การพฒั นาความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใช้เทคนิคจิกซอว์ ตามทฤษฎีการจดั การเรียนร้แู บบร่วมมอื สาหรบั นักเรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลยั The Development of English Reading Ability by Using the Jigsaw Technique for Matthayomsuksa 4 Students of Rittiyawannalai School ปิโยรส ศรเี ดช Piyoros Sridech บทคดั ยอ่ การวจิ ยั ครงั้ น้ีมวี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื เปรยี บเทยี บการพฒั นาความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใช้ เทคนิคจก๊ิ ซอว์ตามทฤษฎีการจดั การเรยี นรูแ้ บบร่วมมอื ของนักเรยี นก่อนเรยี นและหลงั เรยี น และเพ่อื ศกึ ษา ความพงึ พอใจของนักเรยี นทม่ี ตี ่อการจดั กจิ กรรมการอ่านภาษาองั กฤษโดยใช้เทคนิคจก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎกี าร จดั การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื หลงั เรยี น กลมุ่ ตวั อย่างทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั คอื นักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/14 โรงเรยี น ฤทธยิ ะวรรณาลยั แขวงคลองถนน เขตสายไหม จงั หวดั กรุงเทพมหานคร ท่กี าลงั ศกึ ษาอยู่ภาคเรยี นท่ี 2 ปี การศกึ ษา 2562 จานวน 45 คน ไดม้ าโดยการเลอื กแบบเจาะจง (Purposive Sampling) แบบแผนการวจิ ยั คอื แบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลัง (One-Group Pretest - Posttest Design) เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจัย ประกอบดว้ ย 1) แผนการจดั การเรยี นรคู้ วามสามารถในการอา่ นภาษาองั กฤษโดยใชเ้ ทคนคิ จก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎี การจดั การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื จานวน 3 แผน แผนละ 2 คาบเรยี น 2) แบบทดสอบวดั ความสามารถในการอา่ น ภาษาองั กฤษ ก่อนเรยี น-หลงั เรยี น จานวน 30 ขอ้ 3) แบบสอบถามความพงึ พอใจของผู้เรียนเก่ยี วกบั การ พฒั นาความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใชเ้ ทคนคิ จก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื ผลการวจิ ยั พบวา่ 1. ความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษของนกั เรยี นหลงั เรยี นโดยใชเ้ ทคนิคจก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎกี าร จดั การเรยี นรแู้ บบร่วมมอื ของนกั เรยี น มคี ่าเฉลย่ี คอื 24.2 และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐานคอื 2.92 สงู กว่าก่อน เรยี น ซง่ึ มคี า่ เฉลย่ี คอื 19.6 และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐานคอื 3.68 อย่างมนี ยั สาคญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั .01 2. ความพงึ พอใจของนกั เรยี นทม่ี ตี ่อการจดั กจิ กรรมการอ่านภาษาองั กฤษโดยใชเ้ ทคนคิ จก๊ิ ซอวต์ าม ทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื ในภาพรวมนกั เรยี นมคี วามพงึ พอใจอยู่ในระดบั มาก โดยมคี า่ เฉลย่ี 3.975 และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน 0.87 คาสาคญั : ความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษ, เทคนิคจกิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรแู้ บบร่วมมอื Email: [email protected] Abstract ~1~
The purpose of this study is to compare students’ English reading ability before and after using the Jigsaw technique for Mathayomsuksa 4 students, as well as students’ satisfaction in learning through the Jigsaw technique. The sample selected for this study was 45 Mathayomsuksa 4 students learning English Reading and Writing 2 (E31212) of Rittiyawannalai school in the second semester of the academic year 2019. In this one group pre-test post-test design study, the sample group was taught through the Jigsaw technique for six 50-minute periods. The assessments were: (1) English Reading Ability test with 30 multiple-choice questions developed by the researcher with a reliability of 0.7, (2) Learning Satisfaction Questionnaire created by the researcher with a reliability of 0.86. For data analysis, the Dependent Samples t-test, descriptive statistics for means, standard deviation, and percentage were conducted. The result of the study indicates that the English reading ability before and after employing the new technique was significantly different at the level of .01, and the students’ satisfaction after learning was higher than before. Keyword : ENGLISH READING ABILITY, JIGSAW TECHNIQUE บทนา (Introduction) ในสงั คมโลกปัจจุบนั การเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศมคี วามสาคญั และจาเป็นอย่างยงิ่ ในชวี ติ ประจาวนั เน่ืองจากเป็นเคร่อื งมอื สาคญั ในการตดิ ต่อสอ่ื สาร การศกึ ษา การแสวงหาความรู้ การประกอบอาชพี การสรา้ ง ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั วฒั นธรรมและวสิ ยั ทศั น์ของชมุ ชนโลกและตระหนกั ถงึ ความหลากหลายทางวฒั นธรรมและ มมุ มองของสงั คมโลกนามาซง่ึ มติ รไมตรแี ละความร่วมมอื กบั ประเทศต่าง ๆ ช่วยพฒั นาผเู้ รยี นใหม้ คี วามเขา้ ใจ ตนเองและผอู้ น่ื ดขี น้ึ เรยี นรแู้ ละเขา้ ใจความแตกต่างของภาษาและวฒั นธรรมขนบธรรมเนียมประเพณี การคดิ สงั คมเศรษฐกจิ การเมอื งการปกครอง มเี จตคตทิ ด่ี ตี ่อการใชภ้ าษาต่างประเทศและใชภ้ าษาต่างประเทศเพ่อื การ สอ่ื สารได้ รวมทงั้ เขา้ ถงึ องคค์ วามรูต้ ่าง ๆ ไดง้ ่ายและกวา้ งขน้ึ มวี สิ ยั ทศั น์ในการดาเนินชวี ติ ภาษาต่างประเทศท่ี เป็นสาระการเรยี นรพู้ น้ื ฐาน ซง่ึ กาหนดใหเ้ รยี นตลอดหลกั สตู รการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานคอื ภาษาองั กฤษ ในทกั ษะการสอ่ื สารทงั้ 4 ทกั ษะนนั้ ทกั ษะการอ่านนับว่ามคี วามสาคญั อกี ทกั ษะหน่ึงในการศกึ ษาทุก ระดบั เพราะการเรยี นวชิ าต่าง ๆ ไม่วา่ จะเป็นการเรยี นในหอ้ งเรยี นหรอื นอกหอ้ งเรยี น รวมไปถงึ ชวี ติ ประจาวนั และการรบั เอาเทคโนโลยสี มยั ใหม่จากต่างประเทศการอ่านมบี ทบาทอย่างยง่ิ (สมุ ติ รา องั วฒั นกุล, 2539 : 50) ทงั้ น้ี นงคน์ าถ ชาววงั (2551) ไดส้ ารวจปัญหาการอ่านภาษาองั กฤษของนักเรยี นไทยชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย พบว่า ความสามารถในการอ่านของนกั เรยี นทงั้ สามดา้ น อนั ประกอบดว้ ยดา้ นโครงสรา้ งประโยค ดา้ นคาศพั ท์ และดา้ นความเขา้ ใจในการอ่านยงั อย่ใู นระดบั ต่า นกั เรยี นสว่ นใหญ่ซง่ึ มากกวา่ 70% ไม่สามารถตอบคาถามจาก การอ่านไดถ้ ูกตอ้ ง นอกจากน้ี ปัญหาทเ่ี กดิ กบั นกั เรยี นสว่ นใหญ่ในดา้ นของการอ่านภาษาองั กฤษคอื นกั เรยี นไม่ เขา้ ใจเรอ่ื งทอ่ี ่าน สรุปและจบั ใจความสาคญั ของเร่อื งทอ่ี ่านไมไ่ ด้ จงึ เป็นเหตุใหน้ กั เรยี นเกดิ ความเบอ่ื หน่าย ขาด ความกระตอื รอื รน้ และขาดแรงจงู ใจในการอ่านภาษาองั กฤษ (สวุ รรณี เวทไธสง, 2544) สาเหตุสาคญั ประการ หน่ึงทท่ี าใหค้ วามสามารถในการอ่านของผเู้ รยี นยงั อยใู่ นระดบั ต่า เพราะว่าผสู้ อนขาดวธิ กี ารหรอื เทคนิคทใ่ี ชใ้ น การสอนไม่เหมาะสมในการสอนอ่าน ผสู้ อนควรศกึ ษาและทาความเขา้ ใจเกย่ี วกบั การอา่ นในหลายๆ ดา้ น เช่น องคป์ ระกอบหรอื ปัจจยั ทม่ี อี ทิ ธพิ ลต่อการอ่าน แนวคดิ หรอื ทฤษฎกี ารสอนอ่าน รวมทงั้ กจิ กรรมในการสอนอ่าน (นนั ทยิ า แสงสนิ , 2540) ~2~
การจัดการเรยี นรู้แบบร่วมมือนับว่าเป็นการจัดการเรยี นการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญโดยใช้ กระบวนการกลุ่มโดยใหผ้ เู้ รยี นไดม้ โี อกาสทางานร่วมกนั เพ่อื ผลประโยชน์และเกดิ ความสาเรจ็ ร่วมกนั ของกลุ่ม ซง่ึ การเรยี นแบบร่วมมอื มใิ ชเ่ ป็นเพยี งจดั ใหผ้ เู้ รยี นทางานเป็นกลุม่ หรอื สรา้ งชน้ิ งานอภปิ รายตลอดจนปฏบิ ตั กิ าร ทดลองแลว้ ผสู้ อนทาหน้าทส่ี รุปความรดู้ ว้ ยตนเองเท่านนั้ แต่ผสู้ อนจะตอ้ งพยายามใชก้ ลยุทธว์ ธิ ใี หผ้ เู้ รยี นไดใ้ ช้ กระบวนการประมวลสง่ิ ท่มี าจากการทากจิ กรรมต่าง ๆ จดั ระบบความรู้สรุปเป็นองค์ความรูด้ ้วยตนเองเป็น หลกั การสาคญั (พมิ พนั ธ์ เดชะคุปต์, 2544 :15) สาหรบั กลวธิ ที เ่ี กย่ี วขอ้ งในการสอนอ่านทจ่ี ะช่วยใหผ้ เู้ รยี นพฒั นาความสามารถในการอ่านและทกั ษะ ทางสงั คมได้นัน้ การอ่านแบบจ๊กิ ซอว์ (Jigsaw Reading) กเ็ ป็นหน่ึงในหลาย ๆ กจิ กรรมของการเรยี นรูแ้ บบ ร่วมมอื เน้นผเู้ รยี นเป็นสาคญั ซง่ึ เป็นการจดั กระบวนการเรยี นรทู้ ใ่ี ชแ้ นวคดิ การต่อภาพโดยแบ่งผเู้ รยี นเป็นกลุ่ม คละความสามารถ เก่ง ปานกลาง อ่อน โดยมีองคป์ ระกอบในการเรยี นท่สี าคญั คอื ผู้เรยี นมคี วามเก่ยี วขอ้ ง สมั พนั ธก์ นั ในทางบวก มปี ฏสิ มั พนั ธท์ ส่ี ง่ เสรมิ กนั ระหว่างสมาชกิ ภายในกลุ่ม มคี วามรบั ผดิ ชอบของสมาชกิ แต่ ละบคุ คล มกี ารใชท้ กั ษะการปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่างบุคคลและทกั ษะการทางานกลุ่มยอ่ ย และมกี ระบวนการทางาน ของกล่มุ จากการศกึ ษาปัญหาและเทคนิควธิ กี ารสอนการอ่านภาษาองั กฤษดงั ท่ไี ดก้ ล่าวมาขา้ งต้น และกอปร กบั ผวู้ จิ ยั ในฐานะผูส้ อนวชิ าภาษาองั กฤษจงึ สนใจทจ่ี ะศกึ ษาการพฒั นาความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษ โดยใชเ้ ทคนิคจก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื เป็นวธิ ที เ่ี หมาะสมทจ่ี ะนามาใชส้ อนการอ่านใน หน่วยการเรยี นรู้ สามารถนามาพฒั นาการอ่านภาษาองั กฤษใหผ้ ูเ้ รยี นเกดิ ความสนุกสนานเพลดิ เพลนิ ในการ เรยี น อกี ทงั้ เพ่อื กระตุน้ และเรา้ ความสนใจของผเู้ รยี นใหเ้ กดิ แรงจูงใจใฝ่เรยี นรู้ อยากเรยี นภาษาองั กฤษมากขน้ึ และมเี จตคตทิ ด่ี ตี ่อวชิ าการภาษาองั กฤษเพม่ิ ขน้ึ วตั ถปุ ระสงคข์ องการวิจยั (Objectives) 1. เพ่อื เปรยี บเทยี บความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใชเ้ ทคนิคจ๊กิ ซอว์ตามทฤษฎกี ารจดั การ เรยี นรแู้ บบรว่ มมอื ของนกั เรยี นกอ่ นเรยี นและหลงั เรยี น 2. เพ่อื ศกึ ษาความพงึ พอใจของนักเรยี นท่มี ตี ่อการจดั กจิ กรรมการอ่านภาษาองั กฤษโดยใชเ้ ทคนิคจ๊กิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื หลงั เรยี น ขอบเขตของการวิจยั (Scope of research) 1. ขอบเขตดา้ นประชากรและกลุ่มตวั อย่าง ประชากร: นักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 โรงเรยี นฤทธยิ ะวรรณาลยั แขวงคลองถนน เขตสายไหม จงั หวดั กรงุ เทพมหานคร ทก่ี าลงั ศกึ ษาอยภู่ าคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2562 จานวน 685 คน กลุ่มตวั อย่าง: นักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/14 โรงเรยี นฤทธยิ ะวรรณาลยั แขวงคลองถนน เขตสาย ไหม จงั หวดั กรงุ เทพมหานคร ทก่ี าลงั ศกึ ษาอยภู่ าคภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2562 จานวน 45 คน ไดม้ าโดย การเลอื กแบบเจาะจง (Purposive Sampling) 2. ขอบเขตดา้ นเน้อื หา เน้ือหาท่ใี ช้ประกอบการทาบทเรยี นนัน้ ผู้วจิ ยั ไดค้ ดั เลอื กบทความภาษาองั กฤษมาจากเวบ็ ไซต์ทาง อนิ เทอรเ์ น็ตทม่ี เี น้ือหาสอดคลอ้ งกบั ผลการเรยี นรกู้ ลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 4 เพ่อื เป็นสอ่ื ในการเรยี นรู้ นาไปส่กู ารพฒั นาความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใชเ้ ทคนิคจกิ ซอว์ ~3~
ตามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื 3. ขอบเขตดา้ นระยะเวลา ระยะเวลาในการทดลองครงั้ น้ีอย่ใู นภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2562 จานวน 6 คาบเรยี น 4. ขอบเขตดา้ นตวั แปร ตวั แปรตน้ คอื เทคนคิ จก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื ตวั แปรตาม คอื ความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษ และความพงึ พอใจของนกั เรยี นทม่ี ตี ่อกจิ กรรม การอา่ นภาษาองั กฤษโดยใชเ้ ทคนิคจก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรแู้ บบร่วมมอื วิธีการดาเนินการวิจยั (Methodology) การวจิ ยั ครงั้ น้ีผูว้ จิ ยั ได้ใช้แบบแผนการทดลองแบบ One Group Pretest Posttest Design (องั คณา, 2555: online) ดงั น้ี Pretest Treatment Posttest (ทดสอบก่อนเรยี น) (ให้สิ่งทดลอง) (ทดสอบหลงั เรียน) T1 X T2 สญั ลกั ษณ์ที่ใช้ในแบบแผนการวิจยั T1 หมายถงึ การทดสอบกอ่ นเรยี น X หมายถงึ เทคนคิ จก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื T2 หมายถงึ การทดสอบหลงั เรยี น เครอ่ื งมือท่ีใช้ในการวิจยั (Instruments) 1. แผนการจดั การเรียนรูค้ วามสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใชเ้ ทคนิคจก๊ิ ซอว์ตามทฤษฎกี าร จดั การเรยี นรแู้ บบร่วมมอื จานวน 3 แผน แผนละ 2 คาบเรยี น 2. แบบทดสอบวดั ความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษ ก่อนเรยี น-หลงั เรยี น จานวน 30 ขอ้ 3. แบบสอบถามความพงึ พอใจของผเู้ รยี นเกย่ี วกบั การพฒั นาความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดย ใชเ้ ทคนิคจ๊กิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรูแ้ บบร่วมมอื แบ่งเป็น 2 ส่วน คอื 1) แบบมาตราส่วน ประมาณค่า 5 ระดบั (Rating scale) จานวน 8 ขอ้ โดยพจิ ารณาเป็น 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นเน้ือหา ดา้ น บรรยากาศ และประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั 2) แบบสอบถามความคดิ เหน็ ปลายเปิดในดา้ นความคดิ เหน็ อน่ื ๆ ผลการหาคณุ ภาพเครอ่ื งมอื (The Results of Instruments Validation) ผวู้ จิ ยั ไดด้ าเนินการหาคณุ ภาพเครอ่ื งมอื ไดผ้ ลดงั น้ี 1. แผนการจดั การเรยี นรูค้ วามสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใช้เทคนิคจ๊กิ ซอว์ตามทฤษฎีการจดั การ เรยี นรแู้ บบรว่ มมอื 1.1 ค่าดัชนีความเท่ียงตรงเชิงเน้ือหา Content validity index (CVI): นาแผนการจัดการเรียนรู้ ความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใช้เทคนิคจก๊ิ ซอว์ตามทฤษฎีการจดั การเรยี นรู้แบบร่วมมอื เสนอ ผเู้ ชย่ี วชาญจานวน 3 ท่าน เพ่อื ตรวจความถูกตอ้ งและความเหมาะสม โดยพจิ ารณาตามเกณฑ์ (สมชาย วรกจิ ~4~
เกษมสกุล. 2554: 271) ว่า แผนการจดั การเรยี นรมู้ คี วามสอดคลอ้ งกบั คณุ ลกั ษณะทต่ี อ้ งการวดั หรอื ไม่ ซง่ึ ไดค้ ่า ดชั นคี วามเทย่ี งตรงเชงิ เน้อื หา Content validity index (CVI) อย่ทู ่ี 8.33 2. แบบทดสอบวดั ความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษ กอ่ นเรยี นและหลงั เรยี น 2.1 ค่าดัชนีความสอดคล้อง Index of Item-Objective Congruence (IOC): นาแบบทดสอบวัด ความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษ ก่อนเรยี นและหลงั เรยี น ไปใหผ้ เู้ ชย่ี วชาญจานวน 3 ท่าน ตรวจสอบค่า ดชั นีความสอดคล้อง Index of Item-Objective Congruence (IOC) ของแบบทดสอบ พจิ ารณาโดยใช้เกณฑ์ (สมชาย วรกิจเกษมสกุล. 2554: 269) โดยผู้เช่ยี วชาญเลอื กให้ผ่านเกณฑ์ 0.5 ข้นึ ไป จานวน 30 ขอ้ จาก ขอ้ สอบทงั้ หมดจานวน 30 ขอ้ คอื ขอ้ ท่ี 1-30 ค่าดชั นีความสอดคลอ้ ง Index of Item-Objective Congruence (IOC) อยทู่ ่ี 1.00 2.2 ค่าความยากง่ายของขอ้ คาถาม (p): นาแบบทดสอบวดั ความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษ ก่อนเรยี นและหลงั เรยี น ไปทดลองใช้ (Try Out) กบั กลุ่มตวั อย่างท่มี ลี กั ษณะ ใกลเ้ คยี งกบั กลุ่มตวั อย่างในการ ศกึ ษาวจิ ยั จากนนั้ ตรวจสอบคา่ ความยากง่ายของขอ้ คาถาม (p) โดยพจิ ารณา ตามเกณฑ์ (สมชาย วรกจิ เกษม สกลุ . 2554: 289-291) พบวา่ แบบทดสอบจานวน 30 ขอ้ มคี า่ ความยากงา่ ย ของขอ้ คาถาม (p) ตงั้ แต่ 0.12 ถงึ 0.67 2.3 ค่าอานาจจาแนกของขอ้ สอบ (r): นาแบบทดสอบวดั ความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษ ก่อน เรียนและหลังเรียน ไปทดลองใช้ (Try Out) กบั กลุ่มตัวอย่างท่ีมีลกั ษณะใกล้เคียงกับกลุ่มตัวอย่างในการ ศกึ ษาวจิ ยั จากนัน้ ตรวจสอบค่าอานาจจาแนกของขอ้ สอบ (r) โดยพจิ ารณาตามเกณฑ์ (สมชาย วรกจิ เกษม สกุล. 2554: 289-291) พบว่าแบบทดสอบจานวน 30 ขอ้ มคี ่าอานาจจาแนกของขอ้ สอบ (r) ตงั้ แต่ 0 ถงึ 0.65 โดยขอ้ คาถามทไ่ี ม่ผ่านเกณฑค์ อื ขอ้ 4, 5, 9, 11, 12, 15. 16, 17, 23, 25, 27 และ 29 มคี ่าอานาจจาแนกของ ขอ้ สอบ (r) คอื 0.09, 0.05, 0.14, 0.14, 0.14, 0.10, 0.14, 0, 0.14, 0.05, 0.14 และ 0.14 ตามลาดบั 2.4 ค่าความเช่อื มนั่ โดยใชส้ ตู ร KR-20 ของ Kuder Richardson: ตรวจสอบค่าความเช่อื มนั่ (KR-20) ของแบบทดสอบวดั ความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษ ก่อนเรียนและหลงั เรียน โดยค่าความเช่อื มนั่ ท่ี ยอมรบั ไดค้ วรมคี า่ ตงั้ แต่ 0.70 ขน้ึ ไป (ปราณแี ละกรรณิการ.์ 2561: 13) ซง่ึ ใชว้ ธิ ขี องคเู ดอร์ – รชิ ารด์ สนั (Kuder- Richardson Method) (สมชาย วรกจิ เกษมสกุล. 2554: 281) ในการตรวจสอบไดค้ ่าเทา่ กบั 0.70 3. แบบสอบถามความพงึ พอใจของผู้เรยี นเก่ยี วกบั การพฒั นาความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใช้ เทคนคิ จก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรแู้ บบร่วมมอื 3.1 ค่าดชั นีความเทย่ี งตรงเชงิ เน้ือหา Content validity index (CVI): นาแบบสอบถามความพงึ พอใจ ของผู้เรยี นเก่ยี วกบั การพฒั นาความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใช้เทคนิคจ๊กิ ซอว์ตามทฤษฎกี าร จดั การเรยี นรแู้ บบร่วมมอื ทผ่ี วู้ จิ ยั ไดส้ รา้ งขน้ึ เสนอผเู้ ชย่ี วชาญจานวน 3 ท่าน เพอ่ื ตรวจพจิ ารณาตามเกณฑก์ าร ให้คะแนน (สมชาย วรกิจเกษมสกุล. 2554: 271) ซ่งึ ได้ค่าดชั นีความเท่ยี งตรงเชงิ เน้ือหา Content validity index (CVI) อย่ทู ่ี 3.33 3.2 ค่าอานาจจาแนกของแบบสอบถาม (r): นาแบบสอบถามความพงึ พอใจของผเู้ รยี นเกย่ี วกบั การ พฒั นาความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใชเ้ ทคนิคจก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื ไป ทดลองใช้ (Try Out) กบั กลมุ่ ตวั อยา่ งทม่ี ลี กั ษณะใกลเ้ คยี งกบั กลมุ่ ตวั อยา่ งในการศกึ ษาวจิ ยั จากนนั้ ตรวจสอบ คา่ อานาจจาแนกของแบบสอบถาม (r) โดยพจิ ารณาตามเกณฑ์ (สมชาย วรกจิ เกษมสกลุ . 2554: 290) พบวา่ แบบสอบถามจานวน 8 ขอ้ มคี า่ อานาจจาแนกของแบบสอบถาม (r) ผา่ นเกณฑท์ งั้ หมด โดยมคี า่ ตงั้ แต่ 0.38 ถงึ 0.70 ~5~
3.3 ค่าความเช่ือมัน่ โดยใช้วิธีสมั ประสิทธิแ์ อลฟาของครอนบาค (Cronbach’s Alpha Method): ตรวจสอบค่าความเช่อื มนั่ ของแบบสอบถามความพงึ พอใจของผเู้ รยี นเกย่ี วกบั การพฒั นาความสามารถในการ อ่านภาษาองั กฤษโดยใชเ้ ทคนิคจก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื โดยค่าความเช่อื มนั่ ทย่ี อมรบั ได้ควรมคี ่าตงั้ แต่ 0.70 ขน้ึ ไป (ปราณีและกรรณิการ์. 2561: 13) ซ่งึ ใชว้ ิธสี มั ประสทิ ธิแ์ อลฟาของครอนบาค (Cronbach’s Alpha Method) (สมชาย วรกจิ เกษมสกลุ . 2554: 279 -280) ในการตรวจสอบ ไดค้ า่ เทา่ กบั 0.86 วิธีการดาเนินการวิจยั (Methodology) 1. ขนั้ ก่อนการทดลอง ผวู้ จิ ยั ไดด้ าเนินการตามขนั้ ตอน ดงั ต่อไปน้ี 1.1 พฒั นาเคร่อื งมอื ซง่ึ ประกอบไปดว้ ย แผนการจดั การเรยี นรคู้ วามสามารถในการอา่ นภาษาองั กฤษ โดยใช้เทคนิคจ๊ิกซอว์ตามทฤษฎีการจดั การเรียนรู้แบบร่วมมือ แบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่าน ภาษาองั กฤษ ก่อนเรียนและหลังเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เรียนเก่ียวกับการพัฒนา ความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใช้เทคนิคจก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎีการจดั การเรยี นรแู้ บบร่วมมอื โดยมี ประสทิ ธภิ าพตามเกณฑ์ 1.2 สร้างความเข้าใจระหว่างผู้วิจยั และกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาวิจัย เก่ยี วกับหวั ข้อเร่อื งท่ีต้อง ดาเนนิ การวจิ ยั และสรา้ งขอ้ ตกลงในการเกบ็ ขอ้ มลู ในชนั้ เรยี น 2. ขนั้ ทดลอง 2.1 ทดสอบก่อนเรยี นกบั กลุ่มตวั อย่างในการศกึ ษาวจิ ยั โดยใชแ้ บบทดสอบวดั ความสามารถในการ อ่านภาษาองั กฤษกอ่ นเรยี นทผ่ี วู้ จิ ยั สรา้ งขน้ึ และหาคุณภาพแลว้ 2.2 จดั การเรยี นการสอน โดยใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรคู้ วามสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใช้ เทคนิคจ๊กิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรแู้ บบร่วมมอื ซง่ึ ประกอบไปดว้ ย แผนการจดั การเรยี นรู้ จานวน 3 แผน แผนละ 2 คาบเรยี น โดยใชเ้ วลาในการดาเนินการทงั้ สน้ิ 6 คาบเรยี น คาบละ 50 นาที ในภาคเรยี นท่ี 2 ปี การศกึ ษา 2562 3. ขนั้ หลงั การทดลอง 3.1 ทดสอบหลงั เรยี นกบั กลมุ่ ตวั อยา่ งในการศกึ ษาวจิ ยั โดยใชแ้ บบทดสอบวดั ความสามารถในการอ่าน ภาษาองั กฤษหลงั เรยี นทผ่ี วู้ จิ ยั สรา้ งขน้ึ และหาคณุ ภาพแลว้ 3.2 ใหก้ ลุ่มตวั อย่างในการศกึ ษาวจิ ยั ทาแบบสอบถามความพงึ พอใจของผู้เรยี นเก่ยี วกบั การพฒั นา ความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใชเ้ ทคนิคจก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรู้แบบร่วมมอื ภายหลงั การจดั การเรยี นการสอน 3.3 รวบรวมขอ้ มูล และประเมนิ ผลโดยการวเิ คราะห์หาค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉล่ยี เลขคณิต (Arithmetic Mean or Mean) สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation: S.D.) และคา่ t-test for dependent sample 3.4 นาผลการทดลองมาสรุปผลการวจิ ยั และขอ้ เสนอแนะทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษา กรอบแนวคิดในการวิจยั (Conceptual framework) ตวั แปรอิสระ ตัวแปรตาม ~6~
เทคนคิ จก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การ ความสามารถในการอา่ นภาษาองั กฤษ และความ เรยี นรแู้ บบรว่ มมอื พึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อกิจกรรมการอ่าน ภาษาองั กฤษโดยใช้เทคนิคจ๊กิ ซอว์ตามทฤษฎี การจดั การเรยี นรแู้ บบร่วมมอื ผลการวิจยั (Result) ตอนท่ี 1 ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใช้เทคนิคจิ๊กซอวต์ ามทฤษฎี การจดั การเรยี นรแู้ บบรว่ มมือของนักเรียน ก่อนเรยี นและหลงั เรียน ผูว้ จิ ยั ไดท้ าการทดสอบความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษของนักเรยี นกลุ่มตวั อย่างรายบุคคล ก่อนเรยี นและหลงั เรยี นจากแบบทดสอบจานวน 30 ขอ้ ขอ้ ละ 1 คะแนน โดยนาคะแนนของนกั เรยี นทไ่ี ดจ้ าก การทาแบบทดสอบมาวิเคราะห์ข้อมูลได้ค่าเฉล่ยี ของคะแนนจากแบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียนมา เปรยี บเทยี บกนั ตามตาราง การวเิ คราะหข์ อ้ มลู เพ่อื ตอบวตั ถุประสงคก์ ารวจิ ยั ขอ้ ท่ี 1 คอื เพอ่ื เปรยี บเทยี บความสามารถในการอา่ น ภาษาองั กฤษโดยใชเ้ ทคนคิ จก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื ของนกั เรยี นก่อนเรยี นและหลงั เรยี น ผู้วจิ ยั ได้ใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รูปเพ่อื วเิ คราะห์ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉล่ยี เลขคณิต (Arithmetic Mean or Mean: x )̅ ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation: S.D.) และค่า t-test for dependent sample ซง่ึ ผล การวเิ คราะหข์ อ้ มลู มดี งั น้ี ซง่ึ ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู มดี งั น้ี ตารางท่ี 1 เปรียบเทยี บความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใช้เทคนิคจ๊กิ ซอว์ตามทฤษฎีการจดั การ เรยี นรแู้ บบรว่ มมอื ของนกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/14 กอ่ นเรยี นและหลงั เรยี น คนที่ คะแนน (30) ผลคะแนนเพ่ิมขนึ้ ท่ีรอ้ ยละ ก่อนเรยี น หลงั เรียน 1 24 30 20 2 22 28 20 3 19 21 6.67 4 13 17 13.33 5 13 19 20 คนท่ี คะแนน (30) ผลคะแนนเพิ่มขึน้ ท่ีรอ้ ยละ ก่อนเรียน หลงั เรยี น 6 15 22 23.33 7 21 27 20 8 19 24 16.67 9 13 18 16.67 10 13 24 36.67 11 22 26 13.33 ~7~
12 24 26 6.67 13 20 23 10 14 24 25 3.33 15 18 26 26.67 16 19 24 16.67 17 22 23 3.33 18 17 21 13.33 19 19 20 3.33 20 22 24 6.67 21 18 27 30 22 24 25 3.33 23 27 29 6.67 24 19 23 13.33 25 24 29 16.67 26 24 21 10 27 22 26 13.33 28 23 26 10 29 21 26 16.67 30 18 24 20 31 20 24 13.33 32 18 25 23.33 33 19 24 16.67 34 17 27 33.33 35 20 24 13.33 36 15 22 23.33 คนที่ คะแนน (30) ผลคะแนนเพิ่มขึน้ ท่ีรอ้ ยละ ก่อนเรยี น หลงั เรียน 37 21 27 20 38 19 24 16.67 39 13 18 16.67 40 13 24 36.67 41 22 26 13.33 42 24 26 6.67 ~8~
43 20 23 10 44 24 25 3.33 45 18 26 26.67 จากตาราง คะแนนความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใชเ้ ทคนคิ จก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรู้ แบบร่วมมอื ของนกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/14 หลงั เรยี นมคี ่ารอ้ ยละเพม่ิ ขน้ึ โดยค่ารอ้ ยละทเ่ี พมิ่ ขน้ึ มคี ่า ระหว่าง 3.33-36.67 ดงั นนั้ สรุปไดว้ ่า ความสามารถในการอา่ นภาษาองั กฤษโดยใชเ้ ทคนคิ จก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎี การจดั การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื ของนกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/14 กอ่ นเรยี นและหลงั เรยี น แตกต่างกนั ตารางท่ี 2 เปรยี บเทยี บความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใชเ้ ทคนิคจก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การ เรยี นรแู้ บบร่วมมอื ของนกั เรยี น กอ่ นเรยี นและหลงั เรยี น โดยเปรยี บเทยี บกบั คะแนนทดสอบก่อนเรยี นและหลงั เรยี น การทดสอบ N คะแนนเต็ม ̅������ S.D. t sig ก่อนเรียน 45 30 19.60 3.68 10.929 .00 หลงั เรยี น 45 30 24.20 2.92 ** ความมนี ยั สาคญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั .01 จากตารางคะแนนความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใชเ้ ทคนิคจก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การ เรยี นรแู้ บบร่วมมอื ของนกั เรยี น ก่อนเรยี นมคี า่ เฉลย่ี เลขคณติ เท่ากบั 19.60 และมสี ว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐานเทา่ กบั 3.68 และคะแนนทดสอบหลงั เรยี นมคี า่ เฉลย่ี เลขคณิตเท่ากบั 24.20 และมสี ว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐานเท่ากบั 2.92 ซง่ึ มคี ่าสงู กว่าอย่างมนี ยั สาคญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั .01 ดงั นนั้ สรุปไดว้ ่า ความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดย ใชเ้ ทคนคิ จก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื ของนกั เรยี น หลงั เรยี นสงู กว่าก่อนเรยี น ตอนที่ 2 ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อพฒั นา ความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใช้เทคนิคจิ๊กซอวต์ ามทฤษฎีการจดั การเรียนรแู้ บบรว่ มมอื เพ่ือตอบวัตถุประสงค์การวิจัยข้อท่ี 2 ผู้วิจัยได้ให้นักเรียนกลุ่มตัวอย่าง จานวน 45 คน ทา แบบสอบถามความพงึ พอใจของผเู้ รยี นเกย่ี วกบั การพฒั นาความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใชเ้ ทคนิค จ๊กิ ซอว์ตามทฤษฎีการจัดการเรยี นรู้แบบร่วมมือท่ีสร้างขน้ึ ในด้านเน้ือหา ด้านบรรยากาศการเรยี นรู้ และ ประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั จานวน 8 ขอ้ แสดงผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ในตารางดงั น้ี ตารางท่ี 3 ความพึงพอใจของนักเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4/14 ทม่ี ีต่อการพฒั นาความสามารถในการอ่าน ภาษาองั กฤษโดยใชเ้ ทคนิคจก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรแู้ บบร่วมมอื ข้อท่ี รายการ x̄ S.D. แปลผล ลาดบั ด้านเนื้อหา ~9~
1. กิจกรรมมีคาสัง่ กติกา ท่ีชัดเจน 3.8 0.97 มาก 3 เขา้ ใจงา่ ย 4.40 0.80 มากทส่ี ดุ 1 4.13 0.81 มากทส่ี ดุ 2. กจิ กรรมชว่ ยพฒั นาความสามารถใน 2 การอา่ นภาษาองั กฤษ 3.64 0.91 มาก 3.62 0.86 มาก 1 3. กิ จ ก ร ร ม ช่ ว ย พั ฒ น า ก า ร เ รี ย น รู้ 2 คาศพั ท์ 3.91 0.95 มาก 3.84 0.96 มาก 2 ด้านบรรยากาศการเรียนรู้ 4.44 0.62 มากทส่ี ดุ 3 3.975 0.87 มาก 1 4. กิจกรรมช่วยสร้างบรรยากาศใน - หอ้ งเรยี นสนุกสนานและต่นื เตน้ 5. กิจกรรมช่วยกระตุ้นให้เกิดการ พฒั นาในการอา่ นภาษาองั กฤษ ประโยชน์ท่ีได้รบั 6. กิจกรรมมีความเหมาะสมกบั ระดบั ความรคู้ วามสามารถของผเู้ รยี น 7. กิจ ก รร ม ช่ว ย ใ ห้ผู้เรีย นพัฒ น า ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร อ่ า น ภาษาองั กฤษไดม้ ากขน้ึ 8. กจิ กรรมชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นทางานรว่ มกบั ผอู้ น่ื ได้ รวม คา่ คะแนนเฉลย่ี ความพงึ พอใจของนกั เรยี นพบว่าการจัดกจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยใชเ้ ทคนิคจก๊ิ ซอวต์ าม ทฤษฎีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือช่วยให้นักเรียนพัฒนาความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษ ความสามารถในการเรยี นรูค้ าศพั ท์ และช่วยใหผ้ เู้ รยี นทางานร่วมกบั ผอู้ ่นื ได้ อย่ใู นระดบั มากทส่ี ุด โดยการจดั กจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยใชเ้ ทคนิคจก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรแู้ บบร่วมมอื ช่วยใหผ้ เู้ รยี นทางานร่วมกบั ผอู้ ่นื ได้ มคี ่าคะแนนเฉลย่ี สงู สดุ อย่ทู ่ี x̄ = 4.44 และ S.D. = 0.62 คา่ คะแนนเฉลย่ี ความพงึ พอใจของนักเรยี นพบว่ากจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยใชเ้ ทคนคิ จก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎี การจดั การเรยี นรูแ้ บบร่วมมอื ช่วยสรา้ งบรรยากาศในห้องเรยี นสนุกสนานและต่นื เต้น ช่วยกระตุ้นให้เกดิ การ พฒั นาในการอ่านภาษาองั กฤษ มคี วามเหมาะสมกบั ระดบั ความรู้ความสามารถของผู้เรยี น มคี าสงั่ กติกา ท่ี ชดั เจน เขา้ ใจง่าย และช่วยใหผ้ เู้ รยี นพฒั นาความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษไดม้ ากขน้ึ อย่ใู นระดบั มาก โดยกจิ กรรมมคี วามเหมาะสมกบั ระดบั ความรคู้ วามสามารถของผเู้ รยี น มคี ่าคะแนนเฉลย่ี สงู สุดอย่ทู ่ี x̄ = 3.91 และ S.D. = 0.95 ~ 10 ~
โดยค่ารวมเฉลย่ี ความพงึ พอใจของนกั เรยี นทม่ี ตี ่อกจิ กรรมการเรยี นการสอนเพ่อื พฒั นาความสามารถ ในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใช้เทคนิคจ๊กิ ซอว์ตามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรู้แบบร่วมมอื สาหรับนักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/14 เท่ากบั x̄ = 3.975 และ S.D. = 0.87 ซง่ึ อย่ใู นระดบั มาก สรปุ ผล (Conclusion) ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู เกย่ี วกบั ความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใชเ้ ทคนิคจก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎี การจดั การเรยี นรู้แบบร่วมมอื ของนักเรยี นก่อนเรยี นและหลงั เรียน สรุปผลไดว้ ่านักเรยี นทไ่ี ด้รบั การจดั การ เรยี นรู้โดยใช้เทคนิคจ๊กิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรแู้ บบร่วมมอื หลงั การทดลอง มคี วามสามารถในการ อา่ นภาษาองั กฤษสงู ขน้ึ จากกอ่ นการทดลองอย่างมนี ยั สาคญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั .01 (ตารางท่ี 2 หน้า 9) ระดบั ความพงึ พอใจของนักเรยี นทม่ี ตี ่อกจิ กรรมการเรยี นการสอนเพอ่ื พฒั นาความสามารถในการอา่ น ภาษาองั กฤษโดยใชเ้ ทคนคิ จก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรแู้ บบร่วมมอื โดยเฉลย่ี อยใู่ นระดบั มาก อภิปรายผล (Discussion) จากผลการวจิ ยั เรอ่ื ง “การพฒั นาความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใชเ้ ทคนิคจก๊ิ ซอวต์ าม ทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรแู้ บบร่วมมอื สาหรบั นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4” สามารถนาไปส่ผู ลการอภปิ รายได้ ดงั ต่อไปน้ี 1. ความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใช้เทคนิคจ๊กิ ซอว์ตามทฤษฎีการจดั การเรยี นรู้แบบ ร่วมมอื พบว่า หลงั เรยี นสงู กว่าก่อนเรยี นอยา่ งมนี ยั สาคญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั .01 โดยหลงั เรยี นมคี วามสามารถใน การอ่านภาษาองั กฤษสงู ขน้ึ ซง่ึ เปรยี บเทยี บคะแนนเฉลย่ี ก่อนเรยี นเท่ากบั 19.60 และคะแนนเฉลย่ี หลงั เรยี น เท่ากบั 24.20 แสดงวา่ นกั เรยี นมคี วามสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษหลงั เรยี นสงู กว่าก่อนเรยี นอยา่ งเหน็ ได้ ชดั เป็นไปตามสมมตฐิ านการวจิ ยั ทต่ี งั้ ไวค้ อื การพฒั นาความสามารถในการอา่ นภาษาองั กฤษโดยใช้ เทคนคิ จก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื ของนกั เรยี นหลงั เรยี นสงู กว่ากอ่ นเรยี น ทเ่ี ป็นเชน่ น้ี เน่อื งมาจากการพฒั นาความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใชเ้ ทคนคิ จก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรู้ แ บ บ ร่ ว ม มือท า ใ ห้นัก เ รีย น เ ข้า ใ จ เน้ื อ ห า ท่ีไ ด้อ่า น แ ล ะ ท า ใ ห้นัก เ รีย น เกิด ค ว า ม ส นุ ก ส น า น ใ น กา ร เ รีย น ใ น ขณะเดยี วกนั กท็ าใหน้ ักเรยี นจดจาการเรยี นรูก้ ารอ่านภาษาองั กฤษไดท้ นั ที ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั ท่ี ศราวุฒิ เวยี ง อนิ ทร์ และคณะ (2557:บทคดั ย่อ) ได้ทาการวจิ ยั เร่อื ง การพฒั นาการอ่านภาษาองั กฤษเพ่อื ความเขา้ ใจดว้ ย เน้อื หาตามบรบิ ททอ้ งถนิ่ โดยใชก้ ารเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื เทคนิคจก๊ิ ซอว์ สาหรบั นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 ผลการวจิ ยั พบวา่ คะแนนการอ่านภาษาองั กฤษเพอ่ื ความเขา้ ใจของนกั เรยี นทเ่ี รยี นดว้ ยการเรยี นรแู้ บบ รว่ มมอื เทคนคิ จก๊ิ ซอวม์ คี ะแนนหลงั เรยี นสงู กว่าก่อนเรยี น อยา่ งมนี ยั สาคญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั .05 และสอดคลอ้ ง กับท่ี ทวีชัย กลีบบัว (2555:บทคัดย่อ) ได้ทาการวิจัยเร่ือง การพัฒนาแบบฝึกทักษะพัฒนาการอ่าน ภาษาองั กฤษเพ่อื ความเขา้ ใจ โดยใชว้ ธิ กี ารเรยี นรแู้ บบร่วมมอื เทคนิคจก๊ิ ซอวส์ าหรบั นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 5 ผลการวจิ ยั พบว่า ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น เร่อื ง การอ่านภาษาองั กฤษ เพ่อื ความเขา้ ใจ โดยใช้วธิ กี าร เรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิคจ๊กิ ซอว์ ของนักเรียนชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5 หลงั เรยี นสูงกว่าก่อนเรยี น อย่างมี นยั สาคญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั .05 2. นักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4/14 มีความพึงพอใจต่อกิจกรรมการเรียนการสอนเพ่ือพัฒนา ความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษโดยใช้เทคนิคจก๊ิ ซอว์ตามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรู้แบบร่วมมอื อยู่ใน ระดบั มาก ทงั้ น้เี พราะกจิ กรรมการเรยี นการสอนโดยใชเ้ ทคนิคจก๊ิ ซอวต์ ามทฤษฎกี ารจดั การเรยี นรแู้ บบร่วมมอื ท่ี ~ 11 ~
ผวู้ จิ ยั จดั ทาขน้ึ นนั้ เปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นไดท้ ากจิ กรรมร่วมกนั เป็นกลุ่มและเรยี นรวู้ ธิ กี ารทางานเป็นกลุ่ม มกี าร ช่วยเหลอื และร่วมมอื ระหว่างสมาชกิ กลุ่มรวมทงั้ มกี ารใชส้ อ่ื กจิ กรรมทน่ี ่าสนใจ กระตุ้นใหผ้ เู้ รยี นสนใจต่อการ เรียนรู้และช่วยกระตุ้นความอยากเรียนรู้มากข้ึน ซ่ึงสอดคล้องกับงานวิจัยของปราณปรียา ทรงศรี (2560:บทคดั ย่อ) ไดท้ าการวจิ ยั เร่อื ง การพฒั นาการจดั กจิ กรรมการเรยี นรดู้ า้ นการอ่านจบั ใจความภาษาองั กฤษ โดยใชแ้ บบกลุม่ ร่วมมอื เทคนคิ จก๊ิ ซอว์ (Jigsaw) สาหรบั นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 โดยสรปุ พบวา่ นกั เรยี นมี ความพงึ พอใจต่อการจดั การเรยี นรดู้ า้ นการอา่ นจบั ใจความภาษาองั กฤษ โดยใชแ้ บบกลุ่มร่วมมอื เทคนคิ จก๊ิ ซอว์ (Jigsaw) ในระดบั มาก โดยรวมมีค่าเฉล่ียทุกด้าน เท่ากบั 4.50 ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐานเท่ากบั 0.07 และ สอดคล้องกบั งานวจิ ยั ของ ทวีชัย กลบี บวั (2555:บทคดั ย่อ) ได้ทาการวิจยั เร่อื ง การพฒั นาแบบฝึกทกั ษะ พฒั นาการอา่ นภาษาองั กฤษเพ่อื ความเขา้ ใจ โดยใชว้ ธิ กี ารเรยี นรแู้ บบร่วมมอื เทคนิคจก๊ิ ซอว์สาหรบั นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 โดยสรุปพบว่า นักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 มคี วามพงึ พอใจต่อการเรยี นโดยใชแ้ บบฝึก ทกั ษะพฒั นาการอ่านภาษาองั กฤษเพ่อื ความเขา้ ใจ วธิ กี ารเรยี นรูแ้ บบร่วมมอื เทคนิคจ๊กิ ซอว์ ทงั้ โดยรวมใน ระดบั มากและรายดา้ นในระดบั มาก จานวน 9 ขอ้ และในระดบั มากทส่ี ดุ จานวน 1 ขอ้ ข้อเสนอแนะ (Recommendation) 1. ขอ้ เสนอแนะเพ่อื นาผลการวจิ ยั ไปใช้ จากการวจิ ยั ในครงั้ น้ีพบว่า การจดั การเรยี นรูโ้ ดยใช้เทคนิคจ๊ิกซอว์ตามทฤษฎีการจดั การเรยี นรู้แบบ รว่ มมอื มสี ว่ นช่วยใหผ้ เู้ รยี นใหค้ วามสนใจและสนุกกบั การเรยี น 2. ขอ้ เสนอแนะเพ่อื การวจิ ยั ครงั้ ต่อไป ผูส้ อนควรออกแบบส่อื และกจิ กรรมการเรยี นการสอนใหม้ ีความหลากหลาย หลากหลาย เช่น กจิ กรรม กลุม่ การโตว้ าที เพ่อื ดงึ ดดู ความสนใจแก่ผเู้ รยี นและเพ่อื ใหบ้ ทเรยี นมคี วามน่าสนใจมากขน้ึ เอกสารอ้างอิง (References) กมลวรรณ โพธบิ ณั ฑติ . (2543). การพฒั นากิจกรรมการเรยี นการสอนวิชาวิทยาศาสตรช์ นั้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 1โดยใช้รปู แบบการเรียนการสอนแบบรว่ มมอื กนั เรียนร.ู้ วทิ ยานิพนธศ์ กึ ษาศาสตรม์ หาบณั ฑติ (วทิ ยาศาสตรศ์ กึ ษา) ขอนแก่น : มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ . (สาเนา) ทวชี ยั กลบี บวั . (2555). การพฒั นาแบบฝึ กทกั ษะพฒั นาการอ่านภาษาองั กฤษเพ่อื ความเข้าใจ โดยใช้ วิธีการ เรยี นรแู้ บบรว่ มมือ เทคนิคจ๊ิกซอวส์ าหรบั นักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่5. [เวปไซต]์ . http://www.thaigoodview.com/node/164151. สบื คน้ เมอ่ื 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2561. นนั ทยิ า แสงสนิ . (2540). กลวิธีการสอนอ่านเพ่ือความเข้าใจภาษาองั กฤษในระดบั มธั ยมศึกษา. คณะ ศกึ ษาศาสตรม์ หาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่. ปราณปรยี า ทรงศร.ี (2560). การพฒั นาการจดั กิจกรรมการเรยี นรดู้ ้านการอ่านจบั ใจความภาษาองั กฤษ โดยใช้แบบกลมุ่ รว่ มมอื เทคนิคจิ๊กซอว์ (Jigsaw) สาหรบั นักเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5. [เวป ไซต]์ .http://www.thaischool1.in.th/_files_school/40010552/workteacher/40010552_1_2018 0323-100212.pdf. สบื คน้ เมอ่ื 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2561. ผอ่ งฉวี มณีรตั นพนั ธุ.์ (2551). การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื . [เวปไซต]์ . ~ 12 ~
https://www.gotoknow.org/posts/201289. สบื คน้ เม่อื 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 พชิ ญส์ นิ ี ชมภคู า และยทุ ธศลิ ป์ ชมู ณ.ี 2552. การสรา้ งและพฒั นาแบบทดสอบ. [เวปไซต]์ . www.chaiwit.ac.th/pjcom/p2/create_test.PDF. สบื คน้ เมอ่ื 24 มถิ ุนายน 2561. พมิ พร พยุหะ. (2556). การใช้การอ่านแบบจิ๊กซอวเ์ พ่อื ส่งเสริมความสามารถในการอ่านการเขียนสรปุ ความภาษาองั กฤษ และทกั ษะทางสงั คมของนักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 4. [เวปไซต]์ . https://www.tci-thaijo.org/index.php/pikanasan/article/view/97375. สบื คน้ เม่อื 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2561. พรี ะพงษ์ เครอ่ื งสนุก. 2558. แบบทดสอบ. [เวปไซต]์ . https://www.gotoknow.org/posts/587302. สบื คน้ เม่อื 24 มถิ ุนายน 2561 เพชราวดี จงประดบั เกยี รต.ิ 2552. แบบทดสอบมีก่ีประเภท?. [เวปไซต]์ . http://petcharawadee1. blogspot.com/2009/07/13.html. สบื คน้ เม่อื 25 มถิ ุนายน 2561 มนชดิ า เรอื งรมย.์ 2556. การพฒั นาแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนตามหลกั สูตรแกนกลาง การศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 2. Veridian E-Journal โยษติ า วนิ นั ท.์ (2556). การจดั การเรียนรโู้ ดยใช้เทคนิคจ๊ิกซอวเ์ พอ่ื พฒั นาทกั ษะการอ่านจบั ใจความของ นักเรยี นชนั้ ประถมศึกษาปี ท่ี 3. [เวปไซต]์ http://cmuir.cmu.ac.th/handle/6653943832/26215. สบื คน้ เมอ่ื 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2561. รงั สมิ า วงษ์ตระกลู . (2553). การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื คอื อะไร. [เวปไซต]์ . https://www.gotoknow.org/posts/401180. สบื คน้ เม่อื 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2561. ศราวุฒิ เวยี งอนิ ทร์ และคณะ. (2557). การพฒั นาการอ่านภาษาองั กฤษเพอ่ื ความเข้าใจดว้ ยเนื้อหาตาม บริบทท้องถิ่นโดยใช้การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื เทคนิคจิ๊กซอวส์ าหรบั นักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 3.[เวปไซต]์ . https://gs.rmu.ac.th/grc2017/fullpaper/file/HS-P-25.pdf. สบื คน้ เมอ่ื 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2561. สมคดิ สรอ้ ยน้า. (2542). หลกั การสอน. อดุ รธานี : สถาบนั ราชภฏั อดุ รธานี. สรุ ชั น์ อนิ ทสงั ข.์ (2555). การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื (Cooperative or Collaborative Learning). [เวปไซต]์ . https://prapaipook.files.wordpress.com. สบื คน้ เมอ่ื 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2561. สวุ รรณีเวทไธสง. (2544) การพฒั นาความสามารถและแรงจงู ใจในการอ่านภาษาองั กฤษของนักเรียน ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 โดยใช้เอกสารจริง. สารนพิ นธ์ ศลิ ปกรรมศาสตรมหาบณั ฑติ บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ. วฒั นาพร ระงบั ทุกข.์ (2542). การจดั การเรียนการสอนที่เน้นผเู้ รยี นเป็นศนู ยก์ ลาง. กรุงเทพฯ : เลฟิ แอนด์ เลฟิ เพรส. Alaa Basheer Keshta. (2016) The Impact of Using Jigsaw Strategy on Improving Reading Comprehension and Communication Skills among Eleventh Graders in Rafah. [เวปไซต]์ . https://search.mandumah.com/Record/768887/Details, สบื คน้ เม่อื 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2561. Johnson and Johnson. (1994). An Overview Of Cooperative Learning. [เวปไซต]์ . ~ 13 ~
http://www.co-operation.org/what-is-cooperative-learning/, สบื คน้ เม่อื 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2561. Mahnaz Kazemi. (2012). The Effect of Jigsaw Technique on the Learners’ Reading Achievement: The Case of English as L2. [เวปไซต]์ . https://www.mjal.org/removedprofiles/2013/14.pdf, สบื คน้ เมอ่ื 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2561. Nur Hafizah Azmin. (2015) Effect of the Jigsaw-Based Cooperative Learning Method on Student Performance in the General Certificate of Education Advanced-Level Psychology: An Exploratory Brunei Case Study. [เวปไซต]์ . https://files.eric.ed.gov/fulltext/EJ1086691.pdf. สบื คน้ เมอ่ื 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2561. ~ 14 ~
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: