1 PARTS OF SPEECH
2 Parts of Speech ประเภทของคำในประโยคภำษำอังกฤษ Verb กริ ิยำ คำทแี่ สดงกำรกระทำ เชน่ (to) be, have, do, like, work, sing, can, must Noun คำนำม คือคำทีแ่ ทนส่งิ ตำ่ งๆ เชน่ คน สตั ว์ ส่งิ ของ สถำนท่ี เชน่ pen, dog, work, music, town, London, teacher, John Adjective คำขยำย(บรรยำย)คำนำม เช่น a/an, the, some, good, big, red, well, interesting (มกั อยู่หน้ำคำนำม) Adverb คำขยำย Verb, Adjective หรอื ขยำย Adverb เอง มักลงท้ำยด้วย -ly เชน่ quickly, silently, well, badly, very, really (มกั อยู่หน้ำ verb หรอื อย่ทู ้ำยประโยค) Pronoun คำสรรพนำม เอำไว้พูดแทนคำนำมทพ่ี ดู ไปแลว้ เชน่ I, you, he, she, some Preposition คำบุพบท ใชเ้ ชอื่ มคำนำมกบั คำนำมอ่ืน เช่น in, on, at, to, after, under, over, from (มกั อยหู่ ลังคำนำมที่มันไปขยำย) in ใช้กบั บอกตำแหน่งแบบกว้ำงๆ ไม่เจำะจง เช่น in May(เดือน), in 2010(ป)ี , in Bangkok( จงั หวัด), in Thailand (ประเทศ) on ใช้กบั กำรบอกตำแหน่งแบบเจำะจงยิ่งขน้ึ เชน่ on Tuesday (วนั ), on Sukhumvit Road (ถนน) at ใชก้ ับกำรบอกตำแหนง่ แบบเจำะจงท่ีสดุ เชน่ at 11:00(เวลำ), at Central World (สถำนท่ี เจำะจง) Conjunction คำสนั ธำน เอำไว้เชอื่ มประโยค หรอื เชื่อมคำ เช่น and, but, or, nor, for, yet, so, although, because, since, unless ประโยคในภำษำอกั ฤษ กำรท่ีจะสร้ำงประโยคได้ จะต้องประกอบไปดว้ ย 2 ส่วนหลกั ๆ คอื Subject (ประธำน) + Verb (กิริยำ) และถำ้ กริ ิยำนั้นต้องกำรกรรมด้วย ก็ต้องมี Object (กรรม) ด้วย
3 สง่ิ ทจ่ี ะเปน็ ประธำนของประโยคไดน้ นั้ ก็คือคำทที่ ำหน้ำท่ีเป็นคำนำม เชน่ Noun เอง หรอื จะเปน็ Pronoun กไ็ ด้ แตก่ อ็ ำจมตี ัวมำขยำยคำนำมซง่ึ กค็ ือ Adjective หรอื อำจมีตัวที่จะมำเชื่อม คำนำมด้วย ซึง่ ก็คือ Preposition สว่ นกริ ิยำน้ันจะตอ้ งเปน็ Verb ซึ่งกอ็ ำจมตี ัวมำขยำยซึง่ ก็คอื Adverb และสว่ นที่เป็น Object กจ็ ะเป็นคำท่ีทำหนำ้ ทีเ่ ป็นคำนำม เช่นเดยี วกับประธำนของประโยค และเม่ือเรำต้องกำรเชือ่ มประโยคหลำยๆ อนั เข้ำดว้ ยกนั กจ็ ะตอ้ งใช้ Conjunction ในกำรเช่อื ม นั่นเอง คำนำม เอกพจน์ พหพู จน์ กำรนบั คำนำม คำนำมเอกพจน์ จะตำมดว้ ย is/am/has/does/Vเตมิ s,es เมอ่ื ใช้ Present Simple คำนำมพหพู จน์ จะตำมด้วย are/have/do/V ไม่เติม s,es เม่อื ใช้ Present Simple เวลำใช้นำมขยำยนำม นำมตัวหน้ำจะห้ำมเตมิ s เด็ดขำด เช่น Vegetable soup ถ้ำใช้นำมขยำยนำม แล้วนำมตัวขยำยมีกำรใช้รว่ มกับตัวเลข จะใช้คำนำมเอกพจน์ เชือ่ มดว้ ย – เชน่ five-year-old son นำมนบั ไดเ้ อกพจน์ ถ้ำไม่เจำะจงจะนำหนำ้ ดว้ ย a, an (กรณีทคี่ ำตำมหลังออกเสยี ง ออ-) หรือใช้ the ในกรณีท่ีเจำะจง หรือผฟู้ งั รอู้ ยู่แลว้ ว่ำพูดถึงอะไรอยู่ นำมนบั ไมไ่ ด้ จะถือว่ำเปน็ เอกพจน์เสมอ และจะไม่มกี ำรใช้ a/an นำหน้ำด้วย นำมนบั ได้เอกพจน์ สำมำรถนำหนำ้ ด้วย one, each, every นำมนบั ได้พหพู จน์ สำมำรถนำหนำ้ ด้วย two, both, a couple of, a few, several, many, a number of นำมนับไมไ่ ด้ สำมำรถนำหน้ำดว้ ย a little, much, a great deal of สว่ นตัวทีน่ ำหน้ำไดท้ ้งั นำมนบั ได้และนบั ไมไ่ ด้ คอื not any/no, some, a lot of, lots of, plenty of, most, all a few / a little เปน็ คำในแง่ดี คอื พอมอี ยู่ few / little เปน็ คำในแง่ลบ คือมนี อ้ ยมำก other = อนั อน่ื / another อีกอันหนึง่ จำกส่งิ ทีพ่ ดู ถงึ / the other(s) อนั ที่เหลอื จำกสง่ ทีพ่ ูดถึง
4 Tense ภำษำองั กฤษนน้ั มรี ปู แบบประโยคท่เี รียกว่ำ Tense เอำไว้แสดงเวลำในกรณตี ่ำงๆ กนั โดยจะทำ ให้สว่ นของ Verb น้ันเปลี่ยนรูปแบบไป (ซึ่ง verb ท่ีเปล่ียนไปตำม Tense คือ Verb แท้ของ ประโยค) แบ่งเป็น 3 ประเภทเวลำใหญ่ๆ คอื ปจั จบุ นั Present = V1, อดตี Past = V2, อนำคต Future = Will + V แต่ละเวลำจะแบง่ ออกเป็น 3 รูปแบบย่อย คอื Simple = V (รปู แบบอย่ำงงำ่ ย), Continuous = be + Ving (กำลังทำ) , Perfect = Have + V3 (เกดิ กอ่ นอกี อนั เวลำไมส่ ำคญั ) Present Tenseใชส้ ำหรับบอกเหตกุ ำรณ์ในปัจจุบัน Present Simple = ใช้บอกเหตกุ ำรณ์ทีเ่ กิดขน้ึ เปน็ ประจำ เปน็ จรงิ เสมอ = รปู แบบ คอื S + V1 (ผันตำมประธำน) เช่น He watches TV everyday. Present Continuous = ใชบ้ อกเหตกำรณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปจั จุบัน = S + is/am/are + Ving [be ผสมกับ V1 ได้ is/am/are] เช่น I am doing my homework. Present Perfect = ใชบ้ อกว่ำได้ทำเหตุกำรณ์ไปแลว้ กอ่ นหน้ำนี้ โดยไมต่ อ้ งระบเวลำที่แน่นอน(รู้ แคท่ ำไปแล้ว เวลำไมส่ ำคัญ) = S + has/have +V3 [เนื่องจำก V1 ผสม have ได้ has/have ] เชน่ I have already seen that movie. Past Tenseใชส้ ำหรบั บอกเหตกุ ำรณใ์ นอดตี Past Simple = ใชบ้ อกเหตุกำรณในอดตี ที่เกิดแลว้ จบในอดตี มักระบุเวลำที่เจำะจงในอดีต = รปู แบบ คอื S + V2 เชน่ I walked to school yesterday. Past Continuous = ใช้บอกเหตกำรณ์ทกี่ ำลงั เกิดขึ้นในอดีต (มกั ใชค้ ู่กับ Past Simple) = S +was/were + Ving [be ผสม V2 ได้ was/were] เช่น He was sleeping when I arrived. Past Perfect = ได้ทำเหตกุ ำรณ์ไปแล้วก่อนหน้ำจะเกิดเหตุกำรณ์ในอดตี อีกอนั หน่ึง (จึงมักใชค้ ่กู ับ Past Simple Tense) = S + had +V3 [เนื่องจำก V2 ผสม Have ได้ Had ] เชน่ I had already eaten when they arrived. Future Tenseใช้สำหรับบอกเหตกุ ำรณ์ในอนำคต Future Simple = ใช้บอกเหตุกำรณใ์ นอนำคต = รูปแบบ คอื S + will + V1 เช่น It will snow tomorrow.
5 Future Continuous = ใชบ้ อกเหตกำรณ์ทีก่ ำลังเกิดขน้ึ ในอนำคต = S +will + be + Ving เชน่ He will be sleeping when we arrive. Future Perfect = ได้ทำเหตกุ ำรณไ์ ปแลว้ กอ่ นหนำ้ จะเกิดเหตกุ ำรณ์ในอนำคต = S + will + have +V3 เชน่ I will have already eaten when you arrive. * S = Subject ประธำน หรือ ผู้กระทำ, V =Verb คอื กริ ยิ ำ หรอื คำแสดงกำรกระทำต่ำงๆ **จรงิ ๆ มรี ูป Perfect Continuous ดว้ ย แต่คดิ วำ่ ไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งใชก้ ็ได้ Auxiliary Verbs กริ ิยำช่วย คือ Verb ที่ใช้ร่วมกับ Verb หลกั ในกำรสรำ้ งประโยค แบง่ เป็น 2 พวก คอื Primary auxiliaries เชน่ Be, Have,Do พวกน้ยี งั สำมำรถทำตัวเปน็ Verb แทไ้ ด้ด้วย รวมถงึ เป็น ตัวทปี่ ระกอบอยใู่ น Tense ตำ่ งๆ ท่จี ะกล่ำวถดั ไป Be : V1= is/am/are , V2 = was/were, V3=been Have : V1 = has/have, V2 = had, V3= had Do : V1 = does/do, V2= did, V3 = done Modal auxiliaries เช่น can, could, may, might, must, ought, should, will, would พวก น้ใี ช้ในกำรขอรอ้ ง บอกควำมจำเป็น หรอื ควำมเป็นไปได้ กิริยำชว่ ยพวกนจี้ ะเป็นตัวช่วยในกำรสรำ้ งประโยคคำถำม และประโยคปฏเิ สธดว้ ย ซึ่งจะกล่ำวถงึ ต่อไป กำรสรำ้ งประโยคคำถำม ให้นำเอำ Verb ชว่ ยท่มี ีในประโยคบอกเล่ำมำสลับไว้หน้ำประโยค ถ้ำในประโยคบอกเล่ำไม่มี Verb ชว่ ย ให้เอำ Vพวก Do มำใชเ้ ป็น Verb ชว่ ย และหลงั จำกใช้ Verb ช่วยแลว้ Verb จะตอ้ ง ไมผ่ ันตำมประธำน เชน่ He watches TV everyday. => Does he watch TV everyday? He is doing his homework. => Is he doing his homework? She can speak Thai. => Can she speak Thai? กำรสร้ำงประโยคปฎิเสธ
6 ใหเ้ ติม Not หลัง Verb ช่วย ถ้ำไม่มี Verb ช่วยให้ใช้ Vพวก Do มำช่วย เช่น He watches TV everyday. => He does not watches TV everyday. He is doing his homework. => He is not doing his homework. She can speak Thai. => She can not speak Thai Tense ทีอ่ ำจสับสนกนั Past Simple VS Present Perfect Past Simple จะใชก้ บั สงิ่ ทีเ่ กิดขน้ึ ในอดีต ท่ีต้องกำรระบุว่ำเกดิ ขึน้ เม่ือไหร่? (เวลำเปน็ เร่ืองสำคญั ) มักใช้กบั เวลำท่ีเจำะจงในอดีต เชน่ last year, yesterday Present Perfect แคบ่ อกใหร้ ู้วำ่ เกิดขึน้ มำแล้ว นำนแค่ไหน หรือเกดิ ขึน้ มำแล้ว (กี่คร้ัง)มักใชก้ ับ Since (ตัง้ แต่ … ) หรือ For (เปน็ เวลำ … ) Future Tense ใช้ Will หรือ Be going to เวลำที่เรำพูดถึงอนำคต เรำสำมำรถพูดได้ 2 แบบ คือ ใช่ Will ไม่ก็ใช้ Be + going to + V1 ถำ้ ใชส้ ำหรับกำรคำดเดำ ใชไ้ ด้ท้ัง 2 แบบ ควำมหมำยเหมอื นกนั ถ้ำใชก้ ับกำรวำงแผนล่วงหน้ำ ใช้ be going to จะเหมำะกว่ำ เช่น I’m going to paint my bedroom tomorrow ถำ้ ใช้กบั ควำมตั้งใจ (สมคั รใจ) ใช้ will เช่น Don’t worry. I will help you about this problem. กำรพูดถงึ เหตกุ ำรณอ์ นำคตด้วย Time Clause Time Clause คือ วลี (ไมใ่ ช่ประโยค) ที่บง่ บอกเวลำ มักมีคำวำ่ Before, After, When, As soon as, Until แต่ทวำ่ Time Clause จะไมใ่ ชร้ ูป Future Tense แม้ว่ำเวลำนน้ั จะเกิดในอนำคตกต็ ำม โดยจะใช้ รูป Present Simple แทน เชน่ After I get home, I will eat dinner. หรือ When Bob comes, we will see him. ประโยค Passive Voice
7 ประโยคในภำษำองั กฤษ สำมำรถเขยี นได้ 2 รูปแบบ คอื แบบ Active (เน้นท่ผี ู้กระทำ) และแบบ Passive (เน้นที่ส่งิ ท่ีถกู กระทำ) โดยจะใช้รูป be + V3 มำผสมกบั Tense เดิม เพรำะบำงทีเรำไม่ ต้องกำรจะพดู ว่ำใครเป็นคนทำ หรือไม่ทรำบว่ำใครเปน็ คนทำ เรำก็ใช้ Passive Voice ได้ เชน่ Active : Mary helped the boy (S + V2 + O) Passive : The boy was helped by Mary (S + was/were + V3 + O) [เนือ่ งจำก V2 ผสม กับ Be จะได้ Was/Were] Verb กลมุ่ ทำให้…รสู้ กึ …น่ำ… ช่ืออำจจะดแู ปลกๆ แต่ในภำษำอังกฤษจะมี Verb กลุ่มหน่ึงทม่ี ีวิธีกำรแปลแปลกออกไป เชน่ excite, interest, amaze, bore, amuse, annoy, amaze Interest = ทำใหส้ นใจ (รูปปกติ) / be interested in = รู้สึกสนใจ (รูปแบบpassive) / Interesting = นำ่ สนใจ (รูป Adjective) เชน่ This book interests me (หนงั สือน้ีทำให้ฉนั สนใจ) I am interested in this book (ฉันรูส้ กึ สนใจในหนังสือเล่มนี)้ This book is interesting (หนงั สือนีน้ ำ่ สนใจ) Gerund และ Infinitive Gerund คอื รูปของ Ving ท่ีทำหน้ำท่ีเปน็ คำนำม จะเป็นประธำนหรือเป็นกรรมของประโยคกไ็ ด้ เช่น Walking is good exercise (Walking = กำรเดิน เป็นคำนำม) Infinitive = To + V1 ไม่ผนั ตำมประธำน เป็นกำรบอกวำ่ เพ่อื ทจ่ี ะทำอะไร เช่น The police ordered the driver to stop คำกิริยำบำงคำ ตำมดว้ ย Gerund หรือ Infinitive ควำมหมำยก็เหมือนกนั เช่น It began to rain / It began raining คำกริ ิยำบำงคำ ตำมด้วย Gerund มคี วำมหมำยแบบนึง แตต่ ำมด้วย Infinitive จะมีควำมหมำย อีกอย่ำงหนึ่ง เช่น Remember, Regret, Forget, Try, Stop เช่น Forget + to +v1 จะแปลวำ่ ลมื ท่จี ะทำอะไร แตท่ วำ่ Forget + Ving จะแปลวำ่ ลืมกำรกระทำในอดีตไปแลว้ กำรใชร้ ูปกิริยำหลัง Verb บำงตัว
8 Let และ Help จะตำมด้วย V1 ไม่ผนั เชน่ Let me drive your car. (Let เป็น Verb แท้) อย่ำงไรกต็ ำม Help สำมำรถตำมดว้ ย To+V1 ได้ด้วย ใชใ้ ห้คนอื่นทำงำน บงั คบั ใหท้ ำ : X makes Y do something (ไมม่ ี to) เช่น She made her son clean his room ขอให้ทำ : X has Y do something (ไม่มี to) ชวนใหท้ ำ : X gets Y to do something (มี to) เช่น Jack got his friends to play soccer with him after school ประธำนใหค้ นอนื่ ทำอะไรกบั บำงอย่ำง (ประธำนไมไ่ ด้ทำเอง) : X get,have something done (by Y) (V3) เชน่ I had my watch repaired (by someone) 1. ถำมนำขนึ้ ต้นดว้ ย Verb to be ถำ้ ประโยคนั้นมี Verb to be ให้นำมำวำงข้ำงหน้ำไดเ้ ลย ดงั เช่นรูปประโยคต่อไปน้ี ประโยคบอกเลำ่ ประโยคคำถำม กำรตอบ
9 He is a teacher. (เขำคอื คณุ คร)ู Is he a teacher? (เขำคือคุณครใู ช่ไหม?) Yes, he is. (ใช่ เขำเป็น) No, he isn’t. (ไม่ เขำไมไ่ ด้เปน็ ) You are Japanese. (คุณเปน็ คนญี่ปุ่น) Are you Japanese? (คณุ เปน็ คนญ่ีปนุ่ ใช่ไหม?) Yes. I’m. (ใช่ ฉันเป็น) No, I’m not. (ไม่ ฉันไมไ่ ดเ้ ป็น) He was a doctor. (เขำเคยเป็นหมอ) Was he a doctor? (เขำเคยเปน็ หมอหรอื ?) Yes, he was. (ใช่ เขำเป็น) No, he wasn’t. (ไม่ เขำไมไ่ ด้เป็น) They were at school yesterday. (เมื่อวำน พวกเขำอยู่ทีโ่ รงเรียน) Were they at school yesterday? (เมอื่ วำน พวกเขำอยู่ทีโ่ รงเรยี นหรอื เปล่ำ?) Yes, they were. (ใช่ พวกเขำอยู่) No, they weren’t.
10 (ไม่ เขำไม่ไดอ้ ยู่) 2. ถำมขนึ้ ตน้ ด้วย Verb to do ถ้ำประโยคทีเ่ รำจะถำมไมม่ ี Verb to be ใหน้ ำ Verb to do มำใช้นำหนำ้ ประโยค โดยใชร้ ูป เอกพจน์หรือพหูพจน์ตำมประธำน ดงั เชน่ รูปประโยคตอ่ ไปนี้ ประโยคบอกเลำ่ ประโยคคำถำม กำรตอบ You know her name. (คุณรู้จักช่ือของเธอ) Do you know her name? (คณุ รจู้ ักช่ือของเธอไหม?) Yes, I do. (ค่ะ ฉันร้จู กั ) No, I don’t. (ไม่ ฉันไม่รู้จกั ) She plays the piano. (เธอเลน่ เปยี โน) Does she play the piano? (เธอเลน่ เปียโนไหม?) Yes, she does. (ค่ะ เธอเล่นเปียโน) No, she doesn’t. (ไมค่ ะ่ เธอไมไ่ ด้เลน่ เปียโน) You walked to school yesterday. (คณุ เดนิ ไปโรงเรียนเมอื่ วำน?) Did you walk to school yesterday? (เมอ่ื วำนนค้ี ณุ เดินไปโรงเรียนหรอื เปล่ำ?) Yes, I did. (คะ่ ฉันเดนิ ไปโรงเรยี น) No, I didn’t.
11 (ไม่ ฉันไม่ได้เดนิ ไปโรงเรยี น) **ขอ้ สงั เกต เมอ่ื เรำใช้ Do, Does หรอื Did อยำ่ ลืมเปล่ียนรปู กำลและพหูพจน์/เอกพจน์ตำม ประธำนด้วยคะ่ 3. ถำมข้นึ ตน้ ดว้ ยกรยิ ำช่วย หำกประโยคน้ันมกี ริยำช่วยตัวอ่นื ๆ เชน่ Can, Could, Will, Would, Shall, Should ให้เอำ คำกรยิ ำเหล่ำน้ีขึ้นตน้ แลว้ ตำมด้วยประโยคคำถำม เชน่ ประโยคบอกเลำ่ ประโยคคำถำม กำรตอบ You can speak Chinese. (คุณพดู ภำษำจีนได้) Can you speak Chinese? (คณุ พูดภำษำจีนไดไ้ หม?) Yes, I can. (คะ่ ฉันพดู ได้) No, I can’t. (ไมค่ ่ะ ฉนั พดู ไมไ่ ด้) You will go with us. (คณุ ก็จะไปกบั พวกเรำดว้ ย) Will you go with us? (คุณจะไปกบั พวกเรำดว้ ยไหม?) Yes, I will. (ค่ะ ฉันจะไปด้วย) No, I won’t. (ไมค่ ะ่ ฉันไม่ได้ไปด้วย) You could tell me your name. (คณุ จะบอกชอ่ื ของคณุ ให้ฉนั ทรำบ) Could you tell me your name? (คณุ จะบอกชือ่ ของคณุ ให้ฉนั ทรำบได้ไหม?) Yes, I could.
12
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: