เกดิ วันที่ 7 พฤศจกิ ายน ค.ศ.1867 ทเี่ มืองวอรซ์ อร์ (Warsaw) ประเทศโปแลนด์ (Poland) เสยี ชวี ิต วันท่ี 4 กรกฎาคม ค.ศ.1934 ที่กรงุ ปารีส (Paris) ประเทศฝร่ังเศษ (France) ผลงาน - ค้นพบธาตุเรเดียม - ไดร้ บั รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ในปี ค.ศ.1903 จากผลงานการพบธาตเุ รเดียม - ได้รบั รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์อกี คร้งั หนง่ึ ในปี ค.ศ.191 จากผลงานการค้นควา้ หาประโยชน์จากธาตุเรเดียม ผูค้ ้นพบรังสีเรเดียมที่ใชย้ ับย้งั การขยายตวั ของมะเร็ง ซ่งึ เป็นโรคร้ายที่ไมส่ ามารถรักษาให้ หายขาดได้ แต่มอี ตั ราการตายของของคนไขเ้ ปน็ อนั ดับหนึ่งมาทกุ ยคุ สมัย รถเอกซเรยข์ องมารี หญิงสาวในชุดพยาบาลคือ อีแรน
“มารี ครู ี” สตรผี ยู้ กระดบั ชีวิตมนษุ ยชาติ ด้วยศาสตรแ์ ห่งเคมี “เคมี ชวี ิตเรา อนาคตเรา” เป็นแนวคิดท่ีสะท้อนให้เห็นถึงความสําคัญของเคมีใน “ปีสากลแห่งเคมี” (The International Year of Chemistry 2011 : IYC 2011) เป็นปีท่ีท่ัวโลกร่วมกันฉลอง 100 ปีแห่ง ความสําเร็จทางด้านเคมีท่ีมีบทบาทกับชีวิตทุกชีวิต และยังช่วย ยกระดับความเป็นอยู่ของมนุษย์ให้ดีข้ึน ต้ังแต่ในอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต การพัฒนาศาสตร์ด้านเคมีเกิดขึ้นมาหลายร้อยปี หรือหลาย คนอาจเรียกว่าการเล่นแร่แปรธาตุ ตั้งแต่เมื่อ 100 ปีที่ผ่านมา วงการเคมีเร่ิมมีการตั้ง สหภาพสมาคมเคมีสากล ทําให้เกิดความ รว่ มมอื ในการพฒั นาดา้ นเคมีในระดับนานาชาติ และในเวลาเดียวกันก็ เป็นปีท่ี นักเคมีหญิงท่านหนึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมี จาก การศึกษาค้นคว้าธาตุเรเดียม จนสามารถนํารังสีเรเดียมมาใช้ในการ มาดามมารี กรู ี รักษาโรคมะเร็ง ซ่ึงถือเป็นการใช้ศาสตร์ด้านเคมีในการยกย่องระดับ ชวี ติ มนษุ ย์ท่ีสําคญั ย่ิง เธอผู้น้นั คอื มาดามมารี กูรี สตรผี ูท้ ุ่มเทชวี ิตเพ่อื การค้นควา้ ธาตเุ รเดียม มารี กูรี เป็นนักวิทยาศาสตร์หญิงที่มีคุณูปการต่อวงการวิทยาศาสตร์ เธอไม่เพียงได้รับรางวัลโนเบล ด้านเคมีจากการค้นคว้าเรเดียมเท่านั้น แต่ก่อนหน้าน้ันยังได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์มาแล้ว การได้รับ รางวลั โนเบลถึง 2 ครั้ง จงึ เปน็ การการันตคี วามย่ิงใหญข่ องหญิงผนู้ ีใ้ นวงการวทิ ยาศาสตรโ์ ลก ด.ญ.มารี กบั การด้ินรนเพอื่ การศกึ ษา มารี สโคลดอฟสกา (Marie Sklodowska) เกิดเม่อื วันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2410 ณ เมืองวอร์ซอ เมืองหลวงของประเทศโปแลนด์ มารเี กดิ ในครอบครวั วิทยาศาสตร์ มีพ่อเป็นอาจารย์สอนวิชาวิทยาศาสตร์และ คณิตศาสตร์ในโรงเรียนมัธยมแห่งหน่ึงในวอร์ซอ การคลุกคลีอยู่ในห้องทดลองวิทยาศาสตร์ต้ังแต่เด็กเป็นการ ปลูกฝงั ให้มารีมคี วามสนใจในวชิ าวิทยาศาสตร์ และเรยี นจบไดเ้ หรยี ญทองในระดบั มธั ยม แต่ด้วยเหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศโปแลนด์ ทําให้มารีและครอบครัวมีความลําบากในการ ดาํ เนนิ ชวี ติ และในประเทศโปแลนดก์ ีดกันไมร่ บั นักศึกษาผู้หญงิ มารแี ละพสี่ าวจึงเดินทางไปยงั ประเทศฝร่ังเศส เพื่อศึกษาต่อ ประกอบกับปัญหาทางการเงินของครอบครัวทําให้ไม่มีเงินเพียงพอที่จะเรียนต่อพร้อมกันทั้งสอง คนพี่น้อง มารจี ึงตัดสนิ ใจทํางานเพอื่ ส่งเสยี ให้พีส่ าวได้เรยี นในสาขาแพทยศาสตร์ และเม่ือพส่ี าวเรยี นจบและได้ ทํางาน ก็กลับมาส่งเงินให้มารีได้เรียนด้านวิทยาศาสตร์ในสาขาวิชาฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ในมหาวิทยาลัย ปารสี หนา้ 1 ของ 4
ย่างก้าวสูโ่ ลกแหง่ เคมี มารี เดินทางเข้าสู่วงการเคมี เมื่อเรียนมหาวิทยาลัยปีท่ี 2 พ.ศ.2436 โดยได้เป็นผู้ช่วยใน ห้องปฏิบัติการทางเคมีของ ปีแอร์ กูรี (Pierre Curie) ศาสตราจารย์ชาวฝร่ังเศส ซึ่งต่อมาได้เป็นคู่ชีวิต และ ผรู้ ว่ มงานคู่ใจของเธอ ในช่วงเวลาน้ัน นักวิทยาศาสตร์หลายคนได้ทําการทดลองและพยายามค้นคว้าจนพบรังสีต่างๆ หลาย ชนิด เชน่ ในปี พ.ศ.2422 วิลเลยี ม ครกู ส์ (William Crooks) คน้ พบรังสคี าโทด ในปี พ.ศ. 2438 รังสเี อกซ์ ถูก ค้นพบโดย วลิ เฮล์ม คอนราด เรนิ ตเ์ กน (Wilhelm Konrad Roentgen) ในเวลาเดยี วกนั อองตวน อองรี แบ็ก เกอแรล (Antoine Henri Becquerel) นักฟิสิกส์ชาว ฝร่ังเศส ซ่ึงเป็นเพื่อนสนิทของปีแอร์ ได้ค้นพบการแผ่รังสี จากแร่ยูเรเนียม โดยเป็นปรากฏการณ์การปล่อยพลังงาน ในอัตราคงทข่ี องแร่ยูเรเนียม ด้วยความสนใจในเรื่องดังกล่าว มารี และปีแอร์ จึงได้ทําการศึกษาสมบัติของปรากฏการณ์น้ี และการ ค้นคว้าอย่างจริงจังทําให้ทั้งคู่ค้นพบว่ามีพลังงานถูกปล่อย ออกมาจากแร่พิตช์เบลนด์ (Pitchblende) ซ่ึงเป็น แรพ่ ติ ชเ์ บลนด์ ออกไซด์ชนิดหน่ึงของแร่ยูเรเนียม จากน้ันจึงได้แยก แร่พิตช์เบลนด์ให้เป็นส่วนเล็กที่สุด ทําให้พบธาตุใหม่ที่มีสมบัติการแผ่รังสีได้มากกว่ายูเรเนียม 4 เท่า และ เรียกธาตุชนิดนว้ี า่ โปโลเนยี ม (Polonium) เพ่ือเป็นเกียรตแิ ก่ประเทศโปแลนด์ บา้ นเกิดของมารี มารี กูรี สตรีท่ีได้รับรางวลั โนเบลซอ้ น การค้นพบโปโลเนียมไม่ได้ทําให้ความมุ่งมั่นใน การศึกษาสารกัมมันรังสีของมารีและปีแอร์ลดลงเลย ทั้งคู่ ยังคงสงสัยว่ายังมีสารกัมมันตรังสีอ่ืนอยู่ในแร่พิตช์เบลนด์ อีกหรือไม่ จึงได้ศึกษาค้นคว้าต่อไปเพื่อแยกหาแร่ท่ีมีความ บริสุทธ์ิที่เป็นตัวการในการปล่อยกัมมันตภาพรังสี จาก ก ร ะ บ ว น ก า ร แ ล ะ วิ ธี ก า ร ใ น ก า ร แ ย ก แ ร่ ท่ี ค่ อ น ข้ า ง ยากลําบาก มารีและปีแอร์ต้องใช้เวลานานถึง 4 ปี กว่าจะ ประสบความสําเร็จ โดยสามารถแยกแร่เรเดียมบริสุทธ์ิ หรอื เรเดยี มคลอไรด์ และได้ธาตุชนิดใหม่ คือ ธาตุเรเดียม ที่มีความสามารถในการแผ่รังสีได้มากกว่ายูเรเนียมถึง 2,500,000 เทา่ รางวลั โนเบลสาขาฟิสกิ ส์ ปี พ.ศ.2446 หนา้ 2 ของ 4
ความพยายามในการค้นคว้าบวกกับความต้องการให้สาธารณชนได้ใช้ประโยชน์จากธาตุชนิดใหม่ด้วย การไม่จดสิทธิบัตรการค้นพบ และเผยแพร่ให้สาธารณชนได้รับรู้อย่างละเอียด ทําให้มารี ปีแอร์ พร้อมทั้งแบ็ก เกอแรล ได้รบั รางวัลโนเบลสาขาฟสิ ิกสร์ ว่ มกันในปี พ.ศ.2446 หลังจากท่ีปีแอร์เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในปี พ.ศ.2449 มารีต้องมุ่งม่ันในการทํางานวิทยาศาสตร์โดย ขาดคู่หูท่ีรู้ใจ แต่มารีก็ยังได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยปารีส ในการต้ังสถาบันเรเดียม เพื่อ ทาํ การคน้ ควา้ การใช้ประโยชน์จากธาตเุ รเดยี มในทางการแพทย์ และจากการค้นคว้าอย่างจริงจังนี้เอง ทําให้มา รีได้รับรางวัลโนเบลอีกครั้งในสาขาเคมี จากผลงานการค้นคว้าหาประโยชน์จากเรเดียม ในปี พ.ศ. 2454 (ด้วย เหตุน้ี ในปพี .ศ. 2554 ซึ่งเปน็ การครบรอบ 100 ปี ทมี่ ารีได้รบั รางวลั โนเบล จงึ ไดถ้ ูกยกให้เป็นปีเคมีสากล) การทดลองของสถาบันเรเดียมได้หยุดชะงักลงเนื่องจากเหตุสงครามโลกครั้งที่ 1 มารีและลูกสาวจึง เริ่มการใช้ประโยชน์จากรังสี โดยการต้ังหน่วยเอกซเรย์เคลื่อนท่ี เพื่อตระเวนช่วยรักษาทหารท่ีได้รับบาดเจ็บ จากสงคราม และเมื่อสงครามสิ้นสุดลง มารีก็ได้กลับมาทํางานวิจัยของเธออีกคร้ัง แต่เนื่องจากการสัมผัสกับ รังสีจากเรเดียมมากเกินไป จึงทําให้ไขกระดูกสันหลังถูกทําลาย และเสียชีวิตด้วยโรคลูคีเมีย หรือ มะเร็งเม็ด เลอื ดขาวในที่สุด รจู้ กั เรเดียมและประโยชน์จากเรเดยี ม เรเดยี ม (Radium : สญั ลกั ษณ์ Ra) เปน็ ธาตุโลหะอัลคาไลน์ เอิร์ท เลขอะตอม 88 ขณะบริสุทธิ์จะมีสีขาว และเม่ือสัมผัสกับ รังสที ใี่ ชใ้ นการรักษาโรคมะเร็ง อากาศจะกลายเป็นสีดี เป็นธาตุกัมมันตรังสีชนิดเข้มข้น ไม่มี ทมี่ า ไอโซโทปที่เสถียร และจาก 16 ไอโซโทป มีไอโซโทปที่เสถียรท่ีสุด คอื Ra-226 มีครึ่งชวี ิตประมาณ 1602 ปี และเมือ่ สลายจะกลายเป็น กา๊ ซเรดอน คุณสมบัติของเรเดียมคือสามารถให้แสงสว่าง และความ ร้อน และยงั สามารถเปลี่ยนวตั ถอุ ่นื ใหเ้ ปน็ ธาตกุ มั มนั ตรังสีไดอ้ กี ดว้ ย การใช้ประโยชน์จากเรเดียมจะอาศัยสมบัติของกมั มนั ตรงั สี ด้านการเรืองแสง สามารถใช้เป็นสีเรืองแสง (Luminous paint) ใช้ในหน้าปัดนาฬิกา ทําให้สามารถ อ่านเวลาได้ในความมืด และใช้ในสญั ญาณจราจรต่างๆ ดา้ นการแพทย์ รงั สีจากเรเดียมใช้ในการรักษาโรคผิวหนังบางชนิด หรือ เนื้องอก และท่ีสําคัญที่สุดคือ ใชใ้ นการรกั ษาโรคมะเร็ง เพอ่ื ฆ่าเซลล์มะเรง็ หน้า 3 ของ 4
นอกจากน้ยี ังเป็นแหล่งนิวตรอน และแหล่งหลักของธาตเุ รดอน อย่างไรก็ดี เน่ืองจากเรเดียมให้กัมมันตรังสีที่มีความเข้มข้นสูง จึงสามารถฆ่าเนื้อเยื่อของส่ิงมีชีวิตได้ (เช่นเดียวกับการฆ่าเซลล์มะเร็ง) ดังนั้นเรเดียมจึงเป็นธาตุที่มีอันตรายสูงเช่นเดียวกัน การใช้งานจากเรเดียมจึง ตอ้ งอาศัยความระมัดระวังอยา่ งสงู โลกแหง่ เคมีกบั การยกยอ่ งคุณปู การของมารี จากการค้นพบการรังสีเรเดียมที่มีประโยชน์ต่อการรักษาโรคร้ายให้กับคนทั้งโลก วงการเคมีหรือรังสี จงึ ได้ตั้งหนว่ ยวดั ซึ่งเปน็ การยกยอ่ งมารี คอื หนว่ ยครู ี (Curie) Curie คอื หน่วยเดิมท่วี ัดอตั ราการสลายตวั ของนิวไคลด์กมั มันตรังสี 1 Curie = การสลายตวั ของนิวไคลด์กมั มันตรงั สี 3.7 x 1010 ครั้ง/วินาที หน่วยครู ี มาจากการสลายตวั โดยประมาณของธาตเุ รเดยี ม 1 กรมั ปัจจุบันการวัดอัตราสลายตัวของนิวไคลด์กัมมันตรังสีใช้หน่วยแบ็กเกอแรล โดย 1 คูรี = 3.7 x 1010 แบ็กเกอแรล ///////////////////////////////////////////// ท่ีมา: http://th.wikipedia.org/ http://www.vcharkarn.com http://siweb.dss.go.th สํานกั หอสมดุ และศนู ย์สารสนเทศวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เครดติ ภาพ: http://www.atom.rmutphysics.com/charud/oldnews/0/285/14/Nobel4.jpg http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Marie_Curie_CM.j pg http://en.wikipedia.org/wiki/File:Pierre_and_Marie_Curie.jpg www.vcharkarn.com http://www.vcharkarn.com/uploads/166/166608.jpg http://www.vcharkarn.com/uploads/166/166610.jpg reich-chemistry.wikispaces ผู้เรยี บเรยี ง: ฝ่ายชุมชนและผ้ดู ้อยโอกาส สํานักงานพฒั นาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ บรรณาธิการ: จมุ พล เหมะครี นิ ทร์ ทีป่ รกึ ษาฝา่ ยสอ่ื วทิ ยาศาสตร์ สาํ นกั งานพัฒนาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สนับสนุนการผลิตบทความโดย: สาํ นกั งานปลัดกระทรวงวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภายใต้กจิ กรรมการพัฒนาศนู ย์ความรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี หนา้ 4 ของ 4
Search
Read the Text Version
- 1 - 5
Pages: