้ือขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ทางการจีนกย็ งั คงควบคุมคอ่ นขา้ งมาก ในขณะ น้ี เงินหยวนยงั ไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินตราต่างประเทศไดอ้ ยา่ งคล่องตวั สาเหตุหน่ึงเป็นเพราะรัฐบาล จีนยงั ควบคุมบญั ชีทุน (capital account) แมว้ า่ จีนจะไดเ้ ปิ ดเสรีบญั ชีเดินสะพดั current account มาต้งั แต่ปี 1996 ดงั น้นั จากผลการประชุมฯ คร้ังน้ี ทางการจีนจะคอ่ ยๆ ผอ่ นคลายการซ้ือขายเงินหยวนใหค้ ล่องตวั มากข้ึน เพ่ือใชก้ ลไก market based exchange rate mechanism ในการกาํ หนดคา่ เงินหยวน 31
กรณีของการกาํ หนดอตั ราดอกเบ้ีย ผลการประชุมคร้ังน้ี กป็ ระกาศท่ีจะเปิ ดใหม้ ีการข้ึนลงของอตั รา ดอกเบ้ียใหม้ ากข้ึน ในลกั ษณะการปล่อยลอยตวั อตั ราดอกเบ้ียมากข้ึน ท้งั เงินฝากและเงินกู้ นอกจากน้ี ยงั มีการวางแผนใหเ้ กิดการขยายตวั ของการสร้างความเป็นเมืองใหช้ นบท ( urbanization) อยา่ งเป็นระบบ และปรับยดื หยนุ่ ระบบสาํ มะโนครัว (หู่โข่ว) และการผอ่ นคลายอนุญาตใหค้ ู่ สมรสท่ีมีคนใดคนหน่ึงเป็นลกู โทนสามารถมีลกู ได้ 2 คน เป็นตน้ กรณศี ึกษานโยบาย Urbanization สร้างความเป็ นเมืองให้ชนบท การพฒั นาเศรษฐกิจของจีนทาํ ให้มีชนช้นั กลางในเมืองมากข้ึน จากเดิมในปี 1980 มีประชากรใน เขตเมืองเพียงร้อยละ 20 หากแต่ในปัจจุบนั ปี 2013 มีประชากรในเขตเมืองของจีนราว 700 ลา้ นคน (มากกวา่ คร่ึงหน่ึงของประชากรจีน) หลงั จากท่ีมีการปฏิรูปเศรษฐกิจ ความเจริญมงั่ คง่ั ทางเศรษฐกิจกระจุกตวั อยใู่ นมณฑลชายฝ่ังซ่ึงเป็น พ้ืนที่แรกๆที่ไดร้ ับอานิสงคจ์ ากนโยบายปฏิรูปของรัฐบาลจีน จนเกิดปัญหาช่องว่างทางรายได้ ส่งผลให้ ในช่วงแผนพฒั นาเศรษฐกิจฯ ฉบบั ที่ 9 รัฐบาลจีนประกาศมุ่งพฒั นามณฑลจีนตอนในทางตะวนั ตก หรือ Go West Policy อยา่ งไรกด็ ี ปัจจุบนั ยงั มีคนจีนมากกวา่ 100 ลา้ นคนเป็นชาวชนบทท่ียากจนมีรายไดใ้ นระดบั ต่าํ มาก และมีชาวชนบทอีกกว่า 200 ลา้ นคนท่ีมีรายไดใ้ นระดบั ต่าํ แค่พอยงั ชีพ หากสามารถยกระดบั รายไดข้ อง ชาวชนบทเหล่าน้ี ก็จะสามารถปลดปล่อยพลงั การบริโภคมากข้ึนและช่วยผลกั ดนั ให้เศรษฐกิจจีนเติบโต ต่อไปได้ นโยบาย Urbanization หรือการสร้างความเป็ นเมืองให้ชนบท จึงเป็ นยุทธศาสตร์สาํ คญั ของการ พฒั นาเศรษฐกิจ ของรัฐบาลนายกรัฐมนตรี หล่ีเค่อเฉียง เพ่ือสร้างเมืองใหม่ สร้างงาน สร้างรายได้ และ สร้างความกดดันให้แรงงานในชนบทมีการพฒั นาประสิทธิภาพในการผลิตและเพ่ิมรายได้จากภาค การเกษตร เพ่ือผลระยะยาว คือ การกระจายความเจริญ กระจายรายได้ สร้างความสมดุลระหว่างการพฒั นา พ้นื ที่ตอนในของประเทศกบั พ้ืนที่ชายฝ่ัง นโยบาย Urbanization เพ่ือการสร้างเมืองยงั ช่วยกระตุน้ เศรษฐกิจจีน โดยการอดั ฉีดเมด็ เงินเขา้ สู่ ระบบเศรษฐกิจ สร้างงานในภาคการก่อสร้าง รวมท้งั พฒั นาสาธารณูปโภคข้นั พ้ืนฐานต่างๆ เพื่อเป็ น รากฐานในการพฒั นาเศรษฐกิจและการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆ ในประเทศจีนต่อไป 32
ในส่วนของรัฐบาลจีนไดป้ ระกาศวิสยั ทศั น์สร้าง urbanization โดยยดึ คนเป็นศูนยก์ ลาง และเตรียม รับมือกบั ปัญหาทา้ ทาย 3 ขอ้ ไดแ้ ก่ ข้อ 1 คอื ความท้าทายเร่ืองส่ิงแวดล้อม และการใช้ทรัพยากรในการก่อสร้างอย่างสิ้นเปลอื ง ที่ผ่านมา ดว้ ยระบบ decentralization รัฐบาลทอ้ งถ่ินจีนตอ้ งแข่งขนั กนั สร้างผลงานและมีการ ประเมินผลงานของรัฐบาลทอ้ งถิ่นจีนเหล่าน้นั ดว้ ยตวั เลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ดว้ ยส่ิงก่อสร้างทาง กายภาพที่ใหญ่โต แต่ละมณฑลแต่ละเมืองจึงต่างแข่งกนั ทุ่มเทงบประมาณสร้างเมือง สร้างถนน สร้าง สะพาน ฯลฯ อดั ฉีดเม็ดเงินเขา้ สู่ระบบเศรษฐกิจ เพิ่มปริมาณตวั เลข GDP เพื่ออวดผลงาน เพ่ือเอาความดี ความชอบ โดยอาจจะไม่สนใจผลกระทบต่อส่ิงแวดลอ้ ม ละเลยไม่สนใจคุณภาพโครงการก่อสร้าง รวมท้งั ก่อใหเ้ กิดความสิ้นเปลือง เกิดปัญหาสภาพมลพิษทางอากาศตามเมืองใหญ่ๆ ของจีน ซ่ึงส่วนหน่ึงมาจากการ ก่อสร้างท่ีไม่ไดม้ าตรฐานและไม่มีมาตรการทางสิ่งแวดลอ้ มที่เขม้ งวด ผูน้ ําจีนและพรรคคอมมิวนิสต์จีนในชุดน้ีจึงตอ้ งการลดปัญหาน้ี โดยหันมาให้ความสําคญั ของ ปัญหาสภาพมลพิษทางอากาศ เปิ ดตวั สโลแกนใหม่ “เนน้ สร้างเศรษฐกิจคาร์บอนต่าํ ” ตวั อยา่ งเช่น การออกมาตรการรับมือปัญหาโลกร้อน ดว้ ยการใหร้ ัฐบาลตรวจสอบปริมาณคาร์บอน และน้าํ เสียของโรงงานในเขตเมืองกว่า 15,000 แห่ง ทวั่ ประเทศ และให้โรงงานเหล่าน้ีทาํ รายงานเสนอ รัฐบาลทอ้ งถ่ินเป็ นประจาํ ทุกปี นอกจากน้นั ยงั เตรียมเพิ่มมาตรวดั เร่ืองการรักษาสิ่งแวดลอ้ มมาใชใ้ นการ ประเมินผลงานของผนู้ าํ ทอ้ งถ่ิน จากท่ีแต่เดิมวดั ดว้ ยตวั เลข GDP แต่เพียงอยา่ งเดียว ข้อ 2 คอื ปัญหาข้อพพิ าทเรื่องทด่ี ินระหว่างรัฐบาลท้องถนิ่ กบั คนในพนื้ ท่ี ท่ีผ่านมา การเวนคืนท่ีดินโดยรัฐบาลทอ้ งถ่ินเพื่อนาํ มาสร้างเมือง เริ่มสร้างความไม่พอใจและ นาํ ไปสู่การประทว้ งในหลายพ้นื ที่ในจีนจนปัญหาทวีความรุนแรงข้ึน โดยเฉพาะในยคุ ท่ีขอ้ มูลข่าวสารส่งถึง กนั อยา่ งรวดเร็วดว้ ยสงั คมออนไลน์ โซเชียลมีเดียและสื่อมวลชน หากไม่ตอบรับความทา้ ทายดงั กล่าวอยา่ ง ทนั ท่วงที ยอ่ มจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลกลางและพรรคคอมมิวนิสตจ์ ีน บางหน่วยงานประเมินว่า ในรอบ 20 ปี ของการเร่งสร้างเมือง รัฐบาลทอ้ งถิ่นจ่ายค่าชดเชยในการ เวนคืนที่ดินในชนบทต่าํ กวา่ มูลค่าจริงของท่ีดินราว 2 ลา้ นลา้ นหยวน บางแห่งประเมินตวั เลขดงั กล่าวสูงถึง 5 ลา้ นลา้ นหยวน ซ่ึงเป็นตน้ ทุนมหาศาล 33
ข้อ 3 คอื ปัญหาสํามะโนครัว (หู่โข่ว) ท่ีผา่ นมา มีการใชร้ ะบบสาํ มะโนครัว หรือ หู่โข่ว ในจีน เพ่อื ใชใ้ นการควบคุมดูแลจาํ นวนประชากร และเพ่ือป้ องกนั แรงงานอพยพต่างมณฑลจะโยกยา้ ยถ่ินมาแยง่ ทรัพยากรจากคนในเขตเมืองท่ีมีโอกาสทาง เศรษฐกิจมากกว่า จึงไดม้ ีการวางมาตรการขอ้ จาํ กดั ต่างๆ นานาสําหรับชาวจีนที่อพยพโยกยา้ ยไปอย่ตู ่าง มณฑล เช่น เร่ืองสวสั ดิการที่อยอู่ าศยั การศึกษาของบุตรธิดา และการสาธารณสุข อยา่ งไรก็ดี ดว้ ยการพฒั นาทางเศรษฐกิจและเพ่ือแสวงหาโอกาสทางเศรษฐกิจในการทาํ งาน ทาํ ให้ ยงั คงมีแรงงานจากมณฑลตอนในโยกยา้ ยไปทาํ งานในมณฑลชายฝ่ังจาํ นวนมาก ร่วม 200 ลา้ นคน หากแต่ คนเหล่าน้ีจะไม่ไดร้ ับสวสั ดิการต่างๆ ในเมืองท่ีตนโยกยา้ ยไปทาํ งาน จนเกิดสภาพ “คนสองชนช้นั ” ข้ึน ภายในเมืองชายฝ่ังเหล่าน้นั ในขณะน้ี สภาพในเมืองใหญ่ เช่น ปักก่ิง เซี่ยงไฮ้ ของจีนมีคนอยอู่ าศยั กว่า 1 ใน 3 ที่ไม่มี “หู่โข่ว” หรือไม่มีช่ือในสาํ มะโนครัวของเมืองน้ัน ทาํ ให้ไม่สามารถไดร้ ับสวสั ดิการต่างๆ ที่เท่าเทียมกบั คนจีนอีก กลุ่มท่ีมีสาํ มะโนครัวของเมืองดงั กล่าว เพ่ือผ่อนคลายความรุนแรงของปัญหาดงั กล่าว ในขณะน้ี รัฐบาลจีนไดเ้ ร่ิมออกประกาศปฏิรูป ระบบ “หู่โข่ว” ผ่อนคลายระบบสํามะโนครัว โดยเริ่มจากเมืองเล็กๆ ก่อน ด้วยการให้สวสั ดิการด้าน การศึกษาและท่ีอยอู่ าศยั แก่แรงงานอพยพในเมืองเลก็ ๆ เพ่ือเป็นการทดลองทางนโยบาย และรอประเมินผล กระทบ ก่อนที่จะปรับใชก้ บั เมืองขนาดกลางและใหญ่ต่อไป นโยบายผอ่ นคลาย “หู่โข่ว” ดงั กล่าวยงั จะช่วยส่งเสริมใหค้ นชนบทเลือกอพยพไปยงั เมืองขนาดเลก็ ก่อน เป็ นการลดแรงจูงใจและลดปริมาณผอู้ พยพไปทาํ งานยงั เมืองขนาดใหญ่ เช่น ปักก่ิงและเซี่ยงไฮ้ ซ่ึง ในขณะน้ี มีประชากรหนาแน่นและทรัพยากรไม่พอเพียงกบั จาํ นวนผอู้ ยอู่ าศยั นอกจากน้ี ดว้ ยอตั ราการสร้างเมือง urbanization ในปัจจุบนั คาดว่า ภายใน 10 ปี หรือภายในปี 2025 ประชากรกวา่ ร้อยละ 70 ของจีนจะอาศยั อยใู่ นเขตเมือง โดยสรุป ทิศทางในอนาคต ประเทศจีนจาํ เป็นตอ้ งปฏิรูปตวั เองเพอื่ รักษาการขยายตวั ทางเศรษฐกิจ อยา่ งยง่ั ยนื โดยจะตอ้ งเติบโตในระดบั เฉล่ียไม่ต่าํ กวา่ ร้อยละ 7.2 ต่อปี ตามคาํ ประกาศของนายกรัฐมนตรี หลี่ เคอ่ เฉียง เพ่อื จะไดส้ ามารถดูดซบั แรงงานท่ีเขา้ สู่ตลาดแรงงานใหม่ ในแต่ละปี มีแรงงานใหม่ประมาณ 10 ลา้ นคน จึงจาํ เป็นตอ้ งรักษาระดบั การขยายตวั ของ GDP ในอตั ราท่ีค่อนขา้ งสูงต่อไป 34
เอกสารอ้างองิ ท้ายบทท่ี 2 ข้อมูลสื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส์ ภาษาไทย การพฒั นาทางเศรษฐกิจของจีน. (2014)., จาก http://www.kasikornbank.com/ChinaTrade/ChinaInformation/ChinaOverview/EconomicSysSutuation/Pag es/EconomicSysSutuation.aspx ข้อมูลพนื้ ฐานทางเศรษฐกจิ จนี . (2009)., จาก http://www.chineselawclinic.moc.go.th/info/info_detail.php?idcont=2&idcontsub=98 ความสัมพนั ธ์ด้านเศรษฐกิจไทย-จีน. (2014)., จาก http://www.thaiembbeij.org/thaiembbeij/th/republic- of-china/investment/economic-relations.php ดัชนีเศรษฐกิจมหภาคท่ีสาํ คญั . (2010)., จาก http://www.kasikornbank.com/ChinaTrade/ChinaInformation/ChinaOverview/KeyMacroEconomic/Pages/ KeyMacroEconomic.aspx แผนการพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 12. (2014)., จาก http://www.chineselawclinic.moc.go.th/info/info_detail.php?idcont=11&idcontsub=604 บาบาทเงินหยวนในเวทีโลก. (2009)., จาก http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/guru/20090607/48955/%E0%B8%9A%E0%B8%9 7%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80% E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0 %B9%83%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%82%E0%B 8%A5%E0%B8%81.html 35
บทบาทเงินหยวนในเศรษฐกิจโลก. (2011)., จาก http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/bandid/20110725/401515/%E0%B8%9A% E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0 %B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%99- %E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E 0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81.html บทบาทจีนท่ีมากขึน้ ในเวทีโลก. (2012)., จาก http://www.thaibizchina.com/thaibizchina/th/articles/detail.php?IBLOCK_ID=70&SECTION_ID=487&E LEMENT_ID=12018 ยทุ ธศาสตร์การพฒั นาของจีนในทศวรรษต่อไป. (2012)., จาก http://www.cpall.co.th/Blog/Detail/Sompop/%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98% E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%81%E 0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0% B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8 %99%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8% 95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%9B ภาษาองั กฤษ China GDP. (2012)., จาก http://www.tradingeconomics.com/china/gdp General Administration of Customs. (2014)., จาก http://en.wikipedia.org/wiki/General_Administration_of_Customs Wikipedia, the free encyclopedia. China's Economy. (2014)., จาก http://en.wikipedia.org/wiki/Economy_of_China 36
Search
Read the Text Version
- 1 - 36
Pages: